แชะ!
" ไหนดูซิสวยหรือเปล่า? "
มือหนายื่นกล้องถ่ายรูปส่งไปให้หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของประโยคเมื่อสักครู่ เธอรับมาพร้อมกับค่อยๆกดดูทีละรูปก่อนจะยิ้มกว้างด้วยความพอใจ
" เป็นไง? " เขากอดอกถาม
" ฝีมือดีนะเนี่ย ดีแล้วล่ะที่เปลี่ยนใจมาเป็นช่างถ่ายรูปแทนการไปเรียนเป็นนักบินน่ะ ทำได้ดีกว่าอันนั้นเห็นๆ "
" รู้ได้ไงว่าทำดีกว่า ถ้าเขารับคนเคยตาบอดเข้าไปเรียน ฉันอาจจะทำได้ดีกว่านี้ก็ได้ " ชายหนุ่มพูดพร้อมกับไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจคำพูดของตนนัก
ต่างจากหญิงสาวที่ทำหน้าบึ้งเมื่อได้ยินประโยคแบบนั้น เธอฟาดมือลงไปบนไหล่แกร่งด้วยแรงที่ไม่เบานักจนได้รับสายตาขวางๆส่งกลับมา
" ผู้หญิงบ้าอะไรวะเอะอะก็ใช้ความรุนแรง "
" แล้วใครใช้ให้นายพูดแบบนั้นออกมาล่ะยะ ฮึ่ย! "
" ทำไม? เธอคิดว่าฉันพูดออกมาเพราะต้องการจะตอกย้ำปมด้อยของตัวเองหรอวิเวียน โนๆๆ บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าคิดแบบนั้น ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเคยอยากเป็นนักบิน "
" ทิศเหนือ "
" อะไร? "
" ..... "
" ..... "
" เฮ้อ! ช่างมันเถอะ ไปหามุมอื่นดีกว่า นายมาด้วยทั้งทีฉันคงมีรูปสวยๆไว้ลงอินสตาแกรมทั้งเดือนเลยมั้งเนี่ย "
ทิศเหนือวัยยี่สิบสามปีถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายให้กับท่าทางดี๊ด๊าเกินเหตุของลูกพี่ลูกน้องคนสวยอย่างวิเวียนลีที่มีอายุเท่ากัน เขาเดินตามเธอไปเรื่อยๆโดยไร้ซึ่งข้อโต้แย้ง ยกกล้องขึ้นมาถ่ายเมื่ออีกฝ่ายต้องการ
ค่ำคืนใจกลางมหานครนิวยอร์กที่ไม่เคยหลับใหลช่างเต็มไปด้วยผู้คนที่ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของพื้นที่หรือนักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติจากทั่วทุกมุมโลก
วุ่นวาย
น่าเบื่อ
และ... น่ารำคาญ
ถึงแม้จะอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลานับสิบปีมาแล้ว เขาก็ไม่เคยรู้สึกดีหรือว่าชอบมันเลยสักนิด
บางที... ความรู้สึกของคนที่ชื่อทิศเหนืออาจจะหล่นทิ้งอยู่ที่ที่จากมา
แม่บอกว่าเขาเคยอาศัยอยู่ที่เชียงใหม่ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยที่อยู่ทางภาคเหนือ ใช่! เคยอยู่ที่นั่น แต่ชายหนุ่มกลับจำอะไรที่เกี่ยวกับจังหวัดบ้านเกิดของตนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
อาจเป็นเพราะอุบัติเหตุร้ายแรงเมื่อสิบกว่าปีก่อนถึงได้ทำให้ความทรงจำส่วนนั้นเลือนหายไป
หลังฟื้นขึ้นมาจากอุบัติเหตุเด็กหนุ่มในตอนนั้นก็พบว่าสมองของตนขาวโพลนเพราะไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ แถมภาพตรงหน้ายังเป็นสีดำมืดสนิทมองไม่เห็นอะไร
การตาบอดแถมยังความจำเสื่อมมันช่างเป็นความเลวร้ายอย่างมากถึงมากที่สุดในชีวิตสำหรับช่วงอายุเพียงเท่านั้น มันทั้งสับสน ทั้งกลัว สารพัดความรู้สึกดำดิ่งตีรวนไปหมด
แต่มือทั้งสองข้างที่ถูกกอบกุมจากผู้เป็นพ่อและแม่ทำให้อาการตื่นตระหนกของเด็กน้อยค่อยๆหายไป ไม่กี่นาทีให้หลังเขาก็ได้รู้ว่าทิศเหนือคือชื่อของตัวเอง
เด็กชายจมอยู่กับความมืดนั้นอยู่เกือบสองปีเต็ม จนกระทั่งในวันคริสต์มาสของปีที่สองหลังตาบอด เขาก็ได้รับของขวัญที่ยิ่งใหญ่และล้ำค่าที่สุดในชีวิต ซึ่งก็คือการได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง
ถึงแม้ความทรงจำจะกลับมาเพียงยี่สิบเปอร์เซนต์ แต่ทิศเหนือก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่าและมากพอแล้ว
ปัจจุบันความจำของเขากลับมาถึงแปดสิบเปอร์เซนต์ ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงจนทุกคนค่อนข้างรู้สึกพอใจ กลับกัน... ทิศเหนือที่เคยพอใจกับตัวเลขแค่ยี่สิบเปอร์เซนต์กลับไม่เป็นแบบนั้น
