คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #74 : อิฟริน
“ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า เป็นการส่วนตัว” ประโยคของเท็นเง็นเมื่อครู่นั้นสร้างความสงสัยให้กับเด็กสาวเจ้าของชื่อเป็นอย่างมาก ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องอะไรถึงได้อยากคุยเป็นการส่วนตัวด้วย
“งั้นพวกฉันสองคนออกไปรอข้างนอกก่อนนะ” ยูกิเห็นแบบนั้นก็บอกว่าเดี๋ยวตนกับโจโซจะไปรอข้างนอกให้
“…เดี๋ยวรอ” รวมถึงชิองเองก็เช่นกัน
“เข้าใจแล้วค่ะ” แล้วทุกคนเดินออกจากโถงกันหมด เหลือแค่เท็นเง็นและอากาเนะเท่านั้น
“แล้วท่านเท็นเง็น…มีเรื่องอะไรอยากคุยกับฉันเหรอคะ”
“ถึงข้าจะบอกว่าอยากคุยกับเจ้า แต่ที่จริงข้าอยากคุยกับคนที่อยู่กับเจ้ามากกว่า” เท็นเง็นเอ่ยเสียงเรียบทำเอาเด็กสาวขมวดคิ้ว “ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้ามีคำสาปอีกตัวที่ไม่ใช่ยูกิฮิเมะอยู่กับเจ้าด้วย ข้าต้องการจะคุยกับเจ้านั่น”
‘เอายังไง ทัตสึยะ’ อากาเนะถามทัตสึยะในใจ
‘ที่จริงข้าเองก็มีเรื่องอยากจะคุยกับเท็นเง็นอยู่เหมือนกัน ขอยืมร่างคุณหนูแปบนึงนะ’ คำสาปหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงเริงร่าทำเอาเด็กสาวทำหน้าเอือมใส่
‘อย่านาน’
‘จัดไปจ้า’ สิ้นสุดการสนทนาของทั้งคู่แล้ว อากาเนะก็หลับตาลงให้ทัตสึยะยืมร่างไปสิงให้ จนกระทั่งเธอลืมตาขึ้นมาโดยนัยน์ตาได้เปลี่ยนสีจากสีม่วงเป็นสีแดง
“เจ้าเป็นใคร”
“อะไรกันเนี่ย~ คือเรียกมาเพราะอยากจะพูดแค่นี้เองเหรอ ข้าอุตส่าห์ใช้พลังปิดกั้นไม่ให้ทั้งคุณหนูน้อยกับพ่อยมทูต แล้วก็ยูกิฮิเมะมาได้ยินเรื่องของเราเชียวนะ” เท็นเง็นเห็นว่าทัตสึยะสิงร่างเรียบร้อยร้อยแล้วก็ถามกลับด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดทันที แต่ทัตสึยะกลับไม่ได้กลัวเลย “ข้าก็แค่คำสาปธรรมดาๆที่เกิดเมื่อหลายพันปีก่อน แต่ก็มาตายเพราะยูกิฮิเมะน่ะ”
“...โกหก”
“หืม?” แต่คำพูดของเท็นเง็นทำเอาคนฟังเลิกคิ้วแปลกใจ
“ข้าสัมผัสได้ถึงอาคมที่แข็งแกร่งมาจากตัวเจ้า และที่สำคัญ อาคมของเจ้ามีพลังงานบางอย่างปะปนอยู่ในนั้น แต่แทนที่จะขัดแย้งกับอาคมแต่กำเนิด มันกลับสามารถปรับตัวให้เข้ากันกับอาคมของเจ้า” เท็นเง็นพูด “ไม่ใช่เจ้าเท่านั้นที่มีพลังงานรูปแบบนี้ ฟุบูกิ อากาเนะและราชินีหิมะ ยูกิฮิเมะก็มีพลังงานรูปแบบนี้เช่นกัน เพียงแต่ของฟุบูกิ อากาเนะ พลังของนางยังไม่มีรูปร่างชัดเจนนัก ส่วนยูกิฮิเมะนั้นเหมือนกับเจ้าแต่มีความเข้มข้นน้อยกว่า”
“เดี๋ยวก่อน” แต่แล้วทัตสึยะก็พูดแทรกขึ้นมา “คุณหนูน้อยนี่ฉันไม่แปลกใจ แต่ที่บอกว่ายูกิฮิเมะมีเหมือนกันนี่คืออะไร”
