คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : โลกในภายหลัง 3,700 ปี
3,700 ปีผ่านไป
กึกๆๆๆๆ เพล้ง!!
“!?!!” หินที่เคยห่อหุ้มร่างของฮิโตมิฮิเมะบัดนี้ได้หลุดออกมาแล้ว เธอมองทิวทัศน์ตรงหน้าที่เต็มไปด้วยผืนป่าต้นไม้ใบหญ้าจนพบว่าตัวเองมีเสื้อหนังสิงโตคลุมอยู่
“หนังสิงโต?”
“วันนี้ค.ศ.5739 หรือก็คือโลกของเราที่ผ่านไป 3,700 ปี”
“?!!” เสียงปริศนาจากข้างหลัง เด็กสาวเบิกตากว้างแล้วหันไปทางเสียงก็พบว่ามีชายหนุ่มผมสีน้ำตาลยืนอยู่ข้างหลัง อีกทั้งมีเหล่าชายหนุ่มอีกหลายคนยืนมองเธออยู่จนเธอดันไปสบตากับคนๆนึงเข้าซึ่งเป็นคนที่เธอรู้จักดี
‘พี่อุเคียว…’
“ที่ฉันคืนชีพให้เธอเป็นเพราะมีคนขอมา” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลพูดต่อ เด็กสาวจึงพูดแทรกด้วยการเอ่ยชื่อของอีกฝ่าย
“นี่คือโลกใบใหม่ที่พวกเราจะได้ใช้ชีวิต-”
“ชิชิโอะ สึคาสะ”
“?” ชายหนุ่มนามสึคาสะมองเด็กสาวที่ตนเพิ่งคืนชีพได้ไม่นานด้วยความสงสัย
“นักเรียนชั้นม.ปลายที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างคุณคิดจะทำอะไรกับโลกใบนี้กันแน่คะ”
“สร้างโลกใหม่ที่ไร้ซึ่งมลทินอย่างผู้ใหญ่ที่ร่ำรวยและใช้อำนาจกดขี่”
“!?!” ฮิโตมิฮิเมะฟังแล้วถึงกับหน้าชา เพราะบ้านของเธอก็จัดว่าร่ำรวยด้วยธุรกิจผลิตและส่งออกอุปกรณ์กีฬาทุกชนิด ต้องยอมรับว่าการที่คนเรามีอำนาจมากมักจะใช้อำนาจนั้นกดขี่บังคับเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เรื่องนี้เธอรู้ดี
“โลกที่ไร้พวกร่ำรวยและอำนาจ…” เด็กสาวก้มตัวโค้งเหมือนเคารพในความคิดของอีกฝ่ายโดยที่กล่าวเหมือนเห็นด้วย “น่าสนใจจังเลยนะคะ”
แต่แท้ที่จริงแล้ว
‘โลกแบบนั้นมันไม่มีอยู่จริงหรอก’
“แล้วก็ขออะไรอย่างนึงหน่อยได้มั้ยคะ” เธอเงยหน้าขึ้นมาถาม
“เรื่องอะไรล่ะ”
“ให้ฉันได้เป็นผู้ติดตามของนักธนูคนนั้นได้มั้ยคะ” ฮิโตมิฮิเมะชี้ไปที่ชายหนุ่มในหมวกสีเหลืองซึ่งนักธนูคนนั้นก็คืออุเคียวนั่นเอง
“วะฮ่าๆๆๆ! เด็กผู้หญิงอย่างเธอเนี่ยนะจะเป็นผู้ติดตามของอุเคียว!” ชายกล้ามโตคนหนึ่งพูดเยาะเย้ย เด็กสาวจึงยิ้มตอบกลับไป
“งั้นขออนุญาตไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วค่อยโชว์ฝีมือก็แล้วกันนะคะ”
“?!” ชายหนุ่มหน้าซีดกับประโยคที่ออกมาจากเด็กสาวเส้นผมสีควันบุหรี่
“ได้สิ” สึคาสะพูด
“ฮึๆๆๆ ขอบคุณค่ะ”
.
.
“แล้ว…เธอจะโชว์อะไรล่ะ” สึคาสะถามฮิโตมิฮิเมะในชุดกระโปรงยาวครึ่งเข่าสวมเสื้อคลุมสีขาวชายเสื้อคลุมสีคราม ผ้าพันคอสีขาวชายสีครามเช่นเดียวกับเสื้อคลุมกอดอกครุ่นคิด
“นั่นสินะคะ…งั้นขอยืมธนูหน่อยได้มั้ยคะ” ฮิโตมิฮิเมะเดินไปถามอุเคียว อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรแต่ก็ยื่นคันธนูและลูกธนูอีก3ดอก เด็กสาวโค้งตัวขอบคุณแล้วเดินไปหาชายกล้ามโตที่พูดเยาะเย้ยเธอก่อนหน้านี้
“มีอะไร”
“ช่วยมาเป็นเป้ายิงหน่อยค่ะ”
“หา!? แกจะบ้ารึไง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ตายหรอกค่ะ” เด็กสาวพูดไปยิ้มไป ชายคนนั้นคิ้วกระตุกแล้วยอมทำตามที่เด็กสาวบอก
“เออๆๆ ก็ได้ๆ”
“ไปยืนตรงต้นไม้ตรงนั้นเลยค่ะ” อดีตประธานชมรมคิวโดชี้ไปที่ต้นไม้ที่อยู่ข้างหลังเขา
“ทำตัวสบายๆเลยนะคะ” ฮิโตมิฮิเมะง้างธนูรอยิงพร้อมถือลูกธนูที่เหลือไว้ที่มือข้างที่ดึงสายธนู ชายกล้ามโตที่ไปยืนรอตรงต้นไม้ก่อนหน้านี้ พอเห็นว่าเด็กสาวถือลูกธนูแบบนั้นอยู่ก็หัวเราะเยาะเย้ย
“ฮ่าๆๆๆๆ! ถือลูกธนูที่เหลือแบบนั้นเดี๋ยวมันก็หลุด-”
ฟิ้ว! ฉึก!
