ทิศเหนือนาวา - ทิศเหนือนาวา นิยาย ทิศเหนือนาวา : Dek-D.com - Writer

    ทิศเหนือนาวา

    ความฝันของผมคือการได้ความทรงจำที่เรียกว่า'คุณ'กลับคืนมา

    ผู้เข้าชมรวม

    945

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    945

    ความคิดเห็น


    10

    คนติดตาม


    71
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 เม.ย. 62 / 23:43 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    กลับมาเป็นท้องฟ้าของผมได้ไหมครับ?

    #ทิศเหนือนาวา
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
           ท้องฟ้าที่มืดครึ้ม หยาดฝนที่โปรยปรายราวกับพายุคลั่ง ต้นไม้ใหญ่เอนปลิวตามกระแสลมราวกับยอดหญ้า สองขาเล็กของเด็กชายตัวน้อยกำลังออกแรงวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต
           ใบหน้าจิ้มลิ้มฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากเบะคว่ำ มวลน้ำก่อขึ้นปริ่มขอบตาเตรียมไหลออกมาอยู่รอมร่อ ในหัวสองมีเพียงความคิดเดียวคือต้องรีบกลับไปถึงบ้านให้เร็วที่สุดก่อนที่พ่อแม่จะกลับมา
           " ฟ้าเดี๋ยว! อย่าวิ่งเดี๋ยวล้ม ฟ้า! "
           เสียงของเด็กชายทิศเหนือวัยสิบขวบตะโกนร้องเรียกเด็กชายนาวาที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้า ด้วยความที่ขายาวกว่าจึงทำให้สามารถเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายได้โดยไม่ยาก
           " ฟ้าอย่าวิ่งสิ เดี๋ยวก็โดนรถเฉี่ยวหรอก "
           คนตัวสูงกว่าคว้าแขนของอีกคนไว้พร้อมกับออกอาการหอบหายใจเล็กน้อย นาวาหันกลับไปมองทิศเหนือพร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆไหลลงมาอาบแก้ม
           " เหนือ... ฟ้าต้องรีบกลับ ถ้า ถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าฟ้าแอบออกมาฟ้าจะโดนตี "
           เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงกังวลในความผิดที่ตนออกมาเล่นที่สนามเด็กเล่นในสวนสาธารณะใกล้บ้านทั้งๆที่ยังไม่ได้เอ่ยขอหรือได้รับอนุญาตให้ออกมา นาวาแอบหนีออกมาในตอนที่ผู้ปกครองเผลอจนไม่ทันได้มองเห็น
           ป่านนี้คงกำลังโกรธและโมโหมากแน่ๆ
           " เหนือก็จะพาฟ้ากลับบ้านไง อย่าวิ่งสิเห็นมั้ยว่ารถเยอะน่ะ ฝนก็ตกเดี๋ยวลื่นล้มเป็นแผลหรอก ไม่ต้องรีบ ใจเย็นๆ " ทิศเหนือพยายามพูดปลอบคนตัวเล็กทั้งที่ในใจเองก็รู้สึกกังวลไม่ต่างกัน
           เขาแอบหนีออกมาเหมือนกัน...
           แต่ไม่ได้หนีออกมาวิ่งเล่นเหมือนอีกฝ่าย ทิศเหนือแอบออกมาเพื่อจะตามนาวากลับบ้าน และแน่นอนว่าถ้าอธิบายเหตุผลให้ฟังได้... พ่อแม่ของเขาจะเข้าใจ แม้จะแถมมาด้วยคำบ่นเล็กน้อย
           " รีบกลับกันเถอะฟ้าไม่อยากโดนแม่ตี "
           " เหนือจะไปส่ง ถ้าเหนือไปด้วยฟ้าจะไม่โดนตี "
           " เหนือไปกับฟ้านะ " เหนือพยักหน้าพร้อมกับจูงมือฟ้าไปเรื่อยๆ เด็กชายตัวโตบีบมือเล็กเพื่อให้อีกฝ่ายผ่อนคลายขึ้น
           เด็กชายนาวาถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อความกังวลของตนลดลงไปมากเพราะรู้ว่าตราบใดที่มีทิศเหนือตัวเองจะปลอดภัย... แม้ว่าจะทำความผิดร้ายแรงมากแค่ไหนก็ตาม
           ครั้งก่อนนาวาเคยทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียนจนเกือบถูกผู้ปกครองของฝ่ายนั้นตามมาถึงบ้านเพื่อเอาเรื่อง หากแต่เด็กตัวสูงได้เอ่ยขอเอาไว้ผู้ใหญ่คนนั้นถึงตกลงง่ายๆ
           คนอายุสามสิบไม่มีทางเกรงกลัวเด็กอายุสิบขวบหรอก แต่นามสกุลที่ปักอยู่บนเสื้อต่างหากที่ทำให้ไม่กล้าตอแย
           พ่อของทิศเหนือคือนักการเมืองที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและอำนาจมากในจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของบ้านหลังใหญ่หน้าปากซอยทางเข้าบ้านของนาวาที่ใครๆจะต้องร้องว้าวเวลาสัญจรผ่าน
           " แม่! พ่อ! " คนตัวเล็กร้องเสียงหลงพร้อมกับท่าทางตื่นกลัวที่เกิดขึ้นเมื่อเหลือบไปเห็นมารดาของตนยืนอยู่ถนนอีกฝั่งซึ่งเป็นซอยเลี้ยวเข้าหมู่บ้านจัดสรรค์ที่ตนอาศัยอยู่
           " ฟ้า! ฟ้า! อย่าข้ามไปนะ ไม่เห็นรถหรือไง ฟ้า! " เด็กตัวสูงถึงกับร้องห้ามเสียงหลงเมื่อจู่ๆนาวาก็สะบัดมือตนออกก่อนจะวิ่งลงไปบนถนนที่มีรถพลุกพล่าน
           ปรี๊นนนน!
           " ฟ้า/น้องฟ้า!!! " 
           โครม!!! 
           เสียงตะโกนเรียกดังขึ้นจากทิศเหนือที่อยู่ข้างหลังและแม่ที่อยู่อีกฝั่งของถนน เด็กชายพุ่งตัวเข้าไว้หวังจะดึงคนตัวเล็กขึ้นมาแต่ทว่าไม่ทันการ...
           ร่างของเด็กทั้งสองปะทะเข้ากับรถคันหนึ่งก่อนจะลอยหวือขึ้นกลางอากาศและตกลงมากระแทกกับพื้นถนนอย่างแรงจนได้กลิ่นคาวคละคลุ้งอวบอวลจมูก
           เสียงหวีดร้องตกใจของผู้คนโดยรอบดังขึ้น เด็กชายนาวารวมรวบแรงเฮือกสุดท้ายหันไปหาทิศเหนือที่นอนสลบอยู่ไม่ไกล
           อีกฝ่ายมีเลือดมากมายไหลออกมาจากหัวจนพื้นแดงฉาน ความเจ็บปวดพุ่งเล่นงานจนภาพตรงหน้าพร่าเบลอไปหมด นาวารู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ
           ระบบประสาทค่อยๆปิดการรับรู้ลงไปทีละส่วน น้ำตามากมายไหลออกบริเวณหางตา ริมฝีปากบางขยับพูดเบาๆโดยไร้เสียง
           'เหนือ ขอโทษนะ... ฟ้าขอโทษ'
           จากนั้นทุกอย่างก็ดับไปราวถูกปิดสวิตช์ลง