“ข้าเองก็ไม่รู้หรอก แต่ข้ารู้สึกได้แบบนี้จริงๆ แต่ความเข้มข้นของพลังจากตัวนางมันเบาบางกว่าของเจ้าอยู่ครึ่งนึง” พอคำสาปหนุ่มได้ฟังแล้วก็กอดอกทำหน้าเครียดราวกับใช้ความคิดก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
“อย่าง~นี้~นี่~เอง~ เท่านี้ก็ไขความสงสัยของข้าที่ค้างคาใจมานานได้แล้ว แบบนี้ค่อยน่าเสวนาด้วยหน่อย”
“เจ้ารู้งั้นรึ” เท็นเง็นถาม
“รู้ดีเลยล่ะ” ทัตสึยะตอบ “เจ้าบอกว่าเป้าหมายของเคนจาคุนั่นคือการรวมเจ้ากับมนุษย์เพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์ใช่มั้ย”
“ใช่”
“ที่จริง ข้าคิดเป้าหมายของมันได้อีกอย่างนึง แต่มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้”
“คืออะไร”
“เอาชนะพวกข้ามั้ง”
“หา?” เมื่อเท็นเง็นฟังแล้วก็เกิดความไม่เข้าใจ ผิดกับทัตสึยะฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์
“ที่จริง บนโลกนี้มีคนบางกลุ่มที่แข็งแกร่งกว่าสิ่งมีชีวิตตนอื่นๆโดยไม่พึ่งการหลอมรวมกับเจ้า ข้าคิดว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่เคนจาคุจัดเกมส์ล้างบางก็ได้”
“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องที่เจ้าว่ามาก่อน”
“มันจะไปได้ยินได้ยังไงก่อน ก็คนที่เป็นมันไม่เปิดเผยตัวเองว่าเป็นไง มันเลยกลายเป็นเพียงตำนานเมือง เว้นแต่จะมีคนตามไปสืบจนเจอ” คำสาปหนุ่มเท้าสะเอวทำหน้าไม่พอใจ “ส่วนกลุ่มคนปริศนาที่ว่าเป็นใคร”
“แม้ชื่อของพวกเขาหมายถึงนรก แต่พวกเขาคือผู้แข็งแกร่งทัดเทียมกับพระผู้เป็นเจ้า เรียกกันสั้นๆว่าอิฟริน (Ifrinn)”
“อิฟริน?” เท็นเง็นเอ่ยทวนชื่อด้วยความสงสัย
“ข้าจะยกตัวอย่างมาซักคนก็แล้วกัน ถ้าคนล่าสุดก็ฟุบูกิ ยูอิ”
“ฟุบูกิ ยูอิ?” เท็นเง็นได้ยินชื่อถึงกับทำหน้าแปลกใจ เขารู้ว่ายูอิเป็นใคร แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะเป็นอิฟริน
“ใช่ นางเป็นย่าทวดของคุณหนูน้อยคนนี้น่ะนะ แถมยังเป็นอิฟรินแห่งจุดเริ่มต้นที่มีพลังเขียนอนาคตได้ นางได้เขียนเหตุการณ์เซโชไทโดนสังหารกับสุคุนะฟื้นคืนชีพลงไปในนั้นด้วย เมื่อใดที่นางใช้พลังนี้อัตราการเกิดอนาคตนั้นจะอยู่ที่ 100%”
“แปลว่านางรู้อยู่แล้วว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ”
“ถูกต้อง แต่เรื่องที่คุณหนูน้อยได้เนตรยมทูตนี่ไม่ได้อยู่ในการคาดการณ์ของนางนะ” ทัตสึยะยักไหล่ “แล้วเจ้ารู้มั้ยว่าแผนรีเซ็ตอาคมของเจ้าโดยไม่ใช้เซโชไทสำหรับนางคืออะไร”
“คือ?”
“นางต้องการจะใช้อาคมย้อนกลับใส่เจ้าเพื่อรีเซ็ตอาคมของเจ้าไง”
“อาคมย้อนกลับ? ตามหลักการแล้วมันทำไม่ได้หรอก” เท็นเง็นแย้ง
“ฮึๆ” แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะซะงั้น “เท็นเง็น อิฟรินน่ะเป็นตัวตนไม่ปกตินะ”
“?”
