ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่หนึ่ง ภายใต้แสงจันทร์.........
......กลางดึกของคืนหนึ่ง.......
“ กริ๊งงงงงงงงงงงง” เสียงนาฬิกาปลุกที่ปลุกขึ้นมาผิดเวลา สร้างความรำคาญให้แก่หญิงสาวคนหนึ่งที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ในห้องนอนของตัวเธอเอง
“ หืม.....ไอ้นาฬิกาบ้า.....มาปลุกอะไรกันตอนนี้ กำลังฝันสนุกอยู่เชียว.....” เธอสบถขึ้นพร้อมกับปิดนาฬิกาดังปั้บ หลังจากนั้นเธอพยายามข่มตาให้หลับอยู่นานสองนาน แต่แน่นอนใครจะไปหลับลงหลังจากถูกนาฬิกาปลุกขึ้นมากลางดึก
“............ไปกินนมร้อนดีกว่า....” หลังจากที่ไตร่ตรองอยู่ซักพัก เธอก็ตัดสินใจลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ห้องครัว เธอย่างกรายผ่านความมืดลงมาตามบันไดวนที่ทอดลงไปสู่ห้องรับแขกที่ใหญ่พอสมควรผ่านประตูอีกบานหนึ่งจนถึงที่หมาย แสงจันทร์ส่องกระทบใบหน้าของหญิงสาววัยประมาณ 16 ปี เธอมีผมยาวประบ่าสีน้ำตาลแดงที่ถูกติดกิ๊บไว้อย่างลวกๆ นัยน์ตาสีเขียวมรกตของเธอแสดงความเหนื่อยล้าได้อย่างชัดเจน เธอเดินมาหยุดอยู่หน้าตู้เย็นที่มีข้อความติดไว้เช่นเคย
“  ถึง  เมอิ  ,
    พ่อกับแม่ขอโทษที่อยู่กับลูกในช่วงปิดเทอมไม่ได้ พ่อกับแม่ติดธุระด่วนที่ต้องไปต่างประเทศ คงไม่อยู่สักสองสามเดือน พ่อกับแม่จะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ดูแลตัวเองดีๆนะลูก.....
                    รักลูกเสมอ ,
                        พ่อกับแม่ ”
ถึงข้อความจะว่าอย่างนั้นแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ เมอิ รู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย หลายครั้งหลายคราวที่พ่อแม่ของเธอจากไปโดยไม่บอกกล่าวสักคำ บ้างก็ว่าติดธุระด่วน บ้างก็ว่าลูกค้ามีโครงงานใหญ่ให้ทำ เหลือแต่ข้อความสั้นๆติดไว้หน้าตู้เย็นแบบนี้ทุกครั้ง รวมทั้งการที่เธอต้องอยู่คนเดียวทุกคืน ในบ้านที่ถือว่าใหญ่พอสมควร.....คนเดียว ......
“ เฮ้อ ~~~~ ทำไมกันนะ พ่อกับแม่ไม่เคยมาให้เราเห็นหน้าบ้างเลย..นอกจากมีงานย่อยๆให้ช่วยทำ..” เมอิถอนหายใจออกมาราวกับกำลังเบื่อหน่าย แต่สายตาของเธอนั้นเหม่อลอยไปไกลราวกับอยากจะออกไปสู่โลกภายนอกคนเดียวให้รู้แล้วรู้รอดไป การนั่งจิบนมอุ่นๆอยู่บนโต๊ะในครัวเป็นกิจวัตรของเธอไปเสียแล้ว หลายครั้งหลายคราวที่เธอนอนไม่หลับเพราะสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายต่างๆนาๆ
“ อ๊ะ...กระจกนั่น.....มาจากไหนกันน่ะ” สายตาของเธอสะดุดไปเห็นกระจกบานใหญ่พาดพึงอยู่บนกำแพง มันเป็นกระจกที่สลักเสลาเป็นลวดลายแปลกตา ด้วยเนื้อไม้ที่ละเอียดอ่อน ทำให้มันน่าสัมผัสยิ่งขึ้น
“ ....เทพ...มนุษย์...จอมเวทย์...นักรบ..ปีศาจ...นี่มันอะไรกัน..”  เมอิวิเคราะห์ดู พลางลูบไล้ไปตามลายเส้นที่อ่อนช้อย ลวดลายทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้ที่สร้างมันขึ้นมา เธอสำรวจมันได้สักพักแล้วจึงถอนมือออกมานั่งจิบนมร้อนต่อไปอย่างสบายอารมณ์
“ ครึ่กๆ......ครึ่กๆ....ครึ่กๆ...” เสียงแผ่นดินสะเทือนราวกับจะเกิดแผ่นดินไหว ข้าวของพร้อมใจกันตกลงบนพื้นสร้างความตกใจให้เมอิได้ไม่น้อย ....ที่ๆเธออยู่ไม่เคยมีแผ่นดินไหว....
