NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ss1+2+3) | Fic Jujutsu Kaisen x OC | The Grim reaper eye

    ลำดับตอนที่ #74 : อิฟริน

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ย. 67


    “ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า เป็นการส่วนตัว” ประโยคของเท็นเง็นเมื่อครู่นั้นสร้างความสงสัยให้กับเด็กสาวเจ้าของชื่อเป็นอย่างมาก ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องอะไรถึงได้อยากคุยเป็นการส่วนตัวด้วย

    “งั้นพวกฉันสองคนออกไปรอข้างนอกก่อนนะ” ยูกิเห็นแบบนั้นก็บอกว่าเดี๋ยวตนกับโจโซจะไปรอข้างนอกให้

    “…เดี๋ยวรอ” รวมถึงชิองเองก็เช่นกัน

    “เข้าใจแล้วค่ะ” แล้วทุกคนเดินออกจากโถงกันหมด เหลือแค่เท็นเง็นและอากาเนะเท่านั้น

    “แล้วท่านเท็นเง็น…มีเรื่องอะไรอยากคุยกับฉันเหรอคะ”

    “ถึงข้าจะบอกว่าอยากคุยกับเจ้า แต่ที่จริงข้าอยากคุยกับคนที่อยู่กับเจ้ามากกว่า” เท็นเง็นเอ่ยเสียงเรียบทำเอาเด็กสาวขมวดคิ้ว “ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้ามีคำสาปอีกตัวที่ไม่ใช่ยูกิฮิเมะอยู่กับเจ้าด้วย ข้าต้องการจะคุยกับเจ้านั่น”

    ‘เอายังไง ทัตสึยะ’ อากาเนะถามทัตสึยะในใจ

    ‘ที่จริงข้าเองก็มีเรื่องอยากจะคุยกับเท็นเง็นอยู่เหมือนกัน ขอยืมร่างคุณหนูแปบนึงนะ’ คำสาปหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงเริงร่าทำเอาเด็กสาวทำหน้าเอือมใส่

    ‘อย่านาน’

    ‘จัดไปจ้า’ สิ้นสุดการสนทนาของทั้งคู่แล้ว อากาเนะก็หลับตาลงให้ทัตสึยะยืมร่างไปสิงให้ จนกระทั่งเธอลืมตาขึ้นมาโดยนัยน์ตาได้เปลี่ยนสีจากสีม่วงเป็นสีแดง

    “เจ้าเป็นใคร”

    “อะไรกันเนี่ย~ คือเรียกมาเพราะอยากจะพูดแค่นี้เองเหรอ ข้าอุตส่าห์ใช้พลังปิดกั้นไม่ให้ทั้งคุณหนูน้อยกับพ่อยมทูต แล้วก็ยูกิฮิเมะมาได้ยินเรื่องของเราเชียวนะ” เท็นเง็นเห็นว่าทัตสึยะสิงร่างเรียบร้อยร้อยแล้วก็ถามกลับด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดทันที แต่ทัตสึยะกลับไม่ได้กลัวเลย “ข้าก็แค่คำสาปธรรมดาๆที่เกิดเมื่อหลายพันปีก่อน แต่ก็มาตายเพราะยูกิฮิเมะน่ะ”

    “...โกหก”

    “หืม?” แต่คำพูดของเท็นเง็นทำเอาคนฟังเลิกคิ้วแปลกใจ

    “ข้าสัมผัสได้ถึงอาคมที่แข็งแกร่งมาจากตัวเจ้า และที่สำคัญ อาคมของเจ้ามีพลังงานบางอย่างปะปนอยู่ในนั้น แต่แทนที่จะขัดแย้งกับอาคมแต่กำเนิด มันกลับสามารถปรับตัวให้เข้ากันกับอาคมของเจ้า” เท็นเง็นพูด “ไม่ใช่เจ้าเท่านั้นที่มีพลังงานรูปแบบนี้ ฟุบูกิ อากาเนะและราชินีหิมะ ยูกิฮิเมะก็มีพลังงานรูปแบบนี้เช่นกัน เพียงแต่ของฟุบูกิ อากาเนะ พลังของนางยังไม่มีรูปร่างชัดเจนนัก ส่วนยูกิฮิเมะนั้นเหมือนกับเจ้าแต่มีความเข้มข้นน้อยกว่า”

    “เดี๋ยวก่อน” แต่แล้วทัตสึยะก็พูดแทรกขึ้นมา “คุณหนูน้อยนี่ฉันไม่แปลกใจ แต่ที่บอกว่ายูกิฮิเมะมีเหมือนกันนี่คืออะไร”

