ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO | C'SUNBAE { chanbaek ft. hunhan }

    ลำดับตอนที่ #3 : C ' S U N B A E Chapter 3 : ดีหรือร้าย?

    • อัปเดตล่าสุด 6 เม.ย. 58




      C’SUNBAE Chapter : 3

    ดีหรือร้าย?

     


              “. . . . .” และแล้วผมก็กลับมาเหยียบสถานที่นี้อีกครั้งท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายที่มองมาทางผมด้วยสายตาหลากหลายที่ส่วนมากผมก็ไม่อยากเก็บไปคิดต่อว่ามันหมายความว่ายังไง

     
     

              “เอาวะ..ผมทำเมินสายตาต่างๆเหล่านั้นแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งไม่ไกลจากผู้คน เพราะตอนนี้ผมมาก่อนเวลานัดจริงๆตั้งครึ่งชั่วโมงแหน่ะ..


     

              ..ก็มันเคยโดนแล้วนี่นา ครั้งนี้ก็ต้องกันไว้ก่อนสิครับเผื่อโดนจุดประเด็นเดิมขึ้นมาอีกทำไง


     

              ผมไม่รู้ว่าวันนี้พี่ๆเขาจะให้ทำอะไรเพราะการที่ผมเดินออกมาก่อนในวันนั้นและไม่เคยได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเพื่อนในคณะทำให้ผมพลาดเขาสารในบางส่วนไปพอสมควร จะไปถามไอ้คยองมันก็ใช่เรื่อง ผมถึงมานั่งโง่แคะเล็บตัวเองไม่มีอะไรทำอยู่เนี่ย


     

              “. . . . .” โดดเดี่ยวสุดๆ ฮือ.. คนอื่นเขาคงไม่อยากให้ผมไปเข้ากลุ่มด้วยเพราะกลัวมีปัญหาแน่เลยอ่ะ ดูตอนผมเดินมานั่งดิ มีแต่คนลุกหนี เขยิบถอยออกไปหมดเลย


     

              น้องๆที่มาแล้วมานั่งรวมทางนี้นะคะ วันนี้พี่จะพาทำกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์และหาพี่รหัสของตัวเองน้าพี่ผู้หญิงผมยาวดูท่าทางแล้วน่าจะใจดีบอกทุกคนให้ไปรวมที่ลานกิจกรรมผ่านโทรโข่ง ผมเลยลุกขึ้นกำสายกระเป๋าเบาๆก่อนจะเดินตามคนอื่นเข้าไปนั่งอย่างเนียนๆ


     

              ตอนนี้คนเริ่มมาเยอะจนเกือบจะครบแล้ว พี่ผู้หญิงคนเดิมเลยเปลี่ยนจากถือโทรโข่งมาจับไมค์แทนเริ่มพูดเปิดงานรอให้คนอื่นๆเข้าที่ตัวเองให้เรียบร้อย


     

              ก่อนอื่นเลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาพี่จะขอแนะนำตัวเองก่อนเพื่อให้น้องได้รู้จักและเรียกชื่อพี่ถูก..พี่ชื่อนานะค่ะ จะมาเป็นพิธีกรในวันนี้ ทันทีที่พี่นานะพูดจบเสียงปรบมือก็ดังขึ้นเกรียวกราว แหงล่ะวิศวะส่วนมากก็มีแต่ผู้ชาย หาผู้หญิงสวยๆอย่างพี่แกยาก ปีหนึ่งข้างๆผมหลายคนนี่ออกนอกหน้ามากอ่ะ


     

              พี่บอกชื่อตัวเองไปแล้วและจะให้ยุติธรรมก็คือการให้น้องแต่ละคนออกมาแนะนำตัวข้างหน้า แต่พี่จะไม่ให้ทำแบบนั้นเพราะมันง่ายและประถมเกินไป ตอนนี้น้องๆทุกคนคงจะมีป้ายชื่อห้อยคอกันเป็นที่เรียบร้อยกันแล้วใช่ไหมคะ พี่นานะขอให้น้องๆทำตามที่พี่จะพูดต่อไปนี้ทุกขั้นตอนนะพี่นานะยิ้มหวานแล้วกวาดสายตาไปทั่ว


     

