คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : แรกพบในเหมันต์
เย็น…
“…หิมะ?” สิ้นเสียงของเด็กสาว บรรยากาศรอบตัวของโกโจก็เงียบสงัดไปทันตาจนกระทั่งเขาสัมผัสได้ถึงความเย็นที่ไม่ได้มาจากเครื่องปรับอากาศ พอเขาลืมตาขึ้นมาก็พบว่าที่ๆตัวเองอยู่มันไม่ใช่ห้องของอากาเนะแต่เป็นอาณาเขตป่าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ บรรยากาศรอบตัวแทบจะ90%เป็นสีขาวทั้งหมดกระทั่งยันท้องฟ้า
“เป็นอาณาเขตตามกำเนิดที่เรียบง่ายดีจังนะ” เขาว่าพลางร่นผ้าปิดตาลงเพื่อสำรวจอาณาเขตของคำสาปสาวด้วยความสงสัยใคร่รู้
ก็แหงล่ะ ทำงานเป็นผู้ใช้คุณไสยมาตั้งกี่ปีนี่เป็นครั้งแรกเลยที่สามารถเข้ามาในอาณาเขตตามกำเนิดของคำสาปได้ แถมเข้ามาได้แบบไร้รอยขีดข่วนอีก
“นี่ขนาดเข้ามาแล้วยังไม่ปรากฏตัวออกมาเลยแฮะ…” แต่ถึงอย่างนั้นยูกิฮิเมะก็ยังไม่ปรากฏตัวจนเขารู้สึกสังหรณ์ไม่ค่อยดีจึงต้องเดินออกตามหาเธอ
‘ดูท่าว่าจะเป็นหิมะของจริงซะด้วย สมกับที่ได้ชื่อราชินีหิมะจริงๆ’ คนผมขาวคิดในขณะที่เดินตามหาไปด้วย ถึงอาณาเขตแห่งนี้จะเป็นป่าหิมะแต่เขากลับรู้สึกว่าอากาศของที่นี่มันไม่ได้หนาวจัดจนเกินไป
“หายไปอยู่ไหน-หือ?” และตอนนั้นเองเขาก็พบร่างของใครบางคนในสภาพนั่งกอดเข่าอยู่ใต้ต้นไม้ เขาจึงเดินเข้าไปใกล้ๆและนั่งคุกเข่าอยู่ตรงข้ามก็พบกับหญิงสาวเรือนผมสีครามในชุดกิโมโนสีฟ้าลายดอกซากุระ กระโปรงฮากาเมะสีดำและรองเท้าบูทหุ้มข้อสีน้ำตาลเข้มที่นอนหลับอยู่ในสภาพกอดเข่าทั้งอย่างนั้น
ผิวกายขาวราวหิมะ ใบหน้างดงามดุจนางฟ้านางสวรรค์ที่แต่งแต้มเครื่องสำอางพอประมาณ หากใครเห็นเป็นครั้งแรกต่างต้องไม่เชื่อแน่นอนว่าหญิงสาวตรงหน้านี้คือวิญญาณคำสาป
และใช่ โกโจ ซาโตรุในตอนนี้มีความคิดแบบนั้น
เข้าใจแล้วว่าทำไมเรียวตะกับอากาเนะต่างพูดถึงยูกิฮิเมะเป็นเสียงเดียวกันว่าสวย
เพราะเธอสวย-ไม่สิ ต้องเรียกว่างดงามเลยสิถึงจะถูก
งดงามจนสามารถทำคนตกหลุมรักได้เพียงแค่แรกเจอ
“…!” โกโจที่ตกอยู่ในภวังค์มาซักพักก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าตนนั้นจ้องหน้าคนตรงหน้าไม่พักจึงสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปแล้วกลับมาตั้งสติใหม่
‘โอเคเจอยูกิฮิเมะแล้ว ที่เหลือก็แค่ต้องปลุกมาคุย’ ชายหนุ่มคิด แค่เรียกเธอให้ตื่นมาคุยกับเขามันเป็นอะไรที่ง่ายมาก
แต่น่าแปลกที่ทำไมเขาถึงไม่กล้าเรียกเธอเลย ทั้งๆที่บรรยากาศรอบตัวมันก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น
“…?”
