คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : ความลับที่ปกปิด (2)
ตกกลางคืน
20:32 น.
“แล้วก็ๆ…ก็มีคำสาปตัวโคตรใหญ่พุ่งมา…เอิ๊ก!…แต่ฉันก็จัดการได้…”
“เมาแล้วโม้เรื่องตัวเองรอบที่ 234…”
“ใครก็ได้หาอะไรมายัดปากให้หมอนี่มันเงียบที…” ตกกลางคืนของวัน บ้านใหญ่ตระกูลฟุบูกิก็มีการกินเลี้ยงกันนิดหน่อยรวมถึงดื่มของมึนเมาอย่างเหล้าสาเกกัน ด้านจินที่ซัดไปสามขวดใหญ่ก็โม้เรื่องตัวเองด้วยน้ำเสียงหย่อนยานจนริเสะกับเซย์จิกุมขมับเหนื่อยใจ
“ปกติคุณฮิโรมาสะกินเหล้าแล้วเป็นแบบนี้เลยเหรอคะ…” อากาเนะที่ไม่เคยเห็นก็ได้แต่ถามด้วยความสงสัย
“อือฮึ แล้วก็ชอบกินแบบเกินลิมิตอีกรู้ลิมิตตัวเองนะแต่ก็ยังจะกินต่อ” ฮิโตมิว่า “กรณีเลวร้ายที่สุดคือโม้ๆอยู่แล้วอ้วก-”
“ต่อไปก็-อุ๊บ…”
“เดี๋ยวๆๆๆๆๆ!? อย่าพึ่งอ้วกกกกก!!!” ไม่ทันจะขาดคำ จินที่โม้ๆอยู่ก็เกิดรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นจนฮิโตมิกับเหล่าคนใช้ต้องลากเขาไปยังที่อื่น
“เฮ้อ~ ถ้าวันไหนจินคุงกินถึงลิมิตแล้วพอนี่ฉันควรขึ้นป้ายฉลองดีมั้ย” อายาเมะประชด
“อย่าเปลืองตังค์กับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โคซากุระ” ยาสุโอะพูด
“นี่ก็ช็อตฟีลเก่งเกิ๊น…”
‘บรรยากาศคนละเรื่องกับเมื่อตอนเช้าเลย…’ อากาเนะคิดในใจเพราะบรรยากาศการกินเลี้ยงค่อนข้างผ่อนคลายผิดกับเมื่อตอนเช้าที่มีแต่ความเคร่งเครียด อาจจะเป็นเพราะมีพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยเลยทำให้ลดความตึงเครียดได้บ้าง
“…?” ในตอนนั้นเองเธอก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างเข้า เธอจึงมองซ้ายมองขวาแล้วแอบแยกตัวออกมาที่ระเบียง
“ไม่ไปกินข้างในเหรอคะ”
“…ฉันไม่เอาตัวเองไปนั่งฟังคนเมาพูดหรอก” และที่ระเบียงนั้นก็มีริวโนะสุเกะที่ออกมาดื่มเบียร์อยู่เงียบๆคนเดียว อากาเนะสังเกตเห็นเลยออกไปหา
“เจอจนเบื่อแล้วสินะคะ?”
“มากถึงมากที่สุดเลยล่ะ”
“ฮึๆๆ” เด็กสาวได้ยินแบบนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ “…นึกว่าคุณจะเป็นคนคุยยากซะอีก เห็นตอนเช้าหน้าดุมาแต่ไกลเลย”
“…บอกตามตรง…ตอนแรกฉันไม่ค่อยไว้ใจเธอ” ชายหนุ่มผมสีควันบุหรี่สะดุ้งไปนิดนึงก่อนจะตอบกลับไป
“แล้วตอนนี้ล่ะคะ?”
