คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Vol.1 Ch.11 ปราบปรามเหล่าหายนะ
ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.11 ปราบปรามเหล่าหายนะ
หุบเขากว้างใหญ่ ยังคงแว่วเสียงอันตรายเช่นเดิม พวกเธอเดินมาได้ในเวลาสักพัก ตั้งแต่ยามเช้ามืดจนพลบบ่าย มันค่อนข้างเหนื่อยพอดู เมรินทร์มองสังเกตซ้ายขวาโดยคอยระวังตัวไว้ด้วย มันมีแต่ความเงียบอันน่าแปลกประหลาด
“ม มันไม่เห็นมีอะไรเล—” ทันใดที่เธอคิดว่านี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แสงสีขาวโป้ปด เหรี๋ยนซาน ชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหน้า พลันเอามือมาขวางไว้ ทำให้ต้องเงียบปากลง เหงื่อเย็นเธอไหล อะไรบางสิ่งกำลังอยู่เบื้องหน้า ภายใต้พุ่มไม้นั่น กองเลือดสีแดงกำลังไหลริน
เมรินทร์คอยอยู่ข้างหลัง ตามสัญญาณมือของเหรี๋ยนซาน แทบกลั้นหายใจเมื่อเห็นเขาเดินเข้าใกล้ ตึกตัก ตึกตัก เสียงหัวใจเต้นระรัว คอยลุ้นไม่ห่าง อันตรายถึงขนาดต้องเรียกคนจากโลกอื่นเข้ามาช่วย มันคืออะไรกันนะ ถ้าเหรี๋ยนซานรับมือไม่ไหวล่ะ เธอจะทำอย่างไรดี หนีหรือช่วยต่อสู้ ตัวเองแข็งแกร่งพอจะอยู่ในโลกแบบนี้คนเดียวโดยไม่มีคนคอยช่วยงั้นเหรอ
ขณะความคิดหวั่นวิตกพลั่งพรูน รู้ตัวอีกทีชายร่างยักษ์ก็เข้าใกล้เพียงย่างก้าว เท้าเดียวแล้ว มือข้างหนึ่งจับขวาน แทงไปที่หญ้า แหวกพุ่มไม้หนานั่นออก
“อ อี๋” กองซากเครื่องในสัตว์หลากหลายข้างหน้า ชวนอ้วกจนต้องเอามือปิดปาก ในเวลาเดียวกันกับโล่งอก เพียงแค่ศพเท่านั้นไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย
“ขอโทษนะคะ ดูเหมือนหนูจะพามาเสียเที่ยว” เมรินทร์กล่าวคอตก ผิดหวังกับตัวเองที่พามาเสียเที่ยวไม่ได้อะไร จากการคาดการณ์คงแค่สัตว์นักล่าตัวอื่นมากินทิ้งกินขว้างไว้กระมัง พลันที่กำลังชวนเหรี๋ยนซานกลับ เขากับยกมือขึ้น จุ๊ ปากเป็นนัยว่าต้องการให้เงียบ
บรรยากาศกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง ฝีเท้าใหญ่นั่นย่องเข้าใกล้บางสิ่ง เขาใช้ด้ามขวานปัดต้นไม้เถาวัลย์ เมรินทร์เบิกตา มันคือถ้ำ ปากทางเข้าของมันถูกปิดเอาไว้ด้วยรากไม้ต่างๆ อย่างมิดชิด ราวกับมีตัวอะไรบางสิ่งซ่อนตัวอยู่
