คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #38 : The beginning of the end (จบซีซั่น 1)
08:43 น.
ณ โรงเรียนร้างแห่งหนึ่งในนางาโนะ
“ปัดเป่าคนเดียวไหวใช่มั้ย”
“ไหวค่ะคุณอิชิดะ เคยทำภารกิจคนเดียวมา2 รอบแล้ว” เช้าวันต่อมา อากาเนะก็มาทำภารกิจปัดเป่าคำสาปที่โรงเรียนร้างตามที่โกโจฝากมาโดยเธอได้อิชิดะขับรถมาส่งให้
แถมเธอไม่ได้มาคนเดียว
“ถ้าริวคุงกังวลขนาดนั้นก็ไปช่วยอากาเนะจังเลยสิ” ยังมีอายาเมะมาช่วยดูแลอีกคนเนื่องจากเจ้าตัวว่างไม่มีภารกิจพอดีและไม่ไว้ใจริวโนะสุเกะเลยติดสอยห้อยตามมาด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะคุณโคซากุระ ฉันจัดการคนเดียวได้”
“แล้วเสร็จจากที่นี่เธอจะขึ้นรถไฟกลับโตเกียวเลยใช่มั้ย” อายาเมะถาม
“ใช่ค่ะ”
“กลับเร็วจังแฮะ แต่ก็เข้าใจได้แหละเผื่อพวกเบื้องบนโยนงานมาให้อีก”
“ให้กางม่านให้เลยมั้ย” ริวโนะสุเกะถามอากาเนะที่ตอนนี้อยู่ข้างในโรงเรียนแล้ว
“งั้นรบกวนด้วยนะคะ”
“ปรากฏตัวจากความมืด มืดมนยิ่งกว่าความมืด จงปัดเป่าความโสมมให้สิ้นซาก”
ครืนนน~
“อากาเนะจัง ระวังตัวด้วยนะ~!”
“ค่าาาาา” อายาเมะอวยพรก่อนที่ม่านปกคลุมพื้นที่จนมิด ส่วนอากาเนะก็เดินเข้าไปสำรวจอาคารเรียนก่อนเป็นที่แรก
“เห็นแล้วรู้สึกคิดถึงวันนั้นเลยนะ” ระหว่างที่สำรวจอยู่ เรียวตะก็พูดทักขึ้นมา
“คิดถึงอะไร”
“ก็วันที่เจ้าลืมหนังสือที่โรงเรียนเก่าไง วันนั้นได้เจอทั้งอิตาโดริ ฟุชิงุโระแล้วก็โกโจ แล้วหลังจากนั้นก็ได้เข้ามาเรียนโรงเรียนไสยเวทเนี่ย”
“…ฮึๆนั่นสินะ อยู่ด้วยกันมาตั้งนานจนฉันนึกภาพตัวเองตอนที่ไม่ได้เจอพวกเขาไม่ออกเลยล่ะ” เด็กสาวหัวเราะคิกคัก ใครจะไปคิดล่ะว่าแค่ลืมหนังสือที่เป็นการบ้านแค่ครั้งเดียว ชีวิตจะกลับตาลปัตรไปอย่างสิ้นเชิงแต่ก็ทำให้เธอได้รู้จักทั้งเพื่อนๆ รุ่นพี่ อาจารย์ และผู้คนใหม่ๆอีก
“พี่สาว~~พี่สาวมาเล่นด้วยกัน—”
ฉับ!!
“โทษทีนะ แต่ว่าพี่สาวคนนี้ไม่มีเวลามาเล่นเนี่ยสิ” ในตอนนั้นเองก็มีวิญญาณคำสาประดับสามออกมาแต่อากาเนะกลับฟันมันทิ้งไปแบบอย่างไร้เยื่อใย “เพราะงั้นไปเล่นในโลกหลังความตายก่อนเนอะ”
“กร๊าซซซซ!!!!”
