ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO | C'SUNBAE { chanbaek ft. hunhan }

    ลำดับตอนที่ #2 : C ' S U N B A E Chapter 2 : เครียด

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 58



    C’SUNBAE Chapter : 2

     ‘เครียด

     

     

     

              ฮึก..ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย.. หลังจากที่ผมออกมาจากคณะก็รู้สึกเค้งคว้างจนแทบจะล้มทั้งยืน นี่ผมทำอะไรลงไปเนี่ย.. ฮือๆๆ

     
     

              ยืนนิ่งอยู่กับที่ได้ไม่นานเพราะไม่รู้ตัวเองจะไปไหนดีนอกจากหอพักที่มีแต่กองหนังสือกับตุ๊กตาคุมะขนาดเท่าใหญ่เท่าภูเขาที่ถ้ากลับไปก็คงต้องไปนั่งจุ้มปุ้กเฉาตายในห้องแน่ๆ..


     

              ไปไหนดีวะเนี่ย..


     

              และพระเจ้าก็ยังไม่ใจร้ายกับผมจนเกินไป ท่านยังอุตส่าห์เมตตาส่งอัศวินแท็กซี่สีแดงแป๊ดมาให้ ผมจึงไม่ลังเลที่จะโบกพี่เขาแล้วมาลงที่หลังมอ..


     

               แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ผมดีขึ้นเลย..


     

              กลับกันเลยต่างหาก!! ผมมาลงที่หลังมอ! หลังมอมีแต่ของกิน! แล้วพอผมเครียด! ผมก็จะยิ่งกิน!! นี่มันแย่กว่าการกลับไปนอนที่หออีกนะ!!


     

              “เอาชาเขียวปั่นใส่ปีโป้อีกแก้วนึงครับพี่ถึงจะอย่างงั้นก็เถอะ แต่ผมไม่สามารถบังคับให้ตัวเองหยุดกินได้.. ไหนๆกลุ้มเรื่องพี่ที่คณะไปแล้ว เครียดเรื่องน้ำหนักเพิ่มซักโลสองโลอีกเรื่องคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง  


     

               ซักครู่นะครับพี่เด็กเสิร์ฟยิ้มหวานให้ผมเป็นรอบที่ห้าแล้วมั้งเนี่ย พี่แกมารับออเดอร์ มาเสิร์ฟออเดอร์กี่ครั้งๆก็ยิ้มหวานให้ลูกค้าตลอด ซักวันผมยังแอบกลัวแทนพี่แกเลยว่ามดจะขึ้นปากบางๆน่าจุ๊บนั่นไหม


     

              ‘RrrrrrrrrRrrrrrrrrr’ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากในกระเป๋าสะพายที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้ผมต้องควานหามันเพื่อเอาออกมากดรับสาย ตั้งแต่มาถึงผมก็เอาแต่กินอย่างเดียว ไม่ได้แตะโทรศัพท์เล่นแอพหรือโทรหาใครเลยซักคน


     

              ‘D.Kyungsoo’


     

              “ฮัลโห..


     

              ‘มึงอยู่ไหนเนี่ย!!?’ ไม่รอให้ผมพูดทักทายจนจบ คยองซูก็ถามผมกลับมาเสียงดัง


     

              อยู่หลังมอร้านหนอนชาเขียว..ผมเงยหน้าหันซ้ายขวาไปมาเพื่อมองหาชื่อร้านแล้วตอบปลายสายกลับไป


     

              “เออ อยู่นั่นเลยนะ!เดี๋ยวกูไปหาตอนนี้แหละ!!”


     

              ‘ติ๊ด!’ แล้วคยองซูมันก็วางสายผมไป..


     

              อะไรของมันเนี่ย.. โทรมาถามๆสั่งเสร็จแล้วก็วาง กะไม่ให้ผมพูดอะไรหน่อยเลยใช่ไหม แต่ก็ดี.. คยองซูมาที่นี่ผมจะได้ปรึกษามันซักหน่อยว่าผมควรจะเอายังไงต่อดีกับชีวิตที่เริ่มบัดซบตั้งแต่วันแรกขนาดนี้


     

              แบคฮยอน!!”


