NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ss1+2+3) | Fic Jujutsu Kaisen x OC | The Grim reaper eye

    ลำดับตอนที่ #37 : ความลับที่ปกปิด (2)

    • อัปเดตล่าสุด 18 มิ.ย. 67


    ตกกลางคืน

    20:32 น.

     

    “แล้วก็ๆ…ก็มีคำสาปตัวโคตรใหญ่พุ่งมา…เอิ๊ก!…แต่ฉันก็จัดการได้…”

    “เมาแล้วโม้เรื่องตัวเองรอบที่ 234…”

    “ใครก็ได้หาอะไรมายัดปากให้หมอนี่มันเงียบที…” ตกกลางคืนของวัน บ้านใหญ่ตระกูลฟุบูกิก็มีการกินเลี้ยงกันนิดหน่อยรวมถึงดื่มของมึนเมาอย่างเหล้าสาเกกัน ด้านจินที่ซัดไปสามขวดใหญ่ก็โม้เรื่องตัวเองด้วยน้ำเสียงหย่อนยานจนริเสะกับเซย์จิกุมขมับเหนื่อยใจ

    “ปกติคุณฮิโรมาสะกินเหล้าแล้วเป็นแบบนี้เลยเหรอคะ…” อากาเนะที่ไม่เคยเห็นก็ได้แต่ถามด้วยความสงสัย

    “อือฮึ แล้วก็ชอบกินแบบเกินลิมิตอีกรู้ลิมิตตัวเองนะแต่ก็ยังจะกินต่อ” ฮิโตมิว่า “กรณีเลวร้ายที่สุดคือโม้ๆอยู่แล้วอ้วก-”

    “ต่อไปก็-อุ๊บ…”

    “เดี๋ยวๆๆๆๆๆ!? อย่าพึ่งอ้วกกกกก!!!” ไม่ทันจะขาดคำ จินที่โม้ๆอยู่ก็เกิดรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นจนฮิโตมิกับเหล่าคนใช้ต้องลากเขาไปยังที่อื่น

    “เฮ้อ~ ถ้าวันไหนจินคุงกินถึงลิมิตแล้วพอนี่ฉันควรขึ้นป้ายฉลองดีมั้ย” อายาเมะประชด

    “อย่าเปลืองตังค์กับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โคซากุระ” ยาสุโอะพูด

    “นี่ก็ช็อตฟีลเก่งเกิ๊น…”

    ‘บรรยากาศคนละเรื่องกับเมื่อตอนเช้าเลย…’ อากาเนะคิดในใจเพราะบรรยากาศการกินเลี้ยงค่อนข้างผ่อนคลายผิดกับเมื่อตอนเช้าที่มีแต่ความเคร่งเครียด อาจจะเป็นเพราะมีพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยเลยทำให้ลดความตึงเครียดได้บ้าง

    “…?” ในตอนนั้นเองเธอก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างเข้า เธอจึงมองซ้ายมองขวาแล้วแอบแยกตัวออกมาที่ระเบียง

    “ไม่ไปกินข้างในเหรอคะ”

    “…ฉันไม่เอาตัวเองไปนั่งฟังคนเมาพูดหรอก” และที่ระเบียงนั้นก็มีริวโนะสุเกะที่ออกมาดื่มเบียร์อยู่เงียบๆคนเดียว อากาเนะสังเกตเห็นเลยออกไปหา 

    “เจอจนเบื่อแล้วสินะคะ?”

    “มากถึงมากที่สุดเลยล่ะ”

    “ฮึๆๆ” เด็กสาวได้ยินแบบนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ “…นึกว่าคุณจะเป็นคนคุยยากซะอีก เห็นตอนเช้าหน้าดุมาแต่ไกลเลย”

    “…บอกตามตรง…ตอนแรกฉันไม่ค่อยไว้ใจเธอ” ชายหนุ่มผมสีควันบุหรี่สะดุ้งไปนิดนึงก่อนจะตอบกลับไป

    “แล้วตอนนี้ล่ะคะ?”

