คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #40 : Special : มิเคยลืมเลือน (2)
วันต่อมา ณ ป่าหิมะ
หลังจากที่ได้รับภารกิจมา ทั้งคู่ก็ไปที่หมู่บ้านแล้วไปสอบถามจากปากชาวบ้านเพื่อเอาข้อมูล โชคยังดีที่เรียวตะใช้ความอัธยาศัยดีของตัวเองให้เป็นประโยชน์และบอกว่ามาศึกษาเรื่องภูติเพื่อไปทำงานส่งวิทยานิพนธ์เรื่องภูติผีตำนานเมือง ทำให้ชาวบ้านให้ความร่วมมือกับพวกเขาเป็นอย่างดีแน่นอนว่ามีเรื่องของคำสาปที่เป็นเป้าหมายในภารกิจนี้ด้วย โดยพวกเขาบอกว่าเป็นเทพ (คำสาป) ที่ไม่ค่อยปรากฏตัวมาให้เห็นรู้แค่ว่าเป็นผู้หญิงเพราะเคยได้ยินเสียงมาก่อนและมีชื่อว่ายูกิฮิเมะ ที่พวกเขาศรัทธาก็เป็นเพราะเธอเคยช่วยพวกเขาจากวิญญาณร้าย (คำสาปตัวอื่น) ไว้เลยทำให้มีการส่งของขวัญไปอยู่หลายครั้งแต่ส่วนใหญ่ก็โดนปฏิเสธไม่รับทุกครั้ง สองแฝดตระกูลคุโจได้ฟังเรื่องทั้งหมดก็ได้แต่เกิดความสงสัยแต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องไปถิ่นฐานของคำสาปตนนั้นให้มันรู้เรื่องไปเลยจนพวกเขามาถึงป่าหิมะที่ว่าจนได้
“เหมือนปีนี้หิมะจะไม่ได้ตกหนักนะ พื้นเลยไม่ได้มีหิมะกองจนเดินไม่ได้เนี่ย” เรียวตะว่าพลางสำรวจป่าไปด้วย
“ก็ถือว่าเป็นโชคดีของพวกเราที่อย่างน้อยถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้นมาจะได้ไม่ลำบาก” เรียวมะพูด “แม้แต่พวกชาวบ้านก็ยังไม่เคยเห็นตัว นายว่าคำสาปที่ชื่อยูกิฮิเมะนั่นหน้าตาจะเป็นยังไง”
“เห็นอาจารย์บอกอยู่มาตั้งแต่เฮอันจนถึงปัจจุบัน ป่านนี้คงจะเป็นยายแก่หนังเหี่ยวแล้วมั้ง”
“พูดแบบนี้คืออยากมีเรื่องใช่มั้ย”
“!?!!!” ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงผู้หญิงปริศนาดังขึ้นไปทั่วป่า ทำให้สองแฝดที่กำลังเดินอยู่ก็หยุดเดินและตั้งท่าเตรียมต่อสู้ทันที
“แกนี่มันปากพาซวยจริงๆ…”
“นายเป็นคนถามฉันเองนะ”
“พวกเจ้าเป็นใครและมีจุดประสงค์อะไรถึงได้มาที่นี่ แต่ฟังจากบทสนทนาของพวกเจ้าแล้วคงไม่ได้มาดีล่ะสิ?” เสียงปริศนาเอ่ยถาม
“ได้ยินมาว่าแกเป็นคำสาปที่แสร้งทำตัวเป็นเทพให้พวกชาวบ้านศรัทธา พวกเราเลยมาปัดเป่าแกไง” เรียวตะตอบและมองซ้ายมองขวาที่ไร้เงาของเจ้าเสียงปริศนาหรือก็คือยูกิฮิเมะที่ชาวบ้านเรียกกัน
“…อ๋อ ผู้ใช้คุณไสย” ยูกิฮิเมะได้ฟังแล้ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “แต่ขอแก้อะไรหน่อย ข้าไม่เคยคิดจะแสร้งเป็นเทพอะไรทั้งนั้น ข้าอยู่ของข้าเฉยๆแล้วชาวบ้านคิดเองเออเองเลยมาศรัทธาข้า ข้าบอกไปตั้งหลายครั้งว่าข้าไม่ใช่เทพแต่ก็ไม่มีใครเชื่อจนข้าปลงแล้วปล่อยให้เจ้าพวกนั้นอยากทำอะไรก็ทำไป”
“…” สองแฝดมองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ คำสาปที่ตนกำลังเจออยู่นี้ดูท่าจะไม่ใช่คำสาปธรรมดาแต่กลับมีนิสัยประหลาดเหลือเกิน
“ทางที่ดีพวกเจ้าควรออกไปจากที่นี่ซะ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
“พวกเราได้รับภารกิจให้มาปัดเป่าแก จะให้ถอยได้ยังไง” เรียวมะแย้ง “ต่อให้ตอนนี้แกไม่ได้ทำอะไร แต่อนาคตอาจจะไม่ใช่ก็ได้”
“…แน่ใจเหรอว่าจะสู้?”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“…พวกเจ้าพูดเองนะ” แล้วเสียงนั้นก็หายไป ด้านเด็กนักเรียนทั้งสองที่ตั้งท่าเตรียมรับการโจมตีก็พูดคุยกัน
“เรียวมะ นายว่าคำสาปที่เราเจออยู่นี่อยู่ระดับไหน”
“สามารถพูดภาษาคนได้แถมอยู่มานานก็น่าจะพิ-?!”