“?!!” ทันใดนั้นเองก็มีวิญญาณคำสาปขนาดมหึมาอยู่ตรงทางเดินอาคาร และเสียงร้องของมันก็โหยหวนจนกระจกทุกบานของอาคารแตกหมดรวมทั้งขนาดของมันยังทำอาคารเสียหายจนตัวอากาเนะปลิวขึ้นไปบนฟ้า เรียวตะเลยออกมาจากลูกแก้วแล้วรับอากาเนะไม่ให้ร่วงลงไปพร้อมทั้งพาส่งลงพื้น
“รอบนี้มาแบบไซส์ยักษ์เลยเหรอ” เรียวตะว่า
“ไหนๆคุณฮิโรโตะบอกว่าฉันมีเจตจำนงค์อะไรนั่นแล้ว ก็ขอลองใช้เลยละกัน” แล้วอากาเนะก็เก็บดาบเข้าฝักแล้วรวบรวมสมาธิและพลังไสยเวทเพื่อเตรียมจัดการคำสาปตนนั้น
‘…จากเด็กที่มีความมั่นใจติดลบกับวิชาน้ำแข็งพันปีแต่ตอนนี้กลับใช้ได้แบบเต็มประสิทธิภาพแล้ว มาไกลเหมือนกันนะเนี่ย’ ด้านยมทูตหนุ่มมองเด็กสาวก็ยิ้มในใจ ตั้งแต่วันที่เขาไปช่วยอากาเนะที่ยังเป็นเด็กน้อยที่กลัวไสยเวทของตัวเองตอนนี้เธอสามารถใช้มันได้อย่างเต็มที่ราวกับไม่เคยกลัวมาก่อน
อากาเนะในตอนนี้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นจนเขาอดรู้สึกปลื้มปริ่มไม่ได้ว่าเด็กปั้นของเขาโตขึ้นแล้ว
“กร๊าซซซซ!!” พอเจ้าคำสาปพุ่งมาหาสองคนนั้น อากาเนะก็ใช้ไสยเวทตัวเองจัดการมันทันที
“วิชาน้ำแข็งพันปี”
หวนคืนสู่โลกันตร์
ฉับ!!!
“กร๊าซซซซซซซซ!!!?” เจ้าคำสาปร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเมื่อมันถูกคมดาบจากท่าไม้ตายเมื่อครู่ปาดจนขาดครึ่งท่อนอีกทั้งโดนน้ำแข็งเคลื่อนตัวไปกัดกินร่างของมันจนสลายไปในที่สุด
ตู้ม!!
“?!” ม่านที่ถูกกางก็ถูกปลดออกเป็นสัญญาณบอกว่าภารกิจในวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว ทางอายาเมะกับริวโนะสุเกะเห็นว่าม่านถูกปลดแล้วก็ตาโตด้วยความตกใจผิดกับอากาเนะที่กลับมาหาพวกเขาด้วยความสบายใจเฉิบที่ทำภารกิจเสร็จซักที
“คุณอิชิดะ คุณโคซากุระ ฉันจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ”
“…ห๊ะ? เสร็จแล้วเหรอ” อายาเมะถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ
“ค่ะ”
“...” หญิงสาวได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าเลิกลั่ก เด็กสาวได้แต่ทำหน้างงว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรกัน ส่วนริวโนะสุเกะก็ถอนหายใจและบอกให้เด็กสาวไม่ต้องสนใจอายาเมะ
“ไม่ต้องไปสนใจหรอก แต่ขึ้นรถมาก่อนเดี๋ยวได้ตกรถกันพอดี”
.
.
.
สถานีรถไฟนางาโนะ
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะทั้งสองคน” พอทั้งสามคนมาที่สถานีรถไฟแล้ว อากาเนะโค้งหัวขอบคุณผู้ใหญ่ทั้งสองคน ก่อนที่จะถึงไม่กี่นาทีอายาเมะก็ขอแลกเบอร์โทรศัพท์กับเธอด้วยอีกทั้งยังได้เบอร์ของริวโนะสุเกะมาอีกคน
“ไหนๆก็แลกเบอร์กันแล้วมีปัญหาอะไรก็โทรมาได้นะ” อายาเมะพูด
“เดินทางปลอดภัยล่ะ” คนผมสีควันบุหรี่อวยพร
“ขอบคุณค่ะ งั้นไว้เจอกันใหม่นะคะ”
“บ๊ายบายนะอากาเนะจัง รักษาตัวด้วยนะะะะ” แม้เด็กสาวจะเดินจากไปแล้ว อายาเมะก็โบกมือตะโกนอวยพรต่อ พออีกฝ่ายได้ยินก็โบกมือกลับมาและเดินต่อ ส่วนอีกสองคนยังไม่กลับไปที่รถและพูดคุยกันนิดหน่อย
“…นี่ริวคุง”
“อะไร”
“นายไม่ตกใจเลยเหรอที่อากาเนะจังใช้เวลาไม่ถึง5นาทีทำภารกิจเสร็จน่ะ?”