“ก็…ไม่ใช่คนไม่ดีแต่อย่าให้ฟิวส์ขาดก็พอ”
“นิยามซะตรงเลย…” เด็กสาวได้ยินแบบนั้นถึงกับยิ้มแห้งไปเลย “แต่ที่บอกว่าวันพรุ่งนี้จะไปส่งเนี่ย…พูดจริงๆเหรอคะ”
“ก็จริงน่ะสิ”
“ขอเหตุผลได้มั้ยคะ”
“…” ริวโนะสุเกะได้ยินถึงกับเงียบไปก่อนจะกระดกเบียร์เข้าปากแล้วตอบกลับมา “ฉัน…สัญญาไว้แล้ว”
“?”
“ฉันสัญญากับพ่อเธอไว้…ว่าถ้าเกิดเขาตายไป…ฉันจะคอยช่วยเธออยู่ห่างๆ”
“?! คุณอิชิดะรู้จักกับพ่อฉันมาก่อน?” เด็กสาวถามด้วยความไม่อยากเชื่อ
“เคยไปช่วยเขาจากพวกคำสาปอยู่หลายครั้งก็เลยสนิทกัน”
“โห…”
“จริงๆฉันรู้มาแค่ว่าคุณชิเงฮิโตะมีพลังไสยเวทแต่ก็ไม่ได้รู้ลึกถึงขั้นว่าเป็นแบบไหนจนกระทั่งมารู้วันนี้นี่แหละ” ชายหนุ่มดื่มเบียร์ต่อ “แล้ววันที่คุณชิเงฮิโตะเสีย ฉันตั้งใจว่าจะรับเธอมาเลี้ยงต่อด้วยซ้ำแต่ก็โดนพวกฮิรามารุชิงสวมรอยมาตัดหน้าก่อน ตอนนั้นรู้สึกโมโหมากๆจนอยากจะฆ่าเจ้าพวกนั้นทิ้งแต่ก็โดนคุณเซย์จิห้ามไว้ก่อนเพราะพวกมันเอาเธอเป็นตัวประกันไปแล้ว”
“…”
“แต่สุดท้ายพวกสวะก็ยังสวะอยู่วันค่ำ…ไอ้พวกนั้นตั้งใจจะฆ่าเธอจริงๆแต่โชคดีมากที่เธอรอดมาได้แล้วก็ได้คุณชิโรงาเนะไปรับเลี้ยงแทน”
“อันนี้ต้องยกเครดิตให้เรียวตะเลยค่ะ เขาช่วยฉันไม่พอยังต่อชีวิตให้ด้วย” อากาเนะว่า “ส่วนคุณมิซาเอะนี่ตอนแรกก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าจะเลี้ยงไหวมั้ยแต่สุดท้ายเขากับเรียวตะก็ช่วยกันเลี้ยงฉันมาจนถึงทุกวันนี้นี่แหละค่ะ”
“หมอนั่นไม่เคยบอกเธอเลยว่าตัวเองเป็นปู่ทวด?”
“ไม่เลยค่ะ แล้วนี่เคยหยุมหัวแล้วก็ตบหัวไปหลายรอบด้วยไงพอมารู้ทีหลังกันแบบนี้รู้สึกผิดแทบไม่ทัน แต่ถ้าถามว่าจะเลิกทำมั้ย ก็…ไม่เลิกค่ะ”
“อุ๊บ…” ริวโนะสุเกะได้ยินแบบนั้นก็เบือนหน้าไปทางอื่นแล้วกลั้นขำ “พูดซะไม่กลัวหมอนั่นเสียใจเลยนะ”
“แต่เท่าที่รู้จักกันมา เรียวตะไม่อยากให้ฉันรู้จักเขาในฐานะปู่ทวดหรือบรรพบุรุษของตระกูลเลยนะคะ” เด็กสาวพูดพลางนึกถึงความทรงจำในอดีตเมื่อช่วงที่เธอได้พลังเนตรยมทูตมาและฟื้นสติที่ศาลเจ้าของมิซาเอะ เขาก็แนะนำตัวเองว่าเป็นยมทูตที่สนใจในเรื่องไสยเวทและตั้งใจจะปั้นเธอให้เป็นผู้ใช้คุณไสยที่เก่งไม่แพ้ใครให้ได้
“หมอนั่น…ถึงจะชอบทำตัวไม่เต็ม ติ๊งต๊อง ขี้โวยวาย ชอบเก็บอะไรไว้คนเดียวอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังมีมุมจริงจังแล้วก็พึ่งพาได้ ฉันเลยยังรู้สึกเคารพอยู่แล้วก็ไม่รู้สึกเสียใจที่ได้เขาช่วยไว้น่ะค่ะ เรียกว่าที่ฉันมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะเรียวตะแล้วก็คุณมิซาเอะด้วย”
“…” ชายหนุ่มไม่พูดอะไรต่อนอกจากดื่มเบียร์จนกระทั่งเขานึกหัวข้อสนทนาใหม่ได้ “…ว่าแต่เธอไม่คิดจะบอกคนอื่นเหรอ”
“?”
