NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ss1+2+3) | Fic Jujutsu Kaisen x OC | The Grim reaper eye

    ลำดับตอนที่ #40 : Special : มิเคยลืมเลือน (2)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 67


    วันต่อมา ณ ป่าหิมะ

     

    หลังจากที่ได้รับภารกิจมา ทั้งคู่ก็ไปที่หมู่บ้านแล้วไปสอบถามจากปากชาวบ้านเพื่อเอาข้อมูล โชคยังดีที่เรียวตะใช้ความอัธยาศัยดีของตัวเองให้เป็นประโยชน์และบอกว่ามาศึกษาเรื่องภูติเพื่อไปทำงานส่งวิทยานิพนธ์เรื่องภูติผีตำนานเมือง ทำให้ชาวบ้านให้ความร่วมมือกับพวกเขาเป็นอย่างดีแน่นอนว่ามีเรื่องของคำสาปที่เป็นเป้าหมายในภารกิจนี้ด้วย โดยพวกเขาบอกว่าเป็นเทพ (คำสาป) ที่ไม่ค่อยปรากฏตัวมาให้เห็นรู้แค่ว่าเป็นผู้หญิงเพราะเคยได้ยินเสียงมาก่อนและมีชื่อว่ายูกิฮิเมะ ที่พวกเขาศรัทธาก็เป็นเพราะเธอเคยช่วยพวกเขาจากวิญญาณร้าย (คำสาปตัวอื่น) ไว้เลยทำให้มีการส่งของขวัญไปอยู่หลายครั้งแต่ส่วนใหญ่ก็โดนปฏิเสธไม่รับทุกครั้ง สองแฝดตระกูลคุโจได้ฟังเรื่องทั้งหมดก็ได้แต่เกิดความสงสัยแต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องไปถิ่นฐานของคำสาปตนนั้นให้มันรู้เรื่องไปเลยจนพวกเขามาถึงป่าหิมะที่ว่าจนได้

    “เหมือนปีนี้หิมะจะไม่ได้ตกหนักนะ พื้นเลยไม่ได้มีหิมะกองจนเดินไม่ได้เนี่ย” เรียวตะว่าพลางสำรวจป่าไปด้วย

    “ก็ถือว่าเป็นโชคดีของพวกเราที่อย่างน้อยถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้นมาจะได้ไม่ลำบาก” เรียวมะพูด “แม้แต่พวกชาวบ้านก็ยังไม่เคยเห็นตัว นายว่าคำสาปที่ชื่อยูกิฮิเมะนั่นหน้าตาจะเป็นยังไง”

    “เห็นอาจารย์บอกอยู่มาตั้งแต่เฮอันจนถึงปัจจุบัน ป่านนี้คงจะเป็นยายแก่หนังเหี่ยวแล้วมั้ง”

    พูดแบบนี้คืออยากมีเรื่องใช่มั้ย

    “!?!!!” ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงผู้หญิงปริศนาดังขึ้นไปทั่วป่า ทำให้สองแฝดที่กำลังเดินอยู่ก็หยุดเดินและตั้งท่าเตรียมต่อสู้ทันที

    “แกนี่มันปากพาซวยจริงๆ…”

    “นายเป็นคนถามฉันเองนะ”

    “พวกเจ้าเป็นใครและมีจุดประสงค์อะไรถึงได้มาที่นี่ แต่ฟังจากบทสนทนาของพวกเจ้าแล้วคงไม่ได้มาดีล่ะสิ?” เสียงปริศนาเอ่ยถาม

    “ได้ยินมาว่าแกเป็นคำสาปที่แสร้งทำตัวเป็นเทพให้พวกชาวบ้านศรัทธา พวกเราเลยมาปัดเป่าแกไง” เรียวตะตอบและมองซ้ายมองขวาที่ไร้เงาของเจ้าเสียงปริศนาหรือก็คือยูกิฮิเมะที่ชาวบ้านเรียกกัน

    “…อ๋อ ผู้ใช้คุณไสย” ยูกิฮิเมะได้ฟังแล้ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “แต่ขอแก้อะไรหน่อย ข้าไม่เคยคิดจะแสร้งเป็นเทพอะไรทั้งนั้น ข้าอยู่ของข้าเฉยๆแล้วชาวบ้านคิดเองเออเองเลยมาศรัทธาข้า ข้าบอกไปตั้งหลายครั้งว่าข้าไม่ใช่เทพแต่ก็ไม่มีใครเชื่อจนข้าปลงแล้วปล่อยให้เจ้าพวกนั้นอยากทำอะไรก็ทำไป”