“ ไม่จริงน่า.....มาแผ่นดินไหวอะไรกันตอนนี้เล่า!!!” การสั่นสะเทือนครั้งนี้ดำเนินไปไม่นานนัก จนกระทั่ง.....
“ แสงนั่นมันอะไรกันน่ะ....” เกิดความสงสัยแทบจะทันทีเมื่อเธอเหลือบไปเห็นแสงสีขาวทอแสงออกมาจากกระจกบานนั้น  จู่ๆก็มีเท้าของสัตว์ตัวมโหฬารโผล่ออกมา มันค่อยๆเดินผ่านกระจกจนออกมาทั้งตัวสร้างความสั่นสะท้านให้กับเมอิไปทั้งตัว ก่อนที่มันจะตรงมาโชว์เขี้ยวที่แหลมคมห่างจากหน้าเมอิไปเพียงไม่กี่นิ้ว
“ กรี๊ดดดดดดดดดดดด” เมอิกรีดร้องดังกังวานไปทั่ว ก่อนที่เคลเบรอสจะอ้าปากเตรียมลิ้มลองอาหารมือดึกของมัน
“....เจ้าจะกรีดร้องทำไมกันนักกันหนา....” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นข้างๆหูของเมอิ ก่อนที่เขาจะคว้าร่างของเธอออกจากคมเขี้ยวของเคลเบรอสไปก่อนเพียงเสี้ยววินาที แล้วทุ่มมันจนมันทะลุกำแพงออกไป
“ นายเป็นใครกัน.....” เมอิแสดงท่าทีสงสัยในการกระทำของเขาในเพียงเสี้ยววินาทีนั้น และสงสัยยิ่งกว่าเมื่อเหลือบไปเห็นหูและหางที่ผลุ่บๆโผล่ๆอยู่ข้างหลังคนผู้นั้น แต่ทว่าสายตาที่จับจ้องอยู่ที่แผลฉกรรณ์ทำให้เธอลืมข้อสงสัยทั้งหมด
“ นายมีแผลนี่.... ปล่อยฉันลงซิปล่อยๆๆๆๆ” เธอกระโดดลงมาจากอ้อมแขนของชายหนุ่มตรงเข้าไปดูแผลฉกรรณ์ที่เธอเป็นต้นเหตุ  เลือดไหลออกมาไม่หยุดจากต้นแขนของผู้บาดเจ็บ
“ ....โฮริอัน.........ชื่อของข้าคือโฮริอัน.... ” โฮริอันกล่าวขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พลางจับจ้องไปยังหญิงสาวเบื้องหน้าที่กำลังปฐมพยาบาลเขาอยู่ถึงแม้เธอจะทำได้ไม่ค่อยดีก็ตาม
“ อืม ฮอยอัน รึ....นายนี่ชื่อแปลกดีนะ คิกๆๆๆ” เมอิเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะ เพราะชื่อของโฮริอันนั้นเหมือนชื่อของละครที่เธอดูบ่อยๆ
“ โฮ-ริ-อัน ตะหากเล่า”  เขาพูดขึ้นพร้อมยกมือเขกหัวเมอิดังโป๊ก
“ โอ๊ย นายนี่หัดอ่อนโยนต่อสุภาพสตรีซะมั่งสิ...”  เธอยกมือขึ้นมาลูบหัวพลางบ่นโอยๆไปเรื่อย
“ ว่าแต่เจ้าล่ะยัยหัวฟู เจ้าชื่ออะไร..โอ๊ยนี่เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ!!!!” โฮริอันพูดที่อยู่ดีๆกลับร้อง จ๊ากด้วยแรงของเมอิที่ผูกผ้าพันแผลอย่างรุนแรง
