ตอนที่ 15 : 12 เปลี่ยนไปอย่างเงียบ ๆ (2)
ตอนนี้จะเป็นตอนสุดท้ายที่ลงให้อ่านนะคะ
แล้วพบกันใหม่ในแบบรูปเล่มค่ะ
ขณะที่ฟู่อวี้พูดประโยคนี้ เสียงพลุก็ดังกลบหูของเวิงอวี่
เสียงดังของพลุฉลองวันขึ้นปีใหม่ ทำให้หญิงสาวต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดหู พลางหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน ปิดประตูระเบียง แล้วจึงหันมาคุยวิดีโอคอลกับเขาต่อ
“ฟู่อวี้ คุณพูดว่าอะไรนะคะ ฉันได้ยินไม่ชัดเลย...” เธอเดินไปนั่งลงบนเตียง “เมื่อกี้เสียงพลุดังมากเลยค่ะ...”
ฟู่อวี้ที่อยู่อีกฝั่งคลี่ยิ้ม “เรื่องดี ๆ ไม่มีรอบสองครับ”
“ห๊า” เวิงอวี่ฟังคำตอบจากเขาแล้วเบะปาก เอ่ยขัด “ไม่ได้ค่ะ คุณต้องบอกฉันมา ไม่ยังงั้นต้องให้ฉันลองเดาดู...”
ในความรู้สึกของเธอ คล้ายกับว่าเธอเพิ่งจะพลาดเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ไป
ฟู่อวี้ไม่พูดอะไร ได้แต่หัวเราะน้อย ๆ
“เฮ้...คุณอย่าเอาแต่หัวเราะสิคะ...คุณพูดอะไรกับแม่ของฉันกันแน่” เธอขมวดคิ้ว “แม่ฉันเรียกคุณว่าอาอวี้อย่างกับรู้จักกันมานาน ก่อนคุณจะโทร.มา ฉันยังกลัวแทบตายว่าจะถูกแหวกอก...”
“ไม่หรอกครับ” เขายิ้มนิด ๆ “คุณเป็นลูกสาวของพวกท่านนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกท่านก็ไม่มีทางว่าคุณแน่นอน”
“ก็ใช่ค่ะ...”
ในฤดูหนาว ความอบอุ่นภายในบ้านมักจะทำให้ผู้คนเกียจคร้าน เช่นเวิงอวี่ที่ตอนนี้เอนตัวลงนอนบนเตียงอย่างแสนสบาย พลางยกโทรศัพท์ขึ้นมาส่งยิ้มกว้างให้คนปลายสาย
“ถ้าฉันโดนว่า ฉันก็จะทำตัวเอาแต่ใจ แกล้งงอนพวกท่านค่ะ ตั้งแต่เล็กจนโตฉันก็ทำแบบนี้แหละ”
หญิงสาวเล่าด้วยท่าทางสนุกสนาน ไม่รู้สึกตัวเลยว่าเธอกำลังถูกเขาหลอกล่ออยู่ ทั้งยังลืมไปแล้วว่าเธอกำลังพยายามหาคำตอบว่าเขาพูดอะไรกับแม่
ฟู่อวี้มองสีหน้าท่าทางน่ารัก ๆ ของเวิงอวี่ผ่านหน้าจอ บอกเธอว่า “คราวหน้าถ้าคุณโดนดุอีกก็ให้วิ่งมาหลบอยู่หลังผม”
“...คะ” เธอถาม คล้ายกับยังไม่เข้าใจความหมายของเขา “หมายความว่ายังไงคะ...”