           แชะ!
           " ไหนดูซิสวยหรือเปล่า? "
           มือหนายื่นกล้องถ่ายรูปส่งไปให้หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของประโยคเมื่อสักครู่ เธอรับมาพร้อมกับค่อยๆกดดูทีละรูปก่อนจะยิ้มกว้างด้วยความพอใจ
           " เป็นไง? " เขากอดอกถาม
           " ฝีมือดีนะเนี่ย ดีแล้วล่ะที่เปลี่ยนใจมาเป็นช่างถ่ายรูปแทนการไปเรียนเป็นนักบินน่ะ ทำได้ดีกว่าอันนั้นเห็นๆ "
           " รู้ได้ไงว่าทำดีกว่า ถ้าเขารับคนเคยตาบอดเข้าไปเรียน ฉันอาจจะทำได้ดีกว่านี้ก็ได้ " ชายหนุ่มพูดพร้อมกับไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจคำพูดของตนนัก
           ต่างจากหญิงสาวที่ทำหน้าบึ้งเมื่อได้ยินประโยคแบบนั้น เธอฟาดมือลงไปบนไหล่แกร่งด้วยแรงที่ไม่เบานักจนได้รับสายตาขวางๆส่งกลับมา
           " ผู้หญิงบ้าอะไรวะเอะอะก็ใช้ความรุนแรง "
           " แล้วใครใช้ให้นายพูดแบบนั้นออกมาล่ะยะ ฮึ่ย! "
           " ทำไม? เธอคิดว่าฉันพูดออกมาเพราะต้องการจะตอกย้ำปมด้อยของตัวเองหรอวิเวียน โนๆๆ บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าคิดแบบนั้น ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเคยอยากเป็นนักบิน "
           " ทิศเหนือ "
           " อะไร? "
           " ..... "
           " ..... "
           " เฮ้อ! ช่างมันเถอะ ไปหามุมอื่นดีกว่า นายมาด้วยทั้งทีฉันคงมีรูปสวยๆไว้ลงอินสตาแกรมทั้งเดือนเลยมั้งเนี่ย "
           ทิศเหนือวัยยี่สิบสามปีถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายให้กับท่าทางดี๊ด๊าเกินเหตุของลูกพี่ลูกน้องคนสวยอย่างวิเวียนลีที่มีอายุเท่ากัน เขาเดินตามเธอไปเรื่อยๆโดยไร้ซึ่งข้อโต้แย้ง ยกกล้องขึ้นมาถ่ายเมื่ออีกฝ่ายต้องการ
           ค่ำคืนใจกลางมหานครนิวยอร์กที่ไม่เคยหลับใหลช่างเต็มไปด้วยผู้คนที่ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของพื้นที่หรือนักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติจากทั่วทุกมุมโลก
           วุ่นวาย
           น่าเบื่อ
           และ... น่ารำคาญ
            ถึงแม้จะอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลานับสิบปีมาแล้ว เขาก็ไม่เคยรู้สึกดีหรือว่าชอบมันเลยสักนิด
           บางที... ความรู้สึกของคนที่ชื่อทิศเหนืออาจจะหล่นทิ้งอยู่ที่ที่จากมา
           แม่บอกว่าเขาเคยอาศัยอยู่ที่เชียงใหม่ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยที่อยู่ทางภาคเหนือ ใช่! เคยอยู่ที่นั่น แต่ชายหนุ่มกลับจำอะไรที่เกี่ยวกับจังหวัดบ้านเกิดของตนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
           อาจเป็นเพราะอุบัติเหตุร้ายแรงเมื่อสิบกว่าปีก่อนถึงได้ทำให้ความทรงจำส่วนนั้นเลือนหายไป
           หลังฟื้นขึ้นมาจากอุบัติเหตุเด็กหนุ่มในตอนนั้นก็พบว่าสมองของตนขาวโพลนเพราะไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ แถมภาพตรงหน้ายังเป็นสีดำมืดสนิทมองไม่เห็นอะไร
           การตาบอดแถมยังความจำเสื่อมมันช่างเป็นความเลวร้ายอย่างมากถึงมากที่สุดในชีวิตสำหรับช่วงอายุเพียงเท่านั้น มันทั้งสับสน ทั้งกลัว สารพัดความรู้สึกดำดิ่งตีรวนไปหมด
           แต่มือทั้งสองข้างที่ถูกกอบกุมจากผู้เป็นพ่อและแม่ทำให้อาการตื่นตระหนกของเด็กน้อยค่อยๆหายไป ไม่กี่นาทีให้หลังเขาก็ได้รู้ว่าทิศเหนือคือชื่อของตัวเอง
           เด็กชายจมอยู่กับความมืดนั้นอยู่เกือบสองปีเต็ม จนกระทั่งในวันคริสต์มาสของปีที่สองหลังตาบอด เขาก็ได้รับของขวัญที่ยิ่งใหญ่และล้ำค่าที่สุดในชีวิต ซึ่งก็คือการได้กลับมามองเห็นอีกครั้ง
           ถึงแม้ความทรงจำจะกลับมาเพียงยี่สิบเปอร์เซนต์ แต่ทิศเหนือก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่าและมากพอแล้ว
           ปัจจุบันความจำของเขากลับมาถึงแปดสิบเปอร์เซนต์ ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงจนทุกคนค่อนข้างรู้สึกพอใจ กลับกัน... ทิศเหนือที่เคยพอใจกับตัวเลขแค่ยี่สิบเปอร์เซนต์กลับไม่เป็นแบบนั้น
           ยิ่งทุกอย่างกลับคืนมามากเท่าไหร่ ตะกอนในใจก็ถูกกวนจนขุ่นมากเท่านั้น เขามักจะฝันถึงใครบางคนที่แสนเลือนราง ใครบางคนที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิง
           ชายหนุ่มมักจะถามถึงคนคนนี้กับมารดาอยู่เสมอ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามันคือรอยยิ้มและคำตอบเดิมๆ
           ' คงคิดไปเองล่ะมั้ง ที่เชียงใหม่น่ะ... เหนือไม่มีเพื่อนเลยนะ '
           ทิศเหนือรู้ว่าแม่ของเขาโกหก ตอนนั้นตัวเองก็เข้าโรงเรียนอยู่ตั้งชั้นป.สี่แล้ว จะไม่มีเพื่อนเลยได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้หรอก
           เขาไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใครหรือว่ามีตัวตนอยู่จริงหรือเปล่า แต่สัญชาติญาณบางอย่างกลับบอกให้เชื่อว่าสิ่งที่ฝันถึงในทุกคืนเป็นส่วนที่เหลือของความทรงจำที่หายไป
           " เหนือมุมนี้แสงน่าจะสวย "
           ทิศเหนือหันไปตามเสียงเรียกของวิเวียนที่อยู่อีกฝั่งของถนนก่อนจะยกกล้องขึ้นเตรียมถ่ายภาพตามบัญชาของนายหญิงจอมบงการ
           จู่ๆสายตาก็ไม่ได้โฟกัสอยู่ที่สาวเจ้าซึ่งเป็นโมเดลหลัก ชายหนุ่มองเลยไปยังใครบางคนด้านหลังที่ปรากฏอยู่ในเฟรมด้วย
           หัวใจเต้นตึกตักอย่างไม่มีสาเหตุ กล้องในมือถูกปรับเลนส์ซูมไปจนเห็นคนคนนั้นได้ชัด แม้จะเป็นเพียงเสี้ยวหน้ายามเผลอ แต่ทิศเหนือก็กดถ่ายมันอย่างไม่นึกลังเล
           วิเวียนโวยวายขึ้นเมื่อชายหนุ่มลดระดับกล้องลงแถมยังทำเหมือนกำลังมองหาใครบางคนอยู่อีกต่างหาก คนตัวสูงข้ามถนนไปฝั่งเดียวกันด้วยท่าทางรีบร้อนจนอีกคนแปลกใจ
           " มองอะไร เจอคนรู้จักหรอ? " วิเวียนชะเง้อมองตามญาติสุดหล่อของตัวเอง
           " ไม่รู้สิ เธอเดินเล่นแถวนี้ไปก่อนนะ เสร็จแล้วเดี๋ยวฉันโทรหา "
           " อะ อ้าว จะไปไหนล่ะเหนือ ทิศเหนือ! "
           เจ้าของความสูงร้อยแปดสิบหกเซนฯรีบเดินฝ่าฝูงชนเพื่อจะตามคนคนนั้นไปโดยไม่ได้สนใจเสียงของวิเวียนที่ตะโกนตามหลังขึ้นมาเลยสักนิด
           ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างก่อตัวขึ้นในอก เขากวาดสายตามองหาผู้ชายเอเชียตัวเล็กเมื่อกี๊แต่ก็ต้องขมวดคิ้วแน่นเมื่อเจ้าตัวได้จมหายไปกับฝูงชนแล้ว
           " บัดซบ! " คนตัวสูงสบถแต่ก็ยังไม่ละความพยายามโดยการก้าวต่อไป ภาพต่างๆเกิดขึ้นในหัวเต็มไปหมด แต่ก็ไม่สามารถโฟกัสหรืออธิบายรูปร่างได้
           ทิศเหนือเดินมาจนทะลุถนนอีกฝั่งของไทม์สแควร์ เขาไม่รู้ว่าตัวเองมาถูกทางหรือเปล่า บางทีผู้ชายเอเชียคุ้นตาคนนั้นอาจจะไม่ได้มาตรงนี้ก็ได้
           ปรี๊นนนน!
           " Be careful!!! "
           ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นคนที่กำลังตามหาด้วยความบังเอิญ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนตัวเล็กกำลังจะเดินข้ามถนนไปโดยมีรถคันหนึ่งกำลังวิ่งมาด้วยความเร็ว
           ไม่รอช้าเขารีบตะโกนเรียกอีกฝ่ายพร้อมกับวิ่งไปดึงให้ขึ้นมาบนฟุตบาทอย่างแรงจนเกือบเซล้มทับกัน
           คนตัวสูงหลับตาปี๋เพราะรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาอย่างกระทันหัน สถานการณ์เมื่อกี๊ทำให้ภาพบางอย่างเกิดขึ้นในหัว เป็นภาพที่ชัดเจนกว่าทุกๆครั้งที่ผ่านมา
           คนคนหนึ่งกำลังจะข้ามถนนโดยไม่ได้ดูรถ ส่วนอีกคนที่เป็นเขาก็รีบวิ่งเข้าไปห้าม
           ทำไมถึงเหมือนกันได้ขนาดนี้
           มันคืออะไรกันแน่นะ
           " ขอโทษ เอ้ย! Sor... " คนตัวเล็กเอ่ยขอโทษเป็นภาษาไทยอย่างลืมตัวก่อนจะรีบเปลี่ยนมาเป็นภาษาอังกฤษแล้วจู่ๆก็ชะงักไปเมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน
           นับเป็นความบังเอิญที่เหมือนฟ้าตั้งใจ เพราะไม่ใช่แค่รู้สึกคุ้นเคย แต่คนตรงหน้ายังเป็นคนไทยเหมือนกันอีกต่างหาก