    “…” สองแฝดมองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ คำสาปที่ตนกำลังเจออยู่นี้ดูท่าจะไม่ใช่คำสาปธรรมดาแต่กลับมีนิสัยประหลาดเหลือเกิน

    “ทางที่ดีพวกเจ้าควรออกไปจากที่นี่ซะ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”

    “พวกเราได้รับภารกิจให้มาปัดเป่าแก จะให้ถอยได้ยังไง” เรียวมะแย้ง “ต่อให้ตอนนี้แกไม่ได้ทำอะไร แต่อนาคตอาจจะไม่ใช่ก็ได้”

    “…แน่ใจเหรอว่าจะสู้?”

    “ก็ใช่น่ะสิ”

    “…พวกเจ้าพูดเองนะ” แล้วเสียงนั้นก็หายไป ด้านเด็กนักเรียนทั้งสองที่ตั้งท่าเตรียมรับการโจมตีก็พูดคุยกัน

    “เรียวมะ นายว่าคำสาปที่เราเจออยู่นี่อยู่ระดับไหน”

    “สามารถพูดภาษาคนได้แถมอยู่มานานก็น่าจะพิ-?!”

    “?!” เรียวมะยังพูดไม่ทันจบก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล เรียวตะเองก็เช่นกันซึ่งต้นตอน่าจะมาจากคำสาปสาวตนนี้ไม่ผิดแน่

     

    และเธอก็อยู่ด้านหลังพวกเขาทั้งสองคนและกำลังชักดาบออกมา

     

    เคร้ง!!!

     

    “?!!!” ภายในไม่กี่วินาทีที่ดาบของคำสาปสาวจะถึงตัว เรียวตะก็ชักดาบออกมาป้องกันไว้ได้ทันเฉียดฉิว

    “เทพอัสนี!”

     

    ตู้ม!!!

     

    “!!” วิญญาณสีทองของเรียวมะปรากฏตัวแล้วใช้สายฟ้าฟาดใส่คำสาป แต่อีกฝ่ายกลับหลบออกมาได้ก่อน

    “…” ตรงหน้าของสองแฝดคือร่างของหญิงสาวที่มีผ้าคลุมหัวบดบังใบหน้าสวมชุดกิโมโนสีฟ้าลายดอกซากุระ ฮากามะสีดำและรองเท้าบูทซึ่งเจ้าตัวกลับเลือกที่จะเก็บดาบกลับเข้าฝัก

    ‘ใช้อาวุธได้? แต่พลังที่แผ่ออกมาก็ไม่ใช่เล่นๆ ด้วย…’ คนสวมแว่นคิดวิเคราะห์

    “ดาบนั่นน่ะ…ชาวบ้านถวายให้เหรอ” เรียวตะถาม

    “มีคนให้มาน่ะใช่ แต่ไม่ใช่ชาวบ้านที่อยู่กันตอนนี้หรอก” คำสาปสาวตอบ “คนที่พูดว่าข้าเป็นยายแก่หนังเหี่ยวนี่คือเจ้าสินะ?”

    “งั้นที่เอาผ้ามาคลุมหน้านี่คือไม่อยากให้ใครเห็นหน้าเหี่ยวๆของแกเถอะ ว่างั้น?”

    “อยากตายเร็วๆก็ไม่บอก”

     

    กึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!

     

    “?!!!” ทันใดนั้นเองจากป่าไม้ที่มีหิมะปกคลุมอยู่บางพื้นที่ก็กลายเป็นป่าน้ำแข็งภายในพริบตารวมทั้งร่างของยูกิฮิเมะก็หายไปแล้ว

    “เรียวตะ ดูจากพลังแล้วเจ้านี่ระดับพิเศษชัดๆ” เรียวมะว่า “เราถอยกันก่อน-”

    “จะบ้าเหรอ เหยื่อมันอยู่ตรงหน้า-”

     

    กึกๆๆๆๆๆๆ

     

    “!!?” ระหว่างนั้นเองก็มีน้ำแข็งพุ่งมาทางพวกเขา ทั้งคู่จึงกระโดดหลบออกคนละทางจากนั้นเรียวมะก็ควบคุมวิญญาณเทพสายฟ้าให้โยนง้าวไปทางที่น้ำแข็งพุ่งมาต่อ

