คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : BREAKING DOWN : V [RE WRITE]
BREAKING DOWN (V)
เสียงหวานของคุณแม่พัคอึนจีตะโกนเรียกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องรับแขกมาทานข้าวหลังจากเรียนในสัปดาห์แรกมาหลายวัน พอถึงวันหยุดเจ้าเด็กอ้วนเลยกลับมาหาแม่และแม่นมที่บ้าน
“ ถ้าฮุนกินหมดต้องอ้วนเป็นหมูแน่ๆ เลย ” คนน่ารักพองลมจนแก้มตุ่ยก่อนจะย่นจมูกให้ตัวเองหน้าเหมือนหมู ขาเรียวสวยเดินอ้อมมานั่งเก้าอี้ประจำที่ก่อนจะลงมือกินข้าวไปด้วยหัวเราะไปด้วยคิกคักไปตามประสา
“ เราอ้วนเป็นลูกหมูอยู่แล้วไม่ใช่หรอหื้ม ” มือเรียวของคุณแม่เอื้อมมาบีบแก้มกลมอย่างหมั่นเขี้ยวพร้อมเอ่ยแซวอย่างหยอกล้อ
“ แม่อ่าา ถ้าจีฮุนเป็นลุกหมูก็ต้องเป็นลูกหมูที่น่ารักมากแน่ๆ เลย ”
“ ใช่แล้วค่ะคุณหนู นี่นมกับคุณแม่ท่านตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะคะเพราะฉะนั้นทานเยอะเลยค่ะ ” คุณแม่นมเอ่ยก่อนจะตักนู่นตักนี่ใส่จานให้เต็มไปหมด
เห็นแม่ยิ้มกว้างแบบนี้จีฮุนเองก็ยิ้มตามไปด้วยตั้งแต่ย้ายไปอยู่หอแม่กับแม่นมคงเหงาน่าดูและทั้งคู่ก็อายุมากแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรงนัก
“ ไหนเล่าให้แม่ฟังหน่อยที่โรงเรียนสนุกมั้ยลูก ” แม่เอ่ยถามกับเจ้าก้อนกลมที่หลังจากกินข้าวเสร็จก็มานอนหนุนตักเล่นบนพรม คุณแม่อึนจีก้มหน้าลงมองใบหน้าที่คล้ายกับเธอราวกับแกะปากอิ่มสวยยิ้มรับพร้อมกับลูบหัวแก้วตาดวงใจของเธออย่างอ่อนโยน
“ เพื่อนใหม่น่ารักมากครับ ไว้จีฮุนจะพาสองแสบมาให้แม่กับแม่นมรู้จัก ”
เมื่อนึกถึงสองแสบที่ตอนนี้ก็คงจะอยู่กับครอบครัวเหมือนกัน อดที่จะเล่าวีรกรรมต่างๆ ในหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้ว่าสองแสบดูแลจีฮุนดีขนาดไหนแม่กับแม่นมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก เพราะแค่นี้แม่ก็ทุกข์ใจมากอยู่แล้วถึงแม่จะไม่พูดหรือแสดงมันออกมาก็เถอะ
“ ขนาดนั้นเลย ไว้พามาหาแม่นะลูก ” เธอดีใจไม่น้อยที่ลูกชายของเธอเจอเพื่อนที่ดีที่ค่อยดูแลจีฮุนให้ เพราะเธอไม่ได้อยู่กับลูกชายตลอดเวลา
แต่ก็สบายใจที่ยังมีอีกคนที่เธอเชื่อว่าจะดูแลจีฮุนของเธอได้ดีกว่าใครๆ เลย
“ คุณหนูจะกลับเลยมั้ยคะ นานกว่านี้จะถึงหอค่ำเอานะคะนมเป็นห่วง ” คำบอกเล่าของแม่นมทำให้เจ้าของนัยน์ตาหวานเหลือบไปมองนาฬิกาที่เข็มสั้นชี้ไปที่เลขหกแล้ว ก่อนจะพยักหน้าตอบรับไปแล้วเดินไปเก็บของ
“ อย่าดื้อนะครับลูกหมูของแม่ ” คุณแม่อึนจีลูบหัวเจ้าลูกหมูตัวดีก่อนคนน่ารักจะหอมแก้มเป็นการตอบแทน
“ ไม่ต้องห่วงคุณแม่นะคะ นมจะดูแลให้เป็นอย่างดี ” แม่นมเอ่ยบอกกับทูนหัวของเธอก่อนจะสวมกอดเต็มรักอย่างเอ็นดู
“ โอเคครับ จีฮุนไปแล้วนะครับ ”
