คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : SF5 : My Boss [2759]
ห่วย ใครๆก็เรียกผมกันแบบนั้น จนบางครั้งอยากจะเถียงออกไปบ้าง
หากแต่ก็รับรู้ ว่า
มันเป็นเรื่องจริงอย่างที่ใครๆเขาพูดกัน
“หวา ได้คะแนนน้อยอีกแล้ว เฮ้อ” ถอนหายใจเบาๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองไปยังกระดาษข้อสอบตาไม่กะพริบ ราวกับว่าถ้าจ้องมันไปเรื่อยๆ เลข 2 หลักที่ปรากฏอยู่ในนั้นมันจะสามารถเปลี่ยนได้
“เฮ้ย ไหนดูดิ โหๆๆๆ ได้แค่ 20 เอง ห่วยจริงๆด้วยว่ะ 55+” เสียงของเพื่อนในห้องที่มาดึงเอากระดาษข้อสอบไปจากมือตะโกนป่าวประกาศไปทั่วห้องเสียงดัง ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นตามมา
“เอาคืนมานะ” ตะโกนก่อนจะคว้าเอากระดาษคืนมา แล้วคว้ากระเป๋าวิ่งออกห้องไป
“เฮ้อ ซวยอีกแล้ว” บ่นพึมพำอยู่คนเดียว ขาเล็กก็ก้าวไปตามทางเรื่อยๆ รู้ดีถ้าหากเขากลับถึงบ้าน คนเป็นแม่ก็คงยิ้มรับเมื่อเห็นคะแนนสอบ แต่บางทีเขาก็อยากให้แม่ภูมิใจในตัวเขาบ้าง
“อ๊ะ” และคงเป็นเพราะเหม่อมากไป ร่างเล็กจึงชนเข้าจังเบ้อเร่อกับคนข้างหน้า
“เฮ้ย มาชนกันแบบนี้ คงต้องเรียกค่าเสียหายหน่อยแล้วมั้ง” ชายร่างใหญ่ที่ดูท่าทางเกเร 2-3 คนตรงหน้าทำเอาร่างเล็กขาอ่อนลุกไม่ขึ้น
“เอ่อ ขอโทษแล้วกันนะครับ แต่ผมไม่มีเงินหรอกนะครับ” เอ่ยบอกเสียงสั่น
“เฮ้ย มันบอกว่าไม่มีเงินว่ะ แล้วเอาไงดีวะ” หันไปถามเพื่อน ขณะที่ตัวเองก็หักนิ้วเป็นการบอกคำตอบเป็นนัยๆ แขนและขาค่อยๆพาร่างกายสั่นเทาของตัวเองเขยิบถอย หากแต่ก็ไปติดกับใครบางคนที่ยืนอยู่เบื้องหลัง
“รังแกคนอื่นน่ะ ไม่ดีมั้ง” เสียงทุ้มหวานที่เอ่ยออกมาทำให้ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะพบกับ
ชายหนุ่มร่างบางที่เขามั่นใจว่าต้องบางกว่าเขาแน่ ถึงแม้ส่วนสูงอาจจะสูงกว่าก็เถอะ นัยน์ตาสีเขียวมรกตสวยงามที่บ่งบอกว่าต้องไม่ใช่คนญี่ปุ่นเป็นแน่ อาจจะลูกครึ่ง เรือนผมสีเงินที่ดูนิ่มราวกับไหมเนื้อดีปลิวคลอเคลียกับแก้มใส ผิวขาวราวหิมะ ริมฝีปากแดงฉ่ำ ติดแต่เพียงมีมวนบุหรี่สีขาวถูกคาบไว้ เสื้อขนาดพอดีตัว กางเกงยีนส์สีซีด
แนบเรียวขางาม ประดับด้วยสร้อยคอ แหวนและเข็มขัด
“แล้วแกเป็นใคร ยุ่งอะไรด้วย”