           ทิศเหนือ...
           หัวใจของผมเต้นตุบตับเหมือนจะทะลุออกมา สมองก็เหมือนถูกบีบรัดแน่นจนรู้สึกเจ็บ
           ผมจ้องคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย คุ้นเคย ห่วงหา กระทั่งประหลาดใจ ยิ่งแววตาของที่เขามองมานั้นมันเหมือนกับว่าเราเคยรู้จักหรือเจอกันมาก่อน
           " เป็นอะไรมากมั้ยครับ? " สุดท้ายก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็นเพื่อทำลายความเงียบที่อื้ออึงอยู่ในหู
           " มะ ไม่เป็นไรครับ "
           " เป็นนักท่องเที่ยวมาจากไทยหรอครับ "
           " อ่า... ครับ "
           ผมปล่อยตัวเขาให้เป็นอิสระก่อนจะก้าวถอยหลังมานิดหน่อยเป็นการเว้นระยะห่างเพื่อให้มองหน้าอีกฝ่ายได้ชัดขึ้น
           " ผมชื่อเหนือ "
           " ทิศเหนือสินะครับ... " เขานิ่งไปเหมือนพึ่งนึกได้ว่าพูดอะไรออกมา คนคนนี้รู้ชื่อจริงของผม ถ้าไม่คิดไปเอง นอกจากความบังเอิญก็แปลว่าเราอาจรู้จักกัน
           หรือเปล่านะ
           " ..... "
           " อ่า... ผมฟ้า ชื่อฟ้าน่ะครับ "
           " พอมีเวลาว่างสักหน่อยมั้ยครับ ผมคิดว่าผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ " เป็นอีกครั้งที่เขาจ้องหน้าผม คนตัวเล็กเม้มปากอย่างใช้ความคิดก่อนจะพูดออกมาในที่สุด
           " ผมว่าคงไม่หรอก "
           " ? "
           " เราไม่เคยรู้จักกันสักหน่อย จะมามีเรื่องอยากคุยกับผมได้ยังไง " รอยยิ้มจางๆจองคนตัวเล็กทำให้หัวใจผมปวดหนึบเหมือนจะร้องไห้อย่างบอกไม่ถูก
           " ถ้าไม่รู้จักกันแล้วคุณรู้ชื่อจริงของผมได้ยังไง? "
           " ...ผมก็แค่เดา มีเพื่อนผมคนนึงชื่อเหนือเหมือนคุณนั่นแหละ แถมยังชื่อจริงว่าทิศเหนือเหมือนกันด้วย บังเอิญมากเลยแฮะ "
           " งั้นหรอ ผมนึกว่าเราจะรู้จักกันซะอีก "
           " อะไรของคุณเนี่ย ผมไม่รู้สึกคุ้นหน้าคุณเลยสักนิด อยู่ๆก็มาบอกรู้จักกันแถมมีเรื่องจะคุยด้วย ถือว่าเป็นมิจฉาชีพได้หรือเปล่านะ "
           ฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก แต่กลับกัน พอมองเข้าไปนัยน์ตาของอีกฝ่าย มันช่างดูเหมือนไม่มีความสุขเอาซะเลย
           ผมวาดรอยยิ้มจางๆส่งไปให้ ถ้าเขาบอกว่าไม่รู้จักก็คงไม่รู้จักจริงๆนั่นแหละ ทั้งหมดก็แค่คิดไปเองทั้งนั้น...
           " งั้นก็ขอโทษด้วยครับ ผมคงคิดไปเอง "
           " ไม่เป็นไร ไม่ ไม่ต้องขอโทษหรอก ผมต่างหากที่ต้องขอโทษแล้วก็ขอบคุณเรื่องเมื่อกี๊ด้วย "
           " ผมเคยอยู่ประเทศไทยนะ แต่จำอะไรไม่ได้แล้ว ที่นั่นน่ะ... มีสถานที่สวยๆเยอะเลยใช่มั้ย "
          คนตัวเล็กทำท่าจะเดินหนีไปแต่ประโยคของผมก็ทำให้เขาชะงักก่อนจะหันหลังกลับมา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำแบบนี้ทำไม
           รู้แค่ว่า... อยากให้เขาอยู่ตรงหนี
           ไม่อยากให้ไปไหน
           " อาฮะ ให้ผมแนะนำไว้ล่วงหน้ามั้ยล่ะ เผื่อในอนาคตคุณอยากไป "
           " ไม่รู้สิ! พ่อกับแม่ไม่ให้ผมกลับไทยมาเป็นสิบปีแล้ว พวกเขาจะเป็นฝ่ายบินมาหาแทน ผมไม่รู้ว่าถึงอยากไปแล้วจะได้ไปหรือเปล่า "
           " ..... "
           " รู้จักเชียงใหม่หรือเปล่า? ผมเกิดที่นั่น แต่ก็อย่างที่บอก ผมจำอะไรเกี่ยวกับประเทศไทยไม่ได้ บอกได้หรือเปล่าว่าที่นั่นมันสวยมั้ย? "
           ผมรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่สะดวกในยามที่เอ่ยออกไปแต่ละประโยค ผมไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครแม้กระทั่งแม่ ไม่เคยรู้สึกอ่อนแอหรืออ่อนไหวจนอยากจะร้องไห้
           พอได้เจอเขา... คนแปลกหน้าที่คุ้นเคย
           ด้านอ่อนแอทุกอย่างที่ไม่เคยเป็นก็เหมือนถูกขุดขึ้นมา
           " สวยสิ สวยมาก สวยมากๆเลยล่ะ ผมอยากให้คุณกลับไปนะ ถ้ามีโอกาส "
           " ผมก็หวังว่าอย่างงั้น "
           " ..... "
           " เอาล่ะ ผมทิ้งญาติไว้คนเดียวคงต้องรีบไปดูแล้ว เดินทางดีๆนะครับ ขอให้เป็นทริปที่มีความสุขล่ะ " 
           ผมตัดสินใจบอกลาฟ้าแล้วหันหลังเตรียมจะเดินกลับไปหาวิเวียนที่ไม่รู้ว่าป่านนี้โดนดูดไปอยู่ร้านเหล้าที่ไหนหรือเปล่า เมาแล้วยิ่งเรื้อนๆอยู่ คงปล่อยทิ้งไว้นานไม่ได้หรอก
           " ทิศเหนือเดี๋ยว! "
           จังหวะการก้าวเดินค่อยๆหยุดลงเมื่อคนตัวเล็กตะโกนเรียกชื่อผมขึ้น 
           ผมหันกลับไปแล้ววาดรอยยิ้มจางๆขึ้นบนใบหน้า
           ก็แค่ถูกเรียกชื่อ... ทำไมถึงได้รู้สึกดีขนาดนี้กันนะ
           " ครับ? "
           " ขอให้มีความสุขเหมือนกันนะ มีความสุขมากๆ แล้วก็ขอโทษสำหรับทุกอย่าง ขอโทษจริงๆ "