“?!” ทันใดนั้นเอง คนที่หลับอยู่ก็ค่อยๆ ลืมตาราวกับรู้สึกตัวว่ามีบางอย่างมารบกวนเวลานอนของเธอ เมื่อนัยน์ตาสีเทาดั่งฟ้าครึ้มเมฆาของหญิงสาวและนัยน์ตาสีฟ้าเฉกเช่นฟ้าใสของชายหนุ่มนั้นสบตากัน ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรราวกับถูกบางอย่างสะกดไว้ให้มองหน้ากันและกัน
“…ซาโตรุ?” ยูกิฮิเมะที่มองหน้าคนมาใหม่ไปพักนึงก็เอ่ยชื่อด้วยความสงสัยปนตกใจ “เจ้ามาได้ไง”
“…เซอร์ไพรซ์มั้ยล่ะครับ” โกโจยิ้มบางด้วยความเอ็นดู “พอดีมีเรื่องอยากคุยกับเธอแต่เห็นว่าวันนี้ทั้งวันเธอไม่ออกมาเลย อากาเนะเลยหาวิธีให้ผมมาหาเธอให้ได้น่ะ”
“แล้วประเด็นคือหาได้ด้วย…” หญิงสาวได้ยินก็อึ้งไปพักนึงก่อนจะยิ้มบางๆด้วยความชอบใจ “เก่งจังเลยนะ”
“…” ชายหนุ่มเงียบไปอีกรอบ เขารู้สึกว่าตั้งแต่ที่เจอกับอีกฝ่ายแล้วเขารู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวเองเท่าไหร่ เพราะเขาไม่เคยเห็นเธอยิ้มเลยแต่พอได้เห็นแล้วยิ่งไม่เป็นตัวเองกว่าเดิม
แถมไอ่ประโยคตะกี้นี่เธอพูดถึงใคร อากาเนะหรือว่าเขากันแน่?
“แล้วเจ้าอยากจะคุยอะไร”
“อืม…ผมลืมไปแล้วล่ะจะคุยเรื่ตองอะไร” โกโจพูดด้วยน้ำเสียงยียวนจนหญิงสาวหุบยิ้มและคิ้วกระตุกโมโหทำให้เขาหัวเราะเล็กน้อย “ฮะๆ ล้อเล่นครับ มีเรื่องอยากจะคุยจริงๆว่าแต่พอมีที่คุยดีๆรึเปล่า”
“…อย่าคาดหวังก็แล้วกัน” ยูกิฮิเมะกำลังจะลุกขึ้นพอเห็นว่าโกโจลุกขึ้นแล้วยื่นมือมาหาเธอก็ทำหน้างง “อะไร”
“เดี๋ยวช่วยดึงให้ไง ไม่ไว้ใจผมเหรอ”
“ข้าพูดได้เหรอ”
“น่าๆ ผมไม่ทำอะไรเธอหรอกสัญญา”
“…” สาวเจ้าเกิดท่าทีลังเลเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจจับมือของอีกฝ่าย ทางโกโจเห็นว่าอีกคนยื่นมือมาแล้วก็ดึงเธอให้ลุกขึ้น
“ขอบใจ”
“ยินดีครับ” แล้วทั้งสองคนก็เดินหาที่คุยโดยมียูกิฮิเมะเป็นคนนำและโกโจก็ได้ชวนเธอคุยด้วย “ที่หายไปทั้งวันนี่คือไปทำอะไรเหรอครับ”
“นอน”
“…ห๊ะ?” คนผมขาวสตั๊น “จ้อจี้?”
“เรื่องจริงเถอะ” ยูกิฮิเมะทำหน้าเอือมระอาแม้จะไม่ได้หันไปหา “ถึงวันนั้นจะอยู่ได้ไม่ถึง30นาทีแต่ต้องยอมรับว่ามันเหนื่อยมาก วิธีการพักผ่อนของข้าก็ไม่มีอะไรนอกจากนอน”
“…”
“แล้วก็อีกอย่างนะซาโตรุ” แต่แล้วหญิงสาวก็หยุดเดินก่อนหันมาหาเขาและกอดอกทำหน้างอ
“?”