     

             เสียงดังทำไมเนี่ย! ตกใจหมดเลยผมแทบจะสำลักชาเขียวปั่นแก้วใหม่ที่พี่เด็กเสิร์ฟเพิ่งยกมาให้เมื่อกี้ออกมา ดีนะปิดปากแล้วกลืนลงไปทัน ไม่งั้นเสียดายของแย่


      

            ว่าแต่ทำไมมาเร็วจังวะ เพิ่งวางสายกูไปไม่ถึงสามนาทีเองหนิ?ผมถามคยองซูที่ยืนเท้าสะเอวจ้องหน้าผมไปด้วยความสงสัย เอ.. หรือว่ามันจะอยู่แถวนี้แล้วก่อนหน้านั้น


     

              ไม่ทันให้ได้คิดหาคำตอบไปมากกว่านี้ คำตอบจริงๆก็ถูกเฉลยทันทีที่นิ้วป้อมๆของคยองซูชี้ไปที่ผู้ชายสูงรูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่งที่กำลังก้าวลงจากรถสปอร์ตคันหรูที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้าน..


     

             ไอ้เชี่ยคยองซู!! วันแรกมึงก็สอยป๋ามาแล้วเหรอวะ มึงนี่มัน!!” ผมที่กำลังจะลุกขึ้นไปหยิกคยองซูด้วยความหมั่นไส้ก็โดนมันห้ามด้วยการเหลือกตาที่เหมือนนกฮูกนั่นใส่ผม ก่อนจะพูดประโยคที่ผมไม่ค่อยเข้าใจออกมา


     

              “หยุด! อย่าเพิ่งโวยวาย นั่งนิ่งๆ เฉยๆ แล้วก็เลิกพูดกูมึงกับกูก่อนด้วย เข้าใจไหม!?” ผมกำลังจะอ้าปากเถียงกับคยองซูว่าทำไมผมต้องยอมทำตามที่มันบอกด้วย  แต่ก็ต้องหุบปากฉับอย่างที่มันบอกจริงๆเมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่เมื่อกี้กำลังทำหน้าทำตาจะกินเลือดกินเนื้อใส่ผมอยู่หยกๆดันหันหน้าไปแล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานออดอ้อนใส่ไอ้พี่บุญทุ่มอะไรนั่นของมันแทน ที่พอเปิดประตูร้านเข้ามาแล้วก็เล่นเดินมาโอบเอวของไอ้คยองซูจากด้านหลังทันทีอย่างเนียนๆ


     

              ..แรงอ่ะ!! ไปทำความรู้จักถึงขั้นสนิทสนมแตะเนื้อต้องตัวกันตอนไหนวะ ยี๊.. หมั่นไส้!! ไอ้เพื่อนไม่รักดี มีก่อนเพื่อนได้ยังไง!!?


     

              “พี่ซึงยูนนี่แบคฮยอนเพื่อนสนิทคยองฮะ ..แบคฮยอนนี่พี่ซึงยูนนะ เพื่อนรุ่นพี่ที่คณะของคยองเอง..เป็นพี่น้องกันน่ะพี่น้องบ้านแกสิ โอบเอวจนจะสิงร่างกันได้อยู่แล้ว!


     

               “ฮ่าๆ สวัสดีครับพี่..แน่นอนว่าประโยคก่อนหน้านี้ผมต้องเก็บไว้ในใจ ขืนพูดออกไปนะ อื้อหือ ไม่อยากจะคิด.. พี่ซึงยูนยิ้มตอบกลับผมเล็กน้อยก่อนนั่งลงข้างๆคยองซูที่นั่งลงทันทีที่แนะนำพวกผมสองคนให้รู้จักกันเสร็จ


     

              ผมมองหน้าคยองซูสลับกับเหลือบมองหน้าพี่ซึงพยูนอะไรนั่นของมัน คุยกันจิ๊จ๊ะซะเหลือเกิน ผมที่เป็นเจ้าของโต๊ะเลยได้แต่นั่งนิ่งๆ เฉยๆแบบที่มันบอกในตอนแรก.. ก็จะให้ผมพูดเรื่องที่กลุ้มใจต่อหน้าพี่เขาที่ผมแทบไม่รู้จักอะไรนอกจากชื่อเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว! โด คยองซูบ้าไปแล้วแน่ๆ!!


