คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : อดีตที่หวนคืน
วันต่อมา
เมืองคาวาซากิ จังหวัดคานางาวะ
“ชุดอยู่บ้าน?”
“คนๆนั้นเค้าไม่ไปโรงเรียนเหรอคะคุณอิจิจิ”
“เหมือนว่าช่วงนี้เค้าจะไม่ไปโรงเรียนซักพักน่ะครับ” วันต่อมาอากาเนะก็ได้ไปที่คานางาวะโดยมีอิจิจิเป็นคนมารับ และภารกิจของเธอที่ได้รับมานั้นดันเป็นภารกิจเดียวกันกับอิตาโดริโดยให้ไปตรวจสอบเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีชื่อว่าโยชิโนะ จุนเปย์ เขาเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ศพนักเรียนชายชั้นม.ปลายที่เสียชีวิตแบบพิสดารจำนวน 3 คนที่โรงภาพยนตร์คิเนม่าที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ และตอนนี้ทั้งเธอ อิตาโดริและอิจิจิก็ตามดูจุนเปย์อย่างเงียบๆโดยไม่ให้โดนจับได้
“ผมเองก็เหมือนกัน พวกนั้นสบายดีใช่มั้ย” อิตาโดริถามเพราะเขาเองก็ไม่ได้ไปโรงเรียนนานแล้วเหมือนกันและอยากรู้สารทุกข์สุขดิบของเพื่อนร่วมชั้นบ้าง
“ทุกคนสบายดีนะยูจิคุง ตั้งใจฝึกเพื่องานเชื่อมสัมพันธ์อย่างหนักเลยล่ะ” อากาเนะตอบ
“ก็ตามที่คุณฟุบูกิพูดนั่นแหละครับ” อิจิจิเสริม “จากนี้ต้องลงรถแล้วครับ”
และในระหว่างที่ขับรถตามนั้น ทั้งสามคนก็ถึงจุดทางเท้าทำให้พวกเขาจำเป็นต้องลงจากรถแล้วเดินตามต่อ
“กำกับเองแสดงเอง รู้สึกไม่จอยเลยแฮะ”
“เอาน่ายูจิคุง งานจะได้เสร็จๆ” เด็กสาวเอ่ยกับเด็กหนุ่มที่บ่นไป แผนการของพวกเขาคือใช้หัวแมลงวัน คำสาประดับต่ำที่ไม่ถึงระดับ 4 ออกไปโจมตีจุนเปย์ในที่ที่ไม่มีคน หลังจากนั้นก็ให้อิตาโดริหรืออากาเนะเข้าไปโจมตีและสอบถามเขาเรื่องโรงหนังในกรณีที่จุนเปย์มองไม่เห็นคำสาปหรือมองเห็นแต่ไม่รู้วิธีกำจัด แต่ถ้าเกิดในกรณีที่จุนเปย์ใช้วิชาคุณไสยกำจัดเมื่อไหร่ก็ให้ทั้งคู่จับกุมทันที และกรณีสุดท้ายหากจุนเปย์มีความสามารถเหนือกว่าผู้ใช้คุณไสยระดับ 2 ก็ให้ทั้งคู่ถอยไปตั้งหลักก่อน
‘…รู้สึกแปลกๆอีกแล้ว’
‘เป็นอะไรเหรอเรียวตะ’ ระหว่างที่ตามอยู่ เรียวตะก็พูดลอยๆออกมา ทำเอาเด็กสาวอดถามไม่ได้ว่าเป็นอะไร
‘คือข้าสัมผัสพลังงานบางอย่างได้จากตัวโยชิโนะ จุนเปย์’ เรียวตะเอ่ยเสียงเครียด ‘แต่มันระบุไม่ได้เนี่ยสิว่าใช่พลังไสยเวทรึเปล่า แม่งเอ๊ยมันตะหงิดๆที่ใจชะมัด’
‘อย่าว่าแต่เจ้าเลยเรียวตะ ข้าเองก็เป็นเหมือนกัน’
‘แม่ด้วยเหรอ?’ ในตอนนั้นเอง ยูกิฮิเมะเงียบมานานก็ก็ทักขึ้นมาในหัวเพราะตัวเองก็รู้สึกได้เหมือนกัน
‘เออจะว่าไงดีล่ะ…มันเป็นอะไรที่ข้าไม่คุ้นเลย’
‘ถ้าเราเข้าไปอยู่ใกล้ๆเค้าอาจจะรู้อะไรก็ได้นะ ยูกิฮิเมะ’ เด็กสาวออกความเห็น
