NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ss1+2+3) | Fic Jujutsu Kaisen x OC | The Grim reaper eye

    ลำดับตอนที่ #38 : The beginning of the end (จบซีซั่น 1)

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 67


    08:43 น.

    ณ โรงเรียนร้างแห่งหนึ่งในนางาโนะ


    “ปัดเป่าคนเดียวไหวใช่มั้ย”

    “ไหวค่ะคุณอิชิดะ เคยทำภารกิจคนเดียวมา2 รอบแล้ว” เช้าวันต่อมา อากาเนะก็มาทำภารกิจปัดเป่าคำสาปที่โรงเรียนร้างตามที่โกโจฝากมาโดยเธอได้อิชิดะขับรถมาส่งให้


    แถมเธอไม่ได้มาคนเดียว


    “ถ้าริวคุงกังวลขนาดนั้นก็ไปช่วยอากาเนะจังเลยสิ” ยังมีอายาเมะมาช่วยดูแลอีกคนเนื่องจากเจ้าตัวว่างไม่มีภารกิจพอดีและไม่ไว้ใจริวโนะสุเกะเลยติดสอยห้อยตามมาด้วย

    “ไม่เป็นไรค่ะคุณโคซากุระ ฉันจัดการคนเดียวได้” 

    “แล้วเสร็จจากที่นี่เธอจะขึ้นรถไฟกลับโตเกียวเลยใช่มั้ย” อายาเมะถาม

    “ใช่ค่ะ”

    “กลับเร็วจังแฮะ แต่ก็เข้าใจได้แหละเผื่อพวกเบื้องบนโยนงานมาให้อีก”

    “ให้กางม่านให้เลยมั้ย” ริวโนะสุเกะถามอากาเนะที่ตอนนี้อยู่ข้างในโรงเรียนแล้ว

    “งั้นรบกวนด้วยนะคะ” 

    “ปรากฏตัวจากความมืด มืดมนยิ่งกว่าความมืด จงปัดเป่าความโสมมให้สิ้นซาก”

     

    ครืนนน~

     

    “อากาเนะจัง ระวังตัวด้วยนะ~!”

    “ค่าาาาา” อายาเมะอวยพรก่อนที่ม่านปกคลุมพื้นที่จนมิด ส่วนอากาเนะก็เดินเข้าไปสำรวจอาคารเรียนก่อนเป็นที่แรก

    “เห็นแล้วรู้สึกคิดถึงวันนั้นเลยนะ” ระหว่างที่สำรวจอยู่ เรียวตะก็พูดทักขึ้นมา

    “คิดถึงอะไร”

    “ก็วันที่เจ้าลืมหนังสือที่โรงเรียนเก่าไง วันนั้นได้เจอทั้งอิตาโดริ ฟุชิงุโระแล้วก็โกโจ แล้วหลังจากนั้นก็ได้เข้ามาเรียนโรงเรียนไสยเวทเนี่ย”

    “…ฮึๆนั่นสินะ อยู่ด้วยกันมาตั้งนานจนฉันนึกภาพตัวเองตอนที่ไม่ได้เจอพวกเขาไม่ออกเลยล่ะ” เด็กสาวหัวเราะคิกคัก ใครจะไปคิดล่ะว่าแค่ลืมหนังสือที่เป็นการบ้านแค่ครั้งเดียว ชีวิตจะกลับตาลปัตรไปอย่างสิ้นเชิงแต่ก็ทำให้เธอได้รู้จักทั้งเพื่อนๆ รุ่นพี่ อาจารย์ และผู้คนใหม่ๆอีก

    “พี่สาว~~พี่สาวมาเล่นด้วยกัน—”


    ฉับ!!


    “โทษทีนะ แต่ว่าพี่สาวคนนี้ไม่มีเวลามาเล่นเนี่ยสิ” ในตอนนั้นเองก็มีวิญญาณคำสาประดับสามออกมาแต่อากาเนะกลับฟันมันทิ้งไปแบบอย่างไร้เยื่อใย “เพราะงั้นไปเล่นในโลกหลังความตายก่อนเนอะ”

    “กร๊าซซซซ!!!!”

