ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #1 : Vol.1 Ch.1 ลูกโลก

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 67


    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.1 ลูกโลก

     

    ห้องเรียนยามเย็น ซึ่งมีเพียงนักเรียนหญิงสามคนกำลังยืนล้อมรอบเพื่อนสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโต๊ะ ทุกคนต่างทำใบหน้าเศร้าหมอง

     

    แผ่นเอกสารขาวดำอยู่บนมือ หัวข้อตัวโตๆ เขียนว่าลาออก

     

    “เมรินทร์ทำหน้าอย่างกับจะตายเลยนะ”

     

    ดวงตากลมโตสีดำจ้องมองมาตรงหน้า เธอเป็นคนที่มีผมเรือนยาวดำเข้มตรงสวย ตัดหน้าม้า และมีใบหน้าแข็งกร้าวเล็กน้อย ต่างกับเมริทร์ที่มีสีผมเรือนน้ำตาลปนดำ เจือจางด้วยใบหน้าอ่อนต่อโลก

     

    “ก็ไม่อยากลาออกนี่นาเฟรย์” เมรินทร์ถอนหายใจยาวเหยียด เฮ้อ—

     

    “ปัญหาทางบ้านของเธอย่ำแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” เพื่อนอีกคนด้านข้างที่ไม่ใช่เฟรย์เข้าทักท้วง เธอมีชื่อว่ามีนา ไว้ผมหยิกหยักโศกและอัธยาศัยดี

     

    “อืม หนักเลยล่ะ พ่อของฉันต้องเข้าไอซียูเร็วๆ นี้ ค่าใช้จ่ายก็แสนแพง ถ้าไม่ออกหางานทำมีหวังพวกเขาถอดเครื่องหายใจพ่อแน่” ความจริงอันโหดร้ายที่ว่าในทางการแพศย์ พ่อของเธอถูกตัดสินให้ตายแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าไม่หาเงินมาจ่ายค่านอนเตียงบนโรงพยาบาล พวกเขามีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ ถึงเห็นๆ อยู่ว่าภายนอกเขายังหายใจเป็นปกติก็เถอะ

     

    “ขอให้หายเร็วๆ นะ” เพื่อนคนที่สาม เหมียว ผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มและตัวเล็ก แตะบ่าเบา

     

    “มีอะไรอยู่ใต้โต๊ะเธอด้วย” เฟร์ยชี้ให้ดูถึงซองสีขาวบางอย่างใต้ชิ้นชักเก็บของ

     

    “อะไรอ่ะ จดหมายรักเหรอ สมัยนี้เนี่ยนะ ฮุฮุ” มีนาเอามือปิดปากกลั้นขำ กำท้องน้อย

     

    “ไม่ตลกนะ ขนลุกออก” เมรินทร์กอดอกตัวเอง ทำท่าสั่นขวัญผวา

     

    “ลองเปิดดูก็ไม่เสียหายนี่” เหมียวยุยง

     

    “ลองก็ได้” เมรินทร์ทำใจตะลุ้มตุ้มต่อม ค่อยๆ ฉีกซองจดหมายสีขาว

     

    [ถึงคุณเมรินทร์ ยินดีด้วยคุณได้รับสิทธิ์ให้เป็นผู้สร้างต่างโลก สามารถรับสินค้าของเราและของแถมตามที่อยู่ด้านล่าง]

     

    เมรินทร์อ่านเนื้อความในจดหมายพร้อมกับเพื่อนๆ ถึงกับต้องเอียงคอสามตลบ คนส่งต้องการอะไรกันแน่

     

    มีนาอ้าปากเหวอ “อะไรอ่ะ ต่างโลก? หมายความว่าไง?” 

     

    “ก็แค่เรื่องไร้สาระ” เฟรย์ขยับสายตาหนี

     

    “ดูแผนที่สิ ทางกลับบ้านพวกเราเลย แหยงเว่อ” เหมียวตกใจ สีหน้าซีดเซียว ไร้เลือด

     

    “อึ๋ย ไม่เอาด้วยหรอก” เมรินทร์สะดุ้งเฮือก ถอยหลังเก้าอี้ โยนจดหมายทิ้ง “ไม่กลับบ้านทางนั้นแล้ววันนี้”

     

    “ไอ้คนแบบไหนกันนะที่ส่งมา” เฟรย์หยิบจดหมายมาดูด้านหน้าด้านหลัง ไม่มีข้อความอื่น “ไปสั่งสอนมันไหม?”

     

    “เฟรย์เธอนี่ใจกล้าจังนะ” เหมียวหัวเราะ

     

    “ถ้าพวกผู้ชายมาเป็นกลุ่มจะทำยังไง?” เมรินทร์มองด้วยสายตาหวาดกลัว

     

    “แถวนั้นมันก็อยู่ในเมือง ไม่ต้องกลัวหรอก อีกอย่างคนที่ส่งอะไรแบบนี้” เฟรย์ดึงเสื้อเพื่อนของเธอขึ้น “ต้องไปสั่งสอนไอ้หมอนั่นให้หลาบจำหน่อย”

     

    “เฟรย์อย่าเลย” เมรินทร์พยายามห้ามปราม จับไหล่ไว้ เธอสู้แรงเดินต้านของเฟรย์ไม่ได้เลย

     

    เพื่อนอีกสองคนหัวเราะ เดินตามทั้งคู่ไม่ห่าง

     

    “ที่นี่เหรอ” เฟรย์มองดูซอกตรอกซอยแคบ ดูยังไงก็ไม่มีทางตั้งร้านค้าได้แน่

     

