ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ My Hero Academia ] Link & Wave

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 63



     

    นิยามของฮีโร่คืออะไร ในความคิดของผม ฮีโร่คือคนที่ต้องปกป้อง ดูแล และช่วยเหลือประชาชน ทั้งจากภัยธรรมชาติ และจากวินเลิน เอาง่ายๆคือคนที่แย่งงานพวกตำรวจกับกู้ภัยไปจนหมดนั่นแหละ ปัจจุบันนี้ประชากรบนโลกกว่า80%มีพลังพิเศษที่เรียกว่าอัตลักษณ์รวมไปถึงพวกอาชญากรด้วยเช่นกัน อาชีพฮีโร่จึงได้เกิดขึ้นมาเพื่อปราบปรามเหล่าอาชญากรที่เรียกว่าวินเลิน อาชีพฮีโร่เริ่มมารุ่งเรืองในยุคของออลไมท์ผู้เป็นตำนานที่ยังมีชีวิต ฮีโร่ที่ช่วยคนเป็นพันจากมหัตภัยด้วยตัวคนเดียว 

    แน่นอนว่านอกจากผู้ประสบภัยที่จะรอดมาได้เพราะเขาแล้ว โรงเรียนที่เขาจบมาก็ได้รับชื่อเสียงในทางที่ดีตามมาเช่นกัน โรงเรียนยูเอกลายเป็นโรงเรียนเตรียมฮีโร่อันดับหนึ่งที่นักเรียนส่วนใหญ่อยากจะเข้ามาเรียนเพื่อเป็นโปรฮีโร่ในอนาคต

     

     

    "อย่าเอาเท้ามาวางไว้บนโต๊ะเรียนแบบนี้สิ!!"

    "หา?"

    "ไม่รู้สึกผิดต่อรุ่นพี่ของยูเอหรือผู้ที่สร้างโต๊ะตัวนี้ขึ้นมาบ้างเลยรึไง?"

    "ไม่มีหรอกเฟ้ยของแบบนั้นน่ะ ว่าแต่แกมาจากโรงเรียนอะไรวะ?"เสียงเถียงกันของคนสองคนที่ดูจะต่างกันสุดขั้วทำเอาผมรู้สึกหงุดหงิด แต่พอหันไปมองฝาแฝดของตัวเองที่ยังคงนั่งอ่านหนังสือเงียบๆเมินพวกเขาอย่างไร้เยื่อใยก็ทำเอาผมขี้เกียจจะสนใจไปด้วย

    ผมคือเซ็ทสึโซคุ ส่วนฝาแฝดที่นั่งข้างผมชื่อว่าเฮโซคุ พวกผมเป็นเด็กโควต้าพิเศษเหมือนกับอีกสองคนในห้องนี้ ที่จริงเด็กโควต้าควรจะมีไม่เกิน2คน แต่ปีนี้เพิ่มมาเป็นพิเศษเพื่อพวกผมที่ใช้เส้นโดยเฉพาะ แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าพวกผมไม่เจ๋งจริงก็ไม่มีทางที่โรงเรียนระดับประเทศอย่างยูเอจะยอมรับเข้ามาในฐานะเด็กโควต้าหรอกนะ เสียชื่อโรงเรียนฮีโร่อันดับหนึ่งกันพอดี พวกผมได้รับการทดสอบความสามารถคล้ายๆกับเด็กคนอื่นๆ แค่สอบก่อนและบังคับว่าต้องสู้กับตัว0คะแนนอย่างน้อยคนละตัว ซึ่งพวกผมก็ทำได้

    เริ่มเปิดเทอมวันแรกก็น่าหนวกหูอย่างที่คิด ห้องAมีแต่พวกหัวกะทิไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แค่ดูก็รู้ว่าคนในนี้ส่วนใหญ่ค่อนข้างอีโก้สูงพอตัว จะมีเรื่องตีกันตั้งแต่วันแรกก็ไม่แปลก แต่ถ้ายังไม่หยุด ผมนี่แหละจะเป็นอีกคนที่ไปร่วมวงด้วย 

    "หือ?"อยู่ๆหนึ่งในนั้นก็หันไปมองที่ประตู คนใส่แว่นที่เถียงกับเขาอยู่ก็เลยหันไปมองตาม ผมและคนอื่นๆในห้องเลยเริ่มทำแบบเดียวกัน ที่ประตูมีชายผมสีเขียวท่าทางขี้อายยืนอยู่ตรงนั้น เขาดูประหม่า มีท่าทีเก้ๆกังๆเหมือนไม่รู้จะทำยังไง แต่ไม่นานชายใส่แว่นคนเดิมกับสาวผมบ๊อบก็ไปคุยกับเขา ส่วนคนหัวฟูที่เถียงกับนายแว่นเมื่อกี้ก็ทำหน้าเหมือนสงสัยอะไรสักอย่าง จากที่ดู สามคนนั้นคงรู้จักกับนายหัวเขียวไม่มากก็น้อย เอาเถอะ ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องสนใจ

    "ถ้าจะเล่นเป็นเพื่อนกันล่ะก็ ช่วยไปเล่นที่อื่นเลยไป"เสียงแหบพร่าที่พูดขัดวงสนทนาทำให้ผมต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง เห็นทั้งสามคนที่อยู่หน้าประตูดูจะเหวอนิดหน่อย พอมองออกไปก็จะเห็นคนในถุงนอนสีเหลืองนอนอยู่ข้างหน้าประตูทำเอาผมเหวอตามไปอีกคน

    ดักแด้? โรงเรียนยูเอขึ้นชื่อเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาไม่มีทางที่คนนอกจะเข้ามาได้ หมายความว่าดักแด้- ไม่สิ คนๆนี้เป็นอาจารย์งั้นเหรอ?