ยิ่งทุกอย่างกลับคืนมามากเท่าไหร่ ตะกอนในใจก็ถูกกวนจนขุ่นมากเท่านั้น เขามักจะฝันถึงใครบางคนที่แสนเลือนราง ใครบางคนที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิง
ชายหนุ่มมักจะถามถึงคนคนนี้กับมารดาอยู่เสมอ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามันคือรอยยิ้มและคำตอบเดิมๆ
' คงคิดไปเองล่ะมั้ง ที่เชียงใหม่น่ะ... เหนือไม่มีเพื่อนเลยนะ '
ทิศเหนือรู้ว่าแม่ของเขาโกหก ตอนนั้นตัวเองก็เข้าโรงเรียนอยู่ตั้งชั้นป.สี่แล้ว จะไม่มีเพื่อนเลยได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้หรอก
เขาไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใครหรือว่ามีตัวตนอยู่จริงหรือเปล่า แต่สัญชาติญาณบางอย่างกลับบอกให้เชื่อว่าสิ่งที่ฝันถึงในทุกคืนเป็นส่วนที่เหลือของความทรงจำที่หายไป
" เหนือมุมนี้แสงน่าจะสวย "
ทิศเหนือหันไปตามเสียงเรียกของวิเวียนที่อยู่อีกฝั่งของถนนก่อนจะยกกล้องขึ้นเตรียมถ่ายภาพตามบัญชาของนายหญิงจอมบงการ
จู่ๆสายตาก็ไม่ได้โฟกัสอยู่ที่สาวเจ้าซึ่งเป็นโมเดลหลัก ชายหนุ่มองเลยไปยังใครบางคนด้านหลังที่ปรากฏอยู่ในเฟรมด้วย
หัวใจเต้นตึกตักอย่างไม่มีสาเหตุ กล้องในมือถูกปรับเลนส์ซูมไปจนเห็นคนคนนั้นได้ชัด แม้จะเป็นเพียงเสี้ยวหน้ายามเผลอ แต่ทิศเหนือก็กดถ่ายมันอย่างไม่นึกลังเล
วิเวียนโวยวายขึ้นเมื่อชายหนุ่มลดระดับกล้องลงแถมยังทำเหมือนกำลังมองหาใครบางคนอยู่อีกต่างหาก คนตัวสูงข้ามถนนไปฝั่งเดียวกันด้วยท่าทางรีบร้อนจนอีกคนแปลกใจ
" มองอะไร เจอคนรู้จักหรอ? " วิเวียนชะเง้อมองตามญาติสุดหล่อของตัวเอง
" ไม่รู้สิ เธอเดินเล่นแถวนี้ไปก่อนนะ เสร็จแล้วเดี๋ยวฉันโทรหา "
" อะ อ้าว จะไปไหนล่ะเหนือ ทิศเหนือ! "
เจ้าของความสูงร้อยแปดสิบหกเซนฯรีบเดินฝ่าฝูงชนเพื่อจะตามคนคนนั้นไปโดยไม่ได้สนใจเสียงของวิเวียนที่ตะโกนตามหลังขึ้นมาเลยสักนิด
ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างก่อตัวขึ้นในอก เขากวาดสายตามองหาผู้ชายเอเชียตัวเล็กเมื่อกี๊แต่ก็ต้องขมวดคิ้วแน่นเมื่อเจ้าตัวได้จมหายไปกับฝูงชนแล้ว
" บัดซบ! " คนตัวสูงสบถแต่ก็ยังไม่ละความพยายามโดยการก้าวต่อไป ภาพต่างๆเกิดขึ้นในหัวเต็มไปหมด แต่ก็ไม่สามารถโฟกัสหรืออธิบายรูปร่างได้
ทิศเหนือเดินมาจนทะลุถนนอีกฝั่งของไทม์สแควร์ เขาไม่รู้ว่าตัวเองมาถูกทางหรือเปล่า บางทีผู้ชายเอเชียคุ้นตาคนนั้นอาจจะไม่ได้มาตรงนี้ก็ได้
ปรี๊นนนน!
" Be careful!!! "
ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นคนที่กำลังตามหาด้วยความบังเอิญ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนตัวเล็กกำลังจะเดินข้ามถนนไปโดยมีรถคันหนึ่งกำลังวิ่งมาด้วยความเร็ว
ไม่รอช้าเขารีบตะโกนเรียกอีกฝ่ายพร้อมกับวิ่งไปดึงให้ขึ้นมาบนฟุตบาทอย่างแรงจนเกือบเซล้มทับกัน
คนตัวสูงหลับตาปี๋เพราะรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาอย่างกระทันหัน สถานการณ์เมื่อกี๊ทำให้ภาพบางอย่างเกิดขึ้นในหัว เป็นภาพที่ชัดเจนกว่าทุกๆครั้งที่ผ่านมา
คนคนหนึ่งกำลังจะข้ามถนนโดยไม่ได้ดูรถ ส่วนอีกคนที่เป็นเขาก็รีบวิ่งเข้าไปห้าม
ทำไมถึงเหมือนกันได้ขนาดนี้
มันคืออะไรกันแน่นะ
" ขอโทษ เอ้ย! Sor... " คนตัวเล็กเอ่ยขอโทษเป็นภาษาไทยอย่างลืมตัวก่อนจะรีบเปลี่ยนมาเป็นภาษาอังกฤษแล้วจู่ๆก็ชะงักไปเมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน
นับเป็นความบังเอิญที่เหมือนฟ้าตั้งใจ เพราะไม่ใช่แค่รู้สึกคุ้นเคย แต่คนตรงหน้ายังเป็นคนไทยเหมือนกันอีกต่างหาก
ทิศเหนือ...