    “ก็…ไม่ใช่คนไม่ดีแต่อย่าให้ฟิวส์ขาดก็พอ”

    “นิยามซะตรงเลย…” เด็กสาวได้ยินแบบนั้นถึงกับยิ้มแห้งไปเลย “แต่ที่บอกว่าวันพรุ่งนี้จะไปส่งเนี่ย…พูดจริงๆเหรอคะ”

    “ก็จริงน่ะสิ”

    “ขอเหตุผลได้มั้ยคะ”

    “…” ริวโนะสุเกะได้ยินถึงกับเงียบไปก่อนจะกระดกเบียร์เข้าปากแล้วตอบกลับมา “ฉัน…สัญญาไว้แล้ว”

    “?”

    “ฉันสัญญากับพ่อเธอไว้…ว่าถ้าเกิดเขาตายไป…ฉันจะคอยช่วยเธออยู่ห่างๆ”

    “?! คุณอิชิดะรู้จักกับพ่อฉันมาก่อน?” เด็กสาวถามด้วยความไม่อยากเชื่อ

    “เคยไปช่วยเขาจากพวกคำสาปอยู่หลายครั้งก็เลยสนิทกัน”

    “โห…”

    “จริงๆฉันรู้มาแค่ว่าคุณชิเงฮิโตะมีพลังไสยเวทแต่ก็ไม่ได้รู้ลึกถึงขั้นว่าเป็นแบบไหนจนกระทั่งมารู้วันนี้นี่แหละ” ชายหนุ่มดื่มเบียร์ต่อ “แล้ววันที่คุณชิเงฮิโตะเสีย ฉันตั้งใจว่าจะรับเธอมาเลี้ยงต่อด้วยซ้ำแต่ก็โดนพวกฮิรามารุชิงสวมรอยมาตัดหน้าก่อน ตอนนั้นรู้สึกโมโหมากๆจนอยากจะฆ่าเจ้าพวกนั้นทิ้งแต่ก็โดนคุณเซย์จิห้ามไว้ก่อนเพราะพวกมันเอาเธอเป็นตัวประกันไปแล้ว”

    “…”

    “แต่สุดท้ายพวกสวะก็ยังสวะอยู่วันค่ำ…ไอ้พวกนั้นตั้งใจจะฆ่าเธอจริงๆแต่โชคดีมากที่เธอรอดมาได้แล้วก็ได้คุณชิโรงาเนะไปรับเลี้ยงแทน”

    “อันนี้ต้องยกเครดิตให้เรียวตะเลยค่ะ เขาช่วยฉันไม่พอยังต่อชีวิตให้ด้วย” อากาเนะว่า “ส่วนคุณมิซาเอะนี่ตอนแรกก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าจะเลี้ยงไหวมั้ยแต่สุดท้ายเขากับเรียวตะก็ช่วยกันเลี้ยงฉันมาจนถึงทุกวันนี้นี่แหละค่ะ”

    “หมอนั่นไม่เคยบอกเธอเลยว่าตัวเองเป็นปู่ทวด?”

    “ไม่เลยค่ะ แล้วนี่เคยหยุมหัวแล้วก็ตบหัวไปหลายรอบด้วยไงพอมารู้ทีหลังกันแบบนี้รู้สึกผิดแทบไม่ทัน แต่ถ้าถามว่าจะเลิกทำมั้ย ก็…ไม่เลิกค่ะ”

    “อุ๊บ…” ริวโนะสุเกะได้ยินแบบนั้นก็เบือนหน้าไปทางอื่นแล้วกลั้นขำ “พูดซะไม่กลัวหมอนั่นเสียใจเลยนะ”

    “แต่เท่าที่รู้จักกันมา เรียวตะไม่อยากให้ฉันรู้จักเขาในฐานะปู่ทวดหรือบรรพบุรุษของตระกูลเลยนะคะ” เด็กสาวพูดพลางนึกถึงความทรงจำในอดีตเมื่อช่วงที่เธอได้พลังเนตรยมทูตมาและฟื้นสติที่ศาลเจ้าของมิซาเอะ เขาก็แนะนำตัวเองว่าเป็นยมทูตที่สนใจในเรื่องไสยเวทและตั้งใจจะปั้นเธอให้เป็นผู้ใช้คุณไสยที่เก่งไม่แพ้ใครให้ได้ 

