คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : ขอต้อนรับสู่คฤหาสน์ตระกูลฟุบูกิ
09:43 น.
ณ จังหวัดนางาโนะ
“ใต้ตาคุณฮิโรโตะดูคล้ำนะคะ”
“ก็มีคนบ้าคนนึงใช้ฉันให้ทำงานจนไม่ได้นอนนี่แหละ”
“ขนาดนี้แล้วนายพูดชื่อฉันมาเลยเถอะ” วันต่อมาที่นางาโนะ อากาเนะก็ขึ้นรถไฟมาที่นางาโนะตามที่สัญญาไว้จริงๆ โดยวันนี้เธออยู่ในชุดไปรเวทอย่างเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวกับกางเกงขายาวสีดำและรองเท้าผ้าใบสีดำ ทรงผมจากมัดครึ่งหัวเปลี่ยนเป็นถักเปียเดี่ยวพอมาถึงเธอก็โทรหาฮิโตมิให้มารับที่สถานีนางาโนะ รอไปประมาณ 3 นาทีฮิโตมิก็ขับรถมารับและมีฮิโรโตะมาด้วยอีกคนและระหว่างที่ขับรถไปทั้งสามคนก็พูดคุยกัน
“คุณฮิโตมิคะ ที่บอกว่าที่บ้านมีคนอื่นอยู่นี่-”
“เรียกว่าเป็นสายให้ตระกูลเราดีกว่า ก็อย่างที่รู้กันว่าตระกูลฟุบูกิโดนพวกเบื้องบนเกลียดขี้หน้าแบบสุดๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคนจากตระกูลอื่นที่อยู่ข้างเราแต่ก็ไม่ได้ออกตัวกับพวกเบื้องบนว่าเป็นพวกเดียวกันกับพวกเรานะ ไม่งั้นเราจะซวยกันหมด” ฮิโตมิอธิบาย
“สายเราก็ไม่ได้มีคนเยอะขนาดนั้นหรอกแต่คัดมาดีแล้ว แล้วก็สาบานกันไปแล้วว่าจะไม่หักหลังกัน” ฮิโรโตะเสริม “ว่าแต่อากาเนะจังรู้เรื่องพินัยกรรมยัง”
“รู้แค่ว่าหนูเป็นแคนดิเดตว่าที่ผู้นำตระกูลคนต่อไปนี่แหละค่ะ”
“แล้วรู้รึยังว่าถ้าเกิดมีคนไม่เห็นด้วยจะเกิดอะไรขึ้น”
“…” อากาเนะใช้ความคิดไปพักนึงแล้วตอบกลับมา “สู้กัน?”
“มีความเป็นไปได้สูงเลยล่ะนะ” ฮิโตมิพูด “บางทีสันติก็ไม่ใช่ทางออก บางครั้งมันก็ต้องตบกันซักทีสองทีเรียกสติกันบ้าง”
“เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงบอกให้หนูเอาดาบมาด้วย…”
“นี่พี่ไปขู่อะไรอากาเนะจังใช่มั้ยเนี่ย”
“ขู่ก็แย่แล้ว แค่บอกไว้เฉยๆ” บทสนทนาของสองพี่น้องไม่ได้เข้าหัวของอากาเนะเลย เพราะเธอในตอนนี้กำลังจมอยู่กับความฝันที่ตัวเองฝันมาเมื่อคืน เธอฝันถึงตัวเองในสมัยที่ยังเป็นทารกอยู่และในกลางดึกคืนหนึ่งมีคนบางคนอุ้มเธอและพูดประโยคแปลกๆออกมา
สุริยันดับแสง จันทรามัวหมอง บุปผาร่วงโรย นคราวินาศ
พ่อขอส่งต่อเจตจำนงค์นี้ให้ลูกและขอพันธการมัน
แม้จะถูกพันธนาการ แต่หากได้พบกับไสยเวทที่พลังที่มีการทำลายล้างมากพอ
เมื่อนั้นโซ่ตรวนแห่งพันธการจะถูกปลดออก
ประโยคที่พูดออกมาถือว่าแปลกมากแล้ว หรือประโยคแปลกๆ ที่เรียวตะเคยพูดถึงอาจจะเป็นประโยคที่เธอฝันก็ได้แต่ที่แปลกที่สุดคือคนที่พูดประโยคนี้ในฝันก็คือ พ่อของเธอเอง
พ่อที่เสียชีวิตพร้อมกับแม่ของเธอ ชิเงฮิโตะ คาสึยะ
.
.
.
“ถึงแล้วล่ะ” หลังจากที่ขับรถกันมาจนถึงคฤหาสน์ญี่ปุ่นโบราณหลังใหญ่หลังหนึ่งที่หน้าประตูแปะป้ายไม้ขนาดเล็กไว้ว่าฟุบูกิหรือก็คือคฤหาสน์หลังนี้คือคฤหาสน์ของตระกูลฟุบูกินั่นเอง พอหาที่จอดรถกันได้แล้วทุกคนก็ลงจากรถและเดินเข้าไปในบ้าน
“ไม่ต้องเกร็งหรอก ทำตัวตามสบายเลยนะ” ฮิโตมิพูดกับเด็กสาวที่ตอนนี้ดูเกร็งสุดๆ
“จะพยายามค่ะ…”
แอ๊ด~!!