หัวใจของผมเต้นตุบตับเหมือนจะทะลุออกมา สมองก็เหมือนถูกบีบรัดแน่นจนรู้สึกเจ็บ
ผมจ้องคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย คุ้นเคย ห่วงหา กระทั่งประหลาดใจ ยิ่งแววตาของที่เขามองมานั้นมันเหมือนกับว่าเราเคยรู้จักหรือเจอกันมาก่อน
" เป็นอะไรมากมั้ยครับ? " สุดท้ายก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็นเพื่อทำลายความเงียบที่อื้ออึงอยู่ในหู
" มะ ไม่เป็นไรครับ "
" เป็นนักท่องเที่ยวมาจากไทยหรอครับ "
" อ่า... ครับ "
ผมปล่อยตัวเขาให้เป็นอิสระก่อนจะก้าวถอยหลังมานิดหน่อยเป็นการเว้นระยะห่างเพื่อให้มองหน้าอีกฝ่ายได้ชัดขึ้น
" ผมชื่อเหนือ "
" ทิศเหนือสินะครับ... " เขานิ่งไปเหมือนพึ่งนึกได้ว่าพูดอะไรออกมา คนคนนี้รู้ชื่อจริงของผม ถ้าไม่คิดไปเอง นอกจากความบังเอิญก็แปลว่าเราอาจรู้จักกัน
หรือเปล่านะ
" ..... "
" อ่า... ผมฟ้า ชื่อฟ้าน่ะครับ "
" พอมีเวลาว่างสักหน่อยมั้ยครับ ผมคิดว่าผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ " เป็นอีกครั้งที่เขาจ้องหน้าผม คนตัวเล็กเม้มปากอย่างใช้ความคิดก่อนจะพูดออกมาในที่สุด
" ผมว่าคงไม่หรอก "
" ? "
" เราไม่เคยรู้จักกันสักหน่อย จะมามีเรื่องอยากคุยกับผมได้ยังไง " รอยยิ้มจางๆจองคนตัวเล็กทำให้หัวใจผมปวดหนึบเหมือนจะร้องไห้อย่างบอกไม่ถูก
" ถ้าไม่รู้จักกันแล้วคุณรู้ชื่อจริงของผมได้ยังไง? "
" ...ผมก็แค่เดา มีเพื่อนผมคนนึงชื่อเหนือเหมือนคุณนั่นแหละ แถมยังชื่อจริงว่าทิศเหนือเหมือนกันด้วย บังเอิญมากเลยแฮะ "
" งั้นหรอ ผมนึกว่าเราจะรู้จักกันซะอีก "
" อะไรของคุณเนี่ย ผมไม่รู้สึกคุ้นหน้าคุณเลยสักนิด อยู่ๆก็มาบอกรู้จักกันแถมมีเรื่องจะคุยด้วย ถือว่าเป็นมิจฉาชีพได้หรือเปล่านะ "
ฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก แต่กลับกัน พอมองเข้าไปนัยน์ตาของอีกฝ่าย มันช่างดูเหมือนไม่มีความสุขเอาซะเลย
ผมวาดรอยยิ้มจางๆส่งไปให้ ถ้าเขาบอกว่าไม่รู้จักก็คงไม่รู้จักจริงๆนั่นแหละ ทั้งหมดก็แค่คิดไปเองทั้งนั้น...
" งั้นก็ขอโทษด้วยครับ ผมคงคิดไปเอง "
" ไม่เป็นไร ไม่ ไม่ต้องขอโทษหรอก ผมต่างหากที่ต้องขอโทษแล้วก็ขอบคุณเรื่องเมื่อกี๊ด้วย "
" ผมเคยอยู่ประเทศไทยนะ แต่จำอะไรไม่ได้แล้ว ที่นั่นน่ะ... มีสถานที่สวยๆเยอะเลยใช่มั้ย "
คนตัวเล็กทำท่าจะเดินหนีไปแต่ประโยคของผมก็ทำให้เขาชะงักก่อนจะหันหลังกลับมา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำแบบนี้ทำไม
รู้แค่ว่า... อยากให้เขาอยู่ตรงหนี
ไม่อยากให้ไปไหน
" อาฮะ ให้ผมแนะนำไว้ล่วงหน้ามั้ยล่ะ เผื่อในอนาคตคุณอยากไป "
" ไม่รู้สิ! พ่อกับแม่ไม่ให้ผมกลับไทยมาเป็นสิบปีแล้ว พวกเขาจะเป็นฝ่ายบินมาหาแทน ผมไม่รู้ว่าถึงอยากไปแล้วจะได้ไปหรือเปล่า "
" ..... "
" รู้จักเชียงใหม่หรือเปล่า? ผมเกิดที่นั่น แต่ก็อย่างที่บอก ผมจำอะไรเกี่ยวกับประเทศไทยไม่ได้ บอกได้หรือเปล่าว่าที่นั่นมันสวยมั้ย? "
ผมรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่สะดวกในยามที่เอ่ยออกไปแต่ละประโยค ผมไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครแม้กระทั่งแม่ ไม่เคยรู้สึกอ่อนแอหรืออ่อนไหวจนอยากจะร้องไห้
พอได้เจอเขา... คนแปลกหน้าที่คุ้นเคย
ด้านอ่อนแอทุกอย่างที่ไม่เคยเป็นก็เหมือนถูกขุดขึ้นมา
" สวยสิ สวยมาก สวยมากๆเลยล่ะ ผมอยากให้คุณกลับไปนะ ถ้ามีโอกาส "
" ผมก็หวังว่าอย่างงั้น "
" ..... "
" เอาล่ะ ผมทิ้งญาติไว้คนเดียวคงต้องรีบไปดูแล้ว เดินทางดีๆนะครับ ขอให้เป็นทริปที่มีความสุขล่ะ "
ผมตัดสินใจบอกลาฟ้าแล้วหันหลังเตรียมจะเดินกลับไปหาวิเวียนที่ไม่รู้ว่าป่านนี้โดนดูดไปอยู่ร้านเหล้าที่ไหนหรือเปล่า เมาแล้วยิ่งเรื้อนๆอยู่ คงปล่อยทิ้งไว้นานไม่ได้หรอก
" ทิศเหนือเดี๋ยว! "
จังหวะการก้าวเดินค่อยๆหยุดลงเมื่อคนตัวเล็กตะโกนเรียกชื่อผมขึ้น
ผมหันกลับไปแล้ววาดรอยยิ้มจางๆขึ้นบนใบหน้า
ก็แค่ถูกเรียกชื่อ... ทำไมถึงได้รู้สึกดีขนาดนี้กันนะ
" ครับ? "
" ขอให้มีความสุขเหมือนกันนะ มีความสุขมากๆ แล้วก็ขอโทษสำหรับทุกอย่าง ขอโทษจริงๆ "
นาวา...
