ยุธการล่าโลหิต - นิยาย ยุธการล่าโลหิต : Dek-D.com - Writer
×

    ยุธการล่าโลหิต

    ความแค้น โลหิต บันลังก์

    ผู้เข้าชมรวม

    1,246

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    1.24K

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    19
    จำนวนตอน :  27 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  26 พ.ย. 65 / 19:04 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    บทที่1
    ลมหนาวแห่งทุ่งหญ้าเปรียบดั่งชีวิตของมนุษย์บนหลังม้า

    บุรุษในชุดหนังโยนกระดูก ซึ่งถูกเล็มเนื้อจนขาวโผนทิ้งลงพื้น ก่อนจะหยิบหมวกศึกมาสวมใส่จัดให้เข้าที่ จากนั้นหันหลังไปมองสหายกว่าสามร้อยคนทางด้านหลัง
    ลมหายใจที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายพวยพุ่ง มือที่อาบไปด้วยหยาดเหงื่อกระชับอาวุธมั่น คำภาวนาต่อทวยเทพที่นับถือ ดวงวิญญาณที่เคารพ บิดามารดา ดังขึ้นอย่างเงียบๆในใจของแต่ละคน 
    “ หลังจากนี้ข้าจะฉลองในกระโจมของหัวหน้าเผ่า คีย์คัน หากอยากดื่มก็จงรอดให้ได้ อย่าตายเสียก่อน” 
    “ หึๆ รองหัวหน้า คำปลุกเล่าของท่านยังคงน่ากลัวเช่นเดิม ” 
    ชายในแถวม้าลำดับสองเอ่ยขึ้นเรียกเสียงหัวเราะได้มากพอทำให้ความตรึงเคลียดลงเล็กน้อยก่อนสู้ศึกแม้จะผ่านการต่อสู้มามากกว่าการนอนกับภรรยา แต่พวกมันหาได้ไร้ความหวาดกลัวต่อความตาย มีเพียงคนที่เคารพต่อความตายเท่านั้นที่จะรอด พวกมันยึดถือสิ่งนี้มานาน
    “ เข่นนั้นเจ้ากล่าวเหมือนทุกที ก็แล้วกัน”
    ชายหนุ่มใบหน้าผ่าเผยกอดคันหอก ผายมือให้กับสหายด้านข้างเป็นการเชื้อเชิญ อีกฝ่าย ทดสอบเสียงด้วยการไอสองครั้งเมื่อมัานใจว่าน้ำเสียงนั้นดีที่สุดแล้ว จึงได้มองท้องฟ้าราวกับนักปราชญ์ร่ายกวี
    “ พวกเราคือเหยี่ยวแห่งทุ่งหญ้า ม้าและธนูคือกรงเล็บ เกราะหนังคือพรจากเทพนักล่า และหัวหน้าของเราคือปีศาจ จบมอบความกลัวให้ศัตรู และปราณีต่อมิตรสหาย รบให้คนจดจำ และตายให้คนกล่าวถึง ลำนำแห่งเหยี่ยวทุ่งหญ้าจะขับขานไปทั่วสี่ทุ่งหญ้า” 
    “ มู่หลงเจ๋อ เราเป็นพวกคนเถื่อนคงมิเข้าใจในถ้อยคำเหล่านี้ แต่ก็เถอะ มันดีที่ได้ยินเจ้าเอ๋ย”
    “ เจ้าคนเถื่อน ป๋าเอ๋อคุน เงียบไปเลย”
    “ หัวหน้า พวกเราพร้อมแล้ว” 
    หลังจากต่อเถียงกันตามปกติจบลง สองรองหัวหน้าได้หัวศรีษะกลับมาแจ้งแก่บุรุษในชุดเกราะซึ่งนั่งสงบอยู่บนหลังอาชาสหายศึกของตน สายตาของเหยี่ยวหนุ่มมองไปทางกระโจมขาวซึ่งตั้งไล่เรียงขนาบลำน้ำทอดยาวไปตามความคตโค้ง เหนือกระโจมธงเผ่าคีย์คันโบกสบัดตามแรงลมอยู่เหนือแถวทหารซึ่งกำลังจัดตั้งขบวนรบรอต้านศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น
    “ โจมตีจากสามทาง ข้าจะไปข้างหน้า หลี่ไท่เจ้ามาจากข้างหลัง ป๋าเอ๋อคุนน้ำคนข้ามน้ำไป หน้าและหลังจะพลักดันบีบพวกมันไปตรงแม่น้ำ น้ำที่นั่นตื้นพอให้เดินข้ามไปได้ พวกมันต้องเลือกหนีโดยการข้ามลำน้ำแน่นอน เมื่อพวกนั่นข้ามน้ำ เจ้าป๋าเอ๋อคุนนำคนเข้ามา เราจะล้อมพวกมันไว้กลางลำน้ำ จับเป็นให้มากเท่าที่ทำได้คนตายไม่มีราคา” 
    ขบวนม้าแยกเป็นสามส่วนตามที่ได้รับคำสั่ง บุรุษหนุ่มยกคันหอกขึ้นมาชี้ปลายไปยังกระโจมข้างล่างเป็นสัญญาณว่าให้เริ่มโจมตี เสียงฝีเท้าม้านับร้อยดังขึ้นราวเสียงจากขุมนรก ชายและหญิงในเผ่าคีย์คันต่างแสดงใบหน้าตื่นกลัว
    “ พวกเหยี่ยวล่าเนื้อ พวกเหยี่ยวล่าเนื้อ”
    ทหารยามตะโกนลั่นขณะวิ่งลงจากสันเขาจุดที่ใช้สังเกตุการ์ณ ทว่ามันคงไม่รู้ว่าการร้องเตือนจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ออกจากปาก ยามที่ลูกธนูเจาะผ่านชุดหนัง เรี่ยวแรงที่มีเหมือนถูกสูบหายไปโดยปีศาจ ก่อนจะสิ้นใจ
    “ เจ้าชายชิง ส่งพวกสารเลวนี้มากำจัดคนที่ต่อต้านตน”
    บุรุษวัยกลางคนกำหมัดแน่นในอกเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เผ่าคีย์คันมิใช่เผ่าใหญ่คนในเผ่ารวมกันแค่พันกว่าคนเท่านั้น ส่วนเหตุใดวันนี้ถึงเผชิญกับเคราะห์ดำนั่น เป็นเพราะเวลานี้ทุ่งหญ้าสิ้นจอมข่านที่เคยเป็นสิงโตในฝูงหมาป่า เมื่อไร้ซึ่งสิงโต หมาป่าย่อมหันมาต่อสู้กันเองเช่นที่เคยเป็นมา เผ่าคีย์คัน อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเจ้าชายชิงและนี้คือสาเหตุที่วันนี้เผ่าของมันต้องพบกับภัยพิบัติ
    “ หัวหน้าเผ่า ต้าหวง  ว่ากันว่าพวกเหยี่ยวล่าเนื้อคือกองทหารม้าที่โหดเหี้ยมของจอมข่าน หนึ่งคนสามารถสู้สิบคนได้ เรามีแค่ทหารไม่กี่ร้อยกับคนแก่และเด็ก ทางที่ดีเราควรหนีซะตอนยังมีโอกาส” หัวหน้าทหารเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าหวานกลัว
    “ หนี แล้วคนในเผ่าเล่า จะปล่อยให้พวกเขาตาย”
    “ หัวหน้าเผ่า เอาชีวิตรอด ท่านถึงจะสามารถช่วยพวกมันได้ เราไปของให้เจ้าชายหยวนช่วย เราสนับสนุนพระองค์ เจ้าชายต้องทรงช่วยเราแน่” บุรุษวัยกลางคนส่ายศีรษะ 
    “ เจ้าคิดผิดไปแล้ว เรามีค่าอันใดให้พวกเขาต้องช่วยเหลือกัน เพราะเผ่า คีย์ตัน เจ้าชายหยวนถึงจะช่วยเรา หากไร้ซึ่งเผ่าไร้ซึ้งคนเราก็แค่คนจรไร้ที่นอนเท่านั้น หากต้องการนอก การสู้ที่นี่ คือทางเดียวที่จะมีชีวิตอยู่ หากเจ้าต้องการหนี ก็รีบไปเถอะ”
    “ ท่านหัวหน้าเผ่า” 
    เมื่อตัดสินใจเด็จขาดบุรุษวัยกลางคนก็เดินมายังแถวทหารของตน มองเข้าไปในดวงตาของเหล่านักรบทั้งสามร้อยคน