    “หมอนั่น…ถึงจะชอบทำตัวไม่เต็ม ติ๊งต๊อง ขี้โวยวาย ชอบเก็บอะไรไว้คนเดียวอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังมีมุมจริงจังแล้วก็พึ่งพาได้ ฉันเลยยังรู้สึกเคารพอยู่แล้วก็ไม่รู้สึกเสียใจที่ได้เขาช่วยไว้น่ะค่ะ เรียกว่าที่ฉันมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะเรียวตะแล้วก็คุณมิซาเอะด้วย”

    “…” ชายหนุ่มไม่พูดอะไรต่อนอกจากดื่มเบียร์จนกระทั่งเขานึกหัวข้อสนทนาใหม่ได้ “…ว่าแต่เธอไม่คิดจะบอกคนอื่นเหรอ”

    “?”

    “ว่านอกจากเธอจะได้ไสยเวทที่ส่งต่อมาจากคุณชิเงฮิโตะแล้ว ที่จริงเธอยังมีสายเลือดของจักรพรรดิสุโตคุอีกน่ะ เพราะเขาเคยบอกฉันนะว่ารู้สึกเสียชาติเกิดมากที่ตัวเองใช้ไสยเวทไม่ได้ทั้งๆที่มีสายเลือดของผู้ใช้คุณไสยแท้ๆ แต่ถ้าฉันจำไม่ผิดคนที่รู้น่าจะมีแค่คนจากบ้านเธออย่างคุณเซย์จิ คุณฮิโตมิแล้วก็ฮิโรโตะแค่ 3คนเอง” 

    “…” อากาเนะเงียบไปเพราะสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมานั้นเป็นความจริง เธอมีสายเลือดของจักรพรรดิสุโตคุ หนึ่งในสามสุดยอดวิญญาณร้ายของญี่ปุ่นแถมยังเป็นผู้ใช้คุณไสยตัวท็อปในอดีตที่ได้มาจากพ่อของเธอ ซึ่งเธอรู้มาจากมิซาเอะที่เคยไปคุยกับเซย์จิเรื่องรับเลี้ยงเธอแต่สาเหตุที่ไม่ได้บอกใครเพราะเธอมองว่ามันไม่ได้สำคัญขนาดนั้นก็เลยไม่ได้บอก

    “…ก็ไม่มีใครถามนี่คะ อีกอย่างมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นด้วย”

    “คึ!?” ริวโนะสุเกะได้ฟังถึงกับหลุดขำทันที “ไอ่ประโยคเมื่อกี้นี่รู้รึเปล่าคุณชิเงฮิโตะเคยพูดกับฉันเหมือนกัน”

    “คะ?”

    “ฉันเคยถามเล่นๆว่า ไปทำอะไรมาถึงได้มีคำสาปมาพัวพันกับเขาตลอด เขาก็ตอบว่ามาเพราะเลือดจักรพรรดิสุโตคุมันหอมมั้งมันเลยเรียกคำสาปมา ตอนนั้นฉันสตั๊นไปพักนึงแล้วถามกลับไปว่าทำไมไม่บอกกันก่อน เขาตอบว่าก็ฉันไม่ได้ถามไงก็เลยไม่ตอบ”

    “ฮึๆๆๆ” เด็กสาวได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะในลำคอ ด้านชายหนุ่มเห็นว่าอีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างก็ยิ้มบางๆด้วยความเอ็นดู

     

    แชะ!

     

    “?!”