ชายหนุ่มมองสีหน้างงงวยของเธอ ก็ได้แต่ถอนหายใจในใจ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเดิม “เด็กโง่”
เวิงอวี่ชะงักไปชั่วครู่ แก้มแดงระเรื่อ “...ฉันรู้ค่ะว่าคุณฉลาด”
“ครับ” เขาตอบรับอย่างลื่นไหล “ในเมื่อผมฉลาดขนาดนี้แล้ว คราวหลังคุณก็ทำตัวเอาแต่ใจกับผมก็พอ ผมต้องคิดหาวิธีที่ทำให้คุณไม่ต้องโดนดุได้แน่ ๆ
“ผมสามารถปกป้องคุณได้ คุณจะได้ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป” สุดท้ายเขาก็ค่อย ๆ พูดประโยคนี้ออกมา
ทั้งคู่ต่างรู้ว่า ชายหนุ่มเองไม่เคยพูดอะไรแบบนี้มาก่อน เมื่อเวิงอวี่ฟังแล้วก็รู้สึกคล้ายกับมีค้อนเล็ก ๆ กำลังกระหน่ำตีอยู่ในใจของเธอ
นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรับรู้ถึงความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อฟู่อวี้ได้อย่างชัดเจน
ความรู้สึกแบบนี้ สำหรับเธอแล้วไม่คุ้นเคยเลยสักนิดเดียว และเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้เพื่อนสนิทฟังว่าเธอเกิดความรู้สึกแบบนี้ได้ยังไง
ตอนที่คบกับเหยียนเฉียว เธอก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้
ฟู่อวี้เอนตัวอยู่บนเก้าอี้นอน มองใบหน้าแดง ๆ ของหญิงสาวในจอมือถือ รอยยิ้มปรากฏในนัยน์ตา
ใกล้แล้ว...ตอนนี้แหละ ได้เวลาหว่านแหแล้ว
“ถ้างั้น...” เวิงอวี่ได้ยินเสียงแม่เรียกให้เธอออกไปกินผลไม้ดังมาจากนอกห้อง เธอถึงคืนสติกลับมา หญิงสาวยันตัวขึ้นนั่ง ลูบผมยุ่ง ๆ ให้เรียบแล้วบอก “แม่ฉันเรียกแล้วค่ะ”
“ครับ คุณไปเถอะ” เขาบอก
“ค่ะ บ๊ายบาย...” หญิงสาวรู้สึกว่าเมื่อเธอมองหน้าเขาอีกครั้ง หัวใจก็พลันทำงานหนัก
“เสียวอวี่”
ก่อนที่เธอวางสาย เขาก็เรียกเอาไว้ก่อน
“...คะ”
“ตั้งแต่สัปดาห์นี้ไป ผมจะยุ่งมาก” เขาบอก “นอกจากมีสอนแล้ว ยังต้องไปห้องแล็บ ทำการทดลอง แล้วยังต้องเขียนเปเปอร์ให้เสร็จด้วย คงโทร.มาคุยกับคุณบ่อย ๆ แบบนี้ไม่ได้แล้วล่ะครับ”
“ค่ะ...” เธอตอบรับตามสัญชาตญาณ แต่หัวใจคล้ายตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม “ถ้ายังงั้นคุณคงโทร.มาทุกวันไม่ได้แล้วใช่ไหมคะ...”
ฟู่อวี้หัวเราะเบา ๆ “ผมจะพยายามโทร.หาคุณให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ”
เวิงอวี่ฟังเขาตอบแบบนี้ ก็พบว่าตัวเธอแปลกไปจากก่อนหน้านี้ หญิงสาวรีบโบกมือปฏิเสธอย่างรู้สึกผิด “เอ่อ...ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง เวลาพักผ่อนของคุณสำคัญที่สุด ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
ชายหนุ่มมองเห็นท่าทางที่พยายามปกปิดความรู้สึกอย่างเงอะงะของเธอก็เงียบไปสักพัก แล้วอดหัวเราะไม่ได้ บอกเสียงนุ่มว่า “ถ้างั้น เสียวอวี่ครับ สุขสันต์วันตรุษจีนนะ”
“...สุขสันต์วันตรุษจีนค่ะ”
หญิงสาวกดวางสาย ผ่านไปครู่ใหญ่จึงวางโทรศัพท์ลง แล้วยกมือขึ้นจับแก้มตัวเอง
ทำไงดี...น่าขายหน้าจัง...