“ขัดเวลานอน มันบาปนะ”
“…ฮะๆๆๆๆๆ!” โกโจที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับหัวเราะด้วยความชอบใจผิดกับยูกิฮิเมะที่หน้างอกว่าเดิม
“มันน่าขำขนาดนั้นรึไง”
“ฮะๆ โทษทีครับ แค่ไม่นึกว่าเธอจะพูดอะไรแบบนี้เป็นด้วย”
“เฮ้อ…” สุดท้ายยูกิฮิเมะก็เลือกที่จะเมินอีกคนแล้วเดินต่อให้อีกคนรีบตามมาไวๆ “ถึงแล้วล่ะ”
“?” จนกระทั่งทั้งสองคนมาถึงลานกว้างแห่งหนึ่งที่มีทะเลสาบตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางลานแห่งนี้ “น้ำในทะเลสาบนี่คงไม่ได้เป็นน้ำแข็งใช่มั้ยครับ”
“น้ำจริง ไม่เชื่อลองเอามือไปจุ่มดู” ยูกิฮิเมะพูดแล้วนั่งลงในท่าชันเข่าเอาแขนทั้งสองข้างวางบนเข่าตัวเองและนั่งมองทะเลสาบ
“ไม่ดีกว่า เกรงใจ” ตามด้วยโกโจที่นั่งลงข้างๆเธอและเปิดประเด็น “...รู้เรื่องที่อากาเนะมีไสยเวทย้อนกลับยังครับ”
“รู้แล้วล่ะ ข้าไปตรวจสอบมาแล้วด้วย”
“เธอคิดยังไงกับเรื่องนี้เหรอ”
“ก็…แอบตกใจอยู่เหมือนกันเพราะข้าเองก็ไม่คิดว่านางจะมีไสยเวทนี้ ข้าว่าเรียวตะคงจะรู้สึกน้อยใจอยู่หน่อยๆ แต่เดี๋ยวหมอนั่นคงจะจัดการความรู้สึกได้เอง”
“…ไหนบอกว่าวันนี้นอนทั้งวันไง” โกโจถามด้วยความสงสัยเพราะสิ่งที่เธอพูดมันตรงกับที่เขาเจอในวันนี้เลย
“…อ๋อ” หญิงสาวทำหน้างงไปแว็บหนึ่งก่อนจะร้องเข้าใจทันที “ก็นอนทั้งวันจริงๆ แต่อย่าลืมสิข้าเคยเป็นอาจารย์ให้เจ้านั่นมาก่อนนะ พอไปตรวจสอบแล้วเจอก็เลยนึกภาพออกว่าเจ้านั่นจะรู้สึกยังไง”
“พวกเธอนี่สนิทกันกว่าผมคิดอีกนะเนี่ย”
“รู้จักกันตั้งแต่สมัยมันยังเป็นเด็กเวรยันเป็นผู้เป็นคนเพราะเมียแล้วก็แต่งงานจนมีลูก คิดเอาก็แล้วกัน” หญิงสาวว่าพลางทำหน้าเบื่อโลก “แต่ถ้าเกิดไม่ได้ยัยนั่น ทุกวันนี้ข้าอาจจะเป็นแค่คำสาปเร่ร่อนก็ได้”
“หือ? เคยเจอแฟนของเรียวตะด้วยเหรอครับ”
“เคย แล้วก็นางเป็นต้นเหตุว่าทำไมวิชาน้ำแข็งพันปีถึงได้ตกมาเป็นไสยเวทประจำตระกูลฟุบูกิด้วย”
“เห…”
“ข้าไม่ใช่พวกหวงวิชาอะไรขนาดนั้นเพราะข้าเองก็เป็นคนสอนวิชานี้ให้เรียวตะเองกับมือ แต่ยัยนั่นขอร้องให้ข้าสาปตระกูลของนางให้สืบทอดวิชานี้เพราะนางรู้เรื่องอดีตของข้าจากเรียวตะและอยากจะทวงคืนความยุติธรรมให้ ข้าเลยถามกลับไปว่าข้าเป็นคำสาปที่ซักวันจะต้องถูกปัดเป่าเหตุใดถึงได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ รู้รึเปล่าว่านางตอบยังไง”
“ตอบว่า?”
