NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ss1+2+3) | Fic Jujutsu Kaisen x OC | The Grim reaper eye

    ลำดับตอนที่ #28 : ปลดพันธนาการ

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 67


    “…เมื่อกี้นี้?”

    “วิชาคุณไสยน้ำแข็งพันปี หวนคืนสู่โลกันตร์” หลังจากที่ยูกิฮิเมะจัดการกิ้งกือยักษ์นั่นได้พริบตาเดียวแล้วเรียวตะก็ยังคงอึ้งไม่หายกับท่าไม้ตายเมื่อครู่เธอจึงเริ่มอธิบายให้ฟัง “เป็นท่าที่ใช้จัดการศัตรูภายในดาบเดียว แต่อานุภาพการทำลายล้างจัดอยู่ในระดับกลางๆไม่ได้สูงจนอลังการ ข้าจึงแก้จุดอ่อนของท่านี้โดยใช้แผลของศัตรูให้เป็นประโยชน์ เมื่อศัตรูถูกฟันโดยท่านี้แผลที่ถูกฟันก็จะมีน้ำแข็งเกิดมาแล้วห่อหุ้มร่างรวมถึงเข้าไปกัดกินถึงเซลล์ข้างในเป็นการปิดจบและป้องกันไม่ให้เลือดมันไหลทะลักออกมา”

    “มันก็คืออิไอแต่เป็นเวอร์ชั่นอัพเกรดเถอะ ว่างั้น?”

    “นิยามซะสั้นเชียว แต่ตามหลักการแล้วก็ถือว่าใช่” คำนิยามของเรียวตะทำเอาคำสาปสาวเสียความมั่นใจไปเล็กน้อย เพราะช่วงที่เธอฝึกท่านี้ เธอต้องคำนวณหลายต่อหลายรอบว่าต้องทำยังไงถึงจะรีดประสิทธิภาพของพลังได้ดีที่สุด

    “แต่อิไอปกติพอเราฟันเสร็จก็เก็บดาบกลับเข้าฝักใช่มั้ยแต่ของข้าคือไม่ต้อง แล้วก็ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้อานุภาพการทำลายของท่านี้เพิ่มขึ้นคือพลังที่ใช้ จะใช้คุณไสยฟันฉับเดียวแบบเพียวๆก็ได้ หรือจะใช้อาวุธเป็นสื่อกลางแล้วส่งพลังเข้าไปในนั้นก็ได้ ซึ่งข้าชอบใช้แบบหลังมากกว่าเพราะมันเหนื่อยน้อยกว่าแบบแรก”

    “ตอนอยู่ด้วยกันก็คือไม่คิดจะโชว์กันบ้างเลย…” ยมทูตหนุ่มกอดอกพลางยู่ปากด้วยความน้อยใจ

    “ก็มันยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เจ้าก็น่าจะรู้นี่ว่าข้าไม่ชอบอะไรที่มันครึ่งๆกลางๆด้วย”

    ‘ยูกิฮิเมะ’ ในระหว่างนั้นเอง อากาเนะก็เรียกเธอพอดี

    ‘มีอะไร?’

    ‘เอ่อ…คือท่าเมื่อกี้…ทำได้ยังไ-’

    ‘เดี๋ยวข้าสอนให้ ไม่ต้องห่วงหรอก’ ไม่ทันที่เด็กสาวจะพูดจบ ยูกิฮิเมะก็รับรู้ได้ทันทีอีกฝ่ายต้องการอะไร

    ‘จริงเหรอ!? ใจดีที่สุด’ เด็กสาวร้องด้วยความดีใจ

    “คุยกับอากาเนะอยู่เหรอแม่” เรียวตะที่เห็นว่ายูกิฮิเมะเงียบไปพักนึงก็ทักถาม

    “ใช่ จบเรื่องวันนี้เมื่อไหร่เดี๋ยวข้าสอนท่านี้ให้อากาเนะ จะมาดูก็ได้นะ”

    “มันก็ต้องไปดูอยู่แล้วป้ะ-”

    “ฟ่ออออ!!”

    “!?” ทันใดนั้นเองก็มีฝูงสัตว์ประหลาดในรูปลักษณ์ของูที่มีขาถึง4 ขามาล้อมหน้าล้อมหลังไว้ สองหนุ่มสาวเห็นแบบนั้นก็หันหลังชนกันทันที

    “ฝากด้านหลังทีนะ”

    “แม่ก็ด้วยล่ะ” ไม่รอช้าทั้งคู่ก็พุ่งเข้าไปจัดเหล่าสัตว์ประหลาดตรงหน้าตัวเอง

    “ไม่จบไม่สิ้นซักทีนะ พวกเจ้าเนี่ย!!”

