ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มายาแห่งโลกกระจก

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่สอง สู่โลกใหม่...... ( 100%)

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 48


    ........ในป่าที่เงียบสงบ มีพันธุ์ไม้ต่างๆนานาแข่งกันโชว์ความอุดมสมบูรณ์และความเขียวขจี ดอกไม้เล็กๆแซมอยู่ตามโคนต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศเย็นๆในป่าอย่างนี้ยากที่จะหาได้ในปัจจุบัน เสียงดนตรีที่ขับออกมาลอยไปตามสายลม ราวกับเป็นเพลงของทวยเทพก็ไม่ปาน ปลุกผู้มาเยือนให้ตื่นจากความฝันอันแสนประหลาด ถึงแม้มันจะไม่ใช่ความฝันก็ตาม.......



        “ อืม......อือ.... ที่นี่มันที่ไหนกัน....” เมอิร้องครวญครางขึ้นเมื่อเธอรู้สึกตัว แต่เธอก็ชะงักและเริ่มตั้งใจฟังเสียงเพราะกังวาลที่ขับขานมาตามสายลมอีกครั้ง....



        “ เสียงของเอล์ฟ....” โฮริอันกล่าวขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำให้เมอิหลุดออกจากผวังค์



        “ เอล์ฟ....งั้นรึ ” เธอทำหน้าแบบไม่อยากจะเชื่อ



        “  ใช่....เอล์ฟ.. ” เขาแอบขำอยู่เล็กๆที่เห็นหน้าของเมอิเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม



        “ เอล์ฟจริงๆเหรอ....” เธอขอคำยืนยันกับโฮริอันอีกครั้ง



        “ ก็บอกว่าใช่ก็ใช่เซ่~ แล้วก็นะลุก ออกไปจากตัวข้าซะที่สิ....หนักโว้ยยย ” โฮริอันตะโกนโหวกเหวกพลางผลักเมอิให้ลงจากตักของเขา



    “ โอ๊ย~ จะให้ลงก็ขอดีๆสิย่ะ ฮอยอัน” เมอิร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด



    “ โฮ-ริ -อัน โว้ยยยยยยยยยย ” ทั้งคู่เริ่มเปิดศึกโต้วาทีขึ้นมา จนกระทั่งเมอิถามขึ้นมา



    “ นี่...หูกับหางของนายหายไปไหนอ่ะ... ” เมอิกล่าวขึ้น เมื่อหูกับหางของโฮริอันที่เธอเห็นตอนแรกหายไปแล้ว



    “ อ๋อ ข้าเก็บมันได้น่ะ ”



    “ ยังไง..... ”



    “ แบบนี้ ” ไม่รอช้าโฮริอันเอาหูออกมา แล้วยัดมันเก็บกลับเข้าไปในผมยุ่งๆของเขา



    “ โฮ่ ของแปลกๆอย่างนี้ก็มีด้วย ” เมอิกล่าวขึ้นพลางทำท่าลูบคางประกอบ



    “ เหอๆ....ทำตัวให้ชินซะเจ้าจะได้เห็นของแปลกอีกเยอะ ”



    “ ก่อนอื่นเราต้องหาทางไปเมืองมินาทรอสให้ได้ก่อนล่ะนะ แล้วค่อยเอาตัวเจ้าไปส่งให้วังหลวง ” โฮริอันกล่าวขึ้นพลางเดินสำรวจหาเส้นทางไปเมืองมินารอส



    “  ไปช๊อปปิ้งใช่ป่ะ ดีๆฉันจะได้ไปซื้อของ...แต่เอ....ทำไมข้าต้องไปวังหลวงด้วยล่ะ ” เมอิแสดงท่าทีระริกระรี้ทันที แต่ก็ต้องกลับมานั่งงงอีกว่าทำไมจะต้องไปวังหลวง



    “  ข้าเองก็ไม่รู้ มีคนสั่งมา ข้าก็มีหน้าที่แค่ทำตาม ” เขาทำแววตาเศร้าๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์บางอย่างในอดีตที่ทำให้เขาจมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง



    “ โฮริอัน....... โฮ....อัน.......กรี๊ด!!!!!!!!” เสียงผู้หญิงที่เรียกชื่อเขากรีดร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด เสียงนี้ยังคงคอยตามหลอกหลอนเขาอยู่ได้ไม่เว้นแม้สักคืน......