“ ใครกันน่ะยัยหัวฟู....หัดพูดให้มันดีๆซะหน่อยนะ เมอิย่ะ ฉันชื่อเมอิ....” เมอิพูดพลางกัดฟันแน่น มันน่าโมโหจริงๆเมื่อมีคนเรียกเธอว่ายัยหัวฟู
“ .....นี่นะเหรอร่างจุติ......” โฮริอันบ่นพึมพำขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่า ร่างจุตินั้น นั่งฟังอยู่
“ อะไร....ใครคือร่างจุติ...” เมอินั่งเอ๋อไปชั่วครู่ โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเธอกลายเป็นหัวข้อในการสนทนาไปเสียแล้ว
ระหว่างที่การสนทนายังดำเนินต่อไปทั้งคู่ไม่รู้สึกตัวเลยว่า เคลเบรอสกำลังสมานแผลของมันเองจนกระทั่งหายสนิทและพร้อมที่จะโจมตีได้ทุกเมื่อ จนกระทั่ง.......
“ ระวัง!!!!!!!!!!!” โฮริอันร้องขึ้นพร้อมๆกับที่เขาอุ้มเมอิออกจากรัสมีการโจมตีของเคลเบรอส
“ บ้าจริง.....โครนอสใช้เวทย์อำมตะกับเจ้าหมาบ้านี่งั้นหรือ....”
“ เวทย์อำมตะ....โครนอส...ร่างจุติ... นี่มันเรื่องอะไรกัน...อ๊ะ!” ข้อสงสัยมากมายเกิดขึ้นในหัวของเมอิ แต่ทว่า โฮริอันได้ฟาดฝ่ามือลงบนท้ายทอยของเธอทำให้เธอหลับไปโดยไม่รู้สึกตัว
“ ขอโทษที่ต้องทำแบบนี้นะ....เมอิ” สิ้นเสียง เคลเบรอสก็วิ่งเข้ามาโจมตีอีกครั้ง โฮริอันได้แต่กระโดดหลบไปมา พลางเริ่มร่ายเวทย์แบบเดียวกับที่ทอร์ส่งเขามาที่นี่
“ จงนำพาข้ากลับสู่โลกเดิม ประตูมิติจงเปิดออก... ไดเมนชั่น!!!!” กระจกบานใหญ่เริ่มเปล่งแสงออกมา สะท้อนให้เห็นอีกด้านหนึ่งของกระจก ทุ่งหญ้าสีเขียวขจี สวนดอกไม้หลากพันธุ์ สายลมอ่อยที่พัดมาโดนหน้าเมอิ ปลุกให้เธอตื่นขึ้นอีกครั้ง
“บอกลาโลกของเจ้าซะ ยัยหัวฟู...” โฮริอันเมื่อเห็นเมอิได้สติแล้ว จึงวิ่งตรงไปที่กระจกนั้นไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้เมอิที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานั้น หลับตาปี๋
ร่างของเมอิและโฮริอันค่อยๆหายไปในกระจก เหมือนกับที่เคลเบรอสออกมาจากกระจก
“ ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งกระจก...” โฮริอันกล่าวขึ้นก่อนที่จะกลืนหายไปกับเนื้อกระจกทิ้งให้เมอิได้แต่อึ้งกิมกี่อยู่กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
....ทั้งคู่หายไปราวกับไม่เคยมีคนอยู่ ทิ้งให้ความเงียบเข้าปกคลุมค่ำคืนที่แสนประหลาด เหตุการณ์ทั้งหมดราวกับว่าเป็นเพียงแค่ฝันเท่านั้น...
      ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~
“ กริ๊งงงงงงงงงงงง” เสียงนาฬิกาปลุกที่ปลุกขึ้นมาผิดเวลา สร้างความรำคาญให้แก่หญิงสาวคนหนึ่งที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ในห้องนอนของตัวเธอเอง
“ หืม.....ไอ้นาฬิกาบ้า.....มาปลุกอะไรกันตอนนี้ กำลังฝันสนุกอยู่เชียว.....” เธอสบถขึ้นพร้อมกับปิดนาฬิกาดังปั้บ หลังจากนั้นเธอพยายามข่มตาให้หลับอยู่นานสองนาน แต่แน่นอนใครจะไปหลับลงหลังจากถูกนาฬิกาปลุกขึ้นมากลางดึก
“............ไปกินนมร้อนดีกว่า....” หลังจากที่ไตร่ตรองอยู่ซักพัก เธอก็ตัดสินใจลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ห้องครัว เธอย่างกรายผ่านความมืดลงมาตามบันไดวนที่ทอดลงไปสู่ห้องรับแขกที่ใหญ่พอสมควรผ่านประตูอีกบานหนึ่งจนถึงที่หมาย แสงจันทร์ส่องกระทบใบหน้าของหญิงสาววัยประมาณ 16 ปี เธอมีผมยาวประบ่าสีน้ำตาลแดงที่ถูกติดกิ๊บไว้อย่างลวกๆ นัยน์ตาสีเขียวมรกตของเธอแสดงความเหนื่อยล้าได้อย่างชัดเจน เธอเดินมาหยุดอยู่หน้าตู้เย็นที่มีข้อความติดไว้เช่นเคย
“  ถึง  เมอิ  ,
    พ่อกับแม่ขอโทษที่อยู่กับลูกในช่วงปิดเทอมไม่ได้ พ่อกับแม่ติดธุระด่วนที่ต้องไปต่างประเทศ คงไม่อยู่สักสองสามเดือน พ่อกับแม่จะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ดูแลตัวเองดีๆนะลูก.....
                    รักลูกเสมอ ,
                        พ่อกับแม่ ”
ถึงข้อความจะว่าอย่างนั้นแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ เมอิ รู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย หลายครั้งหลายคราวที่พ่อแม่ของเธอจากไปโดยไม่บอกกล่าวสักคำ บ้างก็ว่าติดธุระด่วน บ้างก็ว่าลูกค้ามีโครงงานใหญ่ให้ทำ เหลือแต่ข้อความสั้นๆติดไว้หน้าตู้เย็นแบบนี้ทุกครั้ง รวมทั้งการที่เธอต้องอยู่คนเดียวทุกคืน ในบ้านที่ถือว่าใหญ่พอสมควร.....คนเดียว ......
“ เฮ้อ ~~~~ ทำไมกันนะ พ่อกับแม่ไม่เคยมาให้เราเห็นหน้าบ้างเลย..นอกจากมีงานย่อยๆให้ช่วยทำ..” เมอิถอนหายใจออกมาราวกับกำลังเบื่อหน่าย แต่สายตาของเธอนั้นเหม่อลอยไปไกลราวกับอยากจะออกไปสู่โลกภายนอกคนเดียวให้รู้แล้วรู้รอดไป การนั่งจิบนมอุ่นๆอยู่บนโต๊ะในครัวเป็นกิจวัตรของเธอไปเสียแล้ว หลายครั้งหลายคราวที่เธอนอนไม่หลับเพราะสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายต่างๆนาๆ
“ อ๊ะ...กระจกนั่น.....มาจากไหนกันน่ะ” สายตาของเธอสะดุดไปเห็นกระจกบานใหญ่พาดพึงอยู่บนกำแพง มันเป็นกระจกที่สลักเสลาเป็นลวดลายแปลกตา ด้วยเนื้อไม้ที่ละเอียดอ่อน ทำให้มันน่าสัมผัสยิ่งขึ้น
“ ....เทพ...มนุษย์...จอมเวทย์...นักรบ..ปีศาจ...นี่มันอะไรกัน..”  เมอิวิเคราะห์ดู พลางลูบไล้ไปตามลายเส้นที่อ่อนช้อย ลวดลายทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้ที่สร้างมันขึ้นมา เธอสำรวจมันได้สักพักแล้วจึงถอนมือออกมานั่งจิบนมร้อนต่อไปอย่างสบายอารมณ์
“ ครึ่กๆ......ครึ่กๆ....ครึ่กๆ...” เสียงแผ่นดินสะเทือนราวกับจะเกิดแผ่นดินไหว ข้าวของพร้อมใจกันตกลงบนพื้นสร้างความตกใจให้เมอิได้ไม่น้อย ....ที่ๆเธออยู่ไม่เคยมีแผ่นดินไหว....