“ที่เจ้าบอกว่าเจ้าสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างปะปนอยู่ในอาคมของข้า แต่แทนที่จะมันจะขัดแย้งซึ่งกันและกัน เพราะตามหลักแล้วผู้ใช้คุณไสยจะมีอาคมแต่กำเนิดได้เพียงหนึ่งอย่างเท่านั้น มันกลับเลือกที่จะปรับตัวให้เข้ากับอาคมของของข้า นั่นแหละคือคำตอบ”
“ว่าไงนะ”
“การจะเป็นอิฟริน ไม่ใช่ว่าอยู่ๆก็เป็นได้เลย แต่ต้องได้รับพลังบางอย่างที่ว่านั่นมาก่อน จากนั้นก็มาพัฒนาให้กลายเป็นอิฟรินต่างหาก อย่างฟุบูกิ ยูอิที่เป็นอิฟรินแห่งจุดเริ่มต้น ผลประโยชน์ที่นางได้จากการเป็นอิฟริน คืออาคมย้อนกลับของนาง ไม่ใช่ทำได้แค่ฟื้นฟูร่างกายและถอนพิษ แต่มันย้อนได้ทั้งสิ่งของ พลังไสยเวท แม้กระทั่งวิญญาณ แต่ความซวยคือ เบื้องบนไปฆ่าสามีนางเพราะเจ้านั่นเป็นนักโทษหมายจับ ทำให้นางแค้นกับเบื้องบนสุดๆเลยเขียนให้เจ้าพวกนั้นล่มจมและรอดูอยู่เงียบๆ”
“อ้อ แล้วก็พลังบางอย่างที่ว่านี่ก็เป็นสิ่งที่ใครๆก็รู้จักกันด้วย แต่เจ้าไม่ต้องตอบนะ ให้เก็บไว้ในใจเอา” ทัตสึยะพูดพลางเอานิ้ววางบนปากเป็นสัญลักษณ์บอกว่าให้เก็บเป็นความลับ
“แล้วเป้าหมายของอิฟรินคืออะไร” เท็นเง็นถาม
“แย่หน่อยนะที่อันนี้ข้าตอบไม่ได้ เพราะเป้าหมายของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆคือทุกคนจะไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูซึ่งกันและกัน และคอยเฝ้าดูความเป็นไปของโลกนี้อย่างเงียบๆ”
“แล้วทำไมเจ้าถึงรู้เรื่องอิฟรินที่ว่านี่ดีจัง”
“คำตอบมันก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่”
“...อย่าบอกนะ-”
“เอาล่ะคุยกันมาเยอะพอแล้ว ให้เจ้าพวกนั้นรอข้างนอกนานมันก็เสียมารยาทอยู่นะ” แต่เท็นเง็นยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ทัตสึยะก็ตัดบทแล้วเดินตรงไปหาอีกฝ่ายพร้อมเอานิ้ววางบนหน้าผากเท็นเง็นราวกับจะดีดหน้าผากใส่
“ที่จริงข้าไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ แต่เพื่อไม่ให้เจ้าเคนจาคุมันรู้ กันไว้ดีกว่าแก้ละกัน”
“ว่าไงนะ”
“ถ้าอิงจากศัพท์ในยุคนี้ น่าจะเป็นคำว่าสปอยล์ล่ะมั้ง อ้อจริงสิ! งั้นข้าจะบอกกับสปอยล์อะไรสนุกๆให้นิดนึงดีกว่า” คำสาปหนุ่มยิ้มกริ่ม “อิฟรินสามารถหาอินเฮริเตอร์ (inheritor: ผู้สืบทอด) มาสืบทอดเจตจำนงค์ของตัวเองได้ ต้องขอบคุณเจ้าเลยนะเนี่ยที่ทำให้ข้านึกออก”
“หา?”
“แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดคือต่อให้เจ้าจะมีคนคุ้มกันถึงสองคน แต่เจ้าเคนจาคุก็จะเอาชนะได้ทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้นทั้งเคนจาคุและสุคุนะก็ต้องเจอกับจุดจบอยู่ดี”
“จุดจบ?”
“ทุกสรรพสิ่งในโลกาล้วนพบพานถึงจุดจบ จะเก่งมาจากไหนก็หนีไม่พ้นความตาย และอิฟรินแห่งจุดจบที่จะถือกำเนิดเร็วๆนี้จะกำหนดจุดจบนั้นเอง”
“นี่เจ้า-”
“ราซิเอล (Raziel)”
.