“โอ๊ะ? มาแล้วๆ!” ทันทีที่ฮิโตมิเปิดประตูห้องประชุม เหล่าแขกทั้งห้าคนที่อยู่ในห้องนี้ต่างหันมามองผู้มาใหม่ทั้งสามเป็นตาเดียว โดยเฉพาะอายาเมะที่ตื่นเต้นกว่าใครก็เดินเข้าไปหาทันทีแต่ก็ถูกใครบางคนดึงคอเสื้อเธอให้หยุดเดี๋ยวนี้
“เดี๋ยวเถอะเก็บอาการหน่อย ไม่งั้นเขากลัวเธอนะอายาเมะ”
“แค่ทักทายนิดๆหน่อยๆเองริเสะจัง นี่เธอไม่ไว้ใจฉันรึไง” อายาเมะทำหน้ามุ่ย
“ถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ”
“นิสัยไม่ดี”
“สาวๆ อย่าพึ่งตีกัน เด็กนั่นเกร็งหมดแล้ว” จินพูดเตือนสองสาวที่กำลังทะเลาะกันอยู่ก่อนที่ทั้งคู่จะกลับไปนั่งที่ตัวเอง “ดูเหมือนจะไม่ได้มาตัวเปล่าซะด้วย”
“ก็ฮิโตมิบอกไปแล้วนี่ว่าให้เอาอาวุธมาด้วย งานนี้ได้เห็นคนตีกันแน่นอน” ฮิเดโยชิ ยาสุโอะพูดเสียงเรียบแล้วหันไปหาริวโนะสุเกะ “ใช่มั้ยล่ะ อิชิดะ?”
“…” ริวโนะสุเกะไม่พูดอะไรเว้นแต่เขาปรายตามองอากาเนะด้วยตาเย็นชาไปแว่บนึงแล้วหันไปทางอื่นจนเรียวตะที่อยู่ในลูกแก้วอดแซะไม่ได้
‘รับบทเป็นหมาป่าเดียวดายไม่แคร์โลกรึไง’
‘ใจเย็นเรียวตะ’
“ทุกคนอยู่ในความสงบด้วย” ตัวแทนผู้นำตระกูลฟุบูกิ ฟุบูกิ เซย์จิเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทำให้ในห้องตกอยู่ในความเงียบทันที ไม่นานเขาก็เอ่ยทักทายเด็กสาวผู้มีศักดิ์เป็นหลานของเขาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะอากาเนะ สบายดีใช่มั้ย”
“…สบายดีค่ะ คุณปู่”
“งั้นนั่งลงก่อนเลย ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นหรอก”
“ขอบคุณค่ะ…” แล้วอากาเนะก็ไปนั่งตรงฝั่งซ้ายริมสุดที่ข้างๆ เธอนั้นคือริเสะที่กลับมาที่นั่งตัวเองและยาสุโอะ
‘ที่นี่เลี้ยงแมวด้วย? แถมเป็นแรกดอลล์อีกต่างหาก’ และบนโต๊ะนั้นก็มีแมวพันธ์ุแรกดอลล์ตัวใหญ่ที่นอนอยู่แต่ทุกคนก็ไม่ได้ไล่มันให้ลงไป
“งั้นก่อนเริ่มประชุมก็แนะนำตัว-”
“ไฮๆ หวัดดีจ้า ฉันชื่อโคซากุระ อายาเมะนะ ยินดีที่ได้รู้จักจ้า~” เซย์จิยังไม่ทันจะพูดจบ หญิงสาวเรือนผมสีชานมก็ชิงแนะนำตัวเองก่อนด้วยน้ำเสียงเริงร่า
“ฮิเดโยชิ ยาสุโอะ” ตามมาด้วยยาสุโอะที่เอ่ยเสียงเรียบ
“ส่วนฉันชื่อฮิโรมาสะ จิน จะเรียกคุณจินก็ได้นะฉันไม่ถือ” ตามมาด้วยจิน
“มานามิ ริเสะจ้ะ ฝากตัวด้วยนะ” ริเสะโบกมือทักทาย
“…” แต่ริวโนะสุเกะกลับเงียบใส่ไม่แนะนำตัวเองเหมือนคนอื่น