           นาวา...
           'เพราะแกทำให้ลูกฉันเกือบตาย' ยังจำได้ดีว่าน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมานั้นมันแสดงออกถึงความเกลียดชังมากขนาดไหน
           พ่อของทิศเหนือหรือที่ใครๆต่างก็พากันเรียกว่าเสี่ยเมธกำลังยืนชี้หน้าด่าผมอย่างโกรธแค้นเนื่องจากเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาถูกรถชนจนอาการสาหัส
           ผมร้องไห้ออกมาเพราะรู้สึกเสียใจที่เรื่องมันเป็นแบบนี้เพึยงแค่เพราะความงี่เง่าของตัวเองล้วนๆ ถ้าผมไม่หนีพ่อกับแม่ไปเล่น เหนือก็คงไม่ต้องออกไปตามผมกลับบ้าน และเขาก็คงไม่ถูกรถชนแบบนี้
           ความผิดทั้งหมดเป็นของผม...
           เพราะผมคนเดียวที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดนี้
           ผมหลับไปเกือบสองเดือนหลังเกิดอุบัติเหตุ แม่เกือบถอดใจให้หมอถอดเครื่องช่วยหายใจแล้ว ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่รอดจากความตายแต่กลับต้องตื่นมาเจอนรกที่ทำให้รู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นแทน
           'แกมันฆาตกร' เขาพูดกระแทกเสียงด้วยประโยคนี้ก่อนจะเดินหนีไป เหนือไม่อยู่แล้ว เขายังปลอดภัยดี และตอนนี้คงกำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลชั้นนำสักแห่งในนิวยอร์ก ประเทศอเมริกา
           ทิศเหนือจะไม่กลับมาอีกเพราะพ่อแม่ของเหนือเกลียดครอบครัวของเราจนไม่อยากให้ลูกของตัวเองกลับมาเจอหรือคลุกคลีกันอีก
           แม่บอกว่าอาการของเหนือสาหัสมากจนได้ข่าวแว่วๆมาว่าเขาอาจตาบอดและสูญเสียความทรงจำทั้งหมด ใจของผมกระตุกวูบเมื่อได้ยินแบบนั้น
           ความฝันของทิศเหนือคือการได้เป็นนักบิน แต่ถ้าเขาตาบอดก็เท่ากับว่าผมเป็นฆาตกรจริงๆน่ะสิ ฆาตกรที่ฆ่าความฝันของคนอื่นด้วยความมักง่ายของตัวเอง
           ได้ยินว่าเขาจะสูญเสียความทรงจำด้วยงั้นหรอ? แสดงว่าต่อไปในหัวของทิศเหนือก็คงจะไม่มีคนชื่อนาวาอีกแล้วสินะ
           'ฟ้าไม่ใช่ฆาตกร'
           'ลูกของพ่อไม่ได้ตั้งใจ'
           พ่อกับแม่กอดผมแน่นแล้วพูดประโยคนั้นทั้งน้ำตา ผมร้องไห้จนตัวโยนเพราะรู้สึกผิดกับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น
           ทำไมต้องเป็นเขา
           ทุกอย่างที่เกิดกับทิศเหนือ...
           ทำไมมันไม่เกิดกับผมแทน
           วีรกรรมของผมเลื่องลือไปทั่วเชียงใหม่ พ่อของเหนือเล่นงานพ่อกับแม่หนักมากจนไม่สามารถอาศัยอยู่ในจังหวัดเดิมได้ สุดท้ายแล้วก็ต้องย้ายบ้านย้ายโรงเรียนมายังจังหวัดนนทบุรีในตอนอายุสิบสอง
           เพราะเหตุการในครั้งนั้นทำให้กลายเป็นคนไม่ค่อยพูดและส่งผลให้ไม่มีเพื่อน แต่ถึงมีก็คงไม่กล้าคิดไปสนิทกับใครอีกแล้วล่ะ
           พอขึ้นมัธยมต้นผมก็เริ่มฝันถึงเรื่องวันนั้นทุกคืนจนนอนไม่ค่อยหลับ พ่อกับแม่เคยพาไปหาหมอทางจิตเวช ทั้งบำบัดรักษา กินยา หรือแม้กระทั่งสะกดจิต แต่มันก็ไม่หาย ผมร้องไห้เสมอหลังจากที่สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายนั้น
           เย็นวันหนึ่งในขณะที่เดินซื้อของอยู่กับแม่ ผมเห็นโปสการ์ดใบหนึ่งเป็นรูปสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ มันคือพระธาตุดอยสุเทพที่แต่ก่อนเคยไปบ่อยๆจนแทบจะเรียกได้ว่าทุกอาทิตย์
           แวบหนึ่งชื่อของเหนือก็ลอยเข้ามาในหัว
           ป่านนี้เขาจะเป็นยังไง จะหายหรือยัง คิดถึงเชียงใหม่หรือมีความคิดอยากกลับมาบ้างหรือเปล่า
           ผมหยิบโปสการ์ดที่เป็นรูปสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่ขึ้นมาอีกสอง-สามใบแล้วแอบไปจ่ายตังค์ด้วยเงินเก็บของตัวเองโดยไม่ให้แม่รู้
           ไม่อยากให้เขารู้ว่ากำลังผิดสัญญาทั้งที่เคยบอกไปแล้วว่าจะมูฟออน
           ผมเขียนข้อความลงในโปสการ์ดนั้นทุกวัน วันละใบด้วยความคิดโง่ๆที่ว่ามันจะไปถึงทิศเหนือในสักวัน ถึงแม้ว่าความจริงโอกาสที่จะเป็นไปได้คือเลขศูนย์
           เวลาผ่านไปหลายปีโปสการ์ดที่เป็นรูปสถานี่ท่องเที่ยวมากมายในประเทศไทยก็ยังคงถูกเขียนอยู่ทุกวันอย่างสม่ำเสมอไม่มีเสื่อมคลาย