“ว่านอกจากเธอจะได้ไสยเวทที่ส่งต่อมาจากคุณชิเงฮิโตะแล้ว ที่จริงเธอยังมีสายเลือดของจักรพรรดิสุโตคุอีกน่ะ เพราะเขาเคยบอกฉันนะว่ารู้สึกเสียชาติเกิดมากที่ตัวเองใช้ไสยเวทไม่ได้ทั้งๆที่มีสายเลือดของผู้ใช้คุณไสยแท้ๆ แต่ถ้าฉันจำไม่ผิดคนที่รู้น่าจะมีแค่คนจากบ้านเธออย่างคุณเซย์จิ คุณฮิโตมิแล้วก็ฮิโรโตะแค่ 3คนเอง”
“…” อากาเนะเงียบไปเพราะสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมานั้นเป็นความจริง เธอมีสายเลือดของจักรพรรดิสุโตคุ หนึ่งในสามสุดยอดวิญญาณร้ายของญี่ปุ่นแถมยังเป็นผู้ใช้คุณไสยตัวท็อปในอดีตที่ได้มาจากพ่อของเธอ ซึ่งเธอรู้มาจากมิซาเอะที่เคยไปคุยกับเซย์จิเรื่องรับเลี้ยงเธอแต่สาเหตุที่ไม่ได้บอกใครเพราะเธอมองว่ามันไม่ได้สำคัญขนาดนั้นก็เลยไม่ได้บอก
“…ก็ไม่มีใครถามนี่คะ อีกอย่างมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นด้วย”
“คึ!?” ริวโนะสุเกะได้ฟังถึงกับหลุดขำทันที “ไอ่ประโยคเมื่อกี้นี่รู้รึเปล่าคุณชิเงฮิโตะเคยพูดกับฉันเหมือนกัน”
“คะ?”
“ฉันเคยถามเล่นๆว่า ไปทำอะไรมาถึงได้มีคำสาปมาพัวพันกับเขาตลอด เขาก็ตอบว่ามาเพราะเลือดจักรพรรดิสุโตคุมันหอมมั้งมันเลยเรียกคำสาปมา ตอนนั้นฉันสตั๊นไปพักนึงแล้วถามกลับไปว่าทำไมไม่บอกกันก่อน เขาตอบว่าก็ฉันไม่ได้ถามไงก็เลยไม่ตอบ”
“ฮึๆๆๆ” เด็กสาวได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะในลำคอ ด้านชายหนุ่มเห็นว่าอีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างก็ยิ้มบางๆด้วยความเอ็นดู
แชะ!
“?!”