“?!!” แต่ไม่ทันไรลูกธนูก็ถูกยิงมาตรงเหนือหัวของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว ไม่นานอดีตประธานชมรมคิวโดก็ยิงอีกจนหมดมือจากนั้นก็พูดกับชายกล้ามคนนั้นด้วยคำสั้นๆ
“เสือก ค่ะ”
“นังเด็กนี่!?”
“พอได้แล้ว” สึคาสะห้ามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่เต็มไปด้วยความน่ากลัว ชายกล้ามโตที่กำลังจะชกหน้าเด็กสาวก็ต้องหยุดอย่างช่วยไม่ได้
“มีฝีมือเหมือนกันนี่ ว่าแต่เธอชื่ออะไร”
‘ซวยแล้วไงหมอนี่มันถามชื่อ ถ้าตอบชื่อจริงไปแล้วรู้จักล่ะก็มีแววว่าโดนฆ่าแน่ๆ’ ฮิโตมิฮิเมะคิดในใจจึงตัดสินใจพูดชื่อปลอมออกไป
“โซโนซากิ ฮิเมะ”
“งั้นฮิเมะ ช่วยมากับฉันทีพอดีอยากคุยอะไรหน่อย” แล้วทั้งสองคนก็เดินไปที่หน้าผาโดยเดินไปและคุยไปด้วย
“ฮิเมะ”
“คะ?”
“คิดว่าโลกเมื่อ 3,700 ปีก่อนเป็นยังไง”
“เอ่อ…ขออนุญาตไม่ตอบนะคะ”
“มันคงจะเลวร้ายมากสินะถึงไม่อยากตอบ”
‘แต่นายนั่นแหละเลวร้ายกว่า’ ฮิโตมิฮิเมะกร่นด่าในใจ
“ยิ่งถ้ามีอาวุธวิทยาศาสตร์ พวกเขาก็ใช้อาวุธทำให้เกิดห่วงโซ่อาหาร ทำให้โลกเลวร้ายและสกปรกกว่าเดิม” สึคาสะพูดต่อ
‘พวกสัตว์ก็มีห่วงโซ่อาหารเหมือนกันเถอะ แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้หมอนั่นพูดถึงวิทยาศาสตร์ด้วยนี่’
“อาวุธวิทยาศาสตร์?”
“ที่ฉันฟื้นสภาพจากการเป็นหินได้ เป็นฝีมือของเซ็นคู”
“เซ็นคู? ใครกันเหรอคะ”
“เขาเป็นคนที่ฟื้นขึ้นมาจากการเป็นหินคนแรก และเขาจะใช้พลังของวิทยาศาสตร์ช่วยทุกคนบนโลกซึ่งรวมถึงพวกผู้ใหญ่สกปรกนั่นด้วย”
“…” ฮิโตมิฮิเมะเงียบเพื่อรอฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดต่อ
“เพราะอย่างนั้น ฉันเลยต้องฆ่าเขาด้วยมือของฉัน”
“!?!” เด็กสาวชะงักกับประโยคออกมาจากปากของชายที่แข็งแกร่งที่สุด
“เพื่อให้โลกใบนี้ไร้ซึ่งมลทิน ถึงฉันจะฆ่าคนไปฉันก็ไม่เสียใจ”
“งั้นเหรอคะ…เป็นอุดมการณ์ที่วิเศษไปเลยนะคะ” เด็กสาวก้มหน้าพูด
“ที่ฉันจะคุยด้วยก็มีแค่นี้แหละ ฉันไปล่ะ” แล้วสึคาสะก็กลับไปดูแลอาณาจักรของตนต่อ ส่วนเด็กสาวยังคงยืนอยู่ตรงที่เดิมรอให้สึคาสะเดินไปให้ไกลที่สุดเพื่อไม่ให้ได้ยินสิ่งที่เธอพูด เมื่อเห็นว่าเขาไปได้ไกลมากแล้วก็พูดความในใจที่ได้ฟังอุดมการณ์ของสึคาสะ
“ฆาตกร…”
.
.
.