    “?!!” ทันใดนั้นเองก็มีวิญญาณคำสาปขนาดมหึมาอยู่ตรงทางเดินอาคาร และเสียงร้องของมันก็โหยหวนจนกระจกทุกบานของอาคารแตกหมดรวมทั้งขนาดของมันยังทำอาคารเสียหายจนตัวอากาเนะปลิวขึ้นไปบนฟ้า เรียวตะเลยออกมาจากลูกแก้วแล้วรับอากาเนะไม่ให้ร่วงลงไปพร้อมทั้งพาส่งลงพื้น

    “รอบนี้มาแบบไซส์ยักษ์เลยเหรอ” เรียวตะว่า

    “ไหนๆคุณฮิโรโตะบอกว่าฉันมีเจตจำนงค์อะไรนั่นแล้ว ก็ขอลองใช้เลยละกัน” แล้วอากาเนะก็เก็บดาบเข้าฝักแล้วรวบรวมสมาธิและพลังไสยเวทเพื่อเตรียมจัดการคำสาปตนนั้น

    ‘…จากเด็กที่มีความมั่นใจติดลบกับวิชาน้ำแข็งพันปีแต่ตอนนี้กลับใช้ได้แบบเต็มประสิทธิภาพแล้ว มาไกลเหมือนกันนะเนี่ย’ ด้านยมทูตหนุ่มมองเด็กสาวก็ยิ้มในใจ ตั้งแต่วันที่เขาไปช่วยอากาเนะที่ยังเป็นเด็กน้อยที่กลัวไสยเวทของตัวเองตอนนี้เธอสามารถใช้มันได้อย่างเต็มที่ราวกับไม่เคยกลัวมาก่อน


    อากาเนะในตอนนี้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นจนเขาอดรู้สึกปลื้มปริ่มไม่ได้ว่าเด็กปั้นของเขาโตขึ้นแล้ว


    “กร๊าซซซซ!!” พอเจ้าคำสาปพุ่งมาหาสองคนนั้น อากาเนะก็ใช้ไสยเวทตัวเองจัดการมันทันที

    “วิชาน้ำแข็งพันปี”

    หวนคืนสู่โลกันตร์

    ฉับ!!!

    “กร๊าซซซซซซซซ!!!?” เจ้าคำสาปร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเมื่อมันถูกคมดาบจากท่าไม้ตายเมื่อครู่ปาดจนขาดครึ่งท่อนอีกทั้งโดนน้ำแข็งเคลื่อนตัวไปกัดกินร่างของมันจนสลายไปในที่สุด

    ตู้ม!!

    “?!” ม่านที่ถูกกางก็ถูกปลดออกเป็นสัญญาณบอกว่าภารกิจในวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว ทางอายาเมะกับริวโนะสุเกะเห็นว่าม่านถูกปลดแล้วก็ตาโตด้วยความตกใจผิดกับอากาเนะที่กลับมาหาพวกเขาด้วยความสบายใจเฉิบที่ทำภารกิจเสร็จซักที

    “คุณอิชิดะ คุณโคซากุระ ฉันจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ”

    “…ห๊ะ? เสร็จแล้วเหรอ” อายาเมะถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ

    “ค่ะ”

    “...” หญิงสาวได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าเลิกลั่ก เด็กสาวได้แต่ทำหน้างงว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรกัน ส่วนริวโนะสุเกะก็ถอนหายใจและบอกให้เด็กสาวไม่ต้องสนใจอายาเมะ

    “ไม่ต้องไปสนใจหรอก แต่ขึ้นรถมาก่อนเดี๋ยวได้ตกรถกันพอดี”

     

     

     


    .

    .

    .

    สถานีรถไฟนางาโนะ

    “ขอบคุณที่มาส่งนะคะทั้งสองคน” พอทั้งสามคนมาที่สถานีรถไฟแล้ว อากาเนะโค้งหัวขอบคุณผู้ใหญ่ทั้งสองคน ก่อนที่จะถึงไม่กี่นาทีอายาเมะก็ขอแลกเบอร์โทรศัพท์กับเธอด้วยอีกทั้งยังได้เบอร์ของริวโนะสุเกะมาอีกคน

    “ไหนๆก็แลกเบอร์กันแล้วมีปัญหาอะไรก็โทรมาได้นะ” อายาเมะพูด

    “เดินทางปลอดภัยล่ะ” คนผมสีควันบุหรี่อวยพร

    “ขอบคุณค่ะ งั้นไว้เจอกันใหม่นะคะ” 

    “บ๊ายบายนะอากาเนะจัง รักษาตัวด้วยนะะะะ” แม้เด็กสาวจะเดินจากไปแล้ว อายาเมะก็โบกมือตะโกนอวยพรต่อ พออีกฝ่ายได้ยินก็โบกมือกลับมาและเดินต่อ ส่วนอีกสองคนยังไม่กลับไปที่รถและพูดคุยกันนิดหน่อย

    “…นี่ริวคุง”

    “อะไร”

    “นายไม่ตกใจเลยเหรอที่อากาเนะจังใช้เวลาไม่ถึง5นาทีทำภารกิจเสร็จน่ะ?”