‘ขนาดแม่ยังบอกว่าไม่คุ้นแสดงว่าไอ่หมอนั่นต้องมีอะไร-’
“เชี่ย?!” ในระหว่างนั้นเอง อากาเนะเหลือบไปเห็นว่าอิจิจิปล่อยหัวแมลงวันออกไปแล้วแต่ประเด็นคือดันมีคนมาคุยกับจุนเปย์อยู่ อิตาโดริที่เห็นก็รีบห้ามแต่ก็ไม่ทัน ทำให้เขาต้องรีบตามไปจับมันอย่างไวส่วนอากาเนะถึงกับสบถและรีบไล่ตามอิตาโดริไป
“โอ๊ย?! เจ็บชะมัด…”
“ยูจิคุงเป็นไรมั้ย…” เธอถามเด็กหนุ่มผมชมพูที่เอามือจับหัวตัวเพราะเมื่อครู่หัวของเขามันไปโดนเสาไฟฟ้าอย่างจังจนเธอเห็นแล้วเจ็บแทน
“อะไรน่ะ? นักยิมนาสติกเหรอ” ชายร่างท้วมที่เป็นคู่สนทนาของจุนเปย์เอ่ยด้วยความสงสัยในขณะที่จุนเปย์ทำหน้างง
“นี่ มีเรื่องอยากจะถาม มาด้วยกันแป๊บนึงสิ” อิตาโดริลุกขึ้นและเข้าไปหาเด็กหนุ่มผมดำ
“เดี๋ยว ฉันกำลังคุยอยู่นะ เสียมารยาทจริงๆ” ชายร่างท้วมคนเดิมดุ
“เอ่อ ธุระค่อนข้างสำคัญมากน่ะครับ”
“ธุระสำคัญ? เป็นเด็กเป็นเล็กพูดจาไร้สาระ-”
“หุบปากไปเลย ไอ่หมูอ้วน-?!”
“นี่เธอว่าไงนะ?!!” แต่แล้วอากาเนะก็เผลอหลุดด่าชายคนนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจจนเขาหันมาแหวใส่และทำท่าจะหาเรื่องใส่เด็กสาว
‘อากาเนะ!!’
‘ฉันไม่ได้ตั้งใจมั้ย?!!’ มิหนำซ้ำยังถูกเรียวตะและยูกิฮิเมะแหวซ้ำเติมอีก
แต่ทว่า
“พ๊าบ!!”
“เอ๊ะ?”
“?! คึก!”
ในตอนนั้นเอง อิตาโดริก็ทำการดึงกางเกงของชายร่างท้วมลงจนถึงข้อเท้าเผยให้เห็นกางเกงชั้นในที่ปรากฎออกสู่สายตา ทำเอาจุนเปย์ถึงกับอึ้งไปเลยในขณะที่อากาเนะเบือนหน้าหนีและเอามือปิดปากกลั้นขำ
“ท-ทำอะไรน่ะเจ้าเด็กนี่!? หยุดนะ!!” ชายคนนั้นเกิดความละอายและคว้าแขนของอิตาโดริให้กลับไปใส่กางเกงให้เหมือนเดิม แต่อิตาโดริกลับดึงมันออกมาและวิ่งหนีไปพร้อมกางเกงตัวนั้น ชายร่างท้วมยิ่งรู้สึกอายมากกว่าเดิมจึงรีบไล่ตามเด็กหนุ่มผมชมพูไป
‘คึๆๆๆ แม่เห็นมั้ย สีแดงแรงฤทธิ์ซะด้วย คึๆๆๆๆ’
‘แถมลายเดียวกับถุงเท้าอีก ใครก็ได้หาอะไรมาล้างตาข้าที…’ ยมทูตหนุ่มที่เห็นเหตุการณ์ก็ขำคิกคักผิดกับยูกิฮิเมะที่อยากได้อะไรมาล้างตาตัวเองเพราะรับไม่ได้กับภาพเมื่อครู่
“ยังไงกันแน่เนี่ย…”
“ต้องขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วยนะที่ต้องมาเห็นอะไรแปลกๆน่ะ” เด็กสาวยกมือขอโทษเด็กหนุ่มผมดำ “แต่เดี๋ยวเพื่อนฉันก็คงกลับมาแล้วล่ะ ช่วยรอซักวิสองวิทีนะ”
“เอ่อ…เธอ-”
“งั้นเราไปกันเถอะ”
“เอ๊ะ? เร็วมาก! วนครบรอบแล้วเหรอ” ผ่านไปได้ไม่นานอิตาโดริก็กลับมาในท่าทีสบายๆจนจุนเปย์ยังต้องตกใจเพราะมันเร็วมาก “ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลยก็ได้ แค่ลากผมออกไปด้วยก็จบแล้วนี่?”