    “ข้าเองก็ไม่รู้หรอก แต่ข้ารู้สึกได้แบบนี้จริงๆ แต่ความเข้มข้นของพลังจากตัวนางมันเบาบางกว่าของเจ้าอยู่ครึ่งนึง” พอคำสาปหนุ่มได้ฟังแล้วก็กอดอกทำหน้าเครียดราวกับใช้ความคิดก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย

    “อย่าง~นี้~นี่~เอง~ เท่านี้ก็ไขความสงสัยของข้าที่ค้างคาใจมานานได้แล้ว แบบนี้ค่อยน่าเสวนาด้วยหน่อย”

    “เจ้ารู้งั้นรึ” เท็นเง็นถาม

    “รู้ดีเลยล่ะ” ทัตสึยะตอบ “เจ้าบอกว่าเป้าหมายของเคนจาคุนั่นคือการรวมเจ้ากับมนุษย์เพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์ใช่มั้ย”

    “ใช่”

    “ที่จริง ข้าคิดเป้าหมายของมันได้อีกอย่างนึง แต่มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้”

    “คืออะไร”

    “เอาชนะพวกข้ามั้ง”

    “หา?” เมื่อเท็นเง็นฟังแล้วก็เกิดความไม่เข้าใจ ผิดกับทัตสึยะฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์

    “ที่จริง บนโลกนี้มีคนบางกลุ่มที่แข็งแกร่งกว่าสิ่งมีชีวิตตนอื่นๆโดยไม่พึ่งการหลอมรวมกับเจ้า ข้าคิดว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่เคนจาคุจัดเกมส์ล้างบางก็ได้”

    “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องที่เจ้าว่ามาก่อน”

    “มันจะไปได้ยินได้ยังไงก่อน ก็คนที่เป็นมันไม่เปิดเผยตัวเองว่าเป็นไง มันเลยกลายเป็นเพียงตำนานเมือง เว้นแต่จะมีคนตามไปสืบจนเจอ” คำสาปหนุ่มเท้าสะเอวทำหน้าไม่พอใจ “ส่วนกลุ่มคนปริศนาที่ว่าเป็นใคร”

    “แม้ชื่อของพวกเขาหมายถึงนรก แต่พวกเขาคือผู้แข็งแกร่งทัดเทียมกับพระผู้เป็นเจ้า เรียกกันสั้นๆว่าอิฟริน (Ifrinn)”

    “อิฟริน?” เท็นเง็นเอ่ยทวนชื่อด้วยความสงสัย

    “ข้าจะยกตัวอย่างมาซักคนก็แล้วกัน ถ้าคนล่าสุดก็ฟุบูกิ ยูอิ”

    “ฟุบูกิ ยูอิ?” เท็นเง็นได้ยินชื่อถึงกับทำหน้าแปลกใจ เขารู้ว่ายูอิเป็นใคร แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะเป็นอิฟริน

    “ใช่ นางเป็นย่าทวดของคุณหนูน้อยคนนี้น่ะนะ แถมยังเป็นอิฟรินแห่งจุดเริ่มต้นที่มีพลังเขียนอนาคตได้ นางได้เขียนเหตุการณ์เซโชไทโดนสังหารกับสุคุนะฟื้นคืนชีพลงไปในนั้นด้วย เมื่อใดที่นางใช้พลังนี้อัตราการเกิดอนาคตนั้นจะอยู่ที่ 100%”

    “แปลว่านางรู้อยู่แล้วว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ”

    “ถูกต้อง แต่เรื่องที่คุณหนูน้อยได้เนตรยมทูตนี่ไม่ได้อยู่ในการคาดการณ์ของนางนะ” ทัตสึยะยักไหล่ “แล้วเจ้ารู้มั้ยว่าแผนรีเซ็ตอาคมของเจ้าโดยไม่ใช้เซโชไทสำหรับนางคืออะไร”

    “คือ?”

    “นางต้องการจะใช้อาคมย้อนกลับใส่เจ้าเพื่อรีเซ็ตอาคมของเจ้าไง”

    “อาคมย้อนกลับ? ตามหลักการแล้วมันทำไม่ได้หรอก” เท็นเง็นแย้ง

    “ฮึๆ” แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะซะงั้น “เท็นเง็น อิฟรินน่ะเป็นตัวตนไม่ปกตินะ”

    “?”