    สักพักเขาก็ยืนขึ้นแล้วลอกคราบออก ผมหมายถึงออกมาจากถุงนอน พอเห็นสภาพของเขาผมก็ได้ไปถึงบางอ้อทันที ผมยาวรุงรัง หนวดเคราไม่ได้โกน ขอบตาดำคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอน คนแบบนี้ผมรู้จักอยู่แค่ไม่กี่คน และหนึ่งในนั้นก็คือเขา อาจารย์ไอซาวะ ผู้ที่เป็นทั้งฮีโร่และอาจารย์ของโรงเรียนยูเอ ผมเคยเจอกับเขาตอนที่ไปทดสอบความสามารถ ไม่ได้ทักทายหรือรู้จักกันเป็นพิเศษ ตอนนั้นรู้แค่ว่าเขาเป็นหนึ่งในอาจารย์ที่มาดูการทดสอบของพวกผมเท่านั้น

    "อาจจะกระทันหันไปหน่อย แต่เอานี่ไปแล้วลงไปที่สนามซะ"หลังจากที่เขาบ่นและแนะนำตัวเสร็จ ก็หยิบชุดกีฬาจากในถุงนอนมาให้พวกเราพร้อมบอกตามเขาไปในขณะที่พิธีปฐมนิเทศกำลังจะเริ่ม แถมเขายังไม่เปิดโอกาศให้พวกเราได้ถาม ให้ชุดเสร็จก็เดินนำพวกเราไปโดยไม่รอ

    คนอื่นๆก็คงทั้ง.งงทั้งสงสัยพอๆกับผม แต่ก็ไม่มีใครบ่นอะไรออกมา พอได้ชุดผมกับเฮโซมุ่งหน้าไปที่ห้องน้ำทันที แต่เด็กหนุ่มผมเขียวดันถามขึ้นมาว่า

    "อ เอ่อคือ...ไม่เปลี่ยนชุดกันเหรอครับ?"บางคนก็หันมามองพวกผมเหมือนกับเขา เหมือนจะได้ยินคุยกันก่อนหน้านี้ว่าพวกผู้ชายจะเปลี่ยนชุดแล้วนำไปก่อน เสร็จแล้วค่อยให้พวกผู้หญิงมาเปลี่ยนข้างในกัน แต่เพราะเหตุผลส่วนตัวพวกผมเลยไม่ค่อยอยากจะถอดเสื้อผ้าให้คนอื่นเห็นสักเท่าไหร่

    "จะไปเปลี่ยนที่ห้องน้ำน่ะ"ผมหันไปยิ้มและตอบแค่นั้นก่อนจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับเฮโซในห้องน้ำชายแล้วลงไปที่สนาม 

     

     

    พอมากันครบ สาวผมบ๊อบก็ได้เปิดประเด็นขึ้นมาถามเรื่องพิธีประถมนิเทศที่กำลังจะเริ่มขึ้น อาจารย์ก็อธิบายว่าโรงเรียนยูเอนั้นค่อนข้างอิสระ รวมถึงพวกอาจารย์เองก็เช่นกัน

    "ตอนสอบเข้าภาคปฏิบัติ คนที่ได้อันดับสูงสุดคือบาคุโกะใช่มั้ย ตอนม.ต้นเคยขว้างลูกซอฟต์บอลได้กี่เมตร?"หลังจากบ่นอะไรของแกไปเรื่อยเขาก็หันมาถามคนหัวฟูที่มีเรื่องกับหนุ่มแว่นเมื่อเช้านี้

    "67เมตรครับ"

    "ก็ดี งั้นทีนี้ลองขว้างใหม่โดยใช้อัตลักษณ์ของเธอด้วย"เขาพูดพร้อมกับโยนลูกซอฟต์บอลให้บาคุโกะ คงจะทดสอบสมรรถภาพทางกายที่แท้จริงเราเพื่อเอาไปเป็นข้อมูลประกอบการสอนล่ะมั้ง

    "เร็วๆล่ะ ขอแบบเต็มแรงเลยนะ"

    "...ถ้างั้นก็.."บาคุโกะยืดตัวนิดหน่อยก่อนที่จะตั้งท่า ขว้างลูกบอลแล้วตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงจนกลบเสียงระเบิดที่น่าจะเป็นอัตลักษณ์ของเขา

    "ตายซะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

     

    ตู้มมมมมมมมม!!!!

     

    ผมถึงกับไปไม่เป็น สาบานซิว่าไอ้หมอนี่อยากเป็นฮีโร่จริงๆ แต่ละคำที่พูดมานั่นมันไม่ใช่เลยนะ ไหนจะพฤติกรรมก้าวร้าวนั่นอีก เหลือเกินจริงๆ แต่พอเห็นระยะทางที่เขาทำได้ ไหนจะที่อาจารย์บอกว่าจะทดสอบสมรรถภาพของทุกคนโดยอนุญาติให้สามารถใช้อัตลักษณ์ได้อย่างเต็มที่ ทุกคนก็เปลี่ยนท่าทีเป็นตื่นเต้นกันใหญ่อยากลองทำบ้าง แต่ไม่ทันไรก็โดนอาจารย์พูดดักขึ้นมาว่าจะเป็นฮีโร่ด้วยความคิดแบบนั้นไม่ได้

    "คนที่ได้คะแนนต่ำสุดจาก8การทดสอบฉันจะถือว่าไม่มีแวว และลบชื่อออกจากฐานข้อมูลเลยก็แล้วกัน"