    “ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าหวาดกลัว ข้าเองก็กลัวมิต่างกัน หากแต่พวกเรามิอาจถอยได้ มองไปข้างหลัง ที่นั่นมี เมีย ลูกชายลูกสาว พ่อและแม่ของเจ้า หากเราหนีหรือถอยพวกเขาจะไร้การปกป้อง ที่นี่ วันนี้ เราจะต้องชนะ นี้คือหนทางเดียวที่จะช่วยทุกคน หากข้ารอด ข้าสัญญาว่าจะดูแลคนอื่นๆเป็นอย่างดี”
    “ สู้ๆ สู้ๆ สู้ๆ”
    “ฆ่า พวกเลวนั่น” 
    เกวียนไม้ถูกนำมาต่อกันเพื่อสร้างเป็นกำแพงขวางกั้นม้า พลหอกอยู่ด้านหน้าขณะที่พลธนูอยู่ด้านหลัง เมื่อเข้าสู่ระยะยิงพลธนูเริ่มโจมตีด้วยความเร็วของม้าจึงมีน้อยคนที่ต้องตกลงพื้น ทหารม้าตอบโต้ด้วยลูกธนูเช่นกันหลายคนในแถวล้มลง ขณะที่ม้าใกล้เข้ามา การขัดขวางด้วยธนูไม่ได้ผล พลหอกจึงกระชับหอกแทงออกไป
    หากเป็นม้าปกติคงจะหวาดกลัวและชักขาขึ้นตามสัญชาตญาณการเอาตัวลอดแต่ม้าของเหยี่ยวล่าเนื้อนั่นแตกต่างเพราะการฝึกให้ชินกับขบวนหอกมาตั้งแต่ต้น หากหอกไม่ยาวพอสูงพอมากพอ มันหาได้หวั่นเกรง 
    เกวียนแม้จะสูง แต่ไม่พอสำหรับม้าซึ่งกระโดดข้ามได้อย่างไม่ยากเย็น มีบ้างที่บางคนถูกหอกเสียบค้างอยู่บนเกวียน แต่ส่วนใหญ่สามารถข้ามไปยังอีกฝั่งได้ ต้าหวงและคนที่ยังรอดมองท้องม้าข้ามไปอีกฝั่ง ในใจรู้สึกว่าความตายคืบคานเข้ามาแล้วจริงๆหากไร้ซึ่งเกวียนไม้ไหนเลยจะสู้คนบนม้าได้อีก
    “ ฆ่า อย่าได้กลัวเราต้องปกป้องครอบครัว”
    เสียงปลุกขวัญดังขึ้นท่ามกลางความหลังที่กำลังปกคลุมเหนือท้องฟ้า อาศัยช่วงเวลาที่ม้าลดความเร็ว ต้าหวง จับหอกยาว ปาออกต่างลูกธนู หอกพุ่งเสียบหลังคนที่มิได้ระวังตัวจนตกม้า เมื่อมีต้าหวงเป็นตัวอย่าง คนที่เหลือก็ซัดหอกตามติด ทำให้เหยี่ยวล่าเนื้อหลายคนที่กำลังหันหลังไม่เห็นทางหอกพุ่งเข้าใส่ ถูกเสียบทะลุหน้าอกสิ้นใจคาม้าทันที
    “ ใช้เชือก ดึงพวกมันลงจากม้า”
    ต้าหวง สั่งการโจมตีต่อไปในทันที เชือดมัดแพ่ะถูกโยนไปทางม้าซึ่งอัดแน่นอยู่ไม่หางเพราะระยะและพื้นที่ใช่หันหัวม้าวกกลับมาโจมตีอยู่ทึ่เดียวกัน สองฝั่งถูกบีบบด้วยกระโจมทำให้ม้าของเหยี่ยวล่าเนื้อต้องอยู่ในจุดเดียวกัน ด้วยความแออัดการเคลื่อนไหวจึงยากกลายเป็นเป้านิ่ง
    บ่วงเชือกรัดเข้ากับตัวคนอย่างไม่ผิดพลาด เมื่อออกแรงดึงจึงสามารถกระชากคนตกจากหลังม้าได้อย่างง่ายดาย คนของเผ่าคีย์คันลากเหยื่อมาก่อนใช้ดาบเสียบแทงลงบนร่างของศัตรู ไร้ทางขัดขืน ความสงสารนั่นมิอาจมีและศัตรูก็คงไม่สงสารมันเช่นกัน 
    ระหว่างที่กำลังยินดีกับชัยชนะ หอกยาวพุ่งมาจากทางด้านหลัง ทหารชาวคีย์คันไม่ทันระวังจึงถูกตรึงบนพื้นอยู่ด้านหลังเกวียน ต้าหวง มองกลับไปพบว่าขบวนม้าที่จู่โจมเป็นเพียงกลุ่มแรกเท่านั้น มีอีกกลุ่มที่กำบังเคลื่อนเข้ามาทั้งมีจำนวนมากกว่า ธนูถูกยิงจู่โจมเข้ามาเป็นระรอกสอง ต้าหวงระดมการตอบโต้แต่มันไร้ซึ่งผล ขบวนม้ากลับทิ้งระยะห่างออกไปตั้งขบวนใหม่เผยคมหอกยาวชี้ปลายมาทางมัน
    อีกฝ่ายอยู่บนม้ากับมันมีสองข้าบนพื้น หากปะทะกันคงมิต้องคาดเดาว่าผลจะเป็นเช่นไร ทหารของมันคงถูกเหยียบตายทั้งหมดมัน ต้าหวงใช้ความคิดมันจะต้องหาจุดได้เปรียบในการต่อกร
    ทว่าฟ้าไม่เป็นใจ เมื่อเสียงร้องของสตรีและคนชราเด็กเล็กดังมาจากทางหลังค่าย จุดที่มันให้ทุกคนซ่อนตัว ยามนี้มีทหารม้ากลุ่มหนึ่งเข่นฆ่าไล่หลังมา ในฐานะหัวหน้าเผ่าและหัวหน้าครอบครัว มันต้องห่วงหาคนเป็นธรรมดา ต้าหวงไม่สนใจขบวนม้าด้านนอกอีก
    “ ฝ่าไป คุ้มกันพวกทุกคน” 
    ต้าหวงยกดาบใหญ่ขึ้รพุ่งออกไปเป็นคนแรก ดาบใหญ่ทรงพลังตัดผ่านร่างม้าและคนในดาบเดียว ด้วยไม่อาจขยับใช้ความได้เปรียบเข้าสู่ คนบนม้าราวปลาบนเขียง ต้าหวงเข่นฆ่าแหวกแถวทหารม้าออกไป ไม่ทราบมีคนกี่มากน้อยล้มลงระหว่างทาง ทว่าทุกคนในเผ่าคีย์คันรู้ดีว่ามิอาจหยุดต้องไปให้ถึงหลังค่ายโดยเร็ว
    ต้าหวงแกว่งดาบสิ่งใดขวางทางย่อมกลายเป็นเศษซาก ใต้ดาบใหญ่ของมัน พละกำลังของมันก็มิธรรมดาสามารถแยกหัวม้าออกจากร่างในดาบเดียวถือเป็นยอดฝีมือถึงขั้นคนหนึ่ง 
    ด้วยดาบใหญ่จึงสร้างเป็นทางให้เหล่าทหารคีย์คันที่เหลือเพียงหยิบมือผ่านไปได้ แม้จะเป็นเช่นนั้น ทวยเทพยังคงไม่อำนวนพรพวกมันหลังพบกับผู้หญิงและคนชราที่กำลังหวาดกลัว มันก็ถูกขบวนม้าที่มีจำนวนมากกว่าบีบให้พวกมันถอยไปยังมุมหนึ่ง ด้านหน้าคือเหยี่ยวล่าเนื้อข้างหลังคือแม่น้ำ ไร้หนทางหลบหนี ต้าหวงยืนอยู่ด้านหน้า ภรรยาของมันอยู่ด้านหลัง
    “ จี่เยียก อาหรงเล่าอยู่ที่ใด” ต้าใคร่รู้
    “ มันมิได้อยู่ในค่าย คงออกไปพร้อมกับอาจารย์ของมันตั้งแต่เช้า” จี่เยียกบอกต่อต้าหวง รอยยิ้มประดับบนใบหน้าต้าหวงทันทีเมื่อได้ยิน
    “ นั่นดีต่อมัน อย่างน้อยมันก็ยังรอด” 
    ต้าหวงมองภรรยา สองคนรู้ว่าวันนี้มิอาจรอดจากที่นี้ไปได้ ทว่าเชื้อสายของพวกมันยังคงอยู่ วันหน้าเผ่าของมันอาจกลับมาเดินบนเส้นทางบรรพบุรุษอีกครา เรื่องนี้ทำให้สองสามีภรรยาสามารถยิ้มออก
    คนร่วมพันถูกต้อนไปที่แม่น้ำ และมีหลายคนตัดสินใจจะข้ามน้ำไปยังอีกฝั่งเพื่อเอาชีวิตรอดโดยไม่คาดคิด เมื่อใกล้ถึงฝั่ง ขบวนม้าก็โพล่งมาดับฝันพวกมันลงคนได้แต่ค้างอยู่กลางลำน้ำ ยามนี้มิมีทางให้ถอยอีกแล้ว ความหวาดกลัวนั่นเกิดขึ้น แต่มิใช่กับต้าหวงและจี่เยียก หนึ่งถือดาบหนึ่งน้าวธนู เป้าหมายคือผู้นำของศัตรู
    “ ต้าหวงดาบใหญ่ ชื่อของเจ้าทำให้หัวของเจ้ามีรางวัล” 