    “ที่เจ้าบอกว่าเจ้าสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างปะปนอยู่ในอาคมของข้า แต่แทนที่จะมันจะขัดแย้งซึ่งกันและกัน เพราะตามหลักแล้วผู้ใช้คุณไสยจะมีอาคมแต่กำเนิดได้เพียงหนึ่งอย่างเท่านั้น มันกลับเลือกที่จะปรับตัวให้เข้ากับอาคมของของข้า นั่นแหละคือคำตอบ”

    “ว่าไงนะ”

    “การจะเป็นอิฟริน ไม่ใช่ว่าอยู่ๆก็เป็นได้เลย แต่ต้องได้รับพลังบางอย่างที่ว่านั่นมาก่อน จากนั้นก็มาพัฒนาให้กลายเป็นอิฟรินต่างหาก อย่างฟุบูกิ ยูอิที่เป็นอิฟรินแห่งจุดเริ่มต้น ผลประโยชน์ที่นางได้จากการเป็นอิฟริน คืออาคมย้อนกลับของนาง ไม่ใช่ทำได้แค่ฟื้นฟูร่างกายและถอนพิษ แต่มันย้อนได้ทั้งสิ่งของ พลังไสยเวท แม้กระทั่งวิญญาณ แต่ความซวยคือ เบื้องบนไปฆ่าสามีนางเพราะเจ้านั่นเป็นนักโทษหมายจับ ทำให้นางแค้นกับเบื้องบนสุดๆเลยเขียนให้เจ้าพวกนั้นล่มจมและรอดูอยู่เงียบๆ”

    “อ้อ แล้วก็พลังบางอย่างที่ว่านี่ก็เป็นสิ่งที่ใครๆก็รู้จักกันด้วย แต่เจ้าไม่ต้องตอบนะ ให้เก็บไว้ในใจเอา” ทัตสึยะพูดพลางเอานิ้ววางบนปากเป็นสัญลักษณ์บอกว่าให้เก็บเป็นความลับ

    “แล้วเป้าหมายของอิฟรินคืออะไร” เท็นเง็นถาม

    “แย่หน่อยนะที่อันนี้ข้าตอบไม่ได้ เพราะเป้าหมายของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆคือทุกคนจะไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูซึ่งกันและกัน และคอยเฝ้าดูความเป็นไปของโลกนี้อย่างเงียบๆ”

    “แล้วทำไมเจ้าถึงรู้เรื่องอิฟรินที่ว่านี่ดีจัง”

    “คำตอบมันก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่”

    “...อย่าบอกนะ-”

    “เอาล่ะคุยกันมาเยอะพอแล้ว ให้เจ้าพวกนั้นรอข้างนอกนานมันก็เสียมารยาทอยู่นะ” แต่เท็นเง็นยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ทัตสึยะก็ตัดบทแล้วเดินตรงไปหาอีกฝ่ายพร้อมเอานิ้ววางบนหน้าผากเท็นเง็นราวกับจะดีดหน้าผากใส่

    “ที่จริงข้าไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ แต่เพื่อไม่ให้เจ้าเคนจาคุมันรู้ กันไว้ดีกว่าแก้ละกัน”

    “ว่าไงนะ”

    “ถ้าอิงจากศัพท์ในยุคนี้ น่าจะเป็นคำว่าสปอยล์ล่ะมั้ง อ้อจริงสิ! งั้นข้าจะบอกกับสปอยล์อะไรสนุกๆให้นิดนึงดีกว่า” คำสาปหนุ่มยิ้มกริ่ม “อิฟรินสามารถหาอินเฮริเตอร์ (inheritor: ผู้สืบทอด) มาสืบทอดเจตจำนงค์ของตัวเองได้ ต้องขอบคุณเจ้าเลยนะเนี่ยที่ทำให้ข้านึกออก”

    “หา?”

    “แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดคือต่อให้เจ้าจะมีคนคุ้มกันถึงสองคน แต่เจ้าเคนจาคุก็จะเอาชนะได้ทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้นทั้งเคนจาคุและสุคุนะก็ต้องเจอกับจุดจบอยู่ดี”

    “จุดจบ?”

