คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #48 : ชิโรซากิ ยูกิฮิเมะ
สองวันต่อมา
“ค่ะ คือแค่เสนอไปส่งๆแต่ก็ไม่คิดว่าทุกคนจะทำจริง…”
…
“…ถ้างั้นขอฝากที่เหลือด้วยนะคะ”
ตู๊ด!!
“…เฮ้อ~” สองวันต่อมา ณ โรงเรียนไสยเวทโตเกียว อากาเนะที่เพิ่งเสร็จจากภารกิจของวันก็กลับมาที่โรงเรียน โดยระหว่างกลับห้องเธอก็ได้คุยโทรศัพท์กับใครบางคนพอคุยกันเสร็จแล้วก็กดวางสายไปก่อนจะถอนหายใจออกมา
“จัดการเรื่องนั้นเรียบร้อยแล้วเหรอ” เรียวตะออกมาจากลูกแก้วแล้วถาม
“อืม เหลือแค่รอให้วันนั้นมาถึงแล้วก็ทำตามแผนให้เรียบร้อยนี่แหละ”
“…นี่อากาเนะ”
“หือ?”
“เจ้าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะ อย่าลืมซะล่ะ”
“…” ประโยคของอีกฝ่ายทำเอาเด็กสาวผมแดงชะงักค้างก่อนจะยิ้มบางๆออกมา “…รู้แล้วน่า ขอบใจนะเรียวตะ”
“แล้วเรื่องเกล็ดในเครื่องรางที่เจ้าบอกว่านั่นเป็นวัตถุต้องสาปของแม่นี่เรื่องจริงเหรอ” เรียวตะถามเพราะหลังจากที่อากาเนะเจอกับทัตสึยะไป เธอก็บอกเรื่องนี้กับเรียวตะทันทีแน่นอนพออีกฝ่ายมารู้โดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ก็อึ้งจนทำตัวไม่ถูกทีเดียว
“เรื่องจริง ยูกิฮิเมะยืนยันเองแล้วด้วย”
“มิน่าล่ะ ตอนเห็นหน้าแม่ครั้งแรกก็ว่าอยู่ทำไมม่านตาแม่ดูเป็นตางู ที่แท้ก็เป็นมังกรนี่เอง…”
“นายไม่เคยเจอยูกิฮิเมะร่างมังกรเลยเหรอ”
“ไม่เคยเลย ถ้าถามว่าแม่มีตรงไหนที่เหมือนกับมังกรสุดก็มีแค่ตานี่แหละ” ยมทูตหนุ่มว่า “ตอนที่อยู่ด้วยกันแม่จำแลงร่างตัวเองเป็นมนุษย์มาตลอด มีแค่ตาเท่านั้นที่ไม่ใช่แต่ตอนนั้นข้าคิดว่าวิญญาณคำสาปมันไม่ได้มีร่างเป็นมนุษย์อยู่แล้วเว้นแต่จะมีความสามารถจำแลงร่างให้เป็นมนุษย์ได้ก็เลยไม่ได้สงสัยเท่าไหร่”
“โอยะ? อากาเนะ?”
“หือ? อาจารย์โกะโจ?” แต่ในตอนนั้นเอง เธอก็เจอกับอาจารย์ผมขาวพอดี “วันนี้อาจารย์ไม่ไปทำภารกิจเหรอคะ”
“ครับ โชคดีที่วันนี้ไม่มีงานตอนนี้ก็เลยว่างสุดๆ”
“ก็เลยสลอนอยู่ในโรงเรียนแทนที่จะไปเที่ยว ว่างั้น?” เรียวตะถาม
“ก็อยากไปเที่ยวอยู่หรอกนะ แต่ว่าผมมีเรื่องที่อยากจะคุยกับยูกิฮิเมะเนี่ยสิเรื่องเที่ยวเลยต้องยกยอดไว้ก่อน”
“อาจารย์อยากคุยกับยูกิฮิเมะ?”