     

               “พี่ไปก่อนนะ แล้วคืนนี้จะโทรหาครับเด็กดีแต่หลังจากผมบ่นในใจไปไม่ถึงสิบวิ อยู่ดีๆพี่แกก็ลุกขึ้นซะดื้อๆ ขยี้ผมไอ้คยองซูก่อนจะเดินออกจากร้านไปโดยไม่บอกไม่กล่าว


     

               ผมนี่.. ยิ่งกว่าฝุ่นเลยครับท่านผู้ชม..


     

              “อะไรของมึงเนี่ย!?” และแน่นอนว่าผมไม่ปล่อยให้พฤติกรรมแบบนี้ของไอ้คยองซูลอยนวลไปเฉยๆแน่ ผมหันไปจ้องหน้ามันเหมือนจะถามว่ากำลังทำอะไรอยู่อธิบายมาเลย คนเมื่อกี้น่ะ!”


              

              “ก็พี่ซึงยูนไง เพื่อนรุ่นพี่ที่คณะ


     

             “แล้วมึงไปรู้จักมักจี่กับพี่นั่นขนาดนั้นตอนไหน แล้วไหนจะเอามานั่งร่วมโต๊ะด้วยอีก คือไร? นี่มันเพิ่งเปิดเทอมนะเฟ้ยคยองซูแทบไม่ได้สนใจที่ผมพูดเลยเพราะมันมัวแต่ทำท่าน่ารักโบกมือบ๊ายบายคนที่กำลังจะขับรถออกไปอย่างออกนอกหน้า ที่แม้แต่กระจกก็ยังขวางกั้นความหน้าๆของมันไม่ได้อยู่ดี


     

              โด คยองซู!!” ผมแทบจะร้องออกมาไม่เป็นภาษาเมื่อเริ่มทนไม่ไหวกับไอ้คยองซูที่ตอนนี้มันก็ยังไม่ยอมหันหน้ามาสนใจฟังสิ่งที่ผมกำลังพูดอยู่ดี


     

              “รู้จักตอนไหนก็เรื่องของกูน่า อีกอย่างพี่ซึงยูนเขาไม่ได้จะตั้งใจจะมาให้มึงอึดอัดหรอก ก็แค่มาดูหน้าคนที่กูมาหาเท่านั้นเอง


     

              “แล้วทำไมต้องดูหน้า


     

              “อย่าถามมากดิวะ หน้ามึงไม่ผ่านมาตรฐานเขาเลยขับรถออกไปปล่อยให้กูอยู่กับมึงได้แล้วจะเอาไรอีก คยองซูบ่นปัดๆพลางแย่งน้ำในมือผมไปดูดจ๊วบๆ

     
     

              น..หนอย! ฝากไว้ก่อนเหอะ! อย่าให้กูมีบ้างนะผมคว่ำปากพูดก่อนจะแย่งชาเขียวปั่นกลับมาถือ


     

              ว่าแต่มึงเถอะ อย่าให้มีบ้างนะอะไร มึงไม่ต้องอย่าแล้ว! มึงมีแล้วเนี่ย!! เล่ามาให้หมดว่าเมื่อเช้ามึงไปทำอะไรมา!!?” จากที่ตอนแรกเป็นผมที่นั่งจับผิดมัน ตอนนี้กลายเป็นว่าไอ้เหลือกแบ๊วนี่กำลังแหกเนตรเบิกตาใส่ผมเพื่อค้นหาความจริงแทน.. ซวยละไง ผมไม่อยากไปนึกถึงมันอีกเลยเถอะให้ตาย


     

              โถ่มึงก็.. กินไรมารึยังคยองซู?


     

             “ยัง


     

             “งั้นเดี๋ยวเค้าสั่งให้เน๊อะ.. เอาฮันนี่โทสต์กับกล้วยปั่นเพิ่มที่หนึ่งครับพี่ พอพี่เด็กเสิร์ฟมารับออเดอร์แล้วจากไป สุดท้ายผมก็จำต้องยอมหันหน้าไปทางเพื่อนสนิทที่นั่งกอดอกมองยกยิ้มสยองให้อยู่ก่อนแล้วอย่างช่วยไม่ได้.. เฮ้อ


     

              เสร็จรึยัง เสร็จแล้วเนอะ.. มึงเล่ามาให้หมดนะสัส!”