        “ ฮอยอันๆ ” เสียงของเมอิดังขึ้น ทำให้เขาหลุดออกจากผวังค์



    “ ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนเนี่ย ”



    “ ..........” โฮริอันทำหน้าครุ่นคิดอย่างหนักแต่ทว่า.....



    “ ว่าไง......”



    “ เออนั่นดิพวกเราอยู่ที่ไหน..” โฮริอันตอบขึ้นมาลอยๆ โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าเมอิ กำลังโมโหแค่ไหน



    “................” เมอิได้แต่อึ้งไปชั่วครู่ แล้วเจ๊แกก็ระเบิดพลังเสียงออกมาราวกับคลื่นเสียงของลำโพงสามสิบตัวมาวางเรียงกันก็ไม่ปาน.....



    โฮริอา~น!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ” เสียงของเธอทำลายความเงียบสงบของป่า และโสตประสาทหูของโฮริอันลงอย่างง่ายดาย



    “ ตายล่ะหว่า......” โฮริอันกล่าวขึ้น พร้อมๆกับที่หน้าตาของเขาเริ่มจะซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเขาเหลือบไปเห็นฝุ่นที่ลอยมาเป็นทาง พร้อมกับเสียงวิ่งที่ดังกระหึ่มของสัตว์เป็นฝูงๆ



    “ หนีเร็วนั่นมันฝูง ทอร์รัส เร็วเข้าขึ้นมา!!!!!!! ” โฮริอันตะโกนขึ้นพลางคว้าตัวของเมอิขึ้นไว้บนหลัง ใส่บาทาหมาจิ้งจอกวิ่งหนีสุดกำลัง



    “ ทอร์รัสแล้วทำไมอ่ะ นายสู้มันได้อยู่แล้วถึกๆอย่าง นายน่ะ ” เมอิกล่าวขึ้น ไม่รู้จะชมหรือจะด่าโฮริอันกันแน่



    “ ทอร์รัสนะโว้ย หนึ่งใน 12 ราศีที่เป็นมอนสเตอร์ระดับหัวหน้าเฟ้ย แถมเล่นมากันเป็นฝูงอีก ไม่หนีก็ตายลูกเดียว” เขาถอนหายใจออกมาด้วยความเซ็งกับไอ้เจ้าคนที่ขี่หลังเขาอยู่



    “ เจ้านี่ ช่างเป็นตัวหายนะจริงๆเล้ย......” ปากก็ว่าไป ถอนหายใจอกมาซะจนจะไม่มีให้ถอนแล้ว



    ฟึ่บ!! ฉึก!!!” เสียงขวานแหวกลมลอยมาฟันฉับโดนต้นไม้ล้มกันเป็นแพ



    “ ชิ....ตามมาทันแล้วสินะ ” โฮรอันหันหน้ากลับไปเผชิญหน้ากับฝูงทอร์รัส



    “ รออยู่นี่ก่อนนะ... ” เขาเอ่ยขึ้นเบาๆ ก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้ แล้วฟาดเมอิอยู่บนนั้น (หยั่งกะตากผ้าแน่ะ) เมอิพยักหน้าตอบเป็นเชิงตอบรับ



    เซเรนดันถูกผนึกอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ บ้าจริง..... ” เขาสบถกับตัวเบาๆ ก่อนที่ทอร์รัสตัวหนึ่งจะโจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง (มันคงเพิ่งตื่นนอนเพราะเสียงของเมอิมั้ง : = =” ผู้แต่ง)



    “ โฮริอันระวัง!!!!!!” เมอิร้องขึ้นเตือนโฮริอันที่กำลังจะถูกโจมตี



    “ แย่ล่ะสิ!!!” โฮริอันที่ไม่ทันระวังตัว ยกมือขึ้นกันขวานของทอร์รัสที่กำลังจะฟาดลงมา ถึงแม้เขาจะรู้อยู่แก่ใจว่ากันขวานอันทรงพลังของทอร์รัสไม่ได้ก็ตาม......