“ฉันคงจะไม่ยุ่ง ถ้าคนที่แกหยามอยู่ ไม่ใช่คนที่ฉันรู้จัก” ประโยคทีทำให้สึนะต้องเงยหน้ามองอย่างไม่เชื่อหู รู้จักเขาไปรู้จักคนสวยๆ เอ๊ย คนๆนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“อ้าว งั้นก็ดีเลย จ่ายมาซะ ค่าเสียหายแทนเจ้านี่” มือกร้านแบพลางกระดิกนิ้วอย่างหยาบคาย ร่างบางทำเพียงแค่มองกิริยานั้นนิ่งๆ ก่อนจะแค่ยิ้มสมเพชออกมา มือบางเอื้อมไปฉุดให้ร่างเล็กได้ลุกขึ้นยืน ก่อนไดนาไมท์อันจิ๋ว 2-3 อันจะถูกจุดแล้วโยนลอยไปข้างหน้า พร้อมเสียงกระซิบ
“ดับไปซะ” ก่อนจะพาร่างเล็กของสึนะให้เดินเลี่ยงไปอีกทาง โดยมีเสียง ‘ตู้ม’ เป็นเสียงประกอบฉาก
“เอ่อ คุณเป็นใคร แล้วเอ่อ” เอ่ยติดๆขัดๆ ใบหน้าน่ารักหันซ้ายหันขวาเลิ่กลั่ก
“พรุ่งนี้ นายจะรู้จักฉัน” พูดจบก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไป ทิ้งให้อีกฝ่ายมองตามไปอย่างงงๆ ก่อนจะนึกได้รีบวิ่งกลับบ้าน
“ซือคุง ทำไมกลับมาช้านักล่ะ” เสียงคุณแม่เอ่ยทักพร้อมกับรอยยิ้มทำเอาคนเพิ่งกลับบ้านต้องตีหน้างง ไปอารมณ์ดีมาจากไหนกันล่ะเนี่ย “ผลสอบวันนี้ได้เท่าไหร่จ๊ะ” คำถามที่ทำให้มือเล็กๆค่อยๆยื่นกระดาษข้อสอบไปให้อย่างกล้าๆกลัวๆ
“อ๋า คะแนนไม่ดีเท่าไหร่เลยนะจ๊ะ แต่ไม่เป็นไรๆจ้ะ” บอกยิ้มแย้ม ทำเอาคนที่กลัวความผิดเงยหน้าขึ้นมาหน่อย “เพราะพรุ่งนี้ ครูสอนพิเศษที่รีบอร์นจังส่งมาสอนซือคุงแทนตอนที่เขาไม่อยู่จะมาจ้ะ”
“หา”
ตอนเช้ากิจวัตรประจำวันก็ยังคงเหมือนเดิม ตื่นเช้ามา อาบน้ำ กินข้าว ทักทายเล่น(?)กับเด็กสักพักก็ได้เวลาไปโรงเรียน
“อื๋อ” แปลกใจเล็กน้อยเมื่อเดินมาถึงห้อง เพื่อนๆจับกลุ่มอยู่ที่โต๊ะๆหนึ่ง พอจะจับใจความได้ว่า วันนี้จะมีนักเรียนแลกเปลี่ยนคนใหม่มาเรียนกับเรา
“นักเรียนใหม่เหรอ” พึมพำเบาๆในหัวก็หวนไปคิดถึงคำพูดของคนเมื่อวาน
“พรุ่งนี้ นายจะรู้จักฉัน”
ก่อนจะส่ายหัวน้อยๆ คิดมากไปเองล่ะมั้ง
“เอ้าๆ เงียบๆกันได้แล้ว วันนี้คงจะรู้กันแล้วสินะ ว่าเราจะมีนักเรียนใหม่มา” จบคำของคุณครู เสียงของนักเรียนก็ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะต้องเงียบเมื่อนัยน์ตาของคุณครูบ่งบอกว่า ถ้าไม่เงียบ วันนี้ก็ไม่ต้องเจอกับนักเรียนใหม่แล้วกันนะ “เข้ามาสิ” และก็เป็นอีกครั้งที่ประตูห้องถูกเปิดออก และเป็นอีกครั้งที่เสียงฮือฮาดังขึ้น แล้วคราวนี้ส่วนใหญ่เป็นเสียงกรี๊ดเบาๆของเหล่านักเรียนหญิง
