คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : C ' S U N B A E Chapter 4 : ไม่จบง่ายๆ
C’SUNBAE Chapter : 4
‘ไม่จบ’
สิ้นสุดประโยคคำถามที่ดูกลายๆแล้วออกจะไปในทางข่มขู่หาเรื่องซะมากกว่าทำให้คนถูกถามไม่ได้รู้สึกอยากจะตอบซักเท่าไหร่ กลับกันยิ่งทำให้ใบหน้าที่ดูเอาเรื่องเอาราวเมื่อครู่ดูเจื่อนลงไปถนัดตาอย่างเห็นได้ชัดซะจนถ้าเจ้าตัวมาเห็นเองคงอับอายไม่กล้าสู้หน้าคนอื่นไปวันสองวัน
“ร..รุ่นพี่!!!”
“เก็บปากมึงไว้ กูไม่ใช่ไอ้เอ็น” ร่างสูงพูดพลางปล่อยมือจากกำปั้นที่ตอนนี้ดูจะสั่นเล็กน้อยลงอย่างไม่สนใจ คนที่มีชื่อในประโยคเมื่อครู่เดินออกมาประจันหน้าพลางดันลูกน้องตัวเองไปด้านหลังหลังจากยืนกอดอกมองเหตุการณ์ที่กำลังจะเป็นตามที่คิดแต่ก็พังลงเพราะความสาระแนของไม้เบื่อไม้เมาตลอดชาติอย่างไม่สบอารมณ์แต่ก็ต้องเก็บไว้ภายในใจ
“มึงมายุ่งอะไร” น้ำเสียงโทนปกติที่แสดงออกหากแต่คนที่ยืนจ้องหน้าอยู่ตรงกันข้ามรู้ดีว่ามันแฝงไปด้วยความหงุดหงิดเต็มที สายตาทั้งสองที่สบประสานกันถ้าให้จินตนาการว่าเป็นเครื่องปั่นไฟตอนนี้ก็คงจะเห็นไฟฟ้าสองสายมาปะทะกันตรงกลางเป็นแน่
“กูมาทวงสิทธิ์ที่กูต้องได้”
“สิทธิ์เหี้ยอะไร?” เมื่อสายตาไม่เข้าใจถูกส่งมาให้ ฝ่ามือหนาจึงเอื้อมไปจับแขนคนที่ยืนอยู่ด้านหลังโดยไม่หันไปมองก่อนจะดึงมาให้อยู่ในระนาบเดียวกันราวกับบอกแทนคำตอบว่าสิทธิ์อะไรที่ว่านั่นเกี่ยวกับบุคคลข้างๆตัวตอนนี้
“ที่มึงจะขอกับเด็กคนนี้”
“. . . . .”
“มันของกู..” คนที่ถูกจับแขนไว้ได้แต่เลิกลักทำตัวไม่ถูก เพราะใครก็ไม่รู้ที่อยู่ดีๆก็โผล่มาแล้วยังมาพูดอะไรที่คนตัวเล็กไม่เข้าใจอีกต่างหาก
เอ็นมองมือคู่กรณีตัวเองที่จับข้อมือขาวของเด็กปีหนึ่งที่กำลังจะกลายเป็นเหยื่อของตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบด้วยความไม่พอใจ สิทธ์เหี้ยอะไรของมัน! ปาร์คชานยอลกำลังจะทำให้ของเล่นชิ้นใหม่ของเขาหลุดมือไป!!
“มึงตาบอดเหรอไง ป้ายก็ป้ายชื่อกู” พี่ว้ากของคณะชี้นิ้วไปที่แผ่นบางสี่เหลี่ยมสีส้มที่ยังห้องต่องแต่งอยู่ที่คอคนกลางที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกหรือทำหน้ายังไงดีกันแน่
“หึ..” คนอย่างชานยอลไม่ใช่คนที่คิดอยากจะทำอะไรก็บุ่มบ่ามเข้าไปอย่างขาดสติหรือไม่มีแผนอะไรสำรองแน่นอน แล้วเขาก็คิดด้วยว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปง่ายๆแน่.. ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ชานยอลคิดไม่ผิด
“บอกไปว่าเธอทำอะไร” จบคำพูดของร่างสูงอยู่ดีๆก็มีผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนึงเดินก้มหน้าก้มตาเข้ามากลางวงอีกคน
เดี๋ยวนะ ผู้หญิงคนนี้มัน..
“. . . .”
“สวัสดีค่ะทุกคน คือฉันมีเรื่องจะสารภาพ..” มือเล็กกำชายกระโปรงตัวเองแน่นเหมือนกับว่าเธอกำลังรู้สึกกดดันและอายที่จะมาพูดเรื่องนี้ แต่สุดท้ายก็ยอมพูดออกมาเมื่อเห็นสายตานิ่งๆของร่างสูงที่เป็นคนลากเธอออกมาเข้าให้
“ก่อนหน้านี้.. ตอนที่พี่นานะให้ทุกคนตามหาคนในป้ายชื่อ ฉันเป็นคนขอให้เขาแลกป้ายกับฉันเองค่ะ..”
“. . . . .”
“เพราะตอนแรกฉันได้ชื่อพี่เอ็นแต่ เอ่อ ฉ..ฉันกลัว เลยไม่กล้า..” คนตัวเล็กที่ลืมไปแล้วว่าข้อมือของตัวเองกำลังโดนจับจองอยู่โดยคนแปลกหน้าที่ตัวเองไม่รู้จักหันไปมองคนที่เพิ่งสารภาพออกมาด้วยแววตาไม่พอใจ
ไหนบอกรู้จักกับคนในป้ายไง! คนตัวเล็กเลยหวังดีให้ไป! ที่แท้ก็กลัวเลยมาขอแลกกับเขางั้นเหรอ นี่คงคิดว่าเขากล้ามากล่ะมั้งนั่น.. รู้ทั้งรู้ว่าแบคฮยอนมีเรื่องอยู่ก็ยังจะมาขอแลกอีกเนี่ยนะ!