    "หา!!!!!?!!?!"ทุกคนโวยออกมาทันที สาวผมบ๊อบคนเดิมก็ออกมาคัดค้านแล้วมาบอกว่าไม่ยุติธรรมเพราะนี่มันพึ่งวันแรกของการเปิดเทอม อาจารย์ก็อธิบายกลับไปว่าศัตรูของฮีโร่นั้นไม่มีทางเล่นตามกติกาอยู่แล้ว ซึ่งมันก็จริง อาชีพฮีโร่เป็นอาชีพที่เสี่ยงอันตราย ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสมอ คนที่เป็นฮีโร่ต้องพร้อมรับมือความกดดันทุกสถานการณ์เพื่อช่วยเหลือผู้คนไม่ว่าจะจากภัยพิบัติธรรมชาติหรือพวกวินเลิน ถ้าทำเป็นเล่นเกิดมีคนตายขึ้นมาคงจบไม่สวยแน่ ถ้าอยากจะปลูกฝังความเป็นฮีโร่มันก็ควรจะทำเสียตั้งแต่ตอนนี้ อาจารย์เองก็คงคิดแบบนั้น

    ในช่วงที่อาจารย์กำลังอธิบายทผมได้เอามือไปเนียนแตะบาคุโกะ เฮโซ และคนอื่นๆอีก3คน หลังจากนั้นไม่รานก็เริ่มการทดสอบ อย่างแรกคือวิ่ง50เมตร แต่ละคนเรียกว่าทำสถิติได้ดีมาก อัตลักษณ์ที่น่าสนใจก็มีไม่น้อย แต่ยืนมองไม่ทันไรก็ถึงตาผมกับเฮโซ พวกเรายืนประจำที่ ก่อนเริ่มวิ่งผมกับดันแปะมือกัน และทันใดนั้นเสียงนกหวีดก็ดังขึ้น

     

    ปี๊ดดดดดดด!!!

     

    ตู้มมมๆๆๆ!!! ฟิ้วววววว!!!!

     

    พวกผมกับเฮโซออกตัวมาพร้อมกัน ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น เพราะถึงเฮโซจะไม่ได้ใช้อัตลัตษณ์ก็วิ่งไวมาก อัตลักษณ์ของเขาต้องใช้แรงมหาศาลทำให้เขาฝึกกำลังแขนและขามาอย่างดี ส่วนผมไม่ได้วิ่ง แต่ใช้อัตลักษณ์ระเบิดในการสร้างแรงถีบตัวไปข้างหน้า ทุกคนดูจะตกใจเมื่อได้เห็นอัตลักษณ์ที่ผมใช้ แต่คนที่ตกใจที่สุดคงจะเป็นบาคุโกะ เพราะผมกำลังใช้อัตลักษณ์แบบเดียวกับเขาเป๊ะ

    "4วินาที 5.9วินาที"

    "ให้ตายสิ นึกว่าจะทำได้ดีกว่านี้ซะอีก!!"ผมบ่นออกมาด้วยความเจ็บใจ ถ้าความคุมได้ดีน่าจะได้สัก3.5วิ แต่ครั้งแรกจะให้ทำได้ตามเป้าก็ดูจะยากไปหน่อย แถมอัตลักษณ์ของระเบิดก็รุนแรงใช่ย่อย ไม่อยากนึกเลยถ้าผมไม่มีความสามารถของอัตลักษณ์ช่วย มือของผมจะเป็นยังไง

    "ครั้งแรกได้ขนาดนี้ก็ดีแล้วนี่"เฮโซพูดขึ้นมาโดยที่ไม่คิดอะไร แต่คำพูดนั้นมันทำให้เจ้าของอัตลักษณ์ที่กำลังเดินจ้ำอ้าวมาหาผมด้วยท่าทางหัวเสียคงยิ่งมีท่าทีหงุดหงิดกว่าเดิม คงเพราะสงสัยเป็นทุนเดิมอยูาแล้ว ยิ่งได้ยินคำพูดของเฮโซคงยิ่งมั่นใจกับความคิดของตัวเอง

    "เห้ย ที่ว่าครั้งแรกนั่นมันหมายความว่าไงวะไอ้ดำ!!!"คุยกันครั้งแรกก็เหยียดกันเลยนะ นั่นปากคนหรือปากสุนัขวะครับ น่าตบจริงๆ

    "ดูดีๆ ผิวฉันเป็นสีแทนไม่ใช่สีดำ ตาบอกสีรึไง?"ผมตอบพร้อมทำหน้าแบบ 'แค่นี้ก็ไม่รู้?' จนบาคุโกดูจะหัวเสียกว่าเดิมแต่ผมก็หาได้สนใจไม่ ก็เขาว่าผมก่อนนี่

    "ตอบคำถามฉันมาสิวะ!!!"ดุเหลือเกิน นึกว่าหมาชิวาว่า น่ากลัวซะ

    "ก็ต้องครั้งแรกสิ"ผมพูดพร้อมกับยื่นมือขึ้นมาเพื่อโชว์อัตลักษณ์ให้พวกเขาดู ที่นิ้วมือทั้งห้าของผมค่อยๆปรากฏเส้นบางๆคล้ากับด้ายที่มีสีฟ้าเรืองแสง หนึ่งในนั่นมีจุดเชื่อมอยู่ที่กลางหน้าอกของบาคุโกและคนอื่นๆอีก4คน หนึ่งในนั้นก็คือเฮโซที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆผม

    "อ อะไรวะเนี่ย!?"