.
.
“ว่าแต่เรียกฟุบูกิจังไปคุยเรื่องอะไรล่ะ”
“รายละเอียดเรื่องเนตรยมทูตน่ะ” หลังจากที่ทัตสึยะคุยกับเท็นเง็นเสร็จแล้ว เขาก็ออกมาพร้อมกับเลียนเสียงของอากาเนะแล้วบอกยูกิและโจโซว่าทำธุระเสร็จแล้ว พอยูกิถามเท็นเง็นว่าคุยกันอะไร อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาว่าคุยเรื่องเนตรยมทูต ทำให้ทัตสึยะได้ยินจากข้างนอกยกยิ้มมุมปากเพราะในช่วงสุดท้ายเขาใช้พลังเปลี่ยนแปลงความทรงจำของเท็นเง็นเอง จากนั้นก็คืนร่างให้เด็กสาวผู้เป็นเจ้าของร่าง
‘ทำไมนายถึงรู้เรื่องที่คุณยูอิเป็นอิฟรินล่ะ’
‘!?’ แต่ประโยคแรกที่อากาเนะถามผ่านโทรจิตออกมานั้นทำเอาทัตสึยะชะงัก เพราะเขาใช้พลังปิดบังไม่ให้เธอ เรียวตะ แล้วก็ยูกิฮิเมะรู้ว่าเขาทำอะไร แต่ในเมื่อเธอถามแบบนี้แปลว่าที่คำสาปหนุ่มทำไปมันไม่ได้ผลสำหรับเธอ
‘…กะแล้วว่ามันไม่ได้ผลสำหรับเจ้า’ ถึงอย่างนั้นทัตสึยะกลับยิ้มบางๆราวกับรู้อยู่แล้ว ‘โกรธรึเปล่าที่ข้าไม่เคยบอกเรื่องนี้’
‘ก็แหงดิ’
‘ฮึๆ โดนโกรธซะแล้วสิ~’
‘แต่นายดูไม่แคร์ที่ฉันโกรธนายเลยนะ ว่าแต่เรียวตะรู้เรื่องคุณยูอิรึเปล่า’
‘ไม่เลย’
“โฮ่ย ยืนเหม่ออะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ” ในตอนนั้นเอง ชิองก็มาพอดีแล้วเห็นว่าเธอเอาแต่ยืนไม่ยอมขยับไปไหนเลยเดินมาหา
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณชิอง ฉันแค่คิดอยู่ว่าจะไปร่วมเกมส์เลยมั้ยหรือว่าจะไปคุยกับคนในบ้านฉันก่อนน่ะค่ะ”
“พิมพ์ข้อความหาไม่ก็โทรไปก็ได้นี่”
“ไปเจอกันต่อหน้ามันดีกว่าค่ะ เพราะถ้าส่งข้อความไปแล้วไม่มีสัญญาณขึ้นมามันจะแย่เอา” อากาเนะว่าพลางแกะเจลลดไข้ออก “เรียวตะ เดี๋ยวพาวาร์ปไปบ้านใหญ่ที”
“ได้-”
“ฟุบูกิจัง เจอตัวซักที” ทว่าก่อนที่อากาเนะจะได้ไปที่นางาโนะ ก็ดันมีใครบางคนมาตามเธอซะงั้น
“คุณยูตะ? มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ”
“คือว่า อิตาโดริคุงกับฟุชิงุโระคุงฝากมาถามเธอน่ะว่าจะไปตามหาคุณฮาคาริด้วยกันมั้ย”
“เอ…” เด็กสาวเอานิ้วแตะคางครุ่นคิด บวกกับเนตรยมทูตเล่นภาพที่ยูจิกับเมงุมิไปหาฮาคาริแล้วความแตก “ไม่ล่ะค่ะ ฉันว่าฉันจะไปวางแผนกับคนในบ้านฉันก่อนน่ะค่ะ”