“?” แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงชัตเตอร์แทรกขึ้นมาทำให้ทั้งสองคนหันไปดูก็พบว่าเป็นริเสะที่ยกมือถือมาถ่ายแต่ลืมปิดเสียงนั่นเอง
“อะ…ลืมปิดเสียงซะงั้นแต่เอาให้ไปทุกคนดูดีกว่า”
“หยุดเลย! อย่าแม้แต่จะคิดเชียว” พอหญิงสาวชิ่งหนีเข้าไปข้างใน ริวโนะสุเกะก็รีบตามไปห้ามด้วยความร้อนรน ทำให้ที่ระเบียงตอนนี้เหลือแค่อากาเนะคนเดียว
‘เป็นกลุ่มคนที่คึกคักกันดีจังนะ’ ในตอนนั้นเอง ยูกิฮิเมะที่วันนี้เงียบหายไปนานก็ทักขึ้นมา
‘อื๋อ? เพิ่งตื่นเหรอ’
‘ตื่นนานแล้ว แต่เห็นว่าเจ้าทำธุระสำคัญอยู่ก็เลยไม่ได้มาคุย’ คำสาปสาวตอบ ‘แล้วนิทราโลหิตเป็นไงบ้าง เห็นนะว่าวันนี้เจ้าเอาออกมาใช้แล้ว’
‘สำหรับฉันถือว่าใช้ได้ แต่อาจจะต้องแก้กันอีกนิดหน่อยถึงจะออกมาดีแบบไม่ต้องแก้อะไรแล้ว’
‘เหรอ…ติดปัญหาอะไรก็เรียกข้าได้นะเผื่อจะช่วยได้’ แล้วยูกิฮิเมะก็เงียบไปแปบนึงก่อนจะเรียกอากาเนะอีกรอบ
‘…นี่ อากาเนะ’
‘ว่า?’
‘เจ้าว่า…ข้าควรมีความรักรึเปล่า’
‘…’ คำถามของเธอทำเอาเด็กสาวสตั๊นไป เพราะก่อนหน้านี้ยูกิฮิเมะดูไม่ได้อะไรกับการมีความรักเลย แต่หลังจากวันที่โกโจมาขอคุยกับยูกิฮิเมะวันนั้น อากาเนะก็เริ่มได้กลิ่นแปลกๆแต่ก็ไม่ได้ถามจนกระทั่งมาวันนี้ที่เธอไม่คิดว่าคำสาปสาวจะเป็นคนถามออกมาจากปากเอง
‘…ทำไมซื้อล็อตเตอรี่ไม่เคยถูกงี้บ้างวะ’
‘เจ้าอายุถึงแล้วเหรอ’
‘แค่เปรียบเปรยมั้ย ฮัลโหลลลล’ เด็กสาวประชด ‘แต่ถามได้มั้ย ไปชอบตอนไหนก่อน’
‘…ไม่รู้’
‘ห๊ะ?’
‘รู้แค่ว่าตอนแรกรู้สึกถูกชะตาก็เลยสนใจ รู้ตัวอีกทีก็ชอบไปแล้ว’
‘ทำไมได้ยินแล้วหุบยิ้มไม่ได้เลยวะ ช่วยด้วยยยย’ อากาเนะเอามือปิดปากกลั้นไม่ให้หลุดเสียงกรี๊ดออกมา ‘ถามหน่อย ที่พูดนี่มีเขินบ้างมั้ย’
‘…’
‘ไม่ตอบจะถือว่าใช่นะ’
‘ข้าคิดผิดรึเปล่าเนี่ยที่มาปรึกษาเจ้า…’
“…-ะ อากาเนะ”
“?” ในตอนนั้นเอง ก็มีคนเรียกเธอระหว่างที่คุยกับยูกิฮิเมะ โดยคนที่เรียกก็คือเซย์จินั่นเอง
“มีอะไรเหรอคะคุณปู่”
“คือปู่มีของอยากจะหลานช่วยดูหน่อยน่ะ ช่วยมากับปู่แปบนึงได้มั้ย”
.
.
.