“นางตอบว่า เป็นเพื่อนกันก็ต้องช่วยเหลือกันสิ ยิ่งมาโดนใส่ร้ายกันแบบนี้มันยิ่งต้องช่วย”
“…” โกโจที่ได้ยินแบบนั้นก็เงียบไปกับความคิดสุดแสนจะบ้าบิ่นของคนในเรื่องส่วนยูกิฮิเมะยังคงพูดถึงประโยคที่ตนจำได้ขึ้นใจ
“ถึงท่านจะเป็นคำสาปแต่จิตใจของท่านกลับดีกว่ามนุษย์ด้วยกันเสียอีก ท่านสมควรที่จะรับความยุติธรรม การช่วยเหลือหรือแม้กระทั่งความรัก ท่านสมควรได้รับมันทั้งนั้น เพราะงั้นช่วยสาปให้ตระกูลของข้าได้สืบทอดไสยเวทนี้ด้วย”
“…”
“ฟังดูบ้าบอดีเนอะ แต่นางพูดแบบนี้กับข้าจริงๆ” นัยน์ตาสีเทาของหญิงสาวหม่นหมองก่อนจะพึมพำบางอย่างด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาราวกับไม่อยากให้คนข้างๆได้ยิน แต่ด้วยความที่บรรยากาศของอาณาเขตแห่งนี้มันเงียบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ต่อให้พูดเบาแค่ไหนโกโจก็ยังไงก็ได้ยินอยู่ดีเพียงแต่เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไปจนเธอต้องเปลี่ยนเรื่องคุย
“ที่เจ้ามาหาเพราะจะมาคุยแค่นี้?”
“ที่จริงผมมีเรื่องสงสัยอยู่อีกอย่าง”
“ว่า?”
“ที่โทรมาหาแล้วบอกว่าเป็นห่วงนี่…พูดจริงเหรอครับ” คำถามของคนผมขาวทำเอาอีกฝ่ายเงียบอีกรอบในขณะที่เขามองเธออย่างไม่ละสายตา
“…พูดจริง”
“ขอรู้เหตุผลได้มั้ย”
“…ไม่บอก”
“แหงะ!? ทำไมล่ะ” แต่พอหญิงสาวไม่ยอมตอบแบบนี้มีหรือที่เขาไม่คาดคั้น “นะๆๆๆ ยูกิฮิเมะ”
“คิดเอาเอง”
“ถ้าให้คิดเอาเองนี่ผมจะคิดว่าเธอสนใจผมนะ”
“ก็ทายถูกนี่”
“…ห๊ะ?” แต่แล้วคำพูดที่ไม่คาดคิดก็โผล่มาโดยไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้อ…ข้าจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ” จนแล้วจนรอดคำสาปสาวจึงต้องหันมามองหน้าชายหนุ่มและตอบคำถามที่ว่าอย่างจำใจ
“ข้ารู้สึกถูกชะตาแล้วก็สนใจเจ้าด้วย พอใจยัง?”
“…” และนั่นก็ทำให้ทั้งคู่ไม่พูดอะไรต่อจากนั้น จนกระทั่งโกโจเพิ่งมาสังเกตเห็นว่าใกล้ๆตัวของยูกิฮิเมะมีตุ๊กตากระต่ายหิมะอยู่จึงเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาใหม่ทันที “ตุ๊กตากระต่าย?”
“อ้อ เจ้านี่น่ะเหรอ” เธอพูดแล้วชี้ไปตุ๊กตากระต่ายสองตัวที่มีตาสองสีทั้งสองตัว ตัวนึงมีตาขวาสีม่วง ตาซ้ายสีทองและอีกตัวก็มีสีตาเหมือนกันกับตัวแรกแต่สลับข้างกัน “เป็นตัวแทนของบุคคลที่ข้ายินยอมให้เข้ามาในอาณาเขตนี้ได้ ที่เห็นอยู่นี่ก็คืออากาเนะกับเรียวตะ ถ้าข้าไม่ได้ปั้นเป็นตัวแทนใครส่วนใหญ่ข้าจะไล่ออกไปแต่ที่เจ้าเข้ามาที่นี่ได้ก็เป็นเพราะอากาเนะข้าเลยยกให้เป็นกรณีพิเศษ”
“กำลังจะถามเลยว่าแล้วไม่ไล่ผมออกไปเหรอ” โกโจว่า
“ถ้าเจ้าไม่ทำอะไรแปลกๆ ข้าก็ไม่ไล่หรอก”
“เห~ ใจดีจังนะเธอเนี่ย” ชายหนุ่มแซว “สนใจทำของผมซักตัวมั้ย”
“…” คำสาปสาวทำหน้าเหยเกใส่อีกฝ่ายแต่ซักพักก็ปั้นหิมะเป็นก้อนกลมๆแล้วจุ๊บก้อนหิมะก้อนนั้น จากนั้นมันก็งอกลูกแก้วทั้งสองลูกแทนตาและใบไม้แทนหูทั้งสองข้าง โดยตุ๊กตาตัวนั้นมีตาสีฟ้าประกายเช่นเดียวกันตาของโกโจและวางข้างๆ ตุ๊กตากระต่ายอากาเนะ “อ่ะ เสร็จแล้ว”
“…” แต่ความเงียบก็กลับเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อนจนยูกิฮิเมะต้องทักเรียก
“ซาโตรุ?”
