NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ss1+2+3) | Fic Jujutsu Kaisen x OC | The Grim reaper eye

    ลำดับตอนที่ #32 : ผลลัพธ์ที่เกินคาด

    • อัปเดตล่าสุด 15 ส.ค. 67


    ตึกๆๆๆๆๆๆ!!!!

    ฉับๆๆๆๆๆๆ!!!!!

    “ชิ! มีกี่ตัวกันแน่เนี่ย” หลังจากจัดแจงหน้าที่กันเรียบร้อยแล้ว ทางอิตาโดริก็ต่อสู้กับวิญญาณคำสาปตนนั้นไปฝนขณะที่อีกสามคนก็จัดการตัวตุ่นทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ แต่มันก็ยังไม่เสร็จซักทีจนฟุชิงุโระบ่นด้วยความรำคาญ

    “มากันไม่หยุดไม่หย่อนเลย” อากาเนะว่าพลางมองคำสาปตัวตุ่นที่งอกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    “ทำแบบเดียวกับเกมตีตัวตุ่นก็พอสินะ” คุงิซากิถาม

    “ตามนั้นแหละ ช่วยปัดเป่าต่อไปเรื่อยๆแบบนั้นที มาจัดการให้หมดกันเถอะมันไม่น่าจะโจมตีสวนมา” คนผมดำพูด 

    “ถึงจะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่เพราะขอบเขตไสยเวทมันกว้าง ร่างต้นก็เลยไม่มีความสามารถในการโจมตีเหรอ” สาวผมน้ำตาลถาม

    “ก็แค่บางทีน่ะ”

    “เผลอๆพวกเราอาจจะโดนดักโจมตีจากซักที่ก็ได้” อากาเนะเอ่ยเสียงเรียบแล้วเตรียมจัดการตัวตุ่นต่อ “งั้น-”

    หมับ!!

    “?!”

    “!!?/โนบาระจัง!-”

    ครืนนนน

    “?!” 

    “คุงิซากิ! ฟุบูกิ!” แต่ในตอนนั้นเองก็มีหลุมมิติโผล่มาและมีมือปริศนามาดึงตัวคุงิซากิไป แต่เท่านั้นไม่พอก็มีหลุมมิติอีกที่โผล่ออกมาพร้อมกับมือปริศนาอีกสองคู่มาดึงตัวอากาเนะไปอีกทางจนฟุชิงุโระหน้าเสียและพยายามคว้าสองคนนั้น

    “ไม่ต้องห่วง นายไปตีตัวตุ่นซะ”

    “เมงุมิคุงจัดการต่อเลย ทางนี้ฉันรับมือได้” แล้วทั้งคู่ก็ถูกดูดหายไปทันที ทำให้เด็กหนุ่มผมดำที่ไม่สามารถช่วยสองสาวได้ทันก็กัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ

    ‘เอาอีกแล้ว ทำไมสองคนนั้นถูกดูดไปที่อื่นอยู่เรื่อยเลย?!’

    “คุงิซากิ? อากาเนะ?” ทางอิตาโดริที่เห็นภาพนั้นพอดีก็เกิดความสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

    “อะไรอ่ะ พี่ชายกับเจ้าแฝดเองหรอกเหรอ” ในตอนนั้นเองเจ้าวิญญาณคำสาปก็พูดอะไรแปลกๆออกมาแล้ววิ่งไปหาหลุมมิติที่ดึงตัวคุงิซากิไปเมื่อครู่ “ไปหาพี่ชายดีกว่า รอฉันด้วยยยย!!”

    พรึ่บ!!

    “หา!? หนีไปแล้ว!” ทางอิตาโดริเห็นว่ามันวิ่งเข้าหลุมไปแล้วก็ช็อก “ปล่อยไว้จะดีเหรอ”

    “นายไล่ตามเจ้านั่นไป!” ฟุชิงุโระออกคำสั่ง “คุงิซากิกับเจ้านั่น รวมถึงฟุบูกิออกไปนอกเขตแดนกันแล้ว อาจจะเจอกับตัวน่ารำคาญกว่าที่คาดก็ได้!”