    “…” คำถามของหญิงสาวผมสีชานมทำเอาชายหนุ่มเงียบ เพราะตั้งแต่ที่พวกเขารออากาเนะทำภารกิจจนกระทั่งม่านถูกคลายพร้อมกับประโยคที่ว่าทำงานเสร็จแล้วของเด็กสาว

    เธอใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีเลยด้วยซ้ำ

    “…ฉันก็ตกใจเหมือนกันแต่ไม่ได้ออกอาการเหมือนเธอซักหน่อย”

    “แถมไอคำสาปจากที่นั่นก็…”

    “ระดับ 1 ถ้าเซ้นส์ของฉันไม่ผิดน่ะนะ” แต่พวกเขาจะไม่ตกใจไปมากกว่านี้ถ้าไม่ได้รู้สึกได้ถึงพลังงานวิญญาณคำสาประดับ 1 ที่อยู่ในโรงเรียนร้างนั้น

    ซึ่งคำสาประดับ 1 ที่ว่านั่นคือเจ้าคำสาปยักษ์ที่อากาเนะใช้หวนคืนสู่โลกันตร์ปาดครั้งเดียวแล้วตายนั่นแหละ

    ปัดเป่าคำสาปที่คาดว่าน่าจะอยู่ในระดับ 1 โดยใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที…

    สเกลพลังของอากาเนะในตอนนี้ถือว่าไม่ใช่น้อยๆแล้ว

     

    ครืดดด~!

     

    “? เดี๋ยวมา” ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของริวโนะสุเกะที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสั่นขึ้นเนื่องจากเจ้าตัวเปิดระบบสั่น พอยกขึ้นมาดูก็พบว่ามีคนโทรมาเขาจึงแยกตัวอออกมาเพื่อไปรับโทรศัพท์

    “ฮัลโหล อิชิดะพูดครับ”

    “อ้อจำได้ครับ อย่าบอกนะว่า?”

    “…ฮึๆๆ ได้เร็วกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย”

    “แค่ไม่คิดว่าพวกเบื้องบนจะจัดการให้เร็วขนาดนี้น่ะครับ พวกหัวโบราณคร่ำครึเส็งเคร็งพรรค์นั้นน่ะทำงานช้าจะตาย”

    “เปล่าซักหน่อยวันนี้ผมอารมณ์ดีต่างหาก แต่ก็เข้าใจได้แหละถ้าเป็นระดับนี้มันต้องแยกไปอีก”

    “ครับๆ ขอบคุณที่มาบอกกันนะครับคุณเมย์” แล้วริวโนะสุเกะก็กดวางสายไปโดยคนที่โทรมานั้นคือเมย์เมย์ที่ไปช่วยเรื่องที่เขาฝากมาเสร็จเรียบร้อย ถ้าถามว่าฝากเรื่องอะไรให้เมย์เมย์ช่วยน่ะเหรอ


    ก็เรื่องเลื่อนระดับผู้ใช้คุณไสยของอากาเนะไง


    “…หวังว่าจะชอบของขวัญที่ให้ไปนะ”

     

     

     




    .

    .

    .

    ชิบุย่า โตเกียว

    ‘ยังจะเที่ยวต่ออีกเหรอ…’

    ‘ไม่ได้ออกมาก็อย่าบ่นจ้า’ ทางด้านอากาเนะที่มาถึงโตเกียวได้ซักพักใหญ่แล้ว เธอก็ต่อรถไฟมาเที่ยวที่ชิบุย่าเป็นการฆ่าเวลาเนื่องจากเจ้าตัวยังไม่อยากกลับโรงเรียน ซึ่งเธอก็เที่ยวเล่นไปเรื่อยๆจนมาที่สถานีรถไฟแห่งหนึ่งโดยเธอก็ยืนรอให้รถไฟมา เรียวตะเห็นว่าเหมือนเด็กสาวอยากเที่ยวต่อก็บ่นแต่ก็โดนอากาเนะสวนกลับ

    ‘…รู้สึกหนักหัวแปลกๆ’ แต่ในตอนนั้นเองเธอก็รู้สึกว่าหัวตัวเองมันหนักแปลกๆจนเธอต้องเอาฝ่ามือแนบหน้าฝากแล้วหลับตาข่มความหนักอึ้ง