     

              “ก็ แบบว่า..ผมเอานิ้วชี้ทั้งสองข้างมาจิ้มๆกันอย่างไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหนดี แต่สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเริ่มเล่าตั้งแต่แรกที่ผมตื่นสายแล้วก็นั่นแหละ..


     

              จนจบที่ผมเดินหนีออกมาแล้วลี้ภัยการเมืองและความเครียดมานั่งแช่อยู่ในร้านหนอนชาเขียวกับของแดกสารพัดอย่าง ที่พรุ่งนี้ตื่นมาแล้วอยากจะหาอะไรบวมๆซักอย่างมาอุดหูเวลาแม่ปลุกให้ตื่นไปโรงเรียนก็สามารถยืมเอาหน้าผมไปใช้ได้เลยฟรีไม่คิดตัง..รับรองปิดสนิทแนบชิดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงขี้หูสั่น


     

              “. . . . .”


     

              ”. . . . .” พอเล่าจบมันก็เงียบ.. ผมเลยเงียบตาม คยองซูมองหน้าผมซักพักก็เอาหน้าผากใสๆของมันมาเขกใส่เหม่งน้อยๆของผม


     

              โป้ก!’


     

              “โอ๊ยคยอง! เจ็บนะผมลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ ไม่วายโดนคยองซูทำหน้าเหมือนหมาโดนยาเบื่อใส่อีกอยู่ดี


     

               “อะไรเล่า! ช่วยพูดออกมาซักอย่างสิ มองหน้าอย่างนั้นกูจะไปรู้กับมึงได้ยังไงล่ะ


     

               “อย่างแรกเลย! มาให้กูตีก่อนดิ้แบคฮยอน ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้ห๊า?! นี่ยังไม่เลิกนิสัยปากไวกว่าสมองอีกเหรอไง ไม่เข็ดซักทีใช่ไหม!” คยองซูเอื้อมมือมาตีหน้าผากผมเสียงดัง ก่อนจะตามด้วยการหยิกแขนผมไปทั่ว


     

              โอ้ยๆๆๆๆ เจ็บนะเฟ้ย หยุดได้แล้ว!” ผมปัดแขนสั้นๆของมันออกก่อนจะมองตาเขียวปั้ด.. แต่ดูซิ มันควรเป็นผมไม่ใช่เหรอที่ต้องแสดงสีหน้าออกมาอ่ะ แล้วทำไมคยองซูมันถึงยังมาชักสีหน้าแบบนั้นใส่โผ๊ม โอยลูกช้างผิดอะไรนักหนา


     

              มึงนี่มันมึงจริงๆแบคฮยอน! มึงจะแบคฮยอนไปไหน เดี๋ยวแม่ตบคว่ำเลยหนิ! แล้วดูซิ เตรียมบอกลาชีวิตในมหาลัยอันแสนสงบสุขที่มึงเคยฝันไว้ได้เลย พับใส่ลิ้นชักแล้วปิดตายไปซะไม่ต้องเสียเวลาไปคิดแล้ว เพราะตอนนี้คนครึ่งค่อนมหาลัยเขารู้จักมึงกันหมดแล้ว!!”


     

               “ไอ้เรื่องชีวิตอันสงบสุขที่พังไม่เป็นท่าของกูมันก็ฟังขึ้นอยู่นะคยองซู พอนึกภาพออก ..แต่ไอ้การที่ครึ่งมหาลัยรู้จักกูเนี่ย เวอร์ไปป่าว มึงเอาอะไรมาพูดผมลูบแขนตัวเองพลางพลิกดูรอยหยิกมหาประลัยมากมายก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของรอยบ้าๆพวกนี้


     

               ไม่เวอร์หรอก นี่มึงไม่ได้เข้าไปเช็คทวิตวันนี้เหรอไง?