เนื่องจากบ้านของตัวเองเป็นหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ที่มีระบบความปลอดภัยค่อนข้างดีมาก รถแท็กซี่จึงไม่ค่อยได้เข้ามาข้างในแต่ระยะทางจากบ้านออกมาถึงถนนใหญ่ก็ไม่ได้ไกลนักคนตัวเล็กจึงเลือกที่จะเดินเอา จีฮุนขับรถเป็นแต่เลือกที่จะไม่ขับเพราะถ้าขับก็คงจะช้าเป็นเต่าไม่วายได้โดนรถคันอื่นบีบแตรไล่เป็นแน่ จีฮุนไม่ชอบขับรถและจีฮุนก็ไม่ชอบความเร็ว
เพราะความใจร้อนของใครบางคนได้พรากคนที่จีฮุนรักไป…
แหมะ
เจ้าของผิวกายขาวสะดุ้งเมื่อสัมผัสได้ถึงหยดน้ำเล็กๆ ที่กระทบลงมือเรียวสวย หัวกลมสะบัดไล่ความคิดในวันวานออกไปก่อนจะเงยหน้ามองไปตามถนนหนทางด้านหน้า เผลอร้องไห้อีกแล้ว…
มือสวยยกขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนจะเดินเตาะแตะมาเรื่อยๆ เวลาก็ล่วงเลยมาเรื่อยๆ คนตัวเล็กก็ไม่มีทีท่าว่าจะเรียกแท็กซี่กลับโรงเรียนตอนนี้จีฮุนเพียงอยากจะเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจะว่าไปตั้งแต่วันนั้นที่ห้องสภาก็ยังไม่ได้เจอหน้าเซนอีกเลย
ไม่รู้ว่าแผลที่มุมปากจะหายหรือยังนะ
Ring…
[ นี่กว่าจะกดรับทำอะไรอยู่ห้ะ ] กายขาวสะดุ้งขึ้นอีกรอบเพราะมัวแต่เดินเหม่อเลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ซึ่งคนที่โทรมาก็คือแดฮวีเพื่อนตัวเล็กที่น่ารักของจีฮุนนั่นเอง
“ เราขอโทษพอดีเราเหม่อนิดหน่อย ”
[ ถึงหอรึยังจีฮุน นี่ค่ำแล้วนะ ] คนตัวเล็กอมยิ้มเบาๆ กับความเป็นห่วงเป็นใยที่แสดงออกมาของสองแสบนั่นถึงมาว่าน้ำเสียงจะฟังดูห้วนๆ ไปหน่อย
“ กำลังกลับแล้ว เดี๋ยวเราโทรบอกนะ ”
[ โอเค รีบกลับนะจี้ถึงแล้วรีบโทรบอกเลยนะ ]
หลังจากวางสายไปใบหน้าสวยก้มลงเก็บโทรศัพท์แต่แล้วอยู่ๆ ก็เดินชนเข้ากับอะไรซักอย่างแววตากลมช้อนมองใครบางคนที่มายืนขวางอยู่แต่แล้วคนที่ปรากฎตรงหน้ากลับกลายเป็นคนที่ไม่ได้เจอมาหลายวัน
.
.
.
[ LAIKUANLIN PART ]
“ ทำไมไม่เรียกแท็กซี่ ”
ผมได้แต่มองคนตัวเล็กที่สูงแค่อกผม ดวงตากลมสุกใสเบิกกว้างเอาแต่มองผมไม่พูดไม่จา อยากจะคาดโทษเหลือเกินที่อีกคนเอาแต่เดินเล่นไปตามข้างทางโดยไม่ยอมเรียกแท็กซี่ซักทีไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย
“ … ”
“ ว่าไง ” เมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการผมเลยถามคนตัวเล็กซ้ำไปอีกครั้ง แต่คำตอบที่ได้มากับทำให้ผมหงุดหงิดใจมากกว่าเก่า
“ เราอยากเดินไปเรื่อยๆ แล้วค่อยเรียกแท็กซี่น่ะ ” ท่าทีเงอะงะ กล้าๆ กลัวๆ ของอีกคนทำให้ผมส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะฉุดข้อมือเล็กให้เดินตามไปขึ้นรถ พอจัดการให้จีฮุนเข้าไปในรถสำเร็จ ผมเดินอ้อมไปอีกฝั่งเปิดประตูเข้าไปนั่งประจำที่แต่พอหันไปมองเจ้าตัวเล็กก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้งที่จีฮุนยังไม่คาดเข็มขัดแต่กลับนั่งอยู่นิ่งๆ เหมือนคิดอะไรซักอย่าง