“อืม…แต่นายเกลียดหมอนั่นไม่ใช่เหรอ” คำถามของเด็กหนุ่มผมชมพูทำเอาอีกฝ่ายมีท่าทีตกใจเล็กน้อย
“ทำไม…”
“มันรู้สึกแบบนั้นน่ะ อ๊ะ! ไม่ใช่หรอกเหรอ”
“ก็ไม่ผิดหรอก…” เด็กหนุ่มผมดำตอบเสียงเบา
“ไม่อยากให้คนที่เกลียดมานั่งรออยู่หน้าบ้านนานใช่มั้ยล่ะ ยังไงก็ไปทางนั้นก่อนเถอะ” แล้วอิตาโดริก็เดินนำทางไปหาที่คุย
“…ไม่เป็นไรหรอก แค่อยากจะคุยด้วยกันนิดหน่อย คิดซะว่าได้เพื่อนใหม่มาเพิ่มก็แล้วนะ” อากาเนะเอ่ยกับเด็กหนุ่มด้วยท่าทีที่เป็นมิตรและตามหลังอิตาโดริ ไม่นานจุนเปย์ก็ยอมตามสองคนนั้นไปในที่สุด
ตกเย็น
“ยังติดต่อคุณอิจิจิไม่ได้เหรอ”
“อืม เค้าไม่รับสายเลยล่ะ” เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง จากท้องฟ้าที่เคยเป็นสีครามก็ถูกแสงอาทิตย์อาบย้อมแปรเปลี่ยนเป็นสีส้ม ทั้งสามคนก็มาอยู่ที่นั่งคุยแถวริมแม่น้ำกัน อิตาโดริเลยโทรไปหาอิจิจิเพื่อที่จะให้เขามาสอบถามจุนเปย์แต่ก็ไม่มีวี่แววที่จะรับสายเลย
‘เรียวตะ ยูกิฮิเมะ ได้อะไรบ้างรึเปล่า’
‘นี่ขนาดนั่งข้างกันแล้วข้ายังจับอะไรไม่ได้เลย’
‘เหมือนกัน’ ทางอากาเนะที่นั่งข้างจุนเปย์ก็ถามเรียวตะและยูกิฮิเมะว่ายังรู้สึกอะไรในตัวจุนเปย์ได้รึเปล่า แต่เรียวตะและยูกิฮิเมะก็ตอบกลับว่ายังสัมผัสอะไรไม่ได้อยู่ดี
“พอที! ถามเลยละกัน!” เด็กหนุ่มผมชมพูที่โทรไปหาอิจิจิเท่าไรก็ไม่รับสายจึงตัดสินใจที่จะถามเรื่องโรงหนังเอง “นี่ โรงหนังที่นายไปเมื่อคราวก่อนแล้วมีคนตายน่ะนายเห็นอะไรบ้างมั้ย เช่นพวกตัวน่าเกลียดแบบนี้?”