'เพราะแกทำให้ลูกฉันเกือบตาย' ยังจำได้ดีว่าน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมานั้นมันแสดงออกถึงความเกลียดชังมากขนาดไหน
พ่อของทิศเหนือหรือที่ใครๆต่างก็พากันเรียกว่าเสี่ยเมธกำลังยืนชี้หน้าด่าผมอย่างโกรธแค้นเนื่องจากเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาถูกรถชนจนอาการสาหัส
ผมร้องไห้ออกมาเพราะรู้สึกเสียใจที่เรื่องมันเป็นแบบนี้เพึยงแค่เพราะความงี่เง่าของตัวเองล้วนๆ ถ้าผมไม่หนีพ่อกับแม่ไปเล่น เหนือก็คงไม่ต้องออกไปตามผมกลับบ้าน และเขาก็คงไม่ถูกรถชนแบบนี้
ความผิดทั้งหมดเป็นของผม...
เพราะผมคนเดียวที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดนี้
ผมหลับไปเกือบสองเดือนหลังเกิดอุบัติเหตุ แม่เกือบถอดใจให้หมอถอดเครื่องช่วยหายใจแล้ว ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่รอดจากความตายแต่กลับต้องตื่นมาเจอนรกที่ทำให้รู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นแทน
'แกมันฆาตกร' เขาพูดกระแทกเสียงด้วยประโยคนี้ก่อนจะเดินหนีไป เหนือไม่อยู่แล้ว เขายังปลอดภัยดี และตอนนี้คงกำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลชั้นนำสักแห่งในนิวยอร์ก ประเทศอเมริกา
ทิศเหนือจะไม่กลับมาอีกเพราะพ่อแม่ของเหนือเกลียดครอบครัวของเราจนไม่อยากให้ลูกของตัวเองกลับมาเจอหรือคลุกคลีกันอีก
แม่บอกว่าอาการของเหนือสาหัสมากจนได้ข่าวแว่วๆมาว่าเขาอาจตาบอดและสูญเสียความทรงจำทั้งหมด ใจของผมกระตุกวูบเมื่อได้ยินแบบนั้น
ความฝันของทิศเหนือคือการได้เป็นนักบิน แต่ถ้าเขาตาบอดก็เท่ากับว่าผมเป็นฆาตกรจริงๆน่ะสิ ฆาตกรที่ฆ่าความฝันของคนอื่นด้วยความมักง่ายของตัวเอง
ได้ยินว่าเขาจะสูญเสียความทรงจำด้วยงั้นหรอ? แสดงว่าต่อไปในหัวของทิศเหนือก็คงจะไม่มีคนชื่อนาวาอีกแล้วสินะ
'ฟ้าไม่ใช่ฆาตกร'
'ลูกของพ่อไม่ได้ตั้งใจ'
พ่อกับแม่กอดผมแน่นแล้วพูดประโยคนั้นทั้งน้ำตา ผมร้องไห้จนตัวโยนเพราะรู้สึกผิดกับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น
ทำไมต้องเป็นเขา
ทุกอย่างที่เกิดกับทิศเหนือ...
ทำไมมันไม่เกิดกับผมแทน
วีรกรรมของผมเลื่องลือไปทั่วเชียงใหม่ พ่อของเหนือเล่นงานพ่อกับแม่หนักมากจนไม่สามารถอาศัยอยู่ในจังหวัดเดิมได้ สุดท้ายแล้วก็ต้องย้ายบ้านย้ายโรงเรียนมายังจังหวัดนนทบุรีในตอนอายุสิบสอง
เพราะเหตุการในครั้งนั้นทำให้กลายเป็นคนไม่ค่อยพูดและส่งผลให้ไม่มีเพื่อน แต่ถึงมีก็คงไม่กล้าคิดไปสนิทกับใครอีกแล้วล่ะ
พอขึ้นมัธยมต้นผมก็เริ่มฝันถึงเรื่องวันนั้นทุกคืนจนนอนไม่ค่อยหลับ พ่อกับแม่เคยพาไปหาหมอทางจิตเวช ทั้งบำบัดรักษา กินยา หรือแม้กระทั่งสะกดจิต แต่มันก็ไม่หาย ผมร้องไห้เสมอหลังจากที่สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายนั้น
เย็นวันหนึ่งในขณะที่เดินซื้อของอยู่กับแม่ ผมเห็นโปสการ์ดใบหนึ่งเป็นรูปสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ มันคือพระธาตุดอยสุเทพที่แต่ก่อนเคยไปบ่อยๆจนแทบจะเรียกได้ว่าทุกอาทิตย์
แวบหนึ่งชื่อของเหนือก็ลอยเข้ามาในหัว
ป่านนี้เขาจะเป็นยังไง จะหายหรือยัง คิดถึงเชียงใหม่หรือมีความคิดอยากกลับมาบ้างหรือเปล่า
ผมหยิบโปสการ์ดที่เป็นรูปสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่ขึ้นมาอีกสอง-สามใบแล้วแอบไปจ่ายตังค์ด้วยเงินเก็บของตัวเองโดยไม่ให้แม่รู้
