คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #41 : Special : มิเคยลืมเลือน (3)
1 เดือนผ่านไป
“...อาจารย์ครับ”
“มีอะไรเรียวมะ”
“นี่ก็ผ่านมาเดือนนึงแล้ว เมื่อไหร่ทางนั้นจะปล่อยเรียวตะซักทีล่ะครับ” 1 เดือนผ่านไปหลังจากที่ฝาแฝดคุโจไปทำภารกิจปัดเป่ายูกิฮิเมะ ถึงทั้งคู่จะทำไม่สำเร็จแต่ก็ต้องไปรายงานให้พวกเบื้องบนลงบันทึกให้ยูกิฮิเมะเป็นคำสาประดับพิเศษ ส่วนเรียวตะที่โดนพลังของยูกิฮิเมะเล่นงานจนสลบ พอฟื้นขึ้นมาและตรวจร่างกายกลับไม่มีตรงไหนผิดปกติ จนกระทั่งเขาเอามือไปจับแก้วน้ำที่ตัวเองกำลังจะดื่มเท่านั้นแหละ ทั้งแก้วทั้งน้ำดื่มก็กลายเป็นน้ำแข็งจนเจ้าตัวตกใจพอมือไปโดนโต๊ะที่อยู่ข้างเตียงโต๊ะก็กลายเป็นน้ำแข็งอีก เมื่อทางเบื้องบนรู้เรื่องนี้เข้าเลยสั่งกักบริเวณเรียวตะโดยไม่มีกำหนด เรียวมะกับอาจารย์ประจำชั้นก็พยายามต่อรองอย่างเต็มที่แต่สุดท้ายก็ได้ทำได้แค่ว่าถ้าเกิดมีภารกิจที่คิดว่าอันตรายก็จะส่งเรียวตะออกไปทำ ซึ่งเรียวตะเคยออกไปได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นและไม่ได้ออกมาอีกเลยจนเรียวมะรู้สึกกังวลเลยไปปรึกษาอาจารย์
“อาจารย์เองก็ไม่รู้ แถมทางเบื้องบนก็ไม่มีท่าทีจะปล่อยหมอนั่นเลย” อาจารย์ประจำชั้นเอ่ยเสียงเครียด “แต่น่าแปลกมากตรงที่ดูจากภายนอกแล้วไม่เจออะไรผิดปกติ แต่ดันเกิดตรงที่จับอะไรก็เป็นน้ำแข็ง”
“เป็นไปได้มั้ยครับว่าเป็นเพราะคำสาป?”
“ถ้าเป็นคำสาปล่ะก็บอกเลยว่าเรียวตะดวงซวยมาก” ในตอนนั้นเอง เรียวโกะก็มาที่ห้องเรียนพอดี
“หมายความว่าไงเรียวโกะ” เรียวมะถาม
“ก็ผ่านมาแล้วเดือนนึงแต่กลับไม่มีความคืบหน้าเรื่องวิธีถอนไง ฉันไปถามทางผู้ช่วยมาแล้วว่าไม่มีวิธีถอนเลยเหรอ ทุกคนตอบมาเหมือนกันหมดเลยว่าหาไม่เจอ”
“…” แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ โดยเฉพาะเรียวมะที่หน้าซีดกว่าใคร เพราะถึงเขากับเรียวตะจะมีช่วงทะเลาะหยุมหัวกันจนหลายคนปวดหัวอยู่หลายครั้ง แต่ในฐานะที่เขาเป็นพี่ชายฝาแฝดจะไม่ให้ห่วงแฝดตัวเองมันก็ไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะทำภารกิจหรือไปเที่ยวพวกเขามักจะไปด้วยกันอยู่เสมอ
ตอนเห็นแววตาเศร้าหมองของเรียวตะตอนที่รู้ว่าตัวเองต้องโดนกักบริเวณแบบไม่มีกำหนด มันทำให้เขาเจ็บใจที่ทำหน้าที่เป็นพี่ที่ดีไม่ได้เลย
“อ้อจริงสิเรียวมะ จะไปหาหมอนั่นด้วยกันมั้ยล่ะทางฉันก็ไม่ได้มีงานเข้ามาน่าจะไปหาได้อยู่” เรียวโกะพูดพลางมองนาฬิกาแขวนบนผนัง
“ได้สิ”
“จะไปแล้วเหรอ ฝากไปบอกหมอนั่นด้วยนะว่าฉันพยายามต่อรองกับหาวิธีแก้อยู่” อาจารย์ประจำชั้นพูดก่อนที่ทั้งสองคนจะออกจากห้อง
“เข้าใจแล้วครับ งั้นขอตัวก่อนนะครับ”
.