ที่เธอเพิ่งพูดไป เขาจะต้องรู้แน่ ๆ ว่าเธอไม่ชินกับวันเวลาที่จะไม่ได้พูดคุยกับเขา
แต่เขาก็ยุ่งขนาดนี้ เธอเองก็สมควรรอจนกว่าเขาจะจัดการธุระจนเสร็จ อีกอย่างหนึ่ง เธอเองก็ไม่ใช่แฟนเขาสักหน่อย จะหวังให้เขาต้องโทร.มาหาเธอทุกวันได้อย่างไร
ถ้าพูดถึงตอนที่เริ่มคุยกัน อาจจะเป็นเพราะต้องสอนเธอว่าควรจะดูแลเจ้าโต้วหน่ายยังไง หรืออาจจะพูดได้ว่าเป็นเพราะต้องคอยดูแลเธอที่เพิ่งอกหัก แต่ตอนนี้ก็ผ่านไปสองเดือนกว่าแล้ว เธอเองก็ดูแลตัวเองมาได้สักพักแล้ว
ใช่แล้วล่ะ ทุกวันนี้เขามีเหตุผลอะไรอีกนะที่ต้องพูดคุยกับเธอที่เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน” ที่อยู่ไกลถึงจีนแบบนี้ทุกวัน
ความรู้สึกสับสนวุ่นวายนี้ยังคงอยู่กับเวิงอวี่ไปจนถึงหลังวันตรุษจีน
และแล้วเวลาก็ย่างเข้าสู่เดือนสามอย่างรวดเร็ว สภาพอากาศของเซี่ยงไฮ้ค่อย ๆ อุ่นขึ้น ฟู่อวี้ไม่ได้โทร.หรือวิดีโอคอลหาเธอมาเกือบสองสัปดาห์แล้ว
มีบางครั้งที่หญิงสาวส่งข้อความหรือส่งลิงก์เรื่องตลก ๆ ไปให้เขาทางวีแชต แต่เขาต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะตอบกลับมา และเวลาที่เขามักจะตอบกลับมานั้นเป็นตอนเช้ามืด ช่วงตีสองถึงตีสามของอังกฤษ
สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคงมีแต่เพียงเพลงกล่อมเด็กของเขาที่ส่งมาทางวีแชตเป็นข้อความเสียง
ในช่วงที่เธอติดต่อกับเขาน้อยลง เธอรู้สึกซึมเซา ขณะทำงาน เธอไม่อยากให้โจวรั่วมองออกและคอยถามว่าเธอมีปัญหาอะไร เพราะเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้สักเท่าไหร่ ทำได้แค่เพียงบอกปัดให้พ้นไป
หญิงสาวรู้เพียงว่าในใจของเธอเกิดความรู้สึกที่แสนซับซ้อน บางครั้งก็รู้สึกเจ็บปวดที่เขามีธุระยุ่งมากมาย เป็นห่วงว่าเขาจะพักผ่อนเพียงพอรึเปล่า จะป่วยรึเปล่า บางครั้งที่เป็นเพราะกลัวว่าเขาจะไม่อยากคุยกับเธอแล้ว กลัวเขาจะคิดว่าเธอน่าเบื่อ
และยังมีอีกหลายครั้งที่เธอเองก็ไม่ชัดเจนว่าที่เป็นแบบนี้เพราะอะไร
เย็นวันอาทิตย์ เวิงอวี่เล่นกับเจ้าโต้วหน่ายได้หนึ่งชั่วโมงแล้ว จึงเตรียมตัวจะไปอาบน้ำ ขณะนั้นเฉินหานซินก็โทร.มาเสียก่อน
น้ำเสียงของเฉินหานซินฟังดูโกรธจัด ทั้งแข็งทั้งขุ่นเคือง “ยายปีเตอร์แพน เธอมาหาฉันตอนนี้เลยนะ ฉันอยู่ที่บ้าน”
เวิงอวี่เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา เห็นว่าสี่ทุ่มครึ่งแล้ว “...ซินซิน เกิดอะไรขึ้น”
เฉินหานซินสูดหายใจลึกครั้งหนึ่ง “ฉันจะหย่ากับอิ้นชี”
ขณะที่เพื่อนของเธอเพิ่งพูดจบ ปลายสายก็มีเสียงแก้วแตกดังขึ้น
เวิงอวี่ดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหู ฟังแล้วมือสั่น มืออีกข้างหนึ่งของเธอคว้ากุญแจห้องมาถือไว้ เตรียมตัวจะใส่รองเท้า “...ซินซิน เธอเป็นอะไรรึเปล่า”
เฉินหานซินเงียบไปพักใหญ่ “ไม่เป็นไร อิ้นชีเพิ่งทำแก้วแตกไปใบหนึ่งน่ะ”
เวิงอวี่กลัวว่าถ้าทิ้งให้สามีภรรยาคู่นี้อยู่ในห้องกันแค่สองคนแล้วจะฆ่ากันตายขึ้นมา จึงรีบวิ่งออกจากห้อง “เธอรอฉันหน่อยนะ ฉันกำลังรีบไป ใจเย็นไว้ ต้องทำใจเย็น ๆ ไว้นะ...”