ไม่อยากให้เขารู้ว่ากำลังผิดสัญญาทั้งที่เคยบอกไปแล้วว่าจะมูฟออน
ผมเขียนข้อความลงในโปสการ์ดนั้นทุกวัน วันละใบด้วยความคิดโง่ๆที่ว่ามันจะไปถึงทิศเหนือในสักวัน ถึงแม้ว่าความจริงโอกาสที่จะเป็นไปได้คือเลขศูนย์
เวลาผ่านไปหลายปีโปสการ์ดที่เป็นรูปสถานี่ท่องเที่ยวมากมายในประเทศไทยก็ยังคงถูกเขียนอยู่ทุกวันอย่างสม่ำเสมอไม่มีเสื่อมคลาย
นาวาตอนม.หก
'นี่เป็นเกาะเสม็ดที่เหนือบอกว่าสวยมาก จนตอนนี้อายุสิบแปดแล้วฟ้าก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปที่นั่นเลยสักครั้ง เหนือเป็นยังไงบ้าง? ได้ข่าวว่าฮาวายสวยนี่ คนรักทะเลอย่างเหนือคงชอบมากเลยสิท่า แต่ไม่ว่าจะสวยขนาดไหนก็อย่าลืมทะเลของบ้านเราสิ ฟ้าน่ะ... รอไปกับเหนืออยู่นะ'
นาวาตอนปี1
'ฟ้าสอบเข้านิเทศได้ด้วยแหละ พ่อจะให้ของขวัญเป็นการขอไปเที่ยวที่ไหนก็ได้1ที่ สุดท้ายฟ้าก็เลือกมาเที่ยวเกาะพีพี้เพราะแค่ดูในรูปก็รู้แล้วว่าสวยมาก อยากให้เหนือมาด้วยจัง'
นาวาตอนเรียนจบ
'รู้หรือเปล่าว่าฟ้ารับปริญญาแล้วนะ พ่อกับแม่ถอยรถป้ายแดงคันนึงให้เป็นของขวัญ เขาบอกว่าอยากไปเที่ยวไหนจะได้ขับไปเองได้ ฟ้ารับกุญแจมาถือไว้แต่ยังไม่เคยใช้มันหรอกเพราะตอนนี้ฟ้ากำลังตื่นเต้นกับของขวัญที่ซื้อให้ตัวเองอยู่ เหนือ... นิวยอร์กมันดีมากเลยหรอถึงไม่ยอมกลับมา ฟ้าจะลองไปเที่ยวดูนะ'
ผมเก็บมันเข้าไปในลิ้นชักแล้วหยิบตั๋วเครื่องบินที่แนบอยู่กับพาสปอร์ตขึ้นมาดู ตอนแรกพ่อกับแม่ไม่ยอมเมื่อรู้ว่าผมจะไปที่นั่นเพราะคิดว่าผมจะไปตามหาเหนือ ไร้สาระใช่ไหมล่ะ
ผมไม่ได้จะไปพลิกแผ่นดินตามล่าหาตัวเขาสักหน่อย คิดถึงน่ะใช่ แต่ถ้าให้เจอหน้ากันขอเซย์กู๊ดบายดีกว่า ตอนนี้ก็แค่อยากจะไปเห็นเท่านั้นแหละว่านิวยอร์กมันเป็นยังไง
'จำได้ใช่มั้ยว่านาวากับทิศเหนือเป็นคนอื่นต่อกันแล้ว ลูกกับเขาไม่รู้จักกัน'
ประโยคนั้นเป็นประโยคสุดท้ายที่แม่พูดก่อนผมจะเดินเข้าเกตมา ใช่! เราเป็นคนอื่นต่อกันแล้วถึงแม้จะไม่ได้อยากเป็นก็เถอะ
เสี่ยเมธกับคุณหญิงนุชคงรู้สึกไม่พอใจแน่ถ้าผมพยายามเอาตัวเองกลับเข้าไปในชีวิตของลูกเขาอีก
ตอนนี้ผมยืนอยู่ยืนอยู่ในนิวยอร์ก อดตื่นเต้นไม่ได้เหมือนกันแฮะ นี่เป็นการมาเที่ยวต่างประเทศคนเดียวเป็นครั้งแรกซะด้วย
ถึงแม้จะเป็นเมืองหลวงของประเทศเหมือนกันแต่ที่นี่ก็ต่างจากกรุงเทพอยู่มากโข ที่เห็นได้ชัดๆก็คงจะเป็น... ความสะอาดล่ะมั้ง ฟุตบาธด้วย ไม่เห็นเหมือนแถวหน้ามหา'ลัยเลยสักนิด ตอนปีหนึ่งเคยพังยังไง จบปีสี่ก็ยังเป็นแบบนั้นแถมเละกว่าเดิมด้วย
นิวยอร์กมันดูกว้างแบบกว้างมากๆแถมคนก็เยอะด้วย ลองคิดเล่นๆดูนะว่าถ้าสมมติเราบังเอิญเจอกันจะเป็นยังไง
เพ้อเจ้อว่ะฟ้า
เหนือจำเราไม่ได้นี่นา
ผมเดินมาเรื่อยๆจนโผล่ที่อีกฝั่งของไทม์แสควร์ แอบยกมือขึ้นมาปาดหน้านิดหน่อย ผมค่อนข้างขี้ร้อนนะ เพราะฉะนั้นต่อให้อากาศหนาวจนติดลบแค่ไหนก็เหงื่อออกได้เหมือนกัน
ฝั่งนั้นดูครึกครื้นน่าสนใจดีแฮะ ผมก้าวลงไปบนถนนกำลังจะข้ามทางม้าลายโดยที่ไม่ได้ดูว่าตอนนี้ไฟเขียวหรือไฟแดง
อ่า... นั่นน่ะเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ได้เลยแหละ เวลารอข้ามถนนถ้าไม่มีใครไปด้วยผมมักจะเดินลงไปบนถนนโดยไม่ทันรู้ตัว
ปรี๊นนนน!