ห้องเก็บของ
“ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเก็บ-นี่ไงเจอแล้ว” ซึ่งที่ๆชายแก่พามานั้ยเป็นห้องเก็บของที่เต็มไปด้วยวัตถุโบราณต่างๆ โดยของเขาเอามานั้นเป็นถุงเครื่องรางแล้วส่งให้หลานสาวของตน “หลังจากที่คุณพ่อเสีย ก็มีใครไม่รู้ส่งเจ้านี่มาที่บ้านเรากับโน้ตที่เขียนว่าห้ามเปิดและกรุณาส่งให้ผู้มีไสยเวทน้ำแข็งพันปี ปู่เลยจะถามว่าหลานพอรู้มั้ยว่ามันคืออะไร”
“? เกล็ด?” พออากาเนะเปิดออกมาก็เจอกับเกล็ดสีขาวแวววาวอยู่ข้างใน เธอจึงเอามันออกมาเพื่อดูเพิ่มเติม “นี่เกล็ดปลารึเปล่าคะ”
“ดูแล้วไม่น่าใช่นะ เพราะมันไม่มีกลิ่นคาวอะไรเลย”
“ลูกบอกว่ามีคนส่งเจ้านี่มาให้หลังจากที่พ่อตายใช่มั้ย” ระหว่างนั้นเอง เรียวตะที่อยู่ในลูกแก้วถามออกมา
“ครับ ส่งมาให้หลังจากที่พ่อตายไปหนึ่งวันด้วย”
“แล้วส่งมาในถุงเครื่องราง…รสนิยมอะไรของมันวะเนี่ย”
“ที่บอกว่าส่งให้ผู้มีไสยเวทน้ำแข็งพันปี-”
“อันนี้ปู่ก็ไม่รู้เหมือนว่ามันถึงได้ฟิกไว้แบบนั้น” อากาเนะยังถามได้ไม่จบ เซย์จิก็ตอบแทรกทันที “แต่มันอาจจะเป็นประโยชน์ให้หลานซักวันก็ได้เพราะงั้นปู่ยกให้นะ”
“เอ่อ…ก็ได้ค่ะ”
.
.
.
21:12 น.
ห้องนอนของฮิโรมิ
“แต่พอมาดูดีๆแล้วมันก็มีความเป็นเกล็ดงูอยู่เหมือนกันนะ”
“ใช่เหรอเรียวตะ ไม่ใช่ว่าเกล็ดงูมันเล็กกว่านี้เหรอ” หลังจากที่อากาเนะได้ถุงเครื่องรางปริศนามาแล้ว เธอก็ขอตัวปู่เธอไปนอนก่อนโดยห้องที่เขาเตรียมไว้นั้นเป็นห้องนอนของแม่เธอที่เหล่าคนใช้ได้ทำความสะอาดและเตรียมที่นอนไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเข้านอนอากาเนะก็เอาเกล็ดสิ่งมีชีวิตปริศนามาดูอีกรอบ เรียวตะเองก็ออกมาดูด้วยเช่นกัน
“แต่ความรู้สึกข้ามันบอกแบบนี้จริงๆนะ”
“แต่ถ้าเป็นเกล็ดงูจริง ดูจากสีแล้วนี่น่าจะงูเผือกเลยมั้ง” เด็กสาวว่าแล้วหันไปขอความเห็นจากยูกิฮิเมะบ้าง “ยูกิฮิเมะ ขอความเห็นหน่อย”
‘อันนี้ข้าสมมตินะ ถ้าเกิดไม่ใช่เกล็ดงูล่ะ?’
“หือ? เธอรู้เหรอว่ามันคืออะไร”
‘ไม่รู้หรอก แต่เมื่อกี้ข้าสมมติเฉยๆไง’
“แม่บอกอะไรมาบ้าง” เรียวตะถาม
“ยูกิฮิเมะบอกว่าถ้าเกิดไม่ใช่งูล่ะ แต่นางบอกอันนี้นางสมมติเฉยๆนะ”
“ไม่ใช่งู? ถ้าเอาใกล้เคียงเลยนี่เป็นเกล็ดมังกรแล้วแต่มันจะเป็นไปได้เหรอ”
“ถ้าสุคุนะมีสี่แขนได้ จะบอกว่ามีมังกรอยู่ในญี่ปุ่นก็คงไม่เกินจริงแล้วแหละ…”
.