    “แล้วอากาเนะล่ะ!?”

    “เสร็จจากนี่เดี๋ยวฉันไปช่วยยัยนั่นเอง ที่นี่ฉันคนเดียวไหวนายไปช่วยคุงิซากิก่อน รีบตามไปซะ!!”

    “…ถ้าอันตรายขึ้นมา ฟุชิงุโระก็ออกมาด้วยล่ะ”

     

     

     

    .

    .

    .

    ครืนนน

    “!? เรียวตะ!!”

    “รู้แล้วน่า!!”

    ผัวะ!!

    “!!?” ด้านอากาเนะที่ถูกใครก็ไม่รู้สองคนดึงออกมายังข้างนอกเขตแดน เธอก็เรียกให้ยมทุตหนุ่มออกมาแล้วทั้งคู่ก็ถีบใส่ศัตรูสองคนทันทีแต่พวกเขาก็เอาแขนมาป้องกันไว้ได้ ทำให้ทั้งอากาเนะและเรียวตะต่างกระโดดถอยหลังออกเพื่อไปตั้งหลัก

    “ผู้หญิงผมแดงกับสิ่งมีชีวิตที่เหมือนมนุษย์แต่ไม่ใช่มนุษย์ตรงตามคำสั่งของเจ้านาย” และศัตรูที่พาเธอออกมาเป็นคู่แฝดเด็กชายหญิงที่ดูจากภายนอกแล้วน่าจะอยู่ในวัย 10 ปี โดยเด็กผู้ชายเป็นคนเปิดปากก่อนด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์

    “คำสั่งต่อไป กำจัดทิ้งค่ะท่านพี่” ตามมาด้วยเด็กผู้หญิงที่มีน้ำเสียงไร้อารมณ์ไม่ต่างจากแฝดพี่ของเธอ

    “ขอประทานโทษนะ ไอ่เจ้านายที่ส่งพวกเจ้ามาเนี่ยใช่คนจากตระกูลฮิรามารุรึเปล่า ห๊ะ?!” ยมทูตหนุ่มว่าด้วยความหัวเสีย “ฝากไปบอกมันได้มั้ยว่าจะจองเวรอะไรนักหนา ถ้าเกิดหาคนร้ายผิดคนมาจะทำยังไง!”

    “เรียวตะพอเถอะ คนจากบ้านนั้นมันเคยฟังพวกเราด้วยเหรอ” เด็กสาวผมแดงห้ามปราม “เวลาแบบนี้คุยด้วยกำลังน่าจะรู้เรื่องกว่า”

    “ทักษะการใช้อาวุธของพวกเราไม่แพ้ใคร พวกแกคิดว่าจะเอาชนะได้เหรอ” แฝดหญิงถามแล้วเรียกง้าวออกมาสองด้ามแล้วส่งให้แฝดพี่ไปหนึ่งด้าม

    “โฮะโฮ่~ สู้กันด้วยอาวุธแบบนี้ก็สวยสิ” เรียวตะว่าแล้วเรียกดาบคาตานะที่ยูกิฮิเมะเคยใช้ตอนงานเชื่อมสัมพันธ์ออกมาแล้วส่งให้กับอากาเนะ “เจ้าเอานี่ไป ดาบเจ้าเดี๋ยวข้าขอใช้เอง”

    “ตามใจ” คนผมแดงไม่แย้งอะไรแล้วส่งดาบตัวเองให้อีกคน จากนั้นทั้งสองฝ่ายต่างตั้งท่าเตรียมต่อสู้หยั่งเชิงรอดูท่าทีว่าศัตรูจะบุกเข้าโจมตียังไง

    “พร้อมรึยัง มิซากิ”

    “พร้อมแล้วค่ะ ท่านพี่มิซาโอะ”

    “จะเอาตัวไหน เรียวตะ”

    “ขอตัวแฝดผู้ชาย แฝดหญิงนั่นฝากเจ้าจัดการทีนะ”

    “…” แล้วทั้งสี่คนไม่พูดอะไรต่อนอกจากสูดลมหายใจ

     

    ฟิ้ววว!!!