“ริวคุงอย่าแปลกหมู่สิ” อายาเมะพูด ริวโนะสุเกะก็ถอนหายใจและยอมทำตาม
“อิชิดะ…ริวโนะสุเกะ”
“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันขอเข้าเรื่องเลยนะ” เซย์จิเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังแล้วเอาจดหมายเก่าๆ ฉบับหนึ่งออกมา “ที่เรียกทุกคนมาวันนี้คือเรื่องตำแหน่งผู้นำตระกูลฟุบูกิที่ปัจจุบันนั้นว่างอยู่ โดยจดหมายนี่คือพินัยกรรมที่ผู้นำตระกูลคนล่าสุดฟุบูกิ ยูอิหรือก็คือแม่ของฉันได้เขียนเอาไว้ว่า หากผู้ใดในตระกูลฟุบูกิเกิดมาแล้วมีวิชาคุณไสยน้ำแข็งพันปี ผู้นั้นจะได้สิทธิในการเป็นผู้นำตระกูลฟุบูกิทันที หากมีใครคัดค้านก็จงพิสูจน์ตัวเองว่าตนนั้นเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำตระกูล”
‘นี่สินะที่คุณฮิโตมิบอกว่าล็อคมงเนี่ย…เดี๋ยวนะ ชื่อยูอินี่ทำไมฟังดูคุ้นๆแฮะ’ อากาเนะคิดในใจ
“แล้วในบรรดาพวกเราทุกคนในทีแรกไม่มีใครมีวิชานี้ซักคน จนกระทั่ง…” เซย์จิไม่พูดอะไรต่อนอกจากมองตาเธอด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ได้รวมถึงแขกคนอื่นๆทุกคน
“นักเรียนปีหนึ่งโรงเรียนไสยเวทโตเกียวที่มีวิชาคุณไสยน้ำแข็งพันปีเป็นไสยเวทประจำตัวแล้วมารู้ทีหลังว่าตัวเองเป็นภาชนะของวิญญาณคำสาประดับพิเศษยูกิฮิเมะ ฟุบูกิ อากาเนะค่ะ…” เด็กสาวแนะนำตัวเองด้วยเสียงเอือมระอา
“หา!? ที่บอกว่าเป็นภาชนะนี่เรื่องจริงหรอกเหรอ” จินร้องลั่นด้วยความตกใจจนเจ้าแมวแรกดอลล์ที่นอนอยู่สะดุ้งตื่น
“ก็ฉันเคยบอกไปแล้วนี่ ทุกวันนี้นายคิดว่าฉันพูดเล่นรึไง” ฮิโรโตะแย้ง “แล้วคนที่บอกฉันก็คือโกโจด้วย แปลว่านายไม่ได้ฟังเลยใช่มั้ย”
“วันนั้นหมอนี่มันเมาด้วย อย่าลืมสิถ้าเหล้าเข้าปากหมอนี่แล้วมันก็ลืมทุกอย่างเลย” อายาเมะพูดแขวะ
“แล้วก็เป็นภาระให้คนใช้ที่บ้านอีก…” ฮิโตมิบ่น
‘ไหนนายบอกว่าคนในตระกูลนี้มันมีคนที่มีทัศนคติดีไง’ เด็กสาวถามยมทูต
‘แต่ในยุคข้ามันมีนะสาบานได้ อาจจะแค่ปากแซ่บเกินเบอร์มั้ง’
‘ถามจริง…’
“อะแฮ่ม!” ระหว่างนั้นเซย์จิก็กระแอมเรียกทุกคนเลิกนอกเรื่อง จากนั้นก็หันมาคุยกับอากาเนะ “งั้นขอถามหลานก่อน หลานคิดเห็นยังไงกับพินัยกรรมนี่?”
“ก็…ถ้าเอาตามความจริงก็แอบไม่เข้าใจน่ะค่ะว่าทำไมมันต้องเอาคนที่มีวิชานี้มาเป็นผู้นำตระกูลด้วย”
“แล้ว?”