“?!” เรียวมะยังพูดไม่ทันจบก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล เรียวตะเองก็เช่นกันซึ่งต้นตอน่าจะมาจากคำสาปสาวตนนี้ไม่ผิดแน่
และเธอก็อยู่ด้านหลังพวกเขาทั้งสองคนและกำลังชักดาบออกมา
เคร้ง!!!
“?!!!” ภายในไม่กี่วินาทีที่ดาบของคำสาปสาวจะถึงตัว เรียวตะก็ชักดาบออกมาป้องกันไว้ได้ทันเฉียดฉิว
“เทพอัสนี!”
ตู้ม!!!
“!!” วิญญาณสีทองของเรียวมะปรากฏตัวแล้วใช้สายฟ้าฟาดใส่คำสาป แต่อีกฝ่ายกลับหลบออกมาได้ก่อน
“…” ตรงหน้าของสองแฝดคือร่างของหญิงสาวที่มีผ้าคลุมหัวบดบังใบหน้าสวมชุดกิโมโนสีฟ้าลายดอกซากุระ ฮากามะสีดำและรองเท้าบูทซึ่งเจ้าตัวกลับเลือกที่จะเก็บดาบกลับเข้าฝัก
‘ใช้อาวุธได้? แต่พลังที่แผ่ออกมาก็ไม่ใช่เล่นๆ ด้วย…’ คนสวมแว่นคิดวิเคราะห์
“ดาบนั่นน่ะ…ชาวบ้านถวายให้เหรอ” เรียวตะถาม
“มีคนให้มาน่ะใช่ แต่ไม่ใช่ชาวบ้านที่อยู่กันตอนนี้หรอก” คำสาปสาวตอบ “คนที่พูดว่าข้าเป็นยายแก่หนังเหี่ยวนี่คือเจ้าสินะ?”
“งั้นที่เอาผ้ามาคลุมหน้านี่คือไม่อยากให้ใครเห็นหน้าเหี่ยวๆของแกเถอะ ว่างั้น?”
“อยากตายเร็วๆก็ไม่บอก”
กึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!
“?!!!” ทันใดนั้นเองจากป่าไม้ที่มีหิมะปกคลุมอยู่บางพื้นที่ก็กลายเป็นป่าน้ำแข็งภายในพริบตารวมทั้งร่างของยูกิฮิเมะก็หายไปแล้ว
“เรียวตะ ดูจากพลังแล้วเจ้านี่ระดับพิเศษชัดๆ” เรียวมะว่า “เราถอยกันก่อน-”
“จะบ้าเหรอ เหยื่อมันอยู่ตรงหน้า-”
กึกๆๆๆๆๆๆ
“!!?” ระหว่างนั้นเองก็มีน้ำแข็งพุ่งมาทางพวกเขา ทั้งคู่จึงกระโดดหลบออกคนละทางจากนั้นเรียวมะก็ควบคุมวิญญาณเทพสายฟ้าให้โยนง้าวไปทางที่น้ำแข็งพุ่งมาต่อ
“ที่โยนไปโดนตัวมั้ย” เรียวตะถาม
“ไม่ นางหนีได้ก่อน”
ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“!? ไม่ปล่อยให้หนีหรอก!” เมื่อมีเสียงเท้าวิ่งเข้ามาในโสตประสาท เรียวตะไม่รอช้าที่จะใช้พลังควบคุมโซ่ของตัวเองไล่จับคำสาปทันที
“เรียวมะ ถ้าฉันจับได้นายใช้เทพสายฟ้าจัดการเลย”
“ได้”
ตึกๆๆๆๆๆๆ
ตึงๆๆๆ!!