“ไม่นะ ไม่เห็น” จุนเปย์ตอบ “ผมเพิ่งมาเห็นอะไรแบบนี้เมื่อเร็วๆนี้เองน่ะ”
“งั้นเหรอ…งั้นฉันหมดคำถามแล้วล่ะ”
“เอ๊ะ? หมดแล้วเหรอ” เด็กหนุ่มผมดำถามด้วยความประหลาดใจ
“อื้ม แต่อย่างน้อยช่วยรอคนที่เป็นเหมือนหัวหน้าฉันมาถึงก่อนได้รึเปล่า”
“ก็ได้อยู่หรอก”
“แต๊งกิ้ว” แล้วอิตาโดริก็ไปนั่งข้างจุนเปย์เพื่อรอให้อิจิจิกลับมา
“งั้นระหว่างที่รอก็คุยเล่นกันดีกว่าเนอะ?” อากาเนะที่รอมานานก็เสนอว่าให้คุยเล่นเป็นการฆ่าเวลาไปก่อน
“นั่นสินะ จะว่าไปนายไปดูอะไรที่โรงหนังเหรอ” เด็กหนุ่มผมชมพูเริ่มชวนคุยก่อน
“หนังเก่าที่เอามาฉายใหม่น่ะ บอกไปก็คงไม่รู้จักหรอก”
“เหอะน่าๆ” จุนเปย์ทำท่าทีหนักใจเล็กน้อยกับคำเซ้าซี้ของเด็กหนุ่มแต่ก็ตอบออกมาโดยดี
“มนุษย์ไส้เดือน 3”
“เรื่องนั้นโคตรน่าเบื่อเลย! ไม่รู้ต้องโดนชกเพราะมันไปกี่ครั้งแหนะ”
“โดนชก?” เด็กหนุ่มผมดำที่ได้ยินว่าอีกฝ่ายเคยโดนชกเพราะหนังเรื่องนี้ถึงกับทำหน้าเหวอ
“คิดเหมือนกันเลยยูจิคุง หนังเรื่องนั้นน่าเบื่อจริง” เด็กสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนือยๆเพราะเธอเองก็เคยดูมาแล้วรู้สึกว่าน่าเบื่อเหมือนกัน
“จริงอย่างว่าแหละ แต่นั่นเป็นหนังแนวเลือดสาดนี่เนอะบางทีพวกเราไม่ควรคาดหวังเนื้อเรื่องอย่างอื่นนอกจากฉากเลือดสาด” จุนเปย์เองก็ไม่ต่างกันกับสองคนนั้น “แต่ว่าภาค 2-”
“ภาค2 สนุก!”
“แต่ว่าภาค2 ก็สนุกใช้ได้เนอะ!” จุนเปย์ยังพูดไม่ทันจบ อากาเนะและอิตาโดริก็ตอบออกมาพร้อมกัน อีกฝ่ายที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าตื่นเต้นเพราะไม่คิดว่าจะคนคิดเหมือนกันกับเขาด้วย
“ใช่! ใช่แล้วล่ะ! แค่ภาค2 มันมีวิธีดูให้สนุกในแบบของมัน” แล้วหลังจากนั้นทั้งสามคนก็คุยกันยาวไปจนถึงขั้นแลกเบอร์กันแล้ว ระหว่างนั้นพวกเขาก็เจอกับคุณแม่ของจุนเปย์พอดี เธอคนนั้นก็ได้ชักชวนให้อิตาโดริและอากาเนะไปทานข้าวที่บ้านด้วยกัน แต่เด็กสาวเลือกที่จะไม่ไปเพราะไม่อยากรบกวนทำให้อิตาโดริได้ไปคนเดียว ส่วนเธอก็กลับไปที่โตเกียวเพื่อไปพักเอาแรงวันพรุ่งนี้
ห้องของอากาเนะ
“ป่านนี้ยูจิคุงกับจุนเปย์คุงคงสนุกกันอยู่แน่เลย…” หลังจากที่กลับมาที่โตเกียวและถึงห้องตัวเอง อากาเนะก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อนเพราะเหนียวตัว ส่วนเรียวตะก็อยู่ข้างนอกพร้อมกับเล่นเกมในโทรศัพท์ของอากาเนะ แน่นอนว่าขอมาแล้วด้วยซึ่งในตอนนี้อากาเนะนั้นก็แช่น้ำในอ่างอย่างสบายใจเฉิบปล่อยให้ร่างเปลือยเปล่าของตนเองดื่มด่ำกับการแช่น้ำจนกระทั่งเผลอหลับไป
.
.
.