    เคร้ง!!!

    ทั้งสองฝ่ายพุ่งโจมตีใส่พร้อมกันจากนั้นต่างคนต่างจัดการเป้าหมายของตัวเองไป

    “พวกแกไม่มีทางเอาชนะพวกเราได้หรอก” มิซากิว่าพลางเอาใบง้างตัวดันเข้าหาอากาเนะที่ใช้ดาบมาป้องกันตัวเอง

    “อ้อเหรอ แต่ทางนี้ถือคติหัวเราะทีหลังดังกว่านะ” อากาเนะพูดด้วยน้ำเสียงยียวนก่อนอัดพลังใส่ลงดาบมากกว่าเดิมทำให้ง้าวของมิซากิกลายเป็นน้ำแข็งภายในพริบตาและผลักออกทันที

    ‘ทำง้าวให้เป็นน้ำแข็ง!? นี่สินะวิชาคุณไสยน้ำแข็งพันปีที่เจ้านายเคยบอก’

    “โทษฐานที่กวนพวกฉันตอนกำลังทำภารกิจ ฉันจะจับฟรีซพวกแกทุกตัวไม่ให้เหลือเลยดูสิ”

     

    เคร้ง!!

    เคร้ง!!!

    “ที่บอกว่าทักษะใช้อาวุธไม่แพ้ใครนี่นึกว่าจะโม้ซะอีก”

    “เหอะ! แกเองก็ใช่ย่อยเถอะ” ทางด้านเรียวตะกับแฝดคำสาปชายมิซาโอะก็กำลังสู้กันอย่างดุเดือดอย่างไม่ยอมใครทั้งการรุกและการรับ

    “ดูจากรูปลักษณ์วิญญาณที่ไม่ใช่คำสาปแต่ก็ไม่ใช่มนุษย์ ขอถามจริงแกเป็นตัวอะไรกันแน่”

    “หือ? สนใจข้าเหรอ ตายละเขินเลยเนี่ย” ยมทูตหนุ่มออกจริตจะก้านเป็นผู้หญิงจนมิซาโอะได้แต่ทำหน้าอิหยังวะใส่ “คือรู้ตัวนะว่าหน้าตาดีแต่ข้ามีภรรยาแล้ว แถมรักมากด้วยต่อให้ตายไปแล้วข้าก็ยังรักอยู่ รักเสมอและจะรักนางตลอดไป”

    “นี่แกไม่เต็มหรือล้น? ติ๊งต๊องชะมัด”

     

    ครืนนนนนนนนนน!!!

    กึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!

    “...น้ำแข็ง?”

    “โอยะ? เปิดมาก็เอาเลยเหรอ” ในระหว่างนั้นก็มีเสียงดังมาจากฝั่งของอากาเนะและมิซากิ ซึ่งสิ่งที่สองหนุ่มเห็นคือพื้นที่ที่สองสาวอยู่มันกลายเป็นน้ำแข็งแถมยังลุกลามไปเรื่อยๆซึ่งรู้ๆกันอยู่ว่าฝีมือใคร “งั้นทางนี้ก็ไม่เกรงใจล่ะนะ”

     

    แกร็งๆๆๆๆ!!!!

     

    “?!!!” ทันใดนั้นเองโซ่มากมายหลายเส้นงอกออกมาจากพื้นและล่ามตัวมิซาโอะทันที

    “หลอมเหลว”

    ฟู่ววววว~

    “อึ่ก!?” จากโซ่ที่เคยมีอุณหภูมิผิวเย็นกลับร้อนระอุราวกลับโลหะที่ถูกหลอมด้วยความร้อนจนคำสาปเด็กรู้สึกร้อนแสบผิวไปหมด

    ‘นี่มันอะไรกัน มันก็โซ่ธรรมดาแต่ทำไม-’

    “แค่โซ่ธรรมดาแต่ทำไมมันร้อนอย่างกับเอาไปหลอมไฟมาก่อน กำลังคิดแบบนี้อยู่ใช่มั้ย” เรียวตะว่าและมองอีกฝ่ายด้วยตาเหยียดหยามก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “จะว่าไป ข้ายังไม่เคยพูดถึงวิชาคุณไสยของตัวเองเลยนี่หว่า งั้นเดี๋ยวบอกเอาบุญให้ละกัน”