    น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นพร้อมการปรากฏตัวของม้าสีแดงราวโลหิต ค่อยๆแหวกผ่านขบวนม้านับร้อยออกมานอกการคุ้มกันหยุดยืนอยู่ต่อหน้าทุกคน เผยให้เห็นบุรุษวันยี่สิบห้าปีคนหนึ่ง ท่าทางองอาจกล้าหาญ แม้จะถูกจี้เยียกเล็งธนูใส่ก็หาได้เหลือบแล สายตาตกลงยังต้าหวงจุดเดียว คล้ายสิ่งที่ทำให้มันรู้สึกสนใจมีเพียงดาบใหญ่เท่านั้น
    “ เจ้าคงเป็นเหยี่ยวล่าเนื้อ การโจมตีเผ่าข้าคงเป็นคำสั่งขององค์ชายชิง เจ้าเลือกข้างแล้วงั้นหรือ ว่ากันว่า เหยี่นวล่าเนื้อมิรับคำสั่งจากใครยอกจากจอมข่าน เห็นทีจะมิจริงเสียแล้ว” ชายหนุ่มเมินถ้อยคำเย้ยหยัน 
    “ ข้าไม่เสียเวลาอธิบายกับเจ้า กฏของข้า หากสามารถเอาชนะข้าได้ ข้าจะละเว้นพวกมันทั้งหมด”
    ชายหนุ่มสวมเกราะลงจากหลังม้าชักดาบเพื่อเผชิญหน้ากับต้าหวง ผู้นำเหยี่ยวล่าเนื้อของจอมข่าน แน่นอนว่ามิใช่คนธรรมดา เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นคงจะไม่สามารถเป็นเหยี่ยวให้จอมข่านได้ ชื่อของคนผู้นี้ไม่ปรากฏ คนเรียกเขาว่าเหยี่ยวหนุ่มเท่านั้น เล่าขานกันว่าทุกคราที่ออกศึก จะมีกฏหนึ่งเสมอ นั่นคือมันจะให้โอกาศแก่ผู้นำของอีกฝ่ายหากสามารถเอาชนะมันได้ในการต่อสู้ตัวตัวต่อตัว มันจะปล่อยคนไปทั้งหมด ทว่าตั้งแต่เริ่มมีกฏนี้มายังไม่เคยมีใครสามารถเอาชนะได้เลยซักคน
    “ ข้ารับคำท้าของเจ้า”
    ต้าหวงยังจะมีทางเลือกอื่นอีกงั้นหรือ โอกาศแค่น้อยนิดนี้คือสิ่งเดียวที่มี ต่อครอบครัว ต่อคนในเผ่า และต่อตนเอง ดาบใหญ่ถูกกระชับในมือแน่น เท้าก้าวออกไปอย่างมั่นคง สายตาจับจ้องที่คู่ต่อสู้ เหยี่ยวหนุ่มยกดาบโค้งสีดำขึ้นมา จากนั้นเริ่มเคลื่อนไหววิ่งสลับฟันปลาเข้าหา ต้าหวง
    ดาบใหญ่ฟันราบตัดผ่านครึ่งลำตัว แต่คนไม่หยุดให้ฟันหรือต้านรับแต่อย่างใด เหยี่ยวหนุ่มกระโดดขึ้นสูง ก่อนต้าหวงจะรู้ตัว ดาบในมือของเหยี่ยวหนุ่มก็ตัดผ่านร่างของต้าหวงไปแล้ว ร่างที่ไร้ซึ่งกำลังราวกับผลไม้สุกไม่อาจรั้งอยู่บนกิ่งร่วงหล่นลงไม่มีสิ่งได้เหนี่ยวรั้ง 
    “ ต้าหวง” 
    จี่เยียกร้องเรียกสุดเสียง ในใจรู้ดีว่าคนจากไปแล้วไม่มีทางหวนคืน นางยกธนูขึ้นท่ามกลางสายน้ำไหลอาบแก้ม ยิงใส่เหยี่ยวหนุ่มคาดหวังให้คนตกตายไปพร้อมกัน แต่ไม่อาจทำร้ายคนได้ดาบโค้งฟันตัดผ่านลูกธนูอย่างง่ายดายตกลงแทบเท้า ทหารด้านหลังเหยี่ยวหนุ่มยกธนูขึ้นยิงปักเข้าที่ลำตัวของนาง จี่เยียกคุกเข่าลงพร้อมกับใบหน้าที่เจ็บปวด แต่หาใช่เพราะร่างกายที่บาดเจ็บ นางไม่แม้แต่มองบาดแผล ใช้แรงทั้งหมดที่มีตรงไปยังชายอันเป็นที่รักของตน
    ต้าหวงยังคงไม่สิ้นลม แต่มันก็เกินกว่าจะพูดได้มีเพียงมือสั่นเทาพยายามจับมายังภรรยาที่ได่ใช้ชีวิตร่วมกันมากว่าสิบขวบปีมีบุตรด้วยกันหนึ่วคน นางที่ยอมทิ้งฐานะมารักกับคนป่าเช่นตน ค้าหวงรู้สึกรักนางมากกว่าชีวิต ด้วยแรงอันน้อยนิดมือค่อยๆเคลื่อนหาจี่เยียก ซึ่งนางยื่นมือมาสัมผัสกับมันเช่นกัน 
    สายตาของทั้งสองหาได้เศร้าโศกอีกต่อไป ยังคงมีความสุขกับการได้ใช้ชีวิตด้วยกันมาและมีทายาทให้เป็นผู้กราบไหว้ในภายหลัง ไม่มีใครขัดขวางสองสามีภรรยา เหยี่ยวหนุ่มกลับขึ้นม้า มอบงานที่เหลือให้กับรองหัวหน้ากลุ่มกระทำต่อ
    ฉากการเข่นฆ่าไม่ได้ไร้ซึ่งผู้ชม เด็กน้อยวัยห้าขวบปีถูกปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงร้อง ดึงดูดคน น้ำตาแห่งความโศกศัลย์อาบเต็มสองแก้ม ภาพบาดใจราวกับมีดกรีดบนร่างเจ็บปวดโหยหามารดาบิดา ชายวัยกลางคนต้องจับตัวเด็กให้อยู่ หากไม่แล้วคงได้ฝังร่างเพิ่มอีกคนแน่นอน
    “ หรง ตัดใจเสีย เราช่วยพวกเขาไม่ทันแล้วและต้องไปตอนนี้ วันหน้ายังมีโอกาส” 
    แน่นอนว่าเสียงของเขามิอาจส่งถึงจิตของเด็กน้อยที่กำลังตกอยู่ในความเศร้าใจ และโกรธแค้น ชายวัยกลางคนจึงตัดสินใจจี้สะสะกัดจุดให้อีกฝ่ายหลับไหล สายตามองอย่างอาวรณ์ไปยังคนของเผ่าคีย์คัน แต่มันไม่สามารถทำอะไรได้ ต่อให้วรยุทธของมันจะเลิศล้ำเพียงใดก็ตามที โชคชะตาคือผู้กำหนดดส้นทางหาฝืนไปจะยิ่งทำให้เส้นทางของผู้เป็นศิษย์ยสกยิ่งขึ้น
    บทที่1
    ลมหนาวแห่งทุ่งหญ้าเปรียบดั่งชีวิตของมนุษย์บนหลังม้า

    บุรุษในชุดหนังโยนกระดูก ซึ่งถูกเล็มเนื้อจนขาวโผนทิ้งลงพื้น ก่อนจะหยิบหมวกศึกมาสวมใส่จัดให้เข้าที่ จากนั้นหันหลังไปมองสหายกว่าสามร้อยคนทางด้านหลัง
    ลมหายใจที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายพวยพุ่ง มือที่อาบไปด้วยหยาดเหงื่อกระชับอาวุธมั่น คำภาวนาต่อทวยเทพที่นับถือ ดวงวิญญาณที่เคารพ บิดามารดา ดังขึ้นอย่างเงียบๆในใจของแต่ละคน 
    “ หลังจากนี้ข้าจะฉลองในกระโจมของหัวหน้าเผ่า คีย์คัน หากอยากดื่มก็จงรอดให้ได้ อย่าตายเสียก่อน” 
    “ หึๆ รองหัวหน้า คำปลุกเล่าของท่านยังคงน่ากลัวเช่นเดิม ” 
    ชายในแถวม้าลำดับสองเอ่ยขึ้นเรียกเสียงหัวเราะได้มากพอทำให้ความตรึงเคลียดลงเล็กน้อยก่อนสู้ศึกแม้จะผ่านการต่อสู้มามากกว่าการนอนกับภรรยา แต่พวกมันหาได้ไร้ความหวาดกลัวต่อความตาย มีเพียงคนที่เคารพต่อความตายเท่านั้นที่จะรอด พวกมันยึดถือสิ่งนี้มานาน
    “ เข่นนั้นเจ้ากล่าวเหมือนทุกที ก็แล้วกัน”
    ชายหนุ่มใบหน้าผ่าเผยกอดคันหอก ผายมือให้กับสหายด้านข้างเป็นการเชื้อเชิญ อีกฝ่าย ทดสอบเสียงด้วยการไอสองครั้งเมื่อมัานใจว่าน้ำเสียงนั้นดีที่สุดแล้ว จึงได้มองท้องฟ้าราวกับนักปราชญ์ร่ายกวี
    “ พวกเราคือเหยี่ยวแห่งทุ่งหญ้า ม้าและธนูคือกรงเล็บ เกราะหนังคือพรจากเทพนักล่า และหัวหน้าของเราคือปีศาจ จบมอบความกลัวให้ศัตรู และปราณีต่อมิตรสหาย รบให้คนจดจำ และตายให้คนกล่าวถึง ลำนำแห่งเหยี่ยวทุ่งหญ้าจะขับขานไปทั่วสี่ทุ่งหญ้า” 