           นาวาตอนม.หก
           'นี่เป็นเกาะเสม็ดที่เหนือบอกว่าสวยมาก จนตอนนี้อายุสิบแปดแล้วฟ้าก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปที่นั่นเลยสักครั้ง เหนือเป็นยังไงบ้าง? ได้ข่าวว่าฮาวายสวยนี่ คนรักทะเลอย่างเหนือคงชอบมากเลยสิท่า แต่ไม่ว่าจะสวยขนาดไหนก็อย่าลืมทะเลของบ้านเราสิ ฟ้าน่ะ... รอไปกับเหนืออยู่นะ'

           นาวาตอนปี1
           'ฟ้าสอบเข้านิเทศได้ด้วยแหละ พ่อจะให้ของขวัญเป็นการขอไปเที่ยวที่ไหนก็ได้1ที่ สุดท้ายฟ้าก็เลือกมาเที่ยวเกาะพีพี้เพราะแค่ดูในรูปก็รู้แล้วว่าสวยมาก อยากให้เหนือมาด้วยจัง'

           นาวาตอนเรียนจบ
           'รู้หรือเปล่าว่าฟ้ารับปริญญาแล้วนะ พ่อกับแม่ถอยรถป้ายแดงคันนึงให้เป็นของขวัญ เขาบอกว่าอยากไปเที่ยวไหนจะได้ขับไปเองได้ ฟ้ารับกุญแจมาถือไว้แต่ยังไม่เคยใช้มันหรอกเพราะตอนนี้ฟ้ากำลังตื่นเต้นกับของขวัญที่ซื้อให้ตัวเองอยู่ เหนือ... นิวยอร์กมันดีมากเลยหรอถึงไม่ยอมกลับมา ฟ้าจะลองไปเที่ยวดูนะ'