    แกร๊งๆๆๆๆ

    “ฟ่อ!?!!!” ทางเรียวตะก็เรียกโซ่มาพันธการฝูงสัตว์ประหลาดฝั่งตัวเองทั้งหมดภายในพริบตา

    “ทิ่มแทง”

    ฉัวะ!!!

    “!!?” สิ้นคำพูดของยมทูตหนุ่ม โซ่จากที่เคยมีผิวเรียบลื่นก็กลายเป็นหนามเหล็กแทงพวกมันจนพรุน

    “20…30…น้อยกว่าที่คิดแฮะ สงสัยไปอยู่ฝั่งเรียวตะเยอะกว่า” ส่วนยูกิฮิเมะเองก็จัดการฟันศัตรูออกเป็นท่อนๆไปพลางนับจำนวนฝั่งตัวเองไปด้วย แต่ไม่นานก็มีฝูงงูมีขาปรากฎตัวออกมาเยอะกว่าเดิม

    “60…70…งั้นเอาอันนี้ดีกว่า” แล้วเธอก็ปักดาบลงกับพื้นก่อนจะยื่นมือออกมาข้างหน้า จากนั้นก็มีก้อนพลังงานสีขาวเรืองแสงขึ้นแล้วแปรเปลี่ยนเป็นธนูและลูกธนูน้ำแข็ง เธอจึงง้างลูกธนูกับสายให้ชี้ไปบนฟ้า

    วิชาน้ำแข็งพันปี ฝนน้ำแข็งดาวตก

    ฟิ้ว!

    ฉัวะๆๆๆ!!!!

    “ฟ่อ!!!?” ทันทีที่เธอยิงธนูขึ้นไปบนฟ้า จากลูกธนูเพียงหนึ่งดอกก็เกิดเป็นห่าฝนน้ำแข็งตกลงใส่ฝูงสัตว์ประหลาดและทำให้พวกมันเป็นน้ำแข็งทุกตัว

    “ฟ่อ!!” แต่ดูเหมือนจะมีตัวนึงที่ไม่โดนฝนน้ำแข็งตกใส่แล้ววิ่งหนีไปด้วยความร้อนรน

    “หลุดเหรอ”

    ฉัวะ!!

    “สงสัยไม่ได้ใช้นาน ขอบเขตเลยไม่ได้กว้างเท่าเมื่อก่อน” แต่คำสาปสาวกลับไม่ได้เดือดร้อนอะไร มิหนำซ้ำเธอยังยิงธนูเข้ากลางหัวของมันด้วยความแม่นยำประหนึ่งจับวางพลางบ่นพึมพำไปด้วย

    ‘ถามจริงนะยูกิฮิเมะ มีอะไรที่เธอทำไม่ได้บ้างเนี่ย’ อากาเนะถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เพราะนึกไม่ถึงว่าเธอยังยิงธนูได้ด้วย

    “มีสิ”

    ‘คือ?’

    “ถ้าเป็นภาษาของยุคนี้ก็คงจะเป็นมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ล่ะมั้ง?”

    ‘ถามจริง!?’ เด็กสาวที่ได้ยินคำตอบก็ตาลุกวาวแล้วถามต่อด้วยความอยากรู้ ‘ไม่เคยมีแฟนเลยเหรอ เคยแอบชอบใครอะไรแบบนี้นี่เคยมีบ้างมั้ยอ่ะ’

    “เคยแอบชอบเหรอ…เมื่อก่อนน่ะมี”

    ‘เรียวตะเหรอ!?’ อากาเนะตาลุกวาวกว่าเดิม

    “ไม่ใช่มัน” หญิงสาวตอบเสียงเนือย “แต่ความแย่มันตรงที่เวลาที่ข้าเกิดความรู้สึกชอบหรือรักใคร ไม่ว่าจะชายหรือหญิงคนๆนั้นก็มักจะมีอันเป็นไปตลอด ข้าเลยไม่คิดจะชอบหรือรักใครอีก”