     

              ไม่อ่ะ กูยังไม่แตะเลย ฟุ้งซ่านก็เลยแดกอย่างเดียว มันมองหน้าผมด้วยสายตาโหดๆอีกแล้ว อะไรอีกล่ะทีนี้


     

                โอ๊ย มึงดูนี่นะ..ไอ้คยองซูมันเปลี่ยนจากนั่งตรงข้ามมานั่งเก้าอี้ตัวเองเดียวกับผมก่อนจะพิมพ์อะไรซักอย่างที่ผมพบว่ามันเป็นแท็กแล้วยื่นให้ผมดู..





     

              ‘ #ABCU

     

              -กล้าไปป่าววะ อยู่ยากแน่กูว่า ขอ RIP น้องคนนั้นล่วงหน้าละกันครับ #ABCU

                                รีทวีต 235                       ชื่นชอบ 12

              -จะขำหรือจะสงสารดี พี่เป็นกำลังใจน้องนะคะ น้องกล้ามาก ระวังตัวไว้ดีๆ.. #ABCU

                                     รีทวีต 138                        ชื่นชอบ 4

               -ถ้าผมเป็นน้อง ผมจะลาออกจากมหาวิทยาลัยวันพรุ่งนี้เลย ฮ่าๆๆๆๆ หยอก #ABCU

                                รีทวีต 163                   ชื่นชอบ 3     

     

                -โอ้ยพวกแม่งนี่หนิ ไซโคน้องกันซะ น้องมาอ่านคงฉี่ราด น้องคนนั้นน่ะ ไม่ต้องไปคิดมาก น้องกล้าขนาดนั้นก็กล้าต่อไป วันไหนที่น้องเลิกกล้า ไม่มีที่ยืนแน่นอนพี่เฟิมๆ #ABCU

                                      รีทวีต 204                         ชื่นชอบ 7

             

              -ยาและผลิตภัณฑร์เสริมความงามถูกๆ ปีหนึ่งลด 30% ปีที่เหลือถ้าเคยเป็นลูกค้าลด 25% สนใจติดต่อ @milkbeautiful  ไม่มีปิดรอบสั่งได้เรื่อยๆ แม่ค้าใจดีมากสอบถามได้ #RIPปีหนึ่งวิศวะ #ABCU

                                      รีทวีต 23                          ชื่อชอบ 1

     

                 -หน้าตางุ้มงิ้มแบบนี้ปากไม่ธรรมดา ต้องสแกนดีๆนะครับ เตือนด้วยความรักจาก #สมาคมหล่อยกน้ำหนักABCU ไม่อยากเห็นผู้ชายอบซ.โดนกดขี่ pic.twitter.com/evfhk64fh..

                               รีทวีต 103                          ชื่นชอบ 8

     


     

     

              เฮ้ยเดี๋ยวๆๆ! ละทำไมไอ้คนนี้มันถึงมีรูปหน้ากูด้วยวะมึง!!” ณ จุดนี้หลังจากอ่านมาได้ไม่กี่ทวิต ผมก็แทบจะเป็นลมล้มทับพุงตัวเองตายอยู่แล้วเนี่ย ไอ้ข้อความเตือนๆไซโคๆนี่ไม่เท่าไหร่หรอก(เหรอ) แต่ไอ้ทวิตล่าสุดที่ผมอ่านเนี่ยทำไมมันมีรูปผมล่ะ!!?

     
     

              กูจะรู้กับมันไหม ..นี่มันไม่ใช่ตอนที่มึงออกไปเถียงกับพี่ว้ากคณะมึงเหรอ กูว่าต้องแอบถ่ายตอนนั้นชัวร์คยองซูเอาไปดูบ้างก่อนจะพูดออกมาหลังจากมันจับใจความเชื่อมโยงอะไรของมันได้ก็ว่าไป


     

              เออให้มันได้อย่างนี้สิ..ผมบ่นไปแล้วนั่งกุมขมับ เครียดเลยครับเครียดเลย! จนนึกอะไรก็ได้ก่อนจะตีขาตัวเองดังป้าบ!!


     

              “กูรู้ละ! ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพราะมึงเลยคยองซู!!”


     

              “อะไรของมึง


     

              “ก็มึงไม่ยอมโทรปลุกกูอ้ะ!! กูเลยตื่นไม่ทันทำให้มาสาย แล้วพี่ว้ากก็ด่าประจารกูแล้วเรื่องเฮี้ยๆทุกอย่างก็เกิดขึ้น เพราะมึงไม่ยอมโทรมาปลุกกู!!!”


