NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ss1+2+3) | Fic Jujutsu Kaisen x OC | The Grim reaper eye

    ลำดับตอนที่ #17 : หญิงสาวผู้ถูกใส่ร้าย

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 67


    หนึ่งสัปดาห์ต่อมา

     

    “เหนื่อยชะมัด…” นับตั้งแต่วันที่ยูกิฮิเมะตื่นมาก็ผ่านมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว และหลังจากวันนั้นมาอากาเนะก็ต้องไปที่ร้านของช่างทำดาบที่เธอโทรไปเพื่อไปสั่งทำดาบใหม่ ซึ่งใช้เวลาไปได้หนึ่งสัปดาห์ในการทำจนเสร็จ แน่นอนว่าเธอก็รับมันมาช่วงสายพร้อมจ่ายค่าทำให้ แต่ที่น่าแปลกใจสำหรับเด็กสาวก็คือช่างตีดาบคนนั้นกลับทำดาบให้เธอถึงสองเล่มเลย พอเธอถามไปว่าทำไมถึงทำให้ตั้งสองเล่ม 

     

     

     

    คำตอบที่ได้คือ สำรองใหม่เผื่อทำพังอีก

     

     

     

     

    อืม…

     

     

    จ้ะ

     

     

    แต่สุดท้ายอากาเนะก็ไม่ได้เถียงอะไร และตอนนี้เธอก็กลับมาถึงห้องตัวเองพร้อมแบกกล่องไม้ที่ใส่ดาบใหม่ถึงสองกล่องจนเธอบ่นว่าเหนื่อยเพราะระยะทางจากโรงเรียนไปร้านทำดาบมันไกล จากนั้นเธอก็เปิดประตูเข้าห้องเพื่อเอาดาบไปเก็บ

    “เรียวตะ มาช่วยถือหน่อย เร็ว”

    “ยินดีต้อนรับกลับ-โอ้โห…สองอันเลยเหรอ” เรียวตะที่เฝ้าห้องให้พอถูกคนที่เพิ่งกลับมาให้ไปช่วยถือของให้ ซึ่งเขาก็เข้ามาช่วยแต่โดยดี

    “ที่จริงสั่งไปแค่อันเดียว แต่เค้าบอกว่าสำรองอีกอันไว้เผื่อฉันทำพังอีกน่ะสิ”

    “คิดการณ์ไกลซะจริงนะหมอนั่น…” เรียวตะยิ้มแห้งในขณะที่หาที่วางกล่องดาบ “แล้วนี่จะไปซ้อมกับพวกปีสองแล้วใช่มั้ย”

    “ใช่ จะไปด้วยมั้ย” อากาเนะวางกล่องบนเตียงแล้วไปหยิบชุดวอร์มของตัวเองไปเปลี่ยนในห้องน้ำเพื่อไปฝึกซ้อมสำหรับงานเชื่อมสัมพันธ์ต่อ

    “เออเดี๋ยวไปด้วย เจ้าเคยบอกข้าว่ามีคนที่ไม่มีพลังไสยเวทเลยแต่ใช้อาวุธเก่งสุดๆอยู่คนนึงใช่มั้ย คนนั้นชื่ออะไรนะ” ยมทูตหนุ่มถาม

    “อ๋อ รุ่นพี่มากิน่ะ ถ้าเอาชื่อเต็มก็เซ็นอิง มากิ”

    “เซ็นอิง…เซ็นอิง!? เซ็นอิงที่เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่จากตระกูลผู้ใช้คุณไสยระดับหัวกะทิน่ะเหรอ!!” เรียวตะตะโกนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ผิดกับอากาเนะที่ตอนนี้แต่งตัวเสร็จด้วยความไวแสงออกมาจากห้องน้ำก่อนที่จะหยิบดาบไม้ไผ่และมองยมทูตหนุ่มด้วยความสงสัย

    “สามตระกูลใหญ่?”