              “ถอดป้ายออกจากคอแล้วส่งไปยังซ้ายมือของตัวเองเรื่อยๆ และหลังจากนั้นทุกคนจะต้องหลับตาให้สนิท พี่นานะถึงจะเสกเวทมนต์ทำป้ายชื่อใหม่ให้น้องๆทุกคนที่นั่งอยู่ต่างถอดป้ายชื่อออกแล้วส่งต่อกันมาเรื่อยๆ ..ไอ้ผมก็ส่งต่อไปทางซ้ายมือเรื่อยๆอย่างงงๆเพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไงดี


     

              คือผมยังไม่มีป้ายชื่อ.. และแน่นอนว่าไอ้ที่นั่งๆอยู่เนี่ยก็คงไม่มีใครรู้จักชื่อผมกันซักคนอ่ะ


     

              ทีนี้หลับตาค่ะทุกคนทันทีที่เสียงหวานๆบอก ทุกคนรวมถึงผมก็ปิดเปลือกตาลงตามคำสั่งของพี่นางฟ้าคนนี้ 


     

              แต่ทันใดนั้นสัมผัสแปลกก็ปรากฏตรงต้นคอของผม.. มันเหมือนเชือกเส้นนึง.. อ่า คงจะเป็นป้ายชื่อใหม่สินะ ว่าแต่.. พี่ๆเขารู้จักชื่อผมด้วยเหรอเนี่ย..??


     

               ครบทุกคนแล้วนะ.. โอเค ลืมตาได้แล้ว น้องๆคงสงสัยว่าพี่จะเอาป้ายชื่อใหม่มาให้ทำไม แต่ถ้าน้องๆสังเกตดีๆป้ายที่ห้อยอยู่บนคอตอนนี้ไม่ใช่ชื่อน้องกันนะคะ


     

              ชื่อที่อยู่บนคอตอนนี้อาจจะเป็นทั้งชื่อของเพื่อนน้องหรือชื่อของพวกพี่ๆกันก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร..น้องต้องเดินไปหาตัวเขาให้เจอแล้วอยู่ด้วยกันจนกว่าพี่จะเป่านกหวีดหมดเวลาค่ะ มีข้อแม้ว่าถ้าน้องไปทักผิดคน น้องต้องเอาปากกาที่แนบไปกับป้ายขีดแขนตัวเองหนึ่งขีดทุกครั้งที่หาเจ้าของชื่อที่ห้อยอคอน้องไม่ถูก พี่จะจับหกคนสุดท้ายที่หาไม่เจอมาทำโทษ..”


     

             “มีใครมีข้อสงสัยไหมคะ?พี่นานะสอบถามก่อนอีกครั้งเพื่อยืนยันความพร้อม แต่ก็ไม่มีใครพูดหรือถามอะไรออกมา พี่แกเลยพยักหน้าเข้าใจและจับไมค์พูดต่อ


     

               ถ้าทุกคนเข้าใจกติกากัรแล้วล่ะก็.. เริ่มได้!!”


     

              ‘ปี๊ดดดดดด!!’ ทันทีที่สัญญาณนกหวีดจบลงเสียงเพลงกระตุ้นโสตประสาทจังหวะเบสหนักก็ดังขึ้น ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่แตกออกไปคนละทิศคนละทางพร้อมกับตะโกนเรียกหาชื่อคนโน้นทีคนนี้ทีจนเซ็งแซ่ไปหมด


     

              ไอ้ผมที่เห็นอย่างนั้นก็ไม่รอช้าหยิบป้ายชื่อที่ห้อยคอตัวเองมาดูบ้างว่าได้ใครเพราะผมก็ไม่อยากเป็นหกคนสุดท้ายนั่นให้คนจำหน้ากันได้เข้าไปกันใหญ่


     

              ‘Chanyeol’


     

              “ซี เอช เอ เอ็น.. ชาน.. ยอล ..ชานยอล?ผมต้องหาคนที่ชื่อชานยอลเหรอ..


     

              โอ๊ย ว่าแต่มันคนไหนล่ะเนี่ย คนเยอะออกซะขนาดนี้ น้ำหน้าอย่างผมนี่มันรู้จักใครบ้าง ฮือ


     

              โทษนะ นายชื่อชานยอลรึเปล่า


     

              นายๆ นายชื่อชานยอลใช่ไหม?


     

              “ชานยอลรึเปล่า?


     

              “เอ่อ นายใช่ชานยอลไหม?


     

              “หัวทองนั่นชื่อชานยอลป่าว.. แต่ไม่ทันให้ผมได้ออกตามหาเจ้าของชื่อที่ห้อยบนคอผมจนเจอ ก็ดันมีคนเข้ามาหาผมซะก่อน


     

              นี่นาย.. แลกป้ายชื่อกับฉันได้ไหม


     

              “. . . . .”