    “ที่โยนไปโดนตัวมั้ย” เรียวตะถาม

    “ไม่ นางหนีได้ก่อน”

     

    ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

     

    “!? ไม่ปล่อยให้หนีหรอก!” เมื่อมีเสียงเท้าวิ่งเข้ามาในโสตประสาท เรียวตะไม่รอช้าที่จะใช้พลังควบคุมโซ่ของตัวเองไล่จับคำสาปทันที

    “เรียวมะ ถ้าฉันจับได้นายใช้เทพสายฟ้าจัดการเลย”

    “ได้”

     

    ตึกๆๆๆๆๆๆ

    ตึงๆๆๆ!!

    พรึ่บ!!

     

    “กรรรรร!!!”

    “โฮกกกกกก!!!”

    “อะไรวะ!?!” ทันใดนั้นเองก็มีหมาป่าน้ำแข็งสองตัวพุ่งเข้ามากระโจนใส่แฝดคนพี่อีกทั้งยังมียักษ์หิมะมาด้วยอีกตน เขาเลยอาสาจะจัดการสิ่งมีชีวิตพวกนี้และให้แฝดน้องจัดการยูกิฮิเมะแทน

    “เจ้าพวกนี้ฉันจัดการเอง นายไปจัดคำสาปตัวนั้นซะ!”

    “งั้นก็อย่าตายล่ะ!” แล้วเรียวตะก็วิ่งไปตามโซ่ที่ยังคงไล่จับยูกิฮิเมะแต่ก็ไม่ถึงตัวซักทีเพราะเธอใช้ดาบปัดมันออกทุกครั้ง

    “เอาแต่หนีแบบนี้กลัวแพ้รึไง! ถ้าใจกล้ามากพองั้นมาสู้กันตัวต่อตัวให้มันจบๆไปเลยสิ!”

     

    พรึ่บ!

     

    “ปากดีเหลือเกินนะ” สิ้นเสียงของเรียวตะ ยูกิฮิเมะก็โผล่ออกมาตามคำขอและทั้งสองก็ต่อสู้กันโดยมีดาบคาตานะเป็นอาวุธในมือ

    “เรื่องปากดีปากหมานี่ฉันยืนหนึ่งไม่แพ้ใครหรอก”

     

    เคร้ง!!!

     

    ‘ทั้งๆที่กำลังสู้กับข้าอยู่แต่ก็ยังแบ่งสมาธิควบคุมโซ่ให้มามัดข้าให้ได้งั้นเหรอ…มีฝีมือนะเนี่ย’ คำสาปสาวนึกชื่นชมไประหว่างที่สู้กับคนตรงหน้าและต้องปัดโซ่ออกไม่ให้มัดตัว

    ‘สู้กันอยู่แต่ก็ยังปัดโซ่ออกได้เหรอ!? ทั้งๆ ที่ยังมีผ้าคลุมคลุมหัวอีก จะเก่งไปไหนวะ!? ’ เด็กหนุ่มผมดำนึกด้วยความหัวเสีย จนสุดท้ายเขาต้องถอยหลังออกไปตั้งหลักและเรียกโซ่กลับมา

    “? ยอมแพ้แล้ว?” ยูกิฮิเมะถาม แต่นั่นก็ทำให้เขาคิ้วกระตุกขึ้นด้วยความหมั่นไส้

    “แค่กลับมาตั้งหลักนิดๆหน่อยๆก็เท่านั้นเอง”

    “ข้าให้เวลาเตรียมใจ 1 วินาทีแล้วมาสู้ต่อซะ”

    “ห๊ะ-”

     

    พรึ่บ!

     

    “หมดเวลา” เรียวตะยังไม่ทันได้หายสงสัย ยูกิฮิเมะก็ย้ายตัวมาอยู่ข้างหลังและเตรียมใช้พลังจัดการอีกฝ่ายแล้ว

    “วิชาน้ำแข็งพันปี”

     

    หิมะสังหาร

     

    ฉับ!!

     

    “อึก!?” เมื่อยูกิฮิเมะตวัดนิ้วขึ้น หิมะที่กองอยู่บนพื้นก็ถูกเปลี่ยนให้มีความคมและเฉือนใส่อีกฝ่าย แต่เหมือนเรียวตะจะมีสัญชาตญาณไวเลยหลบออกมาแต่ก็ไม่ทันเลยโดนเฉือนไปที่ไหล่เป็นแผลยาว

    ‘คุมหิมะได้ด้วย-’

     

    ผัวะ!!!!

