ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Miracle of ambassador

    ลำดับตอนที่ #1 : ความทรงจำ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ส.ค. 48


    หญิงสาวผมยาว ใส่เสื้อคุมสีเทา ยาวเกือบจะถึงพื้น นั่งไขว้ขาบนเก้าอี้ไม้ที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง

    ที่อยู่ลึกเข้ามาในตรอกซอยของอาคารไม้ร้างๆของหมู่บ้าน ที่ฝั่งตรงข้ามของเธอมีร่างชายที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด

    เสียงหายใจเสียงติดติดขัดขัดของเขาบอกได้ว่า เขากลัวจนถึงขีดสุด



    “ ไม่ต้องกลัวไปหรอก เดี๋ยวชั้นจะเล่าอะไรให้ฟัง ”หญิงสาวพูดพลางก้มหน้า ทำให้เส้นผมค่อยๆปกหน้าเธอ



    “เมื่อประมาณ12ปีก่อน มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง”หญิงสาวพูด เงียบไปซักพักเธอก็พูด



    “เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่น้อมถวายการรับใช้ให้แก่พ่อและแม่เลี้ยงของเธอ กลางดึกของคืนหนึ่ง เด็กหญิงคนนั้นก็ทำงานอย่างหนักตามเดิม เธอมีความรู้สึกดีกับการที่ได้รับใช้พ่อของเธอดีกว่าที่จะต้องถูกทอดทิ้ง เธอหาบน้ำอย่างทุลักทุเลไปเทใส่ถัง เพราะมันหนักมากหนักเกินกว่าเด็กอายุ6ปีจะสามารถทำได้ แต่เธอก็ยังทำ  เธอกลับไปที่บ่อน้ำอีกครั้งเพื่อที่จะได้ตักน้ำเป็นรอบสุดท้าย แต่สิ่งที่เธอเจอในบ่อน้ำนั้นคือมีหญิงชราตกลงไปในนั้น น้ำหนักของหญิงชราคงไม่หนักเท่ากับน้ำที่เธอหาบหรอก เธอปลอบใจตัวเอง เธอพยายามช่วยอย่างสุดแรง จนหญิงชราขึ้นมาได้ เธอรีบพาหญิงชราคนนั้นไปที่อาคารรักษาพยาบาล  เช้าวันรุ่งขึ้นเรื่องของเธอก็ได้กระจายไปอย่างแพร่หลายในหมู่บ้านนั้น

    เธอเป็นที่รักใคร่ของคนในหมู่บ้านมาก ”เธอพูด



    “ กลางดึกของคืนนั้น เธอก็ไปหาบน้ำเหมือนเดิม ระหว่างทางเธอถูกคนใส่ชุดดำฉุดไปในที่มืดๆที่ไหนซักแห่งในป่า แล้วเขาก็ลงมือที่จะฆ่าเธอ ”



    “รู้มั้ย ว่าชายชุดดำนั้นเป็นใคร ”หญิงสาวชวนชายที่จมอยู่ในกองเลือดคุย ชายคนนั้นส่ายหน้าเบาๆ



    “เขาเป็นพ่อของเธอนั่นแหละ”เธอพูดแล้วหัวเราะเบาๆ



    “หึ หึ ใครจะไปรู้ว่าพ่อแท้ๆจะลงมือฆ่าลูกของตัวเองได้ เพราะแค่เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นที่รักใคร่ของคนในหมู่บ้านมาก

    มากซะจนแม่เลี้ยงไปเป่าหูให้พ่อของเธอสามารถฆ่าเธอได้ ”หญิงสาวคนนั้นพูด



    “ ละ....และ...แล้วเป็น...ยะ..ยังไง..ตะ..ต่อไป ”ชายที่จมอยู่ในกองเลือดพูดเพื่อพยายามต่อชีวิตของตน