“…” คำถามของหญิงสาวผมสีชานมทำเอาชายหนุ่มเงียบ เพราะตั้งแต่ที่พวกเขารออากาเนะทำภารกิจจนกระทั่งม่านถูกคลายพร้อมกับประโยคที่ว่าทำงานเสร็จแล้วของเด็กสาว
เธอใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีเลยด้วยซ้ำ
“…ฉันก็ตกใจเหมือนกันแต่ไม่ได้ออกอาการเหมือนเธอซักหน่อย”
“แถมไอคำสาปจากที่นั่นก็…”
“ระดับ 1 ถ้าเซ้นส์ของฉันไม่ผิดน่ะนะ” แต่พวกเขาจะไม่ตกใจไปมากกว่านี้ถ้าไม่ได้รู้สึกได้ถึงพลังงานวิญญาณคำสาประดับ 1 ที่อยู่ในโรงเรียนร้างนั้น
ซึ่งคำสาประดับ 1 ที่ว่านั่นคือเจ้าคำสาปยักษ์ที่อากาเนะใช้หวนคืนสู่โลกันตร์ปาดครั้งเดียวแล้วตายนั่นแหละ
ปัดเป่าคำสาปที่คาดว่าน่าจะอยู่ในระดับ 1 โดยใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที…
สเกลพลังของอากาเนะในตอนนี้ถือว่าไม่ใช่น้อยๆแล้ว
ครืดดด~!
“? เดี๋ยวมา” ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของริวโนะสุเกะที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสั่นขึ้นเนื่องจากเจ้าตัวเปิดระบบสั่น พอยกขึ้นมาดูก็พบว่ามีคนโทรมาเขาจึงแยกตัวอออกมาเพื่อไปรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล อิชิดะพูดครับ”
…
“อ้อจำได้ครับ อย่าบอกนะว่า?”
…
“…ฮึๆๆ ได้เร็วกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย”
…
“แค่ไม่คิดว่าพวกเบื้องบนจะจัดการให้เร็วขนาดนี้น่ะครับ พวกหัวโบราณคร่ำครึเส็งเคร็งพรรค์นั้นน่ะทำงานช้าจะตาย”
…
“เปล่าซักหน่อยวันนี้ผมอารมณ์ดีต่างหาก แต่ก็เข้าใจได้แหละถ้าเป็นระดับนี้มันต้องแยกไปอีก”
…
“ครับๆ ขอบคุณที่มาบอกกันนะครับคุณเมย์” แล้วริวโนะสุเกะก็กดวางสายไปโดยคนที่โทรมานั้นคือเมย์เมย์ที่ไปช่วยเรื่องที่เขาฝากมาเสร็จเรียบร้อย ถ้าถามว่าฝากเรื่องอะไรให้เมย์เมย์ช่วยน่ะเหรอ
ก็เรื่องเลื่อนระดับผู้ใช้คุณไสยของอากาเนะไง
“…หวังว่าจะชอบของขวัญที่ให้ไปนะ”
.
.
.
ชิบุย่า โตเกียว
‘ยังจะเที่ยวต่ออีกเหรอ…’
‘ไม่ได้ออกมาก็อย่าบ่นจ้า’ ทางด้านอากาเนะที่มาถึงโตเกียวได้ซักพักใหญ่แล้ว เธอก็ต่อรถไฟมาเที่ยวที่ชิบุย่าเป็นการฆ่าเวลาเนื่องจากเจ้าตัวยังไม่อยากกลับโรงเรียน ซึ่งเธอก็เที่ยวเล่นไปเรื่อยๆจนมาที่สถานีรถไฟแห่งหนึ่งโดยเธอก็ยืนรอให้รถไฟมา เรียวตะเห็นว่าเหมือนเด็กสาวอยากเที่ยวต่อก็บ่นแต่ก็โดนอากาเนะสวนกลับ
‘…รู้สึกหนักหัวแปลกๆ’ แต่ในตอนนั้นเองเธอก็รู้สึกว่าหัวตัวเองมันหนักแปลกๆจนเธอต้องเอาฝ่ามือแนบหน้าฝากแล้วหลับตาข่มความหนักอึ้ง
‘อากาเนะ? เกิดอะไรขึ้น’
‘ฉันไม่รู้ อยู่ๆหัวมันรู้สึกหนัก-’ พอเธอลืมตาขึ้นมาแล้วมองซ้ายมองขวาก็เจอกับสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มีรูปร่างเป็นแผ่นกล้ามเนื้อสีแดงและมีตาขนาดใหญ่มองมาทางเธอ เธอเลยหันหลังเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกมอง
“…อะไรวะเนี่ย-”
“ไงซาโตรุ ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“?!” แต่แล้วก็มีเสียงผู้มาใหม่ดังจากข้างหลัง ทำให้เธอต้องหันไปแล้วพบกับชายผมยาวสีดำและมีรอยเย็บที่หน้าผากในเครื่องแบบจีวรพระ
“ใครน่ะ?”