“งั้นเหรอ-” และระหว่างนั้น ยูตะก็เหลือบไปเห็นเจลลดไข้ที่แกะออกแล้วบนมือของเธอ “หวัดหายแล้วเหรอ”
“ไม่เชิงค่ะ เพราะฉันเป็นพวกที่ถ้าป่วยขึ้นมาวันเดียวมันไม่หายน่ะค่ะ แต่พวกเราไม่มีเวลาแล้ว มีแต่ต้องฝืน-”
“ขออนุญาตนะ”
“?!” ยังไม่ทันที่อากาเนะจะได้พูดจบ ยูตะก็พูดแทรกแล้วเอามือข้างหนึ่งมาเลิกผมหน้าม้าและวางหน้าผากของเธอ ส่วนอีกข้างก็วางบนหน้าผากตัวเอง
“ค…คุณยูตะคะ ฉ-ฉันไม่เป็นไรจริงๆ-” เด็กสาวเอ่ยตะกุกตะกักที่จู่ๆก็โดนวัดไข้อย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ช็อกไปอีกเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาประชิดแล้วเอาหน้าผากมาชนกัน ไม่ใช่แค่อากาเนะที่ช็อก ทั้งชิองที่อยู่ข้างๆ เรียวตะ ทัตสึยะและยูกิฮิเมะก็ช็อกไม่ต่างกัน
“…ตัวยังรุมๆอยู่เลย” ยูตะพูดก่อนจะผละตัวออกมา “พักซักวันสองวันแล้วค่อยไปร่วมเกมส์ดีกว่านะ”
“ก…ก็คิดไว้ประมาณนั้น…ค่ะ…” เด็กสาวหลุบตามองต่ำแล้วเอามือแตะหน้าผากตัวเอง “เอ่อ…คุณยูตะคะ”
“?”
“แล้วโคโลนีที่คุณยูตะจะไปนี่ จะไปที่ไหนเหรอคะ”
“ผมว่าจะไปที่มิยางิน่ะ”
“…ระวังตัวด้วย…นะคะ” แต่ไม่รู้อากาเนะนึกอะไรถึงได้อวยพรให้อีกฝ่ายไป ด้านยูตะก็อึ้งไปแว่บนึงก่อนจะยิ้มบางๆ
“เธอเองก็ด้วยนะ” แล้วเขาก็เดินจากไป ส่วนอากาเนะก็ยังไม่ยอมเอามือออกจากหน้าผากตัวเองและเริ่มสับสนแล้วว่าที่ตัวเองรู้สึกหน้าร้อนแปลกๆเป็นเพราะหวัดหรือยูตะกันแน่
“มันรู้รึเปล่าว่าข้ายืนหัวโด่อยู่ข้างๆนี่” เสียงของชิองดังขึ้นด้วยความหมั่นไส้เพราะก่อนหน้านี้ยูตะเมินชิองราวกับเป็นอากาศ แถมภาพเมื่อครู่ก็เล่นเอาบาดตากันทีเดียวก่อนจะตวัดหางตาไปมองเด็กสาวแล้วถามเสียงห้วน
“หวั่นไหวล่ะสิ?”
“…อือ” คำตอบของเธอทำเอาชิองมองบนใส่
“ใจกล้าดีนี่ มาทำอะไรบาดตาต่อหน้ากันแบบนี้เนี่ย” ตามมาด้วยเรียวตะที่ถึงกับเอ่ยออกมาเสียงเย็นราวกับเป็นผู้ปกครองท่านหนึ่งที่เห็นผู้ชายมาจีบลูกสาวตัวเอง
‘ฮะๆๆๆๆ! ข้าชอบเด็กนี่!’
‘ถ้าซาโตรุรู้ มีหวังขำน้ำตาร่วงแน่’ ส่วนทัตสึยะก็หัวเราะปรบมือชอบใจในขณะที่ยูกิฮิเมะคิดภาพว่าถ้าโกะโจมารู้ คงจะขำสะใจไม่ต่างกับทัตสึยะแน่ๆ
.
.
.