    “ ตาย  แต่ไม่ใช่เธอที่ตาย แต่มันเป็นพ่อของเธอ ”เธอพูดต่อ



    “ตอนนั้น เธออ้อนวอน ร้องขอชีวิตอย่างถึงที่สุดแต่มันไม่มีผลเธอตะเกียกตะกายเพื่อที่จะหนี แต่มันไม่มีผล เพราะพ่อของเธอจับเธอมัดไว้

    เธอกลัวมาก เธอกลัว กลัวจนแทบคลั่งเธอคิดว่าเธอกำลังจะตาย  ตอนที่พ่อของเธอกำลังง้างมีด จิตใจในส่วนลึกๆของเธอได้ตื่นขึ้นจากการ

    หลับใหล ดวงตาของเธอนั้นกลายเป็นสีเขียวมรกต สีหน้าของเธอเปลี่ยนแปลงไป เธอจ้องที่ดวงตาของพ่อของเธอ  วันต่อมาชาวบ้านก็มาเจอศพพ่อของเธอ สภาพศพเละไปหมดไม่มีชิ้นดี เธอที่แอบมองอยู่ห่างๆด้วยความกลัวเธอวิ่งหนีเข้าไปในป่า เธอเข้าไปลึกมาก ตอนนั้นรู้มั้ย เธอหนะหดหู่ อ้างว้างมาก แต่เธอขอสู้ต่อไป



    ตอนนั้นเอง เธอได้เห็นแม่ของเธออีกครั้ง ความรู้สึกนั้นมันชั่งดีที่สุดแล้ว เธอรีบโผเข้ากอดแม่แล้วเธอก็หลับไปตรงนั้น ”หญิงสาวคนนั้นพูดพลางเงยหน้าขึ้น เธอปาดผมดำขลับออกจากหน้า



    “ ชั้นหนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเล่าออกมาทำไม ”น้ำตาของเธอที่กลั้นไว้เล็ดลอด ทำให้ที่เหลือยิ่งไหลออกมาอีก

    เธอปาดน้ำตาทิ้งแล้วปรับสีหน้า



    “พวกมันมาแล้ว ”เธอพูดแล้วลุกขึ้น ยืนรออยู่ที่หน้าประตู



    “ลืมไปว่าพวกมันไม่เคยใช้ประตู ”เธอรีบถอยออกมาจากผนังไม้ผุๆนั้น



    ปัง!!! เสียงอะไรบางอย่างพยายามพังผนังเข้ามา เสียงมันเงียบไป

    “ทำเป็นทะเลเงียบนะ”หญิงสาวคนนั้นแสแยะยิ้ม



    “ถ้าผนังสองชั้นหละจะพังเข้ามาได้มั้ยขอลองหน่อยนะ”เธอยืนตรงแล้วยกมือขวาขึ้นมาที่ระดับสายตา แล้วหันฝ่ามือไปที่ผนัง เธอจึงเหยียดแขนตรง ส่วนมือซ้ายเธอยกตั้งฉากกับพื้นแล้วพับฝ่ามือเข้าหาแขนขวา

    ส่วนลึกๆในจิตใส่สั่งให้ดวงตาของเขาเป็นสีเขียว



    “โซนา โค แชฟี”แสงสีเขียวม้วนออกมาจากฝ่ามือของเธอ



    คลืนนนน เหล่ามวลไม้ผุดขึ้นมากลายเป็นกำแพงขนาดใหญ่



    ปังง!!! เสียงอะไรบางอย่างทำลายผนังได้สำเร็จแต่มันต้องเจอด่านกำแพงของหญิงสาวคนนั้นอีก



    “ชั้นเกือบลืมนายไปแล้วนะเนี่ย”ตาสีเขียวมรกตจ้องไปที่ชายที่จมกองเลือด



    “ มานเตโนมาดึ ”เหล่าพืชพันธุ์ค่อยๆเลื้อยขึ้นมาอ้อมชายคนนั้นไว้มันอ้อมขึ้นไปเรื่อยๆจนครอบตัวชายคนนั้นไว้