“เอาอีกละเจ้ามีพิรุธอีกแล้วนะ เจอกันทีไรก็ถามหาแต่แม่เนี่ย” ยมทูตหนุ่มเท้าสะเอวอย่างไม่พอใจ
“เอ้า!? ถามหาไม่ได้เหรอครับ”
“ไม่ได้โว้ย!”
“เฮ้อ…” อากาเนะกุมขมับเหนื่อยใจ แต่พอมาคิดอีกทีที่อาจารย์ของเธออยากจะคุยกับคำสาปสาวที่อยู่ในตัว อาจจะเป็นเพราะเขาตามสืบอดีตของเธอจนเจอแล้วก็ได้
“…ที่อยากคุยกับยูกิฮิเมะนี่ สำคัญมั้ยคะ” เด็กสาวถาม
“ค่อนข้างสำคัญนะ ผมอยากคุยแบบที่เธอเคยทำเมื่อตอนนั้นด้วย”
“งั้นไปที่ห้องฉันด้วยกันเลยค่ะ”
“เอาจริงดิ!?” เรียวตะร้องเสียงหลง
“ให้อาจารย์เค้าคุยกับยูกิฮิเมะเถอะเรียวตะ เผลอๆงานนี้ได้มีคนเสียน้ำตาแน่”
.
.
.
อาณาเขตป่าหิมะของยูกิฮิเมะ
“…เอาอีกแล้ว มาแล้วไม่โผล่ตัวมาเหมือนเดิม” หลังจากที่โกะโจมาที่ห้องของอากาเนะแล้ว เด็กสาวเจ้าของห้องก็จัดการพาเขาไปที่อาณาเขตตามกำเนิดของคำสาปสาวอีกครั้ง ทันทีที่มาถึงก็รู้สึกเดจาวูกับวันที่เขาได้มาเหยียบที่นี่เป็นครั้งแรก สุดท้ายก็เดินตามหาเจ้าของอาณาเขตนี้จนได้
“…” พอเดินไปถึงลานทะเลสาบ เขาก็เจอกับยูกิฮิเมะที่นั่งอยู่แถวนั้นพอดี ชายหนุ่มพยายามเดินให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเตรียมแกล้งให้เธอสะดุ้งตกใจ
“มีเรื่องอะไรถึงได้มาหาด้วยวิธีกัน? ซาโตรุ” แต่ทว่าแผนที่ตั้งใจจะแกล้งนั้นดันล้มเหลวซะก่อน
“อาเระ? รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงระรื่น
“ตั้งแต่ที่เข้ามาแล้ว”
“แล้วไม่คิดจะมารับหน่อยเหรอ”
“เรื่องของข้า”
“คร้าบๆ ตามใจเลย” โกะโจไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะนั่งลงข้างๆยูกิฮิเมะ
“วันนี้ผมมีนิทานมาเล่าให้ฟังด้วยนะ สนใจมั้ยล่ะ?”
“…” คำสาปสาวปรายตามองอีกฝ่ายด้วยความระแวงก่อนจะกลับไปมองทะเลสาบเหมือนเดิม “อยากเล่าก็เล่ามา”
“ไม่แย้งอะไรหน่อยเหรอ”
“วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์เถียง จะเล่าไม่เล่า”
“เล่าแล้วๆ คือเรื่องมันมีอยู่ว่า…”
เมื่อนานมาแล้ว มีชายหนุ่มคนหนึ่งทำงานเป็นคนรับใช้ในครอบครัวตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง เขาก็ใช้ชีวิตธรรมดาๆเรียบง่ายตามสามัญชนทั่วไป
จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งที่ตนต้องตามเจ้านายของตัวเองไปยังคฤหาสน์ของตระกูลพันธมิตรที่มีชื่อว่าชิโรซากิเพื่อไปเจรจาเรื่องธุรกิจและการแต่งงาน วันนั้นเขาได้ไปเดินสำรวจคฤหาสน์ระหว่างที่รอเจ้านายคุยธุระเสร็จ ในตอนนั้นเองเขาก็ได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่น่าจะเป็นบุตรสาวของตระกูลนี้ ภาพลักษณ์ของเธอเรียกได้ว่าสวยสดงดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ เมื่อทั้งคู่สบตากันหนุ่มรับใช้ก็ได้ตกหลุมรักเธอทันใดแม้ว่าในตอนนั้นเธอจะอยู่ในอารมณ์เศร้าหมองก็ตาม