.
.
ห้องขังพิเศษ
ก๊อกๆๆ
“เรียวตะ นี่พวกฉันเองนะ” ณ ห้องขังพิเศษที่ใช้กักบริเวณเรียวตะโดยเฉพาะ เรียวมะและเรียวโกะก็มาเยี่ยมหาเรียวตะเหมือนอย่างทุกทีที่มีเวลาว่าง โดยส่วนใหญ่แล้วคนที่มาหาบ่อยสุดก็หนีไม่พ้นเรียวมะแน่นอน ส่วนเรียวโกะก็มีมาบ้างเนื่องจากเจ้าตัวอยู่ฝ่ายพยาบาลต้องคอยรักษาคนเจ็บอยู่ตลอดเลยมาได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าไปข้างในห้องได้เพราะทางเบื้องบนสั่งมาว่ามาเยี่ยมได้แต่ห้ามเข้าไปเลยทำได้แค่คุยกันผ่านประตูเหมือนอย่างที่คนสวมแว่นทำอยู่ตอนนี้
“…ว่างตรงกันทั้งคู่เหรอ หายากนะเนี่ย” เสียงของเรียวตะดังผ่านประตู
“คำสาปยังกำเริบอยู่รึเปล่า” เรียวโกะถาม
“…”
“…ไม่ตอบฉันจะถือว่ามันยังกำเริบอยู่นะ”
“อาจารย์ฝากบอกว่าหาวิธีแก้อยู่-”
“…ไม่ต้องหรอก ฉันว่าไม่น่ามีวิธีแก้แล้ว” เรียวมะยังพูดไม่ทันจบ เรียวตะก็พูดแทรกก่อน
“แล้วจะปล่อยให้คำสาปมันกัดกินจนตายรึไง ปกติแกไม่เคยถอดใจอะไรง่ายๆแบบนี้นี่?” แฝดคนพี่เอ่ยด้วยความหงุดหงิด
“ฉันก็ไม่อยากให้คำสาปมันกัดกินฉันจนตายหรอก แต่…”
“แต่อะไร”
“…” แล้วเรียวตะก็เงียบไม่พูดอะไรต่อทำให้เรียวมะกัดฟันหงุดหงิดกว่าเดิม เรียวโกะที่เห็นแบบนั้นก็รีบพูดเตือนสติทันที
“เรียวมะ ฉันรู้ว่านายโมโหอยู่แต่อย่าคิดจะลงกับเรียวตะเชียว”
“ฉันพยายามอยู่” คนสวมแว่นกัดฟันข่มโทสะก่อนจะออกจากห้องขังพิเศษนี้ “…เอาเป็นว่าฉันไปก่อนล่ะถ้าว่างเดี๋ยวมาหาใหม่”
“…”
“…นายไหวมั้ย” หลังจากที่เรียวมะออกไปเรียวโกะก็ถามอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง “ที่บอกว่าไม่น่ามีวิธีแก้นี่คือยังไง?”