    โยงใยคล้องพันธะ วิชาคุณไสยประจำตัวของเรียวตะก่อนที่จะได้วิชาน้ำแข็งพันปี มีความสามารถในการควบคุมและเรียกโซ่ออกมาได้ตามพลังไสยเวทที่ตัวเองมี ยิ่งมีพลังเยอะ จำนวน ความยาวและพลังการทำลายล้างก็เยอะตามไปด้วย ซึ่งพลังการทำลายล้างที่ว่านี้หมายถึงสามารถเปลี่ยนโซ่ให้้อยู่ในรูปแบบอื่นได้ ที่เรียวตะใช้บ่อยก็จะมีหนามเหล็กกับเหล็กร้อนอยู่สองอย่าง

    “คร่าวๆก็ประมาณนี้ ถึงบอกไปมันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับอาคมข้าหรอก”

    “…”

    “เงียบแบบนี้คิดแผนชั่วอยู่สินะ”

    “ก็รู้นี่”

    “ห๊ะ?” ไม่ทันจะให้เรียวตะหายสงสัย มิซาโอะก็ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วทำตัวเองละลายกลายเป็นน้ำให้หลุดจากพันธนาการ จากนั้นก็เลื้อยมาหาอีกฝ่ายพร้อมคืนร่างกลับและโจมตีใส่ทันที

    “ถ้าทำแบบนี้ต่อให้แกจะเรียกโซ่มาเท่าไหร่แกก็จับฉันไม่ได้แล้ว”

    “ไอ้เวรนี่!? ข้าล่ะอยากรู้เลยว่าถ้าทำตัวเองกลายเป็นน้ำได้แล้วน้องเจ้าจะทำอะไรได้บ้าง”

     

     

    “เล่นงี้เลยเหรอ…”

    “มีปัญหา? อ้อ! คงจะมีจริงๆแหละ น้ำแข็งโดนไฟมันก็ละลายแล้วนี่เนอะ?” ทางด้านอากาเนะก็ประสบปัญหาเดียวกันเพราะระหว่างที่เธอไล่ฟรีซมิซากิอยู่ จู่ๆมิซากิใช้พลังให้ร่างของตนห่อหุ้มไปด้วยไฟ ทำให้อากาเนะต้องหยุดการโจมตีนี้แล้วคิดหาวิธีเอาชนะทันที

    ‘ใช้ไฟมาป้องกันตัวเอง แบบนี้แค่แช่แข็งธรรมดาไม่น่าเอาอยู่…’

    ‘ฮัลโหลอากาเนะ ได้ยินข้ามั้ย’ ในตอนนั้นเองเรียวตะก็โทรจิตหาเธอพอดี

    ‘ห๊ะ? มีอะไร’

    ‘ข้าจะล่อแฝดผู้ชายให้มาหาเจ้า หมอนั่นเปลี่ยนตัวเองเป็นน้ำได้ ข้าว่าจะให้เจ้าแช่แข็งมันหน่อย’

    ‘ทางนี้ไฟแต่ทางนั้นน้ำเหรอ’ เด็กสาวผมแดงนึกคิดแต่เธอลืมไปว่าเธอกำลังโทรจิตกับยมทูตหนุ่มอยู่ ทำให้เขาได้ยินความคิดของเธอ

    ‘หือ? แฝดผู้หญิงนั่นมีพลังไฟ?’ 