    “ข้าว่าข้ากับมิซาเอะเคยเล่าให้เจ้าฟังอยู่นะ แต่คงจะลืมไปแล้วแหละเพราะนานมากแล้ว” เรียวตะพูดต่อและกลับเข้าลูกแก้วตัวเอง อากาเนะเลยหยิบลูกแก้วลูกนั้นใส่กระเป๋ากางเกงพร้อมกับออกจากห้องและล็อคห้องไว้เพราะต้องไปฝึกกับพวกปีสองต่อ “ตระกูลผู้ใช้คุณไสยระดับหัวกะทิที่เด่นๆดังๆในวงการคุณไสยมีอยู่ด้วยกันสามตระกูลก็เลยถูกเรียกว่าสามตระกูลใหญ่ ซึ่งก็คือตระกูลโกโจ ตระกูลคาโมะ แล้วก็ตระกูลเซ็นอิง”

    “โกโจ…อาจารย์โกโจก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลนั้นด้วย?”

    “ตามนั้น แต่ที่จริงยังมีตระกูลอื่นที่ไม่ได้อยู่ในสามตระกูลนั้นแต่ก็มีอาคมเทพๆอยู่อีก ยกตัวอย่างก็ตระกูลอินุมากิ”

    “อินุมากิ? อ๋อ วจีสาป” เด็กสาวชะงักไปแวบนึงก่อนที่ร้องอ๋อเพราะรู้อยู่แล้ว

    “ตระกูลฟุบูกิเองก็ไม่น้อยหน้าด้วยนะ ถึงจะไม่ได้ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงเรียงนามเท่าสามตระกูลใหญ่ แต่ถ้าได้รู้จักหรืออยู่ในตระกูลนั้นแล้วล่ะก็จะรู้ว่ามีคนเก่งๆอยู่และมีทัศนคติดีอีกแถมเป็นตระกูลที่เคยถูกเรียกว่าเป็นม้ามืดแห่งตระกูลผู้ใช้คุณไสยระดับหัวกะทิตระกูลที่สี่ด้วย” ยมทูตหนุ่มพูดถึงตระกูลของเด็กสาวด้วยน้ำเสียงเริงร่าทำเอาเธอยิ้มแห้งไปเลย

     

     

     

    ถึงจะมารู้ทีหลังว่าเรียวตะเป็นบรรพบุรุษตระกูลของเธอ แต่พอเขามาอวยกันแบบนี้มันรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้

     

     

     

    “มาช้านะอากาเนะ ไปไหนมาเหรอ” เมื่อเธอถึงสนามกีฬาที่เดิม มากิทักหาเธอทันทีที่เธอมาถึง ทำให้บทสนทนาของเขาและเธอต้องพักไว้ก่อน

    “ไปทำธุระมานิดหน่อยน่ะค่ะ”

    “วันนี้เธอฝึกกับฉันนะ” หญิงสาวโยนกระบองมาให้เธอ “สลับอาวุธแล้วมาสู้กัน”

    “อ่อ…ค่ะ” แล้วอากาเนะก็โยนดาบไม้ไผ่ให้มากิโดยไม่แย้งอะไร เพราะเธอเองก็โดนเรียวตะฝึกให้ใช้อาวุธอื่นๆมาบ้างก็เลยไม่มีปัญหา

    ‘อากาเนะ ขอสิงร่างเจ้าได้มั้ยข้าอยากสู้กับยัยนี่’

    ‘เสียใจย่ะ รอดูเฉยๆไปเลยไป’

     

     

     

     

    .

    .

    .

     

    “ฉันชนะอีกแล้วนะ”

    “ฉันว่าทั้งชีวิตนี้คงชนะคุณมากิไม่ได้แหงๆ” หลังจากที่อากาเนะฝึกตัวต่อตัวกับมากิเสร็จก็มานั่งพักตรงบันได ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเธอแพ้มากิอีกจนเธอตัดพ้อว่าไม่มีทางชนะรุ่นพี่สาวคนนี้ได้เลย

    “แต่เธอเองก็ใช่ย่อยนะอากาเนะ ถึงสับเปลี่ยนอาวุธกันแต่เธอสู้กับคุณมากิได้สูสีเลยนี่” คุงิซากิพูดชมเพื่อนสาวของเธอ