    "อัตลักษณ์ของฉันคือLink ฉันสามารถเชื่อมต่อกับคนที่ฉันสัมผัสได้ ภาพ เสียง และความคิดของคนที่ฉันเชื่อมต่อจะถูกถ่ายโอนมาให้ฉัน รวมถึงอัตลักษณ์ด้วยเช่นกัน ตอนที่เชื่อมต่อกัน สมรรถภาพทางกายกับอัตลักษณ์จะถูกเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น10%ทั้งฉันและคนที่Linkกัน จะเรียกว่าบัฟก็ได้ ยิ่งลิงก์กันหลายคนเปอร์เซ็นการบัฟก็จะเพิ่มขึ้นตามจำนวนคน"ผมอธิบายแบบย่อที่สุดเท่าที่จะย่อได้ เพราะอัตลักษณ์ของผมมันมีข้อดีและข้อเสียหลายอย่าง จะให้บอกทั้งหมดก็เกินความจำเป็น โรงเรียนยูเอมีการแข่งกีฬาสีระดับประเทศทุกปี ไม่มีทางที่ผมจะยอมบอกว้ธีแก้ทางให้คนอื่นรู้ง่ายๆหรอกน่า

    "งั้นที่นายแปะมือกับฝากแฝดก่อนแข่งก็?"

    "ฉันLinkกับเขาเพื่อบัฟให้เขาอีกทีน่ะ อัตลักษณ์ของเขาไม่เอื้อในการทดสอบพวกนี้ แถมที่ฉันทำไปก็เพื่อใช้อัตลักษณ์ของตัวเอง ไม่ได้ผิดกฏตรงไหนนี่จริงมะ?"หันไปตอบสาวผมบ๊อบพร้อมพูดแก้ต่างก่อนที่จะมีคนบอกว่าผมกับน้องชายพากันโกง พวกผมไม่ผิดสักหน่อย ในเมื่ออาจารย์เป็นคนบอกให้ใช้อัตลักษณ์ได้เต็มที่ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกั๊กไว้นี่

    "หึ...นึกว่าอะไร ที่แท้ก็ไอ้กระจอกที่มีอัตลักษณ์ก็เหมือนไม่มีเหมือนกับไอ้เดกุ!!"

    "นี่นาย!! พูดแบบนั้นกับเพื่อร่วมห้องได้ยังไงกัน!!?"อีดะทำท่าจะตีกับบาคุโกะอีกรอบ ผมไม่ชอบดูคนตีกันนักเลยรีบห้ามก่อนที่จะมีปัญหาขึ้นมาจริงๆ

    "ช่างเถอะ ปล่อยเขา ไอ้ที่เขาพูดมาก็ไม่ผิดหรอก ถ้าไม่ได้ลิงก์กับคนอื่นฉันเองก็ไม่ต่างอะไรกับคนไร้อัตลักษณ์"ผมพูดด้วยท่าทีเสียใจเหมือนเจ็บปวดกับที่บาคุโกะพูด ก่อนที่จะเปลี่ยนมาพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งตามปกติและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    "แต่พวกนายก็คงจะเห็นการวิ่งของเฮโซแล้ว แค่การลิงก์ของฉันเขาก็สามารถวิ่งได้ไวขึ้นมาก พวกฉันแข็งแรงพอๆกัน ตัวก็เท่าๆกัน ถ้าแค่วิ่งอย่างเดียวโดยไม่ใช้อัตลักษณ์ของบาคุโกะที่ฉันลิงก์มา ฉันเองก็จะได้สถิติพอๆกับเขา แต่อาจารย์ไอซาวะบอกให้ใช้อัตลักษณ์ได้เต็มที่ และการใช้อัตลักษณ์ของคนที่ลิงก์มาก็เป็นความของสามารถของอัตลักษณ์ของฉันเช่นกัน ทุกคนจริงจังกับการทดสอบขนาดนี้ ฉันไม่อยากจะออมมือให้หรอกนะ"ได้ยินแบบนั้นบาคุโกะก็ทำเพียงแค่ยืนกำหมัด ยังไม่ทันจะโวยวาย อาจารย์ไอซาวะก็เรียกให้เขาไปทำการทดสอบเป็นคู่สุดท้าย ก่อนที่จะไปเขาก็ได้ชี้หน้าผมแล้วพูดว่า

    "ตอนที่ฉันทดสอบแกห้ามใช้บัฟของแกกับฉัน ไม่งั้นฉันฆ่าแกแน่!!"โห ที่พูดมานั่นเพราะศักดิ์ศรีที่ค้ำคอ หรือทิฐิที่ไม่ต้องการให้ใครช่วยกันล่ะนั่น แต่ผมก็ไม่ได้ไม่ชอบคนแบบนี้หรอกนะ

    เดี๋ยวก่อน ผมไม่ได้พิศวาสไอ้ชิวาว่าขี้โวยวายนี่หรอกนะ ผมก็แค่ชอบนิสัยของเขาที่ไม่อยากให้ใครมาช่วยในสิ่งที่เขาต้องพยายามด้วยตัวเองก็เท่านั้น

    "ต่อให้ไม่ขอฉันก็คิดจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว"

     

    เปรี๊ยะๆๆๆๆ

     

    พูดจบผมก็ดึงด้ายเรืองแสงที่เชื่อมต่อระหว่างผมกับอีก5คนขาดออกจากกัน มันไม่ขาดง่ายขนาดนี่หรอกถ้าผมไม่ได้เป็นคนดึง ถ้าจะตัดสายนี่ล่ะก็ต้องใช้ของที่คมหรือใช้แรงที่มากพอที่จะตัดหรือทำลายแร่ที่มีความแข็งระดับ7 ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คืออัตลักษณ์ของเฮโซนั่นเอง 