‘เอ๊ะ? ที่นี่…ป่าหิมะไม่ใช่เหรอ’ แต่พออากาเนะลืมตาขึ้นมา ปรากฏว่าเธอนั้นอยู่ในป่าหิมะและเจอกับเด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลทองอายุประมาณ 7 ขวบในชุดกิโมโนสีชมพูกำลังเรียกหญิงสาวเรือนผมสีคราม ผิวกายขาวราวกับหิมะในชุดกิโมโนสีขาวสะอาดที่กำลังนั่งงีบอยู่บนต้นไม้
ใบหน้าของผู้หญิงผมสีครามคนนั้นดูก็รู้เลยว่านั่นคือยูกิฮิเมะอย่างไม่ต้องสงสัย
เด็กผู้หญิงที่มาคุยด้วยก็คงจะเป็นฮิรามารุ ซายากะล่ะมั้ง
“คุณยูกิฮิเมะ! มา~เล่น~กัน~เถอะ!” เด็กสาวผมสีน้ำตาลทองตะโกนเรียกหญิงสาวให้ตื่น ซักพักยูกิฮิเมะก็ตื่นขึ้นมาพร้อมหาวหวอดๆ
“อะไร…ข้าจะนอน…” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“มาเล่นซ่อนแอบกันเถอะคุณยูกิฮิเมะ”
“อีกแล้วเรอะ? ไม่เบื่อรึไง”
“เล่นกับยูกิฮิเมะข้าไม่เบื่อนะ ฮี่ๆ” ซายากะยิ้มแฉ่งผิดกับยูกิฮิเมะที่ถอนหายใจให้กับความขี้ตื๊อของเด็กน้อย สุดท้ายเธอก็โดดลงมาจากต้นไม้จนได้
“ก็ได้ๆ เอาที่เจ้าสบายใจเลย”
“เย้!! งั้นเป่ายิ้งฉุบใครแพ้คนนั้นเป็นคนหาก่อนนะ!”
“จ้าๆ” ยูกิฮิเมะยิ้มน้อยๆให้กับความร่าเริงของเด็กสาวตรงหน้า พอเธอเป่ายิ้งฉุบเสร็จผลปรากฎว่าเธอแพ้ ทำให้เธอต้องหันหน้าเข้าหาต้นไม้และเอามือปิดตาพร้อมนับถอยหลัง10วิให้ซายากะไปหาที่ซ่อน
‘ยูกิฮิเมะนี่ใจดีกับเด็กด้วยแฮะ ผิดคาดเลยนะเนี่ย’ อากาเนะที่มองดูภาพตรงหน้าก็อดรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ที่ยูกิฮิเมะจะมีมุมแบบนี้ด้วย
“3…2…1…เอาล่ะนะ-” เมื่อเธอนับเสร็จเธอก็หันกลับมาแต่จู่ๆเธอรู้สึกได้ว่ามีอะไรแปลกๆผิดไปจากเดิม
‘กลิ่นอายของซายากะมันเบาบางกว่าทุกที…ถ้านางจะกลับบ้านก่อนนางต้องบอกข้าสิ’ หญิงสาวคิดในใจแล้วออกตามหาเด็กสาวให้เจอเพื่อคลายความสงสัยกังวลใจของตน อากาเนะที่เห็นแบบนั้นก็ตามยูกิฮิเมะไป
พอเธอตามไปเรื่อยๆ ก็เห็นว่ายูกิฮิเมะหยุดอยู่ตรงหน้าและก้มมองอะไรบางอย่างด้วยแววตาตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เด็กสาวผมแดงก็เกิดความสงสัยว่าตรงหน้าหญิงสาวมันมีอะไรจึงเดินเข้าไปดูก็พบว่า
ตรงหน้าของยูกิฮิเมะนั้นเป็นศพซายากะนอนก้มหน้าจมกองหิมะที่ถูกย้อมสีจากสีขาวเป็นสีเลือดแทน
“ซายา…กะ…” ยูกิฮิเมะเรียกซายากะด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเพราะไม่คิดว่าเด็กสาวผมสีน้ำตาลทองคนนี้จะถูกใครบางคนฆ่าภายในเวลาที่รวดเร็วขนาดนี้และพอตัวเองไปเจอก็พบว่าเธอกลายเป็นศพไปซะแล้ว
‘เชี่ย…ยูกิฮิเมะไม่ได้โกหกจริง’
“เห้ย?!!! นี่เจ้าเป็นใคร!!”