เห็นอย่างนั้นผมเลยได้แต่ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนเอี้ยวตัวไปหายื่นมือแกร่งไปถึงดึงสายเบลท์เพื่อคาดมันให้กับร่างบาง เจ้าตัวเล็กสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะนั่งตัวเกร็งใบหน้าน่ารักบัดนี้เหวอหวาและเบิกตากลมโตคล้ายกับตกใจในการกระทำของผม
หึ น่ารักชะมัด
“ ยะ อย่าขับเร็วนะ…. ” เสียงเล็กๆ ดังขึ้นที่ข้างหูบอกกับผมตอนกำลังคาดเบลท์ให้ ยอมรับว่าคนตัวเล็กพูดเสียงเบามากแถมยังสั่นเหมือนกำลังหวาดกลัว แต่ด้วยระยะห่างที่ใกล้กันเพียงเท่านี้ทำให้ผมได้ยินเสียงหวานของจีฮุนชัดเจนเหลือเกิน
“ ฉันสัญญา… ”
เพราะเป็นคนจริงจังในคำพูดตอนเอ่ยสัญญากับเจ้าตัวเล็กผมเลยหันหน้าไปสบตากับนัยน์ตาหวานที่มันกำลังวูบไหวเล็กๆ เพื่อยืนยันว่าผมจะทำมัน
ตลอดระยะทางมีแต่ความเงียบสำหรับผมมันเป็นเรื่องปกติเพราะผมเป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้วแตกต่างจากคนตัวเล็กที่จะชอบคุยเจื้อยแจ้วตลอดเวลาอยู่กับเพื่อนหรือผมน่ากลัวไปสำหรับเขาหรือถึงได้พูดคำตอบคำ
“ ง่วงก็นอน ถึงเดี๋ยวปลุก ” เพราะเห็นว่าตาหวานๆ นั่นดูปรือเหมือนคนง่วงนอนผมเลยพูดบอกอีกคนไปให้เดาว่าเจ้าตัวเล็กคงจะไม่กล้าหลับอาจเป็นเพราะกลัวว่าผมจะขับเร็วหรืออะไรก็แล้วแต่
“ ไม่ต้องกลัวอยู่กับฉันเธอจะปลอดภัย สัญญาว่าไม่ขับเร็ว ” และนี้คงเป็นประโยคที่ผมพูดยาวที่สุดเลยก็ว่าได้
“ มาทำอะไรแถวนี้หรอ ” น้ำเสียงงัวเงียของเจ้าของผิวกายขาวละเอียดทำให้ผมละสายตาจากสัญญาณไฟจราจรด้านหน้าหันกลับมามอง ก่อนจะพบคนตัวเล็กที่นั่งงอตัวเป็นกุ้งบนเบาะปรือตาขึ้นมาถามคำถามที่เจ้าตัวสงสัย
“ ส่งแม่ทำธุระ ” ผมเอ่ยคำตอบสั้นๆ กลับไปเจ้าตัวเล็กทำเพียงพยักหน้าเข้าใจเท่านั้น ก่อนดวงตากลมเหมือนกวางจะค่อยๆ ปิดลงยอมแพ้กับความง่วงงุนที่มีมากจนไม่อาจฝืนได้
แจ็คเก็ตหนังราคาแพงถูกเปลี่ยนเจ้าของโดยทันทีเมื่อตอนนี้เจ้าของคนเก่าอย่างผมได้สละมันเพื่อห่มให้เจ้าตัวเล็กคลายหนาวจากแอร์ตรงคอนโซลรถ ก่อนสัญญาณไฟจะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวผมถึงละสายตาออกมาจากคนตัวเล็กที่กำลังหลับตาพริ้มน่าเอ็นดู
สำหรับจีฮุนอาจจะมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องบังเอิญ แน่นอนว่าหลายๆ องค์รวมประกอบมันขึ้นมาเป็นเหตุการณ์ต่างๆ ผมอยากขอบคุณมันนะแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะหลังจากนั้นมันคือสิ่งที่ผมกำหนดเองว่าผมจะทำอะไร
อย่างเช่น… การขับรถตามอีกคนมา
ความจริงแล้วผมคิดว่าเจ้าตัวซนคงจะเรียกแท็กซี่แต่จนแล้วจนเล่าจีฮุนก็เลือกที่จะเดินมาเรื่อยๆ ผมเลยขับไล่หลังตามมาช้าๆ พอเห็นว่าฟ้ามันเริ่มมืดลงแล้วเลยตัดสินใจลงจากรถเพื่อเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กก่อนจะฉุดข้อมือบางให้เดินตามมาขึ้นรถด้วยกัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจีฮุนจะเดินเอื่อๆ ไปถึงไหน