    บาคุโกะเห็นแบบนั้นก็เดินไปทดสอบของตัวเองโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก บทจะนิ่งก็นิ่งใจหายดีจริงๆ

    "ในเมื่อสามารถใช้อัตลักษณ์ของคนที่ลิงค์ได้ทำไมไม่ลิงก์กับอิดะคุงแทนละ?" สาวผมบ๊อบถาม ในการทดสอบก่อนหน้านี้เธอใช้มือแตะรองเท้ากับเสื้อผ้าพร้อมพูดประมาณว่า 'ทำให้เบาลง' ปัจจัยที่ทำให้ของมีน้ำหนักคือ มวลและแรงโน้มถ่วง อาจจะสามารถควบคุมอย่างใดอย่างหนึ่งได้ หรืออาจจะทั้งสองอย่าง บางทีอาจจะเรียบง่ายกว่านั้นก็คือสามารถควบคุมน้ำหนักของสิ่งของได้ ไม่รู้ว่าใช้ได้กับสิ่งมีชีวิตรึเปล่า ข้อมูลยังไม่พอแต่ก็เป็นอัตลักษณ์ที่ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว 

    ส่วนคนที่เธอเรียกว่าอิดะน่าจะเป็นคนใส่แว่นที่เถียงกับบาคุโกะก่อนหน้านี้ เขาเป็นคนที่มีอัตลักษณ์เกี่ยวกับความเร็ว ที่น่องขาของเขาจะมีเครื่องยนต์คล้ายๆท่อไอเสียอยู่ ตอนที่ใช้อัตลักษณ์ท่อของเขาของเขาจะยืดออกมา คิดว่าสิ่งที่เป็นพลังในการขับเคลื่อนและทำให้เกิดเสียงคงเป็นน้ำ เพราะก่อนหน้านี้ผมเห็นเขากินน้ำก่อนที่จะทำการทดสอบ คิดว่าน่าจะเป็นการเติมเชื้อเพลิงให้เต็มถังมากกว่าจะดื่มแก้กระหาย สิ่งที่ถูกปล่อยออกมาจากท่อคล้ายๆลมนั่นน่าจะเป็นไอน้ำที่ระเหยจากข้างในล่ะมั้ง

    "ฉันสามารถใช้ได้แค่อัตลักษณ์ของคนแรกที่ฉันลิงก์ด้วยเท่านั้น ฉันแอบลิงก์กับบาคุโกเป็นคนแรกเพราะเขาเป็นคนเดียวที่ฉันรู้อัตลักษณ์ และเห็นว่าอัตลักษณ์ของเขาเอื้อกับการทดสอบ ส่วนอิดะฉันก็พึ่งรู้อัตลักษณ์ของเขาก็ตอนที่เขาทดสอบไปแล้ว ซึ่งเขาและฉันอยู่ก็กันคนละฝั่ง อยู่ดีๆจะให้ฉันเดินไปแตะตัวเขาหน้าตาเฉยพวกเธอไม่คิดว่ามันจะดูแปลกๆเหรอ?"พอได้ยินผมพูดแบบนั้นคนอื่นๆที่นึกภาพตามต่างก็เริ่มทำหน้าเหยเก ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะถ้าผมเห็นคนทำขึ้นมาจริงๆผมก็คงจะทำหน้าเหมือนกับพวกเขานี่แหละ

    หลังจากนั้นบาคุโกะก็ทดสอบเสร็จ แต่ได้สถิติน้อยกว่าผม เขาก็หันมามองผมด้วยความเจ็บใจแต่ก็ไม่ได้โวยวายแถมยังพูดอีกว่า

    "ครั้งแต่ไปฉันไม่แพ้แกแน่!!"เขาพูดพร้อมกับแบมือมาให้ผม ผมก็แปลกใจนิดหน่อย อิหรอบนี้ไม่น่าจะให้แปะมือดีใจเพราะแค่สีหน้าก็ไม่ใช่แล้ว หรือเขาจะให้ผมลิงก์กับเขา?

    "จะดีเหรอ แบบนั้นฉันก็จะได้ใช้อัตลักษณ์ของนายตอนที่ถูกบัฟในการทดสอบนะ ไม่รู้สึกไม่แฟร์รึไง?"ผมถาม ทีแรกคิดว่าเขาจะโวยวายแถมยังพูดสิ่งที่ทำให้ผมชะงัก

    "ฉันจะชนะแกด้วยพลังของฉันให้ดู ฉันจะทำให้แกได้เห็นว่าต่อให้แกจะใช้อัตลักษณ์ของฉันที่ถูกบัฟมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางเอาชนะฉันได้อยู่ดี!!!"คนอื่นพอรู้ว่าผมสามารถใช้อัตลักษณ์ของเขาได้ก็แทบจะหมดความมั่นใจ ยิ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ถูกบัฟความมั่นใจยิ่งถูกบั่นทอน แม้ว่าเขาจะสามารถใช้เวอร์ชั่นบัฟได้แต่กว่าพวกเขาจะใช้อัตลีกษณ์กันอย่างคล่องแคล่วก็ต้องใช้เวลาฝึกฝน ในขนะที่ผมแค่มองก็สามารถทำใช้ได้อย่างคล่องแคล่วภายใน1หรือสองครั้ง พวกที่ปากดีอีโกสูงที่คิดว่าตัวเองเก่ง และอยากเอาชนะแบบบาคุโกก็มีไม่น้อย แต่สุดท้ายร่างก็มีสภาพเหมือนกับคนอื่นๆ ต่อให้ออมมือให้ก็โดนดูออกอย่างง่ายดายแล้วก็จบแบบเดิม