“?!! อากาเนะไอ้หมอนี่-!!”
หมับๆๆๆ!!!
“!?” แล้วสิ่งมีชีวิตนั้นก็พุ่งไปจับอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างหลังเธอ และพอเธอหันกลับไปดูอีกรอบก็พบกับภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นจนทั้งเธอและยมทูตหนุ่มร้องตกใจ
“โกโจ!!?”
“อาจารย์โกโจ!?!!” สิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าคือโกโจ ซาโตรุโดนสิ่งมีชีวิตสีแดงนั่นมาจับไว้ไม่ให้ขยับตัว เธอก็รีบเข้าไปจับสิ่งมีชีวิตนั่นแต่ผลที่ได้คือมือของเธอทะลุมันไปราวกับเป็นอากาศทำให้เธอช็อกมาก
“มือมันทะลุเฉยเลย…”
“โฮ่ยๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย…” เรียวตะที่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนก็รู้สึกช็อกไม่ต่างกัน
“ทำไมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยล่ะ” เท่านั้นยังไม่พอ เธอกลับไม่ได้ยินเสียงของชายปริศนาคนนั้นแล้วรวมถึงโกโจที่กำลังพูดกับอีกฝ่ายด้วย
“แต่เหมือนอาจารย์จะรู้จักคนๆนั้นเลยนะ”
“ไม่รู้จักก็แปลกแล้ว หมอนั่นคือเกะโท สุงุรุ เพื่อนสนิทของโกโจที่แยกทางไปเป็นนักสาปแช่งน่ะ” ยมทูตหนุ่มเอ่ยเสียงเครียด “แต่…เป็นไปได้ไง…ไอ้หมอนี่ตายไปเมื่อปีที่แล้วนะ”
“ห๊ะ!?” ประโยคของเรียวตะทำเอาอากาเนะช็อกรอบสอง “เดี๋ยว!? ที่บอกว่าตาย-!?”
“…” แต่ความพีครอบสามก็เข้ามาเมื่อเจ้าของชื่อที่ยมทูตหนุ่มเอ่ยออกมานั้น
เขาเปิดหัวตัวเองให้ดูสมองที่อยู่ข้างใน แถมตัวสมองนั้นก็มีปากอีก
“เรียวตะ…ฉันไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย…”
“สมองที่มีปาก…วิญญาณคำสาปที่สามารถสิงร่างใครก็ได้เหรอ”
“น่ากลัว…” จากเหตุการณ์ที่อากาเนะพยายามช่วยโกโจแต่ไม่เป็นผล ทำให้เธอรู้ว่าตัวเองไม่น่าจะช่วยอะไรได้เลยจึงได้แต่ยืนมองบทสนทนาไร้เสียงของสองหนุ่มด้วยความอึดอัดไปเรื่อยๆจนกระทั่งโกโจถูกผนึกเข้าไปในกล่องเล็กๆกล่องหนึ่ง ทำให้เธอรู้สึกเหม่อลอยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ว่าผู้ใช้คุณไสยที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างโกโจ ซาโตรุถูกเล่นงานจนเสียท่า
“นี่มัน…เลวร้ายสุดๆ”
หมับ!!
“นี่หนู เป็นอะไรมั้ย!”