“ที่บอกว่าถ้ามีคนคัดค้าน ก็ให้พิสูจน์ตัวเองนี่คือ-”
“ก็ให้สู้กันนี่แหละ ถ้าคุยกันดีๆแล้วไม่ชอบมันก็ต้องตบซักหน่อย” ในตอนนั้นเองก็มีเสียงหญิงสาวที่ไม่คุ้นหูดังขึ้น เด็กสาวผมแดงมองซ้ายมองขวาหาเจ้าของเสียงแต่ก็ไม่พบเจ้าตัว
“อยู่นี่จ้า อยู่บนโต๊ะเนี่ย”
“…ห๊ะ!?” อากาเนะร้องตกใจและทำหน้างงเสียงเพราะต้นเสียงที่ว่านี้มาจากแมวแรกดอลล์ที่ตอนนี้เปลี่ยนมานั่งอยู่ตรงหน้าเธอ มิหนำซ้ำยังพูดภาษาคนได้อีก
“แม่เพิ่งตื่นเหรอ หนูว่าพวกเราก็คุยกันดังอยู่นะ” ฮิโตมิพูดคุยกับแมวตัวนั้นแถมเธอก็ยังเรียกมันว่าแม่อีก ทำให้เด็กสาวงงกว่าเดิม
“แม่ตื่นเพราะเสียงจินคุงน่ะ เล่นเอาปวดหูเลย” แมวตัวนั้นพูดพลางยืดตัวยืดเส้นยืดสายไปด้วย “คงจะตกใจสินะว่าทำไมฉันถึงอยู่ในสภาพนี้ แต่ที่จริงแล้วฉันเป็นคุณย่าของเธอชื่อซาโอโตเมะ โคฮารุจ้ะ ถ้าอยากรู้รายละเอียดล่ะก็เอาไว้คุยทีหลังนะ”
‘ชีวิตฉันมันจะไปสุดตรงไหนบ้างเนี่ย…’ เด็กสาวคิดในใจเพราะตั้งแต่เกิดมาแค่เป็นเพื่อนกับยมทูตว่าพีคแล้ว จนกระทั่งมีพีคกว่าคือเป็นภาชนะให้ยูกิฮิเมะ และล่าสุดก็คือแมวพูดได้ที่อ้างว่าเป็นย่าตัวเองอีก
มีอะไรพีคกว่านี้อีกมั้ย
“โคฮารุ ฉันขอคุยกับอากาเนะแปบนึง” เซย์จิพูด
“จ้าๆ ก็ได้จ้า”
“ก็อย่างที่ย่าเราบอกนั่นแหละ ถ้ามีคนไม่เห็นด้วยก็ต้องมาสู้กันแล้วพอดีว่ามันมีอยู่คนนึงไม่เห็นด้วยกับพินัยกรรมนี่” ชายแก่อธิบายแล้วหันไปมองริวโนะสุเกะที่เอามือเท้าคางด้วยความเบื่อหน่าย “ขอเหตุผลได้มั้ย อิชิดะ ริวโนะสุเกะ”
“…เราจะมั่นใจได้ไงว่าวิญญาณคำสาปในตัวเด็กนี่อยู่ข้างเดียวกับเรา”
“…” ทุกคนในห้องประชุมไม่มีใครพูดอะไรปล่อยให้ชายหนุ่มพูดเหตุผลของตัวเองต่อ
“แถมยังเป็นระดับพิเศษอีก วันดีคืนดีอาจจะยึดร่างแล้วฆ่าพวกเราทิ้งกันหมดก็ได้ ผมเองก็อยากรู้ด้วยวิชานี้มันมีดีอะไรถึงทำให้ผู้นำคนก่อนอยากให้คนที่มีวิชานี้มาเป็นผู้นำตระกูลแถมจะควบคุมได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้ คุณคงไม่ว่าอะไรนะถ้าผมจะขอท้าสู้กับหลานคุณน่ะ คุณเซย์จิ”
“…ปู่คะ” ทันใดนั้นเอง อากาเนะก็เรียกเซย์จิด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ว่า?”
“ปกติแล้วถ้าเป็นสถานการณ์แบบนี้ก็ต้องสู้กันเพื่อแย่งตำแหน่งผู้นำตระกูลใช่มั้ยคะ”
“ถ้าโดยทั่วไปแล้วก็ใช่”
“…ที่คุณอิชิดะท้ามา ขอรับคำท้านั้นค่ะ”
“?!” สิ้นประโยคของเด็กสาวทุกคนก็ทำตาโตตกใจ แต่คนที่ตกใจที่สุดกลับไม่ใช่ตัวคนท้าอย่างริวโนะสุเกะแต่เป็นเซย์จิต่างหาก
“เดี๋ยวอากาเนะ!? หลานรู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกไป” เขาถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“รู้ค่ะ แต่ที่รับคำท้าไม่ใช่เพราะจะเอาตำแหน่งผู้นำตระกูลนะคะ เพราะหนูยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะเป็นดีมั้ย”
“แล้วที่รับคำท้านี่คือ?”
“แค่ไม่ชอบที่มาดูถูกกันว่าวิชานี้มันมีดีอะไรเฉยๆค่ะ ถ้าอยากรู้ขนาดนั้นเดี๋ยวจะจัดให้เอามั้ยคะคุณอิชิดะ” เด็กสาวมองชายเจ้าของนามสกุลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเธอด้วยสายตาเย็นชาแต่สำหรับแขกที่เหลือแล้วกลับรู้สึกชอบใจแทน
“เอาล่ะ ฉันชอบเด็กนี่” จินขำคิกคักด้วยความชอบใจ
“แล้วสถานที่-”
“เดี๋ยวให้ไปสู้ที่โรงฝึก ทั้งสองคนตามฉันมา” ยาสุโอะที่กำลังถามถึงสถานที่ที่จะใช้ประลอง เซย์จิก็พูดตัดหน้าก่อนและลุกขึ้นยืนเพื่อให้ผู้ประลองทั้งสองตามตัวเอง ริวโนะสุเกะและอากาเนะมองหน้ากันแว่บนึงก่อนบลัฟใส่กันเป็นการเรียกน้ำย่อยแล้วตามเซย์จิไป
“งานนี้ไม่ออมมือนะ”
“ก็ไม่ได้ขอให้ออมมือนี่คะ”
.
.
.