    “ไม่เอานะ เฟรย์พวกเรากลับกันเถอะ” เมรินทร์กล่าวเสียงสั่น

     

    “ไม่อัดมันซักหมัดคงนอนไม่หลับ เธอจะรอตรงนี้ก็ได้” เฟร์ยหันหลังกล่าว

     

    “ใช่ๆ ปล่อยให้เราจัดการทางนี้เอง ถ้ามีอะไรรีบตะโกนเรียกคนให้ทีนะ” มีนาทำหน้าอย่างสบายใจเฉิบบ่งบอกถึงความไร้กังวล

     

    “นี่ ขอไปด้วยสิ” เหมียวเองก็อยากตามไปเหมือนกัน

     

    “โธ่ ช่วยไม่ได้ ไปด้วยกันเถอะ” เพราะความไม่สบายใจที่เพื่อนๆ ไปกันหมด เธอจึงยอมตามไปด้วย โดยอยู่ตรงกลางกลุ่ม

     

    เฟรย์เดินนำหน้า ตรอกซอยน่าวังเวงก็จริงแต่นี่ยังสว่างอยู่ ไม่น่ากลัวอะไรมากนัก

     

    จนเดินมาสุดทางเดิน ออกถนนใหญ่ก็พบกับความว่างเปล่า “บอกแล้วไง มันแค่เรื่องไร้สา—

     เอ๊ะ

     

    เฟร์ยมองด้วยความงุนงง

     

    “เมรินทร์หายไปไหน!?”

     

    เพื่อนทั้งสามต่างมองหน้ากัน

     

    “เมื่อกี้เธอยังอยู่ข้างหน้าฉันเลยนะ” มีนาเบิกตาโพลง ตกตะลึง

     

    “เธอก็อยู่ข้างหน้าพวกเราสองคนไม่ใช่เหรอ? เมรินทร์ก็เกาะเฟรย์ไปติดๆ นิ แล้วจะหายไปได้ไง?” รอยยิ้มของเหมียวบนใบหน้าจางลง ความตึงเครียดเข้าปกคลุม

     

    ครืดดดด— ครืดดดดดด— ครืดดดดดดดดดด—

     

    “….….ทุกคนหายไปไหน” ส่วนทางด้านเมรินทร์ขณะกำลังเดินอยู่ ทุกคนก็หายไป ราวกับเพียงแค่เสี้ยววิ ทิวทัศน์สว่างพลันแปรเปลี่ยนเป็นความมืดสลัว ก่อเกิดความกลัวจับหัวใจ เดินย่องเบาๆ หวาดระแวง

     

    “น่ากลัว” เมรินทร์ปากสั่นผวา บรรยากาศมีม่านหมอกสีดำอยู่รอบด้าน แค่เสียงย่ำเท้าของตัวเองก็ทำเอาสะดุ้ง หัวใจสั่นระรัว อะดีนนาลีนหลั่งสุดขีด

     

    เธอลองหยิบโทรศัพธ์ขึ้นมาดูปรากฏว่าไม่มีสัญญาณ

     

    “ร้านค้า?” เพียงเดินมาสักพักก็พบกับร้านแห่งหนึ่งด้านซ้าย เป็นร้านเก่าแก่ที่ทำจากไม้ มีป้ายชื่อร้านตัวโต [ร้านค้าผู้สร้างต่างโลก] ไม่น่าเชื่อมันมีจริงๆ ด้วย ทั้งที่มันแค่ตรอกซอยแคบๆ แท้ๆ

     

    ถึงมันจะน่าสงสัยเพียงใด เธอก็ไม่กล้าเดินหน้าต่อ ทางข้างหน้ามันมืดไปหมด ขอความช่วยเหลือจากคนข้างในดีกว่า

     

    “ขอโทษนะคะ” เมรินทร์เคาะประตูเรียกสามครั้ง ไม่มีใครตอบ เธอกลัวจนไม่กล้าอยู่ตรงนี้ต่อ จึงถือวิสาสะ เปิดประตูเข้าไป มันไม่ได้ล็อค บานไม้เก่าส่งเสียง เอี๊ยดแอ๊ด— ราวกับจะพังทุกเมื่อ

     

     

     “ไม่มีใครอยู่เลยเหรอ?” เมรินท์หันซ้ายขวา ไร้เงาของผู้คน

     

    เธอค่อยๆ เดินเตาะแตะ อย่างกล้าๆ กลัวๆ เผื่อจะเจอใครบ้าง แต่ก็ไร้เงาของความเงียบ ข้างๆ มีแต่ชั้นวางสินค้าซึ่งขายอะไรก็ไม่รู้วางอยู่ จนมาหยุดอยู่ตรงเค้าเตอร์ไม้เก่าแก่ มีกล่องไม้วางปิดสนิทบนนั้น แผ่นกระดาษเขียนบางอย่างไว้ด้วย

     

    [ถึงคุณเมรินทร์นี่คือสินค้าของคุณ โปรดรับไปได้เลย]

     

    “เอาจริงเหรอเนี่ย” เมรินทร์ผงะ เมื่อเห็นชื่อของเธอแปะหราไว้

     

    “ถ้าไม่รับจะเป็นอะไรไหม” เธอหันมองซ้ายขวาควับๆ เนื่องจากยังระแวงอยู่ เลยลองสำรวจดูรอบๆ ก่อน 

     