    “แซลมอน” อินุมากิเสริม

    “อ่า…ขอบใจนะโนบาระจัง คุณอินุมากิด้วยนะคะ” เด็กสาวเกาหัวแก้เขิน “ก็โดนเรียวตะฝึกโหดเรื่องใช้อาวุธมาเยอะน่ะก็เลยใช้อย่างอื่นเป็นบ้างนอกจากคาตานะ”

    “ฉันล่ะอยากเจอเรียวตะจริงๆว่าหมอนั่นเป็นใคร”

    “อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด มีคนอยากเจอข้าด้วยเหรอจ๊ะ” เรียวตะพูดผ่านกระเป๋ากางเกงหลังจากที่ได้ยินที่แพนด้าพูด ทำเอาพวกปีสองทุกคนรวมถึงปีหนึ่งต้องหันมามองอากาเนะกันเป็นตาเดียว ทางอากาเนะเองก็เอามือข้างนึงมาก่ายหน้าผากอย่างเหนื่อยใจส่วนอีกมือก็เอาลูกแก้วในกระเป๋าออกมาและถือไว้

    “จะพูดอะไรก็พูดเลย” เด็กสาวเอ่ยเสียงเอือม

    “ไอ้น้ำเสียงเอือมๆนั่นมันอะไรกันอากาเนะ” ยมทูตหนุ่มติงก่อนที่ไปให้ความสนใจกับพวกปีสอง “อะแฮ่ม! นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่ข้าจะพูดคุยกับพวกเจ้าแบบจริงๆจังๆสินะ ก่อนอื่นข้ามีชื่อว่าเรียวตะ อดีตผู้ใช้คุณไสยระดับหนึ่ง ปัจจุบันเป็นยมทูตและผู้ปกครองของอากาเนะจ้า”

    “ผู้ใช้คุณไสยระดับหนึ่ง?!” ทุกคนที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับร้องออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่ายมทูตหนุ่มตนนี้เคยเป็นผู้ใช้คุณไสยด้วย

     

     

     

    เป็นยมทูตมาดูแลมนุษย์ว่าพีคแล้ว แต่เคยเป็นผู้ใช้คุณไสยมาก่อนนี่พีคกว่าอีก

     

     

     

    “เห็นอากาเนะบอกว่านายเป็นคนสอนเธอเรื่องใช้อาวุธนี่คือเรื่องจริงใช่มั้ย?” แพนด้าถาม

    “ถูกต้องนะคร้าบบบบบบ เพราะข้าอยากให้นางใช้อาวุธให้เป็นไว้ก่อนก็เลยฝึกให้ตั้งแต่ 7 ขวบจนถึงปัจจุบันเลยจ้า”

    “ก็ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมอากาเนะใช้อาวุธได้เก่ง” มากิพูด “และถ้านายสอนอากาเนะจนได้ดิบได้ดีขนาดนี้แสดงว่านายเป็นผู้ใช้อุปกรณ์ไสยเวทเหมือนกับฉันสิ?”

    “ถูกต้องอีกแล้วจ้า ถ้าเจ้ามีเวลาว่างสนใจจะจัดซักแมตซ์กับข้ามั้ย”

    “เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆๆ!” อากาเนะที่ได้ยินเรียวตะพูดแบบนั้นแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองและรีบแทรกอย่างไว “เรียวตะ นั่นคุณมากิเลยนะนายไม่กลัวแพ้เหรอ”

    “ข้าไม่ได้สนใจหรอกว่าจะชนะหรือแพ้ แค่อยากจะสู้ดูซักครั้งก็เท่านั้นเอง” ยมทูตหนุ่มตอบอย่างสบายใจ “สำหรับข้าที่เป็นผู้ใช้อุปกรณ์ไสยเวทเหมือนกัน พอรู้ว่ามีคนรุ่นใหม่ที่ใช้อุปกรณ์ไสยเวทเก่งขนาดนี้มันรู้สึกแฮปปี้นะเอาจริง-”