“คือ…ปกติเธอใช้วิธีนี้เหรอ” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเลิกลั่กเล็กน้อยเพราะเมื่อกี้นี้เขาแค่พูดเล่นๆเท่านั้นเองแต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะทำจริง
“ก็ใช่ไง” ยูกิฮิเมะตอบอย่างหน้าตาเฉยและมันก็ทำให้เขาเอามือแนบหน้าตัวเองจนเธอเอียงคอทำหน้างงว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร
‘…เอาอีกแล้ว วันนี้เป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย’ โกโจคิดในใจว่าทำไมวันนี้ตัวเองแปลกไปจากทุกที
เพราะตั้งแต่ที่สบตากันหัวใจก็ดันเต้นไม่จังหวะ พอเห็นได้เห็นรอยยิ้มที่ไม่ค่อยได้เห็นก็รู้สึกว่าบริเวณใบหูจนถึงหลังคอมันร้อนแปลกๆ
“ขอถามจริงๆ เลยนะครับ ยูกิฮิเมะ”
“อะไรอีกล่ะเนี่ย”
“นี่เธอได้ใช้ไสยเวทเพิ่มเสน่ห์ให้คนรักคนหลงรึเปล่า” สุดท้ายก็เลือกที่จะถามสิ่งที่คาใจที่สุดออกไป แต่ผลที่ได้คือหญิงสาวทำหน้าเหวอด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ที่ถามนี่เจ้าใช้อะไรคิดก่อน ข้าไม่คิดจะเอาไสยเวทนี้มาทำเรื่องพรรค์นี้เลยซักนิดแถมข้าเป็นพวกอาภัพรักอยู่แล้วยังไงก็ไม่ทำเด็ดขาด”
“…เหรอ”
“ก็เออน่ะสิ วันหลังอย่าถามอะไรแบบนี้อีกนะข้าไม่ชอบ” หญิงสาวว่าพลางเบือนหน้าหนีและทำหน้ามุ่ยแล้วพึมพำอีกรอบแต่รอบนี้เธอพึมพำด้วยน้ำเสียงงัวเงีย “คิดว่ารู้สึกไปเองคนเดียวรึไง…”
“อ่า…วันหลังจะไม่ถามก็แล้วกันนะครับ” แล้วความเงียบก็กลับมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวันแต่ไม่นานโกโจก็เพิ่งจับได้ว่าน้ำเสียงที่เธอพึมพำไปมันดูง่วงเหลือเกิน
“ยูกิฮิเมะ เมื่อกี้เสียงเธอดูอยากนอนมากนะ”
“อืม…อยากนอนต่อแล้ว”
“อุ๊บ…” น้ำเสียงงัวเงียกว่าเก่าของคำสาปสาวทำเอาชายหนุ่มต้องปิดปากกลั้นขำจนไหล่สั่น แต่เธอหาได้สนใจไม่เพราะเธออยากนอนต่อแล้ว
‘เชื่อแล้วว่าอยากนอน-เดี๋ยว เอาแบบนี้ดีกว่า’ แต่ในตอนนั้นเองก็มีความคิดแปลกๆเข้ามาในหัวของโกโจเพราะอยากจะเห็นรีแอคชั่นของอีกฝ่ายว่าจะเป็นยังไง ไม่ช้าเขาก็ลุกขึ้นแล้วไปนั่งซ้อนหลังเธอทันที
“ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะยังจะนอนได้อยู่มั้ย” ชายหนุ่มยกยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์เพราะเขาอยากจะเห็นยูกิฮิเมะร้องโวยวายใส่และอยากเห็นสีหน้าตกใจของเธอด้วย
“…ทำตัวเองนะซาโตรุ”
“?!” แต่สิ่งที่ได้คือเธอไม่โวยวายอีกทั้งยังเลือกจะนอนพิงเขาและหลับไปทั้งอย่างนั้นราวกับเชื่อใจในตัวอีกฝ่ายว่าจะไม่ทำอะไรแน่นอน ด้วยการกระทำของเธอนั้นทำเอาคนผมขาวช็อกจนตัวแข็งทื่อก่อนจะเอามือปิดหน้าตัวเองอีกรอบ