พรึ่บ!!
“กรรรรร!!!”
“โฮกกกกกก!!!”
“อะไรวะ!?!” ทันใดนั้นเองก็มีหมาป่าน้ำแข็งสองตัวพุ่งเข้ามากระโจนใส่แฝดคนพี่อีกทั้งยังมียักษ์หิมะมาด้วยอีกตน เขาเลยอาสาจะจัดการสิ่งมีชีวิตพวกนี้และให้แฝดน้องจัดการยูกิฮิเมะแทน
“เจ้าพวกนี้ฉันจัดการเอง นายไปจัดคำสาปตัวนั้นซะ!”
“งั้นก็อย่าตายล่ะ!” แล้วเรียวตะก็วิ่งไปตามโซ่ที่ยังคงไล่จับยูกิฮิเมะแต่ก็ไม่ถึงตัวซักทีเพราะเธอใช้ดาบปัดมันออกทุกครั้ง
“เอาแต่หนีแบบนี้กลัวแพ้รึไง! ถ้าใจกล้ามากพองั้นมาสู้กันตัวต่อตัวให้มันจบๆไปเลยสิ!”
พรึ่บ!
“ปากดีเหลือเกินนะ” สิ้นเสียงของเรียวตะ ยูกิฮิเมะก็โผล่ออกมาตามคำขอและทั้งสองก็ต่อสู้กันโดยมีดาบคาตานะเป็นอาวุธในมือ
“เรื่องปากดีปากหมานี่ฉันยืนหนึ่งไม่แพ้ใครหรอก”
เคร้ง!!!
‘ทั้งๆที่กำลังสู้กับข้าอยู่แต่ก็ยังแบ่งสมาธิควบคุมโซ่ให้มามัดข้าให้ได้งั้นเหรอ…มีฝีมือนะเนี่ย’ คำสาปสาวนึกชื่นชมไประหว่างที่สู้กับคนตรงหน้าและต้องปัดโซ่ออกไม่ให้มัดตัว
‘สู้กันอยู่แต่ก็ยังปัดโซ่ออกได้เหรอ!? ทั้งๆ ที่ยังมีผ้าคลุมคลุมหัวอีก จะเก่งไปไหนวะ!? ’ เด็กหนุ่มผมดำนึกด้วยความหัวเสีย จนสุดท้ายเขาต้องถอยหลังออกไปตั้งหลักและเรียกโซ่กลับมา
“? ยอมแพ้แล้ว?” ยูกิฮิเมะถาม แต่นั่นก็ทำให้เขาคิ้วกระตุกขึ้นด้วยความหมั่นไส้
“แค่กลับมาตั้งหลักนิดๆหน่อยๆก็เท่านั้นเอง”
“ข้าให้เวลาเตรียมใจ 1 วินาทีแล้วมาสู้ต่อซะ”
“ห๊ะ-”
พรึ่บ!
“หมดเวลา” เรียวตะยังไม่ทันได้หายสงสัย ยูกิฮิเมะก็ย้ายตัวมาอยู่ข้างหลังและเตรียมใช้พลังจัดการอีกฝ่ายแล้ว
“วิชาน้ำแข็งพันปี”
หิมะสังหาร
ฉับ!!
“อึก!?” เมื่อยูกิฮิเมะตวัดนิ้วขึ้น หิมะที่กองอยู่บนพื้นก็ถูกเปลี่ยนให้มีความคมและเฉือนใส่อีกฝ่าย แต่เหมือนเรียวตะจะมีสัญชาตญาณไวเลยหลบออกมาแต่ก็ไม่ทันเลยโดนเฉือนไปที่ไหล่เป็นแผลยาว
‘คุมหิมะได้ด้วย-’
ผัวะ!!!!