    “ .........โซนาต้า........ ” เสียงปริศนาดังขึ้นก่อนที่คลื่นเสียงชุดใหญ่ จะอัดกระแทกเข้าใส่ทอร์รัสตัวนั้น จนหงายล้มตึงไปกองกับพื้น สร้างความพิศวงให้กับตัวอื่น ที่ยืนเกาหัวกันแกรกๆเพราะยังงงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที



    “ เจ้าเป็นใครกัน!!!! ” โฮริอันตะโกนขึ้น พร้อมๆกับที่หันหน้าไปมองเงารางๆที่อยู่ใกล้ๆตัวของเมอิ

          

    “ เจ้าจิ้งจอก... เจ้าช่างไร้มารยาทเสียจริง เจ้าพูดกับคนที่ช่วยชีวิตของเจ้าอย่างนี้หรือ...” เสียงปริศนาดังขึ้นอีกครั้ง เงารางๆนั้นขยับออกมาจากมุมมืด แสดงให้เห็น เจ้าของเสียงได้อย่างชัดเจน ผู้หญิงร่างบางอรชรอยู่ในชุดที่ดูสบายๆ แต่ดูแข็งแกร่งเพราะ เกราะที่ปิดบริเวณอกและหัวไหล่ของเธอ กางเกงขาสั้นรัดรูปที่อยู่ใต้กระโปรงสั้นแลดูคล่องแคล่ว คันธนูอันใหญ่ที่ฟาดอยู่บนหลังสลักลวดลายที่วิจิตรของธรรมชาติ ผมสีครีมของเธอนั้นยาวถึงสะโพกเธอเลยทีเดียว หูที่ยาวผิดปกตินั้นถูกเจาะหูและใส่ต่างหูเป็นวงดูเก๋ไก๋ นัยน์ตาสีชมพูแสดงความไม่พอใจต่อคนตรงหน้า ก่อนที่เธอจะกระโดดลงมาจากต้นไม้อย่างนุ่มนวล ราวกับมีปีกอยู่กลางหลังก็ไม่ปาน



    “ เอล์ฟ............” โฮริอันมีท่าทีตื่นตระหนกเล็กน้อย เมื่อเห็นเอล์ฟที่มักไม่ปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่น



    “ เจ้านี่มันช่างไร้มารยาทเสียจริง....ให้ตายสิ ” เธอพูดพลางส่ายหน้าอีกครั้งอย่างเอือมระอา



    “ .............เอล์ฟแบบนี้ก็มีด้วยแหะ... ” โฮริอันกล่าวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆผุดขึ้นบนใบหน้า



    “ ว่าไงนะ......พูดผิดพูดใหม่ได้นะยะ...” เอล์ฟสาวเริ่มฉุนกึก



    “  เอล์ฟหลงตัวเองแบบนี้ก็มีด้วย ” โฮริอันพูดขึ้นใหม่ราวกับจะตอกย้ำเต็มที่



    “ หน็อย ~ ”



    “ หน็อย ~ ” ทั้งสองประจันหน้ากันพลางกัดฟันกรอดๆ สายฟ้าปะทะกันดัง เปรี๊ยะๆ



    “ พอเถอะทั้งคู่.....” เมอิหลังจากเงียบไปนานก็เอ่ยขึ้น



    “ หืม ? ” ทั้งคู่หยุดกัดกันแล้วหันมามองเมอิ



    “ พวกทอร์รัสมัน...... ” เมอิฝืนยิ้มพูด แล้วหัวเราะ แหะๆออกมา พร้อมๆกับที่เธอชี้นิ้วไปยังฝูงทอร์รัสที่ทำท่าจะโจมตีเข้ามาพร้อมกันอีกครั้ง



    “ ช่วยไม่ได้ล่ะนะ......เอ้า ” เอล์ฟสาวคนนั้นหยิบคันธนูคันใหญ่ขึ้นมา ถ้าสังเกตดูดีๆลวดลายบนคันธนูนั้นวิจิตรงดงามเหลือเกิน มันทำมาจากเนื้อไม้สีทองอร่ามอดคิดไม่ได้ว่าเป็นไม้จริงๆหรือ แล้วเธอก็หยิบมีดพกอีกอันหนึ่งออกมาโยนให้โฮริอัน ด้ามของมันทำมาจากเงิน ประดับด้วยอัญมณีสีฟ้าเม็ดนึง ดูเรียบง่าย แต่ล้ำค่า



    “ มีดสั้นนี่มัน........ ” โฮริอันเอ่ยขึ้นด้วยความคุ้นเคยกับมีดนี้อย่างบอกไม่ถูก



    เศษเสี้ยวแห่งราตรี .....ใช่มะ ” สาวนักธนูเอ่ยขึ้นด้วยความรู้ทัน

    “ เจ้าไปเอามาจากไหนน่ะ... ” แน่นอนว่าเขาต้องคุ้นเคย ก็นี่มันมีดสั้นของทอร์!!!