“ทั้งสองคนมีอะไรจะพูดก่อนมั้ย” ณ โรงฝึกที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านที่ทุกคนอยู่ตอนนี้ เซย์จิที่ทำหน้าที่เป็นกรรมการได้ถามผู้ประลองทั้งสองคนได้แก่อากาเนะเป็นฝ่ายที่มีอาวุธอย่างดาบคาตานะในมือในขณะที่ริวโนะสุเกะไม่มีอาวุธ
“คุณเซย์จิ งานนี้ขอใช้วิชาคุณไสยสู้กันนะครับ”
“นี่!? -”
“ทางฉันไม่มีปัญหาค่ะ” ไม่ทันที่เซย์จิจะแย้งอะไร อากาเนะก็แทรกขึ้นมาก่อนว่าตนนั้นไม่มีปัญหาอะไร “อ้อคุณปู่”
“…มีอะไร”
“เอาให้ถึงตายได้มั้ยคะ”
“?!” ประโยคที่ไม่คาดคิดออกจากปากของเด็กสาวทำเอาทุกคนช็อกยกเว้นริวโนะสุเกะที่ผิวปากออกมา
“คิดว่าทำได้เหรอ”
“ไม่ลองก็ไม่รู้ค่ะ”
“เป็นเด็กเป็นเล็กแต่ปากจัดเหลือเกินนะ” แล้วทั้งสองคนก็ตั้งท่าเตรียมต่อสู้กัน ทางเซย์จิก็ได้แต่กุมขมับเหนื่อยใจเพราะห้ามไปก็ไม่ฟังแล้วจากนั้นก็ให้สัญญาณเริ่มการต่อสู้
“หากทั้งสองฝ่ายพร้อมแล้ว…เริ่มสู้ได้”
ฉัวะ!!
“!!?” สิ้นเสียงสัญญาณเริ่ม อากาเนะก็บุกโจมตีก่อนด้วยการฟันจากไหล่ลากยาวไปจนถึงเอวของอีกฝ่ายทันที ทำให้เหล่าคนดูทั้งหลายต่างตกใจกับการโจมตีที่ไม่ทันได้ตั้งตัวนี้
“…:)” แต่คนถูกโจมตีกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรแถมยังยิ้มราวกับรู้อยู่แล้วว่าเด็กสาวจะเปิดชิงโจมตีก่อน
“?”
ฉัวะ!!
“?!” อากาเนะที่เกิดความสงสัยได้ไม่กี่วิจู่ๆ ก็ถูกบางอย่างฟันเข้าที่บริเวณเดียวกันจนเธอต้องกระโดดถอยหลังไปตั้งหลักก่อน
“นี่คุณไปเอาอาวุธมาจากไหน”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย เธอทำตัวเองทั้งนั้นนะ” ริวโนะสุเกะพูดอย่างสบายอารมณ์ผิดกับอากาเนะที่ตอนนี้กัดฟันทนเจ็บกับบาดแผลที่ตอนนี้เธอเลือกที่จะยังไม่ใช้ไสยเวทย้อนกลับรักษาตัวเอง
‘ทำตัวเอง? …แต่เดี๋ยวนะทำไมแผลคุณอิชิดะมันไม่ได้หนักเท่าเราล่ะ’ เด็กสาวเริ่มคิดวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ ตอนแรกเธอใช้ดาบฟันใส่ก่อนแต่ต่อมาก็โดนอะไรก็ไม่รู้ฟันสวนกลับมา อีกทั้งรอยแผลที่เธอตั้งใจทำนั้นก็แอบลึกอยู่แต่อีกฝ่ายกลับได้รับความเสียหายได้ไม่เท่าเธอ ถ้าเกิดเทียบเป็นค่าเปอร์เซ็นต์แล้วถ้าเธอใส่ไป100%แล้วอิชิดะกลับได้รับความเสียหายแค่30%เท่านั้นในขณะที่ตัวเองโดนกลับมา100%
แถมเธอยังเห็นออร่าพลังไสยเวทที่ออกมาจากตัวอิชิดะอีก
“…” เด็กสาวคิดวิเคราะห์ไปอีกพักใหญ่ก่อนจะใช้ไสยเวทย้อนกลับรักษาแผลตัวเอง ทางคนดูที่เห็นก็ตาโตด้วยความสนอกสนใจที่ไม่คิดว่าอากาเนะจะใช้ไสยเวทย้อนกลับได้ด้วย
“มานามิ บอกฉันทีว่าฉันไม่ได้ตาฝาด” ยาสุโอะพูดกับริเสะ
“ไม่น่ามีใครตาฝาดซักคนหรอกค่ะคุณฮิเดโยชิ เด็กคนนั้นใช้ไสยเวทย้อนกลับได้”
“ก็คือมีจริงๆด้วยสินะ…” ฮิโตมิพูด ที่ตัวเองคิดไว้เมื่อตอนจบงานเชื่อมสัมพันธ์มันเป็นความจริงไปแล้ว
‘ใช้ไสยเวทย้อนกลับได้ด้วย? สงสัยจะจัดเบาๆไม่ได้แล้วสิ’ ชายเรือนผมสีควันบุหรี่คิด
“…สะท้อนกลับ” ในตอนนั้นเอง อากาเนะก็พูดอะไรแปลกๆ ออกมา
“?”