    ข้างซ้ายมือนั่น มีกล่องลังบางอย่าง ป้ายระบุว่า [หยิบฟรี] แปะไว้หน้ากล่อง ข้างในกล่องใหญ่ยังมีกระดานไม้อันเล็กๆ วางกองกันอย่างระเกะระกะ

     

    “เพราะมันเป็นของฟรีเหรอ ถึงเอามาวางซ้อนกันมั่วๆ?” เมรินทร์ลองหยิบมันขึ้นมาดูอันหนึ่ง

     

    [ ประเภทสร้างโลก : พีเรียตจีนเก่าแก่-ไร้ความสงบ ]

     

    เมรินทร์เอียงคอสงสัย เป็นกรอบแผ่นป้ายไม้ที่สลักตัวอักษรไว้ ดูเหมือนว่าด้านหลังยังมีอะไรบางอย่างเขียนไว้อยู่

     

    [ ถังเกาจูฮ่องเต้ทรงสถาปนาราชวงศ์ถังขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เป็นยุครุ่งเรืองอย่างแท้จริง ทว่าเมื่อฮ้องเต้ทรงสิ้นพระชน แผ่นดินกลับเกิดความระส่ำระส่าย ความตึงเครียดปลุกคลุมทุกท้องที่ ศพกองเกลื่อนกลาดตามท้องถนน ผู้คนต่างอดอยากและพร้อมก่อเกิดการนองเลือดทุกเมื่อ ]

     

    ราวกลับสาราณุกรมทางประวัติศาสตร์ มันมีไว้สอนหนังสือเด็กหรือไง เมรินทร์ลองหยิบอันอื่นๆ มาดู

     

    [ ประเภทสร้างโลก : ยุคมืด ]

     

    [ หลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน ยุโรปตกสู่ความเสื่อมโทรมทางวัฒนธรรม อาณาจักรโดนชนป่าเถื่อนเข้าครอบครอง เลือดไหลนองทั่วผืนดิน ทั้งยังเกิดการละบาดของโรคกาฬฆ่าชีวิตไปกว่า 100 ล้านคน ]

     

    เมรินทร์ทำหน้าแหยงเล็กน้อย ในนี้ยกเอาแต่ความเลวร้ายทางประวัติศาสตร์มาทั้งนั้น พอลองหยิบมามากขึ้นก็ดูเหมือนจะมีประเภทอื่นด้วย

     

    [ ประเภทหายนะ : จอมมาร ] เมรินทร์กระพริบตาปริบ ไม่ใช่มีแค่ประวัติศาสตร์แต่ยังมีอย่างอื่นอีกด้วย เป็นอะไรที่ไม่เข้าสมัยกับความ พอลองพลิกดูข้างหลังก็พบกับคำอธิบาย

     

    [ ผู้สร้างมอนสเตอร์เพื่อรุกรานมนุษย์จำนวนมาก เขามีปราสาทและกองกำลังที่แข็งแกร่ง หากไม่ทำการกำจัดโลกจะถึงคราวศูนย์สิ้น ]

     

    ความไม่เข้ากันของคำอธิบายยิ่งทำให้มึนงง เธอลองหยิบอันต่อไปดูเรื่อยๆ

     

    [ ประเภทการป้องกันโลก : ระบบ EXP ]

     

    [ ชาวโลกจะได้รับระบบ EXP เมื่อทำการฆ่าภัยพิบัติจะได้รับสิ่งที่เรียกว่า EXP เมื่อ EXP ถึงจำนวนที่กำหนด เลเวลจะทำการเพิ่มระดับ และสามารถนำค่าเหล่านั้นมาแปลงเป็นความแข็งแกร่งได้ ทว่าการเพิ่มเลเวลด้วยการสังหารมีความเสี่ยงอันตรายสูง ชาวโลกอาจลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว โปรดระวัง ]

     

    เมรินทร์เอียงคอ เธอไม่ค่อยสัดทัดกับเกมแนวผจญภัยเท่าใด แต่ก็รู้ว่ามีอยู่ “แผ่นไม้พวกนี้มันจะบอกอะไรเนี่ย?”

     

    เธอขี้เกียจอ่านด้านหลังจึงมองผ่านๆ เรื่อย

     

    [ ประเภทการป้องกันโลก : พลังลมปราณ ก่อกำเนิด ]

     

    [ ประเภทการป้องกันโลก : ผู้วิเศษ-พ่อมด/แม่มด ]

     

    [ ประเภทสาเหตุการมายังต่างโลก : ถูกแทงตาย ]

     

    อ่านจนตาลายจึงละไปทางอื่น เหมือนว่าบนชั้นวางสินค้าจะขายแต่แผ่นไม้กระดานแบบเดียวกันจริงด้วย แต่มีป้ายติดราคาอยู่แทน ไม่ใช่คำว่าหยิบฟรี

     

    [ ราคา : 2 เหรียญทองแดง ]

     

    [ ประเภทการสร้างโลก : พีเรียตจีนยุครุ่งเรื่อง ]

     

    โดยด้านหลังเขียนว่า

     

    [ ราชวงศ์หมิงเข้าสู่ยุครุ่งเรือง จากการสถาปนาของจักรพรรดิหมิงไท่จู่ ผู้คนต่างร่ำรวย มีกินมีกินมีใช้ ไพร่ฟ้าหน้าใส มีความปลอดภัยทำการค้าขายกับต่างประเทศได้อย่างราบลื่น เป็นยุคแห่งความสงบ ]

     