“?!!” ทันใดนั้นเองก็มีกลุ่มชาวบ้านจำนวน7-8คนวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าศพของซายากะ พวกเขามองศพด้วยความตกใจและเงยหน้ามองหญิงสาวผมสีครามด้วยสายตาเคียดแค้นและบันดาลโทสะตะโกนด่าใส่เธอ
“กล้าดียังไงถึงได้มาฆ่าคุณหนูแบบนี้!! นังปีศาจหิมะเฮงซวย!!!!!”
“เดี๋ยว?! ข้าไม่ได้-!?”
“หลักฐานก็เห็นอยู่คาตายังจะมาเถียงอีก อีตัวกาลกิณี!!!” ยูกิฮิเมะที่ไม่ทันจะได้แก้ตัวก็ถูกพวกชาวบ้านด่าทออีก
‘โอ๊ยยยยยย ฟังยูกิฮิเมะพูดหน่อยก็ได้ไอ้พวกนี้!!!!’ อากาเนะได้ฟังถึงกับหัวร้อนแทนเพราะจังหวะที่ยูกิฮิเมะมาเจอศพซายากะกับพวกชาวบ้านที่มาเจอมันแย่มาก แถมคำด่าที่ด่าใส่หญิงสาวนั้นมันก็ทำเธอหัวร้อนอยากจะไปถีบหน้าคนด่ามากแต่ก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีใครเห็นเธอเลย
“งั้นอย่าได้มีชีวิตอยู่อีกเลย พวกเรา!! ฆ่ามันซะ!!!” แล้วพวกชาวบ้านก็เอาอุปกรณ์ทำไร่ทำนาที่ตัวเองเอามาด้วยวิ่งเข้ามาเพื่อหวังที่จะฆ่าคำสาปสาวเป็นการล้างแค้น
‘ปัดโถ่เว้ย?!! พูดไปก็ไม่มีประโยชน์สินะ!!’ ยูกิฮิเมะสบถในใจและกระทืบเท้าลงกับพื้นอย่างแรง จากนั้นก็มีกำแพงน้ำแข็งโผล่ออกมาจากพื้นไม่ให้พวกชาวบ้านเข้าหาเธอแล้ววิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด
“นี่!! มันหนีไปแล้ว!!” เสียงชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนว่ายูกิฮิเมะได้หนีไปแล้วและดูท่าจะไปไกลมากแล้วด้วย ยิ่งทำชาวบ้านที่เหลือกัดฟันกรอดก่อนที่ตะโกนออกมาด้วยความเจ็บใจ
“ถ้าเจอกันอีกเมื่อไร ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้นังปีศาจเวร!!!!!”
ซ่า!!!
“?! แค่กๆๆๆๆๆๆ!!!!” แต่แล้วภาพก็ตัดมาที่ห้องอาบน้ำ อากาเนะถึงกับสะดุ้งว่าตัวเองกำลังนอนจมน้ำอยู่ก็ตะเกียกตะกายโผล่หัวขึ้นมาและไอออกมาเสียงดังเพราะสำลักน้ำ
ปังๆๆๆๆ!!
“เห้ยอากาเนะ?!! เมื่อกี้ไอเสียงดังมากเลยนะเจ้าเป็นอะไร!!!” ทางเรียวตะที่ได้ยินเสียงไอของเด็กสาวก็ถึงกับวางโทรศัพท์และพุ่งเข้าไปทุบประตูแล้วถาม
“ไม่มีอะไรหรอก แค่กๆ!! แค่หลับแล้วเผลอจมน้ำก็แค่นั้นเอง แค่กๆ!!”
“รออยู่ในนั้นซะเดี๋ยวข้าจะส่งชิกิงามิผู้หญิงเข้าไปหา ห้ามปฏิเสธด้วย เคนะ?” จากนั้นประตูก็ถูกแง้มออกพร้อมกับลูกแก้วชิกิงามิที่กลิ้งเข้ามาในห้องน้ำ หลังจากนั้นประตูก็ถูกปิดไป อากาเนะก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วมองลูกแก้วที่เรียวตะส่งเข้ามาว่าเป็นตัวอะไรพอเห็นแล้วก็เรียกมันออกมา
“ยูกิอนนะ” สิ้นเสียงของเด็กสาว ลูกแก้วก็แตกออกมาเป็นยูกิอนนะที่กำลังทำหน้าเศร้าปนกังวลใจ “เฮ้ๆ อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิ”
“╯︿╰”
“ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า ก็แค่…”
“?”