“ ไม่จริงน่า.....มาแผ่นดินไหวอะไรกันตอนนี้เล่า!!!” การสั่นสะเทือนครั้งนี้ดำเนินไปไม่นานนัก จนกระทั่ง.....
“ แสงนั่นมันอะไรกันน่ะ....” เกิดความสงสัยแทบจะทันทีเมื่อเธอเหลือบไปเห็นแสงสีขาวทอแสงออกมาจากกระจกบานนั้น  จู่ๆก็มีเท้าของสัตว์ตัวมโหฬารโผล่ออกมา มันค่อยๆเดินผ่านกระจกจนออกมาทั้งตัวสร้างความสั่นสะท้านให้กับเมอิไปทั้งตัว ก่อนที่มันจะตรงมาโชว์เขี้ยวที่แหลมคมห่างจากหน้าเมอิไปเพียงไม่กี่นิ้ว
“ กรี๊ดดดดดดดดดดดด” เมอิกรีดร้องดังกังวานไปทั่ว ก่อนที่เคลเบรอสจะอ้าปากเตรียมลิ้มลองอาหารมือดึกของมัน
“....เจ้าจะกรีดร้องทำไมกันนักกันหนา....” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นข้างๆหูของเมอิ ก่อนที่เขาจะคว้าร่างของเธอออกจากคมเขี้ยวของเคลเบรอสไปก่อนเพียงเสี้ยววินาที แล้วทุ่มมันจนมันทะลุกำแพงออกไป
“ นายเป็นใครกัน.....” เมอิแสดงท่าทีสงสัยในการกระทำของเขาในเพียงเสี้ยววินาทีนั้น และสงสัยยิ่งกว่าเมื่อเหลือบไปเห็นหูและหางที่ผลุ่บๆโผล่ๆอยู่ข้างหลังคนผู้นั้น แต่ทว่าสายตาที่จับจ้องอยู่ที่แผลฉกรรณ์ทำให้เธอลืมข้อสงสัยทั้งหมด
“ นายมีแผลนี่.... ปล่อยฉันลงซิปล่อยๆๆๆๆ” เธอกระโดดลงมาจากอ้อมแขนของชายหนุ่มตรงเข้าไปดูแผลฉกรรณ์ที่เธอเป็นต้นเหตุ  เลือดไหลออกมาไม่หยุดจากต้นแขนของผู้บาดเจ็บ
“ ....โฮริอัน.........ชื่อของข้าคือโฮริอัน.... ” โฮริอันกล่าวขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พลางจับจ้องไปยังหญิงสาวเบื้องหน้าที่กำลังปฐมพยาบาลเขาอยู่ถึงแม้เธอจะทำได้ไม่ค่อยดีก็ตาม
“ อืม ฮอยอัน รึ....นายนี่ชื่อแปลกดีนะ คิกๆๆๆ” เมอิเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะ เพราะชื่อของโฮริอันนั้นเหมือนชื่อของละครที่เธอดูบ่อยๆ
“ โฮ-ริ-อัน ตะหากเล่า”  เขาพูดขึ้นพร้อมยกมือเขกหัวเมอิดังโป๊ก
“ โอ๊ย นายนี่หัดอ่อนโยนต่อสุภาพสตรีซะมั่งสิ...”  เธอยกมือขึ้นมาลูบหัวพลางบ่นโอยๆไปเรื่อย
“ ว่าแต่เจ้าล่ะยัยหัวฟู เจ้าชื่ออะไร..โอ๊ยนี่เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ!!!!” โฮริอันพูดที่อยู่ดีๆกลับร้อง จ๊ากด้วยแรงของเมอิที่ผูกผ้าพันแผลอย่างรุนแรง
“ ใครกันน่ะยัยหัวฟู....หัดพูดให้มันดีๆซะหน่อยนะ เมอิย่ะ ฉันชื่อเมอิ....” เมอิพูดพลางกัดฟันแน่น มันน่าโมโหจริงๆเมื่อมีคนเรียกเธอว่ายัยหัวฟู