    “ดูเหมือนว่าอะไรที่เสียเงิน มันจะมีความหมายที่ดีกว่าอ่ะนะ” เมรินทร์จับคาง มองแผ่นไม้ที่จัดระเบียบเรียงแถวกันเป็นหมวดหมู่มากกว่ากองที่เขียนว่าหยิบฟรี จากนั้นเธอก็เดินผ่านเรื่อยๆ

     

    [ ราคา 1 เหรียญทองแดง ]

     

    [ สาเหตุการมายังต่างโลก : กระพริบตา ]

     

    [ ราคา 5 เหรียญเงิน ]

     

    [ ประเภทการสร้างโลก : ยุค 80 อเมริกากลาง ]

     

    [ ราคา 1 เหรียญทองแดง ]

     

    [ ประเภทช่วยเหลือ : สาสน์จากพระเจ้า ]

     

    [ ราคา 5 เหรียญเงิน ]

     

    [ ประเภทเหตุการณ์ : ปลุกพลังแฝง ]

     

    [ ราคา 1 เหรียญทอง ]

     

    [ ประเภทการสร้างโลก : คนผนึกมาร ]

     

    “ฟิคชั่นก็ยังมี?” เมรินทร์หัวเราะแห้ง

     

    [ ราคา 100 เหรียญทอง ]

     

    “แพงเว่อร์” เมรินทร์อดสนใจแผ่นป้ายราคาแพงที่สุดในร้านไม่ได้

     

    [ ประเภทคนที่ถูกส่งไปยังโลก : การเดินทางของผู้หวนคืน ]

     

    [ ใช้งานโดยการใส่ชิ้นส่วนร่างกายเช่นเส้นผมกับผู้ที่ต้องการส่งไปยังต่างโลก ความทรงจำเกี่ยวกับมิติจะไม่หายไป และไม่ได้รับผลกระทบของลูกโลกมิติ หากไม่เข้าสู่โลก การใช้งานแผ่นกระดานนี้จะไร้ผล ]

     

    “ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันแพงเพราะอะไร” เมรินทร์ส่ายหน้า

     

    “แล้วมันจ่ายเงินยังไงเนี้ย?” เธอไม่เห็นคนขายหรืออะไรเลย แม้แต่เก้าอี้ก็ยังไม่มี สงสัยว่าเขาคิดเงินกันแบบไหน แล้วเหรียญคืออะไร

     

    ไม่นานนักเธอก็ได้คำตอบบางส่วน

     

    [เชิญวางเงินไว้บนนี้] กล่องลังใบหนึ่งตั้งอยู่ใกล้ประตูคล้ายกับกล่องทิปบล็อก วางไว้โด่เด่กลางร้าน

     

    “เอาจริงสิ ใช้ระบบเชื่อใจเนี่ยนะ?” เมรินทร์เคยได้ยินว่าในประเทศที่สงบสุขสามารถใช้วิธีการแบบนี้ได้ คือให้ลูกค้าหยิบของแล้ววางเงินไว้ โดยไม่มีคนเฝ้า ไม่เชื่อว่ามีคนกล้าใช้ระบบนี้ที่นี่ด้วย

     

    เมรินทร์ก้มยอง มองดูคำอธิบายที่แปะไว้ใกล้ๆ

     

    [ 10 เหรียญทองแดง มีค่าเท่ากับ 1 เหรียญเงิน 1 และ 10 เหรียญเงินมีค่าเท่ากับ 1 เหรียญทอง ]

     

    [ คำเตือน! หากคุณไม่ยอมจ่ายเงินก่อนออกไป คุณจะกลับมาที่นี่ไม่ได้อีกเลย ]

     

    “น่ากลัวจริง ทั้งที่เข้ามาได้ยังไงก็ไม่รู้” เหมือนหลายคำตอบจะได้รับการคลายความสงสัย แต่ยังไงก็ไม่รู้อยู่ดี ว่าเงินนี่หามาจากไหน

     

    ด้วยระยะเวลาที่ผ่านมานาน ทำให้ความกล้าของเธอกลับมามากขึ้น

     

    “ลองกลับไปทางเดิมดีกว่า” เมรินทร์จับลูกบิดประตู ทว่าก่อนหน้านั้น เหลียวหันหลังกลับไปมองกล่องไม้ปิดสนิทนั่น

     

    “จะเสียมารยาทไหมนะถ้าไม่เอาไป” เธอคิดอยู่นาน จนตัดใจว่าลองเอามันกลับไปดูก่อน ไหนๆ เขาก็อุตส่าห์วางไว้ให้แล้ว เธอใช้สองมือยกมันขึ้นมา หนักเอาเรื่อง

     

    “หมอกยังไม่หายอีกเหรอ?” เมรินทร์หรี่ตา

     

    “ช่วยไม่ได้ ถ้านานกว่านี้มันจะมืดแล้ว” ในที่สุดก็พยายามวิ่งฟ่าม่าหมอกสีดำ

     

    เธอหลับตาปรี่ พุ่งผ่านอย่างรวดเร็ว จากเงาทมิฬก็เปลี่ยนกลับมาสดใส ภาพถนนใหญ่และผู้คนเดินสวนไปมาปรากฏตรงหน้า

     

    “แฮก แฮก คิดว่าจะตายซะแล้ว” เมรินทร์หอบเหนื่อย วางกล่องไม้ลง

     

    ติ๊ด— ติ๊ด— เสียงข้อความบนมือถือเข้าระรัว เป็นเฟรย์คนเดียวกว่าร้อยสายที่โทรมา ส่วนน้อยที่เหลือก็เป็นข้อความของเพื่อนคนอื่น

     

    “ฮัลโหล” เมรินทร์ยกหูโทรศัพธิ์ขึ้น

     

    “หายไปไหนมา!? รู้ไหมทุกคนเขาตามหากันหมด จนเกือบจะแจ้งความแล้ว!” เสียงตวาดของเฟรย์ดังลั่นผ่านหู เมรินทร์แทบเบี่ยงหนีไม่ทัน

     

    “ขอโทษ คือว่าจู่ๆ ทุกคนก็หายไป......”