     

     

     

    ♫♪♩~

     

     

    “เสียงโทรศัพท์ฉันนี่? ขอตัวไปรับก่อนนะคะ” ในตอนนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของอากาเนะก็ดังขึ้นตรงบันไดเพราะเธอเอาไปวางไว้ตรงนั้น เธอจึงเดินไปเอาโทรศัพท์ตรงนั้นและกดรับทันที

    “ฮัลโหลค่ะ”

     

     

     

     

    “…เอาจริงดิ”

     

     

     

     

     

    “ค่ะๆ เดี๋ยวไปค่ะ”

     

     

    ตู๊ด!

     

     

    “ใครโทรมาน่ะ” ฟุชิงุโระถาม

    “อาจารย์โกโจเค้าตามฉันให้ไปฝึกพิเศษน่ะ” อากาเนะตอบเสียงหน่ายเพราะเธอถูกโกโจเรียกให้ไปฝึกพิเศษตัวต่อตัว แต่เธอไม่ได้อยากจะไปซักเท่าไหร่ “เฮ้อ~ อยากจะฝึกกับทุกคนต่ออีกจัง”

    “เธอไปฝึกกับซาโตรุเถอะ พวกฉันไม่เป็นไรหรอก” แพนด้าพูด เด็กสาวทำหน้าเศร้าเล็กน้อยก่อนที่จะตอบตกลงอย่างช่วยไม่ได้

    “เข้าใจแล้วค่ะ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”

     

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

    “โอเคพักได้”

    “เหนื่อยชะมัด…” หลังจากที่อากาเนะแยกตัวจากกลุ่มปีหนึ่งและปีสองมาเรียบร้อย เธอก็มาห้องฝึกที่เดิมและฝึกกับคนผมขาวเรื่อยๆจนอาจารย์ผมขาวบอกให้พวกเขาพักได้ ทำเอาเด็กสาวหอบหนักเลยทีเดียว

     

    ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าอาจารย์เค้าไร้เทียมทาน แต่พอได้ฝึกแบบนี้มันเล่นเอาหัวหมุนจริงๆ

     

    “แต่ดูเหมือนช่วงนี้เธอใช้วิชาคุณไสยได้ดีขึ้นนะครับ อย่าบอกนะว่ายูกิฮิเมะเค้าช่วยสอนเธอน่ะ?” โกโจถาม

    “ก็ประมาณนั้นน่ะค่ะ เค้าสอนอะไรให้เยอะแยะเลย” เด็กสาวตอบเสียงเรียบ เพราะหลังจากที่ยูกิฮิเมะตื่นมาได้หนึ่งวัน เธอก็ฝึกอากาเนะเรื่องการใช้คุณไสยอย่างที่เจ้าตัวตั้งใจไว้จริงๆ

     

    แต่ประเด็นคือนางฝึกโหดกว่าเรียวตะเป็นไม่รู้กี่เท่าจนเด็กสาวได้แต่คิดว่าหนึ่งสัปดาห์ที่ยูกิฮิเมะมาฝึกให้นั้น

     

     

     

    โอ้โห...

     

     

     

    นรกสุดๆ

     

     

     

    “แต่นางฝึกโหดกว่าที่ข้าฝึกให้ตั้งหลายเท่านะ” เรียวตะที่ออกมาจากลูกแก้วพูดบ้าง ซึ่งเด็กสาวก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที

    “จะว่าไป เธอบอกว่ายูกิฮิเมะเป็นอาจารย์ของเธอใช่มั้ยครับเรียวตะ” คราวนี้โกโจถามเรียวตะบ้าง

    “ทำไม?”