ชายหนุ่มจึงได้ลองสอบถามทำความรู้จักกับหญิงสาวคนนั้นและรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวคนเล็กของตระกูลชิโรซากิแต่เธอกลับไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีนักเพียงเพราะขาของเธอพิการมาตั้งแต่เด็กทำให้ไม่สามารถเดินได้เฉกเช่นคนทั่วไป เธอได้แต่ฝันกลางวันว่าอยากจะออกไปเปิดหูเปิดตาหรือได้ใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไปและด้วยความที่เธอเป็นคนพิการเธอมักจะด้อยค่าตัวเองอยู่ประจำ ชายหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็เกิดความตั้งใจที่จะทำให้เธอได้ออกไปดูโลกภายนอกซักครั้งแต่เพราะสถานะที่ต่ำต้อยของตัวเองเลยไม่สามารถทำอะไรได้มากเท่าที่ควร เขาเลยตัดสินใจขอเธอเป็นเพื่อนทางจดหมายไปก่อนเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากเธอ พอหญิงสาวได้ฟังก็ตอบรับคำขอนั้นโดยดี หลังจากนั้นเป็นต้นมาทั้งคู่ได้ส่งจดหมายหากันอยู่หลายครั้งหากวันไหนที่เขาได้มาเยือนที่คฤหาสน์ของหญิงสาว เขาก็จะรีบไปหาเธออย่างไม่รอช้า พอได้พูดคุยกันทั้งผ่านจดหมายและต่อหน้ามาระยะใหญ่จนต่างคนต่างก็มีใจให้กันและกัน ทางฝ่ายชายจึงได้ชิงสารภาพรักก่อนและสาบานว่าต่อให้ตนจะตายและเกิดใหม่อีกกี่ครั้งก็จะรักเธอคนนั้นอย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ด้านคนถูกสารภาพรักได้รับรู้ความรู้สึกนั้นก็ร้องไห้ที่ไม่คิดว่าจะมีคนที่รักตนจากใจจริงปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าและตอบรับความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วยความยินดี
แต่ว่า
โชคชะตากลับเล่นตลก เมื่อคฤหาสน์ชิโรซากิถูกวิญญาณคำสาปบุกเล่นงานโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อชายหนุ่มได้ทราบข่าวนี้ก็รีบตรงไปที่นั่นทันที พอไปถึงก็พบว่าคำสาปตัวนั้นจับเธอเป็นตัวประกันและได้เปลี่ยนเธอให้กลายเป็นวิญญาณคำสาปต่อหน้าต่อตา ชายหนุ่มที่ได้เห็นคนรักของตนถูกเปลี่ยนเป็นอมนุษย์ก็รู้สึกชาไปตัวราวกับโดนฉีกกระชากหัวใจและถูกย่ำยีอย่างไม่ใยดี แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น เมื่อหญิงสาวที่ถูกทำให้กลายเป็นคำสาปกลับสังหารวิญญาณคำสาปที่เปลี่ยนเธอจนมันหมดสภาพ เหตุการณ์ในครั้งนั้นคือการพบเจอกันครั้งสุดท้ายของเขาและเธอก่อนที่เธอจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่เคยมีตัวตน
“…”
“ถ้าถามผมว่าไปได้นิทานเรื่องนี้มาจากไหน ก็ไปได้มาจากคฤหาสน์ประจำตระกูลผมนี่แหละ ที่จริงต้องบอกว่าเป็นไดอารี่ต่างหากแถมในไดอารี่นั่นก็มีชื่อของหญิงสาวในเรื่องด้วย”