     

    “!?!!” ไม่ทันจะได้คิดอะไร คนผมดำก็โดนคำสาปสาวเตะเข้ากระดูกเชิงกรานเข้าอย่างรุนแรงและปลิวไปไกลถึงฝั่งของเรียวมะที่เพิ่งจัดการศัตรูของตัวเองเสร็จพอดีจนเขาร้องด้วยความตกใจ

    “เรียวตะ!!?”

    “เจ็บๆๆๆ…” แฝดน้องร้องโอดโอยในขณะที่จับส่วนที่โดนเตะมา “เตะซะไม่เกรงใจชุดที่ตัวเองใส่เลย…”

    “เรียวตะอันนี้ฉันพูดจริงนะ เราต้องถอยกัน-”

    “ข้าอุตส่าห์เตือนแล้วว่าให้หนี แต่พวกเจ้าเลือกที่จะสู้เองนะ” ในตอนนั้นเองยูกิฮิเมะก็ปรากฏตัวออกมา “จัดการพวกอสูรได้เหรอ สงสัยต้องไปเสริมให้แข็งแกร่งกว่าเดิมซะแล้ว”

    ‘บัดซบ!? เรียวตะก็บาดเจ็บอีก จะทำไงดีวะเนี่ย?!’ แฝดพี่สบถในใจ

    “นี่แกน่ะ ขอถามอะไรได้มั้ย” จู่ๆเรียวตะก็เอ่ยแทรกขึ้นมา “แกเคยใช้พลังที่ใช้กับพวกฉันอยู่กับพวกชาวบ้านบ้างรึเปล่า”

    “ชาวบ้านน่ะเหรอ ข้าหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุดเพราะมันอันตรายเกินไป”

    “มันก็อันตรายจริงๆนั่นแหละ ถึงจะทำได้แค่แช่แข็งแต่ก็ฆ่าคนได้ เป็นฉันฉันก็ไม่อยากได้พลังนี้หรอก”

    “…” ประโยคของเรียวมะทำเอายูกิฮิเมะถึงกับก้มหน้าเงียบและพึมพำเสียงเบา “ข้าเองก็ไม่อยากได้ซักหน่อย”

    “?”

    “ที่พวกเจ้าบุกเข้ามาที่นี่ถือว่าใจกล้ามาก แต่ขอโทษด้วยละกันที่พวกเราจะต้องจบกันแค่นี้” แล้วยูกิฮิเมะรวบรวมพลังทั้งหมดจนเกิดเป็นก้อนพลังงานสีฟ้าขาวบนมือและขว้างไปทางเรียวมะทันที

    “ลาขาดล่ะ”

    ฟิ้ว!!

    “?!”

    ตู้ม!!

    “เรียวตะ!?” ในช่วงที่ก้อนพลังงานนั้นจะถึงตัว เรียวตะก็ได้ผลักฝาแฝดของตนออกไปแล้วรับการโจมตีนั้นแทนจนสลบไป

    “รับแทน? พิลึกคน” คำสาปสาวพูดเบาๆ แต่เรียวมะกลับได้ยินก็โมโหและเรียกเทพสายฟ้าออกมา

    “เทพอัสนี!!”

     

    เปรี้ยง!!!!

     

    ‘พลังไสยเวทมีมากกว่าเจ้านั่น…มิน่าล่ะถึงจัดการเจ้าพวกนั้นได้’ หญิงสาวคิดในใจพลางหลบการโจมตีของเทพสายฟ้าไปด้วย แล้วทั้งคู่ก็สู้กันอยู่ทั้งอย่างนั้นโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเรียวตะ

     

     

     

    .

    .

    .

     

    ‘…นี่ฉัน…ตายแล้วสินะ?’ ภายในจิตสำนึกของเรียวตะตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวเป็นสีดำหมดและจากการที่ตนรับการโจมตีแทนเมื่อครู้ก็ได้แต่คิดว่าตัวเองตายแล้ว

    ‘พลังน้ำแข็งที่โดนไปเมื่อกี้นี่แรงชะมัด เข้าใจเลยว่าทำไมเรียวมะถึงบอกว่าเจ้านี่มันระดับพิเศษ’

     

     

    ‘แต่ว่า…จะปล่อยให้หมอนั่นสู้คนเดียวก็ไม่ได้ ฉันต้องไปช่วย’

     

     

    ‘ถึงจะไม่ได้มีพลังไสยเวทเยอะเท่าเรียวมะ แต่ให้ตายยังไงฉันต้องปัดเป่าคำสาปนั่นให้ได้ เราจะต้องกลับไปแบบมีชีวิตรอดทั้งสองคนให้ได้!’