    “?” แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงชัตเตอร์แทรกขึ้นมาทำให้ทั้งสองคนหันไปดูก็พบว่าเป็นริเสะที่ยกมือถือมาถ่ายแต่ลืมปิดเสียงนั่นเอง

    “อะ…ลืมปิดเสียงซะงั้นแต่เอาให้ไปทุกคนดูดีกว่า”

    “หยุดเลย! อย่าแม้แต่จะคิดเชียว” พอหญิงสาวชิ่งหนีเข้าไปข้างใน ริวโนะสุเกะก็รีบตามไปห้ามด้วยความร้อนรน ทำให้ที่ระเบียงตอนนี้เหลือแค่อากาเนะคนเดียว

    ‘เป็นกลุ่มคนที่คึกคักกันดีจังนะ’ ในตอนนั้นเอง ยูกิฮิเมะที่วันนี้เงียบหายไปนานก็ทักขึ้นมา

    ‘อื๋อ? เพิ่งตื่นเหรอ’

    ‘ตื่นนานแล้ว แต่เห็นว่าเจ้าทำธุระสำคัญอยู่ก็เลยไม่ได้มาคุย’ คำสาปสาวตอบ ‘แล้วนิทราโลหิตเป็นไงบ้าง เห็นนะว่าวันนี้เจ้าเอาออกมาใช้แล้ว’

    ‘สำหรับฉันถือว่าใช้ได้ แต่อาจจะต้องแก้กันอีกนิดหน่อยถึงจะออกมาดีแบบไม่ต้องแก้อะไรแล้ว’

    ‘เหรอ…ติดปัญหาอะไรก็เรียกข้าได้นะเผื่อจะช่วยได้’ แล้วยูกิฮิเมะก็เงียบไปแปบนึงก่อนจะเรียกอากาเนะอีกรอบ

    ‘…นี่ อากาเนะ’

    ‘ว่า?’

    ‘เจ้าว่า…ข้าควรมีความรักรึเปล่า’

    ‘…’ คำถามของเธอทำเอาเด็กสาวสตั๊นไป เพราะก่อนหน้านี้ยูกิฮิเมะดูไม่ได้อะไรกับการมีความรักเลย แต่หลังจากวันที่โกโจมาขอคุยกับยูกิฮิเมะวันนั้น อากาเนะก็เริ่มได้กลิ่นแปลกๆแต่ก็ไม่ได้ถามจนกระทั่งมาวันนี้ที่เธอไม่คิดว่าคำสาปสาวจะเป็นคนถามออกมาจากปากเอง 

    ‘…ทำไมซื้อล็อตเตอรี่ไม่เคยถูกงี้บ้างวะ’

    ‘เจ้าอายุถึงแล้วเหรอ’

    ‘แค่เปรียบเปรยมั้ย ฮัลโหลลลล’ เด็กสาวประชด ‘แต่ถามได้มั้ย ไปชอบตอนไหนก่อน’

    ‘…ไม่รู้’

    ‘ห๊ะ?’

    ‘รู้แค่ว่าตอนแรกรู้สึกถูกชะตาก็เลยสนใจ รู้ตัวอีกทีก็ชอบไปแล้ว’

    ‘ทำไมได้ยินแล้วหุบยิ้มไม่ได้เลยวะ ช่วยด้วยยยย’ อากาเนะเอามือปิดปากกลั้นไม่ให้หลุดเสียงกรี๊ดออกมา ‘ถามหน่อย ที่พูดนี่มีเขินบ้างมั้ย’

    ‘…’

    ‘ไม่ตอบจะถือว่าใช่นะ’

    ‘ข้าคิดผิดรึเปล่าเนี่ยที่มาปรึกษาเจ้า…’

    “…-ะ อากาเนะ” 

    “?” ในตอนนั้นเอง ก็มีคนเรียกเธอระหว่างที่คุยกับยูกิฮิเมะ โดยคนที่เรียกก็คือเซย์จินั่นเอง

    “มีอะไรเหรอคะคุณปู่”

    “คือปู่มีของอยากจะหลานช่วยดูหน่อยน่ะ ช่วยมากับปู่แปบนึงได้มั้ย”

     

     

     

    .

    .

    .