“!?!!” ไม่ทันจะได้คิดอะไร คนผมดำก็โดนคำสาปสาวเตะเข้ากระดูกเชิงกรานเข้าอย่างรุนแรงและปลิวไปไกลถึงฝั่งของเรียวมะที่เพิ่งจัดการศัตรูของตัวเองเสร็จพอดีจนเขาร้องด้วยความตกใจ
“เรียวตะ!!?”
“เจ็บๆๆๆ…” แฝดน้องร้องโอดโอยในขณะที่จับส่วนที่โดนเตะมา “เตะซะไม่เกรงใจชุดที่ตัวเองใส่เลย…”
“เรียวตะอันนี้ฉันพูดจริงนะ เราต้องถอยกัน-”
“ข้าอุตส่าห์เตือนแล้วว่าให้หนี แต่พวกเจ้าเลือกที่จะสู้เองนะ” ในตอนนั้นเองยูกิฮิเมะก็ปรากฏตัวออกมา “จัดการพวกอสูรได้เหรอ สงสัยต้องไปเสริมให้แข็งแกร่งกว่าเดิมซะแล้ว”
‘บัดซบ!? เรียวตะก็บาดเจ็บอีก จะทำไงดีวะเนี่ย?!’ แฝดพี่สบถในใจ
“นี่แกน่ะ ขอถามอะไรได้มั้ย” จู่ๆเรียวตะก็เอ่ยแทรกขึ้นมา “แกเคยใช้พลังที่ใช้กับพวกฉันอยู่กับพวกชาวบ้านบ้างรึเปล่า”
“ชาวบ้านน่ะเหรอ ข้าหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุดเพราะมันอันตรายเกินไป”
“มันก็อันตรายจริงๆนั่นแหละ ถึงจะทำได้แค่แช่แข็งแต่ก็ฆ่าคนได้ เป็นฉันฉันก็ไม่อยากได้พลังนี้หรอก”
“…” ประโยคของเรียวมะทำเอายูกิฮิเมะถึงกับก้มหน้าเงียบและพึมพำเสียงเบา “ข้าเองก็ไม่อยากได้ซักหน่อย”
“?”
“ที่พวกเจ้าบุกเข้ามาที่นี่ถือว่าใจกล้ามาก แต่ขอโทษด้วยละกันที่พวกเราจะต้องจบกันแค่นี้” แล้วยูกิฮิเมะรวบรวมพลังทั้งหมดจนเกิดเป็นก้อนพลังงานสีฟ้าขาวบนมือและขว้างไปทางเรียวมะทันที
“ลาขาดล่ะ”
ฟิ้ว!!
“?!”
ตู้ม!!
“เรียวตะ!?” ในช่วงที่ก้อนพลังงานนั้นจะถึงตัว เรียวตะก็ได้ผลักฝาแฝดของตนออกไปแล้วรับการโจมตีนั้นแทนจนสลบไป
“รับแทน? พิลึกคน” คำสาปสาวพูดเบาๆ แต่เรียวมะกลับได้ยินก็โมโหและเรียกเทพสายฟ้าออกมา
“เทพอัสนี!!”
เปรี้ยง!!!!
‘พลังไสยเวทมีมากกว่าเจ้านั่น…มิน่าล่ะถึงจัดการเจ้าพวกนั้นได้’ หญิงสาวคิดในใจพลางหลบการโจมตีของเทพสายฟ้าไปด้วย แล้วทั้งคู่ก็สู้กันอยู่ทั้งอย่างนั้นโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเรียวตะ
.
.
.
‘…นี่ฉัน…ตายแล้วสินะ?’ ภายในจิตสำนึกของเรียวตะตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวเป็นสีดำหมดและจากการที่ตนรับการโจมตีแทนเมื่อครู้ก็ได้แต่คิดว่าตัวเองตายแล้ว
‘พลังน้ำแข็งที่โดนไปเมื่อกี้นี่แรงชะมัด เข้าใจเลยว่าทำไมเรียวมะถึงบอกว่าเจ้านี่มันระดับพิเศษ’
…
‘แต่ว่า…จะปล่อยให้หมอนั่นสู้คนเดียวก็ไม่ได้ ฉันต้องไปช่วย’
…
‘ถึงจะไม่ได้มีพลังไสยเวทเยอะเท่าเรียวมะ แต่ให้ตายยังไงฉันต้องปัดเป่าคำสาปนั่นให้ได้ เราจะต้องกลับไปแบบมีชีวิตรอดทั้งสองคนให้ได้!’