    ‘อ่า…ขอโทษด้วยนะ’ เด็กสาวเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด

    “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว” ยูกิฮิเมะพูดแล้วเดินกลับไปที่ตัวเองปักดาบทิ้งไว้และดึงมันออกมาเก็บเข้าฝัก “แต่พวกเจ้าสองคนสำคัญกับข้ามากนะ ตอนที่มีเรียวตะชีวิตข้าก็มีสีสันกว่าเดิม พอมีเจ้าด้วยแล้วยิ่งแล้วใหญ่”

    ‘จริงเหรอ ได้ยินแบบนี้แล้วใจฟูแฮะ’ เด็กสาวว่า ‘แต่ก็นึกไม่ถึงเลยนะว่าเธอจะรู้จักรักใครเป็นด้วย’

    “ฮึๆ หน้าข้าดูเป็นคนไร้หัวใจขนาดนั้น?” คำสาปสาวขำในลำคอแล้วถามกลับ

    ‘เปล่าซักหน่อย’ อากาเนะตอบปฏิเสธ ‘อ้อจริงสิ ยูกิฮิเมะ’

    “ว่า?”

    ‘เธอเคยบอกว่าเธอมีท่าไม้ตายนึงที่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังทำไม่เสร็จเลยใช่มั้ย’

    “...” ยูกิฮิเมะได้ยินแบบนั้นก็เงียบไป เพราะที่จริงแล้วเธอยังมีไพ่ลับอยู่อย่างหนึ่งที่จนถึงตอนนี้เธอยังทำไม่เสร็จเสียที แต่วันนี้อากาเนะอยู่ๆก็พูดถึงมันขึ้นมา “...แล้ว?”

    ‘ฉันขอใช้เลยได้มั้ย ไหนๆก็มีคำสาประดับพิเศษบุกเข้ามาแล้ว’

    “...” คำสาปสาวเงียบเป็นรอบที่สอง “มันจะกินพลังไสยเวทไปเยอะมากเลยนะ แน่ใจแล้วเหรอ”

    ‘อือ’

    “...ข้าห้ามเจ้าได้มั้ย”

    “อะไรๆๆ คุยอะไรกันสองคนอีกแล้วล่ะเนี่ย” ในตอนนั้นเอง เรียวตะที่จัดการศัตรูฝั่งตัวเองเสร็จแล้วก็แวะมาหาพอดี

    “จัดการเสร็จแล้วเหรอ”

    “อือฮึ แล้วนี่เม้าท์อะไรกันอยู่” 

    “เรื่อยเปื่อยน่ะ แล้วเจ้าเจอเจ้านั่นรึเปล่า”

    “เจ้านั่น? หมายถึงไอ้คำสาประดับพิเศษนั่นอ่ะนะ?” คำถามของหญิงสาวทำเอาเรียวตะงงนิดหน่อยแต่ไม่นานก็เข้าใจ

    “เห็นว่าสู้กับอิตาโดริแล้วก็โทโดอยู่”

    ‘…นี่ ยูกิฮิเมะ’ ระหว่างนั้นเอง อากาเนะก็ทักเธออีกรอบ

    “อะไรอีกอากาเนะ”

    ‘ที่ถามไปเธอยังไม่ตอบเลยนะ’

    “…” คำสาปสาวเงียบเป็นรอบที่สอง “ถ้าจะใช้จริงๆ เจ้าต้องเตรียมใจกับพลังไสยเวทเจ้าให้พร้อม”

    ‘ฉันเคยเกือบตายมาแล้วนะ เรื่องแค่นี้ฉันรับมือไหวน่า’

    “…เฮ้อ~” ประโยคของเด็กสาวทำเอาเธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ “อยากจะทำอะไรก็ทำแต่อย่าฝืนตัวเองก็พอ แล้วก็ข้าแนะนำว่าให้สังเกตการณ์จากบนฟ้ามันจะได้หาจุดปล่อยพลังได้ง่าย”

    ‘แต๊งกิ้ว~’

    “อากาเนะคิดอะไรแผลงๆอีกแล้วเหรอ” เรียวตะถาม

    “ไม่ใช่แค่คิด แต่จะทำเลย-”

    ตู้ม!!

    “?!” แต่ทันใดนั้นเอง ม่านที่ถูกกางอยู่ก็พังทลายโดยฝีมือของคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ทางเรียวตะก็รีบดำเข้าไปเงาเพื่อหลบแดดส่วนอากาเนะที่ทำจิตให้กลับร่างตลอดเวลาก็กลับเข้าร่างเดิมได้ซักที

    “กลับเข้าร่างได้แล้ว!”