    ‘อากาเนะ? เกิดอะไรขึ้น’

    ‘ฉันไม่รู้ อยู่ๆหัวมันรู้สึกหนัก-’ พอเธอลืมตาขึ้นมาแล้วมองซ้ายมองขวาก็เจอกับสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มีรูปร่างเป็นแผ่นกล้ามเนื้อสีแดงและมีตาขนาดใหญ่มองมาทางเธอ เธอเลยหันหลังเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกมอง

    “…อะไรวะเนี่ย-”

    ไงซาโตรุ ไม่เจอกันนานเลยนะ

    “?!” แต่แล้วก็มีเสียงผู้มาใหม่ดังจากข้างหลัง ทำให้เธอต้องหันไปแล้วพบกับชายผมยาวสีดำและมีรอยเย็บที่หน้าผากในเครื่องแบบจีวรพระ

    “ใครน่ะ?”

    “?!! อากาเนะไอ้หมอนี่-!!”


    หมับๆๆๆ!!!


    “!?” แล้วสิ่งมีชีวิตนั้นก็พุ่งไปจับอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างหลังเธอ และพอเธอหันกลับไปดูอีกรอบก็พบกับภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นจนทั้งเธอและยมทูตหนุ่มร้องตกใจ

    โกโจ!!?”

    อาจารย์โกโจ!?!!” สิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าคือโกโจ ซาโตรุโดนสิ่งมีชีวิตสีแดงนั่นมาจับไว้ไม่ให้ขยับตัว เธอก็รีบเข้าไปจับสิ่งมีชีวิตนั่นแต่ผลที่ได้คือมือของเธอทะลุมันไปราวกับเป็นอากาศทำให้เธอช็อกมาก

    “มือมันทะลุเฉยเลย…”

    “โฮ่ยๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย…” เรียวตะที่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนก็รู้สึกช็อกไม่ต่างกัน

    “ทำไมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยล่ะ” เท่านั้นยังไม่พอ เธอกลับไม่ได้ยินเสียงของชายปริศนาคนนั้นแล้วรวมถึงโกโจที่กำลังพูดกับอีกฝ่ายด้วย

    “แต่เหมือนอาจารย์จะรู้จักคนๆนั้นเลยนะ”

    “ไม่รู้จักก็แปลกแล้ว หมอนั่นคือเกะโท สุงุรุ เพื่อนสนิทของโกโจที่แยกทางไปเป็นนักสาปแช่งน่ะ” ยมทูตหนุ่มเอ่ยเสียงเครียด “แต่…เป็นไปได้ไง…ไอ้หมอนี่ตายไปเมื่อปีที่แล้วนะ”

    “ห๊ะ!?” ประโยคของเรียวตะทำเอาอากาเนะช็อกรอบสอง “เดี๋ยว!? ที่บอกว่าตาย-!?”

    “…” แต่ความพีครอบสามก็เข้ามาเมื่อเจ้าของชื่อที่ยมทูตหนุ่มเอ่ยออกมานั้น

     

    เขาเปิดหัวตัวเองให้ดูสมองที่อยู่ข้างใน แถมตัวสมองนั้นก็มีปากอีก

     

    “เรียวตะ…ฉันไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย…”

    “สมองที่มีปาก…วิญญาณคำสาปที่สามารถสิงร่างใครก็ได้เหรอ”

    “น่ากลัว…” จากเหตุการณ์ที่อากาเนะพยายามช่วยโกโจแต่ไม่เป็นผล ทำให้เธอรู้ว่าตัวเองไม่น่าจะช่วยอะไรได้เลยจึงได้แต่ยืนมองบทสนทนาไร้เสียงของสองหนุ่มด้วยความอึดอัดไปเรื่อยๆจนกระทั่งโกโจถูกผนึกเข้าไปในกล่องเล็กๆกล่องหนึ่ง ทำให้เธอรู้สึกเหม่อลอยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

    ว่าผู้ใช้คุณไสยที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างโกโจ ซาโตรุถูกเล่นงานจนเสียท่า

    “นี่มัน…เลวร้ายสุดๆ”


    หมับ!!


    “นี่หนู เป็นอะไรมั้ย!” 