“เจออะไรที่มันสะเทือนใจนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง”
“โอ้โหหหหห หัวเปียกมาแต่ไกลเลยนะลูกสาว” ผ่านไปหลายนาที อากาเนะออกมาจากห้องน้ำในสภาพแต่งตัวเป็นชุดนอนเรียบร้อย แต่ของเธอกลับเปียกชุ่มจากการจมน้ำจนเรียวตะที่เห็นแบบนั้นก็อดแซวไม่ได้
“มีปัญหา?”
“เปล่าซะหน่อย มานี่เดี๋ยวเป่าผมให้” ยมทูตยักไหล่แก่อนที่จะกวักมือให้ไปนั่งตรงโต๊ะกระจก เด็กสาวกรอกตามองบนก่อนที่จะไปนั่งแล้วให้อีกฝ่ายเป่าผมให้ “ว่าแต่…วันนี้มันเหนื่อยมากเลยเหรอถึงได้หลับในห้องน้ำเนี่ย”
“บรรยากาศห้องน้ำมันน่านอน”
“เอาจริงดิ…” เรียวตะที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับยิ้มแห้งไปเลย
“แต่ว่าตอนที่ฉันหลับอยู่น่ะ…”
“?”
“ฉันเห็นความทรงจำของยูกิฮิเมะด้วย”
“?!” ยมทูตหนุ่มถึงกับชะงักไปแวบนึงแต่ก็กลับมาทำตัวปกติได้เหมือนเดิม “แล้ว…เป็นไง?”
“เค้าไม่ได้ฆ่าซายากะจริงๆ แต่พวกชาวบ้านเค้าก็ด่าแบบไม่คิดจะฟังกันเลย”
“จังหวะที่นางไปเจอกับที่พวกชาวบ้านตามหาจนเจอมันพอดีกันเกินไป แถมตัวนางเองก็เป็นคำสาปยิ่งทำให้พวกชาวบ้านเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่ายังไงก็เป็นฝีมือนาง”
“เป็นอะไรที่เห็นมันทีไรข้าก็ได้แต่ด่าตัวเองในใจทุกที”
“?!” ในระหว่างนั้น ผมอากาเนะก็เปลี่ยนมาเป็นสีครามพร้อมเสียงอันคุ้นเคยที่เอ่ยออกมา “ทำไมแม่ชอบมาแบบอยากจะมาก็มาจัง”
“ไม่ยุ่งสิ”
“กูโดนอีกแล้ววววววววว” ยมทูตหนุ่มโอดครวญ “แต่แม่ไม่ว่าอะไรอากาเนะใช่มั้ยที่เค้าฝันเห็นความทรงจำของแม่น่ะ?”
“ไม่หรอก ดีจะตายด้วยซ้ำที่อย่างน้อยนางจะได้รู้ว่าข้าบริสุทธิ์” คำสาปสาวเอ่ยเสียงหน่าย เรียวตะก็ได้แต่ยิ้มแห้งในขณะที่เก็บไดร์เป่าผมเพราะเขาเป่าผมให้จนแห้งเรียบร้อยแล้ว
“เออไหนๆแม่ก็มาแล้ว ข้าขอถามอะไรหน่อย”
“ว่า?”
“แม่คิดอะไรกับโกโจรึเปล่าเนี่ย ทำไมแม่ถึงเรียกชื่อต้นหมอนั่นทั้งๆที่เจอกันแค่ครั้งสองครั้งเอง” คำถามของเรียวตะทำเอายูกิฮิเมะถึงกับหันมาหาแล้วทำหน้าอิหยังวะใส่
“นี่เจ้าลืมไปแล้วเหรอว่าข้าเป็นอะไร?”
“ไม่ได้ลืมแต่มันสงสัยไง อย่าบอกนะว่าแม่จะเอาตำแหน่งลูกรักให้มันน่ะ?!! อันนี้ข้าไม่ยอมนะ!!”