โชคดีที่บ้านที่หญิงสาวเช่าไว้อยู่ไม่ห่างจากบ้านของเพื่อนสนิท หลังจากผ่านไปสิบกว่านาที รถแท็กซี่ก็จอดลงตรงหน้าทางเข้าหมู่บ้านของเฉินหานซิน
เวิงอวี่ขึ้นไปยังชั้นที่เธอจำได้ แล้วกดกริ่งหน้าประตูอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ประตูถึงเปิดออก หลังประตูเฉินหานซินตาแดงก่ำยืนอยู่ ไม่ไกลนักมีเศษแก้วกระจัดกระจายอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่น
เวิงอวี่มองอย่างกังวล เดินเข้ามาในห้องแล้วก็ดึงแขนของเฉินหานซินเอาไว้ พลางเอ่ยถามเสียงเบา “อิ้นชีล่ะ”
“เขาออกไปแล้ว” เฉินหานซินปิดประตู ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง “เธอไม่ต้องพูดเสียงเบาขนาดนี้ก็ได้ เข้ามาสิ”
ทั้งคู่เดินไปนั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เฉินหานซินวางถ้วยชาลงบนโต๊ะกลางเธอ “ฉันไม่ได้เรียกเจิ้งอวิ้นจือมา เพราะด้วยระดับสมองอย่างยายนั่นน่ะ แค่ต้องรับมือกับมู่ซีตอนนี้ก็ตึงมือแล้ว
“ไอคิวของเธอก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรเหมือนกัน”
เวิงอวี่มองคนเป็นเพื่อนด้วยสายตาพิฆาต “เธอเรียกฉันมาหาตอนห้าทุ่มนี่ แค่อยากจะว่าเรื่องไอคิวของฉันแค่นี้เหรอ...”
เฉินหานซินส่ายหน้า พลางหัวเราะแห้ง ๆ ครั้งหนึ่ง “ยายปีเตอร์แพน ฉันคิดว่าครั้งนี้ฉันกับอิ้นชีจะแตกหักกันจริง ๆ แล้วล่ะ”
“ไม่หรอก” เวิงอวี่บอกตรง ๆ “ฉันว่าต่อให้ฟ้าถล่มลงมา พวกเธอก็ไม่มีทางเลิกกันหรอก”
เวิงอวี่กับเฉินหานซินเป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปี เข้าใจดีว่าความรู้สึกระหว่างคู่สามีภรรยาที่คบกันมาตั้งแต่เด็กคู่นี้นั้นลึกซึ้งเพียงใด อีกทั้งเวิงอวี่เองก็ไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนที่ปฏิบัติต่อคนรักอย่างที่เคออิ้นชีทำต่อเพื่อนสาวเลย
พูดจากใจจริงเลยนะ ไม่มีทางหรอก
“ช่วงนี้เขายุ่ง ๆ ต้องไปต่างประเทศตลอดเลยพูดคุยกับฉันน้อยมาก” เฉินหานซินนั่งลงบนโซฟา สองมือยกขึ้นกอดเข่า “วันนี้เขาเพิ่งกลับจากยุโรป พอเห็นว่าฉันไม่อยู่บ้านก็โกรธใหญ่ แล้วตรงมาหาฉันที่บริษัท