ณ คฤหาสน์ตระกูลฟุบูกิ จังหวัดนางาโนะ
“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ”
“คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าจะพาคนใช้ของยูกิฮิเมะมาด้วย…” หลังจากนั้นไม่นาน เรียวตะก็พาทั้งอากาเนะและชิองวาร์ปมายังคฤหาสน์ตระกูลฟุบูกิที่มีทั้งเซย์จิ ฮิโตมิ ฮิโรโตะ ยาสุโอะ อายาเมะ จิน ริเสะ ริวโนะสุเกะ และมิซาเอะอยู่ที่นี่ พูดง่ายๆว่าคนของบ้านฟุบูกิอยู่ที่นี่กันครบทุกคน เด็กสาวได้เล่าเรื่องที่ไปเจอท่านเท็นเง็น (แต่ไม่บอกเรื่องทัตสึยะ) รวมถึงชิองด้วย ทำเอามิซาเอะรู้สึกไม่อยากเชื่อที่อากาเนะไปเจอชิองแล้วลากให้มาด้วยกันได้ด้วย
“แต่ปัญหาหลักของเราในตอนนี้คือไอ้เกมส์เฮงซวยนี่ เรามาทบทวนกฎกันก่อนดีมั้ย” ฮิโรโตะพูดเสนอให้ประชุมถึงเรื่องนี้กันก่อน โดยเริ่มจากการทบทวนกฎของเกมส์ล้างบาง
1. หลังจากพลังอาคมของผู้เล่นตื่นขึ้นมาแล้ว ผู้เล่นจะต้องลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมในโคโลนีใด โคโลนีหนึ่งภายในเวลา 19 วัน
ปล. ผู้เล่นที่ไม่ใช่ผู้ใช้คุณไสยแต่กำเนิด จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามที่เคนจาคุเคยบอกว่าตัวเองได้ทำสัญลักษณ์ไว้ ได้แก่คนที่สามารถดูดกลืนวัตถุต้องสาปได้เช่นอิตาโดริ ยูจิ กับคนที่มีอาคมติดตัว แต่สมองเหมือนคนปกติเช่นโยชิโนะ จุนเปย์ คือประเภทที่ 1 ส่วนประเภทที่2 คือคนที่เคนจาคุไปทำสัญลักษณ์ไว้แล้วพลังตื่นขึ้นมาหลังจากคลายผนึก เช่น ฟุชิงุโระ สึมิกิ
2. หากผู้เล่นคนใดไม่ทำตามกฎข้อที่ 1 ผู้เล่นคนนั้นจะถูกลบพลังออก
3. คนที่ไม่ใช่ผู้เล่น หากก้าวเข้ามาในม่านโคโลนีแล้วก็จะถูกนับเป็นผู้เล่น
4. ผู้เล่นจะได้รับคะแนนจากการฆ่าผู้เล่นคนอื่น
5. คะแนนจะถูกกำหนดโดยเกมส์มาสเตอร์ (Gm) ฆ่าผู้ใช้คุณไสยได้ 5 คะแนน ฆ่าคนที่ไม่ใช่ผู้ใช้คุณไสยได้ 1 คะแนน
6. โดยไม่รวมคะแนนชีวิตที่มีอยู่แล้วของตัวเอง ผู้เล่นสามารถใช้คะแนน 100 คะแนน มาเพิ่มกฏได้ 1 ข้อ
7. ตามกฎข้อที่ 6 Gmต้องยอมรับกฎใหม่ที่เพิ่มเข้ามานอกเสียจากจะส่งผลเสียต่อเกมส์ในระยะยาว
8. ภายใน 19 วัน หากคะแนนของผู้เล่นบางคนไม่ขยับเลย ก็จะถูกลบพลังออก
หมายเหตุ: ผู้เล่นทุกคนที่เข้าร่วมเกมส์จะได้รับชิกิงามิที่ชื่อว่า โคงาเนะ ตามติดชีวิตผู้เล่นด้วย และผู้สามารถเพิ่มกฎหรือดูข้อมูลผู้เล่นคนอื่นผ่านโคงาเนะได้เช่นกัน