     

    “ว่าไงนะ!?”

     

    “คือว่าเรื่องมัน...........” เมรินทร์พยายามอธิบายเรื่องการหายไปอย่างเต็มที่ พร้อมบอกเกี่ยวกับเรื่องร้านค้าในตรอก

     

    “ไม่มีทาง เราสามคนเดินวนตรงนั้นหลายรอบแล้วมันไม่มีร้านค้าอะไรนั่นเลย อย่ามากุเรื่อง!”

     

    สุดท้ายก็ไม่มีใครเชื่อเธอ และตกลงกันว่าพรุ่งนี้ค่อยคุยกันที่โรงเรียนให้เป็นเรื่องเป็นราวกว่าที่พูดกันอยู่

     

    “ยัยเฟรย์เล่นเราซะหนักเลยนะ” มันเป็นความจริงแท้ๆ ทำไมถึงหาว่าแต่งเรื่องกัน

     

    ตอนนี้เธอกลับมาถึงห้อง และวางกล่องไม้ปริศนาไว้บนโต๊ะด้วยอารมณ์หงุดหงิด

     

    เมรินทร์ค่อยๆ แกะออกด้วยการเปิดล็อคจากข้างบน แล้วมันก็คลี่ออกเป็นแผ่น เผยสิ่งที่อยู่ด้านใน

     

    “ลูกโลก?” เมรินทร์มองโมเดลลูกโลกทรงกลมด้วยความสงสัย มันเหมือนกับลูกโลกทั่วๆ ไป แต่ตรงขาตั้งนั้นมีหน้าปัดต่างๆ แล้วยังดูเหมือนมีกล่องเล็กหนึ่งใบ กับนาฬิกาทรายวางไว้ด้วย มีกระดาษแผ่นหนึ่ง เธอกางมันออกเพื่ออ่าน

     

    สิ่งนี้คือวิธีใช้งานลูกโลกมิติ

    • คุณสามารถปรับเฟสได้ที่การหมุนหน้าปัด ต้องทำตามขั้นตอนให้ถูกต้องจึงจะปรับเฟสได้
    • เฟสการเดินทาง เริ่มต้นที่ 0 

    - เฟส 1 การสร้างโลก

    • สร้างโลก เลือกแผ่นกระดานไม้ประเภทสร้างโลกตามที่คุณต้องการ โลกมิติจะเลือกโลกคู่ขนานที่ใกล้เคียงกับประเภทแผ่นกระดานไม้มากที่สุด หากใส่แผ่นกระดานไม้ชนิดเดียวกันมากกว่า 1 จะเป็นการเน้นประเภทของแผ่นกระดานนั้นๆ ยิ่งใส่เยอะ และหลากหลายเท่าไหร่ยิ่งสามารารถกำหนดความเฉพาะเจาะจงแม่นยำขึ้น ]
    • หากไม่มีกระดานแผ่นไม้กำหนดแผนที่ โลกจะถูกสุ่มภูมิประเทศ ]

    - เฟส 2 หายนะและการป้องกันของโลก

    • ใส่แผ่นกระดานประเภทความหายนะอย่างน้อย 1 อย่าง
    • ใส่แผ่นกระดานระดับความหายนะ
    • ใส่แผ่นกระดานประเภทการป้องกันของโลกอย่างน้อย 1 อย่าง
    • ใส่แผ่นกระดานระดับการป้องกันของโลก
    • หากโบนัสรางวัลติดลบ คุณต้องใส่เหรียญเพิ่มเพื่อให้จำนวนเป็น 0

    - เฟส 3 ผู้คนจากต่างโลก

    • เลือกแผ่นกระดานไม้ประเภทคนที่ถูกส่งไปยังโลก
    • เลือกแผ่นกระดานไม้ประเภทสาเหตุการถูกส่งไปยังโลก

    - เฟส 4 สาส์นและพรจากผู้สร้างต่างโลก

    • สามารถเลือกกระดานแผ่นไม้ประเภทความช่วยเหลือหรือไม่ก็ได้
    • ผู้เข้าสู่โลกจะเริ่มต้นที่ระดับต่ำสุดเสมอ

    - เฟส 5 การเดินทาง

    • หากต้องการยกเลิกการสร้างโลกให้หมุนกลับไปที่เฟส 0 แต่จะไม่ได้รับแผ่นไม้กระดานคืน
    • หมุนนาฬิกาทรายกาลเวลา เมื่อเม็ดทรายเม็ดแรกล่วงหล่น จะไม่สามารถยกเลิกการสร้างโลกได้อีก และโลกมิติจะจบลงภายใน 3 ชั่วโมงไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
    • ในเฟสนี้ มีเวลา 10 นาทีในการเข้าสู่โลก หากไม่มีใครเข้าสู่ลูกโลกมิติ โลกมิติจะยังดำเนินต่อ แต่จะไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ และสามารถรับเหรียญได้ปกติหากคนในโลกสามารถจัดการหายนะสำเร็จ
    • เมื่อนาฬิกาทรายกาลเวลาเลยผ่าน 1 ใน 10 คุณสามารถใส่กระดานไม้เหตุการณ์ในช่วงนี้  และปรับเร่งความเร็วหรือย้อนเวลาในห้วงมิติบนหน้าปัด
    • เมื่อเฟส 5 จบลง เฟสจะกลับไปเริ่มต้นที่ 0