“รอนี่” เหรี๋ยนซานลั่นวาจาดัง อารมณ์สื่อทางไม่อยากให้เธอเจอภัยอันตราย หมายความว่าจะเข้าไปด้วยตัวเองโดยทิ้งเธอไว้ตรงนี้อย่างนั้นเหรอ
“ช่วยรอก่อนค่ะ!” เมรินทร์พูดห้าม ทันทีที่เขากำลังเดินลับหาย “อย่างน้อยให้หนูไปด้วยเถอะค่ะ” เธอก้มขอร้องอย่างเอาเป็นเอาตาย สิ่งที่กลัวที่สุดไม่ใช่ความตาย แต่เป็นการที่ไม่รู้ชะตากรรมของคนสำคัญต่างหาก
เหรี๋ยนซานจ้องอยู่สักพัก ก่อนเขาขยับหัวให้ตามไป เมรินทร์ยิ้มด้วยความดีใจ เดินตามหลังไม่ห่าง จะพยายามอย่างถึงที่สุดไม่ให้เป็นตัวถ่วง ทั้งสองร่างก้าวย่างกรายเข้าสู่ถ้ำที่มีกลิ่นไอแห่งความตายลึกขึ้น โดยมิอาจรู้ถึงชะตากรรมเบื้องหน้า
ตึ๋ง ตึ๋ง ที่นี่เงียบมาก มีเพียงเสียงหยดน้ำจากด้านนอก ดังก้องกังวาน แค่เลมหายใจของตัวเองยังรู้สึกว่าหนวกหูเลย ในที่แห่งนี้จะมีอะไรอย่างนั้นเหรอ
พลันสายตาของเหรี๋ยนซานหันควับมาทางนี้ เมรินทร์สูดอากาศลึกเต็มปอด เฮือก “ม มีอะไรอย่างนั้นเหรอคะ?” ถามด้วยความสงสัยปนวิตกกังวล โดยที่ให้น้ำหนักอย่างหลังมากกว่า
ด้ามขวานของเขาง้างขึ้นมาทางนี้ เธอหลับตาปรี๋กรีดร้อง เบือนหน้าหนีด้วยความหวาดกลัว “ก กรี๊ด” การกระทบกันของเหล็กกับบางสิ่งลั่นด้านหลัง ทว่าไม่ใช่การกระแทกกับพื้นหรือก้อนหิน คล้ายกันเสียงฟันขาดมากกว่า
ทันใดนั้นเมรินทร์หันหลังกลับ เหรี๋ยนซานยืนจังก้าตรงนั้น พร้อมขวานใหญ่ปักลงบนศีรษะของบางสิ่งที่ขาดวิ่น มันมีสีดำและเลือดของมันก็เป็นสีดำ รูปร่างน่าขยะแขยงตัวเล็กกระจ้อยคล้ายเด็กหัวขาดนอนจมกองเลือด “ร หรือว่านั่นคือตัวอ่อนอสูรที่ว่า” น่าดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน
คำบอกเล่านั่นเป็นความจริง นึกไม่ถึงว่ามันจะน่ารังเกลียดแบบนี้ แสดงว่าการกำจัดมันคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว “แค่นี้ก็จบแล้วใช่ไหมคะ?” เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก เฮ้อ— มันกลับดูง่ายดายอย่างน่าประหลาด ถึงตอนแรกจะฟังแล้วทำตามยากก็เถอะ
เหรี๋ยนซานจับขวานของเขาขึ้น ตั้งท่าอยู่เบื้องหน้าของเมรินทร์ราวกับต้องการจะปกป้องจากบางสิ่ง อะไร อะไรกำลังจะเกิดขึ้น เธอหันซ้ายหันขวาด้วยความหวั่นวิตก ทำไมเขาถึงทำท่าทางระมัดระวังอย่างนั้น มันควรเสร็จสิ้นแล้วนี่