    ห้องเก็บของ

    “ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเก็บ-นี่ไงเจอแล้ว” ซึ่งที่ๆชายแก่พามานั้ยเป็นห้องเก็บของที่เต็มไปด้วยวัตถุโบราณต่างๆ โดยของเขาเอามานั้นเป็นถุงเครื่องรางแล้วส่งให้หลานสาวของตน “หลังจากที่คุณพ่อเสีย ก็มีใครไม่รู้ส่งเจ้านี่มาที่บ้านเรากับโน้ตที่เขียนว่าห้ามเปิดและกรุณาส่งให้ผู้มีไสยเวทน้ำแข็งพันปี ปู่เลยจะถามว่าหลานพอรู้มั้ยว่ามันคืออะไร”

    “? เกล็ด?” พออากาเนะเปิดออกมาก็เจอกับเกล็ดสีขาวแวววาวอยู่ข้างใน เธอจึงเอามันออกมาเพื่อดูเพิ่มเติม “นี่เกล็ดปลารึเปล่าคะ”

    “ดูแล้วไม่น่าใช่นะ เพราะมันไม่มีกลิ่นคาวอะไรเลย”

    “ลูกบอกว่ามีคนส่งเจ้านี่มาให้หลังจากที่พ่อตายใช่มั้ย” ระหว่างนั้นเอง เรียวตะที่อยู่ในลูกแก้วถามออกมา

    “ครับ ส่งมาให้หลังจากที่พ่อตายไปหนึ่งวันด้วย”

    “แล้วส่งมาในถุงเครื่องราง…รสนิยมอะไรของมันวะเนี่ย”

    “ที่บอกว่าส่งให้ผู้มีไสยเวทน้ำแข็งพันปี-” 

    “อันนี้ปู่ก็ไม่รู้เหมือนว่ามันถึงได้ฟิกไว้แบบนั้น” อากาเนะยังถามได้ไม่จบ เซย์จิก็ตอบแทรกทันที “แต่มันอาจจะเป็นประโยชน์ให้หลานซักวันก็ได้เพราะงั้นปู่ยกให้นะ” 

    “เอ่อ…ก็ได้ค่ะ”

     

     

     

     

    .

    .

    .

    21:12 น.

    ห้องนอนของฮิโรมิ

    “แต่พอมาดูดีๆแล้วมันก็มีความเป็นเกล็ดงูอยู่เหมือนกันนะ” 

    “ใช่เหรอเรียวตะ ไม่ใช่ว่าเกล็ดงูมันเล็กกว่านี้เหรอ” หลังจากที่อากาเนะได้ถุงเครื่องรางปริศนามาแล้ว เธอก็ขอตัวปู่เธอไปนอนก่อนโดยห้องที่เขาเตรียมไว้นั้นเป็นห้องนอนของแม่เธอที่เหล่าคนใช้ได้ทำความสะอาดและเตรียมที่นอนไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเข้านอนอากาเนะก็เอาเกล็ดสิ่งมีชีวิตปริศนามาดูอีกรอบ เรียวตะเองก็ออกมาดูด้วยเช่นกัน

    “แต่ความรู้สึกข้ามันบอกแบบนี้จริงๆนะ”

    “แต่ถ้าเป็นเกล็ดงูจริง ดูจากสีแล้วนี่น่าจะงูเผือกเลยมั้ง” เด็กสาวว่าแล้วหันไปขอความเห็นจากยูกิฮิเมะบ้าง “ยูกิฮิเมะ ขอความเห็นหน่อย”

    ‘อันนี้ข้าสมมตินะ ถ้าเกิดไม่ใช่เกล็ดงูล่ะ?’

    “หือ? เธอรู้เหรอว่ามันคืออะไร”

    ‘ไม่รู้หรอก แต่เมื่อกี้ข้าสมมติเฉยๆไง’

    “แม่บอกอะไรมาบ้าง” เรียวตะถาม

    “ยูกิฮิเมะบอกว่าถ้าเกิดไม่ใช่งูล่ะ แต่นางบอกอันนี้นางสมมติเฉยๆนะ”

    “ไม่ใช่งู? ถ้าเอาใกล้เคียงเลยนี่เป็นเกล็ดมังกรแล้วแต่มันจะเป็นไปได้เหรอ”