" Be careful!!! "
รถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็ว เสียงแตรดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนของใครสักคนแถวนี้ดังขึ้นก่อนตัวผมจะถูกกระชากขึ้นไปบนฟุตบาธโดนไม่ทันตั้งตัว ทำเอาเกือบเสียหลักเซล้มลงไป
แต่โชคดีที่เขาจับแขนเอาไว้อยู่
ผมยืนนิ่งสักพักด้วยหัวใจเต้นแรงอย่างตื่นตระหนก เรี่ยวแรงเหือดหายไปจนหมด ไม่เหลือแม้กำลังที่จะเงยหน้าขึ้นไป
ภาพเหตุการณ์เมื่อสิบกว่าปีก่อนไหลเข้ามาในหัวโดยอัตโนมัติ สถานการณ์เหมือนกันเป๊ะ
วันนั้นก็เป็นแบบนี้... กำลังจะข้ามถนนแบบไม่ดูทาง
วันนั้นทิศเหนือวิ่งเข้ามาช่วยผมแต่ก็ไม่ทัน... ทว่าครั้งนี้ผมกลับปลอดภัย
" ขอโทษ เอ้ย! Sor... " ผมเผลอขอโทษเป็นภาษาไทยอย่างลืมตัวก่อนจะรีบเปลี่ยนมาเป็นภาษาอังกฤษก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองคู่สนทนา
ทันทีที่สบตากันก็รู้สึกราวกับว่าโบกทั้งใบหยุดหมุนลง
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังแสดงสีหน้าหรือท่าทางแบบไหนอยู่กันแน่ รู้แค่ว่าหัวใจตอนนี้กำลังเต้นแรงซึ่งไม่ใช่สาเหตุจากการเฉียดตายเมื่อสักครู่แล้ว
ทิศเหนือกำลังยืนอยู่ตรงหน้า
เขาที่เป็นเขาจริงๆกำลังยืนอยู่ตรงนี้
ถึงแม้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมในวัยเด็ก แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนและตาตรึงอยู่ในหัวนั่นก็คือแววตา... ผมจำแววตาของเขาได้
เรายืนจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครยอมพูดอะไรออกมา ความน่าอึดอัดเข้าปกคลุมบรรยากาศโดยรอบ
เหนือ ใช่ทิศเหนือจริงๆใช่มั้ย นี่ฟ้านะ จำได้หรือเปล่า?
ประโยคที่เป็นได้เพียงความคิด ยังไงก็ไม่กล้าถามหรอก ถ้าคนตรงหน้ารู้ว่าผมคือคนที่ทำให้เขาเป็นนักบินไม่ได้ คงรู้สึกเกลียดกันน่าดู
" เป็นอะไรมากมั้ยครับ? " เขาเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเพื่อไล่ความน่าอึดอัดออกไป รู้ว่าผมเป็นคนไทยคงเพราะเผลอพูดคำว่าขอโทษออกไปเมื่อสักครู่นี้ล่ะมั้ง
" มะ ไม่เป็นไรครับ "
" เป็นนักท่องเที่ยวมาจากไทยหรอครับ "
" อ่า... ครับ " ความผิดหวังเข้ากัดกินหัวใจเมื่อได้ยินคำถามแบบนั้น
เหนือจำผมไม่ได้
ถึงแม้ปากจะบอกว่าเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว แต่ในใจก็อดไม่ได้เหมือนกันที่จะรู้สึกเฟลนิดๆ
เขาปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระก่อนจะก้าวถอยหลังไปสอง-สามก้าว จากจุดที่ยืนอยู่ผมมองเห็นหน้าเขาได้อย่างชัดเจน
ทำไมถึงโตมาหล่อขนาดนี่กันนะ
" ผมชื่อเหนือ "
ใช่... ทิศเหนือ
" ทิศเหนือสินะครับ... "
ผมนิ่งไปเมื่อเผลอพูดในสิ่งที่ใจคิด เหนือเองก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ยืนนิ่งๆแล้วมองมาเหมือนกำลังรอให้อธิบาย อ่า! จะทำยังไงดีนะ
ปล่อยเบลอไปเลยแล้วกัน
" ..... "
" อ่า... ผมฟ้า ชื่อฟ้าน่ะครับ "
" พอมีเวลาว่างสักหน่อยมั้ยครับ ผมคิดว่าผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ "
คำถามของเขาทำให้ผมเม้มปากโดยอัตโนมัติ เหนือจำผมไม่ได้ก็จริง แต่คงคุ้นหน้ากันไม่น้อยถึงได้เอ่ยแบบนั้นออกมา
ซึ่งไม่ดีแน่
" ผมว่าคงไม่หรอก "
" ? "
" เราไม่เคยรู้จักกันสักหน่อย จะมามีเรื่องอยากคุยกับผมได้ยังไง "
คำพูดของแม่ผุดขึ้นในหัว ผมเลยเลือกที่จะพูดออกไปแบบนั้นแล้ววาดร้อยยิ้มจางๆส่งไปให้
ทิศเหนือดูผิดหวังนิดหน่อยแต่ก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ผมพยายามตั้งสติแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อปลอบไม่ให้ตัวเองปล่อยโฮออกมาตอนนี้
" ถ้าไม่รู้จักกันแล้วคุณรู้ชื่อจริงของผมได้ยังไง? "
" ...ผมก็แค่เดา มีเพื่อนผมคนนึงชื่อเหนือเหมือนคุณนั่นแหละ แถมยังชื่อจริงว่าทิศเหนือเหมือนกันด้วย บังเอิญมากเลยแฮะ "
กลั้นใจพูดออกไปแบบนั้น เพราะยังไงซะ ถึงแม้จะเป็นคนเดียวกันแต่ทิศเหนือในตอนสิบขวบต่างหากที่รู้จักผม
" งั้นหรอ ผมนึกว่าเราจะรู้จักกันซะอีก "
" อะไรของคุณเนี่ย ผมไม่รู้สึกคุ้นหน้าคุณเลยสักนิด อยู่ๆก็มาบอกรู้จักกันแถมมีเรื่องจะคุยด้วย ถือว่าเป็นมิจฉาชีพได้หรือเปล่านะ "
ผมแกล้งพูดให้มันดูตลก แต่ความรู้สึกกลับไม่ได้ตลกเลยสักนิด ในใจของผมกำลังร้องไห้ มันทั้งปวดหนึบและเจ็บจนชาไปหมด
เหนือส่งยิ้มมาให้ เป็นยิ้มจางๆที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนยังคงดูสวยวามและอบอุ่นเสมอ
ถ้าเหนือรู้ความจริงจะยังยิ้มให้ฟ้าแบบนี้มั้ย...