“…” ในขณะที่โกะโจเล่านิทานหรือไดอารี่ที่ตนไปเจอมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ยูกิฮิเมะตอนนี้กลับก้มหน้ากัดปากและจิกแขนตัวเอง
“นี่ ตอบผมมาสิยูกิฮิเมะ…” คนผมขาวมองหน้าคำสาปสาวด้วยสายตาเรียบนิ่งและจริงจัง
“อดีตคุณหนูคนเล็กแห่งตระกูลชิโรซากิผู้พิการทางขาและถูกเปลี่ยนเป็นวิญญาณคำสาปตามในเรื่องที่ชื่อชิโรซากิ ยูกิฮิเมะ นั่นน่ะ คือเธอใช่มั้ย”
“…” คนถูกถามก้มหน้าก้มตาหนักกว่าเดิมราวกับไม่อยากยอมรับความจริง ทางโกะโจที่ท่าทางของเธอในตอนนี้ก็คิดว่าสิ่งที่เขาเล่ามานั้นมันอาจจะเป็นความจริงก็ได้
“…ไม่ตอบผมจะถือว่าใช่นะ”
“…”
“แล้วก็ขอถามอีกเรื่องนึง…พวกเราเคยเจอกันในชาติที่แล้วใช่มั้ย”
“!!?” สิ้นประโยคของชายหนุ่ม ยูกิฮิเมะถึงกับยอมเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาตื่นตระหนก
“ที่จริงผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องกลับชาติมาเกิดเท่าไหร่ แต่ว่าหลังๆมานี้ผมฝันถึงผู้หญิงคนนึง ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่พอฟังจากเสียงแล้วก็ความรู้สึกผมมันบอกว่าเป็นเธอ ไหนจะมีหมอดูทักผมอีกว่าเคยไปสาบานอะไรไว้เมื่อชาติที่แล้วอีก ล่าสุดเมื่อคืนนี้ผมก็ฝันถึงผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วแต่รอบนี้คือมาทั้งภาพทั้งเสียงแบบชัดเจน จำได้ว่าในฝันนั้นตัวเองเหมือนจะใกล้ตายแล้วมีคนมาหาแต่ว่าตอนนั้นใช้ผ้าคลุมมาปิดหน้าอยู่ หลังจากนั้นเหมือนผมจะพูดรำลึกความหลังต่างๆนานาจนกระทั่งผมบอกให้เธอคนนั้นเปิดหน้าเท่านั้นแหละ…”
“...”
“ถึงตอนนี้จะต่างจากในฝันนิดหน่อย แต่มองยังไงมันก็เป็นเธอ-?!!” แต่จู่ๆโกะโจก็ถูกผลักให้นอนลงกับพื้นตามมาด้วยยูกิฮิเมะที่ขึ้นนั่งคร่อมพร้อมเอามีดมาจ่อคอของอีกฝ่าย แต่มือที่ถือมีดนั้นกลับสั่นพร่า ส่วนคนที่โดนคร่อมอยู่ก็ตกใจเป็นอย่างมาก
“...แม่ง…”
“น…นี่-”
“สุดท้าย…ก็ลืมไม่ได้…”
“?!” แต่เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นมาอีกเมื่อคนผมขาวสัมผัสได้ถึงหยดน้ำที่หยดลงมาบริเวณใบหน้า โดยมันมาจากหญิงสาวที่กำลังเอามีดมาจ่อคอเขาอยู่
ยูกิฮิเมะกำลังร้องไห้
“ถึงจะจำกันไม่ได้ตั้งแต่แรก…แต่พอรู้จักไป…ข้าก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมถึงรู้สึกถูกชะตากับเจ้า…สุดท้ายก็…”
“...”
“ความฝันล่าสุดที่เจ้าพูดถึง…เป็นตอนที่ตัวเจ้าในชาติที่แล้วใกล้จะตายตามอายุขัยที่แก่ขึ้นเรื่อยๆ เจ้าปรารถนาอยู่ลึกๆว่าอยากจะเจอข้าอีกซักครั้งข้าเลยมาตามที่เจ้าขอ…พอได้เจอก็มีพูดคุยถามไถ่แล้วก็รำลึกความหลังเหมือนอย่างที่เจ้าในตอนนี้บอกนั่นแหละ” คำสาปสาวพูดโดยที่พยายามไม่ให้เสียงตัวเองสั่น “นั่นเป็นวันสุดท้ายที่ข้าได้เจอเจ้า…ก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีก…”
“...”