“…ไม่รู้สิ ฉันอธิบายไม่ถูก”
“งั้นถามแบบนี้ดีกว่า เดี๋ยวนี้นายยังจับอะไรก็เป็นน้ำแข็งอยู่เหมือนเดิมรึเปล่า”
“คือ-”
“คุณชิมิสึ มีคนป่วยมาเพิ่มครับ” ในตอนนั้นเองก็มีผู้ช่วยมาหาเรียวโกะเพื่อพาเธอกลับไปทำงานต่อ
“เอาอีกแล้ว…ฉันไปก่อนนะเรียวตะ”
“เธอไปทำงานเถอะ อย่าหักโหมด้วยนะ”
“อันนี้ขึ้นอยู่กับเคสคนเจ็บแล้วเถอะ” แล้วเรียวโกะก็ออกไปทำงานของตัวเอง
“…ที่จับอะไรก็เป็นน้ำแข็งมันหายเมื่อสองวันนี้เอง…” ส่วนเรียวตะที่อยู่ในห้องขังที่กลายเป็นน้ำแข็งเนื่องจากยังคุมพลังไม่ได้อยู่มาได้เดือนนึงแล้วพูดกับตัวเอง
“แต่ว่า…”
ฟิ้ว!!
กึกๆๆ!!
“ตอนนี้ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าที่โดนไปเนี่ย มันใช่คำสาปรึเปล่า” เรียวตะใช้พลังเรียกโซ่ที่มีปลายเป็นหอกออกมาแล้วบังคับให้แทงไปที่สมุดเก่าๆเล่มหนึ่งจนเป็นรู แต่ไม่นานสมุดมันก็กลายเป็นน้ำแข็ง เพราะเมื่อสองวันก่อนที่เรียวมะกับเรียวโกะจะมาเยี่ยม อาการจับอะไรก็เป็นน้ำแข็งมันหายไปแล้ว ตอนแรกเขาก็ดีใจแต่ซักพักก็เกิดความสงสัยว่ามันจะหายกันดื้อๆทั้งๆที่ยังไม่ได้ถอนคำสาปเลยเหรอ ไม่รู้นึกอะไรเขาลองเรียกโซ่ออกมาฟาดโต๊ะเล่นแต่พอโซ่ไปโดนโต๊ะเข้า โต๊ะก็มีน้ำแข็งเกาะราวกับว่าคำสาปที่โดนไปมันย้ายจากตัวไปที่อาวุธแทน ที่จริงถ้าไม่นับผมบางส่วนของเขาที่กลายเป็นสีขาว ด้านร่างกายก็ไม่มีตรงไหนผิดปกติเลยซักอย่าง ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดหรือหนาวไปทั้งตัวด้วย เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เรียวตะสงสัยว่าที่ตัวเองโดนไปนั้นมันใช่คำสาปจริงๆเหรอ
แต่เขาไม่รู้เลยว่าการกระทำทุกอย่างในห้องขังตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้
มีกล้องวงจรปิดให้พวกเบื้องบนจับตาดูอยู่
.
.
.
วันต่อมา
“จะละลายน้ำแข็งที่อยู่ในห้องยังไงดีเนี่ย…”
“คุโจ เรียวตะ”
“?” วันต่อมา เรียวตะก็ยังคงอยู่ในห้องขังพลางนึกวิธีละลายน้ำแข็งที่อยู่ในห้องอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงไม่คุ้นหูดังออกมาจากข้างนอก “นั่นใคร”
“เป็นผู้คุ้มกันห้องขังแห่งนี้ไง อีกอย่างฉันอยู่มาตั้งแต่วันแรกที่นายโดนขังแล้ว”
“เหรอ ทำไมฉันถึงไม่เห็นเลยล่ะ”
“ตอนที่พามามัวแต่ก้มหน้าอยู่ นายคงเห็นฉันหรอก”
“เอ้าไอ่เวร” เด็กหนุ่มผมดำสบถ “ที่เรียกฉันนี่คืออะไร เหงาเหรอ”
“ที่เรียกเพราะมีคำสั่งจากเบื้องบนถึงนายต่างหาก คุโจ เรียวตะ”
“...ห๊ะ?” ประโยคของผู้คุมทำเอาคนถูกขังอึ้ง
“เบื้องบนเพิ่งออกคำสั่งมาว่า คำสั่งกักบริเวณของนายยังไม่ถูกยกเลิก”
“เดี๋ยว แล้วจะ-”
“แต่ว่านายสามารถออกจากห้องขังแห่งนี้ได้ชั่วคราวเป็นเวลา 2 ชั่วโมงจากนั้นก็เว้นระยะไว้ 3 วัน และอยู่ได้แค่ภายในโรงเรียนเท่านั้นห้ามออกไปที่อื่น อย่างถ้านายออกจากห้องวันนี้จนครบ 2 ชั่วโมงแล้วนายต้องรอไปอีก 3 วันนายถึงจะออกมาได้”
“…หาาาาาา!!!?” เรียวตะได้ฟังแล้วก็ร้องตกใจเสียงดัง “ล้อกันเล่นป้ะเนี่ย?! ฉันออกไปได้จริงเหรอ!”