“เอ่อ.. แล้วตอนที่ไปขอแลกฉันก็เห็นขีดบนแขนเขาแล้วอ่ะค่ะ” ชานยอลส่งสายตาไปให้คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามอย่างกับจะบอกว่าชัดพอเหรอยัง ..ขีดก่อนที่จะป้ายจะโดนแลก แสดงว่าต้องเป็นเขาต่างหากที่ร่างเล็กต้องทำตามคำขอไม่ใช่ไอ้เชี่ยเอ็น
“หึ..” หน้าตาเฉยชาของปาร์คชานยอลเงยหน้าขึ้นหยั่งเชิงเล็กน้อยอย่างคนเหนือกว่าราวกับจะบอกว่านี่มันเป็นเกมส์ของเขามาตั้งแต่แรก คนที่เข้ามายุ่งไม่ใช่เขาแต่เป็นอีกคนต่างหาก..
ใช่! มันเป็นเกมส์ของปาร์คชานยอลจริงๆ.. คนตัวสูงเนี่ยแหละเป็นคนล็อคว่าใครจะเป็นคนได้ป้ายชื่อของเขาไป! และคิดว่าเขาจะทำยังไงล่ะ? ก็ต้องจับตาดูตั้งแต่เด็กนั่นเริ่มหาตัวเขาแล้วเดินทักไปทั่วจนกระทั่งโดนขอแลกป้ายนั่นแหละ..
“. . . . .” ชานยอลมองหน้าพี่ว้ากของคณะอีกครั้ง บอกเป็นนัยน์ๆด้วยสายตาว่าใครกันแน่ที่ชนะก่อนจะเดินกระแทกไหล่ออกมาราวกับจะปล่อยให้เอ็นยืนรอรับสายตาหรือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ข้อคิดเห็นต่างๆของผู้คนมากมายตรงนั้นคนเดียวอย่างไม่คิดจะหันกลับไปสนใจ แถมไม่ลืมลากข้อมือนิ่มที่ตัวเองแอบหลอกจับตั้งนานให้เดินตามออกมาแกมบังคับอย่างเนียนๆด้วย..
“. . . . .” พอเดินออกมาได้เกือบสิบเมตรห่างจากลานกิจกรรมพอสมควร บรรยากาศแปลกประหลาดที่ค่อนข้างบรรยายออกมายากค่อยๆเกิดขึ้นระหว่างคนสองคนที่ไม่ได้รู้จักกัน แต่จะพูดให้ถูกก็อาจจะแค่คนเดียวที่ไม่รู้จักอีกฝ่ายนั่นเอง.. และก็คงไม่ต้องบอกว่าเป็นฝ่ายไหนที่ไม่รู้จัก
คนตัวเล็กที่อารมณ์ขึ้นๆลงๆเมื่อครู่เริ่มผ่อนลมหายใจไปมาเพื่อขับไล่ความหงุดหงิดให้ออกไปจากใจตัวเองอย่างควบคุมอาการ แต่ตอนนี้ที่เริ่มงงและกลับมาหงุดหงิดอีกรอบก็คือคนตัวสูงข้างหน้าเขาจะพาเดินไปอีกไกลแค่ไหน? แล้วทำไมเขาต้องปล่อยให้คนที่เขาไม่รู้จักแม้แต่ชื่อหรือแม้กระทั่งหน้าก็ไม่เคยเห็นมาลากแขนไปไหนมาไหนด้วยล่ะ??
เห็นงี้ก็ไม่ง่ายนะโว้ย.. ถึงจะหล่อมากก็เถอะ - -;;
“ผมว่าไกลพอแล้วมั้ง” ขายาวหยุดลงทันทีเมื่ออีกฝ่ายร้องบอกกลายๆ มือหยาบคลายออกจากข้อมือบอบบางช้าๆ..ใครจะไปรู้ว่าภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งนั้นในใจเสียดายแค่ไหนกันเชียว ดวงตากลมโตของคนมีอายุมากกว่าหันมามองใบหน้าหวานที่กำลังพูดนิ่งๆ
“ขอบคุณที่ช่วยผมเมื่อกี้นะครับ” แบคฮยอนเปล่งเสียงเอ่ยออกมาไม่เบาหรือดังจนเกินไป อย่างน้อยตอนนี้สมองที่มันเหนื่อยล้าอยากกลับบ้านไปอาบน้ำนอนเต็มแก่ก็พอประมวลผลได้อยู่บ้างว่าคนที่เขากำลังจะพูดด้วยนี้คงไม่ได้อันตรายน้อยไปกว่าไอ้พี่เอ็นบ้านั่นแน่นอน ไม่งั้นคงไม่ใช้สรรพนามกูๆมึงๆกันหรอก แล้วดูจากรูปประโยคก็ไม่น่าจะใช่เพื่อนรักกันซะด้วยสิ
แต่ก็ดี.. อย่างน้อยแบคฮยอนจะได้รู้สึกอบอุ่นหัวใจอยู่บ้างที่ไม่ได้เป็นคนเดียวที่มีเรื่องกับคนๆนั้นอ่ะ
“. . . . .”
“. . . . .” แต่เอ่อ.. ก็ไม่รู้สิ เขาแค่พูดขอบคุณแล้วทำไมไอ้รุ่นพี่คนนี้ต้องจ้องเขาขนาดนี้ด้วยเล่า เขาทำอะไรผิดอีกงั้นเรอะ - - อย่าจ้องงั้นดิ มันแปลกอ่ะ คือไม่ชิน มันไม่ใช่สายตาแบบตอนที่ไอ้คยองซูมันจ้องคนตัวเล็กตอนกินเยอะเกินไปหรือมองแบบคนมองหมาฉี่อ่ะ มันดู.. เอ่อ เหมือนแบบ..
โอ๊ย! แล้วแบคฮยอนเป็นอะไรเนี่ย มัวแต่คิดอะไรไร้สาระอยู่ได้! ก็แค่จ้อง ตัวเขาเล่นจ้องตาชนะเพื่อนแล้วได้ขนมมาก็บ่อย กับอีแค่นี้ไม่แพ้หรอกเว้ย!!
“. . . . .”
เหมือนเกมส์ประสาทที่ไม่ต้องพูดก็รู้กติกา ในเมื่อคนตรงแบคฮยอนยังไม่เลิกจ้องตัวเอง คนตัวเล็กก็สนองคืนโดยมองเข้าไปในดวงตาที่นิ่งสงบราวกับผืนน้ำในทะเลสาบที่ไม่มีแม้แต่คลื่นสั่นไหวซักนิดอย่างไม่ยอมแพ้
“. . . . .”