“มีแค่เขาที่มีสิทธิ์โกรธ คนอื่นไม่มีสิทธิ์โกรธงั้นเหรอ เขาไม่คุยกับฉันเอง ไม่ยอมบอกเองว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ พอฉันต้องทำโอที ไม่ได้กลับไปรอรับเขาที่บ้าน เขาก็มาโกรธฉันแบบนี้ ใครจะไปทนได้ล่ะ”
“แต่อิ้นชีไม่ได้เพิ่งจะเริ่มบงการเธอมาแค่วันสองวันนี่นา...” เวิงอวี่บอกเสียงเรียบ
“การรักกันน่ะง่าย แต่การจะประคองความรักนั้นให้ยืนยาวน่ะยากกว่า” เฉินหานซินเอนกายลงซบบนไหล่ของเวิงอวี่ “พวกเธออยู่ด้วยกันมานานแล้ว ปกติก็อดทนให้อภัยกันได้ แต่ก็ต้องมีสักวันที่จะทะเลาะกัน
“เป็นสามีภรรยากันก็ต้องเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” เวิงอวี่นั่งคิดทบทวนอยู่นานมาก “หลายปีมานี้ฉันเห็นพวกเธอทะเลาะกันตั้งหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็คืนดีกันเหมือนตอนเริ่มคบกันตลอด”
“ไม่รู้สิ”
เสียงของเฉินหานซินค่อย ๆ อ่อนลง อารมณ์และท่าทางตอนโกรธก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย “พอเขาได้ยินฉันพูดว่าจะหย่ากับเขา เขาก็ทำแก้วหลุดมือตกแตกแล้วก็เดินออกไปเลย”
“ไม่มีอะไรหรอก...”
เวิงอวี่ตบหลังมือของเพื่อนเบา ๆ “เขาจะทนทิ้งเธอไว้ที่บ้านคนเดียวได้ยังไง รอให้เขากลับมาก่อน พวกเธอก็ค่อย ๆ คุยกัน ทะเลาะกันแล้ว ต้องหันหน้าเข้าหากัน หาทางออกร่วมกันถึงจะดี
“พวกเธอคบกันมานานตั้งหลายปี ไม่ควรใส่อารมณ์เข้าหากัน ความจริงแล้ว การทะเลาะกันก็เป็นโอกาสให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ จะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเธอเติบโตขึ้น”
เฉินหานซินเงียบไปชั่วขณะ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นจับไหล่ทั้งสองข้างของเวิงอวี่
เวิงอวี่พลันรู้สึกกลัว “...ทำไมเหรอ”
“ยายปีเตอร์แพน ฉันรู้สึกว่าตอนนี้เธอไม่เหมือนเดิมแล้ว” เฉินหานซินสบตาเวิงอวี่ “ตั้งแต่คริสต์มาสที่ผ่านมาแล้วล่ะที่ฉันรู้สึกแบบนี้”
“ฉัน...ทำไม” เวิงอวี่จนปัญญา “ซินซิน...เธออย่าทำให้ฉันตกใจได้ไหม...”