วินาทีที่คิดอย่างตื่นตระหนก เสียงแฮบแฮ่ น่าหวั่นดังขึ้นพร้อมเพียง “ม ไม่นะ” ตัวสีดำเมือกรูปร่างคล้ายเด็กเช่นตัวที่ตายเมื่อครู่โผล่ออกมาอีก ทว่ามันมีอีกนับสิ
เหรี๋ยนซานขมวดคิ้ว กระโจนอย่างบ้าระห่ำใส่ฝูงอสูรตรงหน้า “ธงซื๋อ(เคี้ยวพยัคฆ์)!!!” นามกระบวนท่าลั่นปาก ขวานของเขาแกว่งราวกับพายุบ้าละห่ำ ทันที่ปลายแหลมคมนั้นสัมผัสกับอสูรเด็กสีดำ ตัวของพวกมันก็ขาดสะบั้นราวกับก้อนเนื้อป่น เป็นท่วงท่าที่รุนแรงและรวดเร็วในเวลาเดียวกัน
เมรินทร์ยิ้มมุมปากเหงื่อตก ความเก่งกาจของเขาน่าทึ่งมาก การตวัดขวานเพียงครั้งเดียวอสูรนับสิบถึงกับสิ้นชีพอย่างน่าเอน็จอนาถ เหลือเพียงแค่ส่วนชิ้นเนื้อเล็กๆ ทว่าถึงกระนั้นพวกมันยังคงออกมาจากถ้ำอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่หมดไม่สิ้นจนน่าใจหาย พวกอสูรโง่เกินกว่าจะคิดเรื่องหนี
ระหว่างเธอคอยเอาใจช่วยไม่ห่าง ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่ตัวเองจะทำได้เลย การต่อสู้นี้มันเกินกว่าจะเข้าถึง ทันใดนั้น จากในมุมอับสายตาของเหรี๋ยนซาน ด้านหลังของเขาด้วยความคิดที่ว่าพวกมันจะออกมาเฉพาะด้านในของถ้ำ มีพวกมันตัวหนึ่งกำลังเข้าใกล้เขาโดยแยกเล็บมือยาวพร้อมลอบจู่โจม “ร ระวัง!” เมรินทร์ตะโกนแต่ดูเหมือนมันจะสายไปถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง
“เค่อ(วารี)!” หมัดเกลียวสายน้ำพวยพุ่ง ชนเข้ากับอสูรตัวนั้นจนกระเด็น ตึง!เหรี๋ยนซานช่วยปิดฉากมันขณะกำลังตั้งหลักยืนขึ้น เขาเหลือบมองมาทางนี้แว่บหนึ่ง ก่อนเข้าสู่การต่อสู้ต่อ
เมรินทร์หอบหายใจเหนื่อย อาการหวั่นวิตกมันแย่จริงๆ เพราะไม่ได้ออกกำลังกายด้วยล่ะนะ ถึงเป็นซะอย่างนี้ แต่อย่างน้อยก็ได้ช่วยเขาในการต่อสู้สักนิดก็ยังดี เธอมั่นใจว่าเหรี๋ยนซานจะบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยหากรับการโจมตีนั่น ทว่าการช่วยเหลือของเธออย่างน้อยมันก็ทำให้เขาเหนื่อยน้อยลง
เศษเลือดเนื้อของสัตว์อสูรยังคงถูกปั่นกระจายออก โดยเลือดสีดำเพียงหยดเดียวไม่แม้เปรอะเปื้อนใบหน้าของเหรี๋ยนซาน เป็นการต่อสู้อันสมบูรณ์แบบ ราวกับนี่คือการฆ่าเพียงฝ่ายเดียว สัตว์อสูรช่างน่าสงสารถึงเพียงนั้น