“ไสยเวทของคุณอิชิดะคือการสะท้อนกลับใช่มั้ยคะ”
“…ฮึๆ ดูออกเร็วจังนะ” ชายหนุ่มยกยิ้มชอบใจและเปิดเผยวิชาคุณไสยของตัวเอง “ใช่ ไสยเวทของฉันคือสะท้อนความเสียหายใส่ศัตรูและลดความเสียหายให้กับตัวเองแบบที่เธอโดนไปเมื่อกี้ไง”
“เป็นพลังที่โกงจังนะคะ”
“คนที่มีไสยเวทย้อนกลับอย่างเธอน่ะไม่ต้องพูด”
‘งั้นสิ่งที่เราต้องทำคือทำยังไงก็ได้ให้คุณอิชิดะปลดวิชาของตัวเอง แถมดูไม่น่าจะปลดออกง่ายๆด้วย’ อากาเนะเริ่มคิดหาวิธีอื่นที่จะเอาชนะชายหนุ่มตรงหน้า
“แล้วถ้าเป็นแบบนี้ล่ะคะ?”
ปัก!
กึกๆๆๆๆๆๆ!!!
“?!” ทันทีที่อากาเนะเอาดาบปักลงกับพื้นก็มีน้ำแข็งพุ่งโจมตีมาทางอิชิดะด้วยความรวดเร็ว ทางคนถูกโจมตีก็กระโดดหลบออกไปทางอื่นและพบว่าเด็กสาวผมแดงหายไปแล้ว
ฉัวะ!!
ผัวะ!!
“อึก!?!” อากาเนะที่อ้อมมาจากด้านหลังเอาดาบมาแทงเข้าช่วงท้องของริวโนะสุเกะแต่ก็ยังไม่วายที่โดนสะท้อนกลับมาอีกทั้งยังโดนต่อยเข้ากลางอกอีก ทำให้เธอต้องถอยออกมาใช้ไสยเวทย้อนกลับรักษาตัวเองก่อน
‘จะไม่ยอมปลดง่ายๆเลยใช่มั้ย!?’
“จะโจมตีมาเท่าไหร่มันก็ไม่ได้ผลหรอก” ชายหนุ่มพูดเยาะเย้ย ทางเด็กสาวก็เงียบไปเว้นแต่เธอกำลังเอาใบดาบมากรีดฝ่ามือตัวเองจนอีกฝ่ายสงสัยว่าจะทำอะไร
“ไม่เข้ามาโจมตีต่อแล้วเหรอ”
“ไม่ค่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว” อากาเนะว่าแล้วกำมือที่เป็นแผลและยื่นออกมาด้านหน้า “ที่จริงก็ไม่ได้อยากจะใช้เท่าไหร่เพราะมันอยู่ในช่วงเบต้าเทส แต่ดูจากสถานการณ์เมื่อกี้สงสัยต้องใช้ซะหน่อยแล้ว”
“อะไรนะ” ไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มสงสัย เด็กสาวก็ค่อยๆคลายมือที่ชุ่มไปด้วยเลือดออกมา
“วิชาน้ำแข็งพันปี”
นิทราโลหิต
แหมะ!!
ฟู่วววววว~~~!!!!!
“?!!” เมื่อเลือดของเธอหยดลงพื้น ทั้งโรงฝึกก็ถูกน้ำแข็งปกคลุมทันที ทำเอาทั้งคนแข่งและคนดูต่างตกใจกับพลังที่เด็กสาวปล่อยออกมาเมื่อครู่
“พระเจ้า…โรงฝึกก็ไม่ใช่เล็กๆแต่นี่ฟรีซจนทั่วภายใน2วิคือเกินไป” จินตกตะลึงกับภาพตรงหน้าตัวเอง
“…” ส่วนฮิโรโตะก็ช็อกจนพูดไม่ออก
‘ทำที่นี่เป็นน้ำแข็งภายในพริบตาเหรอ-?!’ ริวโนะสุเกะที่กำลังคิดหาวิธีรับมืออยู่ จู่ๆก็เกิดรู้สึกปวดหัวขึ้นมาดื้อๆ จนต้องมือกุมหัวตัวเอง
‘ทำไมรู้สึกปวดหัวแปลกๆแถมยัง…รู้สึกง่วง-’
“!?” แต่พอปลายดาบของเด็กสาวสัมผัสเข้าที่คอเขาก็รีบเบี่ยงตัวหลบออกทันทีและการโจมตีที่ไม่ทันตั้งตัวนี้ทำให้เขาได้แผลเฉี่ยวที่คอกลับมา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันไม่ได้สะท้อนกลับไปหาอากาเนะแล้ว
“ไม่โดนสะท้อนกลับแล้ว!?” โคฮารุที่ถูกอายาเมะอุ้มอยู่พูดด้วยความตกใจ
“แต่ดูจากสีหน้าแล้ว เหมือนริวคุงจะปลดไสยเวทตัวเองแบบไม่รู้ตัวนะคะ” อายาเมะว่า
‘แม่งเอ๊ย!? ยังหลบได้อีก!’ ส่วนอากาเนะก็สบถด้วยความหัวเสีย ‘ถ้างั้น’
กึกๆๆ!!