และผมจะไม่หงุดหงิดมากขนาดนี้ถ้านี่เป็นตอนกลางวันที่มีผู้คนมากมายเดินขวักไขว่สัญจรไปมา…
LEXUS LC 500h สีแดงคันสวยขับมาด้วยความเร็วปานกลางและขับช้าลงเมื่อเข้าสู่เขตโรงเรียน ก่อนเจ้าของรถจะถอยจอดเข้าซองเรียบร้อย เมื่อดับเครื่องยนต์เสร็จหางตาก็เหลือบเห็นก้อนบางอย่างข้างๆ ขยับยุกๆ ยิกๆ ท่านอนที่ไม่ค่อยสบายตัวของคนตัวเล็กทำให้ผมเอื้อมมือไปเพื่อปลดเบลท์ให้กับร่างบางเพื่อที่อีกคนจะได้ไม่อึดอัด
“ แผลหายเจ็บแล้วหรอ ” จู่ๆ คนตัวเล็กก็เอ่ยคำถามพอหันไปมองกับเจอดวงตาหวานที่จ้องผมตาใสแป๋ว แพรขนตาหนา จมูกได้รูปที่ดูรั้นๆ ริมฝีปากเป็นกระจับที่อ้าออกเล็กๆ เพื่อช่วยหายใจ
ทั้งหมดนี้มันสวยงาม…
จากระยะห่างที่ใกล้กันอยู่แล้ว แต่เพราะประโยคคำถามที่ฟังจากน้ำเสียงของคนตัวเล็กมันยังเหมือนกับวันนั้น น้ำเสียงที่ละมุนและอบอุ่นยังคงแฝงความเป็นห่วงอยู่เหมือนเดิม
แรงดึงดูดที่มีมากเกินความจำเป็นของเจ้าตัวเล็กทำให้ผมขยับเข้าไปใกล้เค้ามากกว่าเดิมจนสันจมูกโด่งของผมแตะกับปลายจมูกรั้นของเค้า กลิ่นหอมของวนิลาที่ติดตัวเจ้าตัวเล็กมอมเมาให้ผมทาบริมฝีปากไปบนกลีบปากรูปกระจับนั่น ก่อนดวงตากลมสวยจะหลับตาพริ้มรับสัมผัสจากผมอย่างไม่มีเงื่อนไข
ความนุ่มนิ่มของริมฝีปากอิ่มทำให้ผมครอบครองกลีบปากทั้งด้านบนและด้านล่างด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มีเสียงหอบหายใจของคนทั้งคู่เริ่มดังขึ้นเมื่อจูบนี้กินเวลายาวนานเหลือเกิน
“ อื้ออ ” ก่อนจะมีเสียงประท้วงน้อยๆ ของคนน่ารักครางออกมาเป็นสัญญาณว่าคนตัวเล็กแทบจะหมดลมหายใจแล้ว ผมจึงถอนริมฝีปากออกมาโดยที่จมูกยังคงสูดกลิ่นหอมหวานจากแก้มนิ่มๆ ของคนที่กำลังหลับตาพริ้มหอบหายใจอยู่
“ หายแล้ว… ได้ยาดีน่ะ ” ผมเอ่ยคำตอบที่คนตัวเล็กตั้งคำถามไว้เมื่อครู่ ก่อนดวงตาหวานจะปรือขึ้นมามอง ถึงแม้ในรถมันค่อนข้างที่จะมืดเพราะทั้งคันติดฟิล์มจะมีก็แค่แสงไฟจากตึกและโรงจอดรถที่ผ่านเข้ามา เดาได้เลยว่าใบหน้าของคนตัวเล็กในระยะแค่นี้มันชัดเจนมากสำหรับผมและแก้มนุ่มนิ่มนี้ก็คงจะขึ้นสีแดงระเรื่ออยู่แน่ๆ
“ … ”
“ เพื่อนรอหน้าหอนานแล้วนะ ไม่รีบลงไปหาหรอ” ริมฝีปากบางที่เจ่อบวมเพราะ… นั่นแหละถูกเจ้าตัวเม้มไว้ไม่พูดไม่จาผมเลยแกล้งเค้าด้วยการเอ่ยประโยคให้เจ้าตัวเขินเล่นๆ แต่ผมเปล่าโกหกเรื่องเพื่อนสองคนของคนตัวเล็กนะ แดฮวีกับจีซองนั่นน่ะผมเห็นตั้งแต่ขับรถเข้ามาแล้ว
“ ปะ ไปนะ ” พอใบหน้าน่ารักหันไปมองสองคนนั่นคนตัวเล็กกลับเอ่ยลาผมเสียงเบาก่อนกุลีกุจอถือกระเป๋าลงจากรถพร้อมกับถือของบางอย่างของผมติดมือไปด้วย ผมกระตุกยิ้มมุมปากกับท่าทางน่าเอ็นดูของอีกคน ไม่แปลกใจว่าทำไมเพื่อนสองคนนั่นถึงได้ห่วงนักห่วงหนา
อ่า…
แจ็คเก็ตผมได้เจ้าของใหม่แล้วสินะ…
[ END LAIKUANLIN PART ]
---
ความคิดเห็น