     

     

    “อะไรกันเล่า~ ที่แท้ก็บอร์ดเกมนี่เอง ตกใจหมด” เมรินทร์ยิ้มอย่างสบายอารมณ์

     

    บอร์ดเกมคือเกมกระดานประเภทหนึ่ง แต่ละเกมของบอร์ดเกมจะถูกกำหนดด้วยกฎและคุณลักษณะเฉพาะ เกมหนึ่งๆ อาจมีหลายผู้เล่นหลายคนหรือเล่นคนเดียวก็ได้แล้วแต่การกำหนดเรื่องราวของเกม หากมีหลายคนมักใช้สิธีผลัดกันเดินเกมแต่ละตา ส่วนใหญ่แล้วบอร์ดเกมมักเป็นแนวผจญภัยแฟนตาซี หรือเกมเศรษฐีเองก็นับว่าเป็นบอร์ดเกมเช่นกัน

     

    เธอเป็นคนชอบเล่นพวกบอร์ดเกมเป็นอย่างมาก และดูเหมือนบอร์ดเกมอันนี้จะสามารถเล่นคนเดียวได้เสียด้วย

     

    “บอร์ดเกม~ บอร์ดเกม~” เมรินทร์ส่ายหัวไปมาอย่างร่างเริง เธออยากลองทดสอบมันดูก่อนจึงปล่อยกฎใบอื่นๆ ทิ้งไว้บนโต๊ะ

     

    “เฟส 1 ปรับตรงนี้ใช้ไหมเนี่ย?” เธอสังเกตหน้าปัดที่สามารถบิดหมุนได้ ตอนนี้เข็มมันชี้อยู่ที่เลข 0 เธอจึงหมุนให้อยู่ที่ เลข 1

     

    “มันไม่ขยับแฮะ” เพราะความอยากทดลองจึงหมุนเป็นเลข 2 แต่สิ่งนี้ก็ไม่เกิดขึ้น

     

    “อืม.... เลือกแผ่นกระดานไม้ประเภทสร้างโลกใช่ไหม?” เธออ่านทวนกฎ กับควานหาในกล่อง มันเป็นสิ่งที่แถมมา

     

    เธอหยิบกระดานไม้อันหนึ่งขึ้นมา อ่านหน้า-หลังดู

     

    [ ประเภทสร้างโลก : จีนโบราณ-ยุคไร้อารยะ ]

     

    [ เนื่องด้วยการก่อตัวอันเป็นก๊กเหล่ากว่าร้อยหัวเมือง จึงยังไม่มีจักรวรรดิหรือราชวงศ์ถือกำเนิดขึ้น แต่ละหัวเมืองต่างปกครองกันเอง ไร้อำนาจรวมศูนย์ ]

     

    “เอาเป็นอันนี้ละกัน ว่าแต่มันใส่ยังไงล่ะเนี่ย” เมรินทร์หมุนลูกโลกไปมา แต่ก็ไม่เห็นช่องใส่ ทันใดนั้นมือข้างหนึ่งที่ถือแผ่นไม้กระดานบังเอิญแตะไปโดนลูกโลกโดยไม่ตั้งใจ แล้วมันก็ถูกดูดออกจากมือเมรินทร์

     

    “มันหายไปแล้ว ได้ไงเนี่ย?” เมรินทร์ยืนขึ้น ลองแตะๆ ลูกโลกดู ไม่มีกลไกอะไร จึงหันกลับมานั่งที่เดิม

     

    “ทำไงดี” เมรินทร์ลองหมุนปรับเฟสเล่นๆ แล้วมันก็ขยับไปที่เลข 2 แล้วมันก็เปลี่ยนเป็นเฟส 2 คราวนี้ถึงเธอจะใส่แผ่นกระดานไม้ประเภทสร้างโลกเท่าไหร่มันก็ไม่เกิดผล

     

    เมื่อท้อที่จะหาความจริงจึงเลื่อนอ่านหน้าเฟสที่สอง สร้างหายนะและการป้องกันโลก เธอไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่ก็พยายามเลือกอันที่มันเข้ากัน

     

    [ ประเภทหายนะ : จ้าวอสูรกินคน ]

     

    [อสูรกินคน เมื่อพวกมันกัดกินวิญญาณจะสามารถนำพลังหรืออวัยวะของผู้ถูกกลืนมาเป็นส่วนหนึ่งของตนได้ แม้ตอนแรกจะอ่อนแอยิ่งกว่าหายนะใด ทว่าความร้ายกาจอย่างถึงที่สุดคือหากปล่อยให้ยืดเยื้อและหายนะนี้กลืนกินประชากรโลกมากเท่าไหร่ มันยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น]

     

    [ ประเภทระดับหายนะ : 1 ]

     

    [ ประเภทการป้องกันโลก : พลังลมปราณ ก่อกำเนิดธาตุ ]

     

    [ ผู้ใช้ลมปราณธาตุทั้ง 5 มีความแข็งแกร่งของแต่ละธาตุอันเป็นเอกลักษณ์ ]

     

    [ ประเภทระดับป้องกันโลก : 1 ]

     

    เมรินทร์หยิบกระดานไม้ที่แถมให้ในกล่องใส่เข้าไป แล้วก็หมุนหน้าปัดไปที่เฟส 3

     