“จะพูดยังไงดีล่ะ” เฉินหานซินดึงมือตัวเองออกไปกอดอก พลางสำรวจเวิงอวี่อย่างจริงจัง “เมื่อก่อนฉันเรียกเธอให้มาอยู่ด้วย ตอนที่ฉันกับอิ้นชีทะเลาะกัน เธอแค่ปลอบใจฉันไม่กี่คำ หรือไม่ก็นั่งเงียบ ๆ เป็นเพื่อนฉัน แต่ตอนนี้เธอกลับแนะนำฉันว่าควรจะแก้ปัญหานี้ยังไง แถมยังพูดได้อย่างมีเหตุผลด้วย”
“นี่...” เวิงอวี่ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงถึงจะดี “คือว่า...อย่างน้อยฉันก็เคยมีแฟน...เรื่องความสัมพันธ์ชายหญิง ฉันก็ต้องเข้าใจมั่งแหละ”
“ไม่ใช่”
เฉินหานซินพูดขัดขึ้นมาทันที แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ “เรื่องของเธอกับเหยียนเฉียวตลอดสามปีนี้ ถึงแม้จะคบหากัน แต่ฉันคิดว่ามีแต่เขาเท่านั้นที่ตกหลุมรักเธอ ส่วนเธอน่ะไม่เคยเฉียดเข้าไปใกล้หลุมรักนั้นเลย ตั้งแต่ต้นจนจบเธอเอาแต่อยู่ในโลกของตัวเองคนเดียว
“จริงอยู่ที่เธอชอบเขา แต่เป็นแค่ความชอบทั่วไป ไม่เคยมีปฏิกิริยาตอบสนองหรือไฟฟ้าสถิตอะไรเลย ไม่ใช่ความชอบแบบตกหลุมรักจริง ๆ
“แต่คำพูดที่เธอเพิ่งพูดกับฉันก็ทำให้ฉันสัมผัสได้ว่าความรู้สึกของเธอดูเหมือนจะเปลี่ยนไป และความรู้สึกนี้...ก็น่าจะเป็นเพราะเธอพบคนที่ทำให้ใจเธอเต้นตึ้กตั้กคนนั้นแล้ว ต้องใช่แน่ ๆ”
เฉินหานซินพูดมาถึงตรงนี้ หัวใจของเวิงอวี่ก็เริ่มเต้น “ตึ้กตั้ก” ขึ้นมา
เพราะเวิงอวี่พบว่า ตอนที่เฉินหานซินพูดถึง “คนที่ทำให้ใจเต้นตึ้กตั้ก” ชื่อแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเธอก็คือ ฟู่อวี้
“ยายปีเตอร์แพน พูดความจริงออกมาเถอะน่า เธอปิดฉันไม่ได้หรอก” เฉินหานซินสังเกตว่าใบหน้าของเวิงอวี่ปรากฏความสับสน “ตอนนี้เธอเจอคนที่ทำให้หัวใจเต้นตึ้กตั้กแล้วใช่ไหม เธอชอบใครสักคนแล้วใช่รึเปล่า”
“ฉัน...”
แก้มของเวิงอวี่ค่อย ๆ แดงระเรื่อ ในใจพลันว้าวุ่น ความคิดทุกอย่างหยุดนิ่ง ใบหน้าสดใสของฟู่อวี้คล้ายจะปรากฏขึ้นตรงหน้า “ฉัน...”
“บิงโก!”
ขณะนั้นเอง ประตูทางเข้าก็พลันถูกเปิดออก ชายคนหนึ่งที่สวมชุดสูทสากลสีดำกำลังถอดรองเท้า แล้วรีบเดินเข้ามาในห้อง
คนที่มาใหม่ก็คือสามีของเฉินหานซิน เคออิ้นชี
เวิงอวี่มองเฉินหานซินนั่งหน้าเปลี่ยนสีอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วมองไปทางเคออิ้นชีที่กำลังมองภรรยาของตัวเองด้วยสายตาอ่อนโยน ก็รีบลุกขึ้นจากโซฟาทันที
“ซินซิน อิ้นชี ฉันไปก่อนนะ” เวิงอวี่รีบก้าวออกจากห้องนั่งเล่น พลางหันกลับมามองคนทั้งคู่ที่ยังคงจ้องตากันและกันอยู่เงียบ ๆ แล้วรีบย่องออกไป
ทิ้งเรื่องทั้งหมดไว้ให้คนรักกันหาทางออกด้วยกันอย่างซื่อสัตย์และจริงใจ
ออกมาจากหมู่บ้านของเพื่อนแล้ว เวิงอวี่ก็เดินออกมาโบกรถนอกหมู่บ้าน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา กลับพบว่าหน้าจอแสดงสายที่ไม่ได้รับอยู่หลายสาย
ดูให้ดี ๆ ก็พบว่าเป็นสายจากฟู่อวี้ทั้งหมด
ตลอดสองสัปดาห์ที่ไม่ได้ติดต่อกันเลย จนวันนี้ที่ได้เห็นว่าเขาโทร.มา เธอพลันดีใจจนพูดไม่ออก ทั้งยังรู้สึกประหม่า พอนึกย้อนไปถึงคำถามที่เฉินหานซินเพิ่งถามเธอ นิ้วมือที่วางค้างบนหน้าจอมือถือครู่ใหญ่ก็สั่นเทา แล้วหญิงสาวก็กดโทร.ออก
เสียงกริ่งเพิ่งดังแค่วินาทีเดียว ปลายสายก็กดรับ เสียงของฟู่อวี้ในตอนนี้ต่างจากยามปกติราวขาวกับดำเจือความร้อนรน “เสียวอวี่ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนครับ”
“เอ่อ...ฉันเพิ่งไปบ้านของเพื่อนสนิทมาค่ะ” เธอถือโทรศัพท์แล้วพูดเสียงเบา “เพื่อนของฉันกับสามีทะเลาะกันค่ะ ก็เลยเรียกให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อน...”