    ‘อ้อ…ใช่’ พอเธอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่โหมดโทรจิตก็ยอมรับแต่โดยดีจนกระทั่งเธอนึกอะไรออก ‘เรียวตะ พาให้สองคนนั้นมาอยู่ด้วยกัน เดี๋ยวฉันจะปิดจ็อบทีเดียวจบเลย’

    ‘ปิดจ็อบวันช็อต? เจ้าจะทำอะไร’

    ‘เรายังมีไอ้นั่นอยู่ไม่ใช่เหรอ ไอ้นั่นไงที่นายเคยโชว์ฉันน่ะ’

    ‘ไอ้นั่น…’ ยมทูตหนุ่มนึกคำๆนั้นจนคิดออกว่ามันคืออะไร ‘จะใช้เหรอ งั้นเดี๋ยวข้า-’

    ‘รอบนี้ฉันขอทำเองได้มั้ย’

    ‘…ห๊ะ?’ ประโยคของเด็กสาวทำเอาชายหนุ่มถึงกับสตั๊น ‘เดี๋ยวนะ ที่บอกว่าขอทำเองนี่พูดจริง?’

    ‘จริง’

    ‘เหตุผลล่ะ’

    ‘…ถ้าบอกว่ารู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้น่าจะทำได้นี่นับเป็นเหตุผลมั้ย’

    ‘…อะฮะๆๆๆๆๆๆๆ!’ เรียวตะเงียบไปพักนึงก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังจนอากาเนะสงสัยว่าหัวเราะทำไม

    ‘หัวเราะทำไมเนี่ย’

    ‘โทษทีๆ แค่คิดว่าเจ้ามาไกลอยู่เหมือนกันน่ะนะ’

    ‘…’ รอบนี้อากาเนะเงียบบ้างก่อนจะบอกให้ชายหนุ่มทำตามแผนตัวเอง ‘ไม่คุยด้วยแล้ว แผนเอาตามนี้นะ’

    ‘คร้าบๆ แผนตามนั้นเลย ถ้าเจ้าทำได้ข้าขอเอาไปอวดมิซาเอะนะ’

    ‘เฮ้อออออ’ เด็กสาวถอนหายใจยาวแล้วตัดการโทรจิตทันที

    “เงียบไปตั้งนานคืออะไร ยอมแพ้?” มิซากิเห็นว่าอากาเนะเงียบไปนานก็ยกตนถามด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมใช้ไฟละลายน้ำแข็งที่เกาะง้าวออกและชี้ไปหาเด็กสาว ส่วนอากาเนะยังคงเงียบอยู่ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก

    “ก็ไม่รู้สินะ” จากนั้นก็ใช้ดาบโจมตีใส่มิซากิที่ยังคงเป็นไฟอยู่ทั้งอย่างนั้น

    เคร้ง!!!

    “หึ! แบบนี้ค่อยน่าสนุกหน่อย!” คำสาปเด็กสาวว่าแล้วโจมตีสวนกลับไปเรื่อยๆ

    “นี่ตรงนั้นน่ะ ขอร่วมวงด้วยสิ!” ทันใดนั้นเอง เรียวตะก็ล่อให้มิซาโอะมาหาอากาเนะตามที่เตี๊ยมกันไว้

    “ข้าจะรอดูนะ”

    “รู้แล้วน่า” แล้วเขาก็ดำลงเข้าเงาของอากาเนะทันที ทำให้สองวิญญาณคำสาปแฝดเกิดความไม่เข้าใจที่จู่ๆเรียวตะทำแบบนี้

    “คิดจะทำอะไรของแกกัน” มิซาโอะถาม

    “ถามได้ดี แค่คิดว่าจะจัดการพวกนายแบบทีเดียวจบยังไงอยู่น่ะสิ”

    “เหอะ! ปากดีนะ!” มิซากิว่าแล้วสองแฝดก็พุ่งเข้าไปโจมตีใส่อากาเนะที่เก็บดาบของตัวเอง ส่วนอากาเนะก็ไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกอะไร กลับกันเธอฉีกยิ้มแล้วทำสัญลักษณ์มือ

    กางอาณาเขต วิมานแดนเหมันต์

     

    กึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    “?!!!!!” สิ้นประโยคของเด็กสาวผมแดง พื้นที่ที่ทุกคนอยู่ก็กลายเป็นน้ำแข็งอีกทั้งปราสาทน้ำแข็งก็ปรากฏออกมาพร้อมกับแช่แข็งร่างของฝาแฝดวิญญาณคำสาปภายในเสี้ยววินาทีก่อนที่พวกเขาจะแตะตัวตัวของเธอ 

    “...หึ:)”

    เป๊าะ!!