    “ถ้าสุคุนะมีสี่แขนได้ จะบอกว่ามีมังกรอยู่ในญี่ปุ่นก็คงไม่เกินจริงแล้วแหละ…”

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

    กลางดึก

    “…” เวลาล่วงเลยมาจนถึงกลางดึก อากาเนะก็นอนหลับในห้องอย่างสบายใจเฉิบ แต่ซักพักก็ถูกยูกิฮิเมะสลับตัวออกมาทำให้เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย ด้านยูกิฮิเมะที่สิงร่างอากาเนะอยู่ก็ลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วเดินไปตรงโต๊ะกระจกที่มีถุงเครื่องรางเจ้าปัญหาวางอยู่พร้อมทั้งเอาเกล็ดที่อยู่ข้างในออกมาดู

    “เกล็ดงูก็แย่แล้วเถอะ นี่เกล็ดมังกรย่ะ” คำสาปสาวพึมพำ 

    “แถมยังเป็น-!?” แต่ในระหว่างนั้นเองเธอก็เหลือบไปมองตัวเองในกระจกแล้วพบความผิดปกติบางอย่างเข้า เธอจึงรีบเก็บเกล็ดนั้นเข้าถุงด้วยความเร่งรีบแล้วเอาฝ่ามือมาแนบตาขวาของเธอ

    “แฮ่ก…แฮ่ก…” เธอหอบหายใจระรัวแล้วมองตัวเองในกระจกอีกครั้งและค่อยๆลดมือที่ปิดตาลงมา พอเห็นว่าตาเธอกลับมาเป็นปกติแล้วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

    “เฮ้อ…เปิดมาก็เอาเลยเหรอ”

    อะไรกัน ไม่ได้เจอกันตั้งนานจะทักทายกันแบบนี้จริงๆเหรอ

    “?!!!!” ทันใดนั้นเองก็มีเสียงปริศนาที่ไม่ใช่ทั้งอากาเนะ เรียวตะ หรือคนจากบ้านฟุบูกิเลยแม้แต่คนเดียวดังขึ้นมาในหัวของเธอ ยูกิฮิเมะได้ยินแล้วถึงกับตัวชาราวกับถูกน้ำเย็นราดจากที่สูงเข้าตัว

    “…เจ้านี่มันตายยากตายเย็นเหลือเกินซะจริง”

    ‘แหมๆๆ พูดจาแทงใจดำเหลือเกินนะแม่ราชินีหิมะคนงาม’ เสียงปริศนาพูดด้วยน้ำเสียงหยอกเอิน ‘ไม่ดีใจหน่อยเหรอที่เจ้าเจอวัตถุต้องสาปของตัวเองแล้วน่ะ’

    “ถ้าวัตถุต้องสาปของข้ามันมีวิญญาณเจ้าอยู่ ข้ายอมยกให้พวกผู้ใช้คุณไสยทำลายมันทิ้งดีกว่า”

    ‘จะทำลายไปทำไม ในเมื่อเจ้านี่มันคือเครื่องบ่งบอกตัวตนที่แท้จริงของเจ้าน่ะ’ เสียงปริศนาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

    “ที่ข้ากลายเป็นคำสาปมันก็เพราะเจ้าไม่ใช่รึไง ทัตสึยะ” ยูกิฮิเมะขู่เสียงเย็นกลับพร้อมเอ่ยชื่อของเสียงนั้น

    ‘ฮึๆๆๆๆ ข้าล่ะชอบเจ้าตอนโมโหเสียจริง’ เสียงปริศนาที่ชื่อทัตสึยะพูดด้วยความชอบใจ ‘หือ? อะไรกันเนี่ย นี่เจ้าไปหลงรักมนุษย์งั้นเหรอ’

    “!? อย่ามาอ่านความทรงจำข้า” คำสาปสาวเอ่ยเสียงดุพลางเอามือกุมหัวตัวเอง

    ‘โฮะโฮ่~ แถมยังเป็นผู้ใช้คุณไสยที่มีฝีมือเก่งกาจจนไม่มีใครเทียบติดซะด้วย ดูจากหน้าตาแล้วเป็นประเภทที่เจ้าชอบด้วยนี่’