“!?” แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่าก็เกิดขึ้นเมื่อร่างของอากาเนะบางส่วนมีน้ำแข็งเกาะตามร่างและบรรยากาศความเย็นในโรงฝึกนั้นก็เย็นกว่าเดิม
‘ทำห้องให้เย็น-เอาอีกแล้ว เริ่มง่วงอีกแล้ว-’ ริวโนะสุเกะเกิดความรู้สึกง่วงกว่าเดิมจนกระทั่งเขานึกอะไรบางอย่างออกและตัดสินใจที่จะยกมือทั้งสองข้าง
‘ปลดไสยเวทไม่พอแถมเพิ่มช่องโหว่-’
“โอเค ฉันขอยอมแพ้”
ชิ้ง!
“…ห๊ะ?” ประโยคของชายเรือนผมสีควันบุหรี่ทำเอาทั้งคนดูและเด็กสาวที่กำลังจะปลิดชีพเขาด้วยการปาดคออีกรอบถึงกับชะงัก
“แปบนะ เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ” ฮิโรโตะถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ก็บอกว่ายอมแพ้ไง ฉันว่าฉันพูดชัดอยู่นะ”
“ถามจริง…”
“…?” อากาเนะที่เก็บดาบตัวเองเข้าฝักจู่ๆก็มีเสื้อฮาโอริมาคลุมร่างเธอ ซึ่งคนที่เอามาให้ก็คือปู่ของเธอเอง ทำให้เธอเอียงคอด้วยความสงสัย
“เสื้อขาดแล้วมันเห็นข้างใน”
“?!” พอเขาพูดเท่านั้นแหละ หน้าของเธอก็ขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัดแล้วรีบวิ่งไปหลบหลังฮิโตมิทันที
“แล้วแกจะทักทำเพื่อ?” ยาสุโอะเอ็ด
“ถ้าไม่ทักเขาก็ไม่รู้ไงเผลอๆปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นเลย” เซย์จิเอ่ยด้วยความหัวเสีย “ฮิโตมิ ฝากหาเสื้อใหม่ให้อากาเนะด้วย”
“ค่าๆ” ฮิโตมิขานรับ “แต่ว่านะอากาเนะจัง ถ้าเป็นไปได้เราละลายน้ำแข็งโรงฝึกได้มั้ย คือไม่อยากเสียค่าทำโรงฝึกใหม่น่ะ”
“เอ่อ…แปบนะคะ” แล้วอากาเนะย่อตัวลงแล้วเอามือไปแตะกับพื้น จากนั้นน้ำแข็งที่เกาะทั่วโรงฝึกก็ค่อยๆวิ่งกลับเข้ามือเธอจนไม่เหลือน้ำแข็งเกาะแล้ว “เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“เห~ เรียกน้ำแข็งกลับมาได้ด้วยแฮะ ไม่เลวเลยนี่” จินพูดอย่างสนอกสนใจ
“เพราะว่าท่าที่เพิ่งใช้ไปมันอยู่ในช่วงเบต้าเทสค่ะ ถ้าทำให้เสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่ฉันก็ทำแบบเมื่อกี้ไม่ได้แล้ว”
“ห๊ะ?” พอชายหนุ่มทำหน้าไม่เข้าใจ เธอก็ต้องอธิบายให้ฟัง
“นิทราโลหิตเป็นไสยเวทที่ใช้เลือดตัวเองเป็นตัวระเบิดน้ำแข็งโดยส่งพลังไสยเวทไปที่เลือด พอเลือดหยดลงบนพื้นแล้วมันจะระเบิดกลายเป็นน้ำแข็งเหมือนกับเมื่อกี้ แล้วก็ไอเย็นของน้ำแข็งที่ระเบิดออกมาก็…เรียกยังไงดี…จะทำคนให้รู้สึกง่วงเหมือนโดนยาสลบอะไรประมาณนี้น่ะค่ะ”
“มิน่าล่ะตอนนั้นฉันรู้สึกง่วงตลอด” ริวโนะสุเกะพูด “แต่กับคนอื่นไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่?”