     

              นายนั่นแหละ นะ ฉันขอร้อง คือ..ฉันรู้จักเขาน่ะผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผมก่อนจะยื่นป้ายชื่อของเธอมาให้ ไอ้ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง ในเมื่อเธอยื่นมาขนาดนี้แล้วผมก็จำยอมต้องถอดป้ายนั่นออกไปให้เธอ คนรู้จักเธอล่ะมั้ง ให้ๆไปเถอะคงไม่เป็นอะไรหรอก


     

              ขอบใจนะพอได้ป้ายไปเธอก็เดินจากไปทันที ผมจึงพลิกป้ายอันที่ได้มาใหม่ขึ้นมาดูว่าเป็นใคร อย่างน้อยผมก็อาจจะรู้จักถึงแม้มันจะยากเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรก็เถอะ เพราะอย่างที่บอก.. ผมแทบไม่รู้จักใครซักคน


     

              ‘N’


     

              “อะไรวะ.. ตัวเดียวเนี่ยนะ จะไปรู้ได้ไงวะให้มาแค่ตัวเดียวผมจะสะกดได้ไงอ่ะ เอ็นมาตัวเดียวโดดๆเลย.. เดี๋ยวนะ


     

              “เอ็น..


     

              “อย่าบอกนะว่า.. พี่เอ็นคนที่ผมมีเรื่องไปด้วยน่ะเหรอ?!!!


     

             ทำไมพระเจ้าถึงใจร้ายกับผมได้ขนาดนี้อ่ะ ฟ้องคยองซูได้ไหม! ฮึก..


     

              โอย เอาไงดีเนี่ย.. ฮือผมได้แต่ยืนกระซิกๆอยู่คนเดียว ไม่มีใครเดินมาหาผมเลย และผม.. ควรจะเดินไปหาพี่ที่ผมกำลังมีประเด็นด้วยดีไหมเนี่ย??


     

              ผมยืนคิดอยู่กับที่นานมาก.. ถ้าผมเดินไปหาแล้วโดนต่อยล่ะ? หรือจะโดนลากไปรุมที่อื่น จะโดนประจาร โดนอะไรอีกอ่ะ ฝ่าตีนท่ามกลางฝูงชนงี้เหรอ.. ก็พี่เอ็นแกยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนพี่แกอ่ะ มีแต่หน้าโหดๆกรังๆ(?)ทั้งนั้น.. เล่นเอาซะผมคิดออกแต่เรื่องแย่ๆ เพราะพี่เอ็นคงไม่แบบ.. เฮ้ น้องเมื่อวันก่อนหนิ ซ่านะเรา ไรงี้หรอก.. -   -

     
     

              “พี่.. เอ็นป่ะครับและในที่สุดเท้าผมก็พามาตัวเองหยุดตรงหน้าพี่ว้ากที่ผมเพิ่งมีเรื่องไปเมื่อคราวที่แล้วจนได้ ปากเจ้ากรรมพูดออกไปเพื่อส่งสัญญาณว่ามีคนกำลังจะคุยด้วย


     

              มึง.. เหอะ!” ทันทีที่พี่เอ็นหันหน้ามาเห็นผม พี่เขาก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงเหมือนพยายามระงับอารมณ์.. เพื่อนพี่แกที่อยู่ด้วยกันใกล้ๆมองมาที่ผมด้วยแววตาหาเรื่องพลางรั้งข้อมือพี่เอ็นไว้เบาๆ


     

              นรกทำไมรีบเปิดประตูต้อนรับผมขนาดนั้นเอ่ย..?

     


              มึงมีอะไรกับพี่เอ็นรุ่นพี่คนหนึ่งในกลุ่มพี่เอ็นคนหนึ่งถามขึ้นมาแทนเพราะว่าพี่เอ็นแกเอาแต่จ้องหน้าผมอย่างเดียว


     

               ก็..ผมละสายจากพี่เอ็นที่ตอนนี้ก็ยังจ้องผมไม่เลิกไปที่พี่คนถามแทน ก่อนจะชี้นิ้วอันเรียวสวยของตัวเองมาที่ไอ้ป้ายส้มๆที่ห้อยคออยู่


     

              พี่จะเอาไงพี่เอ็นดูจากสรรพนาม.. ไอ้พี่หัวขี้นกที่ผมกำลังคุยด้วยนี่คงจะไม่ใช่ปีสี่ ..ไม่ปีสามก็ต้องปีสองล่ะว๊า


     

              ปล่อยมันไว้นั่นแหละ..พี่เอ็นพูดพลางมองผมอีกครั้งก่อนจะเดินหนีหายออกไปทางอื่น ทิ้งให้ลูกสมุนของพี่แกมองหน้าผมอย่างเลิกลัก...