“ไม่ได้ล้อเล่น เบื้องบนสั่งมาแบบนี้จริงๆ แต่ก็อย่างที่บอกไปออกมาครบ 2 ชั่วโมงเมื่อไหร่ก็กลับไปเข้าห้องขังเหมือนเดิม”
“ได้ งั้นวันนี้ขอออกก่อนเลย”
แอ๊ด~
“ถึงนายจะออกไปได้ แต่ก็จะมีผู้คุมสองคนตามจับตาดูนายอยู่ห่างๆ ถ้าหมดเวลาแล้วพวกเขาจะพานายกลับไป” ผู้คุมเปิดประตูห้องขังแล้วเตือนอีกฝ่ายด้วย
“แค่นั้นก็เกินพอแล้ว ไม่อยู่ล่ะโว้ยยยยยย!!!” แล้วเรียวตะก็สับเท้าวิ่งออกจากห้องขังอย่างไวราวกับรอเวลานี้มานานแล้ว
“ถึงจะแค่ 2 ชั่วโมง…แต่อย่างน้อยก็ออกมาได้ซักที!!!!!” คนผมดำวิ่งออกมาจนถึงสนามหญ้าของโรงเรียนก็ตะโกนร้องลั่นและเอนตัวนอนบนพื้นหญ้า
‘แต่เมื่อกี้เหมือนจะตะโกนดังไปหน่อยแฮะ ไอ้พวกผู้คุมที่มาเฝ้าฉันคงด่าในใจแล้วว่า ไอ้เด็กนี่จะตะโกนหาพระแสงอะไรของเอ็ง’
“…เรียวตะ?” ในตอนนั้นเองก็มีคนเดินมาหาเขาพอดี
“ไงเรียวโกะ ทำงานเสร็จแล้วเหรอ” คยผมดำเอ่ยทักทายแล้วลุกขึ้นมานั่งแทน
“ไหงนายถึงออกมาจากห้องขังได้ล่ะ เบื้องบนยกเลิกคำสั่งกักบริเวณแล้วเหรอ” เรียวโกะถาม
“คำสั่งยังไม่ยกเลิกหรอก แต่ทางนั้นสั่งมาว่าให้ฉันออกมาได้ 2 ชั่วโมงแล้วหลังจากนั้นก็รอไปอีกสามวันถึงจะออกมาได้”
“อ้อเหรอ แต่คงอัดอั้นน่าดูเลยนะตะโกนซะดังไปถึงห้องพยาบาลนู่นเลย”
“ถึงจะแค่ 1 เดือนแต่มันก็อึดอัดจริงๆนั่นแหละ เธอเข้าใจฉันหน่อย”
“เดี๋ยว? แกออกมาได้ไง?” ระหว่างนั้นเอง เรียวมะที่เพิ่งกลับมาจากการทำภารกิจก็มาเจอสองคนนี้พอดี ยิ่งเห็นเรียวตะที่ออกมาได้ก็ถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“เซอร์ไพรซ์~ แต่ออกมาได้แค่ 2 ชั่วโมงนะถ้าครบเมื่อไหร่ก็ต้องกลับเข้าห้องขังเหมือนเดิม” เรียวตะพูดอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเปลี่ยนมาขุ่นมัวช่วงกลางประโยค
“แล้วที่ออกมาได้นี่คือคำสาปหายแล้ว?” เรียวมะถาม
“เอ่อ…ถ้าฉันพูดไปนี่…ทุกคนจะตกใจกันมั้ยอ่ะ”
“นายบอกมาก่อนเถอะ” เรียวโกะพูด
“ฉันไม่แน่ใจแล้วว่าที่โดนไปมันใช่คำสาปรึเปล่า”
“ห๊ะ?” สองคนที่เหลือทำหน้างง
“ใครมีอะไรที่ไม่ใช้บ้างมั้ย เดี๋ยวจะโชว์ให้ดู”