    ถ้าผมรับคำท้าเขาจะทำได้อย่างที่ปากว่ารึเปล่า หรือจะหมดมั่นใจในตัวเอง ถ้าผมออมมือเขาก็คงจะดูออกได้ไม่ยาก เพราะถึงเขาจะดูเหมือนพวกใช้แต่กำลังในการตัดสินปัญหาแต่การที่เขาสะกิตใจกับคำพูดของดันเป็นหลักฐานว่าเขาก็ไม่ได้โง่ เพราะแบบนั้นผมถึงไม่ค่อยอยากรับคำท้า

    การทำให้คนอื่นหมดความมั่นใจได้ง่ายๆกลายเป็นอีกความสามารถหนึ่งของผมไปแล้ว

    "ลังเลอะไรอยู่ หรือแกกลัวแพ้วะไอ้ดำ"บาคุโกะพูดพร้อมฉีกยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจว่าเขาเหนือว่าและไม่มีทางแพ้ผมแน่ ถ้าผมทำให้ความมั่นใจของเขาหายไปอีกคนผมคงจะรู้สึกผิดกับเขา แต่การดูถูกว่าเขาทำไม่ได้ทั้งที่ยังไม่ได้ลองทำมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรเช่นกัน

    "ก็เอาสิ แต่มีเงื่อนไขว่าคนแพ้ต้องทำตามคำสั่งของคนชนะหนึ่งอย่าง"ผมฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนทุกทีที่มีแผนดีๆในใจ จนบาคุโกชะงักไปนิดหน่อย คงไม่คิดว่าผมจะเสนออะไรแบบนี้

    "ทำไม รึว่านายกลัวแพ้ล่ะคุณอันดับหนึ่ง?"ผมย้อนคำพูดของเขากลับไป ทำให้เขาโวยวายขึ้นมาด้วยความไม่พอใจเพราะผมพูดเหมือนดูถูกเขา

    "ห๊า!? คนที่จะแพ้คือแกต่างหากล่ะไอ้ดำ!!!"

    "จะรอดูนะครับคุณที่หนึ่ง^^"

     

    แปะ!!!

     

    ผมแปะมือกับเขาก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเตรียมตัวสำหรับการทดสอบต่อไป หลังจากนั้นก็จะมีการทดสอบอีกมากมาย ผมไม่ได้ใช้อัตลักษณ์ของบาคุโกะช่วยเลยยกเว้นการกระโดด ซึ่งก็ใช้วิธีเดียวกันกับตอนวิ่งนั่นแหละ แถมผมยังหลุดโฟกัสกับการแข่งขันอีกต่างหาก เพราะนายหัวเขียวที่ขึ้นห้องมาเป็นคนสุดท้ายเขาดูร้อนรนแถมยังไม่ได้ใช้อัตลักษณ์เลยสักครั้งแม้จะผ่านมา5การทดสอบแล้วก็ตาม ค่าสถิติที่ทำออกมาก็ธรรมดามาก หรือเขาจะเป็นเดกุที่บาคุโกเคยพูดถึงตอนที่บอกว่าผมเหมือนคนไร้อัตลักษณ์? เป็นไปได้เหรอที่คนไร้อัตลักษณ์จะสามารถสอบปฏิบัติผ่านแถมยังเข้าห้องAได้อีก หรือบางทีอัตลักษณ์ของเขาจะไม่เหมาะกับอะไรแบบนี้เหมือนกับเฮโซ?

    ผมได้แต่สงสัยเพราะมีข้อมูลไม่มากพอ หรือต่อให้ไปแตะตัวเขาก็เท่านั้นเพราะผมไม่รู้ว่าเขามีอัตลกษณ์รึเปล่าด้วยซ้ำ หรือถึงมีก็ไม่รู้ว่าจะใช้ยังไง จนมาถึงการขว้างบอล เขาดูเครียดหนัก ก่อนที่เขาจะขว้างบอลแววตาของเขาเหมือนเตรียมใจจะทำอะไรสักอย่าง แล้วตอนนั้นผมก็ได้เห็นแสงสว่างวาบขึ้นที่แขนของเขาตอนที่กำลังจะขว้าง!!

     

    ขวับ! ตุบ…

     

    "...ห๊ะ?"งงสิครับ งงกันหมดทั้งเขาทั้งเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ รวมถึงผมด้วย ไอ้แสงสว่างวาบเมื่อกี้นี่มันอะไร บัพปาหี่รึไง ทำไมไม่เห็นจะทำอะไรได้เลย หรือมีเหตุผลบางอย่างทำให้อัตลักษณ์ใช้ไม่ได้ผลงั้นเหรอ

    "ฉันลบอัตลักษณ์ของเธอเองแหละ"อาจารย์ไอซาวะพูดขึ้นเพื่อไขข้อสงสัยของพวกเรา แต่คนที่เขาพูดด้วยน่าจะเป็นเดกุมากว่า ดวงตาสีดำของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงสว่างวาบ เส้นผมสีดำลอยขึ้นราวกับไร้แรงโน้มถ่วง เช่นเดียวกับผ้าสีขาวที่เขาใช้พันคอที่ตอนนี้ลอยอยู่รอบตัวเขา เผยให้เห็นแว่นกันลมสีเหลืองที่ถูกห้อยเอาไว้ที่คอ