“เจ้าพูดไว้ว่า ไม่ว่าข้าจะเป็นมนุษย์หรือคำสาป…เจ้าก็ยังรักข้าอยู่ จะตายหรือเกิดใหม่อีกกี่ครั้ง ก็ยังจะรัก…” แต่น้ำเสียงของเธอกลับสั่นขึ้นเรื่อยๆ “ข้าได้แต่ไม่เข้าใจ ว่าทำไมเจ้าถึงได้ยึดติดกับข้าขนาดนั้น ต่อให้เกิดใหม่เจ้าอาจจะลืมข้าไปแล้ว…หรือไม่ก็…เป็นที่ข้าเอง…ที่ยังคิดถึงเจ้าอยู่”
“…”
“ข้าพยายามลืมแล้ว…แต่ก็ลืมไม่ได้…ข้ายังคิดถึง…แล้วก็ได้แต่...หวังลมๆแล้งๆว่าอยากเจอเจ้าอีก…ซักครั้ง…ก็คงดี…” หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักกว่าเดิม “ที่เจ้าบอกว่าจะจีบข้า จริงๆข้าได้ยิน…แต่ข้าไม่ได้หวังให้เจ้ามาชอบกลับ…เพราะมันเป็นไปไม่ได้…ที่มนุษย์กับคำสาปจะรักกัน…”
‘เดี๋ยว? ไม่ใช่ว่าตอนนั้นหลับอยู่เหรอ!?’ ชายหนุ่มคิดในใจ
“หากเจ้าจะไปชอบหรือรักคนอื่น…ข้าไม่ว่าอะไรเพราะมันเป็นสิทธิของเจ้า…แต่…ข้าขอเห็นแก่ตัวซักครั้งได้มั้ยซาโตรุ…”
“?” ชายเจ้าของชื่อทำหน้างงก่อนจะเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเมื่อคำสาปสาวยอมเอ่ยความในใจของตนออกมา
“ให้ข้าได้ชอบเจ้า…ต่อไปเหมือนอย่างเคยได้รึเปล่า…”
“?!” ประโยคของเธอทำให้เขายอมถกผ้าปิดตาลงมาเพื่อมองตาอีกฝ่าย จบคำพูดของเธอต่างคนต่างไม่พูดอะไรนอกจากยูกิฮิเมะที่ยังคงร้องไห้อยู่ ในขณะที่เธอพยายามใช้มือเช็ดน้ำตาที่เอาแต่ไหลไม่หยุดอยู่นั้น โกะโจก็เอื้อมมือข้างนึงมาจับบริเวณหลังศีรษะของเธอ ส่วนอีกข้างก็แย่งมีดน้ำแข็งออกมาแล้วโยนไปทางอื่น
“?-!!?” และเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกลับเกิดขึ้นมาได้เมื่อโกะโจดึงเธอลงมาให้มารับจูบจากเขาจนหญิงสาวตาโตเท่าไข่ห่านและตัวแข็งทื่อ ถึงจะไม่ได้มีการรุกล้ำไปถึงภายใน แต่ก็ทำให้ยูกิฮิเมะอึ้งจนทำตัวไม่ถูกและไม่กล้าผละตัวออก ซักพักฝ่ายชายก็เป็นฝ่ายถอนจูบออกมาก่อนจะรวบตัวเธอเข้ามากอดแทน
“ไม่เห็นต้องไปสนใจก็ได้นี่ แค่ชอบก็พอแล้ว”
“!!?” คำพูดของคนผมขาวทำเอาอีกฝ่ายอึ้งกว่าเดิม
“แต่ดูจากที่เธอพูดแล้ว เหมือนทุกวันนี้เธอยังเจ็บอยู่แต่ก็อยากลองดูอีกซักครั้งเลยนะ”
“ก็…ไม่อยากมาเสียใจทีหลังไง” ยูกิฮิเมะตอบด้วยน้ำเสียงอู้อี้
“เห~ เป็นงั้นเองหรอกเหรอ” ชายหนุ่มพูดหยอกเอิน “แล้ว…ที่เธอชอบผมเป็นเพราะชาติที่แล้วผมเคยเป็นแฟนเธอ?”