    “แสดงว่าเค้าก็น่าจะรู้วีรกรรมเธอน่ะสิ” สิ้นประโยคของคนผมขาว บรรยากาศในห้องฝึกก็ตกอยู่ในความเงียบทันที

     


     

    จนกระทั่ง

     

     

    “แน่ใจนะว่าฟังวีรกรรมของหมอนี่?” เสียงของยูกิฮิเมะทำลายบรรยากาศความเงียบ สองหนุ่มถึงกับหันไปหาอากาเนะทันทีและพบว่าผมของเธอกลายเป็นสีครามไปซะแล้ว

    ‘ซวยแล้วไง แม่มา’ ยมทูตหนุ่มผู้เคยเป็นลูกศิษย์ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกังวลเพราะกลัวว่ายูกิฮิเมะที่มาสิงตอนนี้จะแฉอะไรแปลกๆออกมา

    “แค่อยากรู้เรื่องเรียวตะสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ก็เท่านั้นเองน่ะครับ” โกโจเอ่ยอย่างสบายอารมณ์ หญิงสาวจึงมองหน้าเรียวตะด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนที่จะถอนหายใจออกมา

    “เฮ้อ~ มันก็ไม่มีอะไรหรอกนอกจากเป็นแค่สนามอารมณ์ของข้า”

    “ขอบคุณมากแม่ที่ไม่แฉ” เรียวตะแทบจะกราบขอบคุณยูกิฮิเมะที่ไม่แฉเรื่องตัวเอง ส่วนยูกิฮิเมะก็ได้แต่ทำหน้าเบื่อโลกแบบสุดๆ

    “งั้นผมขอถามอะไรเธอหน่อยสิยูกิฮิเมะ”

    “อะไรอีก”

    “เธอไปทำยังไงให้โดนตระกูลฮิรามารุกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรได้เหรอครับ” คนผมขาวถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง หญิงสาวผมสีครามก็จ้องหน้าโกโจเขม็งก่อนที่จะเอ่ยออกมา

    “วันนั้นซายากะนางมาเที่ยวหาข้าตามปกติ ตอนนั้นมาวอแวข้าให้เล่นซ่อนแอบข้าก็เลยยอมเล่นกับนางด้วย ข้าได้เป็นคนหาพอนับเลขเสร็จข้าก็หานางเหมือนที่คนทั่วไปเค้าเล่นกัน”

    “ซายากะ?”

    “ฮิรามารุ ซายากะ ลูกสาวตระกูลฮิรามารุที่ถูกฆ่าน่ะ” เรียวตะเห็นว่าโกโจเพิ่งมาได้ยินชื่อไม่คุ้นหูเลยตอบแทนและให้ยูกิฮิเมะเล่าต่อ “แม่เล่าต่อเลย”

    “แต่ประเด็นคือมันผิดปกติมากที่ครั้งนี้ข้าหาตัวนางไม่เจอเลยเพราะเท่าที่ข้าเคยเล่นมาด้วยกันเวลาที่นางจะกลับบ้านนางจะมาบอกข้าก่อนเสมอ ข้าเลยออกตามหาไปเรื่อยๆจนเจอ…” หญิงสาวเงียบไปก่อนที่จะกัดฟันเค้นเสียงออกมา “ข้าเจอศพนาง…นอนจมกองหิมะ…ที่กลายเป็นสีเลือด”

    “…” ชายหนุ่มทั้งสองไม่พูดอะไร ถึงเรียวตะรู้มาก่อนแล้วแต่พอมาได้ฟังอีกก็อดโมโหไม่ได้

    “แต่หลังจากที่ข้าเจอนางแค่สามสี่วิ เจ้าพวกตระกูลฮิรามารุมันก็มาเห็นพอดี”

    “จังหวะนรกสุดๆ” โกโจออกความเห็น

    “จังหวะนรกจริง แล้วเจ้าพวกนั้นก็ไล่ฆ่าอย่างเอาเป็นเอาตายและสาปแช่งว่าจะตามฆ่าข้ากับลบพลังน้ำแข็งพันปีให้ได้จนมาถึงปัจจุบันนี่แหละ” ยูกิฮิเมะเอามือเท้าคางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ “เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ บ้าบอดีเนอะ ทั้งพวกตระกูลฮิรามารุกับตระกูลฟุบูกิ”