     

                เอิ่ม อย่าว่าแต่คนอื่นเลย.. ตัวผมเองก็งงเป็นไก่ตาแตกเหมือนกันเนี่ย! พี่แกไม่ได้จะเอาเรื่องผมเรอะ! จริงดิ!! นี่ไม่หลอกกันใช่ป้ะ!? ผมอึ้งนะเนี่ย!!

     
     

              “เอาล่ะ พี่จะเริ่มนับถอยหลังแล้วนะคะ.. ผมที่ยืนดีใจอยู่เมื่อครู่แทบจะกระโดดสะดุ้งถอยหลังไปสองสามเก้าเพราะเสียงหวานๆของพี่นานะที่ประโยคไม่ได้หวานตามเลยสำหรับผม


     

              ห้า..เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งสิ!


     

              “สี่.. ก็บอกว่าเดี๋ยวไง! ฮือ ผมจะทำยังไงอ่ะ ผมดีใจที่พี่แกไม่ทำอะไรผมนะ แต่การที่พี่เอ็นเดินหายไปแบบนี้..


     

              สาม.. แล้วผมจะทำยังไงเล่า!!! TT


     

              สอง.. อยู่ไหนอ่ะ ผมหันซ้ายหันขวา ตีลังกามองกลับหลังก็แล้ว เงาหัวพี่แกผมก็ยังไม่เห็นเลย ฮือ..


     

              หนึ่ง..โอ๊ย.. ถ้าผมเป็นหกคนสุดท้ายจะทำไง ไม่เอานะเฟ้ย


     

              และ.. ศูนย์!”


     

              ‘ปี๊ดดดดด!’


     

              ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ฮือ ผมได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ ผมหาไม่เจอ.. พี่เอ็นไม่ได้อยู่ที่นี่!


     

              หมดเวลาค่ะ!! ใครที่เจอแล้วให้นั่งลงตรงนั้นเลยนะค่ะ เราจะจับคนช้าหกคนสุดท้ายแล้วค่ะ!!” พี่นานะสั่งเสียงดังก่อนจะมีพี่ๆปีสี่เดินเข้ามาในแถวเอาตัวคนที่ยังไม่นั่งออกไปข้างหน้า


     

              และตอนนี้.. ผมเป็นหนึ่งในหกคนสุดท้ายนั่น!!


     

              “เฮ้! สตาฟพาน้องๆทั้ง หก เอ้ย! เจ็ดเหรอ.. เจ็ดคนมาเร็วๆหน่อยสิ!”


     

              เอาแล้ว.. บรรยากาศเดิมกลับมาแล้วว ผมยืนอยู่ต่อหน้าคนทั้งคณะอีกแล้ว..


     

              เกินมาคนนึงฮ่าๆ งั้นมาดูกันดีกว่าค่ะว่าเจ็ดคนนี้หาใครไม่เจอกันบ้าง ถ้าพี่อ่านชื่อใครขอให้คนนั้นลุกขึ้นนะคะ..


     

               ฮายอง!.. ยุนโฮ!.. ฮยองจุน!.. มีซอน!.. ขอสี่คนแรกก่อนค่ะ นั่งอยู่ไหนลุกขึ้นเร็วผมมองกิจกรรมที่ดำเนินไปเรื่อยๆอย่างอธิบายความรู้ไม่ถูก พี่นานะบอกให้สี่คนที่พูดชื่อไปยืนขึ้นก่อนจะพูดเงื่อนไขที่ทำให้ผมแทบอยากจะตายๆไปตรงนี้เลย


     