“. . . . .”
“...หึ” แต่สุดท้ายคนที่แพ้จนต้องเสมองหลบสายตาไปทางอื่นเพราะทนอีกฝ่ายต่อไปอีกไม่ได้ก็เป็นแบคฮยอนเอง.. คนตัวสูงนึกยิ้มอยู่ในใจ
พวกชอบเอาชนะสินะ.. หึ ก็ดี อะไรๆดูง่ายขึ้นเยอะ
“นายไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉัน” และก่อนที่คนตัวเล็กจะรู้สึกอคติกับตัวเองไปมากกว่านี้ ร่างสูงก็ชิงพูดขึ้นเสียงเรียบเพื่อสานต่อประโยคที่ยังไม่ได้รับสัญญาณตอบกลับให้จบ.. เจอหน้าครั้งแรกชานยอลก็ไม่ได้อยากจะดูติดลบในสายตาคนตัวเล็กนี่ซักเท่าไหร่หรอกนะ
“ฉันก็แค่รักษาผลประโยชน์ของตัวเอง”
“ผม.. ไม่เข้าใจ” แบคฮยอนขมวดคิ้วจนเป็นปมหันหน้ากลับไปถามแต่คนตัวสูงก็มองหน้าแบคฮยอนนิ่งๆอีกตามเคย ไม่วายคว้าแขนเล็กทั้งสองข้างมาพลิกมาหงายดูว่าคนตรงหน้านี่ขีดรอยปากกาไว้ตรงไหน.. และขีดไว้กี่ขีด
“ห้าขีด..”
“. . . . ?”
“นายติดหนี้ฉันห้าขีด..” เมื่อเจอรอยปากกาสีน้ำเงินที่ดูสกปรกไม่เหมาะกับแขนขาวๆแบบนี้แล้ว.. ริมฝีปากหนาก็ปริปากพูดออกมา พลางช้อนสายตามองคนที่กำลังจ้องตัวเองอยู่ก่อนแล้วอย่างรู้ตัว
“เอาไป” ดวงตาเรียวมองสิ่งที่คนตัวสูงควักออกมาจากกระเป๋าเสื้อ.. มันเป็นป้ายชื่อเหมือนที่เขาได้แต่เพียงป้ายนี้มันยังไม่มีชื่อ.. ป้ายเปล่าๆนั่นแหละ
“ให้ผมทำไม?”
“ก็มันของนาย.. เขียนชื่อซะ” คนตัวเล็กแสดงสีหน้าค่อนไปในทางไม่ไว้ใจแต่ก็ยอมคว้าป้ายจากมือใหญ่ไปอยู่ดี.. อย่างน้อยเขาก็จะได้มีป้ายชื่อเป็นของตัวเองเหมือนกับคนอื่นบ้าง
“. . . . .” แบคฮยอนยกเข่าขึ้นมาตั้งฉากกับพื้นเพื่อที่ตัวเองจะได้เขียนได้สะดวกขึ้น แต่ยามที่ปากกาจรดลงโดนแผ่นกระดาษทีไรลายมือก็แย่ซะยิ่งกว่าไก่เขี่ยทุกทีจนเจ้าตัวมุ่ยหน้านึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
และเมื่อเห็นดังนั้นชานยอลจึงไม่รอช้าฉกป้ายจากคนตัวเล็กไปถือไว้เองพลางมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่ถ้าสื่อความหมายได้ก็คงออกมาประมาณว่า ‘เขียนไปสิ มองอะไร’ แทน
ปากหนาหยักยิ้มเบาๆทันทีที่อักษรตัวสุดท้ายเสร็จออกมาเป็นรูปเป็นร่าง.. ในที่สุดเจ้าตัวก็ได้รู้ชื่อของคนตัวเล็กที่ตัวเองหมายปองซักที..
‘ B a e k h y u n ’
“. . . . .” พอเขียนเสร็จมือเล็กก็ยกออกจากที่รองกระดาษจำเป็นก่อนจะมองหน้าทำตาปริบๆอย่างไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอย่างไรต่อ เพราะไม่ว่าจะมีกิจกรรมซักกี่ครั้งๆ คนตัวเล็กก็มีเหตุจำเป็นหรือสถาณการณ์บีบบังคับให้ต้องออกมาก่อนทุกที
เป็นอันว่าตอนนี้แบคฮยอนกลายเป็นบุคคลที่แทบจะไม่รู้จักวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมต่างๆของคณะนี้ไปซะแล้ว..
“แล้วผม.. ต้องทำยังไงต่อ?” คนตัวเล็กเลือกที่จะเอ่ยถามคนตรงหน้าไปเสียงเบา แต่จะให้พูดตรงๆก็คือแบคฮยอนไม่เคยพูดคุยหรือสุงสิงกับใครในคณะเป็นเรื่องเป็นราวเลยซักคนนอกซะจากพี่ว้ากของที่นี่กับคนตัวสูงตรงหน้านี้เท่านั้น ซึ่งรายแรกก็คงได้เป็นเรื่องเป็นราวไปแล้วสมใจอยาก.. เหลือก็แต่รุ่นพี่หน้านิ่งเนี่ยแหละเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
ย้ำว่าแค่ตอนนี้..
“ตอนบ่ายจะมีกิจกรรมอีกจนถึงเย็น” เสียงทุ้มต่ำพูดออกมาพลางมองหน้าคนตัวเล็กนิ่ง ซึ่งมือก็ไม่ได้อยู่นิ่งตามหน้า.. เอื้อมไปจับป้ายชื่อไอ้เอ็นออกจากคอขาวๆก่อนจะโยนทิ้งลงถังขยะแถวนั้นอย่างแม่นยำพลางเดินเข้าไปประชิดตัว คล้องป้ายอันใหม่ที่เป็นชื่อของคนตัวเล็กให้แทน
แบคฮยอนผงะไปนิดกับระยะห่างที่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัดอย่างไม่ค่อยเข้าใจ เขาชักไม่แน่ใจแล้วสิว่ารุ่นพี่คนนี้ต้องการอะไรจากเขาหรือเปล่า เพราะถ้าไม่ได้คิดไปเองเหมือนร่างสูงจะจงใจมากกว่าลืมตัวที่มายืนใกล้กันแบบนี้..