“โอ้โห นี่หมดแล้วเหรอ” เมรินทร์อ้าปากเหวอ หลังเสร็จสิ้นการต่อสู้เพียงไม่กี่นาที ศพกองพะเนินของอสูรสีดำกระจายอยู่เบื้องหน้า ขณะที่กำลังคิดว่ามันคงจบจริงๆ ซักที เหรี๋ยนซานก็เดินหันมองกลับมาทางนี้ก่อนเดินลึกเข้าไปในถ้ำ
“อ เอ๋ นี่มันยังไม่หมดเหรอ” อาจเพราะสัญชาตญาณของเหรี๋ยนซาน เขารับรู้ว่าอันตรายยังคงอยู่ด้านหน้า เมรินทร์รีบวิ่งตาม ที่ก็ถูกเขายกมือห้ามปรามว่า “ให้หนูตามไปด้วยเถอะค่ะ ไหนๆ ก็มาถึงตรงนี้แล้ง”
คำตอบที่นึกว่าจะได้รับกลับมาคือใช่ ทว่าเหรี๋ยนซานกลับส่ายหน้า สื่อถึงอันตรายที่มากเกินไป “ได้โปรดเถอะค่ะ”
เหรี๋ยนซานยังคงหลับตาและยืนอยู่ตรงนั้น หากเธอยังยืนกรานที่จะไปด้วยดูเหมือนเขาไม่มีทางยอมขยับเด็ดขาด จนเวลาผ่านมานานสองนานเมรินทร์ก็ถอดใจยอมแพ้ บรรยากาศเงียบลง น้ำตาคลอเบ้า
“ต้องกลับมานะคะคุณเหรี๋ยนซาน” พูดพลางหยดน้ำตาไหลริน ทำไมกันนะ ความรู้สึกประหลาดราวกับเดจาวูเหมือนเคยเกิดเหตุการณ์คล้ายกันมาก่อน ทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ถึงทำให้รู้สึกไม่ดีอย่างนี้ เขาต้องกลับมาแน่ก็แข็งแกร่งถึงขนาดนั้นนี่นา
เหรี๋ยนซานพยักหน้ารับอย่างแน่วแน่ พลางมองดูเมรินทร์เดินกลับไปยังปากทางเข้า เขาถึงเดินตรงเข้ายังส่วนลึกของถ้ำ เสียงฝีเท้าใหญ่หายเงียบลง ทิ้งไว้เพียงเมรินทร์ที่นั่งกอดเข่าอยู่หน้าปากทางเข้าถ้ำอย่างเหงาหงอย
เธอพลันนึกถึงเรื่องต่างๆ วันแรกที่โดนทอดทิ้งจากบุคคลที่บอกว่าเชื่อใจได้ทั้งสี่ หนำซ้ำยังเกือบโดนกระทำชำเรา โชคดีที่ได้เหรี๋ยนซานมาช่วยไว้ พวกนั้นพูดว่าอะไรเกี่ยวกับเขานะ ถ้าจำไม่ผิดเขาโดนเรียกว่าโจรภูเขาอย่างนั้นเหรอ ช่างน่าตลก คนที่จิตใจดีเช่นนี้จะมาเป็นโจรได้ยังไง คงมีหลายสิ่งที่บีบบังคับให้เขาทำเรื่องต่างๆ ไม่ก็ถูกใส่ร้าย จากที่ฟังและประติประต่อ อาจเป็นแม่ของเขาเองก็ได้ ทำไมโลกนี้มันต้องกระทำอย่างโหดร้ายกับผู้คนที่มีใจสูงส่งแบบเขากัน ทั้งหมดกลับตาลปัตรจากที่เธอเคยรู้มาอย่างสิ้นดีเลย
เมรินทร์จ้องมองที่พื้น หยดน้ำตกลงพื้น แปะ แปะ ฝนงั้นเหรอ ไม่สิ มันคือน้ำตาของฉันเองต่างหาก เรากำลังร้องไห้อยู่ ร่ำไห้ให้กับชะตากรรมที่อาจเกิดขึ้น
แซ่ก แซ่ก เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา อะไรบางอย่างในหัวทำให้ไม่อยากเงยหน้าขึ้นเลย แต่ก็สะบัดความคิดทิ้ง ไร้สาระจังเลยนะตัวเรา พลางค่อยๆ ขยับหน้าขึ้นอย่างช้าๆ มองลอดผ่านทีละเล็กน้อยจากเบื้องล่างสู่ข้างบน