              เจ้าของชื่อที่ไม่ได้รับป้ายคืนสามารถขออะไรก็ได้จากคนที่หาตัวเองไม่เจอตามจำนวนขีดที่แขนของคนๆนั้นค่ะ จะขอตอนนี้หรือจะขอหลังไมค์กันก็ได้นะคะ แต่พี่อยากให้ทุกคนเคารพกฎค่ะ เอาล่ะแต่ว่าถ้าให้พวกนี้กลับไปนั่งเลยก็จะดูจืดๆไม่สนุก บทลงโทษของเราก็ตามจำนวนขีดที่แขนเหมือนเดิมค่ะ ทั้ง 7 คนนี้จะต้องโดนขีดบนใบหน้าโดยสีที่ทางเราเตรียมไว้ให้..พี่นานะยกสีที่มีอยู่ในขันขึ้นมาโชว์ก่อนจะเดินมาหาสามคนสุดท้ายเพื่ออ่านชื่อต่อให้จบก่อนจะเริ่มบทลงโทษ


     

              มินนี่.. จุนซอง.. แล้วก็คนสุดท้าย.. เอ่อ คนสุดท้ายเอ็นค่ะ!!” เสียงฮือฮาเกิดขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่พี่นานะพูดจบ พี่แกมองผมด้วยความเห็นใจพลางลูบไหล่เบาๆเพราะไม่สามารถช่วยอะไรได้ ให้ตายเถอะ ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับแล้วว่าเกือบจะทุกคนจำเรื่องที่ผมทำไปเมื่อวันก่อนได้ไม่ลืม


     

              เป็นฉันฉันก็ไม่กล้าตามหาพี่เอ็นว่ะแก.. ป๊อดแทนนาง


     

              “ก็จริง ขืนเดินไปนะ.. โอโห ไม่อยากจะคิด ใครจะกล้าเดินไปหาวะอีกอย่างนั่นพี่ว้ากนะเว้ย


     

              “ถ้าฉันเป็นนายนั่น ฉันก็ยอมยืนรอบทลงโทษแบบนี้ดีกว่า ขืนไปโดนตั๊นหน้ากลับมาทำไงทุกคนมองมาที่ผมแล้วก็ซุบซิบ แต่บางทีก็ดังไปจนผมได้ยิน.. แหม่พูดอย่างนี้ลุกมาตบผมเลยไหม ไอ้ที่คุณๆพูดกันเนี่ยผมก็คิดอย่างนั้นมาหมดแล้ว ผิดก็แต่พอเดินไปหาแล้วมันไม่ใช่น่ะสิ!!


     

              แต่เอ้ะ หรือว่า.. พี่แกต้องการให้ผมอับอาย!! โดนตราหน้าว่าเป็นไอ้พวกขี้แพ้ที่เคยไปก่อเรื่องไว้แล้วไม่กล้าเผชิญหน้ากับคู่โจทย์ตัวเองอย่างงั้นเหรอ..? นี่มัน.. เสียศักดิ์ศรีสุดๆ!!


     

              รับขันคนละใบแล้วไปละเลงได้เลยค่ะ ฮ่าๆถ้าสำหรับหกคนที่ไม่ใช่ผมมันก็คงจะสนุกหรือตลกอยู่หรอก แต่นี่.. ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงก็ในเมื่อ..


     

            ตอนนี้พี่เอ็นกำลังเดินย่างสามขุมมาหาผมพลาง ยิ้มให้..


     

              เดี๋ยวนะ.. ยิ้มให้? ยิ้มเนี่ยนะ บ้าป่าววะ?? ไม่ใช่รอยยิ้มเย็นๆหรือกดดันอะไรพวกนั้น แต่แบบเหมือนยิ้มอ่ะ! ยิ้มธรรมดาทั่วไป


     

             เดี๋ยวๆ ผมงงอย่างแรง ไม่เข้าใจอ่ะ นี่มันยังไงหอยอะไรวะ ตกลงกับผมเนี่ยพี่แกจะเอายังไง ดีหรือจะร้ายกันแน่??


            

              ก่อนลงโทษให้ฉันได้ขออะไรจากน้องคนนี้ก่อนได้ไหม?แต่แทนที่พี่เอ็นจะรับสีมาป้ายหน้าผม พี่แกกลับเอื้อมมือไปหยิบไมค์อีกตัวที่อยู่ข้างๆกันขึ้นมากำไว้แล้วพูดแทน.. หันไปถามพิธีกรพอเป็นพิธีที่ตอนนี้พี่คนสวยได้แต่มองหน้าสลับไปมาระหว่างเพื่อนร่วมรุ่นกับผมที่เป็นน้องในคณะอย่างลำบากใจ


     

              ด.. ได้สิ เอ็นจะขออะไรน้องล่ะผมคาดว่าพี่นานะคงจะทำอะไรไม่ถูกเพราะมันไม่มีในสคริปล่ะมั้ง อีกอย่างก็รู้ๆกันอยู่ทุกคนว่าผมกับพี่เอ็นเราไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อนเลย.. รักกันดี๊ดี โว๊ะ! ผมล่ะงง!!