     

               “อย่ามาโยนความผิดให้กูนะ! ใครจะคิดล่ะว่าคุณเพื่อนสุดที่รักของกูมันจะโง่เสือกไม่ตั้งนาฬิกาปลุก แล้วอีกอย่างของคณะกูเขานัดตั้งแต่หกโมงเช้า! จะให้กูโทรไปตอนไหน กูมีอะไรต้องทำนะ ไม่ได้ตัวติดกันห้องเดียวกันเหมือนตอนมัธยมแล้วนะเฟ้ย รำไม่ดีโทษปีโทษกลองสัสๆไอ้คยองซูร่ายยาวก่อนจะมองค้อนผมตาเขียวปั้ดแล้วหันกลับไปสนใจโทรศัพท์ในมือต่อ..


     

              “โด่.. ไรวะ ใช่สิ้ ไม่รักกูแล้วนี่ผมยู่หน้าลงอย่างงอนๆเพราะไม่สามารถหาเหตุผลเน่าๆอะไรมาลบล้างประโยคเมื่อครู่ของมันได้ ไอ้คยองจะพูดอีกก็ถูกอีกของมัน ผมลืมไปได้ยังไงว่ามันเรียนสัตวแพทย์ คณะมันกับวิศวะของผมนี่คนละทางเลย อะไรๆมันจะไปเหมือนกันได้ยังไง.. เนอะ


     

               เฮ้อ.. ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ถึงดูมีเหตุผลเป็นของตัวเองกันจังเลยวะ เว้นแต่ผมนี่แหละพระเจ้าลงโทษ หาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเองไม่ได้เลยซักอัน


     

              “เอ๊ะ.. เดี๋ยวนะแบคฮยอน คนผมน้ำตาลๆที่มึงเถียงด้วยนี่.. ชิบหายละผมที่กำลังเอามือก่ายหน้าผากตัวเองด้วยความกลัดกลุ้มแล้วพอได้ยินเพื่อนสนิทพูดยังนั้นก็ไม่ลังเลที่จะเอามาบีบรูจมูกตัวเองไว้รอ


     

              เออ เรื่องเฮี้ยอะไรอีกล่ะ บอกมาทีเดียวให้หมด กูรอกลั้นใจตายละ


     

              “พี่ว้ากคนที่มึงเถียงด้วยเมื่อเช้านี้ชื่อเอ็น อยู่กลุ่มเดียวกันกับพี่ซึงยูน


     

              “. . . . .”         

              จะให้พูดง่ายๆก็คือ สองคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทกัน..


     

              “แล้วมึงว่าดีหรือไม่ดีล่ะผมเงียบไปซักพักก่อนจะถามคยองซู มันได้แต่มองตาผมแล้วก็ยักไหล่


     

              ไม่รู้สิ กูไม่รู้ว่าพี่เอ็นกับมึงมีปัญหากันระดับไหน..


     

              “. . . . .”


     

              “แต่เอาเถอะ ถ้ากูช่วยได้กูช่วยเต็มที่แน่มึง เพื่อนกูทั้งคนนะเว้ย


     

              “ขอบใจนะมึง


     

              “เออ เรื่องแค่นี้เองๆ อย่าไปเครียดมาก ตีนกาขึ้นหน้าพอดีมันตบไหล่ผมอย่างให้กำลังใจ ประจวบเหมาะกับที่พี่เด็กเสิร์ฟเอาโทสต์กับน้ำปั่นที่สั่งไปมาวางบนโต๊ะ มือป้อมๆที่แตะไหล่ผมอยู่ก็ผละออกแล้วหันไปจับซ่อมจับมีดแดกทันที


     

              มึงอยู่ดีๆคยองซูก็พูดขึ้นพลางเงยหน้าจากโทรศัพท์แล้วหันมามองผมตาแป๋ว..