    “ ไม่รู้สิ ท่านพ่อให้คนของท่านส่งมาให้ข้า ตอนข้ากำลังเที่ยวเล่นอยู่น่ะ....มีอะไรรึเปล่า” เธอเอ่ยขึ้นด้วยความงุนงง



    “ เปล่าๆ ไม่มีอะไร” โฮริอันทำสีหน้าให้ปกติที่สุด ทั้งที่ในใจยังคงเป็นห่วงทอร์อยู่  แต่ก็ไม่พ้นสายตาของเมอิไปได้........



    “ อ๊ะ ขอบใจ แล้วลูกธนูของเจ้าล่ะ ” โฮริอันเพิ่งจะสังเกตถึงอาวุธของเธอ



    “ ของแบบนั้นไม่จำเป็นหรอก..... ” เธอพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เหมือนกับว่าเธอแกล้งปั่นหัวสำเร็จอีกสองคน ( รวมเมอิที่กำลังทำหน้าเอ๋อมองลงมาที่คันธนู แล้วมองหาลูกธนูเป็นการใหญ่ )



    “ ระวัง!!!!!มันจะโจมตีแล้ว!!!! ” เมอิที่ตอนนี้เปรียบเสมือนหอสังเกตการณ์ ตะโกนขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นขวานของพวกทอร์รัสเริ่มมีสายฟ้าวิ่งไปมาตามขวาน



    ทอร์รัสตัวหนึ่งร้องคำรามขึ้นมา เป็นสัญญาณเริ่มการต่อสู้  ไม่รอช้า โฮริอันคว้ามืดไว้จนถนัดมือแล้วเริ่มจู่โจมเข้าใส่ทอร์รัสตัวหนึ่ง เขาเข้าประชิดตัวและฟันร่างของทอร์รัสตัวนั้นขาดครึ่ง.........



    “ เป็นไง....ถูกใจล่ะสิ ” เอล์ฟสาวเอ่ยขึ้นพลางเอามือป้องปากหัวเราะคิกๆ



    “ พลังเพิ่มขึ้นตั้งเยอะ....เป็นเพราะมีดนี่ผนึกแสงจันทร์ไว้สินะ.....ใช่มั้ย ” เขาพูดพลางหันหน้าไปมองเธอที่กำลังอมยิ้มอย่างแสนภูมิใจ

    เธอไม่ได้ตอบอะไร แล้วเริ่มร้องเพลงขึ้น เพลงที่ลอยมากับสายลมตอนแรก แสงรอบๆตัวของเธอเริ่มจับตัวกันเป็นลูกธนูแห่งแสง โฮริอัน เมอิ แม้กระทั่งฝูงทอรัสทั้งฝูงก็สงบลงฟังท่วงทำนองที่แสนไพเราะ....



    “  ฟึ่บ!!ฉึก!!! ” เสียงลูกธนูแหวกอากาศไปปักอยู่ตรงหัวใจของทอร์รัสตัวหนึ่ง ทันใดนั้นร่างของทอร์รัสก็แตกสลายกลายเป็นแสงสว่าง.......



    “ การต่อสู้เริ่มแล้วนะ อย่ามัวแต่เหม่อสิ ” สิ้นเสียง การต่อสู้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ทอร์รัสล้มลงไปทีละตัวสองตัว บ้างก็สลายกลายเป็นแสง จนกระทั่ง.........



    “ ว้าย!!!!!! ”มีอยู่ตัวหนึ่ง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไปยืนอยู่หลังเมอิ เธอไม่ทันตั้งตัวก็เลยโดนมันจับเอา มันเอาขวานจ่อคอเธอห่างไปเพียงไม่กี่เซ็นต์



    “ เมอิ!!!!!!!!!! ”



    “ ยัยผมแดง!!!!!! ” โฮริอันกับเอล์ฟตนนั้น ร้องประสานเสียงกันขึ้น (รู้สึกว่าเอล์ฟตนนั้นเพิ่งคิดอ่านะ ไอ้ยัยผมแดงเนี่ย ) แต่ทั้งคู่ก็ต้องอึ้งสนิทเมื่อ.............