    “พอแล้ว…”

    ‘โกโจ ซาโตรุ…โอ้โห เจ้านี่มีเนตรริคุกันด้วยเหรอเนี่ย-’

    “ทัตสึยะ หยุด!!” ยูกิฮิเมะตวาดออกมาด้วยความเหลืออด “ทั้งซาโตรุ…อากาเนะ…แล้วก็เรียวตะ…เจ้าอย่าได้ยุ่ง…กับคนพวกนี้เชียว”

    ‘…’ ทัตสึยะได้ฟังก็เงียบไปทันที ‘…ดูท่าว่าข้าจะแกล้งเจ้าแรงไปสินะ’

    “แรงแบบมากๆด้วยเถอะ ข้าไม่น่าตื่นมาเลย”

    ‘แต่ขอแนะนำอะไรหน่อยนะ ถ้าเกิดเจ้าชอบชายที่ชื่อโกโจ ซาโตรุนั่นล่ะก็ เจ้าสาปแช่งเจ้านั่นให้อยู่กับเจ้าตลอดไปให้มันจบๆไปก็ได้นี่?’

    “…ข้าทำไม่ได้”

    ‘หา?’ ประโยคของคำสาปสาวทำเอาทัตสึยะตกใจ

    “มนุษย์กับคำสาปมันรักกันไม่ได้ทัตสึยะ อีกอย่างข้าไม่เคยหวังให้ซาโตรุจะตอบรับความรู้สึกข้าด้วยซ้ำ” ยูกิฮิเมะพูด “ข้าไม่อยาก…เสียใคร…ไปอีกแล้ว”

    ‘…เฮ้อ ข้าเบื่อที่จะคุยกับเจ้าแล้ว เดี๋ยวแวะมาใหม่นะ’  แล้วเสียงของทัตสึยะนั้นก็หายไป ด้านหญิงสาวก็เอาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วมองตัวเองในกระจกที่ตอนนี้มีความผิดปกติกลับมาอีกครั้งที่ตาขวาของเธอ

     

    รูม่านตาจากที่เคยเป็นของมนุษย์กลับกลายเป็นเส้นขีดเรียวเฉกเช่นมังกร

     

    ไอ้มังกรเวร…”

     

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

    Talkๆdesu : มาละตอนใหม่ อัดความพีคแบบจัดหนักจัดเต็ม ไหนๆเรื่องนี้ใกล้จบแล้ว (อีก2-3ตอนจบ) ก็ขอถามทุกคนนะคะว่า

    เบื่อมั้ยที่เราชอบอัดอะไรพีคๆมาบ่อยๆแบบนี้

    เพราะว่าช่วงที่เราแต่งอยู่เวลามีไอเดียป๊อบเข้าหัวแล้วว่าเอ้อ มันน่าลองนะว่าไปก็จะใส่เข้ามาในเรื่องอยู่หลายครั้ง

    จะบอกว่าถึงเนื้อเรื่องหลักจบไปก็จะมีตอนพิเศษที่เราสามารถแยกไปเป็นอีกเรื่องได้แต่เราขอจัดอยู่ในหมวดตอนพิเศษของเรื่องนี้ดีกว่า

    แล้วก็ขอบคุณคนอ่านทุกคนสำหรับสามปีที่ผ่านมา เราตั้งใจว่าลงตอนจบเสร็จก็จะเปิดตอนQ&A ก่อนตอนพิเศษถ้ามีใครสงสัยอะไรเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ตัวละครหรือจะถามว่าเรื่องนี้จะมีซีซั่น2มั้ยก็เม้นกันเข้ามาได้เลยนะคะ //ไหว้ค่ะทุกคน ช่วยถามกันหน่อยนะคะเราอยากตอบมากเลย

     

    สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันเข้ามาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อเพราะมันใกล้จะจบแล้ว

    เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยยยยยยยยยยยย

     

    twitter: @bdm1228

    bluesky: https://bsky.app/profile/bdm1228.bsky.social

            
    Z K T
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×