    ลูกโลกเรืองแสงสีทองเข้ม ก่อนจางหายกลายเป็นสีพื้นดินเรืองแสงสว่างราวกับโลกดวงเล็กลอยอยู่บนนี้ ทั้งผืนน้ำทะเลยังมีคลื่นซัดและก้อนเมฆต่างเคลื่อนไหวไปมา

     

    “เป็นไปได้ไง? ไม่ได้เสียบปลั๊กหรืออะไรซักหน่อย” เมรินทร์ยังคงตกตะลึง เธอลองจับไปที่ลูกโลก และมันก็ขยับเหมือนแผนที่กูเกิ้ล

     

    “สุดยอดเลย มีเมืองด้วย” เมรินทร์ลองใช้มือกระจายออก ลูกโลกก็ซูมภาพระยะใกล้ขึ้น เธอขยับซ้ายขวา มีผู้คนกำลังดำเนินชีวิตอยู่ ทั้งหมดเต็มไปด้วยบ้านเมืองสไตล์ยุคจีนโบราณ แต่ดูเหมือนภาพมันจะเล่นซ้ำไปใส

     

    “บอร์ดเกมอันนี้คงมีแบตเตอรรี่มั้ง” เธอพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง ก่อนอ่านกติกา เฟส 3

     

    [ เลือกแผ่นกระดานไม้ประเภทคนที่ถูกส่งไปยังโลก ]

    [ เลือกแผ่นกระดานไม้ประเภทสาเหตุการถูกส่งไปยังโลก ]

     

    เมรินทร์หยิบแผ่นกระดานไม้ประเภทคนที่ถูกส่งไปยังโลกขึ้นมาอันหนึ่ง มันมีชนิดเดียวที่แถมมาให้

     

    [ ประเภทคนที่ถูกส่งไปยังโลก : ผู้พลัดพลาดจากโลกเก่า ]

     

    [ ผู้โชคร้ายซึ่งถูกพรากจากที่อยู่อาศัยเดิม พวกเขามีภาระกิจอันยิ่งใหญ่คือกำจัดหายนะที่ต้องทำให้สำเร็จ มิเช่นนั้นแล้วพวกเขาจะไม่สามารถกลับไปยังโลกเก่าได้ วิธีการใช้งานแผ่นกระดานนี้คือนำเศษชิ้นส่วนของร่างกายเป้าหมายเช่นเส้นผม มาผูกติดกับแผ่นป้ายไว้ หากเป้าหมายไม่เข้าสู่โลก ตัวตนบนโลกจะเป็นเพียงตัวตนภาพสะท้อนของบุคคลนั้น และถูกสุ่มระดับพลัง โดยความทรงจำเกี่ยวกับลูกโลกมิติทั้งหมดจะถูกลบออก แทนที่ด้วยความทรงจำอื่นที่สมเหตุสมผล การรับรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับลูกโลกมิติจะถูกห้ามไว้ ]

     

    “เอ๋? เส้นผม? จำเป็นด้วยเหรอ?” เมรินทร์ทำสีหน้าเหยเก แต่ก็อยากรู้จึงเอาเส้นผมของตัวเองบนหวีมามัดติดกับแผ่นป้ายไว้

     

    “แบบนี้?” แผ่นไม้ถูกดูดเข้าไป เธอหยิบแผ่นอื่นๆ มา ดูเหมือนว่าประเภทนี้จะมีหลายตัวเลือก

     

    [ ประเภทสาเหตุการถูกส่งไปยังโลก : ถูกฆาตกรรมโดยการแทง ]

     

    [ ประเภทสาเหตุการถูกส่งไปยังโลก : กระพริบตา ]

     

    เมรินทร์มองอักอันที่ถูกวางทับ

     

    [ ประเภทสาเหตุการถูกส่งไปยังโลก : รถบรรทุก ]

     

    “อึ๋ย” เมริทร์บีบปาก แค่คิดก็สยองแล้ว แต่ละอันมีโหดๆ ทั้งนั้น เธอจึงเลือกอันที่ดูซอฟต์ที่สุด ถึงแม้จะมีแถมมาให้แค่ 2 อันก็ตาม และที่เหลือต้องเสียเงินซื้อ

     

    [ ประเภทสาเหตุการถูกส่งไปยังโลก : กระพริบตา ] จับหันหลังมองดูคำอธิบาย

     

    [ พวกเขาใช้ชีวิตประจำวันตามปรกติ เพียงแค่หลับตาลงเท่านั้น ก็อยู่บนโลกใหม่ที่แตกต่างจากเดิม ]

     

    เธอหมุนปรับไปที่เฟส 4 สาสน์และพรจากผู้สร้างต่างโลก เนื่องจากมันมีอันเดียวเธอจึงใส่มันเข้าไป

     

    “ใช้ยังไงล่ะเนี่ย?”