.
.
กลางดึก
“…” เวลาล่วงเลยมาจนถึงกลางดึก อากาเนะก็นอนหลับในห้องอย่างสบายใจเฉิบ แต่ซักพักก็ถูกยูกิฮิเมะสลับตัวออกมาทำให้เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย ด้านยูกิฮิเมะที่สิงร่างอากาเนะอยู่ก็ลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วเดินไปตรงโต๊ะกระจกที่มีถุงเครื่องรางเจ้าปัญหาวางอยู่พร้อมทั้งเอาเกล็ดที่อยู่ข้างในออกมาดู
“เกล็ดงูก็แย่แล้วเถอะ นี่เกล็ดมังกรย่ะ” คำสาปสาวพึมพำ
“แถมยังเป็น-!?” แต่ในระหว่างนั้นเองเธอก็เหลือบไปมองตัวเองในกระจกแล้วพบความผิดปกติบางอย่างเข้า เธอจึงรีบเก็บเกล็ดนั้นเข้าถุงด้วยความเร่งรีบแล้วเอาฝ่ามือมาแนบตาขวาของเธอ
“แฮ่ก…แฮ่ก…” เธอหอบหายใจระรัวแล้วมองตัวเองในกระจกอีกครั้งและค่อยๆลดมือที่ปิดตาลงมา พอเห็นว่าตาเธอกลับมาเป็นปกติแล้วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“เฮ้อ…เปิดมาก็เอาเลยเหรอ”
‘อะไรกัน ไม่ได้เจอกันตั้งนานจะทักทายกันแบบนี้จริงๆเหรอ’
“?!!!!” ทันใดนั้นเองก็มีเสียงปริศนาที่ไม่ใช่ทั้งอากาเนะ เรียวตะ หรือคนจากบ้านฟุบูกิเลยแม้แต่คนเดียวดังขึ้นมาในหัวของเธอ ยูกิฮิเมะได้ยินแล้วถึงกับตัวชาราวกับถูกน้ำเย็นราดจากที่สูงเข้าตัว
“…เจ้านี่มันตายยากตายเย็นเหลือเกินซะจริง”
‘แหมๆๆ พูดจาแทงใจดำเหลือเกินนะแม่ราชินีหิมะคนงาม’ เสียงปริศนาพูดด้วยน้ำเสียงหยอกเอิน ‘ไม่ดีใจหน่อยเหรอที่เจ้าเจอวัตถุต้องสาปของตัวเองแล้วน่ะ’
“ถ้าวัตถุต้องสาปของข้ามันมีวิญญาณเจ้าอยู่ ข้ายอมยกให้พวกผู้ใช้คุณไสยทำลายมันทิ้งดีกว่า”
‘จะทำลายไปทำไม ในเมื่อเจ้านี่มันคือเครื่องบ่งบอกตัวตนที่แท้จริงของเจ้าน่ะ’ เสียงปริศนาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“ที่ข้ากลายเป็นคำสาปมันก็เพราะเจ้าไม่ใช่รึไง ทัตสึยะ” ยูกิฮิเมะขู่เสียงเย็นกลับพร้อมเอ่ยชื่อของเสียงนั้น
‘ฮึๆๆๆๆ ข้าล่ะชอบเจ้าตอนโมโหเสียจริง’ เสียงปริศนาที่ชื่อทัตสึยะพูดด้วยความชอบใจ ‘หือ? อะไรกันเนี่ย นี่เจ้าไปหลงรักมนุษย์งั้นเหรอ’
“!? อย่ามาอ่านความทรงจำข้า” คำสาปสาวเอ่ยเสียงดุพลางเอามือกุมหัวตัวเอง
‘โฮะโฮ่~ แถมยังเป็นผู้ใช้คุณไสยที่มีฝีมือเก่งกาจจนไม่มีใครเทียบติดซะด้วย ดูจากหน้าตาแล้วเป็นประเภทที่เจ้าชอบด้วยนี่’
