คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #75 : โคโลนีฮิโรชิม่า (1)
“!?” ณ โคโลนีฮิโรชิม่าที่เคยสงบเนื่องจากผู้เล่นทั้งสี่ยังไม่เคลื่อนไหว กลับสัมผัสได้ว่าชิกิงามิของโชวโกะได้ถูกกำจัดไปไม่ถึงนาทีด้วยฝีมือของอากาเนะ และด้วยเวลาอันสั้นนี้ทำเอาทุกคนตาโตตกใจ
‘พวกชิกิงามิของโชวโกะจังโดนกำจัดไม่ถึงนาทีเหรอ’ ฮารุกะยืนสังเกตการณ์จากดาดฟ้าตึกสูงคิดในใจ
“โคงาเนะ ช่วยแสดงข้อมูลขอผู้เล่นคนใหม่ทีค่ะ”
“ได้จ้า~” ด้านนัตสึมิก็กำลังสวดภาวนาต่อภาวนาอยู่ในโบสถ์ แต่ก็ไม่ประมาทที่จะตรวจสอบรายชื่อของผู้เล่นคนใหม่ โคงาเนะที่ได้รับคำสั่งแล้วก็แสดงข้อมูลของอากาเนะให้ดู เพราะก่อนหน้านี้ได้มีผู้เล่นเกมส์ล้างบางคนหนึ่งที่อยู่โคโลนีโตเกียว คาชิโมะ ฮาจิเมะ ได้ใช้แต้มของตัวเองเพิ่มกฎให้ผู้เล่นที่เข้าร่วมเกมส์ต้องเปิดเผย ชื่อ อายุ จำนวนรอบในการเพิ่มกฎ และคะแนนที่ทำได้ลงในการแข่งขัน โดยสามารถตรวจสอบได้จากโคงาเนะ
“ฟุบูกิ อากาเนะ…คุณคือผู้ศรัทธาต่อพระเจ้า หรือผู้ต่อต้านกันแน่คะ”
“เด็กวัยรุ่น? แต่ช่างเป็นการเปิดตัวที่สร้างความตื่นตะลึงให้พวกเราได้ดีเลยนี่ขอรับ แถมยังคอยเก็บแต้มเรื่อยๆอีก” ส่วนจิอากิก็อยู่ที่ตึกร้าง และขอให้โคงาเนะเปิดข้อมูลของอากาเนะให้ดูเช่นกัน แต่ตัวเองมีกล้องส่องทางไกล อีกทั้งยังอยู่ในตึกที่สามารถส่องจับตาดูเธอได้
“ถึงจะกำจัดชิกิงามิของโชวโกะจังได้ แต่ถ้าไม่กำจัดตัวโชวโกะจังเองล่ะก็ โชวโกะจังก็จะผลิตชิกิงามิออกมาได้เรื่อยๆนะ” ฮารุกะว่า เพราะเธอเคยทำมาก่อนแล้ว แต่น่าเสียดายที่เธอกำจัดตัวต้นตออย่างโชวโกะไม่สำเร็จ
และผู้เล่นมนุษย์ทั้งสามจึงตัดสินใจที่จะดูท่าทีของอากาเนะไปก่อนว่า ที่เธอกำจัดชิกิงามิพวกนั้นได้เพราะโชคช่วยหรือเก่งจริงๆกันแน่
“…หาเวลาว่างมาเที่ยวที่นี่ดูดีกว่า” ตัดกลับมาที่อากาเนะที่กลับมาใส่เครื่องแบบชุดนักเรียนแล้วและเก็บดาบกลับเข้าฝัก แม้จะเข้ามายังฮิโรชิม่าได้ไม่นาน แต่เธอก็พยายามไล่เก็บแต้มจากผู้เล่นคนอื่นๆจนไต่ไปถึงหลักสิบได้ และหลังจากที่กำจัดชิกิงามิของโชวโกะไปหมาดๆ เธอได้มองวิวทิวทัศน์ของเมืองที่ไม่ค่อยได้มาเที่ยวบ่อย เลยคิดว่าตัวเองน่าจะหาเวลาว่างมาเที่ยวที่นี่ดูบ้าง
‘เอาล่ะครับคุณผู้ชมมมม ตอนนี้คุณหนูน้อยของเราได้กำจัดพวกฝูงชิกิงามิแมลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วคร้าบบบบบ~!’