“ก็ส่วนนึง…แต่…” หญิงสาวผละตัวออกมามองหน้าอีกฝ่าย “ข้าชอบเจ้า…ที่เป็นอยู่ตอนนี้มากกว่า…”
“?!” ทันทีที่เธอพูดจบเธอก็ลุกออกมานั่งก้มหน้ากอดเข่าอยู่ข้างๆแทนแล้วบ่นพึมพำเสียงเบา ด้านคนฟังที่ได้ยินแบบนั้นก็อึ้งรับประทานจนรู้สึกได้ว่าหูตัวเองรู้สึกร้อนขึ้นมาดื้อๆ
‘ตายๆๆ เกินไป…อันนี้คือเกินไปมากๆ’ เขาคิดในใจจนกระทั่งมาเอะใจอะไรบางอย่างขึ้นเลยลุกขึ้นมานั่งข้างคำสาปสาว ‘แต่เดี๋ยวนะ จะว่าไปเมื่อกี้…’
“นี่ยูกิฮิเมะ”
“…อะไร”
“…เพิ่งมีจูบแรก?”
“!? ไม่ต้องพูด!!” ยูกิฮิเมะได้ยินถึงกับหน้าแดงและรีบเอามือปิดปากคนพูดอย่างไว ด้านคนพูดพอเห็นรีแอคชั่นของอีกฝ่ายก็ยกยิ้มมุมปากด้วยความชอบใจแล้วแกะมือเธอออก
“เอาจริงดิ~ ในชาติก่อนพวกเราไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยเหรอ”
“อย่าพูดถึงมันได้มั้ยซาโตรุ!!” หญิงสาวร้องโวยวาย “มากสุดก็หลังมือ…”
“แค่หลังมือเองเหรอ” คนผมขาวถามแล้วจับมือเธอออกมาหนึ่งข้างแล้วจูบไปที่หลังมือ “แบบนี้?”
“...” ส่วนยูกิฮิเมะก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆกับการกระทำของอีกฝ่ายก่อนจะเอามือข้างที่ว่างมาก่ายหน้าผากตัวเอง
“...นิสัยไม่ดี”
“หน้าแดงใหญ่แล้วนะ~” โกะโจยังคงพูดหยอกอยู่ “แต่จะว่าไป ที่เอามีดมาจ่อคอนี่กะฆ่าผมจริงๆเลยใช่มั้ยเนี่ย”
“...อืม” คำตอบของคำสาปสาวทำเอาเขาชะงัก
“ไม่อยากให้รู้อดีตขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ข้าไม่ต้องการให้คนมาได้ยินเรื่องนี้แล้วรู้สึกสงสารเวทนาข้า แถมข้าก็ไม่สามารถเล่าออกมาโดยที่ไม่รู้สึกอะไรได้อีก” หญิงสาวตอบกลับเสียงเรียบ “แต่ก็อย่างที่เห็น สุดท้ายข้าก็ฆ่าเจ้าไม่ลงเหมือนกับที่ข้าไม่สามารถลืมอดีตได้เพราะมันก็หล่อหลอมให้ข้ายังเป็นตัวเองอยู่”
“...”
“แต่มีอยู่อย่างนึงที่ตัวเจ้าในอดีตเคยบอกข้าไว้ จนถึงทุกวันนี้ข้ายังจำได้ขึ้นใจและข้ามักจะใช้เป็นประโยคเตือนสติตัวเองเสมอ”
“อะไรเหรอ”
“ความแข็งแกร่งไม่ได้อยู่ที่พลัง…” ยูกิฮิเมะเว้นช่วงพูดแล้วมองหน้าคนผมขาวด้วยสายตาจริงจัง “แต่เป็นความมุ่งมั่น…ที่จะมีชีวิตอยู่ต่างหาก”
“...”