    “ทุกสรรพสิ่งในโลกาล้วนพบพานถึงจุดจบ จะเก่งมาจากไหนก็หนีไม่พ้นความตาย และอิฟรินแห่งจุดจบที่จะถือกำเนิดเร็วๆนี้จะกำหนดจุดจบนั้นเอง”

    “นี่เจ้า-”

    ราซิเอล (Raziel)”

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

    “ว่าแต่เรียกฟุบูกิจังไปคุยเรื่องอะไรล่ะ”

    “รายละเอียดเรื่องเนตรยมทูตน่ะ” หลังจากที่ทัตสึยะคุยกับเท็นเง็นเสร็จแล้ว เขาก็ออกมาพร้อมกับเลียนเสียงของอากาเนะแล้วบอกยูกิและโจโซว่าทำธุระเสร็จแล้ว พอยูกิถามเท็นเง็นว่าคุยกันอะไร อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาว่าคุยเรื่องเนตรยมทูต ทำให้ทัตสึยะได้ยินจากข้างนอกยกยิ้มมุมปากเพราะในช่วงสุดท้ายเขาใช้พลังเปลี่ยนแปลงความทรงจำของเท็นเง็นเอง จากนั้นก็คืนร่างให้เด็กสาวผู้เป็นเจ้าของร่าง

    ‘ทำไมนายถึงรู้เรื่องที่คุณยูอิเป็นอิฟรินล่ะ’

    ‘!?’ แต่ประโยคแรกที่อากาเนะถามผ่านโทรจิตออกมานั้นทำเอาทัตสึยะชะงัก เพราะเขาใช้พลังปิดบังไม่ให้เธอ เรียวตะ แล้วก็ยูกิฮิเมะรู้ว่าเขาทำอะไร แต่ในเมื่อเธอถามแบบนี้แปลว่าที่คำสาปหนุ่มทำไปมันไม่ได้ผลสำหรับเธอ

    ‘…กะแล้วว่ามันไม่ได้ผลสำหรับเจ้า’ ถึงอย่างนั้นทัตสึยะกลับยิ้มบางๆราวกับรู้อยู่แล้ว ‘โกรธรึเปล่าที่ข้าไม่เคยบอกเรื่องนี้’

    ‘ก็แหงดิ’

    ‘ฮึๆ โดนโกรธซะแล้วสิ~’

    ‘แต่นายดูไม่แคร์ที่ฉันโกรธนายเลยนะ ว่าแต่เรียวตะรู้เรื่องคุณยูอิรึเปล่า’

    ‘ไม่เลย’

    “โฮ่ย ยืนเหม่ออะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ” ในตอนนั้นเอง ชิองก็มาพอดีแล้วเห็นว่าเธอเอาแต่ยืนไม่ยอมขยับไปไหนเลยเดินมาหา

    “ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณชิอง ฉันแค่คิดอยู่ว่าจะไปร่วมเกมส์เลยมั้ยหรือว่าจะไปคุยกับคนในบ้านฉันก่อนน่ะค่ะ”

    “พิมพ์ข้อความหาไม่ก็โทรไปก็ได้นี่”

    “ไปเจอกันต่อหน้ามันดีกว่าค่ะ เพราะถ้าส่งข้อความไปแล้วไม่มีสัญญาณขึ้นมามันจะแย่เอา” อากาเนะว่าพลางแกะเจลลดไข้ออก “เรียวตะ เดี๋ยวพาวาร์ปไปบ้านใหญ่ที”

    “ได้-”

    “ฟุบูกิจัง เจอตัวซักที” ทว่าก่อนที่อากาเนะจะได้ไปที่นางาโนะ ก็ดันมีใครบางคนมาตามเธอซะงั้น

    “คุณยูตะ? มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ”

    “คือว่า อิตาโดริคุงกับฟุชิงุโระคุงฝากมาถามเธอน่ะว่าจะไปตามหาคุณฮาคาริด้วยกันมั้ย”

    “เอ…” เด็กสาวเอานิ้วแตะคางครุ่นคิด บวกกับเนตรยมทูตเล่นภาพที่ยูจิกับเมงุมิไปหาฮาคาริแล้วความแตก “ไม่ล่ะค่ะ ฉันว่าฉันจะไปวางแผนกับคนในบ้านฉันก่อนน่ะค่ะ”

    “งั้นเหรอ-” และระหว่างนั้น ยูตะก็เหลือบไปเห็นเจลลดไข้ที่แกะออกแล้วบนมือของเธอ “หวัดหายแล้วเหรอ”

    “ไม่เชิงค่ะ เพราะฉันเป็นพวกที่ถ้าป่วยขึ้นมาวันเดียวมันไม่หายน่ะค่ะ แต่พวกเราไม่มีเวลาแล้ว มีแต่ต้องฝืน-”