‘ทำไมเจ้าถึงได้มีอารมณ์มาพากย์เป็นพิธีกรภาคสนามวะเนี่ย’ ในขณะเดียวกัน ไม่รู้ทัตสึยะคึกอะไรถึงได้สวมบทเป็นพิธีกรบรรยายการแข่งขันซะงั้น เรียวตะเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจแล้วแซะอย่างหงุดหงิด
‘ช่วยไม่ได้นี่นา งานนี้พวกเรารับบทเป็นคนดู แถมไม่มีอะไรมารับประกันด้วยว่าเจ้าที่เป็นยมทูต เคนจาคุจะยอมรับให้เป็นผู้เล่นด้วยต่อให้จะเข้ามาในสนามก็เถอะ’ ยูกิฮิเมะเอ่ยเสียงเนือย ‘ส่วนทัตสึยะ มันไม่เต็มมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ช่างหัวมันเถอะ’
‘อ้าวท่านหญิง มากล่าวหาข้ากันได้ไงก่อน’ คำสาปหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงยียวน
‘กล่าวหาอะไร เรื่องจริงทั้งนั้น’
“ขอโทษด้วยละกันที่งานนี้ฉันขอให้ทุกคนไม่ต้องออกมาน่ะ” อากาเนะกัดฟันพูดอย่างรำคาญก่อนจะตัดบทสนทนาด้วยการเรียกโคงาเนะออกมา
“คุณโคงาเนะ ขอดูข้อมูลเล่นของที่นี่แล้วก็ขอเช็คกฎหน่อย”
“รับทราบ~” พอมันได้รับคำสั่งแล้ว มันก็แสดงข้อมูลของผู้เล่นของโคโลนีแห่งนี้ และกฎของเกมส์ที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน
“ยังไม่เพิ่มกฎย้ายโอนคะแนน…แล้วก็ในนี้มีตัวตึงตั้งสี่คนเลย-”
“เอ่อ…คือว่า…” แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงของเด็กผู้หญิงดังขึ้นมาจากอุโมงค์ใต้สะพาน แล้วพบว่าเป็นแม่ลูกคู่หนึ่งที่ดูกลัวเธออยู่ ด้านอากาเนะจึงเก็บดาบกลับแล้วเอ่ยด้วยท่าทีเป็นมิตร
“ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ตกใจ”
“พี่สาว เมื่อกี้คุยกับใครเหรอคะ”
“เดี๋ยวเถอะ” เด็กน้อยถามออกมาอย่างใสซื่อจนคนเป็นแม่อดดุไม่ได้ “ขอโทษด้วยนะคะ”
“อ๋อไม่เป็นไรค่ะ คือพี่คุยกับเพื่อนในจินตนาการพี่น่ะ” อากาเนะเอ่ยอย่างไม่ติดใจพลางย่อตัวลงให้สูงเท่าเด็กน้อย
“ว่าแต่พี่สร้างน้ำแข็งได้ด้วยเหรอคะ” เด็กน้อยถามอีกครั้ง
“ได้สิ นี่ไง” แล้วอากาเนะใช้พลังน้ำแข็งสร้างตุ๊กตานางฟ้าน้ำแข็งให้ดู อีกฝ่ายเห็นแล้วก็ร้องอย่างตื่นเต้นและตาเป็นประกาย
“ว้าว~”
“พี่ให้นะ”
“จริงเหรอคะ!” อากาเนะยื่นตุ๊กตาน้ำแข็งให้เด็กสาว พอเธอได้ยินแบบนั้นก็ถามด้วยความดีใจ
“อื้อ!” คนผมแดงยิ้มตอบ
‘อากาเนะ มีบางอย่างมาจากทางอุโมงค์’
“!? ทั้งสองคนออกมาก่อนค่ะ” ประโยคของเรียวตะทำให้อากาเนะเข้าสู่โหมดจริงจัง เธอเรียกให้แม่ลูกออกมาจากสะพานพร้อมชักดาบออกและเอาชิกิงามิออกมา
“คุดะคิทสึเนะ”
เพล้ง!
“ขอรับ ท่านอากาเนะ”
“พาสองคนนี้ไปที่ๆปลอดภัยก่อน เสร็จแล้วก็กลับมาฉันซะ”
“รับทราบขอรับ” แล้วคุดะคิทสึเนะก็พาสองแม่ลูกขึ้นขี่หลังแล้วพาบินไปส่งที่ๆปลอดภัย ส่วนอากาเนะก็ยืนถือดาบรอซักพักจนกระทั่งได้ยินเสียงวิ่งจากทางอุโมงค์
“ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ!!”