“!?” แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงคนแก่ดังเข้าโสตประสาทและสัมผัสที่ไหล่ พอเธอหันไปมองก็เจอกับเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟที่เอามือจับไหล่เธอ ในสายตาของเจ้าหน้าที่คนนั้นเห็นว่าอากาเนะตอนนี้หน้าซีดหนักมากจึงเดินเข้าไปทักถามด้วยความเป็นห่วง
“หนูหน้าซีดมากเลย ไปหาหมอมั้ย”
“…” อากาเนะหายใจระรัวแล้วมองซ้ายมองขวา แต่ก็พบว่าที่สถานีรถไฟตอนนี้มันปกติดีทุกอย่างราวกับไม่เคยมีเหตุการณ์นั้นมาก่อน
“ขอโทษนะคะ…คือว่า…”
“?”
“เห็นผู้ชายผมสีดำยาวๆที่ใส่จีวรพระกับผู้ชายผมขาวตัวสูงๆมาแถวนี้บ้างมั้ยคะ”
“ไม่นะ ฉันเฝ้ามาตั้งนานยังไม่เจอเลย”
“…”
‘…อากาเนะ หาที่คุยกันเถอะ’ เหมือนเรียวตะจะรู้อะไรเข้าแล้วจึงบอกให้เด็กสาวหาที่คุยเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล เธอจึงโค้งตัวบอกลาเจ้าหน้าที่คนนั้นและออกจากสถานีรถไฟทันที
“ขอโทษที่รบกวนค่ะ ขอตัวนะคะ”
.
.
.
‘รู้อะไรมาใช่มั้ย’
‘ข้าคิดว่าใช่ แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นแบบเมื่อกี้มันน้อยมาก’ ตอนนี้อากาเนะก็ออกมาอยู่แถวรูปปั้นฮาจิโกะโดยเธอเสียบสายหูฟังกับโทรศัพท์แล้วเอาเข้าหูทำเหมือนตัวเองกำลังฟังเพลงแต่ที่จริงเธอคุยกับเรียวตะต่างหาก
‘ที่บอกว่าโอกาสเกิดน้อยมากนี่คือ?’
‘รู้ใช่มั้ยว่าถ้าเรามีเนตรยมทูต เราจะมองเห็นอนาคตได้’
‘รู้สิ แต่ปกติแล้วเนตรยมทูตเห็นมันจะฉายภาพอนาคตเข้ามาในหัวเราแค่แวบเดียวไม่ใช่เหรอ’ อากาเนะถามด้วยความสงสัย เพราะภาพที่เธอเห็นในสถานีรถไฟนั้นมันแตกต่างจากการมองเห็นอนาคตเหมือนอย่างทุกที
‘แต่ถ้าเกิดมีเหตุการณ์ในอนาคตที่เรียกได้ว่าแย่ที่สุดขึ้นมา จิตของเราจะโดนดึงให้ไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น พูดง่ายๆก็คือที่เราเห็นที่สถานีรถไฟนั่นคือเหตุการณ์ที่แย่ที่สุดแต่โอกาสที่เนตรยมทูตจะแสดงอนาคตออกมาในลักษณะแบบนี้ถือว่าน้อยมากๆ ที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าเพราะข้าก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดกับพวกเราจริงๆ’ ยมทูตหนุ่มพูดด้วยความวิตกกังวล ‘แต่…เอาจริงดิ…โกโจจะโดนเล่นงานจนพลาดท่าจริงเหรอ โกโจ ซาโตรุคนนั้นเนี่ยนะ?’
‘ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือเราบอกอาจารย์ไม่ได้แล้วว่าในอนาคตอาจารย์จะโดนอะไรไปบ้าง’ อากาเนะเองก็รู้สึกกังวลไม่ต่างกัน ‘ถ้าอาจารย์โดนผนึก…พวกคำสาปได้อะลาวาดกันหนำใจแน่เพราะศัตรูตัวฉกาจของพวกมันต่อสู้ไม่ได้แล้ว’
‘ยมโลกได้ทำงานหนักกว่าเดิมด้วย เพราะมีคนตายจากคำสาปอีก’
“...” แล้วทั้งสองคนก็เงียบไม่พูดอะไรราวกับจมอยู่ในความคิดตัวเองไปพักใหญ่ จนกระทั่งอากาเนะเปิดจอโทรศัพท์แล้วกดโทรหาใครบางคน
‘อากาเนะ?’