วิ้ง~
‘!? ’ ในตอนนั้นเองก็มีก้องพลังงานบางอย่างลอยมาหาเขา พอมันเข้ามาใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นผีเสื้อสีฟ้าเรืองแสงนั่นเอง มันเข้ามาเกาะที่นิ้วของเด็กหนุ่มก่อนจะมีเสียงออกมาและนั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยิน
‘ถ้าเจ้าต้องการแบบนั้นงั้นก็จัดให้’
“?!” เรียวตะลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจแต่เนื่องจากการโจมตีเมื่อครู่ทำให้เขาขยับตัวมากไม่ได้ ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามทำตัวเองลุกขึ้นมาแล้วพบว่ามือตัวเองมีน้ำแข็งเกาะอยู่
‘อะไรวะเนี่ย…’ เขาคิดในใจก่อนจะเกิดความคิดแปลกๆ ขึ้นมาในหัว
ถ้าเกิดว่าเขามีพลังแบบเดียวกันกับคำสาปที่พวกเขากำลังจัดการอยู่มันจะเป็นยังไง
กึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!
“?!”
“!!?” ทันใดนั้นเองก็มีน้ำแข็งผุดขึ้นมาจากพื้นและวิ่งไปทางที่ยูกิฮิเมะกับเรียวมะสู้กันอยู่และขวางสองคนนั้นไว้จนทั้งคู่ต้องหันไปหาต้นทางพอเจอเข้าก็เบิกตาด้วยความตกใจ
เพราะสภาพของเรียวตะตอนนี้นอกจากจะพยุงตัวเองให้พิงต้นไม้นั้นก็มีน้ำแข็งเกาะตามตัวแล้ว ผมของเขาที่เคยมีสีดำกลับมีบางส่วนกลายเป็นสีขาว
“เรียวตะ…?”
“เดี๋ยว…เป็นไป…ได้ยังไง?” เรียวมะกับยูกิฮิเมะถึงกับไม่อยากจะเชื่อสายตา โดยเฉพาะกับยูกิฮิเมะที่ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่คำถามเต็มไปหมดจนเธอตัดสินใจหนีออกไปก่อนทันที
“เห้ย!? อย่าหนี-”
“…ยังอยู่…ค่อยยัง…ชั่ว…”
ตุ้บ!!
“เรียวตะ!?” ไม่ทันที่คนสวมแว่นจะไล่ตามจับคำสาป เสียงอันแผ่วเบาของแฝดน้องก็เรียกสติเขาก่อนที่จะสลบไป เรียวมะตัดสินใจเลือกที่จะช่วยแฝดตัวเองก่อนโดยหามออกไปจากที่นี่แล้วกลับไปที่โรงเรียนให้ไวที่สุด
‘ยังอุตส่าห์ฟื้นมาได้ เพราะงั้นห้ามตายเด็ดขาดเลยนะเรียวตะ!!’
.
.
.
“เมื่อกี้…ได้ไงกัน…” ด้านยูกิฮิเมะที่หนีออกมาไปส่วนลึกของป่าหิมะ เธอได้แต่ช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเจ้าเด็กผมดำที่รับการโจมตีนั่นถึงไม่ตายแถมยังใช้พลังแบบเดียวกับเธอได้อีก เธอจึงพิจารณาใช้ความคิดตัวเองว่าตอนที่เธอปล่อยพลังไปเธอคิดอะไรอยู่กันแน่
“ท่านยูกิฮิเมะ เป็นอะไรรึเปล่าขอรับ!?”
“?” ในตอนนั้นเองก็มีชายหนุ่มสูงโปร่งเรือนผมสีน้ำเงินเข้มทรงทูบล็อคในเสื้อเชิ้ตสีขาวกับฮาโอริสีกรมท่า กางเกงขายาวสีดำและรองเท้าหนังสีดำวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาก่อนจะนั่งลงแล้วก้มโค้งขอโทษจนหัวติดพื้น
“...”