    “ขออนุญาตนะ”

    “?!” ยังไม่ทันที่อากาเนะจะได้พูดจบ ยูตะก็พูดแทรกแล้วเอามือข้างหนึ่งมาเลิกผมหน้าม้าและวางหน้าผากของเธอ ส่วนอีกข้างก็วางบนหน้าผากตัวเอง

    “ค…คุณยูตะคะ ฉ-ฉันไม่เป็นไรจริงๆ-” เด็กสาวเอ่ยตะกุกตะกักที่จู่ๆก็โดนวัดไข้อย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ช็อกไปอีกเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาประชิดแล้วเอาหน้าผากมาชนกัน ไม่ใช่แค่อากาเนะที่ช็อก ทั้งชิองที่อยู่ข้างๆ เรียวตะ ทัตสึยะและยูกิฮิเมะก็ช็อกไม่ต่างกัน

    “…ตัวยังรุมๆอยู่เลย” ยูตะพูดก่อนจะผละตัวออกมา “พักซักวันสองวันแล้วค่อยไปร่วมเกมส์ดีกว่านะ”

    “ก…ก็คิดไว้ประมาณนั้น…ค่ะ…” เด็กสาวหลุบตามองต่ำแล้วเอามือแตะหน้าผากตัวเอง “เอ่อ…คุณยูตะคะ”

    “?”

    “แล้วโคโลนีที่คุณยูตะจะไปนี่ จะไปที่ไหนเหรอคะ”

    “ผมว่าจะไปที่มิยางิน่ะ”

    “…ระวังตัวด้วย…นะคะ” แต่ไม่รู้อากาเนะนึกอะไรถึงได้อวยพรให้อีกฝ่ายไป ด้านยูตะก็อึ้งไปแว่บนึงก่อนจะยิ้มบางๆ

    “เธอเองก็ด้วยนะ” แล้วเขาก็เดินจากไป ส่วนอากาเนะก็ยังไม่ยอมเอามือออกจากหน้าผากตัวเองและเริ่มสับสนแล้วว่าที่ตัวเองรู้สึกหน้าร้อนแปลกๆเป็นเพราะหวัดหรือยูตะกันแน่

    “มันรู้รึเปล่าว่าข้ายืนหัวโด่อยู่ข้างๆนี่” เสียงของชิองดังขึ้นด้วยความหมั่นไส้เพราะก่อนหน้านี้ยูตะเมินชิองราวกับเป็นอากาศ แถมภาพเมื่อครู่ก็เล่นเอาบาดตากันทีเดียวก่อนจะตวัดหางตาไปมองเด็กสาวแล้วถามเสียงห้วน

    “หวั่นไหวล่ะสิ?” 

    “…อือ” คำตอบของเธอทำเอาชิองมองบนใส่

    “ใจกล้าดีนี่ มาทำอะไรบาดตาต่อหน้ากันแบบนี้เนี่ย” ตามมาด้วยเรียวตะที่ถึงกับเอ่ยออกมาเสียงเย็นราวกับเป็นผู้ปกครองท่านหนึ่งที่เห็นผู้ชายมาจีบลูกสาวตัวเอง

    ‘ฮะๆๆๆๆ! ข้าชอบเด็กนี่!’

    ‘ถ้าซาโตรุรู้ มีหวังขำน้ำตาร่วงแน่’ ส่วนทัตสึยะก็หัวเราะปรบมือชอบใจในขณะที่ยูกิฮิเมะคิดภาพว่าถ้าโกะโจมารู้ คงจะขำสะใจไม่ต่างกับทัตสึยะแน่ๆ

     

     

     

     

    .

    .

    .

    ณ คฤหาสน์ตระกูลฟุบูกิ จังหวัดนางาโนะ

    “เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ”

    “คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าจะพาคนใช้ของยูกิฮิเมะมาด้วย…” หลังจากนั้นไม่นาน เรียวตะก็พาทั้งอากาเนะและชิองวาร์ปมายังคฤหาสน์ตระกูลฟุบูกิที่มีทั้งเซย์จิ ฮิโตมิ ฮิโรโตะ ยาสุโอะ อายาเมะ จิน ริเสะ ริวโนะสุเกะ และมิซาเอะอยู่ที่นี่ พูดง่ายๆว่าคนของบ้านฟุบูกิอยู่ที่นี่กันครบทุกคน เด็กสาวได้เล่าเรื่องที่ไปเจอท่านเท็นเง็น (แต่ไม่บอกเรื่องทัตสึยะ) รวมถึงชิองด้วย ทำเอามิซาเอะรู้สึกไม่อยากเชื่อที่อากาเนะไปเจอชิองแล้วลากให้มาด้วยกันได้ด้วย