    “โอ้โหดูมัน เห็นแล้วน่าหมั่นไส้จริงๆ” ยมทูตหนุ่มพูดด้วยความหมั่นไส้ เพราะคนที่เพิ่งทำลายม่านไปตอนนี้กำลังสังเกตการณ์จากบนฟ้าอยู่จนกระทั่งยูกิฮิเมะแทรกขึ้น

    ‘!? อากาเนะ ข้าขอยืมร่างแปบนึง’ 

    “ห๊ะเดี๋ยว-”

     

     

    .

    .

    .

    “เอาล่ะ เริ่มจากตรงไหนดีล่ะ” ทางโกโจที่ตอนนี้ทำลายม่านเรียบร้อยแล้ว แถมยังเอาผ้าปิดตาออกใช้ริคุกันพิจารณาสถานการณ์ของแต่ละคน

    แต่แล้ว

    “แฮ่!!!!-”

    ฉัวะ!! กึกๆๆๆๆๆ!!

    “?” จู่ๆก็มีอีกายักษ์ที่มีลำตัวคล้ายมนุษย์แต่มีขนปีกปกคลุมเฉกเช่นอีกาทั่วไปโผล่มาจากไหนหวังพุ่งโจมตีใส่เขา แต่ก็มีลูกธนูยิงเข้าข้างลำตัวและแช่แข็งร่างมันจนร่วงลงพื้น ส่วนโกโจก็ยังคงงงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เพราะมันไวมากจนเขาไม่ทันจะใช้พลังของตัวเองจัดการเลย

    “อาจารย์โกโจ?” ในตอนนั้นเอง อากาเนะก็ขี่คุดะคิทสึเนะบินมาหาพอดี 

    “เมื่อกี้ฝีมือเธอเหรออากาเนะ”

    “เอ่อ…ไม่ค่ะ ยูกิฮิเมะเป็นคนทำ” เด็กสาวตอบตามความจริงเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นฝีมือของยูกิฮิเมะ แถมเธอยังเพิ่งเคยเห็นเขาตอนไม่มีผ้าปิดตาเป็นครั้งแรกก็อึ้งไปนิดนึง “ก็งงอยู่ว่าจะยืมร่างทำไม ที่แท้ก็มีศัตรูเหลืออยู่แถมยังคิดจะจัดการอาจารย์อีก”

    “อันที่จริงไม่ต้องถึงมือยูกิฮิเมะ ผมก็จัดการเองได้นะ” โกโจว่า

    “ข้าเองก็คิดแบบนั้น แต่ข้าก็ไม่รู้นะว่าทำไมแม่ถึงทำแบบนั้น” เรียวตะออกความเห็น “จะไปเค้นถามก็ไม่ได้ด้วยเพราะแม่ชิ่งหนีไปหลับแล้ว”

    “หนีไปหลับ…เหลือจะเชื่อเลย” คนผมขาวได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ “พูดซะอยากเห็นยูกิฮิเมะตอนที่ไม่ได้สิงร่างอากาเนะเลยนะครับ”

    “สวย”

    “หือ?” คำพูดของยมทูตหนุ่มทำเอาโกโจเลิกคิ้วสงสัย

    “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าจินตนาการหน้าตายูกิฮิเมะยังไง แต่นางสวยกว่าที่เจ้าคิด”

    “ขอยืนยันอีกเสียงค่ะ ยูกิฮิเมะสวยมาก” อากาเนะเองก็เห็นด้วยเช่นกัน โกโจจากที่แค่แซวขำๆไปเมื่อครู่พอได้ยินแบบนี้ก็ทำให้ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของเขาเพิ่มขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเก็บความอยากรู้นี้ไว้ก่อน

    “แล้วนี่เธอบินขึ้นมานี่มีอะไรรึเปล่าครับอากาเนะ”

    “เล็งหาที่เหมาะๆไว้ฟรีซคำสาประดับพิเศษค่ะ”

    “ฮะๆ ดูท่าพวกเราจะเล็งเป้าหมายเดียวกันนะ” ชายหนุ่มเจ้าของเนตรริคุกันขำเล็กน้อย

    “แล้วอาจารย์ทำอะไรอยู่เหรอคะ”

    “ก็ดูสถานการณ์แล้วก็เรียงลำดับความสำคัญ ทางยูจิตอนนี้พลังเพิ่มสูงขึ้นเพราะอาโออิ คิดว่าทางนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”