    เพล้ง!!

    “...กินพลังงานเยอะอย่างที่เรียวตะพูดจริงๆแฮะ” จากนั้นเธอก็ดีดนิ้วให้น้ำแข็งเกิดรอยร้าวและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไม่นานเธอจึงปลดอาณาเขตออกพร้อมกับบ่นเบาๆด้วยความเหนื่อย

    ‘เอาว่ะะะะะะะะ วันที่เจ้ากางอาณาเขตได้เองแบบไม่ต้องให้ข้าสิงก็มาแล้วววววววว’ ยมทูตที่อยู่ในอาณาเขตของยูกิฮิเมะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็ร้องด้วยความดีใจและตื่นเต้น ‘แม่เห็นมั้ย มาดูผลงานลูกศิษย์ของข้าหน่อยเร้วววววววว’

    ‘เอออออ ข้าเห็นแล้ว’ ยูกิฮิเมะที่หายเงียบไปก็โดนเรียวตะเรียกให้มาดูก็ตอบปัดด้วยความระอา ‘เมื่อก่อนไม่กล้าใช้พลังนี้แต่เดี๋ยวนี้คือใช้คล่องแถมวันนี้ก็กางอาณาเขตได้เองแล้ว ขอชมจากใจเลยว่าเจ้าเก่งมากอากาเนะ’

    “แหะๆ ขอบคุณนะ” เด็กสาวผมแดงเอ่ยขอบคุณก่อนจะหลับตาราวกับทำสมาธิ ไม่นานตัวของเธอก็มีออร่าออกมาได้ระยะหนึ่งแล้วหายไป “ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ”

    ‘หือ? เมื่อกี้เจ้าทำอะไร’ เรียวตะถาม

    ‘ลองใช้ไสยเวทย้อนกลับมาฟื้นฟูพลังไสยเวทของตัวเอง ข้าพูดถูกรึเปล่า’

    “โห…เห็นแล้วดูออกเลยเหรอ” ไม่ทันที่อากาเนะจะได้เฉลย ยูกิฮิเมะก็เฉลยเองซะก่อนทำให้เด็กสาวทึ่งกับคำสาปสาว

    ‘ข้าเองก็มีไสยเวทย้อนกลับนะแถมข้าเคยทำเหมือนเจ้าด้วย แต่มันเหนื่อยตรงใช้สมองนี่แหละ’

    “จริง ใช้เสร็จแล้วรู้สึกมึนหัวอยู่หน่อยๆ”

    ‘เออจริงสิ ข้าลืมถามเจ้าเลยอากาเนะ’ ระหว่างที่สองสาวกำลังคุยกันอยู่ เรียวตะก็พูดแทรกขึ้นมา ‘ในกลุ่มพวกเจ้ามีใครกางม่านยัง’

    “…” แล้วบรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบทันทีก่อนที่อากาเนะจะร้องโวยวายออกมา “เวรแล้ว!! คุณนิตตะไม่อยู่ไม่มีใครกางม่านให้เลยยยยย!!”

    ‘…คึ…ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!’

    “อย่าขำดิเรียวตะ!?”

    “โทษๆ พอดี…คึๆ…” เรียวตะปรากฏตัวออกมาโดยที่ตัวเองยังตลกกับเสียงโวยวายของอากาเนะอยู่แล้วพึมพำเบาๆ “เห็นแล้วนึกถึงตัวเองสมัยก่อนเลย”

    “หา?”

    “ไม่มีอะไร ไปดูผลงานเจ้าดีกว่า” แล้วคนผมดำก็พาอากาเนะบินขึ้นฟ้าเพื่อดูความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งหลายพื้นที่ที่ใต้สะพานส่วนมากถูกทำให้เป็นน้ำแข็งไปหมด “ถึงจะไม่กว้างเท่าตอนใช้สูญสิ้นโลกา แต่ถ้ามีคนมาเจอเข้าล่ะก็ได้ลงข่าวแน่ๆ”