“...ฮัลโหลค่ะคุณปู่ ว่างคุยมั้ยคะ” ซึ่งคนที่เธอโทรไปหาก็คือเซย์จินั่นเอง
“โอ้ อากาเนะเองเหรอ ปู่ว่างคุยนะมีอะไรรึเปล่า”
“คือเรื่องผู้นำตระกูลบ้านเรา หนูคิดได้แล้วนะคะ”
“?!” คนปลายสายได้ยินก็อึ้งไปชั่วขณะ “…แล้ว…หลานว่ายังไง”
“คือหนู…”
.
.
.
ณ โรงเรียนไสยเวทโตเกียว
“นี่อากาเนะ” หลังจากที่อากาเนะคุยกับปู่ของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็กลับมาที่โรงเรียนเนื่องจากไม่มีอารมณ์จะเที่ยวต่อแล้ว ระหว่างที่จะกลับไปที่ห้องเรียวตะก็ชวนคุย
“หือ?”
“ที่บอกเซย์จิไปน่ะ คิดดีแล้วใช่มั้ย”
“…คิดดีแล้วล่ะ”
“โอยะ? กลับมาแล้วเหรออากาเนะ ยินดีต้อนรับกลับนะ”
“…” แต่ในตอนนั้นเองก็มีคนทักเธอพอดี ซึ่งคนที่ทักนั้นคือโกโจนั่นเอง ทว่าภาพโกโจโดนผนึกที่เธอเห็นมันซ้อนทับเข้ามาทำให้เธอพูดอะไรไม่ออกจนคนทักเกิดความสงสัยขึ้นมาเลยเดินไปหา
“อากาเนะ? ฮัลโหลครับ? เหม่อรึเปล่าเนี่ย”
“!? ขอโทษค่ะอาจารย์ เมื่อกี้เหม่ออยู่ค่ะ” อากาเนะพูดขอโทษ
“งั้นเหรอ อ้อจริงสิ ผมมีเรื่องจะมาบอกเธอด้วย”
“?” ประโยคของอาจารย์ผมขาวทำเอาเด็กสาวเอียงคอทำหน้างง ระหว่างนั้นเขาก็ควานหาของในกระเป๋าไปด้วย
“เธอได้เลื่อนระดับผู้ใช้คุณไสยแล้วนะครับ ที่จริงผมจะให้คุณเมย์ช่วยเสนอชื่อเธอให้อยู่ระดับ 1 แต่ดูเหมือนจะมีคนตัดหน้าผมแล้วเสนอชื่อเธอให้ไปอยู่ระดับอื่นแทน เอ้านี่ บัตรนักเรียนอันใหม่ของเธอ” ชายหนุ่มยื่นบัตรนักเรียนอันใหม่มาให้อีกฝ่าย
“แล้วบัตรนักเรียนอันเก่า-?!” อากาเนะที่กำลังถามถึงบัตรนักเรียนอันเก่าก็ไปเห็นระดับผู้ใช้คุณไสยของตัวเองที่เขียนอยู่บนบัตรใหม่ก็ตาโตเท่าไข่ห่านแล้วมองหน้าโกโจสลับกับบัตรนักเรียนของตัวเอง
“อาจารย์คะ เขาเขียนผิดรึเปล่า”
“ถามเหมือนกันกับผมเลย แต่พวกเบื้องบนเขาบอกว่ามีผู้ใช้คุณไสยเสนอให้เธออยู่ระดับนี้ ทางนั้นเองก็เห็นด้วยก็เลยได้ระดับตามที่เห็นนี่แหละ”
“อะไรอะ ข้าขอดูด้วยสิ” เรียวตะที่อยู่ในลูกแก้วพูด อากาเนะเลยเอาลูกแก้วออกมาและเอาบัตรนักเรียนมาไว้ใกล้ๆ
“ตะกี้พูดว่าระดับผู้ใช้-ห๊ะ?!!!!” พอยมทูตเห็นแล้วก็ร้องออกมาเสียงดัง เพราะว่าระดับผู้คุณไสยที่อากาเนะได้นั้น
“เดี๋ยว!? ระดับพิเศษเลยเหรอ!!” ก็คือระดับพิเศษที่อยู่เหนือกว่าระดับอื่นๆและผู้ที่ได้รับการลงลงทะเบียนในปัจจุบันมีแค่ 4 คนเอง!