หน่องแบคใจไม่ดี.. ตัวพี่เขาหอมเกินไป..
“จะเข้าหรือไม่ก็แล้วแต่นาย..” ระดับความสูงที่ต่างกันมากทำให้ชานยอลต้องก้มหน้าลงมาพูดสบตากับคนตัวเล็ก ดวงหน้าขาวเริ่มขึ้นสีอ่อนๆเมื่อคนอายุมากกว่าไม่ยอมผละออกไปซักที.. จนกลายเป็นแบคฮยอนอีกเช่นเคยที่ถอยหลังออกมาเองเพื่อเว้นช่องว่างให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
โว้ยยยยยยยย! อะไรวะเนี่ย หนีเสือมาปะจระเข้เหรอไง ใจเย็นๆกันได้ไหมอ่ะ แบคฮยอนตั้งรับไม่ทันซักเรื่อง นี่บอกเลยไม่ได้เขินที่เอาหน้าหล่อๆแบบนั้นเข้ามาใกล้กันซักนิด! แค่ไม่ชินเท่านั้นเอง ไม่ได้รู้จักกันดีซักหน่อย.. อีกอย่างคนเจอหน้ากันครั้งแรกเดี๋ยวนี้เขาใกล้ชิดกันขนาดนี้แล้วหรือไง
แบคฮยอนงงแรง แฟนก็ไม่ใช่ วู้..
ไม่รู้แหละ อยู่กับคนตรงหน้านี้แล้วเขารู้สึกไม่ปลอดภัย มันไม่ได้ไม่ปลอดภัยแบบที่กลัวจะโดนจ้องหาเรื่องแบบพี่เอ็น แต่มัน.. แปลก แปลกแบบที่แบคฮยอนรู้แต่ไม่อยากฟันธงหรืออะไรตอนนี้ทั้งนั้น
“..หึ” คนหน้านิ่งตัวดีที่ตอนนี้ทำอีกคนหน้าร้อนเห่อขึ้นมาหน่อยๆหัวเราะในลำคอก่อนจะยักไหล่แล้วถอยออกมาหนึ่งก้าวเช่นกัน ใจจริงอยากจะจับมาฟัดตรงนี้ซะให้รู้แล้วรู้รอด ยิ่งชานยอลได้มองหน้าใสใกล้ๆก็แทบคลั่ง.. จับดูดแก้มแม่งได้ไหม?
“. . . . .”
“. . . . .” เหอะ แต่ไม่ได้ บุกตอนนี้กระต่ายตื่นตูมหนีลงหลุมไม่มาให้ราชสีห์ชานยอลจับทำไง อย่าให้ร่างสูงได้รุกเลย.. ตอนนี้เขาก็แค่แสดงความสนใจเฉยๆ ถ้ารุกขึ้นมาจริงๆล่ะก็รับรองคนตัวเล็กตรงหน้าคงไม่มีกระจิตกระใจมามองหน้าเขาตอบแบบตอนนี้แน่นอน
‘RrrrrrrrRrrrrrrrr’
และเหมือนแบคฮยอนจะมีตัวช่วยหยุดสถานการณ์ที่ทำให้ตัวเองทำตัวไม่ถูกนี้ให้หมดไปเสียที มือบางล้วงโทรศัพท์สีขาวสุดที่รักออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างนึกขอบคุณพระเจ้า
“เอ้อ! ว่าไง.. ว่างดิ อือๆ ว่าอะไรนะ แมวหายเหรอ.. แถวนี้สัญญาณไม่ค่อยมีอ่ะ..หาคลื่นก่อนนะ”
และสุดท้ายคนตัวสูงก็ได้แต่กอดอกทอดสายมองคนตัวเล็กที่เนียนเดินคุยโทรศัพท์ไปหาสัญญาณไปอย่างนึกขำกับการกระทำที่ดูยังไงก็น่ารักน่าหยิกในสายตา
“หึ เราได้เจอกันอีกแน่ แบคฮยอน..”
80%
ตลอดกิจกรรมช่วงบ่ายสำหรับคนตัวเล็กมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดไปซะทีเดียว..
ต่อหน้าเขาไม่มีใครพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าเลยซักคนเดียว หรือต่อให้พูด.. แบคฮยอนก็คงไม่เก็บมาคิดให้มันหนักสมองนักหรอก และถึงแม้ในใจจะรู้ดีเหลือเกินว่าลับหลังตัวเองคนอื่นๆก็คงจะเอาไปพูดนินทาเสียๆหายๆใส่สีตีไข่กันให้สนุกปากตามประสามนุษย์สังคมที่ชอบเอาเรื่องคาวๆของคนอื่นมาโพนทะนาอย่างนู้นอย่างนี้ก็ตาม
ซึ่งมันไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรซักเท่าไหร่ในเมื่อตอนนี้ทุกคนยังโอเคกับเขาอยู่.. จริงไหม?
“. . . . .” แล้วแบคฮยอนคนดีก็ไม่ได้อยากจะทำให้เพื่อนร่วมคณะต้องลำบากใจกันซะเปล่าๆหากเขาเป็นตัวเหตุที่ทำให้บรรยากาศต้องอึดอัดกลางวงสนทนา คนตัวเล็กจึงแยกตัวออกมานั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากเพื่อนๆที่นั่งแยกกันเป็นกลุ่มอยู่ประปรายคนเดียว
แบคฮยอนสบายมาก! แค่นี้เอ๊งงงง.. ทำไมจะรับมือไม่ไหวหว่า?