    “ มู่หลงเจ๋อ เราเป็นพวกคนเถื่อนคงมิเข้าใจในถ้อยคำเหล่านี้ แต่ก็เถอะ มันดีที่ได้ยินเจ้าเอ๋ย”
    “ เจ้าคนเถื่อน ป๋าเอ๋อคุน เงียบไปเลย”
    “ หัวหน้า พวกเราพร้อมแล้ว” 
    หลังจากต่อเถียงกันตามปกติจบลง สองรองหัวหน้าได้หัวศรีษะกลับมาแจ้งแก่บุรุษในชุดเกราะซึ่งนั่งสงบอยู่บนหลังอาชาสหายศึกของตน สายตาของเหยี่ยวหนุ่มมองไปทางกระโจมขาวซึ่งตั้งไล่เรียงขนาบลำน้ำทอดยาวไปตามความคตโค้ง เหนือกระโจมธงเผ่าคีย์คันโบกสบัดตามแรงลมอยู่เหนือแถวทหารซึ่งกำลังจัดตั้งขบวนรบรอต้านศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น
    “ โจมตีจากสามทาง ข้าจะไปข้างหน้า หลี่ไท่เจ้ามาจากข้างหลัง ป๋าเอ๋อคุนน้ำคนข้ามน้ำไป หน้าและหลังจะพลักดันบีบพวกมันไปตรงแม่น้ำ น้ำที่นั่นตื้นพอให้เดินข้ามไปได้ พวกมันต้องเลือกหนีโดยการข้ามลำน้ำแน่นอน เมื่อพวกนั่นข้ามน้ำ เจ้าป๋าเอ๋อคุนนำคนเข้ามา เราจะล้อมพวกมันไว้กลางลำน้ำ จับเป็นให้มากเท่าที่ทำได้คนตายไม่มีราคา” 
    ขบวนม้าแยกเป็นสามส่วนตามที่ได้รับคำสั่ง บุรุษหนุ่มยกคันหอกขึ้นมาชี้ปลายไปยังกระโจมข้างล่างเป็นสัญญาณว่าให้เริ่มโจมตี เสียงฝีเท้าม้านับร้อยดังขึ้นราวเสียงจากขุมนรก ชายและหญิงในเผ่าคีย์คันต่างแสดงใบหน้าตื่นกลัว
    “ พวกเหยี่ยวล่าเนื้อ พวกเหยี่ยวล่าเนื้อ”
    ทหารยามตะโกนลั่นขณะวิ่งลงจากสันเขาจุดที่ใช้สังเกตุการ์ณ ทว่ามันคงไม่รู้ว่าการร้องเตือนจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ออกจากปาก ยามที่ลูกธนูเจาะผ่านชุดหนัง เรี่ยวแรงที่มีเหมือนถูกสูบหายไปโดยปีศาจ ก่อนจะสิ้นใจ
    “ เจ้าชายชิง ส่งพวกสารเลวนี้มากำจัดคนที่ต่อต้านตน”
    บุรุษวัยกลางคนกำหมัดแน่นในอกเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เผ่าคีย์คันมิใช่เผ่าใหญ่คนในเผ่ารวมกันแค่พันกว่าคนเท่านั้น ส่วนเหตุใดวันนี้ถึงเผชิญกับเคราะห์ดำนั่น เป็นเพราะเวลานี้ทุ่งหญ้าสิ้นจอมข่านที่เคยเป็นสิงโตในฝูงหมาป่า เมื่อไร้ซึ่งสิงโต หมาป่าย่อมหันมาต่อสู้กันเองเช่นที่เคยเป็นมา เผ่าคีย์คัน อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเจ้าชายชิงและนี้คือสาเหตุที่วันนี้เผ่าของมันต้องพบกับภัยพิบัติ
    “ หัวหน้าเผ่า ต้าหวง  ว่ากันว่าพวกเหยี่ยวล่าเนื้อคือกองทหารม้าที่โหดเหี้ยมของจอมข่าน หนึ่งคนสามารถสู้สิบคนได้ เรามีแค่ทหารไม่กี่ร้อยกับคนแก่และเด็ก ทางที่ดีเราควรหนีซะตอนยังมีโอกาส” หัวหน้าทหารเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าหวานกลัว
    “ หนี แล้วคนในเผ่าเล่า จะปล่อยให้พวกเขาตาย”
    “ หัวหน้าเผ่า เอาชีวิตรอด ท่านถึงจะสามารถช่วยพวกมันได้ เราไปของให้เจ้าชายหยวนช่วย เราสนับสนุนพระองค์ เจ้าชายต้องทรงช่วยเราแน่” บุรุษวัยกลางคนส่ายศีรษะ 
    “ เจ้าคิดผิดไปแล้ว เรามีค่าอันใดให้พวกเขาต้องช่วยเหลือกัน เพราะเผ่า คีย์ตัน เจ้าชายหยวนถึงจะช่วยเรา หากไร้ซึ่งเผ่าไร้ซึ้งคนเราก็แค่คนจรไร้ที่นอนเท่านั้น หากต้องการนอก การสู้ที่นี่ คือทางเดียวที่จะมีชีวิตอยู่ หากเจ้าต้องการหนี ก็รีบไปเถอะ”
    “ ท่านหัวหน้าเผ่า” 
    เมื่อตัดสินใจเด็จขาดบุรุษวัยกลางคนก็เดินมายังแถวทหารของตน มองเข้าไปในดวงตาของเหล่านักรบทั้งสามร้อยคน
    “ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าหวาดกลัว ข้าเองก็กลัวมิต่างกัน หากแต่พวกเรามิอาจถอยได้ มองไปข้างหลัง ที่นั่นมี เมีย ลูกชายลูกสาว พ่อและแม่ของเจ้า หากเราหนีหรือถอยพวกเขาจะไร้การปกป้อง ที่นี่ วันนี้ เราจะต้องชนะ นี้คือหนทางเดียวที่จะช่วยทุกคน หากข้ารอด ข้าสัญญาว่าจะดูแลคนอื่นๆเป็นอย่างดี”
    “ สู้ๆ สู้ๆ สู้ๆ”
    “ฆ่า พวกเลวนั่น” 
    เกวียนไม้ถูกนำมาต่อกันเพื่อสร้างเป็นกำแพงขวางกั้นม้า พลหอกอยู่ด้านหน้าขณะที่พลธนูอยู่ด้านหลัง เมื่อเข้าสู่ระยะยิงพลธนูเริ่มโจมตีด้วยความเร็วของม้าจึงมีน้อยคนที่ต้องตกลงพื้น ทหารม้าตอบโต้ด้วยลูกธนูเช่นกันหลายคนในแถวล้มลง ขณะที่ม้าใกล้เข้ามา การขัดขวางด้วยธนูไม่ได้ผล พลหอกจึงกระชับหอกแทงออกไป
    หากเป็นม้าปกติคงจะหวาดกลัวและชักขาขึ้นตามสัญชาตญาณการเอาตัวลอดแต่ม้าของเหยี่ยวล่าเนื้อนั่นแตกต่างเพราะการฝึกให้ชินกับขบวนหอกมาตั้งแต่ต้น หากหอกไม่ยาวพอสูงพอมากพอ มันหาได้หวั่นเกรง 
    เกวียนแม้จะสูง แต่ไม่พอสำหรับม้าซึ่งกระโดดข้ามได้อย่างไม่ยากเย็น มีบ้างที่บางคนถูกหอกเสียบค้างอยู่บนเกวียน แต่ส่วนใหญ่สามารถข้ามไปยังอีกฝั่งได้ ต้าหวงและคนที่ยังรอดมองท้องม้าข้ามไปอีกฝั่ง ในใจรู้สึกว่าความตายคืบคานเข้ามาแล้วจริงๆหากไร้ซึ่งเกวียนไม้ไหนเลยจะสู้คนบนม้าได้อีก
    “ ฆ่า อย่าได้กลัวเราต้องปกป้องครอบครัว”
    เสียงปลุกขวัญดังขึ้นท่ามกลางความหลังที่กำลังปกคลุมเหนือท้องฟ้า อาศัยช่วงเวลาที่ม้าลดความเร็ว ต้าหวง จับหอกยาว ปาออกต่างลูกธนู หอกพุ่งเสียบหลังคนที่มิได้ระวังตัวจนตกม้า เมื่อมีต้าหวงเป็นตัวอย่าง คนที่เหลือก็ซัดหอกตามติด ทำให้เหยี่ยวล่าเนื้อหลายคนที่กำลังหันหลังไม่เห็นทางหอกพุ่งเข้าใส่ ถูกเสียบทะลุหน้าอกสิ้นใจคาม้าทันที
    “ ใช้เชือก ดึงพวกมันลงจากม้า”
    ต้าหวง สั่งการโจมตีต่อไปในทันที เชือดมัดแพ่ะถูกโยนไปทางม้าซึ่งอัดแน่นอยู่ไม่หางเพราะระยะและพื้นที่ใช่หันหัวม้าวกกลับมาโจมตีอยู่ทึ่เดียวกัน สองฝั่งถูกบีบบด้วยกระโจมทำให้ม้าของเหยี่ยวล่าเนื้อต้องอยู่ในจุดเดียวกัน ด้วยความแออัดการเคลื่อนไหวจึงยากกลายเป็นเป้านิ่ง