“เพราะฉันเจาะจงเป้าหมายว่าเป็นคุณด้วยค่ะมันก็เลยมีผลแค่กับคุณคนเดียว แต่ถ้าเกิดที่ปล่อยไปยังทำให้สลบไม่ได้ฉันก็ต้องเพิ่มความเข้มข้นด้วยการทำตัวเองให้เป็นน้ำแข็งอีก” เด็กสาวตอบตามความจริง “ที่บอกว่าอยู่ช่วงเบต้าเทสเพราะท่านี้ฉันเพิ่งคิดได้เมื่อวานนี้เอง”
“…หาาาาา!?!!” ทุกคนในโรงฝึกร้องตกใจยกเว้นอากาเนะและริวโนะสุเกะที่เจ้าตัวมองเธอด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อที่ท่าไม้ตายที่เธอใช้วันนี้นั้นเพิ่งคิดได้เมื่อวาน
“นี่หลาน…โอย…ไม่รู้จะพูดอะไรเลยฉัน” เซย์จิกุมหัวด้วยความเหนื่อยใจจนเขาต้องขอสรุปจบผลการประลองนี้ไปก่อน “เอาเป็นว่าการประลองครั้งนี้อากาเนะเป็นฝ่ายชนะ แต่เนื่องจากเจ้าตัวบอกว่ายังไม่ได้คิดเรื่องตำแหน่งผู้นำ ดังนั้นผู้นำตระกูลก็จะยังคงว่างอยู่”
“…” ส่วนริวโนะสุเกะยังคงไม่พูดอะไรก่อนจะเรียกอากาเนะ “นี่เธอ”
“คะ?”
“งานเชื่อมสัมพันธ์จัดไปแล้วใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ จัดไปแล้ว”
“เหรอ…”
“อะไรอะริวคุง อย่าบอกนะว่านายจะเสนอชื่อให้พวกเบื้องบนเหรอ” อายาเมะถาม
“เปล่า แค่ถามเฉยๆ”
“ตอแหล” แต่ริเสะแซะเขากลับมา
“เด็กๆ อย่าพึ่งทะเลาะกันตอนนี้สิ ถ้าจะทะเลาะก็ไปทะเลาะกันนอกรอบนะ” โคฮารุห้าม “แถมตอนนี้ฉันก็หิวแล้วด้วย เพราะงั้นไปกินข้าวกันก่อนมั้ย”
“นั่นสินะ ใกล้ถึงเวลาเที่ยงแล้วด้วย” เซย์จิว่าแล้วเดินออกจากโรงฝึกไปคนแรกแล้วคนอื่นๆ ก็ตามเขาออกไป ยกเว้นอยู่คนนึงที่ฮิโตมิสังเกตเห็นว่ามีคนยังไม่ได้ออกมา
“? ฮิโรโตะ ออกมาได้แล้วมั้ง”
“เดี๋ยวตามไปนะพี่ ขอเวลาแปบนึง” ประโยคของน้องชายตัวเองทำเอาหญิงสาวเรือนผมสีม่วงขมวดคิ้วแต่เธอก็ไม่ได้เค้นอะไรต่อและออกจากโรงฝึกพร้อมกับคนอื่นๆ พอฮิโรโตะเห็นว่าคนอื่นออกไปได้ไกลพอควรแล้ว เขาก็นั่งยองๆ พร้อมกัดนิ้วตัวเองจนเลือดออก จากนั้นก็ใช้เลือดจากนิ้วนั้นมาป้ายกับพื้นซักพักคราบเลือดก็สลายหายไป
‘ดูแล้วเพิ่งจะตื่นได้ไม่นาน…แปลว่าตอนที่พี่คาสึยะให้มาก็คงผนึกพร้อมกันด้วย แต่ก็โดนวิชาคุณไสยน้ำแข็งพันปีมาปลดออกจนได้’ ชายหนุ่มคิดในใจพลางนึกถึงเรื่องที่เขาไปได้ยินจากทาคาชิมาเมื่อวาน ‘พลังไสยเวทจากตัวอากาเนะจังเองก็รุนแรงแล้ว พอได้ไอ้นั่นมาบัฟเพิ่มมันเลยแรงกว่าเดิมอีก…’
“เจตจำนงค์แห่งความวินาศ…แล้วพี่ก็กล้าเอาของแบบนี้ให้ลูกตัวเองเนี่ยนะ พี่คาสึยะ”
.
.
.
Talkๆ desu : แวะมาอัพก่อนจะไปตายกับสอบไฟนอลในเดือนหน้าค่ะ เห็นคนมาเม้นสงสัยว่าพ่อน้องอากาเนะคือเคนจาคุใช่มั้ย คือเราประทับใจกับเม้นนั้นมากแต่เราจะบอกทุกคนว่าอย่าไปคิดเยอะะะะะะะะะะะ มันไม่มีอะไรหรอกกกกกกกกกกก เดี๋ยวเราจะเฉลยเรื่องพ่อน้อนในตอนหน้ากันนะคะ
ขอแปะอิมเมจแมวแร็กดอลล์ที่เป็นแม่ของฮิโตมิกับฮิโรโตะก่อน
สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันมาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจในการแต่งต่อไป
เจอกันตอนหน้าค่า บ๊ายบายยยยยยยยยยยยยยยยยย
twitter: @bdm1228
ความคิดเห็น