     

    วิ้ง~

     

    ‘!? ’ ในตอนนั้นเองก็มีก้องพลังงานบางอย่างลอยมาหาเขา พอมันเข้ามาใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นผีเสื้อสีฟ้าเรืองแสงนั่นเอง มันเข้ามาเกาะที่นิ้วของเด็กหนุ่มก่อนจะมีเสียงออกมาและนั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยิน

    ถ้าเจ้าต้องการแบบนั้นงั้นก็จัดให้

     

     

    “?!” เรียวตะลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจแต่เนื่องจากการโจมตีเมื่อครู่ทำให้เขาขยับตัวมากไม่ได้ ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามทำตัวเองลุกขึ้นมาแล้วพบว่ามือตัวเองมีน้ำแข็งเกาะอยู่

    ‘อะไรวะเนี่ย…’ เขาคิดในใจก่อนจะเกิดความคิดแปลกๆ ขึ้นมาในหัว

     

    ถ้าเกิดว่าเขามีพลังแบบเดียวกันกับคำสาปที่พวกเขากำลังจัดการอยู่มันจะเป็นยังไง

     

    กึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!

     

    “?!”

    “!!?” ทันใดนั้นเองก็มีน้ำแข็งผุดขึ้นมาจากพื้นและวิ่งไปทางที่ยูกิฮิเมะกับเรียวมะสู้กันอยู่และขวางสองคนนั้นไว้จนทั้งคู่ต้องหันไปหาต้นทางพอเจอเข้าก็เบิกตาด้วยความตกใจ

     

    เพราะสภาพของเรียวตะตอนนี้นอกจากจะพยุงตัวเองให้พิงต้นไม้นั้นก็มีน้ำแข็งเกาะตามตัวแล้ว ผมของเขาที่เคยมีสีดำกลับมีบางส่วนกลายเป็นสีขาว

     

    “เรียวตะ…?”

    “เดี๋ยว…เป็นไป…ได้ยังไง?” เรียวมะกับยูกิฮิเมะถึงกับไม่อยากจะเชื่อสายตา โดยเฉพาะกับยูกิฮิเมะที่ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่คำถามเต็มไปหมดจนเธอตัดสินใจหนีออกไปก่อนทันที

    “เห้ย!? อย่าหนี-”

    “…ยังอยู่…ค่อยยัง…ชั่ว…”

     

    ตุ้บ!!

     

    “เรียวตะ!?” ไม่ทันที่คนสวมแว่นจะไล่ตามจับคำสาป เสียงอันแผ่วเบาของแฝดน้องก็เรียกสติเขาก่อนที่จะสลบไป เรียวมะตัดสินใจเลือกที่จะช่วยแฝดตัวเองก่อนโดยหามออกไปจากที่นี่แล้วกลับไปที่โรงเรียนให้ไวที่สุด

    ‘ยังอุตส่าห์ฟื้นมาได้ เพราะงั้นห้ามตายเด็ดขาดเลยนะเรียวตะ!!’

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

    “เมื่อกี้…ได้ไงกัน…” ด้านยูกิฮิเมะที่หนีออกมาไปส่วนลึกของป่าหิมะ เธอได้แต่ช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเจ้าเด็กผมดำที่รับการโจมตีนั่นถึงไม่ตายแถมยังใช้พลังแบบเดียวกับเธอได้อีก เธอจึงพิจารณาใช้ความคิดตัวเองว่าตอนที่เธอปล่อยพลังไปเธอคิดอะไรอยู่กันแน่

    “ท่านยูกิฮิเมะ เป็นอะไรรึเปล่าขอรับ!?”

    “?” ในตอนนั้นเองก็มีชายหนุ่มสูงโปร่งเรือนผมสีน้ำเงินเข้มทรงทูบล็อคในเสื้อเชิ้ตสีขาวกับฮาโอริสีกรมท่า กางเกงขายาวสีดำและรองเท้าหนังสีดำวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาก่อนจะนั่งลงแล้วก้มโค้งขอโทษจนหัวติดพื้น

    “...”