" งั้นก็ขอโทษด้วยครับ ผมคงคิดไปเอง "
" ไม่เป็นไร ไม่ ไม่ต้องขอโทษหรอก ผมต่างหากที่ต้องขอโทษแล้วก็ขอบคุณเรื่องเมื่อกี๊ด้วย "
ผมขอโทษแล้วหันหลังเตรียมจะเดินออกมาจากตรงนั้น แต่ประโยคถัดมาก็ทำให้จังหวะการก้าวเดินชะงักไป สายตาหันกลับไปโฟกัสใบหน้าหล่ออีกครั้ง
" ผมเคยอยู่ประเทศไทยนะ แต่จำอะไรไม่ได้แล้ว ที่นั่นน่ะ... มีสถานที่สวยๆเยอะเลยใช่มั้ย "
" อาฮะ ให้ผมแนะนำไว้ล่วงหน้ามั้ยล่ะ เผื่อในอนาคตคุณอยากไป " แกล้งถามไปอย่างงั้นแหละ ยังไงเขาก็ไม่กลับไปหรอก
" ไม่รู้สิ! พ่อกับแม่ไม่ให้ผมกลับไทยมาเป็นสิบปีแล้ว พวกเขาจะเป็นฝ่ายบินมาหาแทน ผมไม่รู้ว่าถึงอยากไปแล้วจะได้ไปหรือเปล่า "
เหนืออยากรู้มั้ยว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงนี้นี่ไง
คนนิสัยไม่ดีที่ทำลายทุกอย่างของเหนือ ไม่ว่าจะเป็นความฝัน หรือแม้กระทั่งความทรงจำ
ท้องฟ้าผืนนี้ไม่คู่ควรให้นักบินขึ้นมาหาหรอก
" ..... "
" รู้จักเชียงใหม่หรือเปล่า? ผมเกิดที่นั่น แต่ก็อย่างที่บอก ผมจำอะไรเกี่ยวกับประเทศไทยไม่ได้ บอกได้หรือเปล่าว่าที่นั่นมันสวยมั้ย? "
ถ้าเรื่องวันนั้นไม่เกิดขึ้น ตอนนี้เราสองคนก็คงเป็นคู่ซี้ที่ตัวติดกันมากๆเลยมั้ง
" สวยสิ สวยมาก สวยมากๆเลยล่ะ ผมอยากให้คุณกลับไปนะ ถ้ามีโอกาส "
" ผมก็หวังว่าอย่างงั้น "
" ..... "
" เอาล่ะ ผมทิ้งญาติไว้คนเดียวคงต้องรีบไปดูแล้ว เดินทางดีๆนะครับ ขอให้เป็นทริปที่มีความสุขล่ะ "
เหนือเอ่ยลาก่อนจะหันหลังกลับไป ผมรู้ดีว่าไม่ควรเอาตัวเองกลับเข้าไปในชีวิตของเขาอีก แต่รู้สึกว่าอย่างน้อยก็ควรทำในสิ่งที่ต้องทำซึ่งไม่เคยมีโอกาสมาก่อนเลยสักครั้ง
" ทิศเหนือเดี๋ยว! "
เขาหันมา
ใบหน้าหล่อนั้นกำลังส่งยิ้มมาให้
อ่า... ทำยังไงดีนะ
" ครับ? "
" ขอให้มีความสุขเหมือนกันนะ มีความสุขมากๆ แล้วก็ขอโทษสำหรับทุกอย่าง ขอโทษจริงๆ "
อย่างน้อยก็ได้ขอโทษสำหรับเรื่องราวที่ผ่านมา เหนือพยักหน้ารับก่อนแผ่นหลังกว้างนั้นจะจมหายไปกับฝูงชน
จริงๆแล้วโลกก็ยังไม่ใจร้ายเกินไป
ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมกลับมาเจอเขาอีกครั้ง
นาวามูฟออนได้แล้วจริงๆ หลังกลับมาจากทริปนิวยอร์ก ผมก็เลิกเขียนโปสการ์ด เลิกทำทุกอย่างที่ทำให้ติดอยู่กับอดีตเดิมๆเพราะคิดว่ายังไงซะ ชีวิตคนเราต้องการวันต่อไป
พายุฝนทำให้ท้องฟ้ามืดมิดมานานหลายปี แต่ตอนนี้... พายุสงบแล้ว ท้องฟ้ากลับมาสดใสเหมือนเดิมถึงแม้จะมีเมฆครึ้มอยู่บางส่วน
ตอนนี้ผมอายุสามสิบ ทำงานเป็นหนึ่งในผู้บริหารช่องทีวีเคเบิลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและอิทธิพลต่อวัยรุ่นเกือบทั้งประเทศ ส่วนพ่อกับแม่ก็มีความสุขดีกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังไปได้สวย
การ์ดทั้งหมดยังถูกเก็บเอาไว้อย่างดีแม้ว่าจะเลิกเขียนไปนานแล้ว ผมยังคิดถึงทิศเหนือ แต่ไม่ได้คิดถึงแบบงมงายเหมือนที่ผ่านมา
อย่างน้อยก็... ในฐานะคนเคยรู้จักกัน
หลายปีแล้วนับตั้งแต่ที่นิวยอร์กคราวนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีก อยากรู้จังเลยว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง ไม่แน่นะ ตอนนี้ทิศเหนืออาจจะแต่งงานกับใครสักคนพร้อมกับมีลูกตัวเล็กๆแล้วก็ได้
ช่างเถอะ
อย่างน้อยก็หวังว่าเขาจะมีความสุข