    “…งั้นฉันไปก่อนนะคะ หาที่ดีๆเจอแล้ว”

    “คร้าบๆ แล้วเจอกันนะ” แล้วอากาเนะก็บินลงหาที่ที่ตัวเองเตรียมใช้ไพ่ลับที่ว่าพร้อมกับให้คุดะคิทสึเนะกลับเข้าลูกแก้วและเก็บใส่กระเป๋า

    “…เฮ้อ” เด็กสาวสูดลมหายใจแล้วผ่อนออกมาเพื่อทำสมาธิ จากนั้นก็ยื่นมือออกมาด้านหน้าหนึ่งข้าง ส่วนอีกข้างก็เอานิ้วชี้และนิ้วกลางจรดหน้าผากแล้วหลับตาลง “เอาล่ะนะ”

    ฟู่ววววว~~!

    “…” เธอใช้พลังสร้างก้อนพลังสีฟ้าพาสเทลและใช้สมาธิรวบรวมพลังจากรอบด้านอยู่

    ‘…’ ยูกิฮิเมะที่หลับอยู่ก็ยอมตื่นมาดูสิ่งที่อากาเนะจะทำอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้และคิดอยู่ในใจ

    เพราะท่าไม้ตายที่อากาเนะใช้อยู่นั้นมันเป็นท่าที่มีการทำลายล้างรุนแรงที่สุดเท่าที่เธอเคยทำมา เพียงแต่เธอยังทำไม่เสร็จสมบูรณ์เท่านั้นแถมตอนที่ใช้ครั้งแรกก็ยังกินพลังไสยเวทเธอไปเยอะมากจนแทบจะยืนไม่อยู่ด้วย

    “…สุริยันดับแสง จันทรามัวหมอง

    ‘หือ? อากาเนะ?’ ในตอนนั้นเอง เด็กสาวผมแดงก็พูดอะไรแปลกๆออกมาจนคำสาปสวต้องทักแต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้สนใจ

    “บุปผาร่วงโรย นคราวินาศ”

    ‘อากาเนะ?! ท่านี้มันไม่มีโปรย-’

    “โซ่ตรวนที่พันธนาการตัวเรา จงปลดออก”

    ครืนนน!!!

    ‘?!’

    ‘เดี๋ยว! ทำไมพลังดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเลยวะ!?’ ตอนนี้ไม่ใช่มีแค่ยูกิฮิเมะที่รู้สึกร้อนรนแล้ว เรียวตะเองก็รู้สึกว่าก้อนพลังงานนั้นมีพลังมากกว่าเดิม ทางเด็กสาวในตอนนี้ก็ลืมตาขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกไป หนึ่งยมทูตและหนึ่งคำสาปต่างตะโกนเรียกสติเธอทันที

    ‘เห้ยอากาเนะ! เจ้าเป็นอะไรเนี่ย!?’

    ‘อากาเนะ ข้าขอสั่งให้เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!’

    วอดวายมลายสิ้น สูญสิ้นโลกา

    ตู้ม!!

    กึกๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!

    “!? แกว้ก-!?” ทันที่ที่อากาเนะเขวี้ยงก้อนพลังลงพื้น พื้นที่ที่เธออยู่ก็ถูกทำเป็นน้ำแข็งและไล่แช่แข็งทุกอย่างที่ขวางหน้าแม้กระทั่งนกกระจอกผู้โชคร้ายตัวนั้น และมันก็ไล่แช่แข็งทุกอย่างเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆจนไม่น่าจะมีใครหยุดได้เลยทำให้ป่าในโรงเรียนตอนนี้เป็นป่าน้ำแข็งเรียบร้อย

    ‘นี่มันท่าต้องห้ามของแม่ไม่ใช่เหรอ!? ทำไมถึงให้อากาเนะใช้ล่ะ!!’ ยมทูตหนุ่มร้องโวยวายเพราะไพ่ลับที่อากาเนะใช้อยู่นั้นมีชื่อว่าสูญสิ้นโลกา เป็นไม้ตายต้องห้ามของยูกิฮิเมะเพราะมันจะแช่แข็งทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างไร้ปราณี

     

    และที่สำคัญที่สุดก็คือ

    หากหยุดใช้เมื่อไหร่ มันก็จะสะท้อนเข้าตัวเอง

     

    ‘ก็นางตื๊อว่าจะใช้ให้ได้ แต่ข้าไม่คิดว่ามันจะกินพื้นที่เยอะกว่าที่ข้าเคยทำอีก’ คำสาปสาวว่าด้วยกังวล