เสียงของเขาฟังหนักแน่นขึ้น “ทำไมถึงดึกขนาดนี้ล่ะครับ”
“อ้อ...” หญิงสาวค่อย ๆ อธิบายให้เขาฟัง “เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้ฉันกำลังจะบ้านแล้ว บ้านฉันอยู่ห่างจากบ้านเพื่อนไม่ไกลเท่าไหร่ ครู่เดียวก็ถึงแล้วค่ะ”
ตอนนี้ฟู่อวี้ได้แต่กลืนคำพูดทั้งหมดลงไป แล้วปรับเสียงตัวเองให้ฟังอบอุ่นดังเดิม “เดินทางคนเดียวค่ำ ๆ มืด ๆ ระวังตัวด้วยนะครับ”
“ค่ะ” เธอตอบพลางกลัวว่าเขาจะวางสาย รีบถามต่อว่า “แล้วคุณล่ะคะ เพิ่งสอนเสร็จเหรอ”
“เปล่าครับ” ฟู่อวี้ที่อยู่ปลายสายเงียบไปพักใหญ่ “เพราะคุณไม่รับโทรศัพท์ ผมเลยยืนอยู่ที่โถงทางเดินตลอด รอสายจากคุณ“
เวิงอวี่ได้ฟังคำบอกอย่างอ่อนโยนของเขาพลันรู้สึกว่าใจของเธออ่อนยวบยาบไปหมด
นานถึงสองสัปดาห์ที่ไม่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ตอนนี้เมื่อได้ยินกับหูของตัวเองแล้ว ความสับสนวุ่นวายและอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ถูกความผูกพันและความสว่างขับไล่ความมืดมนโศกเศร้าให้หมดไป
และในตอนนี้เอง ที่เธอเพิ่งจะรู้ตัวว่า เธอคิดถึงเขามากแค่ไหน
คิดถึงน้ำเสียงของเขา คิดถึงถ้อยคำของเขา คิดถึงความอบอุ่นที่เขามอบให้เธอ
จะทำยังไงดี
เธอเป็นอย่างที่เฉินหานซินพูดใช่ไหม ได้พบกับคนที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นตึ้กตั้กแล้วใช่ไหม
“ตอนที่คุณไม่รับโทรศัพท์ผม การทดลองของผมผิดพลาดไปหมด”
สุดท้ายเขาพูดเสียงเบาว่า “พวกนักเรียนต่างหัวเราะเยาะผม บอกว่าท่าทางกังวล ร้อนรนของผมราวกับเด็กหนุ่มอายุสิบหกสิบเจ็ดไม่มีผิด
“เสียวอวี่”
ท่ามกลางเสียงหัวใจที่ยิ่งนานก็ยิ่งเต้นแรง เขาพูดทุกถ้อยคำทุกประโยคออกมาอย่างชัดเจน “ผมค้นพบแล้วว่าเพราะผมไม่ได้เจอคุณ ผมถึงเริ่มเปลี่ยนไป ยิ่งนานก็ยิ่งไม่สบายใจมากขึ้นและเรื่องนี้ก็ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของผมด้วย”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โอ๊ย. เค้าเขิลอ่า
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 10 มีนาคม 2562 / 19:18
อบอุ่นนน
รอเล่มออกนะคะ จะซื้อทันทีเลย
ขอบคุณมากๆ ค่ะ สอยแน่นอน ไม่ทราบว่ากำหนดออกเมื่อไหร่ แล้วมีอีบุ๊คมั้ยคะ