“?!” ต้นตอของเสียงนั้นคือหญิงสาวที่กำลังวิ่งหนีตายจากอะไรซักอย่าง แต่ก็ไม่ทันให้สงสัยก็มีฝูงแมลงบินตามมาจากด้านหลังของหญิงสาวคนนั้น
“บาคุ!”
เพล้ง
“ไปช่วยคนนั้นแล้วพาไปที่ปลอดภัย เร็วเข้า!!”
“อู้!” สิ้นเสียงของเด็กสาว บาคุก็รีบบินตรงไปหาหญิงสาวผู้โชคร้ายเพื่อไปรับเธอมา พอช่วยออกมาได้แล้วมันก็รีบบินไปหาที่ๆปลอดภัยทันที ส่วนอากาเนะก็ตั้งท่าเตรียมฟันดาบใส่ฝูงชิกิงามิแมลงพร้อมส่งพลังไสยเวทเข้าไปในดาบ
“3…4!!” แล้วเธอก็ฟันมันออกไปทันที พลังน้ำแข็งของเธอไล่แช่แข็งพวกมันจนไม่เหลือซาก
“!!?” และด้วยพลังไสยเวทมหาศาลที่เธอใช้ออกไปเมื่อครู่ ทำให้ผู้เล่นมนุษย์ทั้งสามสัมผัสได้ว่าพลังไสยเวทเมื่อครู่นั้นคือของจริง
“เด็กนั่น…ดูท่าว่าจะไม่ใช่ผู้เล่นธรรมดาซะแล้วสิ” ฮารุกะว่า
“วิเศษมาก! นักดาบผู้ใช้วิชาน้ำแข็งสินะขอรับ!” จิอากิเอ่ยด้วยความตื่นเต้น
“แม้ตัวฉันจะอยู่ในโบสถ์ แต่ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงพลังไสยเวทของเธอคนนั้นได้ นี่คือศัตรูตัวฉกาจอย่างไม่ต้องสงสัย” นัตสึมิพูด
“…ฟู่ว~” ส่วนอากาเนะที่พ่นลมหายใจออกมาที่ตัวเองจัดการชิกิงามิพวกนั้นทัน จากนั้นบาคุกับคุดะคิทสึเนะก็บินกลับมาหาพร้อมคืนร่างเป็นลูกแก้ว
“แปลว่าตัวคนคุมชิกิ-” ในขณะที่เด็กสาวคิดถึงตัวการชิกิงามิอยู่นั้น เธอก็เห็นผีเสื้อขนาดยักษ์อยู่บนฟ้าพร้อมบินลงมาเกาะบนสะพานที่ถูกทำให้เป็นน้ำแข็ง อากาเนะจึงเรียกโคงาเนะออกมาทันที
“คุณโคงาเนะ นั่นใครเหรอคะ”
“อ้อ นั่นโชวโกะนี่นา” โคงาเนะพูด “โชวโกะเป็นวิญญาณคำสาปที่เป็นเจ้าของอาคมชิกิงามิแมลงพวกนั้นน่ะ”
“ก็คือเป็นวิญญาณคำสาปปกติที่ไม่มีกายเนื้อใช่มั้ย”
“ใช่แล้ว” สิ้นคำตอบของโคงาเนะ อากาเนะก็ก้มหน้าเงียบไปพักนึกก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าผีเสื้อยักษ์แล้วฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็สบายใจหน่อย”
“ทำไมล่ะ” โคงาเนะถาม
“ฉันจะได้ฆ่าเจ้านั่นโดยไม่ต้องรู้สึกผิดไง!” แล้วเธอก็สร้างดาบน้ำแข็งออกมาแล้วเขวี้ยงขึ้นไปหาโชวโกะทันที แต่เจ้าผีเสื้อยักษ์ก็บินหลบออกไปแล้วเรียกฝูงชิกิงามิแมลงออกมาสกัดเธอไว้ อากาเนะเห็นแบบนั้นก็สร้างฝูงผีเสื้อน้ำแข็งสู้กลับ แล้วแยกตัวออกมาสู้หนึ่งหนึ่งกับโชวโกะ
‘ระดับ 1…’ เด็กสาวประเมินความสามารถของศัตรูแล้วคิดหาวิธีฆ่ามันภายในครั้งเดียว เธอใช้ดาบไล่ฟันมันแต่ก็หลบได้ทุกครั้งเนื่องจากตัวเองมีปีก และในตอนที่อากาเนะแทงเข้าร่าง มันก็ดูดเอาพลังชิกิงามิตัวอื่นมาต่อชีวิตตัวเองไว้แล้วสร้างชิกิงามิหนอนยักษ์ออกมา เธอเลยกระโดดถอยออกแล้วเก็บดาบกลับเข้าฝักแล้วตั้งท่าเตรียมชักดาบอีกครั้ง
“อาคมน้ำแข็งพันปี หวนคืนสู่โลกันตร์”
ฉับ!!