“ไม่มีใครได้เป็นลูกรักข้าหรอก เจ้าโง่” แล้วยูกิฮิเมะก็ทำการดีดหน้าผากใส่เรียวตะจนคนโดนต้องทำหน้าเบ้และเอามือถูจุดที่โดนดีด
“แล้วแม่มองโกโจด้วยฟิลเตอร์ไหนก่อน?”
“เด็กเปรตไง-หือ?” ในตอนนั้นเอง ยูกิฮิเมะก็เหลือบไปเห็นกิ๊บติดผมรูปผีเสื้อของอากาเนะพอดี เธอจึงหยิบมันขึ้นมาแล้วถามเรียวตะ “เรียวตะ ไอ้นี่คือ?”
“ก็กิ๊บที่พ่อแม่ของอากาเนะซื้อมาเป็นของขวัญที่ร้านขายของเก่าน่ะ แต่ระหว่างทางพวกเค้าดันโดนฆ่าตายก่อนข้าเลยเก็บมันไว้ ทำไม?”
“…แปลกแฮะ” หญิงสาวมองกิ๊บด้วยความสงสัยก่อนที่จะวางบนโต๊ะและใช้พลังเพื่อทำอะไรบางอย่างกับมัน
“เดี๋ยว!? นี่แม่ทำ-?!” ชายหนุ่มที่ถามได้ไม่จบก็ต้องเบิกตากว้างเพราะตัวผีเสื้อนั้นมันกลับมีชีวิตขึ้นมาและบินมาเกาะมือของหญิงสาว ยูกิฮิเมะเองก็ถึงกับนิ่งไปพักนึงก่อนที่จะหัวเราะคิกคักออกมาจนเรียวตะต้องทักถาม
“แม่…แม่ทำอะไร”
“ฮึๆๆๆ เนียนใช้ได้เลยนี่” ยูกิฮิเมะยังคงหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวยิ่งทำเรียวตะสงสัยกว่าเดิมจนกระทั่งเขามานึกขึ้นได้ว่ามีช่วงนึงที่โกโจเคยคุยกับเขาเรื่องยูกิฮิเมะไว้ว่า
ถึงยูกิฮิเมะจะเป็นคำสาประดับพิเศษ แต่มันมีบางอย่างที่แปลกไปจนกลายเป็นเรื่องที่ยังหาคำตอบไม่ได้สำหรับโลกผู้ใช้คุณไสยจนถึงปัจจุบัน
คือไม่มีเบาะแสร่องรอยวัตถุต้องคำสาปของเธอเลยซักนิด เลยทำให้ไม่มีใครรู้เลยว่าวัตถุต้องคำสาปของยูกิฮิเมะมีกี่ชิ้น หน้าตาเป็นยังไง และอยู่ที่ไหน
แต่เมื่อกี้ยูกิฮิเมะใช้พลังให้ผีเสื้อมีชีวิตขึ้นมา
เดี๋ยวนะ
“แม่ อย่าบอกนะ-”
“ตอนนี้ให้รู้กันแค่เราสองคนก่อน แต่เดี๋ยวข้าจะบอกซาโตรุทีหลัง” ยูกิฮิเมะเอ่ยด้วยรอยยิ้มแล้วทำผีเสื้อตัวนั้นให้กลับมาเป็นกิ๊บเหมือนเดิม “พูดตามตรงเลยนะว่าเกินคาดมากที่มันจะมาอยู่ในสภาพนี้”
“ข้าว่าถ้าพวกเบื้องบนรู้นี่คือแตกแตนแน่” เรียวตะเอ่ยเสียงเครียด
“ข้าก็ว่างั้นแหละ ใครมันจะไปคิดล่ะเนอะว่ากิ๊บติดผมที่ไปได้จากร้านขายของเก่านี่น่ะ…” นัยน์ตาสองสีของหญิงสาวเปล่งประกายวาวโรจน์ในขณะที่เธอเว้นช่วงพูด “มันคือวัตถุต้องคำสาปของข้าเอง”
.
.
.
ต็อกๆ : ทุกคนเรากลับมาอัพแล้ว เราขอโต๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด กลับมาอัพตอนใหม่ให้แบบยาวๆจุกๆกันไปเลย
สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันเข้ามาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งต่อไป
เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ความคิดเห็น