    “!?” แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงคนแก่ดังเข้าโสตประสาทและสัมผัสที่ไหล่ พอเธอหันไปมองก็เจอกับเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟที่เอามือจับไหล่เธอ ในสายตาของเจ้าหน้าที่คนนั้นเห็นว่าอากาเนะตอนนี้หน้าซีดหนักมากจึงเดินเข้าไปทักถามด้วยความเป็นห่วง

    “หนูหน้าซีดมากเลย ไปหาหมอมั้ย”

    “…” อากาเนะหายใจระรัวแล้วมองซ้ายมองขวา แต่ก็พบว่าที่สถานีรถไฟตอนนี้มันปกติดีทุกอย่างราวกับไม่เคยมีเหตุการณ์นั้นมาก่อน

    “ขอโทษนะคะ…คือว่า…”

    “?”

    “เห็นผู้ชายผมสีดำยาวๆที่ใส่จีวรพระกับผู้ชายผมขาวตัวสูงๆมาแถวนี้บ้างมั้ยคะ”

    “ไม่นะ ฉันเฝ้ามาตั้งนานยังไม่เจอเลย”

    “…”

    ‘…อากาเนะ หาที่คุยกันเถอะ’ เหมือนเรียวตะจะรู้อะไรเข้าแล้วจึงบอกให้เด็กสาวหาที่คุยเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล เธอจึงโค้งตัวบอกลาเจ้าหน้าที่คนนั้นและออกจากสถานีรถไฟทันที

    “ขอโทษที่รบกวนค่ะ ขอตัวนะคะ”

     

     

     



    .

    .

    .

    ‘รู้อะไรมาใช่มั้ย’

    ‘ข้าคิดว่าใช่ แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นแบบเมื่อกี้มันน้อยมาก’ ตอนนี้อากาเนะก็ออกมาอยู่แถวรูปปั้นฮาจิโกะโดยเธอเสียบสายหูฟังกับโทรศัพท์แล้วเอาเข้าหูทำเหมือนตัวเองกำลังฟังเพลงแต่ที่จริงเธอคุยกับเรียวตะต่างหาก

    ‘ที่บอกว่าโอกาสเกิดน้อยมากนี่คือ?’

    ‘รู้ใช่มั้ยว่าถ้าเรามีเนตรยมทูต เราจะมองเห็นอนาคตได้’

    ‘รู้สิ แต่ปกติแล้วเนตรยมทูตเห็นมันจะฉายภาพอนาคตเข้ามาในหัวเราแค่แวบเดียวไม่ใช่เหรอ’ อากาเนะถามด้วยความสงสัย เพราะภาพที่เธอเห็นในสถานีรถไฟนั้นมันแตกต่างจากการมองเห็นอนาคตเหมือนอย่างทุกที

    ‘แต่ถ้าเกิดมีเหตุการณ์ในอนาคตที่เรียกได้ว่าแย่ที่สุดขึ้นมา จิตของเราจะโดนดึงให้ไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น พูดง่ายๆก็คือที่เราเห็นที่สถานีรถไฟนั่นคือเหตุการณ์ที่แย่ที่สุดแต่โอกาสที่เนตรยมทูตจะแสดงอนาคตออกมาในลักษณะแบบนี้ถือว่าน้อยมากๆ ที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าเพราะข้าก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดกับพวกเราจริงๆ’ ยมทูตหนุ่มพูดด้วยความวิตกกังวล ‘แต่…เอาจริงดิ…โกโจจะโดนเล่นงานจนพลาดท่าจริงเหรอ โกโจ ซาโตรุคนนั้นเนี่ยนะ?’

    ‘ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือเราบอกอาจารย์ไม่ได้แล้วว่าในอนาคตอาจารย์จะโดนอะไรไปบ้าง’ อากาเนะเองก็รู้สึกกังวลไม่ต่างกัน ‘ถ้าอาจารย์โดนผนึก…พวกคำสาปได้อะลาวาดกันหนำใจแน่เพราะศัตรูตัวฉกาจของพวกมันต่อสู้ไม่ได้แล้ว’

    ‘ยมโลกได้ทำงานหนักกว่าเดิมด้วย เพราะมีคนตายจากคำสาปอีก’

    “...” แล้วทั้งสองคนก็เงียบไม่พูดอะไรราวกับจมอยู่ในความคิดตัวเองไปพักใหญ่ จนกระทั่งอากาเนะเปิดจอโทรศัพท์แล้วกดโทรหาใครบางคน

    ‘อากาเนะ?’