    บ่วงเชือกรัดเข้ากับตัวคนอย่างไม่ผิดพลาด เมื่อออกแรงดึงจึงสามารถกระชากคนตกจากหลังม้าได้อย่างง่ายดาย คนของเผ่าคีย์คันลากเหยื่อมาก่อนใช้ดาบเสียบแทงลงบนร่างของศัตรู ไร้ทางขัดขืน ความสงสารนั่นมิอาจมีและศัตรูก็คงไม่สงสารมันเช่นกัน 
    ระหว่างที่กำลังยินดีกับชัยชนะ หอกยาวพุ่งมาจากทางด้านหลัง ทหารชาวคีย์คันไม่ทันระวังจึงถูกตรึงบนพื้นอยู่ด้านหลังเกวียน ต้าหวง มองกลับไปพบว่าขบวนม้าที่จู่โจมเป็นเพียงกลุ่มแรกเท่านั้น มีอีกกลุ่มที่กำบังเคลื่อนเข้ามาทั้งมีจำนวนมากกว่า ธนูถูกยิงจู่โจมเข้ามาเป็นระรอกสอง ต้าหวงระดมการตอบโต้แต่มันไร้ซึ่งผล ขบวนม้ากลับทิ้งระยะห่างออกไปตั้งขบวนใหม่เผยคมหอกยาวชี้ปลายมาทางมัน
    อีกฝ่ายอยู่บนม้ากับมันมีสองข้าบนพื้น หากปะทะกันคงมิต้องคาดเดาว่าผลจะเป็นเช่นไร ทหารของมันคงถูกเหยียบตายทั้งหมดมัน ต้าหวงใช้ความคิดมันจะต้องหาจุดได้เปรียบในการต่อกร
    ทว่าฟ้าไม่เป็นใจ เมื่อเสียงร้องของสตรีและคนชราเด็กเล็กดังมาจากทางหลังค่าย จุดที่มันให้ทุกคนซ่อนตัว ยามนี้มีทหารม้ากลุ่มหนึ่งเข่นฆ่าไล่หลังมา ในฐานะหัวหน้าเผ่าและหัวหน้าครอบครัว มันต้องห่วงหาคนเป็นธรรมดา ต้าหวงไม่สนใจขบวนม้าด้านนอกอีก
    “ ฝ่าไป คุ้มกันพวกทุกคน” 
    ต้าหวงยกดาบใหญ่ขึ้รพุ่งออกไปเป็นคนแรก ดาบใหญ่ทรงพลังตัดผ่านร่างม้าและคนในดาบเดียว ด้วยไม่อาจขยับใช้ความได้เปรียบเข้าสู่ คนบนม้าราวปลาบนเขียง ต้าหวงเข่นฆ่าแหวกแถวทหารม้าออกไป ไม่ทราบมีคนกี่มากน้อยล้มลงระหว่างทาง ทว่าทุกคนในเผ่าคีย์คันรู้ดีว่ามิอาจหยุดต้องไปให้ถึงหลังค่ายโดยเร็ว
    ต้าหวงแกว่งดาบสิ่งใดขวางทางย่อมกลายเป็นเศษซาก ใต้ดาบใหญ่ของมัน พละกำลังของมันก็มิธรรมดาสามารถแยกหัวม้าออกจากร่างในดาบเดียวถือเป็นยอดฝีมือถึงขั้นคนหนึ่ง 
    ด้วยดาบใหญ่จึงสร้างเป็นทางให้เหล่าทหารคีย์คันที่เหลือเพียงหยิบมือผ่านไปได้ แม้จะเป็นเช่นนั้น ทวยเทพยังคงไม่อำนวนพรพวกมันหลังพบกับผู้หญิงและคนชราที่กำลังหวาดกลัว มันก็ถูกขบวนม้าที่มีจำนวนมากกว่าบีบให้พวกมันถอยไปยังมุมหนึ่ง ด้านหน้าคือเหยี่ยวล่าเนื้อข้างหลังคือแม่น้ำ ไร้หนทางหลบหนี ต้าหวงยืนอยู่ด้านหน้า ภรรยาของมันอยู่ด้านหลัง
    “ จี่เยียก อาหรงเล่าอยู่ที่ใด” ต้าใคร่รู้
    “ มันมิได้อยู่ในค่าย คงออกไปพร้อมกับอาจารย์ของมันตั้งแต่เช้า” จี่เยียกบอกต่อต้าหวง รอยยิ้มประดับบนใบหน้าต้าหวงทันทีเมื่อได้ยิน
    “ นั่นดีต่อมัน อย่างน้อยมันก็ยังรอด” 
    ต้าหวงมองภรรยา สองคนรู้ว่าวันนี้มิอาจรอดจากที่นี้ไปได้ ทว่าเชื้อสายของพวกมันยังคงอยู่ วันหน้าเผ่าของมันอาจกลับมาเดินบนเส้นทางบรรพบุรุษอีกครา เรื่องนี้ทำให้สองสามีภรรยาสามารถยิ้มออก
    คนร่วมพันถูกต้อนไปที่แม่น้ำ และมีหลายคนตัดสินใจจะข้ามน้ำไปยังอีกฝั่งเพื่อเอาชีวิตรอดโดยไม่คาดคิด เมื่อใกล้ถึงฝั่ง ขบวนม้าก็โพล่งมาดับฝันพวกมันลงคนได้แต่ค้างอยู่กลางลำน้ำ ยามนี้มิมีทางให้ถอยอีกแล้ว ความหวาดกลัวนั่นเกิดขึ้น แต่มิใช่กับต้าหวงและจี่เยียก หนึ่งถือดาบหนึ่งน้าวธนู เป้าหมายคือผู้นำของศัตรู
    “ ต้าหวงดาบใหญ่ ชื่อของเจ้าทำให้หัวของเจ้ามีรางวัล” 
    น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นพร้อมการปรากฏตัวของม้าสีแดงราวโลหิต ค่อยๆแหวกผ่านขบวนม้านับร้อยออกมานอกการคุ้มกันหยุดยืนอยู่ต่อหน้าทุกคน เผยให้เห็นบุรุษวันยี่สิบห้าปีคนหนึ่ง ท่าทางองอาจกล้าหาญ แม้จะถูกจี้เยียกเล็งธนูใส่ก็หาได้เหลือบแล สายตาตกลงยังต้าหวงจุดเดียว คล้ายสิ่งที่ทำให้มันรู้สึกสนใจมีเพียงดาบใหญ่เท่านั้น
    “ เจ้าคงเป็นเหยี่ยวล่าเนื้อ การโจมตีเผ่าข้าคงเป็นคำสั่งขององค์ชายชิง เจ้าเลือกข้างแล้วงั้นหรือ ว่ากันว่า เหยี่นวล่าเนื้อมิรับคำสั่งจากใครยอกจากจอมข่าน เห็นทีจะมิจริงเสียแล้ว” ชายหนุ่มเมินถ้อยคำเย้ยหยัน 
    “ ข้าไม่เสียเวลาอธิบายกับเจ้า กฏของข้า หากสามารถเอาชนะข้าได้ ข้าจะละเว้นพวกมันทั้งหมด”
    ชายหนุ่มสวมเกราะลงจากหลังม้าชักดาบเพื่อเผชิญหน้ากับต้าหวง ผู้นำเหยี่ยวล่าเนื้อของจอมข่าน แน่นอนว่ามิใช่คนธรรมดา เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นคงจะไม่สามารถเป็นเหยี่ยวให้จอมข่านได้ ชื่อของคนผู้นี้ไม่ปรากฏ คนเรียกเขาว่าเหยี่ยวหนุ่มเท่านั้น เล่าขานกันว่าทุกคราที่ออกศึก จะมีกฏหนึ่งเสมอ นั่นคือมันจะให้โอกาศแก่ผู้นำของอีกฝ่ายหากสามารถเอาชนะมันได้ในการต่อสู้ตัวตัวต่อตัว มันจะปล่อยคนไปทั้งหมด ทว่าตั้งแต่เริ่มมีกฏนี้มายังไม่เคยมีใครสามารถเอาชนะได้เลยซักคน
    “ ข้ารับคำท้าของเจ้า”
    ต้าหวงยังจะมีทางเลือกอื่นอีกงั้นหรือ โอกาศแค่น้อยนิดนี้คือสิ่งเดียวที่มี ต่อครอบครัว ต่อคนในเผ่า และต่อตนเอง ดาบใหญ่ถูกกระชับในมือแน่น เท้าก้าวออกไปอย่างมั่นคง สายตาจับจ้องที่คู่ต่อสู้ เหยี่ยวหนุ่มยกดาบโค้งสีดำขึ้นมา จากนั้นเริ่มเคลื่อนไหววิ่งสลับฟันปลาเข้าหา ต้าหวง
    ดาบใหญ่ฟันราบตัดผ่านครึ่งลำตัว แต่คนไม่หยุดให้ฟันหรือต้านรับแต่อย่างใด เหยี่ยวหนุ่มกระโดดขึ้นสูง ก่อนต้าหวงจะรู้ตัว ดาบในมือของเหยี่ยวหนุ่มก็ตัดผ่านร่างของต้าหวงไปแล้ว ร่างที่ไร้ซึ่งกำลังราวกับผลไม้สุกไม่อาจรั้งอยู่บนกิ่งร่วงหล่นลงไม่มีสิ่งได้เหนี่ยวรั้ง 
    “ ต้าหวง” 