    “แต่ปัญหาหลักของเราในตอนนี้คือไอ้เกมส์เฮงซวยนี่ เรามาทบทวนกฎกันก่อนดีมั้ย” ฮิโรโตะพูดเสนอให้ประชุมถึงเรื่องนี้กันก่อน โดยเริ่มจากการทบทวนกฎของเกมส์ล้างบาง
     

    1. หลังจากพลังอาคมของผู้เล่นตื่นขึ้นมาแล้ว ผู้เล่นจะต้องลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมในโคโลนีใด โคโลนีหนึ่งภายในเวลา 19 วัน

    ปล. ผู้เล่นที่ไม่ใช่ผู้ใช้คุณไสยแต่กำเนิด จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามที่เคนจาคุเคยบอกว่าตัวเองได้ทำสัญลักษณ์ไว้ ได้แก่คนที่สามารถดูดกลืนวัตถุต้องสาปได้เช่นอิตาโดริ ยูจิ กับคนที่มีอาคมติดตัว แต่สมองเหมือนคนปกติเช่นโยชิโนะ จุนเปย์ คือประเภทที่ 1 ส่วนประเภทที่2 คือคนที่เคนจาคุไปทำสัญลักษณ์ไว้แล้วพลังตื่นขึ้นมาหลังจากคลายผนึก เช่น ฟุชิงุโระ สึมิกิ

    2. หากผู้เล่นคนใดไม่ทำตามกฎข้อที่ 1 ผู้เล่นคนนั้นจะถูกลบพลังออก

    3. คนที่ไม่ใช่ผู้เล่น หากก้าวเข้ามาในม่านโคโลนีแล้วก็จะถูกนับเป็นผู้เล่น

    4. ผู้เล่นจะได้รับคะแนนจากการฆ่าผู้เล่นคนอื่น

    5. คะแนนจะถูกกำหนดโดยเกมส์มาสเตอร์ (Gm) ฆ่าผู้ใช้คุณไสยได้ 5 คะแนน ฆ่าคนที่ไม่ใช่ผู้ใช้คุณไสยได้ 1 คะแนน

    6. โดยไม่รวมคะแนนชีวิตที่มีอยู่แล้วของตัวเอง ผู้เล่นสามารถใช้คะแนน 100 คะแนน มาเพิ่มกฏได้ 1 ข้อ

    7. ตามกฎข้อที่ 6 Gmต้องยอมรับกฎใหม่ที่เพิ่มเข้ามานอกเสียจากจะส่งผลเสียต่อเกมส์ในระยะยาว

    8. ภายใน 19 วัน หากคะแนนของผู้เล่นบางคนไม่ขยับเลย ก็จะถูกลบพลังออก

    หมายเหตุ: ผู้เล่นทุกคนที่เข้าร่วมเกมส์จะได้รับชิกิงามิที่ชื่อว่า โคงาเนะ ตามติดชีวิตผู้เล่นด้วย และผู้สามารถเพิ่มกฎหรือดูข้อมูลผู้เล่นคนอื่นผ่านโคงาเนะได้เช่นกัน

     

    “ถ้าไม่นับอคคทสึคุงที่ไปมิยางิก่อนแล้ว ตอนนี้เพื่อนเราก็ไปเกลี้ยกล่อมฮาคาริคุงอยู่ใช่มั้ย” ฮิโตมิถาม

    “ใช่ค่ะ”

    “แล้วเรื่องคนที่จะไปเล่นเกมส์นี่จะเอายังไงเหรออากาเนะจัง” ริเสะถาม

    “ฉันคนนึงแล้วค่ะที่จะไป แต่ฉันก็ไม่คิดจะเอาทุกคนไปร่วมเกมส์แน่ๆ เพราะถ้าไม่มีคนคอยประสานงานจากด้านนอกมันจะลำบากเอา”

    “แล้วเรื่องผู้เล่นที่ชื่อเท็นชินั่นล่ะ?” อายาเมะพูด

    “ท่านเท็นเง็นใบ้มาว่าเขาอยู่ทางตอนใต้ของโตเกียว แปลว่าโคโลนีของโตเกียวจะแบ่งเป็นโตเกียว1 กับโตเกียว2 คิดว่าพวกยูจิคุงน่าจะอยู่ที่โตเกียว แล้วก็แบ่งคนออกไปหาน่ะค่ะ”