    “ใจก็อยากใช้ท่านั้นอยู่หรอก แต่ประเด็นคือตอนนั้นมันหยุดฟรีซเพราะฉันปล่อยพร้อมกับอาจารย์โกโจพอดีถ้าไม่ได้อาจารย์บอกเลยนะว่าทั้งโรงเรียนกลายเป็นน้ำแข็งแล้ว” เด็กสาวว่าพลางถ่ายรูปพื้นที่ที่เป็นน้ำแข็งไปด้วย

    เพราะหลังจากจบงานเชื่อมสัมพันธ์ อากาเนะได้ไปถามยูกิฮิเมะเรื่องท่าไม้ตายสูญสิ้นโลกาว่าทำไมถึงถูกจัดให้เป็นท่าที่รุนแรงที่สุด โดยเธอตอบมาว่าเพราะมันเป็นท่าที่เกิดขึ้นในช่วงที่เธออยู่ในภาวะโมโหจัดจนถึงขั้นจะทำญี่ปุ่นให้กลายเป็นเกาะน้ำแข็งให้ได้ หากใช้ท่านี้เมื่อไหร่เมื่อนั้นทุกอย่างก็จะกลายเป็นน้ำแข็งและมันจะหยุดก็ต่อเมื่อทั่วทุกที่ในญี่ปุ่นกลายเป็นน้ำแข็ง เงื่อนไขที่จะหยุดท่านี้ขอแค่มีพลังเหนือกว่าเข้ามาแทรกแซงให้ทันก็พอ

     

    แล้ววันนั้นอากาเนะกับโกโจต่างปล่อยท่าไม้ตายของตัวเองออกมาพร้อมกันพอดี ด้วยพลังของโกโจที่เหนือกว่าอยู่แล้วเจอกับพลังของอากาเนะที่ยังไม่เสถียรดีและแกร่งพอทำให้เขาหยุดไม่ให้โรงเรียนกลายเป็นน้ำแข็งโดยไม่รู้ตัว

     

    “ถ่ายเสร็จละ”

    “งั้นไปหาเจ้าฟุชิงุโระกันเถอะ” พอเด็กสาวถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่เลยไปหาฟุชิงุโระที่ตอนนี้เจ้าตัวปัดเป่าคำสาปเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่อยู่ในสภาพนอนสลบอยู่พร้อมกำนิ้วของสุคุนะไว้

    “นิ้วของสุคุนะ?” อากาเนะพูดด้วยความสงสัย

    “แปลว่าที่คำสาปที่นี่รุนแรงเพราะเจ้านี่งั้นเหรอ” เรียวตะเองก็สงสัยไม่ต่างกัน แต่หารู้ไม่ว่าในขณะที่พวกเขาทั้งคู่สงสัยว่านิ้วของสุคุนะมันมาได้ไงนั้น

     

    กลับเกิดเรื่องบางอย่างเข้ากับยูกิฮิเมะแล้ว

     

     


     

    .

    .

    .

    “?!”

    “!?” ในเวลาเดียวกันนั้นเอง สุคุนะที่กำลังชื่นชมฟุชิงุโระอยู่ก็เห็นว่ามีบางอย่างเข้ามาในอาณาเขตของตัวเอง พอเขามองแล้วเจอกับยูกิฮิเมะก็ตกใจเล็กน้อยผิดกับยูกิฮิเมะที่ตอนนี้ตกใจตาโตแล้วหันหลังหนีทันที

    ตู้ม!!

    “…” จู่ๆสุคุนะกระดิกนิ้วใช้พลังเฉือนโจมตีใส่หญิงสาวแต่เธอก็เบี่ยงตัวหนีหลบได้ทันภายในเสี้ยววินาที ยูกิฮิเมะยังคงเงียบใส่พร้อมตวัดตามองอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์

    “ข้าก็สงสัยอยู่ว่าไอคำสาปที่ข้ารู้สึกได้จากเด็กผู้หญิงนี่ถ้าไม่ใช่ไอ้ยมทูตนั่นแล้วมันเป็นใคร ที่แท้ก็เป็นเจ้าเองหรอกเหรอ แม่ราชินีหิมะ” ราชาคำสาปเอ่ยทักทายคำสาปที่ไม่เจอกันนาน “ไม่คิดจะทักทายกันบ้างเลยรึไง เย็นชาไม่เปลี่ยนเลยนะ”