    "การสอบน่ะมันไร้เหตุผลสิ้นดี ที่ปล่อยให้คนอย่างเธอผ่านเข้ามาได้"เสียงของเขาแสดงถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ที่ผมสงสัยคือทำไมเขาถึงโดนึลบอัตลักษณ์อยูคนเดียว ความเป็นไปได้ที่พอจะนึกออกก็มีอยู่แค่สองอย่างเท่านั้น 

    อย่างแรกคือเขาไม่เหมาะสมที่จะเป็นฮีโร่ ตลอดการทดสอบเขาไม่มีความมั่นใจและดูวิตกจริตตลอดเวลา ถ้าไปอยู่ในสนามจริงคงโดนสอยคนแรกเพราะมัวแต่คิดไม่ทำอะไ หรือต่อให้ทำได้ก็ไม่ทันการ เพราะเขาไม่มีความมั่นใจ กว่าจะได้ทำอะไรเขาก็คงจะเอาแต่ลังเล ไม่มั่นใจ จนหมดโอกาศที่จะได้ลงมือทำด้วยซ้ำ 

    หรืออย่างที่สอง เขายังควบคุมอัตลักษณ์ไม่ได้แต่กลับฝืนที่จะใช้มัน ซึ่งแน่นอนว่ามีอัตลักษณ์สมายมายบนโลกที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้และคนอื่นๆ อัตลักษณ์ส่วนใหญ่สามารถฆ่าคนได้ง่ายๆ ในขณะเดียวกันมันก็สามารถสร้างความเสียหายหรือภาระให้กับร่างกายต่อผู้ใช้จนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ผมเดาว่าน่าจะเป็นอย่างหลัง การที่เขาพยายามใช้อัตลักษณ์กับการขว้างบอลแปลว่ามันเป็นอัตลักษณ์ที่ส่งเสริมแรงดีดตัวของบอลหรือเสริมกำลังแขนของเขา อาจจะอัตลักษณ์เสริมพลัง? ถ้าแบบนั้นมันก็ควรจะเสริมส่วนอื่นๆในร่างกายได้ด้วยเช่นกัน 

    แต่การที่เขาไม่ใช้อัตลักษณ์จนถึงตอนนี้มีอยู่เหตุผลเดียวก็คือเขายังใช้ไม่คล่อง และเหตุผลที่อาจารย์ลบอัตลักษณ์ของเขาน่าจะเพราะว่าถ้าเขาใช้อัตลักษณ์มันจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ หลักฐานคืออาจารย์พูดถึงการสอบเข้าซึ่งมีการทดสอบทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ในการสอบภาคทฤษฏีร้อยทั้งร้อยต้องใช้อัตลักษณ์สักครั้งไม่งั้นคงไม่มีทางได้แม้แต่คะแนนเดียว เขาคงจะเห็นอัตลักษณ์ของเดกุและรู้ผลลัพย์ที่จะเกิดขึ้นหากเขายังฝืนใช้อัตลักษณ์อยู่เลยลบมันออกไป…

    หรือบางทีอาจจะทั้งสองอย่าง การที่อาจารย์ให้ทำการทดสอบเพราะต้องการที่จะไล่เดกุออกไปโดยที่เดกุไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะนอกจากเขาจะไม่สามารถควบคุมอัตลักษณ์ของตัวเองได้แล้ว ความลังเลและความไม่มั่นใจของเขามันจะทำให้เขาหรือคนอื่นตายได้ง่ายๆ สู้ให้เขาสวมบทเป็นอาจารย์ใจโหด ดับฝันนักเรียนประเภทนี้เสียตั้งแต่เนิ่นๆแทนที่จะปล่อยให้พวกเขาไปตายในหน้าที่

    ถ้าใช่ก็แปลว่าอาจารย์ใจดีกว่าที่เห็นภายนอก แถมยังมีสปิริตความเป็นครูเต็มเปี่ยม มองสถานการณ์ออกและรู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับตัวนักเรียน อาจจะดูเหมือนยกยอปอปั้นมาไปหน่อย แต่โชคดีจริงๆที่ได้เข้าห้องA ได้อาจารย์แบบนี้มาสอนความฝันการเป็นโปรฮีโร่ชั้นแนวหน้าก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว 

    แต่พูดก็พูดเถอะ ไปว่าแต่เดกุเรื่องคิดมา ไอ้เราท่าจะหนักกว่าด้วยซ้ำมั้งเนี่ย…

    "ลบอัตลักษณ์...อ่ะ! แว่นกันลม จริงสิ อัตลักษณ์ที่แค่มองก็สามารถลบอัตลักษณ์ของคนอื่นได้ ฮีโร่นักลบ อีเรเซอร์เฮด!!"บรรยายประดุจดั่งฉากคั่นแนะนำตัวละคร แต่บอกตามตรงว่าบรรยายมาขนาดนี้ก็ยังไม่รู้จัก คนอื่นๆก็มีท่าทีไม่ต่างกัน จากที่ดูอาจารย์น่าจะเป็นประเภทไม่ชอบออกสื่อเพราะรำคาญเลยไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไหร่ แต่ถึงขนาดนั้นเดกุก็ยังรู้ว่าเป็นใคร

     

    สุดยอดเลยแฮะ ถ้าไปเป็นหน่วยข่าวกรองน่าจะรุ่ง

     