“…เอาเป็นขวดน้ำตรงนั้นดีกว่า เหมือนจะมีคนทิ้งไว้นะ” เรียวโกะว่าแล้วชี้ไปที่ขวดน้ำที่วางทิ้งไว้แถวทางเดิน
“ใครมันวางไว้กันเนี่ย ไม่เอาไปทิ้งถังขยะเลย” ส่วนเรียวมะก็เดินไปหยิบมาให้แล้วยื่นให้แฝดตัวเอง
“เอ้านี่”
“ขอบใจ ก็อย่างที่ทั้งคู่เห็นตอนนี้ฉันจับขวดน้ำอยู่แต่มันไม่เป็นน้ำแข็งแล้ว”
“…จริงด้วย ทำไมฉันถึงไม่ทันได้สังเกตเลย” หญิงสาวพูด
“มันหายตั้งแต่เมื่อไหร่” เรียวมะถามต่อ
“ที่จับอะไรก็เป็นน้ำแข็งนี่หายเมื่อสามวันที่แล้วนี่เอง แต่ว่า…” คนผมดำหยุดพูดและเอาขวดน้ำไปวางให้ห่างจากตัวเอง
“ดูนี่นะ”
ฟิ้ว!! หมับ!!
กึกๆๆๆ!!
“!?” สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเรียวตะเรียกโซ่ออกมาแล้วบังคับให้มัดกับขวดน้ำ เมื่อโซ่มัดกับขวดน้ำเสร็จสรรพขวดน้ำก็ถูกทำให้เป็นน้ำแข็ง สองคนนั้นเห็นแล้วก็ตาโตตกใจ
“ไม่ใช่แค่นั้น ฉันรู้สึกว่าพลังไสยเวทตัวเองมันเพิ่มขึ้นอีก”
“ใช่เหรอ คิดไปเองรึเปล่า” เรียวมะถาม
“ไม่ได้คิดไปเองนะ มันรู้สึกแบบนี้จริงๆ”
“…” แล้วทั้งสามคนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ต่างคนต่างใช้ความคิดว่าสิ่งที่เรียวตะโดนไปนั้นมันใช่คำสาปจริงรึเปล่า
“คุณชิมิสึ มีคนเจ็บหนักจากภารกิจค่ะ” ในตอนนั้นเองก็มีผู้ช่วยสาวมาหาเรียวโกะและเรียกไปทำงาน
“เข้าใจแล้ว งั้นฉันไปทำงานก่อนนะ” แล้วเรียวโกะก็ตามผู้ช่วยไป ส่วนสองแฝดก็ยังไม่คุยอะไรต่อยกเว้นเรียวมะนั่งลงข้างๆจนกระทั่งเรียวตะเริ่มพูด
“…นี่เรียวมะ”
“อะไร”
“นายว่า…ในอนาคตฉันจะเป็นอาจารย์ได้มั้ย”
“!?” แฝดพี่ได้ยินถึงกับหันขวับด้วยความตกใจ “เดี๋ยว? อนาคตนายจะทำงานเป็นทั้งผู้ใช้คุณไสยแล้วก็อาจารย์เลยเหรอ”
“ก็…ใช่”
“ทำไมถึงอยากเป็นอาจารย์ล่ะ”
“ตอนที่ฉันโดนกักบริเวณอยู่ ฉันคิดมาซักพักแล้วว่าถึงบุคลากรทางไสยเวทจะขาดแคลน แต่ใช่ว่าความอันตรายของภารกิจที่ได้รับมามันจะพอดีกับระดับผู้ใช้คุณไสย อีกอย่างพวกเบื้องบนนี่ก็เฮงซวยจนฉันอยากจะสร้างเด็กที่เก่งพอที่จะลบล้างระบบเก่าๆ และสร้างระบบใหม่ให้มีความเท่าเทียมต่อทุกคนที่ทำงานนี้น่ะ”
“…มันอาจจะต้องใช้เวลานานหน่อยนะ เพราะทางนั้นก็หัวโบราณเหลือเกิน” แฝดคนพี่พูด