     

              สิ่งที่ผมจะขอจากน้องคนนี้ก็คือ..


     

              “. . . . .”


     

              “ผมอยากจะขอโทษน้องสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนครับ


     

              “. . . .!!” ประโยคไม่คาดฝันที่หลุดออกมาจากปากพี่ที่ยืนไม่ไกลจากผมทำให้ผมตกใจ เป็นไปได้ยังไง.. ใครก็ได้โทรไปบอกคยองซูมาตบหัวผมที่ว่าผมไม่ได้ฝันน่ะ!!


     

               “พี่ยอมรับทุกข้อกล่าวหา พี่กลับไปนอนคิดมาแล้วว่าพี่ไม่ควรพูดกับน้องขนาดนั้น..พี่เอ็นหันหน้ามาหาผมแทนหลังจากที่เมื่อกี้หันหน้าไปทางทุกๆคนที่กำลังนั่งทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมตั้งใจฟังสุดฤทธิ์สุดเดช


     

              “. . . . .”


     

              “เอาเป็นว่าพี่ขอโทษเรามากๆ ..อภัยให้พี่นะพอจบประโยคไม่ทันให้ผมพูดอะไร อยู่ดีๆพี่เอ็นก็ดึงผมเข้าไปกอดแน่น


     

              ผมที่ได้แต่อึ้งทำอะไรไม่ถูก ไปต่อไม่เป็นเลยอ่ะ นี่พี่แกขอโทษผมจริงๆเหรอ.. แต่พี่แกกำลังกอดผมนะ


     

              “อะ.. เอ่อความรู้สึกผิดกำลังเข้ามากัดกินผมอย่างแรงเมื่อคิดถึงเรื่องที่ไปทำให้พี่แกเสียหน้าในวันนั้น.. แต่เพราะพี่แกกอดผมแน่นเกินไปทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกพูดอะไรตอบกลับไม่ได้เลย


     

             ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ..


     

              “. . . . .”


     

             “ขอโทษ..


     

              “. . . . .”


     

             หึ..


     

             “. . . . .”


     

             “ถุย


     

              “. . . . .” คำขอโทษที่ผมเตรียมจะพูดออกมาถูกกลืนลงคอไปทันทีเมื่อน้ำเสียงและท่าทางของคนที่กำลังกอดผมอยู่เปลี่ยนไปจนผมรู้สึกได้


     

              “ขอโทษมึงเหรอ? ตลกสิ้นดี..


     

               “. . . . .”


     

              “มึงคิดว่ายังไงล่ะ คนอย่างกูเนี่ยนะ.. เหอะแรงบีบที่ต้นแขนผมด้านที่หันเข้าเวทีค่อยๆรัดแน่นมากจนเหมือนผมกำลังโดนบีบกระดูกด้วยคีมขนาดใหญ่..


     

             “. . . . .”


     

             “มึงคิดว่ามึงเป็นใคร กล้าดียังไงมาหักหน้ากูวันนั้น..พี่แกกระซิบข้างหูผมเสียงเย้ยหยัน.. เหอะ นี่ผมหลงเชื่อไปได้ยังไงว่าคนแบบนี้จะขอโทษผม..


     

              “. . . . . .” ผมพยายามจะผละหนีจากวงแขนจอมเสแสร้งของคนตรงหน้าออกอย่างยากลำบาก แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมปล่อยตัวผมแถมรัดแน่นกว่าเดิม..


     

              หนอย.. รู้จักผมน้อยไปซะแล้ว!


     

              “กูว่ามึงคิดผิดนะที่มาลองดีกับคนอย่างกู นี่! เลิกดินซักที.. เลิก! ..ดิ้นเพราะผมดิ้นแรงมากทำให้พี่แกเกือบจะตะคอกใส่ผมแต่กลับลำทันซะเลยเปลี่ยนมากัดฟันพูดกรอดๆแทน


     

              งั้นก็ปล่อยก่อนดิ!”  