    “…เฮ้อ” เจ้าของฉายาราชินีหิมะหันมาหาอีกฝ่ายพร้อมถอนหายใจด้วยความเอือม “น่ารำคาญ”

    “หึ! ปากดีกว่าเมื่อก่อนด้วย” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ “ไม่ใช่แค่ปาก ดูเหมือนเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าตอนที่เจอกันเมื่อนานมาแล้วอีก”

    “ชมไปเถอะ ข้าไม่ได้ดีใจเลยซักนิด” ยูกิฮิเมะพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์สุดๆ “เมื่อกี้ข้าเห็นนะว่าเจ้าดูสนใจเจ้าเด็กที่ชื่อฟุชิงุโระ เจ้าจะทำอะไรกับเด็กนั่นกันแน่”

    “อยากรู้ไปทำไม อย่าบอกนะว่าเจ้าสนใจเด็กนี่เหมือนกัน?”

    “ข้าสนอากาเนะมากกว่า”

    “งั้นรึ เด็กเจ้านี่ดีพอให้เจ้าสนใจด้วยรึไง”

    “แหงอยู่แล้ว น่าสนใจกว่าเจ้าตั้งเยอะ”

    “…เจ้าเริ่มอวดดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ประโยคของคำสาปสาวทำเอาราชาคำสาปเกิดอารมณ์คุกกรุ่นและถามเสียงขุ่น

    “ไม่ต้องเสือก” ยูกิฮิเมะสวนกลับแล้วออกจากอาณาเขตของสุคุนะทันที แต่ก่อนไปเธอได้สาปเขาทิ้งท้ายไว้ก่อน

     

    “ข้าขอให้เจ้าไม่ตายดี ถ้านรกอเวจีเอาเจ้าไม่อยู่นรกโลกันตร์รอต้อนรับเจ้าอยู่นะ”

     

     

     

     

    .

    .

    .

    Talkๆ desu: มรสุมการบ้านรุมเร้าข้าพเจ้าเหลือเกิน กว่าจะได้เขียนคือลากเลือด เขียนมาตั้งนานเพิ่งมานึกได้ว่า

     

    เรายังไม่ได้คิดชื่อวิชาควบคุมโซ่เรียวตะเลย

     

    ลืมคิดของแทร่555555555555555


    อ้อ! เนื่องจากฟิคเรื่องนี้มียอดอ่านถึง3หมื่นแล้ว เราอยากจะขอบคุณคนอ่านทุกๆคนที่เข้ามาอ่านฟิคของเรานะคะ ประกอบกับภาพที่เราไปคมช.มา เราเลยแพลนไว้ว่า



    จะเขียนตอนพิเศษฉลองยอดอ่าน3หมื่นค่ะ



    แถมเราเองก็ไม่ได้แต่งอะไรหวานๆมานานละ (ในบรรดาที่แต่งมาเรื่องไหนหวานบ้างก็มีแค่หมอหินนี่แหละ) ก็เลยจะให้ตอนพิเศษนี้เป็นแนวหวานๆซะเลย ส่วนตัวละครที่จะมาเป็นตัวเอกในตอนพิเศษนี่เดาๆกันได้นะคะว่าเราจะเอาใครมา5555555 ส่วนเนื้อเรื่องหลักเราเข้าช่วงท้ายแล้วอีกซัก4-5ตอน (ที่แพลนไว้) ก็น่าจะจบแล้วค่ะ

     

    สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันเข้ามาได้นะคะ เราจะได้มีกำลังใจแต่งต่อ

    เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยยยย

    Twitter: @bdm1228

    Bluesky: https://bsky.app/profile/bdm1228.bsky.social

    ปล. สำหรับใครที่อยากฟอลเราทางบลูสกาย เรามีโค้ดอยู่ 5โค้ด สามารถดีเอ็มเราหรือเม้นมาขอโค้ดได้ค่า
     

            
    Z K T
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×