    จี่เยียกร้องเรียกสุดเสียง ในใจรู้ดีว่าคนจากไปแล้วไม่มีทางหวนคืน นางยกธนูขึ้นท่ามกลางสายน้ำไหลอาบแก้ม ยิงใส่เหยี่ยวหนุ่มคาดหวังให้คนตกตายไปพร้อมกัน แต่ไม่อาจทำร้ายคนได้ดาบโค้งฟันตัดผ่านลูกธนูอย่างง่ายดายตกลงแทบเท้า ทหารด้านหลังเหยี่ยวหนุ่มยกธนูขึ้นยิงปักเข้าที่ลำตัวของนาง จี่เยียกคุกเข่าลงพร้อมกับใบหน้าที่เจ็บปวด แต่หาใช่เพราะร่างกายที่บาดเจ็บ นางไม่แม้แต่มองบาดแผล ใช้แรงทั้งหมดที่มีตรงไปยังชายอันเป็นที่รักของตน
    ต้าหวงยังคงไม่สิ้นลม แต่มันก็เกินกว่าจะพูดได้มีเพียงมือสั่นเทาพยายามจับมายังภรรยาที่ได่ใช้ชีวิตร่วมกันมากว่าสิบขวบปีมีบุตรด้วยกันหนึ่วคน นางที่ยอมทิ้งฐานะมารักกับคนป่าเช่นตน ค้าหวงรู้สึกรักนางมากกว่าชีวิต ด้วยแรงอันน้อยนิดมือค่อยๆเคลื่อนหาจี่เยียก ซึ่งนางยื่นมือมาสัมผัสกับมันเช่นกัน 
    สายตาของทั้งสองหาได้เศร้าโศกอีกต่อไป ยังคงมีความสุขกับการได้ใช้ชีวิตด้วยกันมาและมีทายาทให้เป็นผู้กราบไหว้ในภายหลัง ไม่มีใครขัดขวางสองสามีภรรยา เหยี่ยวหนุ่มกลับขึ้นม้า มอบงานที่เหลือให้กับรองหัวหน้ากลุ่มกระทำต่อ
    ฉากการเข่นฆ่าไม่ได้ไร้ซึ่งผู้ชม เด็กน้อยวัยห้าขวบปีถูกปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงร้อง ดึงดูดคน น้ำตาแห่งความโศกศัลย์อาบเต็มสองแก้ม ภาพบาดใจราวกับมีดกรีดบนร่างเจ็บปวดโหยหามารดาบิดา ชายวัยกลางคนต้องจับตัวเด็กให้อยู่ หากไม่แล้วคงได้ฝังร่างเพิ่มอีกคนแน่นอน
    “ หรง ตัดใจเสีย เราช่วยพวกเขาไม่ทันแล้วและต้องไปตอนนี้ วันหน้ายังมีโอกาส” 
    แน่นอนว่าเสียงของเขามิอาจส่งถึงจิตของเด็กน้อยที่กำลังตกอยู่ในความเศร้าใจ และโกรธแค้น ชายวัยกลางคนจึงตัดสินใจจี้สะสะกัดจุดให้อีกฝ่ายหลับไหล สายตามองอย่างอาวรณ์ไปยังคนของเผ่าคีย์คัน แต่มันไม่สามารถทำอะไรได้ ต่อให้วรยุทธของมันจะเลิศล้ำเพียงใดก็ตามที โชคชะตาคือผู้กำหนดดส้นทางหาฝืนไปจะยิ่งทำให้เส้นทางของผู้เป็นศิษย์ยสกยิ่งขึ้น
    บทที่1
    ลมหนาวแห่งทุ่งหญ้าเปรียบดั่งชีวิตของมนุษย์บนหลังม้า

    บุรุษในชุดหนังโยนกระดูก ซึ่งถูกเล็มเนื้อจนขาวโผนทิ้งลงพื้น ก่อนจะหยิบหมวกศึกมาสวมใส่จัดให้เข้าที่ จากนั้นหันหลังไปมองสหายกว่าสามร้อยคนทางด้านหลัง
    ลมหายใจที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายพวยพุ่ง มือที่อาบไปด้วยหยาดเหงื่อกระชับอาวุธมั่น คำภาวนาต่อทวยเทพที่นับถือ ดวงวิญญาณที่เคารพ บิดามารดา ดังขึ้นอย่างเงียบๆในใจของแต่ละคน 
    “ หลังจากนี้ข้าจะฉลองในกระโจมของหัวหน้าเผ่า คีย์คัน หากอยากดื่มก็จงรอดให้ได้ อย่าตายเสียก่อน” 
    “ หึๆ รองหัวหน้า คำปลุกเล่าของท่านยังคงน่ากลัวเช่นเดิม ” 
    ชายในแถวม้าลำดับสองเอ่ยขึ้นเรียกเสียงหัวเราะได้มากพอทำให้ความตรึงเคลียดลงเล็กน้อยก่อนสู้ศึกแม้จะผ่านการต่อสู้มามากกว่าการนอนกับภรรยา แต่พวกมันหาได้ไร้ความหวาดกลัวต่อความตาย มีเพียงคนที่เคารพต่อความตายเท่านั้นที่จะรอด พวกมันยึดถือสิ่งนี้มานาน
    “ เข่นนั้นเจ้ากล่าวเหมือนทุกที ก็แล้วกัน”
    ชายหนุ่มใบหน้าผ่าเผยกอดคันหอก ผายมือให้กับสหายด้านข้างเป็นการเชื้อเชิญ อีกฝ่าย ทดสอบเสียงด้วยการไอสองครั้งเมื่อมัานใจว่าน้ำเสียงนั้นดีที่สุดแล้ว จึงได้มองท้องฟ้าราวกับนักปราชญ์ร่ายกวี
    “ พวกเราคือเหยี่ยวแห่งทุ่งหญ้า ม้าและธนูคือกรงเล็บ เกราะหนังคือพรจากเทพนักล่า และหัวหน้าของเราคือปีศาจ จบมอบความกลัวให้ศัตรู และปราณีต่อมิตรสหาย รบให้คนจดจำ และตายให้คนกล่าวถึง ลำนำแห่งเหยี่ยวทุ่งหญ้าจะขับขานไปทั่วสี่ทุ่งหญ้า” 
    “ มู่หลงเจ๋อ เราเป็นพวกคนเถื่อนคงมิเข้าใจในถ้อยคำเหล่านี้ แต่ก็เถอะ มันดีที่ได้ยินเจ้าเอ๋ย”
    “ เจ้าคนเถื่อน ป๋าเอ๋อคุน เงียบไปเลย”
    “ หัวหน้า พวกเราพร้อมแล้ว” 
    หลังจากต่อเถียงกันตามปกติจบลง สองรองหัวหน้าได้หัวศรีษะกลับมาแจ้งแก่บุรุษในชุดเกราะซึ่งนั่งสงบอยู่บนหลังอาชาสหายศึกของตน สายตาของเหยี่ยวหนุ่มมองไปทางกระโจมขาวซึ่งตั้งไล่เรียงขนาบลำน้ำทอดยาวไปตามความคตโค้ง เหนือกระโจมธงเผ่าคีย์คันโบกสบัดตามแรงลมอยู่เหนือแถวทหารซึ่งกำลังจัดตั้งขบวนรบรอต้านศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น
    “ โจมตีจากสามทาง ข้าจะไปข้างหน้า หลี่ไท่เจ้ามาจากข้างหลัง ป๋าเอ๋อคุนน้ำคนข้ามน้ำไป หน้าและหลังจะพลักดันบีบพวกมันไปตรงแม่น้ำ น้ำที่นั่นตื้นพอให้เดินข้ามไปได้ พวกมันต้องเลือกหนีโดยการข้ามลำน้ำแน่นอน เมื่อพวกนั่นข้ามน้ำ เจ้าป๋าเอ๋อคุนนำคนเข้ามา เราจะล้อมพวกมันไว้กลางลำน้ำ จับเป็นให้มากเท่าที่ทำได้คนตายไม่มีราคา” 
    ขบวนม้าแยกเป็นสามส่วนตามที่ได้รับคำสั่ง บุรุษหนุ่มยกคันหอกขึ้นมาชี้ปลายไปยังกระโจมข้างล่างเป็นสัญญาณว่าให้เริ่มโจมตี เสียงฝีเท้าม้านับร้อยดังขึ้นราวเสียงจากขุมนรก ชายและหญิงในเผ่าคีย์คันต่างแสดงใบหน้าตื่นกลัว
    “ พวกเหยี่ยวล่าเนื้อ พวกเหยี่ยวล่าเนื้อ”
    ทหารยามตะโกนลั่นขณะวิ่งลงจากสันเขาจุดที่ใช้สังเกตุการ์ณ ทว่ามันคงไม่รู้ว่าการร้องเตือนจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ออกจากปาก ยามที่ลูกธนูเจาะผ่านชุดหนัง เรี่ยวแรงที่มีเหมือนถูกสูบหายไปโดยปีศาจ ก่อนจะสิ้นใจ
    “ เจ้าชายชิง ส่งพวกสารเลวนี้มากำจัดคนที่ต่อต้านตน”