“พอแล้ว…”
‘โกโจ ซาโตรุ…โอ้โห เจ้านี่มีเนตรริคุกันด้วยเหรอเนี่ย-’
“ทัตสึยะ หยุด!!” ยูกิฮิเมะตวาดออกมาด้วยความเหลืออด “ทั้งซาโตรุ…อากาเนะ…แล้วก็เรียวตะ…เจ้าอย่าได้ยุ่ง…กับคนพวกนี้เชียว”
‘…’ ทัตสึยะได้ฟังก็เงียบไปทันที ‘…ดูท่าว่าข้าจะแกล้งเจ้าแรงไปสินะ’
“แรงแบบมากๆด้วยเถอะ ข้าไม่น่าตื่นมาเลย”
‘แต่ขอแนะนำอะไรหน่อยนะ ถ้าเกิดเจ้าชอบชายที่ชื่อโกโจ ซาโตรุนั่นล่ะก็ เจ้าสาปแช่งเจ้านั่นให้อยู่กับเจ้าตลอดไปให้มันจบๆไปก็ได้นี่?’
“…ข้าทำไม่ได้”
‘หา?’ ประโยคของคำสาปสาวทำเอาทัตสึยะตกใจ
“มนุษย์กับคำสาปมันรักกันไม่ได้ทัตสึยะ อีกอย่างข้าไม่เคยหวังให้ซาโตรุจะตอบรับความรู้สึกข้าด้วยซ้ำ” ยูกิฮิเมะพูด “ข้าไม่อยาก…เสียใคร…ไปอีกแล้ว”
‘…เฮ้อ ข้าเบื่อที่จะคุยกับเจ้าแล้ว เดี๋ยวแวะมาใหม่นะ’ แล้วเสียงของทัตสึยะนั้นก็หายไป ด้านหญิงสาวก็เอาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วมองตัวเองในกระจกที่ตอนนี้มีความผิดปกติกลับมาอีกครั้งที่ตาขวาของเธอ
รูม่านตาจากที่เคยเป็นของมนุษย์กลับกลายเป็นเส้นขีดเรียวเฉกเช่นมังกร
“ไอ้มังกรเวร…”
.
.
.
Talkๆdesu : มาละตอนใหม่ อัดความพีคแบบจัดหนักจัดเต็ม ไหนๆเรื่องนี้ใกล้จบแล้ว (อีก2-3ตอนจบ) ก็ขอถามทุกคนนะคะว่า
เบื่อมั้ยที่เราชอบอัดอะไรพีคๆมาบ่อยๆแบบนี้
เพราะว่าช่วงที่เราแต่งอยู่เวลามีไอเดียป๊อบเข้าหัวแล้วว่าเอ้อ มันน่าลองนะว่าไปก็จะใส่เข้ามาในเรื่องอยู่หลายครั้ง
จะบอกว่าถึงเนื้อเรื่องหลักจบไปก็จะมีตอนพิเศษที่เราสามารถแยกไปเป็นอีกเรื่องได้แต่เราขอจัดอยู่ในหมวดตอนพิเศษของเรื่องนี้ดีกว่า
แล้วก็ขอบคุณคนอ่านทุกคนสำหรับสามปีที่ผ่านมา เราตั้งใจว่าลงตอนจบเสร็จก็จะเปิดตอนQ&A ก่อนตอนพิเศษถ้ามีใครสงสัยอะไรเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ตัวละครหรือจะถามว่าเรื่องนี้จะมีซีซั่น2มั้ยก็เม้นกันเข้ามาได้เลยนะคะ //ไหว้ค่ะทุกคน ช่วยถามกันหน่อยนะคะเราอยากตอบมากเลย
สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันเข้ามาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อเพราะมันใกล้จะจบแล้ว
เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยยยยยยยยยยยย
twitter: @bdm1228
ความคิดเห็น