    “…แฮ่ก…แฮ่ก…” ในตอนนั้นเอง ก้อนพลังงานก็ค่อยๆจางลงพร้อมกับเสียงหอบหายใจของเด็กสาวจนกระทั่งมันหายไป

    ‘อากาเนะ!! รู้รึเปล่าว่าทำอะไรลงไป!!’ เรียวตะตวาดใส่

    “…หา? ก็ปั-อุ๊บ!? แหวะ!!!!” แต่จู่ๆเธอก็อ้วกเป็นเลือดและเลือดกำเดาไหลออกมาและทรุดลงกับพื้น

    ‘อากาเนะ!?!!’ หนึ่งยมทูตและคำสาปสาวร้องตกใจกับอาการของเธอ เพราะไม่คิดว่ามันจะสะท้อนเข้าตัวหนักขนาดนี้

    ‘แม่!? แม่ไปสิงแล้วรักษานางได้มั้ย!’

    ‘ก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่หรอก แต่ข้าเข้าไปสิงไม่ได้เลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน’

    “…ฉัน…ไม่เป็นไร-” เสียงของเด็กสาวช่างแผ่วเบาและสลบไปทั้งอย่างนั้นจนทั้งคู่ต่างตะโกนเรียกด้วยความร้อนใจ

    ‘อากาเนะ!?!!!’

     

     

     

    .

    .

    .

    นี่เรียวตะ ฉันสงสัยอ่ะ

    หือ? เจ้าสงสัยอะไร

    ไสยเวทย้อนกลับคืออะไรเหรอ

    ไสยเวทย้อนกลับเป็นไสยเวทที่ใช้พลังไสยเวทด้านลบสองอันรวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นพลังไสยเวทด้านบวก ความสามารถของมันก็ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้แบบอีซี่ แต่คนที่มีไสยเวทนี้ดันมีน้อย เรียกได้ว่าใครมีก็คือมีชัยไปกว่าครึ่ง

    ‘…ฟังดูเป็นพลังที่โกงจังนะ

    ใช่มั้ยล่ะ ข้าเคยพยายามแล้วนะแต่ทำเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ซักที

    ถ้านายทำไม่ได้ ฉันก็คงหมดหวังแล้วล่ะ

     

     

    พลังไสยเวทด้านลบสองอันรวมกันจนเกิดเป็นพลังไสยเวทด้านบวกเหรอ

     

     



    .

    .

    .

    “...ง! อากาเนะจัง!!”

    “…เฮือก!?”

    “อากาเนะจัง!!? ค่อยยังชั่ว นึกว่าจะอาการหนักจนต้องให้โชโกะช่วยแล้วเนี่ย”

    “คุณ…ฮิโตมิ?” ในที่สุดอากาเนะก็ฟื้นขึ้นมาจนได้ และเจอกับฮิโตมิที่มีสีหน้าโล่งใจที่เห็นว่าเธอฟื้นซักที

    ‘คุณพระคุณเจ้า นึกว่าเจ้าจะตายรอบสองแล้ว’

    ‘ใจหายใจคว่ำหมด…’ รวมถึงเรียวตะและยูกิฮิเมะด้วย

    “ดูเหมือนจะยังจำกันได้อยู่นะ-เดี๋ยว? ทำไมตรงมุมปากกับจมูกมันเลอะเลือดล่ะ” แต่พอเห็นว่าสภาพเด็กสาวตรงหน้ามีคราบเลือดเลอะตรงมุมปากยาวไปถึงคางและตรงจมูกก็ตกใจ “ร่างกายไม่เป็นไรใช่มั้ย!? มีปวดหัวอะไรรึเปล่า”

    “เอ๊ะ? เอ่อ…” เด็กสาวอ้ำอึ้งงงเป็นไก่ตาแตก เพราะหลังจากที่เธอปล่อยพลังทำให้ป่าไม้เป็นป่าน้ำแข็งแล้ว เธอก็รู้สึกเจ็บปวดจนทรมานไปทั่วร่างกายแถมรู้สึกได้ถึงอวัยวะภายในที่เสียหายหนักอีก

     

    แต่ตอนนี้เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว แถมร่างกายก็ยังแข็งแรงดีทั้งๆที่เหนื่อยจากการแข่งไปขนาดนั้น

     

    “…ไม่ค่ะ…หนูสบายดี”