    เงียบไปซักพัก หมู่มวลไม้นั้น เริ่มกลายเป็นสีเหลือง แล้วก็เป็นสีขาว เมื่อลมพัดมา พืชพวกนั้นก็กลายเป็นผงแล้วก็ลอยหายไป ทำให้เห็นชายคนนั้นจากหน้าตาจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ก็ดูมีกำลังขึ้นทันที



    “เป็นไง รู้สึกดีขึ้นมั้ย ”หญิงสาวคนนั้นถาม



    “ก็ดีมากหละนะ ขอบคุณมากนะ มอลรีน”ชายคนนั้นพูด



    “ถ้านายไม่เป็นไรแล้วชั้นขอตัวก่อนหละ วันนี้ชักจะคันไม้คันมือยังไงก็ไม่รู้”เธอพูดพลางยักคิ้วให้เขา



    เสียงทำลายกำแพงยังดังอย่างต่อเนื่อง เธอจึงเดินไปทางด้านหลังของร้าน เดินผ่านจากเคาร์เตอร์ ผ่านเข้าไปที่ห้องครัว จึงออกนอกร้านได้  ข้างหลังของร้านนั้นเป็นเหมือนห้องสี่เหลี่ยมที่ไม่มีหลังคา ที่ด้านทั้ง 4 เป็นทางตันหมด มอลรีนจึงกระโดดขึ้นไปที่หลังคาของร้านเหล้า เธอย่องอย่างเงียบฉี่



    เธอค่อยๆเอนตัวไปดูพวกมัน



    “6 ตัวเชียวหรอ ”เธอพึมพำ ถ้าเธอลงไปตอนนี้มันก็จะหันมารุมเธอ แต่มันก็เป็นการดีกับคนที่อยู่ในร้าย เพราะกำแพงของเธอไกล้จะพังเต็มทีแล้ว



    “ใช่ วิธีนั้นไง ”ความคิดเริ่มผุดขึ้นมา



    เมื่อนึกได้เธอจึงรีบกลับไปทางเดิม เมื่อเธอเข้ามาที่ร้านเหล้าอีกครั้ง เธอจึงเริ่มหาของที่ต้องการ  



    “ได้แล้ว”เธอจึงรีบหอบของสองสิ่งนนั้นกลับมาที่หลังคาเหมือนเดิม



    “มามะ อาหารมาแล้ว ”เธอรีบโยนแผ่นเนื้อขนาดใหญ่ลงไป พวกเบิ๊ร์กปีศาจถ้ำทั้ง 6 ตัวหันไปมองมันรีบวิ่งไปที่แผ่นเนื้อนั้นแล้วลงมือใช้เขี้ยวที่แหลมคมฉีกเนื้อกิน



    “เสร็จฉันหละ”



    “โซนา โค แชฟี!!”กำแพงผุดขึ้นล้อมพวกเบิร๊กไว้ แต่พวกมันไม่สนใจมันยังลงมือกินไปเรื่อยๆ  กำแพงนั้นเคลื่อนเข้าไปหามันเรื่อยๆจนติดตัวมัน พวกมันไม่มีที่จะยืนแล้ว มันต้องเบียดเสียดกันอยู่ตรงนั้น



    มอลรีนกระโดดไปที่กำแพง ก้มลงดูพวกมัน แล้วเลิกคิ้วให้



    “เอาเหล้าหน่อยมั้ย”เธอพูดแล้วโชว์ถังเหล้าขนาดย่อมๆให้มันดู



    เสียงมันเริ่มกรีดร้องเพราะพวกมันกลัวน้ำมาก น้ำสามารถทำให้มันช๊อกตายได้เมื่อโดนตัวมัน



    “แล้วพวกแกมาที่ร้านเหล้าทำไม ถ้ากลัวเหล้าอะ เอาไปกินซะ”เธอชกที่ถังเหล้าจนแตก เหล้าไหลลงไปถูกตัวพวกมันล้มลงทีละตัว ทีละตัว จนหมด



    “อยากซ่าดีนัก”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×