“แต่อย่างน้อยเราก็จะได้เด็กรุ่นใหม่ที่มีฝีมือและหัวก้าวหน้า ถ้าโลกเรามันเดินหน้าเราก็ต้องเดินหน้าตามไม่ใช่ถอยหลังหรือเอาแต่อยู่ที่เดิม”
“…”
“…จริงๆฉันก็แอบคิดนะว่าถ้าเกิดว่ามีภารกิจมาให้เด็กนักเรียนทำ ฉันว่าจะฝากให้นายดูแลอะไรแบบนี้ด้วย”
“แกบอกว่าจะเป็นอาจารย์แล้วทำไมไม่ดูแลเองล่ะโว้ย”
“เผื่อฉันไม่ว่างไง อีกอย่างเพราะฉันไว้ใจนายด้วยถึงได้กล้าฝาก”
“…ฉันควรดีใจใช่มั้ยที่แกพูดแบบนี้เนี่ย” เรียวมะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแล้วลอบยิ้มบางๆ “เออ เดี๋ยวดูแลให้”
“หือ? เมื่อกี้นายพูดอะไร”
“ไม่ได้พูด”
“ตอแหล”
“เอ๊ะไอ้นี่-”
“คุโจ เรียวตะ หมดเวลาสำหรับการออกมาข้างนอกแล้ว” ระหว่างนั้นเองก็มีหนึ่งในผู้คุมที่ตามดูเรียวตะมาบอกว่าหมดเวลาและให้เขากลับไปห้องขังเหมือนเดิม
“อะไรอ่ะ? หมดเวลาแล้วเหรอ” คนผมดำยู่ปากไม่พอใจ
“กรุณากลับเข้าห้องขังด้วย คุโจ เรียวตะ”
“คร้าบๆ กลับก็ได้คร้าบ” สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นยืนเพื่อกลับไปอย่างช่วยไม่ได้ “แล้วเจอกันนะเรียวมะ แต่นายจะมาเยี่ยมเหมือนเดิมก็ได้นะ”
“เออๆ ถ้าว่างเดี๋ยวไปเยี่ยม” แล้วเรียวตะก็เดินกลับไปที่ห้องขังพร้อมกับผู้คุมสองคน ส่วนเรียวมะที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับไปที่ห้องตัวเอง
บอกตามตรงที่เรียวตะบอกว่าอนาคตจะเป็นอาจารย์เป็นอะไรที่เซอร์ไพรซ์มาก เพราะพวกเขาสองคนรวมถึงเรียวโกะเคยคุยกันว่าถ้าสมมติไม่ได้เป็นผู้ใช้คุณไสย คิดว่าตัวเองอยากทำงานอะไรกัน เรียวโกะตอบมาว่าอยากจะทำงานเป็นนักวิเคราะห์ข้อมูล เรียวมะบอกอยากทำงานด้านธุรกิจ ส่วนเรียวตะบอกยังไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรแต่ที่แน่ๆเขาไม่คิดจะเป็นอาจารย์เพราะเขาสอนใครไม่ค่อยเก่ง เรียวโกะกับเรียวมะต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ดูจากสภาพของเรียวตะแล้วไม่น่าเป็นอาจารย์ได้แน่นอน
แต่วันนี้กลับถามว่าในอนาคตจะเป็นอาจารย์ได้มั้ยงั้นเหรอ
“…ฉันจะรอดูวันที่นายเป็นอาจารย์นะ”
.