    “แล้วหลานล่ะ จะกลับไปโตเกียวหรือจะไปที่อื่น” เซย์จิถาม

    “หนูอยากจะไปที่อื่นน่ะค่ะ เพราะงั้นขอฝากทุกคนคอยตามข่าวจากด้านนอกด้วยนะคะ”

    “ได้สิ ถ้าเกิดมีเรื่องอะไร พวกฉันจะพยายามหาทางส่งข่าวให้นะ” ฮิโรโตะพูด

    ‘นี่คุณหนู ข้าขอเสนออะไรหน่อยได้มั้ย’ ระหว่างนั้นเอง ทัตสึยะก็ส่งโทรจิตว่าตัวเองมีเรื่องอยากเสนอ

    ‘อะไร’

    ‘ให้คนของเจ้าคอยตามข่าวที่ต่างประเทศด้วยได้มั้ย ข้ารู้สึกว่าเจ้าเคนจาคุอาจจะคิดการใหญ่ไปถึงดึงพวกประเทศมหาอำนาจประเทศอื่นให้มาบุกที่ญี่ปุ่นก็ได้’

    ‘…เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวฝากบอกให้’

    “แล้วก็ ถ้าเกิดว่าใครที่มีเพื่อนอยู่ต่างประเทศ ก็ลองติดต่อถามข่าวจากทางนั้นดูหน่อยได้มั้ยคะ เผื่อเคนจาคุไปคุยกับผู้นำที่อยู่ต่างประเทศแล้วเสนอไอเดียเกมส์ล้างบางน่ะค่ะ” หลังจากที่เธอได้ฟังข้อเสนอของคำสาปหนุ่มเธอเองก็เห็นด้วยแล้วพูดข้อเสนอนี้ให้ทุกคน

    “มันจะเล่นสเกลใหญ่ไปถึงต่างประเทศเลยเหรอ” ยาสุโอะถาม

    “ถ้าจำไม่ผิด อัตราการเกิดผู้ใช้คุณไสยในต่างประเทศมีน้อย แถมญี่ปุ่นก็เป็นที่เดียวที่มีพลังงานไสยเวทเยอะกว่าที่อื่น ถ้าเกิดพวกอเมริกาหรือจีนรู้ คิดว่าน่าจะส่งทหารมาญี่ปุ่นแน่ๆ” จินเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ทางฉันมีเพื่อนที่ทำงานที่อเมริกาอยู่ เดี๋ยวจะลองถามให้นะ”

    “ขอบคุณมากๆค่ะ คุณฮิโรมาสะ”

    “แล้วเธอจะไปเข้าร่วมเกมส์วันนี้เลยรึเปล่า” ริวโนะสุเกะถาม

    “ยังค่ะ ขอฝึกพิเศษซักวันสองวันแล้วค่อยไปค่ะ”

    “ฝึกพิเศษ?” ฮิโรโตะฟังแล้วถึงกับตาโต เพราะอากาเนะเองก็เป็นถึงระดับพิเศษแล้ว ยังจะฝึกอะไรเพิ่มอีกเหรอ

    “พอดีว่า ฉันอยากลองทดสอบอะไรนิดๆหน่อยๆ แล้วก็—” เธอเว้นช่วงพูดพลางมองหน้าทุกคน

    “ในนี้มีใครยิงปืนเป็นมั้ยคะ”

     

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

    12 พฤศจิกายน 11:30 น.

    เมืองฮิโรชิม่า จังหวัดฮิโรชิม่า

    ฮิโรชิม่า เป็นเมืองที่รู้จักกันในฐานะศูนย์กลางทางการทหารของญี่ปุ่นในยุคจักรวรรดิ มีบทบาทสำคัญในสงครามจีน-ญี่ปุ่น, สงครามญี่ปุ่น-รัสเซีย และสงครามโลกทั้งสองครั้ง โดยเฉพาะในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เมืองนี้เป็นเมืองแรกที่ถูกอาวุธนิวเคลียร์โจมตีจนสร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ที่โลกจะไม่มีวันลืม

    สถานการณ์ในเมืองนี้ มีผู้เล่นที่โดดเด่นสร้างผลงานไว้ ทำให้กลายเป็นจุดสูงสุดของโคโลนีแห่งนี้ไว้ถึง 3 คนและอีก 1 ตัว