    “...ฮัลโหลค่ะคุณปู่ ว่างคุยมั้ยคะ” ซึ่งคนที่เธอโทรไปหาก็คือเซย์จินั่นเอง

    โอ้ อากาเนะเองเหรอ ปู่ว่างคุยนะมีอะไรรึเปล่า” 

    “คือเรื่องผู้นำตระกูลบ้านเรา หนูคิดได้แล้วนะคะ”

    “?!” คนปลายสายได้ยินก็อึ้งไปชั่วขณะ “…แล้วหลานว่ายังไง

    “คือหนู…”

     

     

     



    .

    .

    .

    ณ โรงเรียนไสยเวทโตเกียว

    “นี่อากาเนะ” หลังจากที่อากาเนะคุยกับปู่ของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็กลับมาที่โรงเรียนเนื่องจากไม่มีอารมณ์จะเที่ยวต่อแล้ว ระหว่างที่จะกลับไปที่ห้องเรียวตะก็ชวนคุย

    “หือ?”

    “ที่บอกเซย์จิไปน่ะ คิดดีแล้วใช่มั้ย”

    “…คิดดีแล้วล่ะ”

    “โอยะ? กลับมาแล้วเหรออากาเนะ ยินดีต้อนรับกลับนะ” 

    “…” แต่ในตอนนั้นเองก็มีคนทักเธอพอดี ซึ่งคนที่ทักนั้นคือโกโจนั่นเอง ทว่าภาพโกโจโดนผนึกที่เธอเห็นมันซ้อนทับเข้ามาทำให้เธอพูดอะไรไม่ออกจนคนทักเกิดความสงสัยขึ้นมาเลยเดินไปหา

    “อากาเนะ? ฮัลโหลครับ? เหม่อรึเปล่าเนี่ย”

    “!? ขอโทษค่ะอาจารย์ เมื่อกี้เหม่ออยู่ค่ะ” อากาเนะพูดขอโทษ

    “งั้นเหรอ อ้อจริงสิ ผมมีเรื่องจะมาบอกเธอด้วย”

    “?” ประโยคของอาจารย์ผมขาวทำเอาเด็กสาวเอียงคอทำหน้างง ระหว่างนั้นเขาก็ควานหาของในกระเป๋าไปด้วย

    “เธอได้เลื่อนระดับผู้ใช้คุณไสยแล้วนะครับ ที่จริงผมจะให้คุณเมย์ช่วยเสนอชื่อเธอให้อยู่ระดับ 1 แต่ดูเหมือนจะมีคนตัดหน้าผมแล้วเสนอชื่อเธอให้ไปอยู่ระดับอื่นแทน เอ้านี่ บัตรนักเรียนอันใหม่ของเธอ” ชายหนุ่มยื่นบัตรนักเรียนอันใหม่มาให้อีกฝ่าย

    “แล้วบัตรนักเรียนอันเก่า-?!” อากาเนะที่กำลังถามถึงบัตรนักเรียนอันเก่าก็ไปเห็นระดับผู้ใช้คุณไสยของตัวเองที่เขียนอยู่บนบัตรใหม่ก็ตาโตเท่าไข่ห่านแล้วมองหน้าโกโจสลับกับบัตรนักเรียนของตัวเอง

    “อาจารย์คะ เขาเขียนผิดรึเปล่า”

    “ถามเหมือนกันกับผมเลย แต่พวกเบื้องบนเขาบอกว่ามีผู้ใช้คุณไสยเสนอให้เธออยู่ระดับนี้ ทางนั้นเองก็เห็นด้วยก็เลยได้ระดับตามที่เห็นนี่แหละ”

    “อะไรอะ ข้าขอดูด้วยสิ” เรียวตะที่อยู่ในลูกแก้วพูด อากาเนะเลยเอาลูกแก้วออกมาและเอาบัตรนักเรียนมาไว้ใกล้ๆ

    “ตะกี้พูดว่าระดับผู้ใช้-ห๊ะ?!!!!” พอยมทูตเห็นแล้วก็ร้องออกมาเสียงดัง เพราะว่าระดับผู้คุณไสยที่อากาเนะได้นั้น

    “เดี๋ยว!? ระดับพิเศษเลยเหรอ!!” ก็คือระดับพิเศษที่อยู่เหนือกว่าระดับอื่นๆและผู้ที่ได้รับการลงลงทะเบียนในปัจจุบันมีแค่ 4 คนเอง!