           ผมเก็บมันเข้าไปในลิ้นชักแล้วหยิบตั๋วเครื่องบินที่แนบอยู่กับพาสปอร์ตขึ้นมาดู ตอนแรกพ่อกับแม่ไม่ยอมเมื่อรู้ว่าผมจะไปที่นั่นเพราะคิดว่าผมจะไปตามหาเหนือ ไร้สาระใช่ไหมล่ะ
           ผมไม่ได้จะไปพลิกแผ่นดินตามล่าหาตัวเขาสักหน่อย คิดถึงน่ะใช่ แต่ถ้าให้เจอหน้ากันขอเซย์กู๊ดบายดีกว่า ตอนนี้ก็แค่อยากจะไปเห็นเท่านั้นแหละว่านิวยอร์กมันเป็นยังไง
           'จำได้ใช่มั้ยว่านาวากับทิศเหนือเป็นคนอื่นต่อกันแล้ว ลูกกับเขาไม่รู้จักกัน'
           ประโยคนั้นเป็นประโยคสุดท้ายที่แม่พูดก่อนผมจะเดินเข้าเกตมา ใช่! เราเป็นคนอื่นต่อกันแล้วถึงแม้จะไม่ได้อยากเป็นก็เถอะ 
           เสี่ยเมธกับคุณหญิงนุชคงรู้สึกไม่พอใจแน่ถ้าผมพยายามเอาตัวเองกลับเข้าไปในชีวิตของลูกเขาอีก
           ตอนนี้ผมยืนอยู่ยืนอยู่ในนิวยอร์ก อดตื่นเต้นไม่ได้เหมือนกันแฮะ นี่เป็นการมาเที่ยวต่างประเทศคนเดียวเป็นครั้งแรกซะด้วย
           ถึงแม้จะเป็นเมืองหลวงของประเทศเหมือนกันแต่ที่นี่ก็ต่างจากกรุงเทพอยู่มากโข ที่เห็นได้ชัดๆก็คงจะเป็น... ความสะอาดล่ะมั้ง ฟุตบาธด้วย ไม่เห็นเหมือนแถวหน้ามหา'ลัยเลยสักนิด ตอนปีหนึ่งเคยพังยังไง จบปีสี่ก็ยังเป็นแบบนั้นแถมเละกว่าเดิมด้วย
           นิวยอร์กมันดูกว้างแบบกว้างมากๆแถมคนก็เยอะด้วย ลองคิดเล่นๆดูนะว่าถ้าสมมติเราบังเอิญเจอกันจะเป็นยังไง
           เพ้อเจ้อว่ะฟ้า
           เหนือจำเราไม่ได้นี่นา
           ผมเดินมาเรื่อยๆจนโผล่ที่อีกฝั่งของไทม์แสควร์ แอบยกมือขึ้นมาปาดหน้านิดหน่อย ผมค่อนข้างขี้ร้อนนะ เพราะฉะนั้นต่อให้อากาศหนาวจนติดลบแค่ไหนก็เหงื่อออกได้เหมือนกัน
           ฝั่งนั้นดูครึกครื้นน่าสนใจดีแฮะ ผมก้าวลงไปบนถนนกำลังจะข้ามทางม้าลายโดยที่ไม่ได้ดูว่าตอนนี้ไฟเขียวหรือไฟแดง 
           อ่า... นั่นน่ะเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ได้เลยแหละ เวลารอข้ามถนนถ้าไม่มีใครไปด้วยผมมักจะเดินลงไปบนถนนโดยไม่ทันรู้ตัว
           ปรี๊นนนน!
           " Be careful!!! "
           รถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็ว เสียงแตรดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนของใครสักคนแถวนี้ดังขึ้นก่อนตัวผมจะถูกกระชากขึ้นไปบนฟุตบาธโดนไม่ทันตั้งตัว ทำเอาเกือบเสียหลักเซล้มลงไป
           แต่โชคดีที่เขาจับแขนเอาไว้อยู่
           ผมยืนนิ่งสักพักด้วยหัวใจเต้นแรงอย่างตื่นตระหนก เรี่ยวแรงเหือดหายไปจนหมด ไม่เหลือแม้กำลังที่จะเงยหน้าขึ้นไป
           ภาพเหตุการณ์เมื่อสิบกว่าปีก่อนไหลเข้ามาในหัวโดยอัตโนมัติ สถานการณ์เหมือนกันเป๊ะ
           วันนั้นก็เป็นแบบนี้... กำลังจะข้ามถนนแบบไม่ดูทาง
           วันนั้นทิศเหนือวิ่งเข้ามาช่วยผมแต่ก็ไม่ทัน... ทว่าครั้งนี้ผมกลับปลอดภัย
           " ขอโทษ เอ้ย! Sor... " ผมเผลอขอโทษเป็นภาษาไทยอย่างลืมตัวก่อนจะรีบเปลี่ยนมาเป็นภาษาอังกฤษก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองคู่สนทนา
           ทันทีที่สบตากันก็รู้สึกราวกับว่าโบกทั้งใบหยุดหมุนลง
           ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังแสดงสีหน้าหรือท่าทางแบบไหนอยู่กันแน่ รู้แค่ว่าหัวใจตอนนี้กำลังเต้นแรงซึ่งไม่ใช่สาเหตุจากการเฉียดตายเมื่อสักครู่แล้ว
           ทิศเหนือกำลังยืนอยู่ตรงหน้า
           เขาที่เป็นเขาจริงๆกำลังยืนอยู่ตรงนี้
           ถึงแม้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมในวัยเด็ก แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนและตาตรึงอยู่ในหัวนั่นก็คือแววตา... ผมจำแววตาของเขาได้
           เรายืนจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครยอมพูดอะไรออกมา ความน่าอึดอัดเข้าปกคลุมบรรยากาศโดยรอบ
           เหนือ ใช่ทิศเหนือจริงๆใช่มั้ย นี่ฟ้านะ จำได้หรือเปล่า?
           ประโยคที่เป็นได้เพียงความคิด ยังไงก็ไม่กล้าถามหรอก ถ้าคนตรงหน้ารู้ว่าผมคือคนที่ทำให้เขาเป็นนักบินไม่ได้ คงรู้สึกเกลียดกันน่าดู
           " เป็นอะไรมากมั้ยครับ? " เขาเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเพื่อไล่ความน่าอึดอัดออกไป รู้ว่าผมเป็นคนไทยคงเพราะเผลอพูดคำว่าขอโทษออกไปเมื่อสักครู่นี้ล่ะมั้ง
           " มะ ไม่เป็นไรครับ "
           " เป็นนักท่องเที่ยวมาจากไทยหรอครับ "
           " อ่า... ครับ " ความผิดหวังเข้ากัดกินหัวใจเมื่อได้ยินคำถามแบบนั้น
           เหนือจำผมไม่ได้
           ถึงแม้ปากจะบอกว่าเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว แต่ในใจก็อดไม่ได้เหมือนกันที่จะรู้สึกเฟลนิดๆ
           เขาปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระก่อนจะก้าวถอยหลังไปสอง-สามก้าว จากจุดที่ยืนอยู่ผมมองเห็นหน้าเขาได้อย่างชัดเจน
           ทำไมถึงโตมาหล่อขนาดนี่กันนะ
           " ผมชื่อเหนือ "
           ใช่... ทิศเหนือ
           " ทิศเหนือสินะครับ... " 