มือเรียวเปิดกลองโฟมสีขาวที่พี่ๆสต๊าฟนำมาแจกอย่างรวดเร็ว เพราะหลังจากที่เขาตัดสินใจเดินกลับมาเข้าคณะอีกครั้งตามคำบอกเล่าของคนๆนึงที่บอกว่าจะมีกิจกรรมตอนบ่าย ดวงตาเรียวก็เห็นทุกคนยืนต่อแถวรอรับข้าวกล่องกันซะแล้ว ซึ่งพี่นานะที่ไม่รู้สังเกตเห็นเขาตอนไหนก็กวักมือเรียกให้เข้าไปหาพลางดันหลังให้คนตัวเล็กไปต่อแถวรับข้าวเหมือนคนอื่นๆอย่างไม่ถือตัวอะไร
“แหยะ..” แบคฮยอนเบ้หน้าอย่างแรงทันทีเมื่อสิ่งที่สะดุดตาที่สุดยามเปิดกล่องข้าวดูแล้วพบว่ามันคือแตงกวาสองชิ้นใหญ่ที่วางแปะอยู่บนข้าวผัดปูเหมือนเป็นรูปตาคน ..นึกอยากมาสร้างสรรค์อะไรตอนนี้นะคนทำข้าวผัด
แบคฮยอนเกลียดแตงกวายิ่งกว่าอะไร!!! ยี๊!! แค่เห็นก็อยากจะอ้วกแล้ว!! เหม็นอ่ะ!!
“นั่งด้วยได้ป้ะ?” แต่ก่อนที่ใบหน้าจิ้มลิ้มจะได้หันไปโก่งคออ้วกดังๆให้สมใจอยาก เสียงหนึ่งก็ดังขัดขึ้นซะก่อนพร้อมกับประโยคที่แบคฮยอนไม่คิดว่าจะได้ยินมันในวันนี้ซะด้วยซ้ำ
ว่าอะไรนะ! นั่งด้วยได้ป้ะ? ถามแบบนี้ก็แสดงว่าเขาจะมีเพื่อนแล้วใช่ไหม!? เยส!!
“ได้ๆ ได้สิ” แต่ถึงจะดีใจแค่ไหนแต่ตอนนี้แบคฮยอนก็ไม่สามารถบังคับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติได้อยู่ดี.. หน้ายู่ปากยี่ทำหน้าอย่างกับคนจะร้องไห้ทำให้คนมาใหม่นึกตั้งคำถามภายในใจว่าคนตัวเล็กนี่เต็มใจจะให้เขานั่งด้วยจริงหรือไม่
“ทำไมทำหน้างั้นอ่ะ ไม่สบายใจฉันไปก็ได้นะ” เสียงทุ้มต่ำถามอีกหน
“ป่าวคือฉัน แอะ.. นายนั่งๆๆๆ นั่งก่อนนะ” ก็อยากจะต้อนรับเพื่อนคนใหม่ให้ดีกว่านี้นะ แต่เพราะเมื่อเช้าแบคฮยอนกินมาแค่โยเกิร์ตกับขนมปังแผ่นเดียวเท่านั้น กระเพาะที่ว่างอยู่แล้วยิ่งมาเห็นของที่เจ้าตัวถือว่าแสลงตาแสลงใจสุดๆก็ทำให้มันแย่ลงไปอีก
อยากกินข้าวก็กินไม่ได้! ฮือ.. ไม่ได้อยากเรื่องมากนะ แต่ขอเรื่องนี้เรื่องเดียวเลยเขาไหว้! แบคฮยอนไม่ถูกกับแตงกวาอย่างรุนแรง! แตะอาหารไหนแล้วคนตัวเล็กแทบกินต่อไม่ได้จริงๆ
“อืม แล้วทำไมทำหน้างั้น ให้ฉันช่วยอะไรไหม?” คนตัวสูงที่แบคฮยอนยังไม่ได้แม้แต่เงยหน้าขึ้นไปมองหน้านั่งลงตามแรงดึงชายเสื้อเบาๆข้างๆกับเจ้าของมือเล็กนั่นแหละ พลางถามอาการอย่างหวังว่าตัวเองจะช่วยอะไรได้ เพราะตอนนี้คนตัวเล็กดูจะแย่จริงๆ
“คือฉัน.. ไม่ค่อยชอบแตงกวา” ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกัน แต่เมื่อมองไปต่ำลงไปในกล่องข้าวที่คนตัวเล็กถืออยู่ก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆทันที
“หึ.. ฮะๆๆ”
“ขำอะไรอ่ะ?” แบคฮยอนหยีตามอง อาการหน้าบูดหน้าเบี้ยวไม่ได้ดีขึ้นเลยเมื่อไอ้แตงกวาบ้านี่มันยังอยู่ในมือตรงหน้าแบบนี้
“ป่าวๆ งั้น.. นายแลกกับฉันก็ได้ ฉันได้ผัดตับ คงไม่มีแตงกวาหรอก” รอยยิ้มอาแป๊ะถูกส่งไปให้พร้อมกับกล่องข้าวที่ถูกสลับอย่างทันควันก่อนที่คนตัวเล็กจะได้อ้วกออกมาจริงๆ
“ขอบใจมากนะ นาย.. เอ่อ?”
“เซฮุน.. โอ เซฮุน”
“อ่อ.. ขอบใจมากนะเซฮุน ฉันแบคฮยอน.. ถ้าไม่ได้นายฉันคงได้อ้วกตรงนี้แน่เลยอ่ะ” แบคฮยอนส่ายหน้าอย่างสยองขวัญมองสิ่งที่ถูกแลกเปลี่ยนไปก่อนจะขอบคุณเพื่อนใหม่ยกใหญ่ เซฮุนที่เห็นอย่างหน้าก็ยิ้มตอบบางๆ
ทั้งสองคนค่อยๆทำความรู้จักกันทีละนิด แบคฮยอนถามไปกินข้าวไปซึ่งก็ทำให้สรุปได้รวมๆว่า.. เซฮุนเป็นคนเข้าสังคมเก่งและอัธยาศัยดีเหมือนหน้าตานั่นแหละ แต่ที่มานั่งกับคนไร้เพื่อนแบบเขานั่นก็ด้วยเหตุผลที่ว่า..
“หญิงรุมอ่ะ มานั่งกับนายคงไม่มีใครกล้ามายุ่งอีก” เดี๋ยว.. นี่ไม่ได้ด่าอะไรกันใช่ไหม! เล่าเอาซะคนฟังคันอวัยวะส่วนล่างขึ้นมาเลยยิบๆ
แบคฮยอนได้แต่ยิ้มแหยส่งกลับไป.. หมั่นไส้ความมั่นหน้าของคนหล่อแถวนี้เหลือเกิน!!