    “ท่านยูกิฮิเมะ ข้าขอโทษเป็นอย่างสูงขอรับที่ไม่ได้ไปช่วยท่าน ได้โปรดลงโทษ-”

    ชิอง ข้าไม่ลงโทษอะไรทั้งนั้น สภาพข้ายังอยู่ดีไม่ได้ใช้ไสยเวทย้อนกลับรักษาเลยด้วยซ้ำ” ยูกิฮิเมะเอ่ยเสียงเนือยกับคำสาปผู้สาบานที่จะเป็นคนรับใช้ของตน

    “แล้วผู้ใช้คุณไสยฝาแฝดนั่น-”

    “คงจะกลับไปที่ฐานทัพแล้ว เห็นว่าเป็นนักเรียนอยู่ฐานทัพก็น่าจะเป็นโรงเรียนนี่แหละ” คำสาปที่ชื่อชิองถามได้ไม่จบ ยูกิฮิเมะก็ตอบไปก่อนแล้ว “แต่ตอนนี้ข้าอยากอยู่คนเดียว แล้วก็ฝากเจ้าจับตาดูสองคนนั้นทีได้มั้ยเผื่อเจ้าพวกนั้นมันจะกลับมา”

    “รับทราบขอรับ” แล้วชิองก็วาร์ปหายไปทันที ส่วนยูกิฮิเมะก็เดินเร่ร่อนในป่าจนกระทั่งพบเจอบางอย่างเข้าที่ใต้ต้นไม้ เธอจึงไปตรงนั้นแล้วนั่งยองๆ เพื่อตรวจสอบ

    “...ผีเสื้อ?” มันคือผีเสื้อตัวหนึ่งที่มีสภาพใกล้ตาย เธอค่อยๆจับมันมาวางบนฝ่ามือด้วยความเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้

    “...” เธอมองด้วยสายตาคาดเดาไม่ได้ก่อนจะนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรียวตะเมื่อครู่ ว่าตอนที่เธอปล่อยพลังออกไปนั้นเธอควรคิดแค่ว่าศัตรูของตนควรจะตาย แต่เหมือนจะมีความคิดอื่นแทรกเข้ามาในหัวในไม่กี่วินาที

     

    ลองมาเป็นแบบเธอบ้างมั้ย จะได้เข้าใจความรู้สึกเธอบ้าง

     

    “...” เธอหลับตาลงแล้วลองประกบมือทั้งสองข้างโดยไม่ให้โดนตัวผีเสื้อ จากนั้นก็มีแสงสว่างเกิดขึ้นมาภายในนั้น ซักพักมันก็จางหายไปเธอจึงยกมือออกมาแล้วพบว่าจากผีเสื้อที่ใกล้ตายตัวนั้นตอนนี้มันกลับมีชีวิตขึ้นมาโดยสภาพของมันถูกเปลี่ยนผีเสื้อสีฟ้าประกายระยับแววาวราวกับปีกของมันทำมาจากแก้วก่อนที่วางมันลงกับพื้น

    “เจ้าอย่าพึ่งทำอะไรนะ รอข้าแปบนึง…” ยูกิฮิเมะชักดาบคาตานะของตัวเองออกมาแล้วกรีดเข้าที่แขนเป็นแผลยาว “ไหน ลองบินมาที่ตรงนี้ซิ”

     

    พั่บๆๆ

     

    “...?!” เจ้าผีเสื้อบินตรงมาเกาะที่แผลของคำสาปสาว เธอมองมันซักพักก่อนที่จะเกิดบางอย่างขึ้นกับเธอต่อมามันก็บินไปเกาะบนไหล่เธอต่อ

    “...เวรแล้วไง” คำสาปสาวสบถพลางเอาฝ่ามือแนบกับหน้าผากตัวเอง “ถ้ามีคนรู้…ข้าตายแน่”

     

    เพราะแขนของเธอที่กรีดเป็นแผลไปเมื่อครู่นั้น ตอนนี้มันกลับหายดีโดยที่เธอยังไม่ได้ใช้ไสยเวทย้อนกลับของเธอรักษาเลย

     

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

    talkๆ desu: ตอนพิเศษเรียวตะตอน 2 มาแล้วค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ขออภัยที่มาช้านะคะทุกคน

    สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันเข้ามาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ

    เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยยยยย

     

            
    Z K T
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×