          ผมนิ่งไปเมื่อเผลอพูดในสิ่งที่ใจคิด เหนือเองก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ยืนนิ่งๆแล้วมองมาเหมือนกำลังรอให้อธิบาย อ่า! จะทำยังไงดีนะ
           ปล่อยเบลอไปเลยแล้วกัน
           " ..... "
           " อ่า... ผมฟ้า ชื่อฟ้าน่ะครับ "
           " พอมีเวลาว่างสักหน่อยมั้ยครับ ผมคิดว่าผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ " 
           คำถามของเขาทำให้ผมเม้มปากโดยอัตโนมัติ เหนือจำผมไม่ได้ก็จริง แต่คงคุ้นหน้ากันไม่น้อยถึงได้เอ่ยแบบนั้นออกมา
          ซึ่งไม่ดีแน่
           " ผมว่าคงไม่หรอก "
           " ? "
           " เราไม่เคยรู้จักกันสักหน่อย จะมามีเรื่องอยากคุยกับผมได้ยังไง " 
           คำพูดของแม่ผุดขึ้นในหัว ผมเลยเลือกที่จะพูดออกไปแบบนั้นแล้ววาดร้อยยิ้มจางๆส่งไปให้
           ทิศเหนือดูผิดหวังนิดหน่อยแต่ก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ผมพยายามตั้งสติแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อปลอบไม่ให้ตัวเองปล่อยโฮออกมาตอนนี้
           " ถ้าไม่รู้จักกันแล้วคุณรู้ชื่อจริงของผมได้ยังไง? "
           " ...ผมก็แค่เดา มีเพื่อนผมคนนึงชื่อเหนือเหมือนคุณนั่นแหละ แถมยังชื่อจริงว่าทิศเหนือเหมือนกันด้วย บังเอิญมากเลยแฮะ "
          กลั้นใจพูดออกไปแบบนั้น เพราะยังไงซะ ถึงแม้จะเป็นคนเดียวกันแต่ทิศเหนือในตอนสิบขวบต่างหากที่รู้จักผม
           " งั้นหรอ ผมนึกว่าเราจะรู้จักกันซะอีก "
           " อะไรของคุณเนี่ย ผมไม่รู้สึกคุ้นหน้าคุณเลยสักนิด อยู่ๆก็มาบอกรู้จักกันแถมมีเรื่องจะคุยด้วย ถือว่าเป็นมิจฉาชีพได้หรือเปล่านะ "
           ผมแกล้งพูดให้มันดูตลก แต่ความรู้สึกกลับไม่ได้ตลกเลยสักนิด ในใจของผมกำลังร้องไห้ มันทั้งปวดหนึบและเจ็บจนชาไปหมด
           เหนือส่งยิ้มมาให้ เป็นยิ้มจางๆที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนยังคงดูสวยวามและอบอุ่นเสมอ
           ถ้าเหนือรู้ความจริงจะยังยิ้มให้ฟ้าแบบนี้มั้ย...
           " งั้นก็ขอโทษด้วยครับ ผมคงคิดไปเอง "
           " ไม่เป็นไร ไม่ ไม่ต้องขอโทษหรอก ผมต่างหากที่ต้องขอโทษแล้วก็ขอบคุณเรื่องเมื่อกี๊ด้วย "
           ผมขอโทษแล้วหันหลังเตรียมจะเดินออกมาจากตรงนั้น แต่ประโยคถัดมาก็ทำให้จังหวะการก้าวเดินชะงักไป สายตาหันกลับไปโฟกัสใบหน้าหล่ออีกครั้ง
           " ผมเคยอยู่ประเทศไทยนะ แต่จำอะไรไม่ได้แล้ว ที่นั่นน่ะ... มีสถานที่สวยๆเยอะเลยใช่มั้ย "
           " อาฮะ ให้ผมแนะนำไว้ล่วงหน้ามั้ยล่ะ เผื่อในอนาคตคุณอยากไป " แกล้งถามไปอย่างงั้นแหละ ยังไงเขาก็ไม่กลับไปหรอก
           " ไม่รู้สิ! พ่อกับแม่ไม่ให้ผมกลับไทยมาเป็นสิบปีแล้ว พวกเขาจะเป็นฝ่ายบินมาหาแทน ผมไม่รู้ว่าถึงอยากไปแล้วจะได้ไปหรือเปล่า "
           เหนืออยากรู้มั้ยว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
           เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงนี้นี่ไง
           คนนิสัยไม่ดีที่ทำลายทุกอย่างของเหนือ ไม่ว่าจะเป็นความฝัน หรือแม้กระทั่งความทรงจำ
           ท้องฟ้าผืนนี้ไม่คู่ควรให้นักบินขึ้นมาหาหรอก
           " ..... "
           " รู้จักเชียงใหม่หรือเปล่า? ผมเกิดที่นั่น แต่ก็อย่างที่บอก ผมจำอะไรเกี่ยวกับประเทศไทยไม่ได้ บอกได้หรือเปล่าว่าที่นั่นมันสวยมั้ย? "
           ถ้าเรื่องวันนั้นไม่เกิดขึ้น ตอนนี้เราสองคนก็คงเป็นคู่ซี้ที่ตัวติดกันมากๆเลยมั้ง
           " สวยสิ สวยมาก สวยมากๆเลยล่ะ ผมอยากให้คุณกลับไปนะ ถ้ามีโอกาส "
           " ผมก็หวังว่าอย่างงั้น "
           " ..... "
           " เอาล่ะ ผมทิ้งญาติไว้คนเดียวคงต้องรีบไปดูแล้ว เดินทางดีๆนะครับ ขอให้เป็นทริปที่มีความสุขล่ะ " 
           เหนือเอ่ยลาก่อนจะหันหลังกลับไป ผมรู้ดีว่าไม่ควรเอาตัวเองกลับเข้าไปในชีวิตของเขาอีก แต่รู้สึกว่าอย่างน้อยก็ควรทำในสิ่งที่ต้องทำซึ่งไม่เคยมีโอกาสมาก่อนเลยสักครั้ง
           " ทิศเหนือเดี๋ยว! "
           เขาหันมา
           ใบหน้าหล่อนั้นกำลังส่งยิ้มมาให้
           อ่า... ทำยังไงดีนะ
           " ครับ? "
           " ขอให้มีความสุขเหมือนกันนะ มีความสุขมากๆ แล้วก็ขอโทษสำหรับทุกอย่าง ขอโทษจริงๆ "
           อย่างน้อยก็ได้ขอโทษสำหรับเรื่องราวที่ผ่านมา เหนือพยักหน้ารับก่อนแผ่นหลังกว้างนั้นจะจมหายไปกับฝูงชน
           จริงๆแล้วโลกก็ยังไม่ใจร้ายเกินไป
           ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมกลับมาเจอเขาอีกครั้ง
           นาวามูฟออนได้แล้วจริงๆ หลังกลับมาจากทริปนิวยอร์ก ผมก็เลิกเขียนโปสการ์ด เลิกทำทุกอย่างที่ทำให้ติดอยู่กับอดีตเดิมๆเพราะคิดว่ายังไงซะ ชีวิตคนเราต้องการวันต่อไป
           พายุฝนทำให้ท้องฟ้ามืดมิดมานานหลายปี แต่ตอนนี้... พายุสงบแล้ว ท้องฟ้ากลับมาสดใสเหมือนเดิมถึงแม้จะมีเมฆครึ้มอยู่บางส่วน