แต่ถึงยังไงก็ดีกว่าไม่มีเพื่อนเลยซักคนนี่นา.. แบบเซฮุนนี่ก็ดี เพราะดูจากท่าทางแล้วก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แถมฟังๆนางพูดมาแล้วนางบอกนางเป็นลูกเจ้าของร้านทองซะด้วย.. ถ้าสนิทมากๆล่ะก็แบคฮยอนจะพาไปทำความรู้จักกับคยองซูและหวังว่าไอ้คางบวมนั่นจะไม่แดกเพื่อนใหม่ของแบคฮยอนคนนี้เหมือนคนก่อนๆอีก
ภาวนาให้เซฮุนเลย.. อำนาจอ่อยคยองซูมันแรงกล้ามากมาย ฮือ ..แค่นึกก็ยังหวาดผวาแทน
“เอาล่ะวันนี้พี่ว่าหลายๆคนคงมีเพื่อนคู่หูเพิ่มแล้วเนอะ อยากให้พวกน้องรักกันมากๆ เวลามีงานของมหาลัย’งี้ความสำคัญภายในคณะสำคัญที่สุดนะคะ ถ้าใครมีเรื่องสงสัยหรือไม่เข้าใจอะไร พี่รหัสของน้องๆก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งน้า.. คณะเราให้ความสำคัญกับสายรหัสกันมากนะคะ”
“พี่นานะจะไม่พูดมากเพราะน้องๆคงเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว และยังไงพรุ่งนี้เราก็ยังต้องกลับมาเจอกันแต่เช้าอีก เดินทางกลับหอปลอดภัยนะคะ น้องผู้หญิงใช่ว่าเราอยู่วิศวะแล้วจะไม่ต้องระวังตัวน้า กลับกันดีๆล่ะทุกคน” เสียงใสพูดปิดก่อนจะอวยพรให้น้องๆกลับถึงที่พักอย่างปลอดภัยเพราะบางคนก็มาจากต่างจังหวัดคงไม่ค่อยคุ้นที่คุ้นทางซักเท่าไหร่
ทุกคนทยอยแยกย้ายกันออกจากคณะเมื่อกิจกรรมของวันนี้ได้สิ้นสุดลง ปีหนึ่งบางกลุ่มก็เลือกที่จะตรงดิ่งกลับหอไปอาบน้ำนอนตามแต่ความเหนื่อยความง่วงของตัวบุคคล แต่บางส่วนก็เลือกจะพากันไปที่ตลาดท้ายมอเพื่อหาอะไรลองท้องเช่นเดียวกับทั้งเซฮุนและแบคฮยอน
“ไปหาอะไรกินกัน ทุ่มกว่าแล้วฉันขี้เกียจออกมาใหม่” คนตัวเล็กพยักหน้าตามคำชวนของเพื่อนตัวสูงทันทีเพราะเจ้าตัวก็รู้สึกหิวจัดมากเหมือนกัน
หลังจากกินข้าวเที่ยงตอนนั้นเสร็จก็เรียกได้ว่าตลอดทั้งกิจกรรมช่วงบ่ายเซฮุนตัวติดกับแบคฮยอนแจ และเพราะนี่เป็นกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ด้วยมั้งจึงทำให้ทั้งสองสนิทกันเร็วกว่าที่คิด ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแล้ว..ที่แม้จะมีเพื่อนแค่คนเดียวในคณะแต่ถ้าไว้ใจได้มันก็คุ้มค่าสำหรับแบคฮยอน
“พรุ่งนี้มีเรียนสิบโมงนะแบคฮยอน นายอย่าลืมล่ะ” เซฮุนพูดออกมาหลังจากเจ้าตัวรวบช้อนคว่ำลงเมื่อคำสุดท้ายเข้าไปอยู่ในกระเพาะเรียบร้อย ตาคมมองไปที่เพื่อนตัวเล็กพลางหยิบน้ำเปล่าข้างๆขึ้นมาดูดจากหลอด
“เอ้าไหนพี่นานะว่านัดแต่เช้าไง” คนตัวเล็กถามแต่ปากก็ยังเคี้ยวอาหารไปตุ้ยๆ เซฮุนนึกอยากจะเอื้อมมือไปปิดปากเล็กซะเดี๋ยวนี้จริงๆ ฮึ่ม..
“เคี้ยวให้หมดก่อนก็ได้ นายจะพูดทั้งๆที่ข้าวเต็มปากอยู่เนี่ยนะ หุบไปเลยแบคฮยอน” คนตัวเล็กที่ได้ยินอย่างนั้นก็ยู่หน้าลงแต่ก็ยอมหุบปากเคี้ยวแล้วกลืนลงคอก่อนจะปริปากถามออกมาใหม่
“หมดแล้ว ดูมะ” คนตัวเล็กอ้าปากกว้างพิสูจน์ให้คนหน้าหล่อที่นั่งตรงข้ามดูว่าตนเองเคี้ยวข้าวหมดแล้วจริงๆแต่นั่นไม่ได้ทำให้เซฮุนรู้สึกยินดีหรือพอใจอะไรทั้งนั้น
“หน้าตาก็น่ารักทำอะไรให้มันน่ารักเหมือนหน้าตาหน่อยสิ คนก็ตั้งเยอะนายไม่อายเหรอไง”
“โอเค๊.. แบคฮยอนไม่เล่นแล้วก็ได้ครับคุณชาย! งั้นสรุปตกลงพรุ่งนี้ยังไงอ่ะ เรียนหรือทำกิจกรรมกันแน่?” คนตัวเล็กเลิกเล่นทันทีเพราะสายตาเซฮุนที่ส่งมาให้แบบเอือมๆมันเหมือนกับคยองซูไม่มีผิด สายตาน่ากลัวแบบนั้นอ่ะ.. เชอะ ไม่เล่นก็ไม่เล่น ไม่แหวนก็ไม่แหวน(?)โว้ย
“ก็พี่เขานัดตอนเจ็ดโมงเช้า ตอนเรียนน่ะมันสิบโมงก็คนละเวลากันไหมล่ะแบคฮยอน” ดูเหมือนว่าเพื่อนคนใหม่ของแบคฮยอนคนนี้จะเจ้าระเบียบอยู่ไม่น้อย ซึ่งคนตัวเล็กก็ไม่ได้ซีเรียสหรือมีปัญหาอะไรตรงนั้นอยู่แล้ว เพราะบางทีอยู่กับคยองซูเขาโดนด่าเยอะกว่านี้อีก ตาโตๆของไอ้คยองซูชอบจิกกัดเขามากกว่าเซฮุนตั้งกี่เท่า แค่นี้อ่ะโคตรจิ้บจ๊อย! ไม่ระคายมืออะไรหร๊อก!