.
.
2 สัปดาห์ต่อมา
“เบื่อโว้ยยยย เมื่อไหร่จะถึงพรุ่งนี้ ฉันจะออกไปข้างนอกกกกกก” 2 สัปดาห์ผ่านไป เรียวตะก็ยังคงถูกขังอยู่เหมือนเดิมะงอแงเนื่องจากรอวันที่ได้ออกไปข้างนอกอย่างเช่นวันพรุ่งนี้เพราะใช้โควต้าออกมาแล้วและต้องรอไปอีก 3 วัน
“งอแงอะไรอีกล่ะเนี่ย แกเป็นเด็กม.ปลายนะเผื่อลืม”
“หือ? มาเร็วจังเลยนะเรียวมะ” ระหว่างนั้นเอง เรียวมะก็มาเยี่ยมเขาเหมือนอย่างทุกที “ทำภารกิจเสร็จแล้วเหรอ”
“เปล่าหรอก กำลังจะไปทำแต่แค่แวะมาเยี่ยมก่อน”
“รอบนี้ไปที่ไหนเหรอ”
“โยชิวาระ”
“เหหห ย่านโคมแดงนั่นน่ะนะ? หายากนะเนี่ยที่ที่นั่นมีปัญหาเรื่องคำสาป” เรียวตะแซว “ระวังไปปิ๊งโออิรันที่นั่นนะ”
“ฉันไปทำงานไม่ได้ไปเหล่สาว ไอ้เบื๊อกนี่!” แฝดคุโจคนพี่ดุ
“แค่แซวขำๆเองน่า อย่างอนนะเห้ย”
“จะงอนแน่ถ้านายยังแซวต่อ ไปล่ะ”
“…นี่ พี่”
“?!” เรียวมะที่กำลังจะจากไปด้วยความฟึดฟัดก็ชะงักไปเมื่อถูกอีกฝ่ายเรียกตนว่าพี่ “…อะไร”
“ไปดีมาดีนะ กลับมาให้ได้ล่ะ”
“…ขอบใจ” แล้วเขาก็เดินจากไปเพื่อไปทำภารกิจที่รับมอบหมายที่ย่านโยชิวาระ
แต่ใครจะไปรู้ว่าบทสนทนาที่สองแฝดคุโจที่คุยกันไปเมื่อครู่นั้น
จะเป็นบทสนทนาสุดท้ายที่ได้คุยกันก่อนที่ทั้งคู่จะถูกแยกจากกันตลอดกาล
.
.
.
Talkๆ desu: อัพตอนใหม่แล้วจ้าาาาาา จริงๆตั้งใจจะอัพเมื่อวานเพราะเป็นวันเกิดแต่ว่าวันนั้นมอประกาศเกรดแล้วมันมีวิชานึงที่เราได้ f คือเราพยายามทำแล้วแต่ก็ตกม้าตายตรงข้อสอบก็เลยรู้สึกเฟลไปเลยไม่ได้มาอัพ แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ
แล้วก็มีประกาศจะแจ้งให้ทราบเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับรีดเดอร์ทุกท่าน
สำหรับใครที่รออ่านฟิคหมอหินอยู่ที่ท่าน้ำมาเนิ่นนานเพราะเราไม่ได้อัพมานานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกแล้วนั้น
ปีหน้าเราคัมแบ็คฟิคหมอหินค่ะ
สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นเข้ามาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ
เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยยย
ความคิดเห็น