           ตอนนี้ผมอายุสามสิบ ทำงานเป็นหนึ่งในผู้บริหารช่องทีวีเคเบิลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและอิทธิพลต่อวัยรุ่นเกือบทั้งประเทศ ส่วนพ่อกับแม่ก็มีความสุขดีกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังไปได้สวย
           การ์ดทั้งหมดยังถูกเก็บเอาไว้อย่างดีแม้ว่าจะเลิกเขียนไปนานแล้ว ผมยังคิดถึงทิศเหนือ แต่ไม่ได้คิดถึงแบบงมงายเหมือนที่ผ่านมา
           อย่างน้อยก็... ในฐานะคนเคยรู้จักกัน
           หลายปีแล้วนับตั้งแต่ที่นิวยอร์กคราวนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีก อยากรู้จังเลยว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง ไม่แน่นะ ตอนนี้ทิศเหนืออาจจะแต่งงานกับใครสักคนพร้อมกับมีลูกตัวเล็กๆแล้วก็ได้
           ช่างเถอะ
           อย่างน้อยก็หวังว่าเขาจะมีความสุข
           " กลับก่อนนะครับ " บอกลาเลขาของตัวเองก่อนจะเดินมาขึ้นรถแล้วขับออกมาจากบริษัทเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย
           วันนี้คนในห้องประชุมโคตรงี่เง่า บางทีก็โมโหจนอยากปาแฟ้มเอกสารใส่หน้าแล้วลาออกให้รู้แล้วรู้รอดไป
           ตอนนี้ขับรถมาเรื่อยๆจนถึงเอเชียทีค ทีแรกก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก พอรู้ตัวอีกทีก็มาโผล่อยู่ที่นี่ซะแล้ว ผมเดินมายืนอยู่บริเวณริมแม่น้ำ จากตรงนี้จะสามารถมองเห็นไอค่อนสยามที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำได้ด้วย
           ผมท้าวแขนไว้กับรั้วเหล็กก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้า
           วันนี้บรรยากาศดีมาก
           ดูสิ ดาวระยิบเต็มท้องฟ้าเลย
           " วันนี้ฟ้าสวยจังเลยนะครับ " เนิ่นนานที่ต้องมองท้องฟ้าอยู่อย่างนั้น อยู่ดีๆก็มีใครบางคนเดินมายืนข้างๆกันก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้น
           ผมค่อยๆหันไปมองอีกฝ่ายพร้อมด้วยหัวใจที่กระตุกวูบและความรู้สึกอีกมากมายที่อธิบายไม่ถูก
           ทิศเหนือยืนอยู่ตรงนี้
           เขากำลังส่งยิ้มมาให้
           " สวย... แต่ใจร้ายไปหน่อย "
           " คะ คุณ "
           " ทำไมใช้สรรพนามห่างเหินจังเลยล่ะ คนรู้จักกันแท้ๆ " หัวใจผมเต้นแรงขึ้นอีกเมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้น
           ความรู้สึกดีใจฉายชัดอยู่เต็มอกจนทำอะไรไม่ถูก
           เขาจำได้แล้วหรอ?
           " ..... "
           " กรุงเทพมันสวยอย่างงี้เองถึงได้มีคนติดใจจนไม่ไปนิวยอร์กอีก "
           " เหนือ "
           " สบายดีมั้ยฟ้า "
           อยู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาหลังจากได้ยินประโยคที่แสนอบอุ่นนั้น มือหนาเอื้อมมาปาดมันออกไป ผมชะงักกับการกระทำนั้นและกำลังจะก้าวถอยหลังออกมาเพื่อเว้นระยะห่าง แต่ทว่าเขาก็เอื้อมมือมาจับแขนทั้งสองข้างเอาไว้ซะก่อน
           " อุตส่าห์ตามหาตั้งนานพอเจอก็จะหนีไปอีกแล้วหรอ "
           เสียงของเขาสั่นเล็กน้อยแต่ก็ยังคงควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ได้ดีมาก
           " ไม่โกรธหรอ? " 
           " เรื่องอะไรล่ะ " ทิศเหนือถามกลับด้วยสีหน้าสงสัย เขายังคงจับแขนของผมเอาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าจะหายไป
           " เหนือเป็นนักบินไม่ได้เพราะฟ้า "
           " ..... "
           " ..... "
           " อย่าโทษตัวเองเลย คิดว่าเป็นแบบนี้มันดีแล้วล่ะ ดีที่สุดเลยด้วยซ้ำ "
           " หมายความว่าไง? เหนือไม่ได้อยากเป็นนักบินหรอกหรอ? "
           "  ไม่รู้สิ ความรู้สึกอยากเป็นนักบินมันไม่มีอยู่ในหัวเลยด้วยซ้ำ ถ้าแม่หรือคนอื่นๆไม่พูดให้ฟังก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าเคยอยากเป็น "
           " สิ่งที่ฝันมาตลอดเลยนะ  ลืมได้ไง "
           " ตอนนี้ความฝันของเหนือไม่ใช่นักบิน แต่เป็นการได้ความทรงจำที่เรียกว่าฟ้ากลับคืนมา "
           " ..... "
           " พ่อกับแม่บอกให้เหนือกลับมาตามหาท้องฟ้าของตัวเอง พวกเขารู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นและอยากขอโทษฟ้านะ "
           " ..... "
           " ฟ้า " 
           " หื้ม? "
           " กลับมาเป็นท้องฟ้าของทิศเหนือเหมือนเดิมได้มั้ยครับ "
           ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
           ผมรู้สึกว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา... มันคุ้มค่าที่จะรอ
           ขอบคุณนะทิศเหนือ
           ขอบคุณที่กลับมา

      #ทิศเหนือนาวา

      Talk :
           เป็นอารมณ์วูบค่ะ555
           จริงๆอยากเขียนนินายแนวนี้มากแต่ไม่ถนัดก็เลยทำออกมาเป็นรูปแบบเรื่องสั้นแทน ถ้าภาษายังไม่โอเคหรือคำไม่สมูธก็อภัยกันเด้ออออ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×