“…ให้ตายเถอะ เธอนี่มัน” เขาบ่นเบาๆพลางเหลือบไปมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังหลับอย่างสบายใจเฉิบผิดกับเขาที่ตอนนี้หน้าแดงไปเรียบร้อย และเขาคิดว่าตัวเองควรจะออกไปได้แล้ว แต่เนื่องจากโพสิชั่นที่ตัวเองอยู่ตอนนี้มันค่อนข้างจะขยับตัวลำบากหน่อย
เข้าใจแล้วว่าทำไมยูกิฮิเมะถึงพูดว่าทำตัวเอง
เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเลย…
“…เพราะงั้นช่วยรับผิดชอบด้วยนะครับ” เขาพูดเบาๆแล้วค่อยๆขยับตัวออกและเอาแขนประคองหลังหญิงสาวไม่ให้หงายตกไปจากนั้นก็อุ้มเธอในท่าเจ้าหญิงและเดินไปส่งตรงที่ต้นไม้ที่เขาเจอเธอนอนและวางลงอย่างทะนุถนอม
“…” คนผมขาวจ้องหน้าเธอพักนึงแล้วยิ้มออกมาราวกับนึกอยากแกล้งอีกรอบ เขาจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้หูเธอแล้วกระซิบบางอย่างออกไปแล้วผละตัวออกมาและเดินจากเธอไปเพื่อกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
.
.
.
“…”
“อ๊ะ ตื่นแล้วล่ะ” ทันทีที่โกโจลืมตาขึ้นมาเขาก็พบว่าตัวเองกลับมาอยู่ในห้องของอากาเนะแล้ว ทางเด็กสาวเจ้าของห้องเห็นว่าคนเป็นอาจารย์ได้สติแล้วก็ชักมือออก
“ว่าไง เจอแม่รึเปล่า” ยมทูตหนุ่มถาม
“เจอนะครับ วันนี้เขาหลับทั้งวันก็เลยไม่ได้มาคุยกับพวกเธอ”
“…” สิ้นคำตอบของคนผมขาว อากาเนะและเรียวตะก็เอ๋อรับประทานไม่พูดไม่จาจนกระทั่งเรียวตะกุมขมับและถอนหายใจ
“เฮ้อ~ ข้าก็ลืมไปเลยว่าแม่ติดนอน เจ้าคงจะโดนโวยวายกลับมาล่ะสิ”
“เอ๊ะ?”
“ก็แม่ไม่ชอบให้ใครมากวนเวลานอน ถ้าเข้าไปกวนก็จะโดนด่าจนหูชา ถามว่ารู้ได้ไงเพราะข้าเคยโดนอยู่สองสามครั้งไง” ยมทูตหนุ่มว่าไปตามประสบการณ์ตัวเองโดยที่ไม่รู้ว่ามันผิดกับสิ่งที่อีกฝ่ายเจอในวันนี้อย่างลิบลับ
“…ก็โดนจริงๆนั่นแหละ” โกโจเลือกที่จะโกหกออกไปเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองโดนซักยาว
“สมน้ำหน้า”
“เอ๋~” คนผมดำได้ยินแบบนั้นก็พูดเยาะเย้ยใส่จนเขาได้แต่ยิ้มแห้ง
“…” ทางอากาเนะก็หรี่ตามองเหมือนจะจับพิรุธได้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป “ไปเจอกับยูกิฮิเมะเป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็…ได้เปิดประสบการณ์ที่ไม่ได้หากันง่ายๆ แล้วก็มีคุยกันนิดหน่อยครับ”
“คิดว่าจะมีครั้งที่สองมั้ยคะ” เด็กสาวถามด้วยความสงสัย ถึงเธอจะไม่รู้ว่าอาจารย์ไปเจออะไรมาบ้างแต่สัญชาตญาณของเธอบอกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ ทางคนฟังก็นิ่งไปพักนึงก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย
“อาจจะมี…มั้ง?”