และหลังจากได้ข้อสรุป แบคฮยอนกับเซฮุนก็คุยเล่นกันต่ออีกนิดหน่อยก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันกลับเพราะหออยู่คนละฟากกัน ซึ่งแบคฮยอนก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมตัวเองถึงได้มาอยู่หอฝั่งตะวันตกคนเดียวโดดเดี่ยวแล้วคยองซูกับเซฮุนมันไปอยู่หอฟังตะวันออกด้วยกันได้ทั้งๆที่ก็อยู่กันคนละคณะ
แต่พอเดินไปส่งเซฮุนตรงหน้าตลาดไม่ทันไร คนตัวเล็กก็เกิดอาการเบื่อยังไม่อยากกลับหอพักขึ้นมาซะงั้นแม้ว่าตลอดทั้งวันนี้เขาจะโหยหาน้ำอุ่นๆเตียงนุ่มๆมากแค่ไหนก็ตาม
เท้าเรียวตัดสินใจหันหลังกลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง เดินดูของไปเรื่อยๆเพื่อย่อยอาหารไปในตัวเพราะขืนกลับไปแล้วนอนเลยพรุ่งนี้มีหวังตื่นมาแล้วขึ้นอืดชัวร์ๆ จนดวงตาเรียวไปสะดุดตาเข้ากับกำไลข้อมือเส้นหนึ่งที่คนตัวเล็กเห็นแล้วก็ไม่ลังเลที่จะซื้อเลยทันที
“เส้นนี้เท่าไหร่ครับ?”
นิ้วสวยรับเงินทอนมาก่อนจะยิ้มบางๆให้แม่ค้า แบคฮยอนใช้นิ้วทั้งห้าของตัวเองกำกำไลข้อมือเบาๆพร้อมกับเดินออกมาจากตรงนั้น
ร้านค้าหลายร้านเริ่มเก็บของทยอนปิดกลับบ้านกันเกือบจะหมดแล้ว คนตัวเล็กที่เห็นอย่างนั้นจึงควักโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูเวลาบ้างเนื่องจากวันนี้ตัวเองไม่ได้ใส่นาฬิกาข้อมือมา
’ 20.49 น. ’
ดวงตาเล็กเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเพราะไม่ได้คิดว่าตัวเองจะอยู่ที่นี่นานจนเกือบจะสามทุ่มแบบนี้ และตอนนี้มันก็สมควรจะเป็นเวลาที่เขาต้องทิ้งตัวนอนแล้วจับโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คแอพเตรียมเข้าสู่ห้วงนิทราได้แล้วอ่ะดิ เพราะถ้านอนหลังสี่ทุ่ม..
เขาจะไม่สูง ..นั่นไม่ได้เลยเด็ดขาด!!
และเมื่อคิดได้ดังนั้นคนตัวเล็กไม่รอช้า เดินออกไปหน้าตลาดก่อนจะซอยเท้าไปตามทางริมฟุตบาทที่ทอดยาวไปเรื่อยๆอย่างรีบร้อน
อันที่จริงที่เขารู้มาจากเซฮุนอีกอย่างหนึ่งก็คือปกติจะมีรถเมล์ของมหาลัย’คอยรับส่งอยู่ตลอดจนถึงเวลาสามทุ่ม.. แต่แบคฮยอนคิดว่าหากไปรอ ยังไงกว่ารถจะไปถึงหอเขาก็ต้องนั่งกินลมชมวิวอ้อมโลกอยู่ดี สู้เดินกลับมาแป๊ปเดียวแบคฮยอนคิดว่ามันคงจะประหยัดเวลากว่าตั้งเยอะ
หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน.. ตอนนี้ความง่วงแล่นเข้าเล่นงานแบคฮยอนอย่างจัง นึกบ่นตัวเองเบาๆว่าเดินย่อยอะไรนานขนาดนั้น เดินไม่ดูเวลาด้วย โทษตลาดกับของกินก็คงไม่ถูก โทษตัวเองแหละดีสุด แต่นี่มันง่วง.. ง่วงจริงอะไรจริง
“กว่าจะออกมานะมึงอ่ะ” เสียงที่แบคฮยอนจำได้ดีว่าเป็นใครดังขึ้นจนเข้าโสตประสาท.. คนตัวเล็กที่ก้มหน้าเดินดูเท้าตัวเองว่าเดินได้น่ารักน่ากอดไหมเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจทันที
“พี่หัวขี้นก..”
“มึงว่าอะไรนะ!?” แบคฮยอนนึกอยากจะตบปากตัวเองแรงๆ นี่คิดยังไงถึงไปเรียกชื่อที่ตัวเองตั้งไว้ในใจออกไปให้อีกคนได้ยินกัน.. แบคฮยอนต้องง่วงนอนจนบ้าไปแล้วแน่ๆ
“. . . . .” ตอนแรกคนตัวเล็กเห็นแต่ไอ้หัวขี้นกคนเดียวนี่นา แต่ทำไมไปๆมาๆ ไหงกลับมีอีกสองคนยืนอยู่ด้านหลังด้วยล่ะ อุตส่าห์คิดว่าวันนี้จะไม่เจออีกแล้วซะด้วยสิ
เซ็งได้ไหมตอบ..
“หยิ่งเหรอมึง! กูถามทำไมไม่ตอบหา!!” คนตัวสูงกว่าพูดเสียงดัง แต่แบคฮยอนก็ทำเป็นไม่สนใจและเดินหลบไปอีกทางเพื่อที่จะได้เดินไปให้พ้นๆจากกลุ่มคนตรงนี้เสียที
ก็คนมันไม่อยากตอบอ่ะ เสียเวลาเข้าใจไหม ถ้าคนตัวเล็กได้นอนหลังสี่ทุ่มขึ้นมาล่ะแม่จะด่าให้!