     

              “หึ! นี่มึงยังกล้าแข็งข้อกับกูอยู่อีกเหรอ ..ได้พี่เอ็นผละออกจากผมแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยแขนทั้งสองข้างของผมให้เป็นอิสระอยู่ดี ผมเลยเงยหน้ามองแบบไม่หลบสายตาและก็เช่นกัน พี่เอ็นมองหน้าผมก่อนจะปั้นรอยยิ้มที่ถ้าผมไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้พี่แกพูดอะไรกับผมผมก็คงจะเชื่อว่านั่นเป็นรอยยิ้มที่จริงใจและแสนดีอย่างที่คนอื่นเข้าใจมาให้ผม.. เหอะ! ผมเกลียดคนแบบนี้ชะมัด!


     

              มึงอยากรู้อะไรไหมเด็กน้อย.. หลังจากที่มึงหักหน้ากูแล้วเดินออกไปวันนั้น.. กูเริ่มทำอะไร


     

              “ไม่ได้ถาม!”
     

     

             ”ปากดีไปเถอะ.. กูอยากรู้ว่ามึงจะปากดีไปได้อีกซักกี่น้ำถ้ามึงรู้ว่ากูรู้เรื่องของครอบครัวมึงมาว่ายังไง

     

     

               “. . . .!!!” คำว่าครอบครัวคำเดียวที่หลุดออกมาจากปากคนตัวสูงตรงหน้าทำให้ผมไม่กล้าขยับและมองฝ่ายตรงข้ามนิ่งด้วยความรู้สึกหวิวๆภายในใจ..

     
     

               ผมไม่ตลกแล้วนะ..
     

     

              “มันน่าสนใจจนกูอยากจะเล่าให้คนอื่นฟังเลยแหละ..


     

              “. . . . .”
     

     

             “ว่ามึงน่ะ..

     

     

              “หยุดพูดได้แล้ว ผมบอกเสียงเรียบ มันไม่สนุกจริงๆถ้าเกิดคุณจะพาลเรื่องส่วนตัวของคนอื่นเพียงเพราะเขามีปัญหากับคุณ..

     
     

              “หึ กลัวอะไรเหรอ?


     

              “บอกให้หยุด
     

     

             ทำไม! กลัวใช่ไหม! กลัวที่จะมีใครรู้นอกจากกูใช่ไหมว่ามึงน่ะ แม่งเป็นลูก เ มี ย น้ อ ย !!”

     

     

             “!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

     

     

             ผลั่ก!!’

     


     

              ‘ซ่า!!!!’ 

     

    *

     

              หลังจากจบคำบัดซบนั่น ผมไม่ลังเลที่จะผลักตัวเองออกจากอ้อมแขนเน่าๆแล้วเอื้อมมือไปหยิบขันบรรจุน้ำสีโคลนข้างๆมาสาดใส่คนตรงหน้าแรงๆเลยซักนิด!!

     
     

              “. . . . .” ผมมองหน้าคนอายุมากกว่าแต่การกระทำกลับไม่ควรได้รับความเคารพเลยด้วยซ้ำอย่างไม่หลบสายตา ณ จุดนี้ผมขอบอกไว้เลยว่าผมไม่สนใจไม่แคร์อะไรแล้วทั้งนั้น!! ใครอยากจะคิดเหี้ยยังไงก็เชิญ!!

     
     

              “ทำพี่ทำไม..?



              เหอะ! การแสดงละครไม่จบไม่สิ้นของคนตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงจนไม่อยากจะเข้าใกล้เกิน 1 เมตรเลยด้วยซ้ำ เอาสิ! เชิญเลย ผมยอมเป็นคนไม่ดี ยอมโดนมองว่าไม่มีมารยาท ยอมโดนทุกอย่างที่มันทำให้ผมดูแย่ลงหรือแม้กระทั่งไม่มีที่ยืนในสังคมดีกว่าการที่ผมดูเป็นคนดีในสังคมแต่ต้องมาแสร้งแบบพี่แกก็แล้วกัน!!

     
     

              “ถ้าจะไม่ยกโทษให้กันก็ไม่เห็นต้องทำกันขนาดนี้เลยนี่..ประโยคที่พ่นออกมามันทำให้ผมพูดไม่ออก.. เห้ย คืออะไรวะ?

     
     

              “. . . . .

     
     

              ถ้ายังโกรธเรื่องวันนั้นอยู่ พี่ก็บอกขอโทษไปแล้วไง จะให้พี่ทำยังไงล่ะ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้พี่ก็คงไม่ทำแบบนั้นกับนายเหมือนกันหน้าตาหน้าสงสารบวกกับแววตารู้สึกผิดมันทำให้ผมอยากจะอ้วก คนแบบนี้นี่เขาเกิดมาบนรางรถไฟเหรอไง สับรางเปลี่ยนตัวตนได้เร็วดีเหลือเกิน เหอะ!