    "เท่าที่เห็นเธอยังควบคุมอัตลักษณ์ไม่ได้เลยสินะ คิดจะทำให้ตัวเองหมดสภาพแล้วรอให้คนอื่นมาช่วยอีกรึไง"เหมือนว่าที่ผมสันนิษฐานมานั้นจะถูกต้องทั้งหมด แม้มิโดริยะจะปฏิเสธแต่ถ้าเห็นคนเจ็บยังไงก็ต้องมีคนไปช่วยอยู่ดี ฮีโร่คือคนที่ต้องปกป้องและคอยดูแล ช่วยเหลือผู้คน ถ้าดูแลตัวเองยังไม่ได้แล้วจะไปเป็นฮีโร่ได้ยังไง

    "เมื่อก่อนมีฮีโร่บ้าพลังอยู่คนหนึ่งที่ช่วยคนเป็นพันด้วยตัวคนเดียวจากมหัตภายใหญ่จนกลายเป็นตำนาน เป็นความห้าวหาญแบบเดียวกันก็จริง แต่เธอตอนนี้น่ะแค่ช่วยคนๆเดียวก็เน่ากลายเป็นตอไม้แล้ว"ไม่มีการอ้อมค้อม ทุกสิ่งที่เขาพูดและยกตัวอย่างล้วนเป็นความจริงที่เดกุพูดไม่ออก รวมถึงประโยคต่อไปด้วยเช่นกัน

    "มิโดริยะ อิสึคุ ด้วยพลังของเธอในตอนนี้น่ะยังเป็นฮีโร่ไม่ได้หรอก"ตำพูดนั้นทำให้มิโดริยะเม้มปากด้วยความเจ็บใจ เขาไม่สามารถเถียงอาจารย์ไอซาวะได้สักคำ ถึงจะเห็นใจแต่ผมมองว่าทำแบบนี้ดีแล้ว สมกับที่เป็นอาจารย์ประจำชั้นของยูเอ พูดได้ตรงประเด็นและเด็ดขาดมาก นับถือจากใจเลยจริงๆ

     

    จะว่าไปหมอนั่นชื่อมิโดริยะหรอกเรอะ ผมเรียกผิดมาตลอดเลยดิงี้...

     

    "ฉันจะคืนอัตลักษณ์ให้ การขว้างบอลน่ะทำได้2ครั้ง รีบๆทำให้มันเสร็จๆซะ"พูดจบอาจารย์ไอซาวะก็กลับไปยืนดูอยู่ที่เดิม และเงยหน้าเพื่อใช้น้ำยาหยอดตาทั้งสองข้าง หากที่มิโดริยะบอกเรื่องที่เขาสามารถลบอัตลักษณ์คนอื่นได้ด้วยการมองแปลว่ามันอาจจะมีผลเสียทำให้ตาแห้งง่าย หรือาจจะเพราะเขาไม่สามารถกระพริบตาได้ตอนที่ลบอัตลักษณ์ก็เป็นไปได้เหมือนกัน ไม่ก็อาจจะทั้งสองอย่าง 

    แต่ไม่ว่าจะแบบไหนก็เหมือนกันไม่จำเป็นที่จะต้องเจาะลึกมากหากสิ่งที่เขาทำได้มีเพียงแค่การลบอัตลักษณ์เท่านั้น ผ้าที่พันรอบคอน่าจะมีไว้ใช้ในการต่อสู้ เพราะถ้าทำได้แค่ลบอัตลักษณ์อย่างเดียวก็ซี้ม่องเท่งกันพอดี แปลว่าเขาจะต้องมีทักษะในการต่อสู้ที่สูงมากพอตัว

    เพราะมัวแต่สนใจอาจารย์ หันมาอีกทีมิโดริยะก็กำลังจะขว้างบอล แววตาของเขามุ่งมั่นเหมือนกับก่อนหน้านี้ แต่ความรู้สึกบางอย่างมันต่างออกไป

     

    ตู้มมมมมมมมมม!!!

     

    บอลถูกขว้างไปอย่างแรง เสียงบอลปะทะอากาศดังพอๆกับเสียงระเปิดของบาคุโกตอนที่ขว้างบอลเลยทีเดียว หลายคนถึงกับโห่ร้องออกมาด้วยความตกตะลึง แม้แต่บาคุโกเองก็เช่นกัน อาจารย์มองเลขที่ขึ้นมาบนหน้าจอ ก่อนที่จะหันไปตามเสียงเรียกของมิโดริยะ

    "อาจารย์..."หน้าของเขาดูอดทนอดกลั้นพยายามไม่ร้องออกมาอย่างเต็มที่ ในขณะที่นิ้วชี้ของเขาบวมแดง กระดูกน่าจะหักจากการใช้อัตลักษณ์ ไม่แปลกใจที่อาจจาร์ยจะห้ามไว้ แต่ถ้าพลังระดับนั้นส่งผลแค่นี้ยังไงก็น่าจะช่วยได้มากกว่าหนึ่งคนสิ 

    "ผมยัง...ขยับได้อยู่ครับ!!"คำพูดของเขาทำให้ผมประทับใจขึ้นมา จากที่ก่อนหน้านี้ผมมองว่าเขาเป็นพวกที่เอาแต่ลังเลทำอะไรไม่ทันใครเขาก็ได้เปลี่ยนมุมมองผมใหม่ภายในเวลาไม่นาน ไม่ยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ แก้สถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และแม้ว่าตัวเองจะบาดเจ็บแค่ไหนก็จะทำให้ได้ 

     

    โคตรเท่เลย ไอ้หมอนี่มันฮีโร่ของจริงเลยนี่หว่า!!!!!

     

     

     

     

    tbc.

     

    เขียนไปเขียนมาพึ่งนึกได้ บทแฝดน้องมันแทบไม่มีเลยนี่หว่า…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×