    “ตามนั้นแหละครับ อย่าบอกนะว่าเธอเองก็คิดไม่ถึงน่ะ?” โกโจถาม

    “ก็…อืม…ตอนแรกข้าก็คิดว่าความสามารถของอากาเนะจะสุดอยู่ที่ระดับ 1 แต่พอมานึกๆอีกที…” แล้วเรียวตะไม่พูดอะไรต่อเป็นการละเว้นในฐานที่เข้าใจ เพราะอากาเนะในตอนนี้ถึงจะไม่ได้เก่งเทียบเท่าโกโจ แต่ก็เรียกได้ว่าพลังที่เธอมีอยู่ก็เรียกได้ว่าโกงแล้ว 

    “แต่ฉันว่าถ้าเทียบกับระดับพิเศษคนอื่นๆแล้วฉันน่าจะอ่อนสุดเลยมั้ง” เด็กสาวออกความเห็น

    “อันนี้ผมเห็นด้วยนะ”

    “แหงะ!?” ประโยคของคนเป็นอาจารย์ทำเอาเธอรู้สึกแทงใจดำอย่างจัง แต่ก็เป็นความจริงอยู่ดีที่ถ้าเทียบกับระดับพิเศษคนอื่นๆแล้วเธออยู่ระดับอ่อนสุดเลย

    “พูดงี้ก็สวยสิ เดี๋ยวข้ากับแม่จะปั้นอากาเนะให้เก่งกว่าเจ้าให้ได้เลยคอยดู” เรียวตะพูดด้วยความมุ่งมั่นเพราะประโยคของโกโจมันทำให้เขารู้สึกโดนหยามอย่างบอกไม่ถูก และในฐานะอาจารย์อีกคนของเด็กคนนี้เขาจะต้องฝึกให้เธอเป็นผู้ใช้คุณไสยที่เก่งกาจให้ได้

    “เห~ ผมจะรอดูนะ งั้นผมไปก่อนล่ะ” แล้วโกโจก็เดินจากไป ส่วนอากาเนะก็กลับไปที่ห้องตัวเอง พอถึงห้องแล้วเธอก็ทิ้งตัวลงนอนกับเตียงทันที

    “…นี่เรียวตะ”

    “หือ?”

    “คนที่ใส่จีวรพระที่เราเจอ นายบอกว่าเขาเป็นเพื่อนอาจารย์โกโจที่แยกทางไปเป็นนักสาปแช่งใช่มั้ย”

    “…” ประโยคของคำถามของอากาเนะทำให้ห้องตกอยู่ในความเงียบ “…ก็ใช่”

    “ถ้าเกิดว่าเพื่อนอาจารย์คนนั้นไม่ได้ไปเป็นนักสาปแช่งแล้วยังเป็นผู้ใช้คุณไสยอยู่ นายว่า…มันจะเป็นยังไงเหรอ”

    “ก็คงจะต่างจากปัจจุบันที่เราอยู่กันตอนนี้นั่นแหละ…” เรียวตะตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “สิ่งที่ข้ามั่นใจก็คงจะเป็นถ้าเกะโทนั่นยังอยู่ โกโจก็คงจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนทุกวันนี้ แล้วก็…”

    “…”

    “หมอนั่น…ก็คงจะมีความสุขมากกว่านี้”

    “…รู้สึกเจ็บใจชะมัดที่พวกเราเห็นอนาคตแล้วบอกใครไม่ได้” อากาเนะว่า “ถึงบอกไปก็ไม่น่ามีใครเชื่อ เพราะคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เป็นอาจารย์โกโจ”

    “ถ้าเกิดเนตรยมทูตเอาภาพอนาคตมาให้พวกเราดูแปลว่าเราหลีกหนีความจริงนี้ไม่ได้แล้วล่ะ”

    “เฮ้อออออ” แล้วทั้งสองคนก็ถอนหายใจยาวออกมาพร้อมกันและจมอยู่กับความคิดตัวเองไป

    ‘ระดับพิเศษ…เหรอ’ เด็กสาวมองบัตรนักเรียนใบใหม่ของเธอด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งดีใจที่ตนได้เลื่อนระดับซักทีและกังวลกับระดับที่ตัวเองได้นั้นคนที่ได้ต้องพิเศษตามชื่อและมีพลังมากพอที่จะทำลายประเทศๆหนึ่งได้เลย

    แต่ถ้าเธอจำไม่ผิด มีนักเรียนอยู่คนนึงที่มียศเป็นผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษตั้งแต่เข้าเรียน แถมปัจจุบันยังเป็นรุ่นพี่ปีสองของโรงเรียนไสยเวทโตเกียวอีกและชื่อของรุ่นพี่คนนั้นก็คือ

     

    อคคทสึ ยูตะ

     

     

     

     

    .