“โอ๊ย! พี่จะพาผมไปไหน ปล่อยผมนะเว้ย!!” แต่ไม่ทันให้ได้พาตัวเองออกไปจากตรงนี้อย่างที่ใจหวัง มือหยาบกร้านก็พุ่งมาจับหมับเข้าที่ต้นแขนบางทันที
“วันนี้มึงทำอะไรไว้ล่ะ! มานี่!!” คนเป็นรุ่นพี่ยกมืออีกข้างเอื้อมมาปิดปากคนตัวเล็กแล้วบังคับให้เดินไปตามทางอย่างแรง
สารพัดกล่องหลายชนิดที่ตั้งกันเรียงรายอยู่จนดูรกที่รกทางบวกกับกลิ่นอับชื้นของอากาศบริเวณนี้ทำให้แบคฮยอนนึกเบ้หน้าแล้วเบ้หน้าอีก แค่มือของไอ้พี่ขี้นี่ก็เค็มพอแล้ว!! แบคฮยอนสงสารตัวเองจัง เขาไม่ได้เกลือในเลือดต่ำนะเฟ้ย!(?)
‘ผลั่ก!’
“เบาๆเป็นไหมพี่ โอ๊ย! ข้อศอกผม!” ตอนนี้แบคฮยอนไม่ได้มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย คนตัวเล็กน้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บจี๊ดกับแผลถลอกที่ได้รับมาจากการกระทำห่ามๆเมื่อครู่
กว่ามันแห้ง กว่าจะแผลมันจะตกสะเก็ด! แล้วไหนจะรอยดำรอยแผลเป็นอีก!! ไอ้พี่ขี้นี่มีปัญยาจะรับผิดชอบให้มันเลือนหายเร็วๆไหมล่ะ!! ก็บอกอยู่ว่าให้เบาๆ หูแตกไม่ได้ยินเหรอยังไงหา.. แผลเป็นเลยนะโว้ย!! ไม่รักษาผิวตัวเองก็อย่ามาทำลายความภูมิใจกับผิวอันขาวเนียนของคนอื่นได้ไหมเล่า!
มาก.. ขึ้นมาก แบคฮยอนขึ้นมาก! แม่เขาเฝ้าทะนุถนอมทาเบบี้ออยมาให้เขาตั้งแต่เด็กๆละไอ้หัวเน่านี่มันเป็นใคร!!
“มันมาแล้วครับลูกพี่..” ปากเล็กเตรียมตัวจะหันไปแว๊ดใส่คนที่สร้างรอยแผลเป็นนี่ให้แต่ก็โดนดึงแขนให้ลุกขึ้นจากพื้นอีกครั้งทั้งๆที่เพิ่งถูกผลักลงไปเมื่อกี้ด้วยฝีมือของอีกคนที่ตอนนี้..
เป็นบุคคลที่แบคฮยอนไม่อยากจะเห็นหน้ามากที่สุดในมหาลัย’
ไอ้พี่เอ็น!!
“หึ.. มึงคิดว่ากูจะจบง่ายๆเหรอ?”
100%
-Talk- ยาวเหยียด&รก ใครขก.ข้ามไปก็ได้ สาระไม่มี ฮ่าๆๆ
-ไม่มีอะไรจะแก้ตัว.. ทุบตีฆ่าฟันไรเตอร์คนนี้ได้ตามสบาย ข้าน้อยผิดไปแล้ว..ฮือ OTZ // m_ _m
-*น้ำตาไหลพราก ยี่สิบเปอร์เซ็นที่เหลือนี่มัน.. จำนวนหน้าเท่ากับแปดสิบเปอร์ข้างบนเลยค่ะ ฮ่าๆ ;__; รวมแล้วตอนนี้เค้าแต่งไป 22 หน้าแหน่ะปกติตอนนึงเค้าจะแต่ง 13-16 ประมาณนี้ ซึ่งก็ไม่ได้คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะไม่แน่นอนอะไรขนาดนี้ 55555555+ กลัวเป็นเหมือน chap ก่อนอินี่เลยจัดเปอร์เซ็นหลังมาเยอะเกิ๊น ถ้าตอนหน้าเป็นน้อยๆอย่าแปลกใจน้า // ขอพูดยาวๆได้ไหม แชปหน้าจะไม่บ่นยาวแย้ว
-ไรเตอร์ไม่ได้อยากดองฟิคเลยนี่จากใจจริง คือเค้าเป็นคนแต่งช้ามาก มากแบบจริงๆน้า บางทีก็กลัวแบบอารมณ์ไม่ได้บ้าง,จูนอารมณ์ยาก,มันจะไม่ต่อกันไรงี้ เป็นคนที่แต่งติดๆกันแล้วจะเอาประโยคเดิมๆมาใช้บ่อยมากจนกลัวรีดเดอร์อ่านแล้วมันดูซ้ำๆ สำนวนซ้ำๆอ่ะ แล้วแบบ อะไรวะ งี้ ฮ่าๆๆ สาบานว่าเสร็จเมื่อไหร่แล้วรีบอัพเลย ไม่ได้กั๊กอะไรทั้งนั้น ดูอย่างแชปนี้ก็ได้ แปดสิบเปอร์แรกเอามาลงก่อนทันทีที่เขียนเสร็จ จริงๆควรจะลงว่าเป็น 50%ๆ แต่ตอนนั้นไม่รู้ไงว่าเปอร์หลังจะเขียนยาว ฮ่าๆ งงไหม ;__; สุดท้ายแล้ว.. ไอ้ 20 % ที่เหลือนี่เค้าก็ยังไม่ได้ทวนเลย แต่ขออัพก่อน เดี๋ยวตื่นแล้วมาแก้คำแก้สำนวนให้ สปอยให้คนที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้อย่างอดทนว่า ตอนหน้าจะพาไปบุกที่พักใครซักคนไม่เคะก็เมะอ่ะแหละ ใครมีเพลงน่ารักๆฟังแล้วดูกุ๊กกิ๊กเม้นบอกเก๊าด้วยน้า เผื่อบางทีเพลงที่ฟังมันพาไปคนละอารมณ์ เช่น แทนที่แบคโดนลากมาแล้วจะซีเรียสแต่อินี่แต่งให้บี๋มันห่วงสวย เป็นต้น ห้าห้าห้า
*กรีดร้องแรง นี่ชั้นพิมพ์อะไรลงไป เยอะมากกก บรัยส์555555
ความคิดเห็น