“!!?” อาคมที่เธอใช้คือหวนคืนสู่โลกันตร์ และยังให้เจตจำนงศ์แห่งความวินาศช่วยเพิ่มพลังให้กับอาคมนี้อีกที ทำให้ไม่ใช่แค่ตัวของโชวโกะที่ถูกฟันขาดครึ่งและเป็นน้ำแข็งภายในพริบตาแล้ว ทั้งชิกิงามิหนอนยักษ์และสะพานที่อยู่ด้านหลังโชโกะก็ถูกฟันจนขาดออกเป็นสองท่อนและเป็นน้ำแข็งเช่นกัน พอโชวโกะตายแล้ว ชิกิงามิที่เหลือของมันก็สลายหายไปเนื่องจากเจ้าของของมันได้ตายแล้ว
“ท่านได้รับมาเพิ่ม 5 แต้ม” โคงาเนะปรากฎตัวออกมาแล้วประกาศว่าอากาเนะได้จัดการโชวโกะสำเร็จแล้ว
‘บัฟแรงไปมั้ยเนี่ย’ เด็กสาวคิดในใจ เพราะถึงจะรู้ความสามารถของเจตจำนงค์แห่งความวินาศแล้ว แต่ถ้าให้พูดกันตามตรง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรีดพลังนี้มาประมาณ 200% เพื่อลองเอามาบัฟหวนคืนสู่โลกันตร์ดู ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือเกินความคาดหมายของเธอมาจนเธอได้แต่คิดว่า
นี่แค่บัฟเพิ่ม 200% เองนะ แล้วถ้าเอามาบัฟแบบขั้นสูงสุดที่ 300% มันจะขนาดไหนกัน
‘เป็นผลพลอยได้จากการเป็นลูกหลานจักรพรรดิสุโตคุ-’
แปะๆๆๆ!
“เป็นการจบชีวิตที่คาดไม่ถึงเลยนะขอรับ ว่าท่านจะมีพลังไสยเวทมากถึงขนาดนี้”
“!?” และในตอนนั้นเอง ก็มีใครบางคนมาปรบมือและเอ่ยชื่นชมให้กับการต่อสู้ของเธอ พอเธอหันไปตามเสียงก็เจอกับชายหนุ่มในชุดนินจาสีดำ หรือก็คือจิอากินั่นเอง ด้านอากาเนะที่เห็นผู้มาใหม่ที่ไม่ได้รับเชิญก็จ้องเขม็งไม่ไว้วางใจ
“ดูจากสายตาท่านแล้ว คงจะสงสัยในตัวข้าน้อยสินะขอรับ ข้าน้อยมีนามว่ายามาดะ จิอากิ เป็นแค่นินจาที่ผ่านทางมาน่ะขอรับ” พอชายหนุ่มแนะนำตัวเองแบบนั้น ทำเอาทั้งอากาเนะ เรียวตะ ยูกิฮิเมะ และทัตสึยะถึงกับใบ้รับประทานกันทีเดียว
‘…สมัยนี้ยังมีนินจาอยู่เหรอ’ ทัตสึยะถาม
‘เหอะ! ไม่ ไอ้นี่มันเบียวว่าตัวเองเป็นนินจาเฉยๆ’ เรียวตะตอบเสียงเนือย
‘ปัญญาอ่อนชะมัด’
“?!” คำแซะของยูกิฮิเมะเล่นทั้งสองหนุ่มและอากาเนะถึงกับสะดุ้งราวกับว่าตัวเองโดนด่าซะงั้น
“อะไรเนี่ย นายคิดจะตัดหน้าคาบเหยื่อฉันรึไง ไอ้โอตาคุนินจา” และระหว่างนั้นเองก็มีผู้มาใหม่ที่ไม่ได้รับเชิญมาอีกคน
“ยอมปรากฏตัวออกมาจากเงามืดแล้วเหรอขอรับ ท่านทาจิบานะ”
“ดูใช้คำเข้า ขนลุกชะมัด” ฮารุกะว่าพลางดูแขนด้วยความขนลุกขนพอง จนกระทั่งไปเห็นใครบางคนเข้า “โอยะๆ แม้แต่เธอเองก็มาด้วยเหรอ คุณซิสเตอร์”
“ฉันแค่มาสังเกตการณ์เท่านั้นค่ะ” และคนนั้นๆก็คือนัตสึมินั่นเอง เรียกได้ว่าเหล่าเจ้าถิ่นของฮิโรชิม่าได้รวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมายเพราะการปรากฎตัวของอากาเนะ
“คุณโคงาเนะ”
“จ๋า~” และพอมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเพิ่มแล้ว อากาเนะจึงเรียกโคงาเนะออกมาอีกครั้ง
“สองคนนั้นคือ?”