     
     

              “. . . . .”

     
     

              “เรามาเริ่มต้นกันใหม่เลยไม่ได้จริงๆเหรอ?

     
     

              “อย่ามาโดนตัวผม!!!!!!” ทันทีที่มือของคนที่ผมไม่อยากจะเห็นหน้ามากที่สุดตอนนี้เอื้อมมาจะจับที่ต้นแขน ผมก็สะบัดออกอย่างแรงไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น แล้วก็ไม่รู้ว่าแรงของผมมันแรงมากไปหรือแอคติ้งของคนโดนสะบัดใส่แรงเกินไปกันแน่ ไถลไปไกลยิ่งกว่าโดนช้างถีบ!! ควรไปเรียนนิเทศศาสตร์สาขาการแสดงแทนวิศวะนะว่าไหม

     
     

              “อ้าวเฮ้ย! มึงจะเอายังไงกับพี่กู!?” นี่ก็อีกคน.. ไอ้พี่หัวขี้นกที่ไม่รู้มาจากไหนอยู่ดีๆก็ถลาเข้ามาดึงคอเสื้อผมขึ้นก่อนจะค้างหมัดเตรียมตัวปล่อยใส่เป้าหมายเพื่อออกหน้าแทนลูกพี่ตัวเองที่ตอนนี้แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าสะใจมากขนาดไหนที่เห็นผมเป็นแบบนี้ในสายตาของทุกคน!!

     
     

             เหอะ กลัวตายแหละ! บอกว่าไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้นแล้วไงเฟ้ย!!

     
     

              “เอายังไงมันก็เรื่องของผมป้ะ?ผมมองหน้านิ่งๆแต่คนโดนมองอาจจะคิดว่าผมกวนตีน.. แต่เปล่าเลยครับ นี่ผมหมั่นไส้ล้วนๆ ทีสีผมพี่แกเหมือนฟังทองทองนึ่งที่ผมกินตอนไดเอทผมยังไม่เข้าไปยุ่งหรือถามพี่แกซักคำเลยว่าทำแล้วมันไม่เข้าจะทำไปทำไม

     
     

              กูถามดีๆแล้วมึงมาตอบกวนตีนกูเนี่ยนะ?!”

     

             โอ้โห ผมก็เพิ่งรู้วันนี้นี่แหละว่าไอ้คำว่าดีของพี่นี่คือการถลาเข้ามาดึงคอเสื้อคนอื่นเตรียมต่อยขนาดนี้ทั้งๆที่มันก็ไม่ใช่เรื่องของตัวเองด้วยซ้ำมันเรียกว่าดีด้วย

     
     

              “ม.. มึงหาว่ากูขี้เสือกเหรอ!!?”

     
     

             “ก็แหม่.. พูดเองนะครับ

     
     

             “ป..ปากดี!! แบบนี้กูขอสั่งสอนซักหมัดสองหมัดหน่อยเป็นไง!!”


     

             หมับ!!’

             


             “แล้วสันดารอย่างมึงนี่..”


     

              “. . . .!!!!!”

     

     

             กูต้องสั่งสอนยังไง?”

     

            




















    100%








     

    -Talk-
    บางคนอาจจะแบบ นี่ 25% จริงเหรอ? ทำไมน้อยจังอะไรอย่างนี้ ไรเตอร์ขอโทษค่ะ ฮือ คือเขียนไปๆมาๆ
    มันเหมือนจะเพิ่มเป็นเต็ม
    120-130% เฉยเลย เนื้อหาก็เกินไปตอนหน้าด้วยค่ะ แชปนี้เลยขออนุญาต 25% เท่านี้ T T
    ยังไงก็ตาม.. เค้าขอไถ่โทษด้วยตอนหน้า จะให้บี๋เจอพี่ชานจริงๆจังๆแล้วนะคะ ไม่ใช่อิพี่เอ็นแล้วค่ะ แหม่ๆ 55
    สามตอนแรกก็มีแต่พี่เอ็น ไรเตอร์เกือบคิดไปหลายรอบแล้วค่ะว่าอิพี่เอ็นคือพระเอกฮ่าๆๆๆๆๆๆ

    ปล.นี่คืออิพี่เอ็นในเรื่องนะคะ ตัวจริงชื่อหยางฟาน(Yang Fan)ค่ะ สมาชิกวง H.I.T-5 


         

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×