เลือดอสูรสีดำ แตะพื้น เป็นรูปรอยเท้า กำลังย่างกายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เตาะแตะ เตาะแตะ เสียงของเหลวเหยียบย่ำพื้น
“. . . . . . .คุณเหรี๋ยนซาน” ดวงตาเบิกโต ร่างยักษ์ของเหรี๋ยนซานปรากฏขึ้นตรงหน้า ด้ามขวานของเขาเปรอะเปื้อนด้วยน้ำสีดำ แสดงถึงการต่อสู้อันดุเดือดที่ผ่านมา ด้านล่างรองเท้านั่น คือร่องรอยเหยียบย่ำของมวลน้ำอันมหาศาลที่คาดว่าน้ำจะเกิดจากกองเลือดของสัตว์อสูร เขากำจัดมันได้เยอะจนเหยียบแต่ละก้าวเป็นรอยเปียกรูปรองเท้าออกมาจากถ้ำเลย
เธอดีใจจนออกนอกหน้า รอยยิ้มกว้างหุบไม่อยู่ โผลเข้ากอดชายร่างยักษ์ราวกับเด็กน้อย “ข ขอบคุณ ขอบคุณที่คุณกลับมาอย่างปลอดภัย” ไม่เคยตื่นเต้นดีใจและโล่งอกอะไรขนาดนี้มาก่อน ความรู้สึกนี้เป็นความรู้ดีที่สุดในชีวิตเลย
เหรี๋ยนซานเกาคาง แกรก แกรก เขาเองก็ทำอะไรไม่ถูกกับอาการของเมรินทร์ เพียงยิ้มรับและให้มันเป็นไปเพียงเท่านั้น
“พวกเรากลับบ้านกันเถอะ” เป็นเธอเองที่จูงมือเขาราวกับเป็นพ่อคนที่สอง “นี่นี่ หนูมีมื้ออาหารแนะนำด้วยล่ะขากลับเราแวะไปเก็บข้าวป่าที่ขึ้นตรงนู้นกันเถอะ” ชี้นิ้วราวกับเด็กตัวน้อยๆ ไม่สมอายุ “รับรองว่ามันต้องถูกปากคุณแน่”
เหรี๋ยนซานยิ้มอ่อน เขาหันจ้องสลับกับถ้ำอย่างลังเล เมรินทร์พอเข้าใจที่จะสื่อถึง “หนูเองก็ว่ามันยังไม่จบ” ถ้าบอกว่าสิ่งนี้จบลงแล้ว มันจะเป็นการตายใจไป “แต่วันนี้มันจะค่ำแล้วไว้พรุ่งนี้เรามาใหม่กันเถอะค่ะ”
เหรี๋ยนซานพยักหน้ารับ ยิ้มให้ เขาเองก็มีความคิดแบบเดียวกัน ได้พักสักหน่อยคงดีไม่น้อย ทั้งสองค่อยๆ ย่างก้าวกลับด้วยทิศทางเดิม เมรินทร์ที่ในหัวต่างมีความคิดนาๆ ว่าจะทำอะไรเป็นมื้อเย็นดี ทำเอาหัวปั่นไปหมด แต่ช่างเถอะ ไม่ว่าจะทำอะไรมันก็คงอร่อยทั้งนั้นแหละตอนนี้
“โห่ อยู่นี้เอง ภารกิจของพวกเรา”
แววตาสี่คู่จับจ้องมองมาทางนี้ ใบหน้าหล่อเหลาอันคุ้นเคยปรากฏขึ้น เป็นพวกเขาที่เมรินทร์เห็นตอนมาโลกนี้วันแรก พวกเหล่าคนที่ไว้ใจได้
หลงสั่วพ่นลมหายใจพูดอย่างเย็นยะเยือก
ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.11 ปราบปรามเหล่าหายนะ จบ
ความคิดเห็น