    “เหรอ…” หญิงสาวผมม่วงมองด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่คิดจะเค้นอะไร เธอจึงยื่นทิชชู่เปียกพกพามาให้เด็กสาวเช็ดคราบเลือดตัวเอง “เอานี่ทิชชู่”

    “ขอบคุณค่ะ” อากาเนะรับมาแล้วเช็ดคราบเลือดออก “แล้วคุณฮิโตมิมาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ”

    “ก็มาดูงานแข่งนี่แหละ แต่คิดไม่ถึงเหมือนกันนะว่าจะมีคำสาประดับพิเศษบุกเข้ามาแบบนี้ด้วย”

    “นั่นสินะคะ คิดไม่ถึงจริงๆ”

    “แล้วป่าน้ำแข็งนี่เป็นฝีมือเราใช่มั้ย”

    “ค่ะ”

    “…ห๊ะ?” แต่พอฮิโตมิถามถึงป่าน้ำแข็งและได้ยินว่าเป็นฝีมือของเด็กสาวก็ช็อกไป “เดี๋ยว? เราทำได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ”

    “คะ?”

    “คือว่านะอากาเนะจัง โกโจบอกฉันมาว่าเขตป่าในโรงเรียนเกือบจะครึ่งนึงตอนนี้มันเป็นน้ำแข็งน่ะ”

    “…คะ!?!!!” ประโยคของหญิงสาวเรือนผมสีม่วงทำเอาอากาเนะไปไม่เป็นเลยทีเดียว

    “จริงๆนะ หมอนั่นถ่ายรูปจากบนฟ้าแล้วส่งมาให้ฉันดูด้วย โคตรลงทุน” ฮิโตมิว่าแล้วยื่นโทรศัพท์ที่เปิดภาพถ่ายที่โกโจส่งมาให้ดู

    “…” อากาเนะที่เห็นภาพนั้นก็พูดไม่ออก เพราะในรูปมันแบ่งเป็นโซนป่าที่แห้งเหี่ยวเพราะฝีมือของฮานามิกับป่าน้ำแข็งอย่างชัดเจนโดยมีรอยแยกขนาดใหญ่คั่นกลาง

    ‘บ้าบอคอแตก มันฟรีซเยอะขนาดนั้นเลยเรอะ!?’ เรียวตะช็อก

    ‘แม้แต่ข้าเองก็ไม่เคยทำได้ถึงขนาดนี้…ว่าแต่รอยแยกนี่ฝีมือซาโตรุใช่มั้ย’ กระทั่งยันเจ้าของวิชาอย่างยูกิฮิเมะถึงขั้นบอกว่าตัวเองยังทำได้ไม่เท่าเด็กสาวเลย

    “รอยแยกในภาพอันนั้นเป็นฝีมือโกโจนะ ถ้าเกิดไม่ได้ห้วงสุญญตาของเจ้านั่นเผลอๆได้มีป่าน้ำแข็งเยอะกว่าเดิมแน่”

    “งั้นเหรอคะ…”

    “…” ฮิโตมิมองท่าทางของเด็กสาวที่ตอนนี้เหมือนจะยังงงๆกับสิ่งที่เห็นอยู่ เธอจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาก่อน “งั้นไปหาเพื่อนก่อนมั้ย เดี๋ยวฉันพาไปส่ง”

    “รบกวนด้วยนะคะ” แล้วทั้งคู่ก็ออกจากป่าไปยังอาคารรวมของโรงเรียน พอส่งเสร็จฮิโตมิก็รีบวิ่งไปที่ห้องพักด้วยความไวแสงเพราะโกโจส่งข้อความมาบอกว่าตอนนี้พวกอาจารย์กับเมย์เมย์อยู่ที่นี่กันและด้วยความเธอแอบหนีออกมาถ้าโดนครูใหญ่ยากะจับได้คือซวยแน่นอน

    ครืด!

    “หายไปไหนมาฮิโตมิ”

    ‘!? ชิบหาย’ แต่ทันทีที่เลื่อนประตูออก ครูใหญ่ยากะก็ถามเธอเสียงแข็งจนเธอรู้สึกเสียวสันหลัง

    “ฮิโตมิเขาไปห้องน้ำมาค่ะ ใช่มั้ยล่ะฮิโตมิ” ราวกับมีแสงสวรรค์เข้ามาช่วยชีวิต เมย์เมย์พูดแก้ต่างให้จากการที่เธอโอนเงินเป็นค่าปิดปากไม่ให้บอกครูใหญ่ยากะ

    “ใช่ค่ะๆฉันไปห้องน้ำมา แหะๆๆ”

    “…” ครูใหญ่ยากะจ้องหน้าหญิงสาวเรือนผมสีม่วงราวกับจะจับผิดให้ได้ “…แน่ใจนะว่าไปห้องน้ำ?”