“โอเครู้เรื่อง”
“หา? นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน” เรียวตะขมวดคิ้วไม่เข้าใจและถามเด็กสาว
“แค่พูดไปเรื่อยน่ะ ไม่ต้องสนใจฉันหรอก”
“นี่เอาคืนข้าอยู่ใช่มั้ย”
“คิดไปเองน่าาาา~”
“ฮึๆๆๆ” โกโจมองทั้งสองคนแล้วขำออกมา “งั้นผมกลับก่อนนะครับ ไม่กวนพวกเธอแล้ว”
“อ้อจริงสิ อาจารย์โกโจ” แต่ในตอนนั้นเอง เด็กสาวก็ได้ทักคนเป็นอาจารย์ก่อนที่เขาจะวาร์ปกลับ
“ครับ?”
“ฉันอยากให้อาจารย์คิดดีๆ ระวังเจ็บทั้งคู่นะคะ”
“...” สิ้นประโยคของเธอ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบก่อนที่โกโจจะพูดเพื่อทำลายบรรยากาศ
“จะเก็บไปคิดนะครับ” แล้วเขาก็วาร์ปออกจากห้องไปทันที
“เจ้ารู้อะไรมาใช่มั้ย” เรียวตะถาม
“ไม่เชิงรู้ แต่ฉันไม่บอกหรอกว่ามันคืออะไร”
“นี่ข้าต้องหาซื้อชูครีมมาง้อเจ้าใช่มั้ย…”
.
.
.
‘ฉันอยากให้อาจารย์คิดดีๆ ระวังเจ็บทั้งคู่นะคะ’
“…เฮ้อ~” ทางด้านโกโจกลับมาที่ห้องพักของตัวเองก็ถอนหายใจยาวกับประโยคที่นักเรียนของตนเตือนมา
แปลว่าเธอเริ่มจับสังเกตได้แล้วเขามีความรู้สึกบางอย่างให้ยูกิฮิเมะทั้งๆที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ
“นับวันยิ่งน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆขึ้นนะ อากาเนะ” ชายหนุ่มว่าพลางนึกถึงช่วงเวลาที่ได้ไปพูดคุยกับคำสาปสาวและประโยคพึมพำประโยคแรกของเธอที่เขาไม่ได้ตอบกลับไปมันก็แว่บเข้ามาในหัว
‘ข้าสมควร…ได้รับความรู้สึกพวกนี้จริงๆเหรอ’
“…ถ้าเป็นเธอล่ะก็ สมควรได้รับอยู่แล้วล่ะยูกิฮิเมะ”
.
.
.
“…แม่ง” ในเวลาเดียวกันทางด้านยูกิฮิเมะที่กลับมาตื่นอีกรอบก็เอามือแนบใบหน้าที่ขึ้นสีแดงจางๆของตัวเองและสบถออกมา
ถึงเธอจะหลับอยู่แต่ตอนที่โกโจมากระซิบข้างหูเธอกลับได้ยินหมดนี่สิที่ทำเธอรู้สึกว้าวุ่นเหลือเกิน
‘น่ารักขนาดนี้ผมขอจีบนะครับ’
“ไหนบอกว่าจะไม่ชอบใครอีกไง…” คำสาปสาวก้มหน้างุดเนื่องจากเธอบอกกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่รักหรือชอบใครอีกแต่ก็ดันพังไม่ท่าเพราะคนๆเดียว
เก่งมาตั้งนานแต่มาตกม้าตายเพราะผู้ชาย
เยี่ยมมาก ยูกิฮิเมะ เยี่ยมจริงๆ…
“ทำไมต้องเป็นเจ้าด้วยล่ะ ซาโตรุ…”
.
.
.