    ทาจิบานะ ฮารุกะ หญิงสาวเรือนผมสีชมพูพาสเทล ทำงานเป็นนักร้องบาร์แจ๊สที่ตกอยู่ในภาวะถังแตก อาคมของเธอคือสร้างภาพหลอนผ่านเสียงเพลง แต้มสะสม 66 คะแนน

    ยามาดะ จิอากิ ชายหนุ่มผมสีดำไฮไลต์แดง มีกระบนใบหน้า ผู้หลงไหลและหมกมุ่นในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งเป็นโอตาคุเบียวนินจา อาคมของเขาคือหยิบจับอะไรก็กลายเป็นอาวุธ แต้มสะสม 70 คะแนน

    โฮชิมิยะ นัตสึมิ ซิสเตอร์หญิงผู้ศรัทธาในพระเจ้ายิ่งกว่าอะไร อาคมของเธอคือการสะกดจิตและปลูกฝังความคิดคน แต้มสะสม 50 คะแนน

    โชวโกะ วิญญาณคำสาประดับ 1 (ยังไม่ได้ลงทะเบียน) ผีเสื้อยักษ์มีพลังสร้างชิกิงามิแมลงทั้งขนาดเล็กและใหญ่ สามารถควบคุมจากระยะไกลและดูดชีวิตจากชิกิงามิตัวนั้นมาต่อชีวิตตัวเองได้หากตัวเองได้รับอันตรายถึงชีวิต แต้มสะสม 54 คะแนน

    พวกเขาทั้งสี่คือผู้เล่นที่ถูกปลุกพลังจากการปลดผนึกของเคนจาคุทั้งสิ้น และยังเป็นผู้ที่ทำคะแนนได้มากที่สุดในโคโลนีฮิโรชิม่า ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา ทำให้พวกเขาเป็นจุดสูงสุดที่ไม่มีใครกล้าต่อกร ในขณะที่พวกเขาทั้งสี่นั้นต่างอยู่ในภาวะชะงักเนื่องจากรอดูท่าทีว่าใครกันแน่ที่จะหมดความอดทนก่อน

     

    จนกระทั่งมีการมาเยือนของผู้เล่นคนใหม่ เมื่อผู้เล่นคนนั้นได้เข้ามายังโคโลนีแห่งนี้และทำการเก็บสะสมแต้มอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชิกิงามิที่โชวโกะวางเอาไว้เป็นกับดักเป็นจำนวนมากเกิดปฏิกิริยาตอบสนองและเข้ามาจู่โจมผู้เล่นคนนั้น แต่ทว่าพวกมันก็ถูกกำจัดไปทั้งหมดด้วยการแช่แข็งไม่กี่นาที

    และผู้เล่นคนใหม่ที่ได้เข้ามายังโคโลนีแห่งนี้ คือเด็กสาวผู้สืบสายเลือดของจักรพรรดิสุโตคุ ผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง เพราะเธอคือมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวในยุคนี้ที่ครองพลังเนตรยมทูตที่ยังมีชีวิตอยู่และสามารถปลดล็อคไปถึงพลังลับอย่างเรเควียมได้


    ฟุบูกิ อากาเนะ 
    แต้มสะสม: 30 คะแนน 
    เปลี่ยนกฎ: 00 รอบ
    โคโลนีปัจจุบัน: ฮิโรชิม่า

     

     

     

     

    .

    .

    .

    Talkๆ desu: เริ่มเกมส์คัดสรรอย่างเป็นทางการ ตอนต้นคือแอบสาดloreเรื่องอิฟริน และแถมโมเม้นพี่ต๋ากับน้องด้วย สภาพเรียวตะคืออกแตกตายแล้วมั้ง555555555555 

    ภาคนี้อากาเนะฉายเดี่ยวแบบเต็มสูบ ทั้งเรียวตะ ยูกิฮิเมะแล้วก็ทัตสึยะ คือนั่งจกป็อบคอร์นดูมวยอย่างเดียว

     

    สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันมาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ

    ไหว้ล่ะค่ะทุกคน เม้นมาเถอะ พอไม่มีเม้นมันแอบใจเสียอยู่เหมือนนะว่าฟิคเรามันไม่สนุกแล้วใช่มั้ย

    เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยย


    S Q W E E Z   T H E M E  @  D E K - D 

    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×