    “ค่ะ”

    “…”

    “…”

    “…จะเชื่อแบบนั้นก็แล้วกัน”

    “เฮ้อ~ ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วไปนั่งตรงระหว่างโกโจและเมย์เมย์

    “เกือบแล้วนะ~” คนผมขาวแซว

    “หุบปากไปเลยโกโจ”

     

     

     

    .

    .

    .

    ‘อากาเนะ ที่บอกว่าตัวเองสบายดีนี่เรื่องจริงเหรอ’ ด้านอากาเนะที่แยกกับฮิโตมิมาแล้ว เรียวตะก็ยังคงซักถามเธอไม่เลิก

    “ก็จริงน่ะสิ แต่ฉันงงมากนะว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้”

    ‘แล้วรู้ตัวรึเปล่าว่าเจ้าโปรยคำพูดแปลกๆออกมาตอนใช้ท่านั้นน่ะ’

    “ห๊ะ? ฉันพูดอะไร?” ประโยคของยมทูตหนุ่มทำเอาเด็กสาวงงกว่าเดิม

    ‘พูดว่าสุริยันดับแสง จันทรามัวหมอง บุปผาร่วงโรย อะไรประมาณนี้ นี่เจ้าจำไม่ได้เลยเหรอ’

    “ฉันพูดอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ ฉันว่าฉันตั้งสมาธิรวมพลังอยู่ไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”

    ‘…’ คำตอบของเด็กสาวทำเอาเรียวตะงงกว่าเดิม ดูท่าว่าเธอคงไม่รู้ตัวจริงว่าทำอะไรลงไปบ้างจนเขาคิดว่าเธอโดนผีตัวอื่นสิงเธอเหรอ

    ‘ตอนนางพูดโปรย ข้าตรวจดูแล้วไม่มีวิญญาณตนอื่นมาสิงนะ’ เหมือนยูกิฮิเมะจะรู้ว่ายมทูตหนุ่มคิดอะไรอยู่ก็ตอบกลับไป

    ‘ถ้าแม่พูดแบบนี้แล้วอะไรดลใจให้อากาเนะพูดแบบนั้นล่ะเนี่ย…’

    ‘…’ ไม่ใช่แค่เรียวตะที่สงสัยกับท่าทางของเด็กสาวในตอนนั้นเพียงคนเดียว เธอเองก็รู้สึกสงสัยไม่ต่างกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

    แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักสำหรับเธอ เพราะสิ่งที่เธอสงสัยจริงๆคืออาการบาดเจ็บปางตายของอากาเนะที่มาจากผลของการใช้สูญสิ้นโลกาต่างหาก ตอนแรกก็เห็นเหมือนว่าอากาเนะนั้นทรมานมากแค่ไหนจนเธออยากสิงร่างไปช่วยรักษาแต่กลับทำไม่ได้ราวกับมีบางอย่างมาขวางเธอไว้

    แต่ไม่นานอาการของอากาเนะก็กลับมาดีขึ้นแถมเท่าที่เธอไปตรวจมาอวัยวะภายในเองที่เคยเสียหายก็ถูกฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิม

     

    อวัยวะภายในจากที่เคยเสียหายอยู่ๆกลับมาดีขึ้นได้ด้วยตัวเอง

     

    เดี๋ยวนะ

     

    ‘…หรือว่า!?’

     

     

     

    .

    .

    .

    Talkๆ desu: ตัดจบแบบละครไทยอีกแล้ว!!!! ไอ่ช่วงท้ายๆตอนนี่เหมือนจะคุ้นๆเลยว่ามั้ยคะทุกคน5555555555 จริงๆมันก็พอจะเดาได้แล้วแหละว่ามันคืออะไร ถ้าอิงตามสตอรี่อนิเมะก็คือฟิคเริ่มเข้าใกล้ช่วงท้ายอนิเมะซีซั่น 1 แล้วนะคะทุกคน อนิเมะซีซั่น 2คืออย่างเดือดเลย

    สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันเข้ามาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ

    เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยยยยยยย

    twitter: @bdm1228

            
    Z K T
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×