    เมื่อเลือดหยดหนึ่งของเมอิหยดลงมาจากแผลเล็กๆที่คอ จู่ๆร่างของเมอิก็เกิดอะไรบางอย่างขึ้น ลำแสงสี่สีที่ปรากฏออกมาจากตัวเธอนั้นสังหารทอร์รัสได้ในไม่ถึงวินาที ร่างกายของมันหายไป...... ปรากฎให้เห็นวงกลมรอบๆตัวเมอิที่มีธาตุทั้งสี่ไหลวนอยู่ แล้วมันก็หายไปพร้อมๆกับที่ร่างของเธอที่ตกลงมาตามแรงดึงดูดของโลก



    “นี่มันเกิดอะไรขึ้น.....” โฮริอันรีบวิ่งไปรับร่างของเมอิได้ทันท่วงที แววตาของเขาแสดงความตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน



    “ เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ รีบพายัยหัวแดงไปหาหมอก่อน!!! ” เอล์ฟสาวตะโกนเสียงแข็งเมื่อเธอเห็นเหลือบไปเห็นแผลที่แขนของเมอิที่สาหัสพอสมควร เนื่องจากโดนขวานของทอร์รัสตัวนั้นที่ฟันแขนของเธอก่อนที่ร่างของมันจะสลายไป



    “ ตามข้ามา....” เธอเอ่ยขึ้น และออกเดินนำไป โดยมีโฮริอันที่ทำหน้าที่อุ้มคนป่วยตามหลังมาติดๆ



    “ เจ้าจะพาพวกเราไปไหน.... ” โฮริอันถามขึ้น เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาในป่าลึกพอสมควร ต้นไม้เริ่มมีให้เห็นหนาตา แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาตามช่องเล็กๆระหว่างต้นไม้ ลำธารที่มีน้ำใสสะอาดราวกับแก้วนั้นไหลมาจากต้นน้ำเป็นทางยาว



    “ เดี๋ยวเจ้าก็รู้..เจ้าจิ้งจอกไร้มารยาท” เธอกล่าวขึ้นด้วยความรำคาญ จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าน้ำตกใหญ่แห่งหนึ่ง มีตอไม้ใหญ่วางพาดอยู่ราวกับเป็นสะพาน แต่ที่สุดทางนั้นกลับมีเพียงสายน้ำที่เชี่ยวกราดจากน้ำทีตกลงมาทำให้เห็นอะไรได้ไม่ชัด...



    “ เจ้าชื่ออะไร..ยัยผมแดงด้วยบอกชื่อของพวกเจ้ามา.... ” เอล์ฟสาวผู้นั้นถามขึ้นระหว่างที่พวกเขากำลังเดินข้ามตอไม้มา



    “ ข้าโฮริอัน ส่วนยัยนี่ เมอิ... ” เขาตอบพลางชี้นิ้วไปที่ตัวเอง และเมอิ



    “ ให้สัจจะกับข้าว่าเจ้าจะไม่บอกใครเกี่ยวกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้......” เอล์ฟสาวหันมาพูดกับโฮริอันด้วยสีหน้าที่จริงจัง



    “ ข้าให้สัจจะ.....ถ้าข้าผิดคำพูดขอให้เจ้าใช้ศรแห่งแสงสังหารข้าเสีย..ดีมั้ย ” เขาพูดการันตีอีกทีหนึ่ง



    “ พวกเจ้านี่ล่ะน้า ” เธอยิ้มพลางส่ายหน้าไปมา



    “ ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรล่ะ” โฮริอันถามขึ้น พลางมองไปที่เอล์ฟสาวที่กำลังหันหน้าเข้าน้ำตก



    “ ข้าชื่อ มิสเทีย ยินดีที่ได้รู้จัก...” มิสเทียตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และเธอก็เริ่มขับขานบทเพลงที่ก้องกังวานอีกครั้ง น้ำตกที่เชี่ยวกราด บัดนี้สงบลงและแบ่งตัวเองออกเป็นสองซีก เผยให้เห็นอาณาจักรลับแลแห่งภูติที่ยิ่งใหญ่



    “ ข้าขอต้อนรับแขกที่มาเยือนสู่อาณาจักรภูต โรฟีเรีย ” มิสเทียกล่าวต้อนรับอย่างอบอุ่นก่อนที่เธอจะเดินนำเข้าไปในน้ำตก ตามมาติดๆด้วยโฮริอันกับเมอิ ก่อนที่น้ำตกที่ถูกแบ่งออกจะกลับสู่สภาพเดิม ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งให้ป่ากลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง......





                                  ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~



                          ครับโผมมมมมม คือตอนนี้ค่อนข้างจะยาวหน่อย นะงับ



                                 ขอบคุนที่เข้ามาอ่านแล้วเม้นนะงับ



                                                   จาก: ผู้แต่งผู้น่ารัก >O<

                                                      











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×