    บุรุษวัยกลางคนกำหมัดแน่นในอกเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เผ่าคีย์คันมิใช่เผ่าใหญ่คนในเผ่ารวมกันแค่พันกว่าคนเท่านั้น ส่วนเหตุใดวันนี้ถึงเผชิญกับเคราะห์ดำนั่น เป็นเพราะเวลานี้ทุ่งหญ้าสิ้นจอมข่านที่เคยเป็นสิงโตในฝูงหมาป่า เมื่อไร้ซึ่งสิงโต หมาป่าย่อมหันมาต่อสู้กันเองเช่นที่เคยเป็นมา เผ่าคีย์คัน อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเจ้าชายชิงและนี้คือสาเหตุที่วันนี้เผ่าของมันต้องพบกับภัยพิบัติ
    “ หัวหน้าเผ่า ต้าหวง  ว่ากันว่าพวกเหยี่ยวล่าเนื้อคือกองทหารม้าที่โหดเหี้ยมของจอมข่าน หนึ่งคนสามารถสู้สิบคนได้ เรามีแค่ทหารไม่กี่ร้อยกับคนแก่และเด็ก ทางที่ดีเราควรหนีซะตอนยังมีโอกาส” หัวหน้าทหารเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าหวานกลัว
    “ หนี แล้วคนในเผ่าเล่า จะปล่อยให้พวกเขาตาย”
    “ หัวหน้าเผ่า เอาชีวิตรอด ท่านถึงจะสามารถช่วยพวกมันได้ เราไปของให้เจ้าชายหยวนช่วย เราสนับสนุนพระองค์ เจ้าชายต้องทรงช่วยเราแน่” บุรุษวัยกลางคนส่ายศีรษะ 
    “ เจ้าคิดผิดไปแล้ว เรามีค่าอันใดให้พวกเขาต้องช่วยเหลือกัน เพราะเผ่า คีย์ตัน เจ้าชายหยวนถึงจะช่วยเรา หากไร้ซึ่งเผ่าไร้ซึ้งคนเราก็แค่คนจรไร้ที่นอนเท่านั้น หากต้องการนอก การสู้ที่นี่ คือทางเดียวที่จะมีชีวิตอยู่ หากเจ้าต้องการหนี ก็รีบไปเถอะ”
    “ ท่านหัวหน้าเผ่า” 
    เมื่อตัดสินใจเด็จขาดบุรุษวัยกลางคนก็เดินมายังแถวทหารของตน มองเข้าไปในดวงตาของเหล่านักรบทั้งสามร้อยคน
    “ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าหวาดกลัว ข้าเองก็กลัวมิต่างกัน หากแต่พวกเรามิอาจถอยได้ มองไปข้างหลัง ที่นั่นมี เมีย ลูกชายลูกสาว พ่อและแม่ของเจ้า หากเราหนีหรือถอยพวกเขาจะไร้การปกป้อง ที่นี่ วันนี้ เราจะต้องชนะ นี้คือหนทางเดียวที่จะช่วยทุกคน หากข้ารอด ข้าสัญญาว่าจะดูแลคนอื่นๆเป็นอย่างดี”
    “ สู้ๆ สู้ๆ สู้ๆ”
    “ฆ่า พวกเลวนั่น” 
    เกวียนไม้ถูกนำมาต่อกันเพื่อสร้างเป็นกำแพงขวางกั้นม้า พลหอกอยู่ด้านหน้าขณะที่พลธนูอยู่ด้านหลัง เมื่อเข้าสู่ระยะยิงพลธนูเริ่มโจมตีด้วยความเร็วของม้าจึงมีน้อยคนที่ต้องตกลงพื้น ทหารม้าตอบโต้ด้วยลูกธนูเช่นกันหลายคนในแถวล้มลง ขณะที่ม้าใกล้เข้ามา การขัดขวางด้วยธนูไม่ได้ผล พลหอกจึงกระชับหอกแทงออกไป
    หากเป็นม้าปกติคงจะหวาดกลัวและชักขาขึ้นตามสัญชาตญาณการเอาตัวลอดแต่ม้าของเหยี่ยวล่าเนื้อนั่นแตกต่างเพราะการฝึกให้ชินกับขบวนหอกมาตั้งแต่ต้น หากหอกไม่ยาวพอสูงพอมากพอ มันหาได้หวั่นเกรง 
    เกวียนแม้จะสูง แต่ไม่พอสำหรับม้าซึ่งกระโดดข้ามได้อย่างไม่ยากเย็น มีบ้างที่บางคนถูกหอกเสียบค้างอยู่บนเกวียน แต่ส่วนใหญ่สามารถข้ามไปยังอีกฝั่งได้ ต้าหวงและคนที่ยังรอดมองท้องม้าข้ามไปอีกฝั่ง ในใจรู้สึกว่าความตายคืบคานเข้ามาแล้วจริงๆหากไร้ซึ่งเกวียนไม้ไหนเลยจะสู้คนบนม้าได้อีก
    “ ฆ่า อย่าได้กลัวเราต้องปกป้องครอบครัว”
    เสียงปลุกขวัญดังขึ้นท่ามกลางความหลังที่กำลังปกคลุมเหนือท้องฟ้า อาศัยช่วงเวลาที่ม้าลดความเร็ว ต้าหวง จับหอกยาว ปาออกต่างลูกธนู หอกพุ่งเสียบหลังคนที่มิได้ระวังตัวจนตกม้า เมื่อมีต้าหวงเป็นตัวอย่าง คนที่เหลือก็ซัดหอกตามติด ทำให้เหยี่ยวล่าเนื้อหลายคนที่กำลังหันหลังไม่เห็นทางหอกพุ่งเข้าใส่ ถูกเสียบทะลุหน้าอกสิ้นใจคาม้าทันที
    “ ใช้เชือก ดึงพวกมันลงจากม้า”
    ต้าหวง สั่งการโจมตีต่อไปในทันที เชือดมัดแพ่ะถูกโยนไปทางม้าซึ่งอัดแน่นอยู่ไม่หางเพราะระยะและพื้นที่ใช่หันหัวม้าวกกลับมาโจมตีอยู่ทึ่เดียวกัน สองฝั่งถูกบีบบด้วยกระโจมทำให้ม้าของเหยี่ยวล่าเนื้อต้องอยู่ในจุดเดียวกัน ด้วยความแออัดการเคลื่อนไหวจึงยากกลายเป็นเป้านิ่ง
    บ่วงเชือกรัดเข้ากับตัวคนอย่างไม่ผิดพลาด เมื่อออกแรงดึงจึงสามารถกระชากคนตกจากหลังม้าได้อย่างง่ายดาย คนของเผ่าคีย์คันลากเหยื่อมาก่อนใช้ดาบเสียบแทงลงบนร่างของศัตรู ไร้ทางขัดขืน ความสงสารนั่นมิอาจมีและศัตรูก็คงไม่สงสารมันเช่นกัน 
    ระหว่างที่กำลังยินดีกับชัยชนะ หอกยาวพุ่งมาจากทางด้านหลัง ทหารชาวคีย์คันไม่ทันระวังจึงถูกตรึงบนพื้นอยู่ด้านหลังเกวียน ต้าหวง มองกลับไปพบว่าขบวนม้าที่จู่โจมเป็นเพียงกลุ่มแรกเท่านั้น มีอีกกลุ่มที่กำบังเคลื่อนเข้ามาทั้งมีจำนวนมากกว่า ธนูถูกยิงจู่โจมเข้ามาเป็นระรอกสอง ต้าหวงระดมการตอบโต้แต่มันไร้ซึ่งผล ขบวนม้ากลับทิ้งระยะห่างออกไปตั้งขบวนใหม่เผยคมหอกยาวชี้ปลายมาทางมัน
    อีกฝ่ายอยู่บนม้ากับมันมีสองข้าบนพื้น หากปะทะกันคงมิต้องคาดเดาว่าผลจะเป็นเช่นไร ทหารของมันคงถูกเหยียบตายทั้งหมดมัน ต้าหวงใช้ความคิดมันจะต้องหาจุดได้เปรียบในการต่อกร
    ทว่าฟ้าไม่เป็นใจ เมื่อเสียงร้องของสตรีและคนชราเด็กเล็กดังมาจากทางหลังค่าย จุดที่มันให้ทุกคนซ่อนตัว ยามนี้มีทหารม้ากลุ่มหนึ่งเข่นฆ่าไล่หลังมา ในฐานะหัวหน้าเผ่าและหัวหน้าครอบครัว มันต้องห่วงหาคนเป็นธรรมดา ต้าหวงไม่สนใจขบวนม้าด้านนอกอีก
    “ ฝ่าไป คุ้มกันพวกทุกคน” 
    ต้าหวงยกดาบใหญ่ขึ้รพุ่งออกไปเป็นคนแรก ดาบใหญ่ทรงพลังตัดผ่านร่างม้าและคนในดาบเดียว ด้วยไม่อาจขยับใช้ความได้เปรียบเข้าสู่ คนบนม้าราวปลาบนเขียง ต้าหวงเข่นฆ่าแหวกแถวทหารม้าออกไป ไม่ทราบมีคนกี่มากน้อยล้มลงระหว่างทาง ทว่าทุกคนในเผ่าคีย์คันรู้ดีว่ามิอาจหยุดต้องไปให้ถึงหลังค่ายโดยเร็ว
    ต้าหวงแกว่งดาบสิ่งใดขวางทางย่อมกลายเป็นเศษซาก ใต้ดาบใหญ่ของมัน พละกำลังของมันก็มิธรรมดาสามารถแยกหัวม้าออกจากร่างในดาบเดียวถือเป็นยอดฝีมือถึงขั้นคนหนึ่ง 