    “เอ๊ะ?” โกโจทำหน้างงอีกรอบเมื่อหญิงสาวพูดถึงตระกูลฟุบูกิ

    “คืองี้ ถ้าตระกูลฮิรามารุมันต้องการที่จะตามฆ่ายูกิฮิเมะเพื่อล้างแค้นแล้ว ตระกูลฟุบูกิจะปกป้องยูกิฮิเมะและผู้ที่สืบทอดวิชาคุณไสยน้ำแข็งพันปีพร้อมทั้งสืบหาคนร้ายตัวจริงไปด้วย” เรียวตะอธิบาย “แต่สาเหตุที่อากาเนะไม่ได้อยู่กับพวกตระกูลฟุบูกินั่นเป็นเพราะพวกนั้นถูกพวกฮิรามารุหมายหัวอยู่เพราะรู้ความจริงเรื่องพ่อแม่ของอากาเนะแล้ว และถ้าอากาเนะได้ไปเข้าบ้านฟุบูกิล่ะก็โอกาสที่โดนฆ่ามันสูง ก็เลยไหว้วานให้มิซาเอะเลี้ยงอากาเนะซะเพื่อความปลอดภัยของตัวอากาเนะเอง ซึ่งมันก็พอดิบพอดีที่มิซาเอะช่วยอากาเนะไว้ด้วยก็เลยไม่มีปัญหาอะไร”

    “ตระกูลเธอกับตระกูลฮิรามารุนี่มันไม้เบื่อไม้เมากันจริงๆ…” คนผมขาวยิ้มแห้ง

    “คิดเหมือนข้าเลยซาโตรุ

    “?!!!” ประโยคของยูกิฮิเมะทำเอาสองหนุ่มต้องมองเธอกันเป็นตาเดียว

    “อะไร” หญิงสาวถามเสียงเรียบ แต่คนที่ช็อกสุดกับประโยคเมื่อครู่อย่างเรียวตะได้แต่คิดในใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับยูกิฮิเมะกันแน่

     

    เพราะยูกิฮิเมะจะไม่เรียกชื่อต้นใครเลยถ้าไม่ได้สนิทกันจริงๆ อย่างกรณีของเรียวตะนี่กว่าจะเรียกได้ก็ปาไปสามเดือน

     

    แต่นี่สัปดาห์เดียวหลังจากที่ตื่นมาคือเรียกโกโจว่าซาโตรุเลย

     

     

    คืออะไร๊!!!!!?!!

     

     

    ‘เดี๋ยวๆๆๆๆๆ แบบนี้มันผิดปกติมากเลยนี่!!!!’ ยมทูตหนุ่มได้แต่สงสัยและว้าวุ่นในใจ

    “เอ่อยูกิฮิเมะ ทำไมถึงได้กล้าเรียกชื่อต้นผมกันแบบนั้นล่ะครับ” โกโจถาม

    “เรียกไม่ได้เหรอ” ยูกิฮิเมะเอียงหัวเล็กน้อยพร้อมถามเสียงใส เล่นเอาเรียวตะทำหน้าเหวอไปเลย ส่วนโกโจที่เห็นท่าทางของหญิงสาวก็หลุดขำออกมาเล็กน้อย

    “ฮึๆ ถ้าเธอต้องการแบบนั้นก็ตามสบายเลย”

    “เอาจริงดิ…” ยมทูตหนุ่มถึงกับพูดอะไรไม่ออกหลังจากที่รู้ว่าโกโจอนุญาตให้ยูกิฮิเมะเรียกชื่อต้นได้

     

     

     

    ใครก็ได้บอกเขาทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับยูกิฮิเมะล่ะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

     

     

     


     


     


     

    .

    .

    .

     

    ต็อกๆ : ทุกคนเราขอโต๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ที่อัพช้าเราติดแก้สอบกลางภาคกับหัวตันด้วย ต้องขอโทษด้วยจริงๆ

     

    สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นท์กันได้นะคะ จะได้มีกำลังใจในการแต่งต่อไป

     

    เจอกันตอนหน้า บ๊ายบายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

     

     

    Cr.themy butter

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×