“ถ้าไม่นับอคคทสึคุงที่ไปมิยางิก่อนแล้ว ตอนนี้เพื่อนเราก็ไปเกลี้ยกล่อมฮาคาริคุงอยู่ใช่มั้ย” ฮิโตมิถาม
“ใช่ค่ะ”
“แล้วเรื่องคนที่จะไปเล่นเกมส์นี่จะเอายังไงเหรออากาเนะจัง” ริเสะถาม
“ฉันคนนึงแล้วค่ะที่จะไป แต่ฉันก็ไม่คิดจะเอาทุกคนไปร่วมเกมส์แน่ๆ เพราะถ้าไม่มีคนคอยประสานงานจากด้านนอกมันจะลำบากเอา”
“แล้วเรื่องผู้เล่นที่ชื่อเท็นชินั่นล่ะ?” อายาเมะพูด
“ท่านเท็นเง็นใบ้มาว่าเขาอยู่ทางตอนใต้ของโตเกียว แปลว่าโคโลนีของโตเกียวจะแบ่งเป็นโตเกียว1 กับโตเกียว2 คิดว่าพวกยูจิคุงน่าจะอยู่ที่โตเกียว แล้วก็แบ่งคนออกไปหาน่ะค่ะ”
“แล้วหลานล่ะ จะกลับไปโตเกียวหรือจะไปที่อื่น” เซย์จิถาม
“หนูอยากจะไปที่อื่นน่ะค่ะ เพราะงั้นขอฝากทุกคนคอยตามข่าวจากด้านนอกด้วยนะคะ”
“ได้สิ ถ้าเกิดมีเรื่องอะไร พวกฉันจะพยายามหาทางส่งข่าวให้นะ” ฮิโรโตะพูด
‘นี่คุณหนู ข้าขอเสนออะไรหน่อยได้มั้ย’ ระหว่างนั้นเอง ทัตสึยะก็ส่งโทรจิตว่าตัวเองมีเรื่องอยากเสนอ
‘อะไร’
‘ให้คนของเจ้าคอยตามข่าวที่ต่างประเทศด้วยได้มั้ย ข้ารู้สึกว่าเจ้าเคนจาคุอาจจะคิดการใหญ่ไปถึงดึงพวกประเทศมหาอำนาจประเทศอื่นให้มาบุกที่ญี่ปุ่นก็ได้’
‘…เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวฝากบอกให้’
“แล้วก็ ถ้าเกิดว่าใครที่มีเพื่อนอยู่ต่างประเทศ ก็ลองติดต่อถามข่าวจากทางนั้นดูหน่อยได้มั้ยคะ เผื่อเคนจาคุไปคุยกับผู้นำที่อยู่ต่างประเทศแล้วเสนอไอเดียเกมส์ล้างบางน่ะค่ะ” หลังจากที่เธอได้ฟังข้อเสนอของคำสาปหนุ่มเธอเองก็เห็นด้วยแล้วพูดข้อเสนอนี้ให้ทุกคน
“มันจะเล่นสเกลใหญ่ไปถึงต่างประเทศเลยเหรอ” ยาสุโอะถาม
“ถ้าจำไม่ผิด อัตราการเกิดผู้ใช้คุณไสยในต่างประเทศมีน้อย แถมญี่ปุ่นก็เป็นที่เดียวที่มีพลังงานไสยเวทเยอะกว่าที่อื่น ถ้าเกิดพวกอเมริกาหรือจีนรู้ คิดว่าน่าจะส่งทหารมาญี่ปุ่นแน่ๆ” จินเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ทางฉันมีเพื่อนที่ทำงานที่อเมริกาอยู่ เดี๋ยวจะลองถามให้นะ”
“ขอบคุณมากๆค่ะ คุณฮิโรมาสะ”
“แล้วเธอจะไปเข้าร่วมเกมส์วันนี้เลยรึเปล่า” ริวโนะสุเกะถาม
“ยังค่ะ ขอฝึกพิเศษซักวันสองวันแล้วค่อยไปค่ะ”
“ฝึกพิเศษ?” ฮิโรโตะฟังแล้วถึงกับตาโต เพราะอากาเนะเองก็เป็นถึงระดับพิเศษแล้ว ยังจะฝึกอะไรเพิ่มอีกเหรอ
“พอดีว่า ฉันอยากลองทดสอบอะไรนิดๆหน่อยๆ แล้วก็—” เธอเว้นช่วงพูดพลางมองหน้าทุกคน
“ในนี้มีใครยิงปืนเป็นมั้ยคะ”
.
.
.
12 พฤศจิกายน 11:30 น.