     

    [ ประเภทช่วยเหลือ : สาสน์จากผู้สร้างต่างโลก ]

     

    [ ผู้สร้างสามารถพูดคุยเริ่มต้นการสนทนากับผู้คนจากต่างโลกได้ โดยมีเวลาเพียง 5 นาที และมันเป็นข้อความล่วงหน้าจึงไม่สามารถตอบโต้ใดๆ กลับ ]

     

    เธอใส่มันลงไป ทันใดนั้นลูกโลกมิติก็เรืองแสงสีขาวขึ้นมา

     

    “เอ๊ะ เริ่มแล้วเหรอ!” เมรินทร์นั่งคิดอยู่นาน ทว่าก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี ดูเหมือนว่าบอร์ดเกมนี้มันจะเป็นแนวผจญภัยซะด้วยสิ ต้องทำให้สมบทบาทหน่อยแล้ว

     

    ปรกติเวลาเล่นเกมแบบนี้ในคาเฟ่ เธอมักสร้างบรรยากาศให้มันเร้าใจเข้าไว้ แต่ยังไงดีล่ะ มาคิดคำพูดโดยการนั่งคุยคนเดียวก็แปลกๆ ยิ่งหัวเสียกับเฟรย์ด้วยสิ ขอระบายหน่อยละกัน

     

    “การที่เธอมายังที่แห่งนี้มันเป็นความผิดพลาดของยัยเฟรย์” ถ้าเฟรย์ไม่ลากเธอมา ก็ไม่ต้องเจอกับเรื่องน่าปวดหัวอ่ะนะ

     

    “ไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรทั้งนั้นเลยนะเฟรย์” เล่นบุ่มบ่ามเดินหน้าไปคนเดียว ทำคนอื่นเดือดร้อนเลยเห็นไหม

     

    เมื่อคิดได้ว่าเริ่มนอกบทแล้ว จึงกลับมาเข้าเรื่อง “แล้วที่นี่ก็คือโลกอันโหดร้าย มีสัตว์ประหลาดที่สามารถฆ่าเธอได้ทุกเมื่อ” มันก็โลกของเกมอาร์พีจีแนวผจญภัยทั่วๆ ไป “ไปละ ขอให้โชคดีเอาตัวรอดให้ได้ล่ะ” ถ้าตัวละครไม่ตายซะก่อนละก็นะ(ฮา)

     

    เมรินทร์หมุนไปที่เฟส 5 เพื่อเดินหน้าต่อ เฟสของการเดินทาง

     

    “หมุนนาฬิกาทรายใช่ไหม?” เมรินทร์หมุนนาฬิกาทรายข้างโต๊ะ

     

    ด้วยความซนมือเธอจึงหมุนมันกลับขึ้นอีกครั้ง “เอ๋ เป็นไปได้ไง?” แม้นาฬิกาทรายจะตั้งฉากกับพื้นโลก แต่เม็ดทรายบนนาฬิกายังคงไหลขึ้นสู่อีกด้าน

     

    เธอที่ไม่รู้จะทำยังไงต่อก็หมุนมันกลับมาที่เดิม “ทำยังไงต่อล่ะทีนี้”

     

    เมรินทร์พยายามควานหากระดาษกติกาแผ่นอื่นๆ เพื่อดูว่ามันต้องเล่นยังไงต่อ ในขณะนั้นมือก็บังเอิญสัมผัสกับผิวของลูกโลกมิติ

     

    “ร่างกายมันเบาลง. . . . . .” เมรินทร์สลึมสลือเหมือนกำลังจะหลับ จนในที่สุดก็คงสติไม่อยู่ล้มลง

     

    ปั่ก!

     

    หัวกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะ ตกเก้าอี้นอนแนบกับพื้น เลือดไหลนองอาบทั่ว

     


     

    หัวค่ำ เมริทร์นั่งขีดเขียนการบ้านอันเป็นกิจวัตประจำวัน เพียงแค่หลับตาลง ลืมตาขึ้นมาอีกที เธอกลับโผล่มายังสถานที่อันลึกลับ สีขาวโพลน มีท้องฟ้าลอยทั่ว

     

    “ที่นี่ที่ไหนน่ะ?” เธอหันมองซ้ายขวาอย่างตกตะลึง ก็กำลังนั่งปั่นงานอยู่ไม่ใช่หรือ

     

    ทันใดนั้น พลันแสงสีขาววาบ โผ่ลมายังตรงกลาง เจ้านั่นเป็นตัวอะไร?

     

    “การที่เธอมายังที่แห่งนี้มันเป็นความผิดพลาดของ—”

     

    “ไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรทั้งนั้นเลยนะ—”

     

    “แล้วที่นี่ก็คือโลกอันโหดร้าย มีสัตว์ประหลาดที่สามารถฆ่าเธอได้ทุกเมื่อ”

     

    “ไปละ ขอให้โชคดีเอาตัวรอดให้ได้ล่ะ”

     

    ความบิดเบี้ยวปรากฏอย่างผิดรูปบนใบหน้าของเมรินทร์ สีหน้าซีดเซียว ไร้เลือด เหงื่อเย็นไหลซก นี่มันเรื่องบ้าอะไร เธอกำลังจะถูกพาไปที่ไหน

     

    “เดี๋ยวก่อน!” เพียงชั่วครู่เดียวก่อนทันพูดจบ แสงสีขาวนั้นมลายจางหาย ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า

     

    ภาพทิวทัศน์ตรงหน้าพลันเปลี่ยนแปลง เป็นป่า-ขุนเขา ใต้ฟ่าเท้ามีสัญลักษณ์ ห้าแฉก หวู่ต้า(ธาตุทั้งห้า) บนผืนดินสลักไว้

     

    และเบื้องหน้าเธอ มีตัวประหลาดยักษ์สี่ขาสีดำน้ำลายไหลเยิ้ม พลันมันรู้สึกถึงตัวตน ทั้งสองสบสายเข้าด้วยกัน มันส่งเสียงคำรามอย่างหิวโหย

     

     

    ในมุมมองผู้สร้างต่างโลก Vol.1 Ch.1 ลูกโลก จบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×