    .

    .

    ในเวลาเดียวกัน ที่แอฟริกา

    ติ๊ง!

    “?” ในเวลาเดียวกันที่ประเทศแอฟริกา มีร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงจากเสียงแจ้งเตือนเมื่อครู่ พอเขาเปิดหน้าจอก็พบว่ามีคนส่งข้อความมาหาเลยกดเข้าไปคุย โดยในแชทนั้นคนที่ส่งข้อความมานั้นก็ได้ส่งภาพๆหนึ่งมาให้ดูพร้อมกับส่งข้อความมาอีกว่า ถึงจะเคยบอกไปแล้วแต่ก็ฝากเด็กคนนี้อีกคนด้วยนะ

    “ฟุบูกิ อากาเนะ…เหรอ” เขาอ่านชื่อที่เขียนบนบัตรด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าคนที่เป็นเจ้าของบัตรนี้ไปทำยังไงให้ตัวเองได้อยู่ระดับพิเศษกันเพราะในภาพนั้นคือภาพบัตรนักเรียนของอากาเนะที่ได้รับลงทะเบียนเป็นผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษคนที่ 5

    เด็กหนุ่มเรือนผมสีดำแสกข้าง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มและมีขอบตาคล้ำเล็กน้อยในเสื้อยูนิฟอร์มสีขาวผู้เป็นเจ้าของโทรศัพท์ก็เก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋าแล้วไปทำภารกิจของตัวเองต่อ

    ผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษ นักเรียนปีสองแห่งโรงเรียนไสยเวทโตเกียว

    อคคทสึ ยูตะ

     

     

     





    .

    .

    .

    To be continued in season 2

     

    Talkๆ desu : finally เราก็มาถึงตอนจบของฟิคเรื่องนี้แล้วค่ะ (ไหนบอก2-3ตอนจบไง๊!!!?) ตอนแรกก็ตั้งใจจะสองสามตอนจบนั่นแหละแต่เรากลัวว่าตัวเองจะทำให้ยืดกว่าเดิมก็เลยตัดจบในตอนนี้ซะเลย (ตัดจบแบบน้อนรู้อนาคตไม่พอ มีเปิดตัวพี่ยูตะอีก555555555)

    เอาจริงก็แอบใจหายเหมือนกันนะที่ฟิคเรื่องนี้จบแล้ว

    แต่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เนื่องจากยังมีปมอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้คลายรวมถึงอนิเมะจจส.ซีซั่น2 ที่อยู่ช่วงท้ายๆแล้วด้วยนั้น

    เราจะไม่มีซีซั่น 2 มันก็ยังไงๆอยู่นะ555555555555

     

    ขอประกาศอย่างเป็นทางการว่าฟิคเรื่องนี้จะมีซีซั่น 2 ต่อค่ะ แต่ขอพักช่วงไปคิดพล็อตก่อนนะคะ

     

    ตามที่สัญญาไปว่าถ้าถึงตอนจบแล้ว เราจะมีตอนพิเศษต่อแต่ก่อนจะมีตอนพิเศษเราจะมีตอนq&aให้ทุกคนถามกันเข้ามา เพราะงั้นเม้นกันเข้ามาถามได้เลยนะคะ จะหนึ่งคนหนึ่งคำถามหรือหนึ่งคนหลายคำถามก็ถามเข้ามาได้นะคะเราอยากเล่นมากเลย //กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์งามๆ

    สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณทุกคนสำหรับสามปีที่ผ่านมา เราไม่คิดว่าฟิคของเราจะมีคนอ่านถึงหลักหมื่นด้วยซ้ำ แล้วก็มีคอมเม้นทุกๆคอมเม้นที่เป็นกำลังใจให้เราแต่งมาจนถึงตอนจบซักที

    เราจะได้ทำตอนq&a มั้ยนี่ขึ้นอยู่กับคอมเม้นจริงๆ ถ้าไม่มีคนถามก็คงต้องต่อตอนพิเศษเลย เราจะรออ่านเม้นทุกคนอยู่นะคะ

    เจอกันในq&aกับตอนพิเศษค่าาาาาาาาา บ๊ายบายยยยยยยยยยยยย

    Twitter : @bdm1228

    Bluesky :https://bsky.app/profile/bdm1228.bsky.social

     

            
    Z K T
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×