“ผู้หญิงผมสีชมพูคือทาจิบานะ ฮารุกะ ส่วนซิสเตอร์คนนั้นชื่อโฮชิมิยะ นัตสึมิ เห~ ไหนจะมียามาดะ จิอากิอีก หายากนะเนี่ยที่เหล่าตัวท็อปของฮิโรชิม่าจะมารวมตัวกันน่ะ”
“…นี่มันศึกสี่ฤดูรึไงเนี่ย” อากาเนะดูรายชื่อของทั้งสามคนแล้วยิ้มแหยๆ เพราะชื่อของแต่ละคนมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับฤดูกาลทั้งสี่
ฮารุกะ-ฤดูใบไม้ผลิ
จิอากิ-ฤดูใบไม้ร่วง
นัตสึมิ-ฤดูร้อน
และถ้านับรวมอากาเนะที่มีนามสกุลที่มีความหมายว่าพายุหิมะ (ฟุบูกิ) ก็สามารถสื่อได้ถึงฤดูหนาวเช่นกัน
“…จะว่าไป ชื่อของแต่ละคนนี่มีความเกี่ยวข้องกับฤดูนี่” และดูเหมือนฮารุกะจับสังเกตได้เหมือนกับอากาเนะเลยพูดทักขึ้นมา
“โอ้ จริงด้วยนะขอรับ” จิอากินึกตามแล้วร้องอ๋อทันใด
“ศึกตัวแทนสี่ฤดู…ผู้ที่อยู่รอดเป็นคนสุดท้ายคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด” นัตสึมิเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทำให้ทุกคนทำหน้าเครียดจริงจังทันที
“แต่ว่าช่วงนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงอยู่ เพราะงั้นข้าน้อยขอเป็นผู้ชนะในศึกนี้นะขอรับ” ชายหนุ่มเพียงคนเดียวของกลุ่มเอ่ยประกาศว่าตนจะชนะในเกมส์นี้
“พูดซะไม่กลัวพายุหิมะที่จะพัดพวกคุณเร็วนี้ๆเลยนะคะ” และอากาเนะที่เงียบมานานก็เปิดปากพูดซักที แถมยังข่มด้วยการแทนตัวเองว่าพายุหิมะจากนามสกุลตัวเอง
“เป็นแค่เด็กใหม่อย่ามาเหิมเกริมหน่อยเลยน่า” ฮารุกะพูด “รู้สถานะตัวเองรึเปล่าว่าตอนนี้มันสามรุมหนึ่งอยู่?”
“สามรุมหนึ่ง…แบบนั้นมันไม่น่าเบื่อไปเหรอคะ” เด็กสาวว่าก่อนจะถอดผ้าปิดตาออก จากนั้นก็ชักดาบออกมาไล่ชี้ทั้งสามคน
“ฉันจะสร้างตำนานหนึ่งรุมสาม เก็บแต้ม300คะแนนและเป็นผู้ชนะของโคโลนีนี้เอง!!”
.
.
.
Talkๆdesu: เปิดศึกโคโลนีฮิโรชิม่าอย่างเป็นทางการ ให้คนที่แข่งอยู่โคโลนีนี้ได้เจอกันก่อนแล้วไปตีกันจริงจังตอนหน้า
สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันมาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ
สุดท้ายนี้ ไหนๆก็เปิดตัวพระเอกแล้ว แท็กคู่ของพี่ต๋ากับน้องต้องมาแล้วมั้ย
เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยยยย
S Q W E E Z T H E M E @ D E K - D
ความคิดเห็น