“ตามนั้นแหละครับ อย่าบอกนะว่าเธอเองก็คิดไม่ถึงน่ะ?” โกโจถาม
“ก็…อืม…ตอนแรกข้าก็คิดว่าความสามารถของอากาเนะจะสุดอยู่ที่ระดับ 1 แต่พอมานึกๆอีกที…” แล้วเรียวตะไม่พูดอะไรต่อเป็นการละเว้นในฐานที่เข้าใจ เพราะอากาเนะในตอนนี้ถึงจะไม่ได้เก่งเทียบเท่าโกโจ แต่ก็เรียกได้ว่าพลังที่เธอมีอยู่ก็เรียกได้ว่าโกงแล้ว
“แต่ฉันว่าถ้าเทียบกับระดับพิเศษคนอื่นๆแล้วฉันน่าจะอ่อนสุดเลยมั้ง” เด็กสาวออกความเห็น
“อันนี้ผมเห็นด้วยนะ”
“แหงะ!?” ประโยคของคนเป็นอาจารย์ทำเอาเธอรู้สึกแทงใจดำอย่างจัง แต่ก็เป็นความจริงอยู่ดีที่ถ้าเทียบกับระดับพิเศษคนอื่นๆแล้วเธออยู่ระดับอ่อนสุดเลย
“พูดงี้ก็สวยสิ เดี๋ยวข้ากับแม่จะปั้นอากาเนะให้เก่งกว่าเจ้าให้ได้เลยคอยดู” เรียวตะพูดด้วยความมุ่งมั่นเพราะประโยคของโกโจมันทำให้เขารู้สึกโดนหยามอย่างบอกไม่ถูก และในฐานะอาจารย์อีกคนของเด็กคนนี้เขาจะต้องฝึกให้เธอเป็นผู้ใช้คุณไสยที่เก่งกาจให้ได้
“เห~ ผมจะรอดูนะ งั้นผมไปก่อนล่ะ” แล้วโกโจก็เดินจากไป ส่วนอากาเนะก็กลับไปที่ห้องตัวเอง พอถึงห้องแล้วเธอก็ทิ้งตัวลงนอนกับเตียงทันที
“…นี่เรียวตะ”
“หือ?”
“คนที่ใส่จีวรพระที่เราเจอ นายบอกว่าเขาเป็นเพื่อนอาจารย์โกโจที่แยกทางไปเป็นนักสาปแช่งใช่มั้ย”
“…” ประโยคของคำถามของอากาเนะทำให้ห้องตกอยู่ในความเงียบ “…ก็ใช่”
“ถ้าเกิดว่าเพื่อนอาจารย์คนนั้นไม่ได้ไปเป็นนักสาปแช่งแล้วยังเป็นผู้ใช้คุณไสยอยู่ นายว่า…มันจะเป็นยังไงเหรอ”
“ก็คงจะต่างจากปัจจุบันที่เราอยู่กันตอนนี้นั่นแหละ…” เรียวตะตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “สิ่งที่ข้ามั่นใจก็คงจะเป็นถ้าเกะโทนั่นยังอยู่ โกโจก็คงจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนทุกวันนี้ แล้วก็…”
“…”
“หมอนั่น…ก็คงจะมีความสุขมากกว่านี้”
“…รู้สึกเจ็บใจชะมัดที่พวกเราเห็นอนาคตแล้วบอกใครไม่ได้” อากาเนะว่า “ถึงบอกไปก็ไม่น่ามีใครเชื่อ เพราะคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เป็นอาจารย์โกโจ”
“ถ้าเกิดเนตรยมทูตเอาภาพอนาคตมาให้พวกเราดูแปลว่าเราหลีกหนีความจริงนี้ไม่ได้แล้วล่ะ”
“เฮ้อออออ” แล้วทั้งสองคนก็ถอนหายใจยาวออกมาพร้อมกันและจมอยู่กับความคิดตัวเองไป
‘ระดับพิเศษ…เหรอ’ เด็กสาวมองบัตรนักเรียนใบใหม่ของเธอด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งดีใจที่ตนได้เลื่อนระดับซักทีและกังวลกับระดับที่ตัวเองได้นั้นคนที่ได้ต้องพิเศษตามชื่อและมีพลังมากพอที่จะทำลายประเทศๆหนึ่งได้เลย
แต่ถ้าเธอจำไม่ผิด มีนักเรียนอยู่คนนึงที่มียศเป็นผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษตั้งแต่เข้าเรียน แถมปัจจุบันยังเป็นรุ่นพี่ปีสองของโรงเรียนไสยเวทโตเกียวอีกและชื่อของรุ่นพี่คนนั้นก็คือ
อคคทสึ ยูตะ
.