“เหมือนจะยังใช้ไม่ได้เลย…”
“กา…”
“หือ? ดูจากท่าทางแล้วแกคงตามหาฉันจนทั่วเลยนะ” ณ ที่ใดที่หนึ่งในโตเกียว ฮิรามารุ อากิฮิโกะที่กำลังดัดแปลงสัตว์ทดลองที่ตัวเองจับมาได้ให้เป็นสัตว์ประหลาดอยู่นั้นพอได้ยินเสียงอีกาดัดแปลงตัวหนึ่งของตนที่ไปสอดแนมในโรงเรียนในวันงานเชื่อมสัมพันธ์และรอดสายตาจากทุกคนก็หันมาหาแล้วยกขึ้นมาวางบนมือ “เป็นไง ที่ไปบุกโรงเรียน?”
“กาๆ”
“ยูกิฮิเมะออกมาหลังจากกางม่าน? ดีนะที่ไปบอกจูโซไว้ก่อนให้เพิ่มเงื่อนไขนี้ตอนกางม่านด้วย” ชายผมบลอนด์ยกยิ้มด้วยความสะใจ เพราะก่อนที่พวกของฮานามิจะบุกมาที่โรงเรียน เขาได้ฝากเงื่อนไขอีกข้อให้จูโซตอนที่เขาจะกางม่านว่าเมื่อม่านถูกกางแล้ว ให้วิญญาณของยูกิฮิเมะมาสิงร่างของอากาเนะโดยไม่มีข้อแม้ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ต้องการก็ตาม “แล้วยังมีอย่างอื่นอีกมั้ย”
“กา…”
“หมอนั่นโดนจับ? ก็ช่างหัวมันสิเพราะไม่ได้สำคัญกับแผนของเกะโทขนาดนั้น”
“กาๆ …”
“อะไรนะ นังนั่นโทรหาคน?” แต่พอเจ้าอีการายงานมาว่ายูกิฮิเมะมีการโทรศัพท์หาคนก็ทำหน้าเหวอ “รู้จักปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยซะด้วย แล้วรู้รึเปล่ามันโทรหาใคร”
“กา…”
“โกโจ? นี่แกหมายถึงโกโจ ซาโตรุคนนั้นน่ะเหรอ”
“กา…”
“…เกะโทต้องรู้เรื่องนี้” อากิฮิโกะเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ เพราะมันรายงานว่าดูเหมือนยูกิฮิเมะและโกโจ ซาโตรุจะสนิทกันจนเขาคิดว่าเรื่องนี้ต้องให้ถึงหูเกะโท
เพราะวันที่ 31 ตุลาคม ณ ชิบูย่า
พวกเขาตั้งใจจะผนึกโกโจ ซาโตรุให้ต่อสู้ไม่ได้ในวันนั้น
“เดี๋ยวนี้รู้จักใช้มารยาล่อลวงผู้ชายนะ นังราชินีหิมะเฮงซวย” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
“มนุษย์กับคำสาปให้ตายยังไงก็ไม่มีวันรักกันได้หรอก”
.
.
.
Talkๆ desu: เอาตอนใหม่มาเสิร์ฟต้อนรับฮาโลวีนค่าาาาาสัมผัสได้ถึงความสองมาตรฐานจากหม่อมแม่ ว่าแต่มีใครลืมตัวร้ายช่วงท้ายนี้ไปยังคะ ไม่ได้ออกมานานเลย55555555555555555
ก็อย่างที่บอกไปว่าตอนนี้จะเป็นตอนของโกโจกับยูกิฮิเมะบอกตามตรงว่าเขียนยากมากกกกกกกกกกกกกกกกก กว่าจะเขียนออกมาได้คือต้องใช้เพลงช่วย แล้วคุณดูเพลย์ลิสต์เรา
มีเพลงญี่ปุ่นหลงมาอยู่ในดงเพลงไทยค่ะ555555 อันนี้เป็นเพลย์ลิสต์ที่เราทำเองนะคะ แล้วก็ฉากนอนนี่ได้อินสไปร์จากรูปนี้
ช่วงนี้เราก็จะเน้นอัพฟิคเรื่องนี้ไปก่อนเพราะว่าเราเตรียมปิดจบซีซัน 1 ตามอนิเมะแล้วค่ะ
สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันเข้ามาได้นะค้าบ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ
เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
twitter: @bdm1228
ความคิดเห็น