“ท่านยูกิฮิเมะ ข้าขอโทษเป็นอย่างสูงขอรับที่ไม่ได้ไปช่วยท่าน ได้โปรดลงโทษ-”
“ชิอง ข้าไม่ลงโทษอะไรทั้งนั้น สภาพข้ายังอยู่ดีไม่ได้ใช้ไสยเวทย้อนกลับรักษาเลยด้วยซ้ำ” ยูกิฮิเมะเอ่ยเสียงเนือยกับคำสาปผู้สาบานที่จะเป็นคนรับใช้ของตน
“แล้วผู้ใช้คุณไสยฝาแฝดนั่น-”
“คงจะกลับไปที่ฐานทัพแล้ว เห็นว่าเป็นนักเรียนอยู่ฐานทัพก็น่าจะเป็นโรงเรียนนี่แหละ” คำสาปที่ชื่อชิองถามได้ไม่จบ ยูกิฮิเมะก็ตอบไปก่อนแล้ว “แต่ตอนนี้ข้าอยากอยู่คนเดียว แล้วก็ฝากเจ้าจับตาดูสองคนนั้นทีได้มั้ยเผื่อเจ้าพวกนั้นมันจะกลับมา”
“รับทราบขอรับ” แล้วชิองก็วาร์ปหายไปทันที ส่วนยูกิฮิเมะก็เดินเร่ร่อนในป่าจนกระทั่งพบเจอบางอย่างเข้าที่ใต้ต้นไม้ เธอจึงไปตรงนั้นแล้วนั่งยองๆ เพื่อตรวจสอบ
“...ผีเสื้อ?” มันคือผีเสื้อตัวหนึ่งที่มีสภาพใกล้ตาย เธอค่อยๆจับมันมาวางบนฝ่ามือด้วยความเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้
“...” เธอมองด้วยสายตาคาดเดาไม่ได้ก่อนจะนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรียวตะเมื่อครู่ ว่าตอนที่เธอปล่อยพลังออกไปนั้นเธอควรคิดแค่ว่าศัตรูของตนควรจะตาย แต่เหมือนจะมีความคิดอื่นแทรกเข้ามาในหัวในไม่กี่วินาที
ลองมาเป็นแบบเธอบ้างมั้ย จะได้เข้าใจความรู้สึกเธอบ้าง
“...” เธอหลับตาลงแล้วลองประกบมือทั้งสองข้างโดยไม่ให้โดนตัวผีเสื้อ จากนั้นก็มีแสงสว่างเกิดขึ้นมาภายในนั้น ซักพักมันก็จางหายไปเธอจึงยกมือออกมาแล้วพบว่าจากผีเสื้อที่ใกล้ตายตัวนั้นตอนนี้มันกลับมีชีวิตขึ้นมาโดยสภาพของมันถูกเปลี่ยนผีเสื้อสีฟ้าประกายระยับแววาวราวกับปีกของมันทำมาจากแก้วก่อนที่วางมันลงกับพื้น
“เจ้าอย่าพึ่งทำอะไรนะ รอข้าแปบนึง…” ยูกิฮิเมะชักดาบคาตานะของตัวเองออกมาแล้วกรีดเข้าที่แขนเป็นแผลยาว “ไหน ลองบินมาที่ตรงนี้ซิ”
พั่บๆๆ
“...?!” เจ้าผีเสื้อบินตรงมาเกาะที่แผลของคำสาปสาว เธอมองมันซักพักก่อนที่จะเกิดบางอย่างขึ้นกับเธอต่อมามันก็บินไปเกาะบนไหล่เธอต่อ
“...เวรแล้วไง” คำสาปสาวสบถพลางเอาฝ่ามือแนบกับหน้าผากตัวเอง “ถ้ามีคนรู้…ข้าตายแน่”
เพราะแขนของเธอที่กรีดเป็นแผลไปเมื่อครู่นั้น ตอนนี้มันกลับหายดีโดยที่เธอยังไม่ได้ใช้ไสยเวทย้อนกลับของเธอรักษาเลย
.
.
.
talkๆ desu: ตอนพิเศษเรียวตะตอน 2 มาแล้วค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ขออภัยที่มาช้านะคะทุกคน
สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันเข้ามาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ
เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยยยยย
ความคิดเห็น