“เพราะไม่อยากให้วันพรุ่งนี้หายไป เลยต้องต่อสู้…อยากจะมีชีวิตอยู่เพื่อพบเจอเรื่องใหม่ๆหรือผู้คนใหม่ๆ ก็เลยต้องสู้…พูดง่ายๆก็คือข้ายอมต่อสู้…เพื่อที่จะมีชีวิตต่อไป”
“...”
“ซาโตรุ” คำสาปสาวเอ่ยเรียกชื่อคนผมขาวพร้อมจับมือของเขามาข้างนึงแล้วจูบไปที่หลังมือ จากนั้นก็เอ่ยบางอย่างออกมาจนเขาเป็นฝ่ายอึ้งเองบ้าง ด้านฝ่ายหญิงที่พูดความในใจตัวเองเสร็จสรรพก็หน้าแดงด้วยความเขินอายและเกาหลังคอตัวเองเป็นการแก้เขิน
“ที่มาคุยก็มีแค่นี้ใช่มั้ย ถ้าใช่ก็ออกไปได้แล้ว”
“เดี๋ยวสิ ไล่กันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ” โกะโจถาม
“จะยอมไปดีๆหรือจะให้ข้าดีดเอง?”
“อ่ะๆๆ เดี๋ยวไปแล้วๆ แต่ขออะไรหน่อยได้รึเปล่า” พอเห็นว่าเจ้าของอาณาเขตเตรียมไล่แล้ว โกะโจเลยหยุดบทสนทนาของวันเอาไว้แค่นี้แต่ก็ยังไม่วายจะขออะไรซักอย่างก่อนไป
“อะไรอีก?”
“ขออีกรอบก่อนไป” คนผมขาวยิ้มกริ่มพลางเอานิ้วชี้วางบนริมฝีปากของหญิงสาว ฝ่ายหญิงนิ่งไปพักนึงก่อนจะก้มหน้าตอบกลับเสียงเบา
“อยากทำอะไร…ก็ทำ”
“พูดเองนะ :)” สิ้นคำพูดของชายหนุ่ม ระยะห่างระหว่างใบหน้าของทั้งคู่ก็ค่อยๆลดลงจนไม่เหลือช่องว่างปล่อยให้ริมฝีปากแนบชิดกัน แต่คราวนี้ฝ่ายชายเริ่มสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปาก ส่วนหญิงสาวที่ไร้ประสบการณ์ก็เผลอเผยอปากออกอย่างไม่รู้ประสาปล่อยให้อีกฝ่ายตักตวงความหวานได้อย่างเต็มที่ราวกับจะไม่มีโอกาสนี้เป็นครั้งที่สองอีกแล้ว
.
.
.
“...คนไม่ใช่ยังไงก็ไม่ใช่…สินะ” ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทัตสึยะที่แอบมองยูกิฮิเมะกับโกะโจอยู่ไกลๆก็ตัดพ้อที่ตัวเองมาเห็นอะไรแบบนี้ แต่ไม่นานมุมปากของเขาก็ยกยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
“เอาเถอะ แต่ถ้าหมอนั่นมาที่นี่อีก…ลองไปคุยด้วยดีกว่า:)”
.
.
.
talkๆ desu: เอาตอนใหม่มาอัพแล้วววววววววววววววว เปลี่ยนพล็อตไปมาหลายครั้งมากตอนนี้
ตอนแรกตั้งใจจะให้ยูกิฮิเมะกับอาจารย์สู้กันแต่มันเขียนไม่ออก สุดท้ายก็ต้องแคนเซิล
ที่จริงเรื่องคสพ.ระหว่างยูกิฮิเมะกับโกะโจนี่ตอนแรกตั้งใจจะให้ทั้งคู่เป็นญาติห่างๆกันแต่มุขมันก็จะซ้ำกับอากาเนะกับเรียวตะ ก็เลยไม่เอาดีกว่า
เราแกงให้แม่ดราม่ามาเยอะละ ต่อจากนี้แม่จะไม่ค่อยมีฉากดราม่าแล้ว5555555555555555
แต่ดูเหมือนทัตสึยะจะเตรียมทำอะไรแผลงๆเลยว่ามั้ยคะ
สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันมาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ
เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยยยยยยยยยยยย
ความคิดเห็น