เมืองฮิโรชิม่า จังหวัดฮิโรชิม่า
ฮิโรชิม่า เป็นเมืองที่รู้จักกันในฐานะศูนย์กลางทางการทหารของญี่ปุ่นในยุคจักรวรรดิ มีบทบาทสำคัญในสงครามจีน-ญี่ปุ่น, สงครามญี่ปุ่น-รัสเซีย และสงครามโลกทั้งสองครั้ง โดยเฉพาะในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เมืองนี้เป็นเมืองแรกที่ถูกอาวุธนิวเคลียร์โจมตีจนสร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ที่โลกจะไม่มีวันลืม
สถานการณ์ในเมืองนี้ มีผู้เล่นที่โดดเด่นสร้างผลงานไว้ ทำให้กลายเป็นจุดสูงสุดของโคโลนีแห่งนี้ไว้ถึง 3 คนและอีก 1 ตัว
ทาจิบานะ ฮารุกะ หญิงสาวเรือนผมสีชมพูพาสเทล ทำงานเป็นนักร้องบาร์แจ๊สที่ตกอยู่ในภาวะถังแตก อาคมของเธอคือสร้างภาพหลอนผ่านเสียงเพลง แต้มสะสม 66 คะแนน
ยามาดะ จิอากิ ชายหนุ่มผมสีดำไฮไลต์แดง มีกระบนใบหน้า ผู้หลงไหลและหมกมุ่นในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งเป็นโอตาคุเบียวนินจา อาคมของเขาคือหยิบจับอะไรก็กลายเป็นอาวุธ แต้มสะสม 70 คะแนน
โฮชิมิยะ นัตสึมิ ซิสเตอร์หญิงผู้ศรัทธาในพระเจ้ายิ่งกว่าอะไร อาคมของเธอคือการสะกดจิตและปลูกฝังความคิดคน แต้มสะสม 50 คะแนน
โชวโกะ วิญญาณคำสาประดับ 1 (ยังไม่ได้ลงทะเบียน) ผีเสื้อยักษ์มีพลังสร้างชิกิงามิแมลงทั้งขนาดเล็กและใหญ่ สามารถควบคุมจากระยะไกลและดูดชีวิตจากชิกิงามิตัวนั้นมาต่อชีวิตตัวเองได้หากตัวเองได้รับอันตรายถึงชีวิต แต้มสะสม 54 คะแนน
พวกเขาทั้งสี่คือผู้เล่นที่ถูกปลุกพลังจากการปลดผนึกของเคนจาคุทั้งสิ้น และยังเป็นผู้ที่ทำคะแนนได้มากที่สุดในโคโลนีฮิโรชิม่า ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา ทำให้พวกเขาเป็นจุดสูงสุดที่ไม่มีใครกล้าต่อกร ในขณะที่พวกเขาทั้งสี่นั้นต่างอยู่ในภาวะชะงักเนื่องจากรอดูท่าทีว่าใครกันแน่ที่จะหมดความอดทนก่อน
จนกระทั่งมีการมาเยือนของผู้เล่นคนใหม่ เมื่อผู้เล่นคนนั้นได้เข้ามายังโคโลนีแห่งนี้และทำการเก็บสะสมแต้มอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชิกิงามิที่โชวโกะวางเอาไว้เป็นกับดักเป็นจำนวนมากเกิดปฏิกิริยาตอบสนองและเข้ามาจู่โจมผู้เล่นคนนั้น แต่ทว่าพวกมันก็ถูกกำจัดไปทั้งหมดด้วยการแช่แข็งไม่กี่นาที
และผู้เล่นคนใหม่ที่ได้เข้ามายังโคโลนีแห่งนี้ คือเด็กสาวผู้สืบสายเลือดของจักรพรรดิสุโตคุ ผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง เพราะเธอคือมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวในยุคนี้ที่ครองพลังเนตรยมทูตที่ยังมีชีวิตอยู่และสามารถปลดล็อคไปถึงพลังลับอย่างเรเควียมได้
ฟุบูกิ อากาเนะ
แต้มสะสม: 30 คะแนน
เปลี่ยนกฎ: 00 รอบ
โคโลนีปัจจุบัน: ฮิโรชิม่า
.
.
.
Talkๆ desu: เริ่มเกมส์คัดสรรอย่างเป็นทางการ ตอนต้นคือแอบสาดloreเรื่องอิฟริน และแถมโมเม้นพี่ต๋ากับน้องด้วย สภาพเรียวตะคืออกแตกตายแล้วมั้ง555555555555
ภาคนี้อากาเนะฉายเดี่ยวแบบเต็มสูบ ทั้งเรียวตะ ยูกิฮิเมะแล้วก็ทัตสึยะ คือนั่งจกป็อบคอร์นดูมวยอย่างเดียว
สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันมาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ
ไหว้ล่ะค่ะทุกคน เม้นมาเถอะ พอไม่มีเม้นมันแอบใจเสียอยู่เหมือนนะว่าฟิคเรามันไม่สนุกแล้วใช่มั้ย
เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยย
S Q W E E Z T H E M E @ D E K - D
ความคิดเห็น