    ด้วยดาบใหญ่จึงสร้างเป็นทางให้เหล่าทหารคีย์คันที่เหลือเพียงหยิบมือผ่านไปได้ แม้จะเป็นเช่นนั้น ทวยเทพยังคงไม่อำนวนพรพวกมันหลังพบกับผู้หญิงและคนชราที่กำลังหวาดกลัว มันก็ถูกขบวนม้าที่มีจำนวนมากกว่าบีบให้พวกมันถอยไปยังมุมหนึ่ง ด้านหน้าคือเหยี่ยวล่าเนื้อข้างหลังคือแม่น้ำ ไร้หนทางหลบหนี ต้าหวงยืนอยู่ด้านหน้า ภรรยาของมันอยู่ด้านหลัง
    “ จี่เยียก อาหรงเล่าอยู่ที่ใด” ต้าใคร่รู้
    “ มันมิได้อยู่ในค่าย คงออกไปพร้อมกับอาจารย์ของมันตั้งแต่เช้า” จี่เยียกบอกต่อต้าหวง รอยยิ้มประดับบนใบหน้าต้าหวงทันทีเมื่อได้ยิน
    “ นั่นดีต่อมัน อย่างน้อยมันก็ยังรอด” 
    ต้าหวงมองภรรยา สองคนรู้ว่าวันนี้มิอาจรอดจากที่นี้ไปได้ ทว่าเชื้อสายของพวกมันยังคงอยู่ วันหน้าเผ่าของมันอาจกลับมาเดินบนเส้นทางบรรพบุรุษอีกครา เรื่องนี้ทำให้สองสามีภรรยาสามารถยิ้มออก
    คนร่วมพันถูกต้อนไปที่แม่น้ำ และมีหลายคนตัดสินใจจะข้ามน้ำไปยังอีกฝั่งเพื่อเอาชีวิตรอดโดยไม่คาดคิด เมื่อใกล้ถึงฝั่ง ขบวนม้าก็โพล่งมาดับฝันพวกมันลงคนได้แต่ค้างอยู่กลางลำน้ำ ยามนี้มิมีทางให้ถอยอีกแล้ว ความหวาดกลัวนั่นเกิดขึ้น แต่มิใช่กับต้าหวงและจี่เยียก หนึ่งถือดาบหนึ่งน้าวธนู เป้าหมายคือผู้นำของศัตรู
    “ ต้าหวงดาบใหญ่ ชื่อของเจ้าทำให้หัวของเจ้ามีรางวัล” 
    น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นพร้อมการปรากฏตัวของม้าสีแดงราวโลหิต ค่อยๆแหวกผ่านขบวนม้านับร้อยออกมานอกการคุ้มกันหยุดยืนอยู่ต่อหน้าทุกคน เผยให้เห็นบุรุษวันยี่สิบห้าปีคนหนึ่ง ท่าทางองอาจกล้าหาญ แม้จะถูกจี้เยียกเล็งธนูใส่ก็หาได้เหลือบแล สายตาตกลงยังต้าหวงจุดเดียว คล้ายสิ่งที่ทำให้มันรู้สึกสนใจมีเพียงดาบใหญ่เท่านั้น
    “ เจ้าคงเป็นเหยี่ยวล่าเนื้อ การโจมตีเผ่าข้าคงเป็นคำสั่งขององค์ชายชิง เจ้าเลือกข้างแล้วงั้นหรือ ว่ากันว่า เหยี่นวล่าเนื้อมิรับคำสั่งจากใครยอกจากจอมข่าน เห็นทีจะมิจริงเสียแล้ว” ชายหนุ่มเมินถ้อยคำเย้ยหยัน 
    “ ข้าไม่เสียเวลาอธิบายกับเจ้า กฏของข้า หากสามารถเอาชนะข้าได้ ข้าจะละเว้นพวกมันทั้งหมด”
    ชายหนุ่มสวมเกราะลงจากหลังม้าชักดาบเพื่อเผชิญหน้ากับต้าหวง ผู้นำเหยี่ยวล่าเนื้อของจอมข่าน แน่นอนว่ามิใช่คนธรรมดา เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นคงจะไม่สามารถเป็นเหยี่ยวให้จอมข่านได้ ชื่อของคนผู้นี้ไม่ปรากฏ คนเรียกเขาว่าเหยี่ยวหนุ่มเท่านั้น เล่าขานกันว่าทุกคราที่ออกศึก จะมีกฏหนึ่งเสมอ นั่นคือมันจะให้โอกาศแก่ผู้นำของอีกฝ่ายหากสามารถเอาชนะมันได้ในการต่อสู้ตัวตัวต่อตัว มันจะปล่อยคนไปทั้งหมด ทว่าตั้งแต่เริ่มมีกฏนี้มายังไม่เคยมีใครสามารถเอาชนะได้เลยซักคน
    “ ข้ารับคำท้าของเจ้า”
    ต้าหวงยังจะมีทางเลือกอื่นอีกงั้นหรือ โอกาศแค่น้อยนิดนี้คือสิ่งเดียวที่มี ต่อครอบครัว ต่อคนในเผ่า และต่อตนเอง ดาบใหญ่ถูกกระชับในมือแน่น เท้าก้าวออกไปอย่างมั่นคง สายตาจับจ้องที่คู่ต่อสู้ เหยี่ยวหนุ่มยกดาบโค้งสีดำขึ้นมา จากนั้นเริ่มเคลื่อนไหววิ่งสลับฟันปลาเข้าหา ต้าหวง
    ดาบใหญ่ฟันราบตัดผ่านครึ่งลำตัว แต่คนไม่หยุดให้ฟันหรือต้านรับแต่อย่างใด เหยี่ยวหนุ่มกระโดดขึ้นสูง ก่อนต้าหวงจะรู้ตัว ดาบในมือของเหยี่ยวหนุ่มก็ตัดผ่านร่างของต้าหวงไปแล้ว ร่างที่ไร้ซึ่งกำลังราวกับผลไม้สุกไม่อาจรั้งอยู่บนกิ่งร่วงหล่นลงไม่มีสิ่งได้เหนี่ยวรั้ง 
    “ ต้าหวง” 
    จี่เยียกร้องเรียกสุดเสียง ในใจรู้ดีว่าคนจากไปแล้วไม่มีทางหวนคืน นางยกธนูขึ้นท่ามกลางสายน้ำไหลอาบแก้ม ยิงใส่เหยี่ยวหนุ่มคาดหวังให้คนตกตายไปพร้อมกัน แต่ไม่อาจทำร้ายคนได้ดาบโค้งฟันตัดผ่านลูกธนูอย่างง่ายดายตกลงแทบเท้า ทหารด้านหลังเหยี่ยวหนุ่มยกธนูขึ้นยิงปักเข้าที่ลำตัวของนาง จี่เยียกคุกเข่าลงพร้อมกับใบหน้าที่เจ็บปวด แต่หาใช่เพราะร่างกายที่บาดเจ็บ นางไม่แม้แต่มองบาดแผล ใช้แรงทั้งหมดที่มีตรงไปยังชายอันเป็นที่รักของตน
    ต้าหวงยังคงไม่สิ้นลม แต่มันก็เกินกว่าจะพูดได้มีเพียงมือสั่นเทาพยายามจับมายังภรรยาที่ได่ใช้ชีวิตร่วมกันมากว่าสิบขวบปีมีบุตรด้วยกันหนึ่วคน นางที่ยอมทิ้งฐานะมารักกับคนป่าเช่นตน ค้าหวงรู้สึกรักนางมากกว่าชีวิต ด้วยแรงอันน้อยนิดมือค่อยๆเคลื่อนหาจี่เยียก ซึ่งนางยื่นมือมาสัมผัสกับมันเช่นกัน 
    สายตาของทั้งสองหาได้เศร้าโศกอีกต่อไป ยังคงมีความสุขกับการได้ใช้ชีวิตด้วยกันมาและมีทายาทให้เป็นผู้กราบไหว้ในภายหลัง ไม่มีใครขัดขวางสองสามีภรรยา เหยี่ยวหนุ่มกลับขึ้นม้า มอบงานที่เหลือให้กับรองหัวหน้ากลุ่มกระทำต่อ
    ฉากการเข่นฆ่าไม่ได้ไร้ซึ่งผู้ชม เด็กน้อยวัยห้าขวบปีถูกปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงร้อง ดึงดูดคน น้ำตาแห่งความโศกศัลย์อาบเต็มสองแก้ม ภาพบาดใจราวกับมีดกรีดบนร่างเจ็บปวดโหยหามารดาบิดา ชายวัยกลางคนต้องจับตัวเด็กให้อยู่ หากไม่แล้วคงได้ฝังร่างเพิ่มอีกคนแน่นอน
    “ หรง ตัดใจเสีย เราช่วยพวกเขาไม่ทันแล้วและต้องไปตอนนี้ วันหน้ายังมีโอกาส” 
    แน่นอนว่าเสียงของเขามิอาจส่งถึงจิตของเด็กน้อยที่กำลังตกอยู่ในความเศร้าใจ และโกรธแค้น ชายวัยกลางคนจึงตัดสินใจจี้สะสะกัดจุดให้อีกฝ่ายหลับไหล สายตามองอย่างอาวรณ์ไปยังคนของเผ่าคีย์คัน แต่มันไม่สามารถทำอะไรได้ ต่อให้วรยุทธของมันจะเลิศล้ำเพียงใดก็ตามที โชคชะตาคือผู้กำหนดดส้นทางหาฝืนไปจะยิ่งทำให้เส้นทางของผู้เป็นศิษย์ยสกยิ่งขึ้น
     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น