.
.
ในเวลาเดียวกัน ที่แอฟริกา
ติ๊ง!
“?” ในเวลาเดียวกันที่ประเทศแอฟริกา มีร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงจากเสียงแจ้งเตือนเมื่อครู่ พอเขาเปิดหน้าจอก็พบว่ามีคนส่งข้อความมาหาเลยกดเข้าไปคุย โดยในแชทนั้นคนที่ส่งข้อความมานั้นก็ได้ส่งภาพๆหนึ่งมาให้ดูพร้อมกับส่งข้อความมาอีกว่า ถึงจะเคยบอกไปแล้วแต่ก็ฝากเด็กคนนี้อีกคนด้วยนะ
“ฟุบูกิ อากาเนะ…เหรอ” เขาอ่านชื่อที่เขียนบนบัตรด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าคนที่เป็นเจ้าของบัตรนี้ไปทำยังไงให้ตัวเองได้อยู่ระดับพิเศษกันเพราะในภาพนั้นคือภาพบัตรนักเรียนของอากาเนะที่ได้รับลงทะเบียนเป็นผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษคนที่ 5
เด็กหนุ่มเรือนผมสีดำแสกข้าง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มและมีขอบตาคล้ำเล็กน้อยในเสื้อยูนิฟอร์มสีขาวผู้เป็นเจ้าของโทรศัพท์ก็เก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋าแล้วไปทำภารกิจของตัวเองต่อ
ผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษ นักเรียนปีสองแห่งโรงเรียนไสยเวทโตเกียว
อคคทสึ ยูตะ
.
.
.
To be continued in season 2
Talkๆ desu : finally เราก็มาถึงตอนจบของฟิคเรื่องนี้แล้วค่ะ (ไหนบอก2-3ตอนจบไง๊!!!?) ตอนแรกก็ตั้งใจจะสองสามตอนจบนั่นแหละแต่เรากลัวว่าตัวเองจะทำให้ยืดกว่าเดิมก็เลยตัดจบในตอนนี้ซะเลย (ตัดจบแบบน้อนรู้อนาคตไม่พอ มีเปิดตัวพี่ยูตะอีก555555555)
เอาจริงก็แอบใจหายเหมือนกันนะที่ฟิคเรื่องนี้จบแล้ว
แต่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เนื่องจากยังมีปมอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้คลายรวมถึงอนิเมะจจส.ซีซั่น2 ที่อยู่ช่วงท้ายๆแล้วด้วยนั้น
เราจะไม่มีซีซั่น 2 มันก็ยังไงๆอยู่นะ555555555555
ขอประกาศอย่างเป็นทางการว่าฟิคเรื่องนี้จะมีซีซั่น 2 ต่อค่ะ แต่ขอพักช่วงไปคิดพล็อตก่อนนะคะ
ตามที่สัญญาไปว่าถ้าถึงตอนจบแล้ว เราจะมีตอนพิเศษต่อแต่ก่อนจะมีตอนพิเศษเราจะมีตอนq&aให้ทุกคนถามกันเข้ามา เพราะงั้นเม้นกันเข้ามาถามได้เลยนะคะ จะหนึ่งคนหนึ่งคำถามหรือหนึ่งคนหลายคำถามก็ถามเข้ามาได้นะคะเราอยากเล่นมากเลย //กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์งามๆ
สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณทุกคนสำหรับสามปีที่ผ่านมา เราไม่คิดว่าฟิคของเราจะมีคนอ่านถึงหลักหมื่นด้วยซ้ำ แล้วก็มีคอมเม้นทุกๆคอมเม้นที่เป็นกำลังใจให้เราแต่งมาจนถึงตอนจบซักที
เราจะได้ทำตอนq&a มั้ยนี่ขึ้นอยู่กับคอมเม้นจริงๆ ถ้าไม่มีคนถามก็คงต้องต่อตอนพิเศษเลย เราจะรออ่านเม้นทุกคนอยู่นะคะ
เจอกันในq&aกับตอนพิเศษค่าาาาาาาาา บ๊ายบายยยยยยยยยยยยย
Twitter : @bdm1228
Bluesky :https://bsky.app/profile/bdm1228.bsky.social
ความคิดเห็น