     

              “อะไร


     

              “ขอบใจสำหรับของกิน แต่ตอนนี้กูไม่ว่างแล้วอ่ะ


     

             “อะไรของมึง มึงเพิ่งมานั่งเป็นเพื่อนกูได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยนะเว้ย แล้วทำไมกินไม่หมด.. เอ่า แล้วนั่นจะลุกไปไหน!?” ผมมองมันที่เก็บกระเป๋าเสร็จก็ลุกออกจากที่นั่งแล้วเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูหน้าร้าน


     

              “เอาไว้วันหลังกูเลี้ยงข้าวไถ่โทษ แต่ตอนนี้กูต้องไปแล้วจริงๆ


     

              “เฮ้ยเดี๋ยว! นี่กูอุตส่าห์สั่งมาให้มึงนะ มาแดกให้หมดก่อนดิ กูไม่แดกแทนมึงนะเว้ย แค่นี้กูก็จะอ้วนแล้วเนี่ย!!”


     

              “เออน่า.. อ้วนอ่ะน่ารักแล้ว แต่ถ้ามึงไม่ชอบเดี๋ยวว่างๆกูพาลดน้ำหนัก กูไปนะมึง ~” มันบอกผมเสียงยานคางก่อนจะเดินออกจากร้านไปแล้วหันไปกอดทักทายกับผู้ชายร่างสูงคนนึงที่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ความสัมพันธ์ธรรมดาๆ..


     

               แล้วก็ไม่ใช่คนก่อนหน้านี้ด้วย..


           

              “. . . . .” ผมมองคยองซูตาขวางทันทีที่มันหันมาโบกมือหยอยๆให้อย่างหน้าไม่อายก่อนจะหายเข้าไปในรถคันหรูและทยานออกไปทันทีจนลับสายตา..


     

              เหอะ กิ๊กคนไหนของมึงอีกล่ะ ทิ้งเพื่อนไปกับผู้ชาย ดีจริงๆ..ผมกอดอกบ่นก่อนจะหันหน้ากลับมามองฮันนี่โทสต์กับกล้วยปั่นตรงหน้าที่พร่องลงไปนิดเดียวอย่างไม่สบอารมณ์


     

              ช่วยไม่ได้ล่ะวะเพราะความเสียดายผมจึงจำเป็นต้องจับซ่อมขึ้นมาแล้วจิ้มลงไปที่ขนมปังสีเหลืองน่ากินกับน้ำผึ้งเยิ้มๆที่ยังอุ่นๆอยู่ยัดใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆผลัดกับดูดกล้วยปั่นทีล่ะอึก..


     

              เหอะ.. ที่กินต่อนี่ไม่ใช่เพราะไม่อิ่มหรืออะไรเลยนะ เพราะความเสียดายอย่างเดียวเลย..


     

              เสียดายล้วนๆ!!























     

              10 นาทีต่อมา..

     































































     

              “พี่ครับขอเค้กนมสดกับเค้กช็อกโกแลตเพิ่มอย่างละชิ้นครับ!”




              ..ผมลืมบอกไปน่ะครับว่าผมมีโรคประจำตัวอยู่โรคหนึ่งที่ชื่อว่า 'โรคเครียดลงกระเพาะ' อาการและวิธีแก้ปัญหามันก็ง่ายๆตามชื่อโรคเลย  




              
    พอไอ้ความเครียดเนี่ยมันมาลงกระเพาะผมใช่ไหมล่ะ.. เป็นคุณคุณจะทนเห็นร่างกายตัวเองโดนทำร้ายได้ลงคอเลยเหรอ?





              วิธีแก้ปัญหาโรคนี้เวลาอาการกำเริบมันโคตรจะง่ายและเป็นอะไรที่ผมชอบมากๆอย่างหนึ่งเลยก็คือ.. การหาอะไรหวานๆมากินครับ




              กินเสร็จแล้วนอนเลยนะ ไม่ต้องอาบน้ำด้วย..




              ..นั่นแหละ วิธีแก้ความเครียดที่ดีที่สุดของผมเลยล่ะจะบอก อิอิ 





              





     

    100%





     




     

    -Talk-
    อย่าไปเชื่อแบคฮยอนกันนะคะทุกคน ทำแล้วลงพุงจริงอะไรจริง ไรเตอร์ลองมาแล้ว ฮ่าๆๆ
    เค้ามาอัพช้ามาก ขอโทษค่า  m_ _m 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×