ตกดึก
เป็นช่วงเวลาที่หลายๆคนต่างเข้านอนเพื่อเอาแรงไว้ทำงานในวันต่อไป แต่ไม่ใช่กับฮิโตมิฮิเมะเพราะเธอต้องเป็นเวรเฝ้ายามเวลาค่ำ เธอจึงไปนั่งบนกิ่งไม้มองพระจันทร์จนไม่รู้ตัวว่ามีใครบางคนมานั่งด้วย
“คิดมากเรื่องสึคาสะเหรอ”
“!? พี่อุเคียว…” เสียงดังมาจากด้านข้างทำให้เธอหันไปแล้วพบว่าเป็นอุเคียวนั่นเอง เด็กสาวลดอาการเกร็งลงแล้วระบายความในใจออกมา
“เฮ้อ~ บอกตามตรงว่าไม่โอเค”
“?”
“จริงอยู่ที่ว่าพวกคนรวยใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แต่นั่นก็เพื่อความอยู่รอดในสังคมด้วย”
“…แล้วไงต่อ”
“...”
“...”
“ถึงจะฆ่าผู้ใหญ่พวกนั้นที่ยังคงเป็นหินอยู่ แต่การกระทำแบบนั้นน่ะมันไม่ต่างอะไรจากฆาตกรหรอก” เด็กสาวผมสีควันบุหรี่กัดฟันกรอดเมื่อนึกถึงบทสนทนาของตนกับสึคาสะ ทางอุเคียวที่เห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มอารมณ์ไม่ดีจึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุยให้ผู้ติดตามของเขาอารมณ์ดีขึ้น
“แล้ว…นึกยังไงถึงเปลี่ยนชื่อน่ะ”
“ถ้าเกิดบอกชื่อจริงไปแล้วสึคาสะรู้จักล่ะก็ คงตายแน่นอน” เด็กสาวพูดติดตลก
“นามสกุลโซโนซากินี่ นามสกุลเก่าของคุณสึบาเมะใช่มั้ย”
“ใช่ๆ ว่าแต่คุณแม่นี่เคยเล่าเรื่องชื่อหนูให้พี่ฟังยังเนี่ย”
“อ๋อ~ ใช่ที่เถียงกับคุณเอคิจิว่าอยากตั้งชื่อเราเป็นฮิโตมิแต่คุณเอคิจิอยากได้ชื่อฮิเมะมากกว่า เถียงกันไปเถียงกันมาสุดท้ายก็รวมเป็นฮิโตมิฮิเมะรึเปล่า”
“คิๆๆๆๆ แปลว่าเล่าให้ฟังแล้วสินะ” ฮิโตมิฮิเมะหัวเราะคิกคัก สาเหตุที่เธอมีชื่อแบบนี้เป็นเพราะพ่อแม่ของเธอ โคยูกิ เอคิจิและโซโนซากิ สึบาเมะเถียงกันเรื่องตั้งชื่อลูกว่าจะให้ชื่ออะไรโดยที่สึบาเมะอยากได้ชื่อฮิโตมิส่วนเอคิจิอยากได้ชื่อฮิเมะ ทั้งสองจึงเถียงกันแต่ก็จบที่แม่บ้านเสนอว่าให้รวมกันเป็นชื่อเดียวไปเลย ทำให้สมาชิกคนใหม่แห่งบ้านโคยูกิมีชื่อว่าโคยูกิ ฮิโตมิฮิเมะ
“แสดงว่าหลังจากนี้พี่ต้องเรียกเราว่าฮิเมะใช่มั้ยเนี่ย”
“จะเรียกฮิโตมิฮิเมะเหมือนเดิมก็ได้นะคะ”
“?”
“ชื่อฮิโตมิฮิเมะน่ะ ให้เรียกเฉพาะตอนอยู่ด้วยกันก็พอ” ชายหนุ่มสตั๊นไปพักนึง ผิดกับเด็กสาวเจ้าของประโยคที่กะพริบตาปริบๆเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรแปลกๆออกมา อุเคียวเห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็เผลอหลุดขำ
“หัวเราะอะไรของพี่เนี่ย?”
“ฮะๆๆ เอาแบบนั้นก็ได้ งั้นพี่ไปก่อนนะอย่าเพิ่งเหงาหลับไปก่อนล่ะ” แล้วอุเคียวก็ลงจากกิ่งไม้ไปทำงานของตัวเองต่อส่วนฮิโตมิฮิเมะก็กลับมานั่งชมพระจันทร์ แล้วก็เพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรแปลกๆออกไปซะแล้วใบหน้าของเด็กสาวก็เกิดเห่อร้อนขึ้นมา
‘ชื่อฮิโตมิฮิเมะน่ะ ให้เรียกเฉพาะตอนอยู่ด้วยกันก็พอ’
“เดี๋ยวนะ! นี่ตัวเองพูดอะไรออกไปเนี่ย?!”
.
.
.
Talk : ตอนที่ 2 มาแล้วนะคะ สั้นไปยาวไปบอกด้วยนะ สุดท้ายนี้ก็...ไปทำงานก่อนนะคะ
Cr.
ความคิดเห็น