“ .....นี่นะเหรอร่างจุติ......” โฮริอันบ่นพึมพำขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่า ร่างจุตินั้น นั่งฟังอยู่
“ อะไร....ใครคือร่างจุติ...” เมอินั่งเอ๋อไปชั่วครู่ โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเธอกลายเป็นหัวข้อในการสนทนาไปเสียแล้ว
ระหว่างที่การสนทนายังดำเนินต่อไปทั้งคู่ไม่รู้สึกตัวเลยว่า เคลเบรอสกำลังสมานแผลของมันเองจนกระทั่งหายสนิทและพร้อมที่จะโจมตีได้ทุกเมื่อ จนกระทั่ง.......
“ ระวัง!!!!!!!!!!!” โฮริอันร้องขึ้นพร้อมๆกับที่เขาอุ้มเมอิออกจากรัสมีการโจมตีของเคลเบรอส
“ บ้าจริง.....โครนอสใช้เวทย์อำมตะกับเจ้าหมาบ้านี่งั้นหรือ....”
“ เวทย์อำมตะ....โครนอส...ร่างจุติ... นี่มันเรื่องอะไรกัน...อ๊ะ!” ข้อสงสัยมากมายเกิดขึ้นในหัวของเมอิ แต่ทว่า โฮริอันได้ฟาดฝ่ามือลงบนท้ายทอยของเธอทำให้เธอหลับไปโดยไม่รู้สึกตัว
“ ขอโทษที่ต้องทำแบบนี้นะ....เมอิ” สิ้นเสียง เคลเบรอสก็วิ่งเข้ามาโจมตีอีกครั้ง โฮริอันได้แต่กระโดดหลบไปมา พลางเริ่มร่ายเวทย์แบบเดียวกับที่ทอร์ส่งเขามาที่นี่
“ จงนำพาข้ากลับสู่โลกเดิม ประตูมิติจงเปิดออก... ไดเมนชั่น!!!!” กระจกบานใหญ่เริ่มเปล่งแสงออกมา สะท้อนให้เห็นอีกด้านหนึ่งของกระจก ทุ่งหญ้าสีเขียวขจี สวนดอกไม้หลากพันธุ์ สายลมอ่อยที่พัดมาโดนหน้าเมอิ ปลุกให้เธอตื่นขึ้นอีกครั้ง
“บอกลาโลกของเจ้าซะ ยัยหัวฟู...” โฮริอันเมื่อเห็นเมอิได้สติแล้ว จึงวิ่งตรงไปที่กระจกนั้นไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้เมอิที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานั้น หลับตาปี๋
ร่างของเมอิและโฮริอันค่อยๆหายไปในกระจก เหมือนกับที่เคลเบรอสออกมาจากกระจก
“ ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งกระจก...” โฮริอันกล่าวขึ้นก่อนที่จะกลืนหายไปกับเนื้อกระจกทิ้งให้เมอิได้แต่อึ้งกิมกี่อยู่กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
....ทั้งคู่หายไปราวกับไม่เคยมีคนอยู่ ทิ้งให้ความเงียบเข้าปกคลุมค่ำคืนที่แสนประหลาด เหตุการณ์ทั้งหมดราวกับว่าเป็นเพียงแค่ฝันเท่านั้น...
      ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~ + ~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น