" กลับก่อนนะครับ " บอกลาเลขาของตัวเองก่อนจะเดินมาขึ้นรถแล้วขับออกมาจากบริษัทเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย
วันนี้คนในห้องประชุมโคตรงี่เง่า บางทีก็โมโหจนอยากปาแฟ้มเอกสารใส่หน้าแล้วลาออกให้รู้แล้วรู้รอดไป
ตอนนี้ขับรถมาเรื่อยๆจนถึงเอเชียทีค ทีแรกก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก พอรู้ตัวอีกทีก็มาโผล่อยู่ที่นี่ซะแล้ว ผมเดินมายืนอยู่บริเวณริมแม่น้ำ จากตรงนี้จะสามารถมองเห็นไอค่อนสยามที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำได้ด้วย
ผมท้าวแขนไว้กับรั้วเหล็กก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้า
วันนี้บรรยากาศดีมาก
ดูสิ ดาวระยิบเต็มท้องฟ้าเลย
" วันนี้ฟ้าสวยจังเลยนะครับ " เนิ่นนานที่ต้องมองท้องฟ้าอยู่อย่างนั้น อยู่ดีๆก็มีใครบางคนเดินมายืนข้างๆกันก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้น
ผมค่อยๆหันไปมองอีกฝ่ายพร้อมด้วยหัวใจที่กระตุกวูบและความรู้สึกอีกมากมายที่อธิบายไม่ถูก
ทิศเหนือยืนอยู่ตรงนี้
เขากำลังส่งยิ้มมาให้
" สวย... แต่ใจร้ายไปหน่อย "
" คะ คุณ "
" ทำไมใช้สรรพนามห่างเหินจังเลยล่ะ คนรู้จักกันแท้ๆ " หัวใจผมเต้นแรงขึ้นอีกเมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้น
ความรู้สึกดีใจฉายชัดอยู่เต็มอกจนทำอะไรไม่ถูก
เขาจำได้แล้วหรอ?
" ..... "
" กรุงเทพมันสวยอย่างงี้เองถึงได้มีคนติดใจจนไม่ไปนิวยอร์กอีก "
" เหนือ "
" สบายดีมั้ยฟ้า "
อยู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาหลังจากได้ยินประโยคที่แสนอบอุ่นนั้น มือหนาเอื้อมมาปาดมันออกไป ผมชะงักกับการกระทำนั้นและกำลังจะก้าวถอยหลังออกมาเพื่อเว้นระยะห่าง แต่ทว่าเขาก็เอื้อมมือมาจับแขนทั้งสองข้างเอาไว้ซะก่อน
" อุตส่าห์ตามหาตั้งนานพอเจอก็จะหนีไปอีกแล้วหรอ "
เสียงของเขาสั่นเล็กน้อยแต่ก็ยังคงควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ได้ดีมาก
" ไม่โกรธหรอ? "
" เรื่องอะไรล่ะ " ทิศเหนือถามกลับด้วยสีหน้าสงสัย เขายังคงจับแขนของผมเอาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าจะหายไป
" เหนือเป็นนักบินไม่ได้เพราะฟ้า "
" ..... "
" ..... "
" อย่าโทษตัวเองเลย คิดว่าเป็นแบบนี้มันดีแล้วล่ะ ดีที่สุดเลยด้วยซ้ำ "
" หมายความว่าไง? เหนือไม่ได้อยากเป็นนักบินหรอกหรอ? "
" ไม่รู้สิ ความรู้สึกอยากเป็นนักบินมันไม่มีอยู่ในหัวเลยด้วยซ้ำ ถ้าแม่หรือคนอื่นๆไม่พูดให้ฟังก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าเคยอยากเป็น "
" สิ่งที่ฝันมาตลอดเลยนะ ลืมได้ไง "
" ตอนนี้ความฝันของเหนือไม่ใช่นักบิน แต่เป็นการได้ความทรงจำที่เรียกว่าฟ้ากลับคืนมา "
" ..... "
" พ่อกับแม่บอกให้เหนือกลับมาตามหาท้องฟ้าของตัวเอง พวกเขารู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นและอยากขอโทษฟ้านะ "
" ..... "
" ฟ้า "
" หื้ม? "
" กลับมาเป็นท้องฟ้าของทิศเหนือเหมือนเดิมได้มั้ยครับ "
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
ผมรู้สึกว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา... มันคุ้มค่าที่จะรอ
ขอบคุณนะทิศเหนือ
ขอบคุณที่กลับมา
#ทิศเหนือนาวา
Talk :
เป็นอารมณ์วูบค่ะ555
จริงๆอยากเขียนนินายแนวนี้มากแต่ไม่ถนัดก็เลยทำออกมาเป็นรูปแบบเรื่องสั้นแทน ถ้าภาษายังไม่โอเคหรือคำไม่สมูธก็อภัยกันเด้ออออ
ความคิดเห็น