“เอ่อ นี่โกคุเดระ ฮายาโตะจ้ะ เขาเป็นลูกครึ่งอิตาลี” เอ่ยแนะนำแทนนักเรียนที่ทำแค่ตีหน้านิ่งไม่พูดอะไรเลย คนที่ทำให้สึนะมองจนตาค้าง คนเมื่อวานนี่ ก่อนริมฝีปากอิ่มจะคลี่ยิ้มน้อยๆหากแต่น่ามอง และพูดประโยคอะไรบางอย่างที่ทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
“ได้เจอกันแล้วนะครับ รุ่นที่สิบ”
ตอนนี้เย็นแล้ว ความรู้สึกแรกคือ ดีใจที่จะได้กลับบ้านซะที หากแต่ก็ต้องปรับเป็นอารมณ์แย่ๆ เพราะเมื่อกลางวัน จู่ๆวิชาภาษาอังกฤษก็เกิดอยากจะสอบขึ้นมาซะอย่างนั้น
“เฮ้อ” เดินไปก็ถอนหายใจไป ยังคิดไม่ตกกับเรื่องนักเรียนใหม่วันนี้ด้วย จู่ๆก็มาเรียกเขาว่า รุ่นที่สิบ หรือว่า อีกฝ่ายจะเป็น มาเฟีย ไม่น้า แถมมาจากอิตาลีเหมือนกันอีก ไม่จริง
“อ๊ะ” อีกแล้ว คนกลุ่มเดิมกับเมื่อวาน หากแต่วันนี้ตามร่างกายกลับมีบาดแผลเต็มไปหมด แถมยังพกพวกมาอีกเพียบ อะไรเนี่ย
“ไอ้เด็กคนนี้ล่ะครับ” คนบาดเจ็บเอ่ยบอกกับคนที่ดูแล้วน่าจะเป็นหัวหน้าใหญ่ ก่อนคนๆนั้นจะย่างสามขุมเข้ามาหา “เฮ้ย แกรังแกลูกน้องฉันเหรอ”
“อะ เอ่อ เปล่านะครับ” เอ่ยตอบออกไป ก็แน่ล่ะคนที่ทำน่ะ มันโกคุเดระคุงไม่ใช่เหรอ
“เหรอ แต่คนของฉันมันบอกว่าแกเป็นคนทำ แกจะเอายังไง” ถามอย่างเอาเรื่องอย่างที่ร่างเล็กกลัวไม่น้อย ก่อนจะได้รับแรงตบที่ไหล่เบาๆ
“ไม่ยักรู้นะ ว่าแค่เด็กคนเดียวจะต้องยกโขยงกันมาขนาดนี้ รู้ไปถึงไหนอายเขาถึงนั่นเลย เนอะ” เสียงทุ้มหวานที่ฟังเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีวันลืมดังขึ้นข้างๆตัวเขา
“โกคุเดระคุง” ครางเรียกเสียงเบา
“รุ่นที่สิบครับ ถึงผมจะมาช่วย แต่ว่าอย่าให้ใครมาดูถูกวองโกเล่ได้นะครับ” บอกออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นคง
อย่างที่คนไม่เคยนึกอยากจะขึ้นเป็นบอสต้องยอมเอ่ยตอบตกลง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำเสียงแสนมั่นคงนั่น
หรือ จริงๆแล้ว มันอยู่ที่ตัวคนพูดกันแน่ ที่ทำให้คนไม่ได้เรื่องอย่างเขา
อยากจะพยายามขึ้นมาบ้างกับการเป็นมาเฟีย
“รุ่นที่สิบ คิดอะไรอยู่เหรอครับ” เสียงทุ้มของมือขวาดังขึ้น เรียกเอาสติที่หลุดลอยไปให้กลับเข้าร่าง
“คิดถึงวันแรกที่เราเจอกันน่ะ” บอกพลางยิ้มส่งไปให้ ผ่านจากวันนั้นก็นับเป็นสิบปีแล้ว จากนักเรียน ม.ต้นที่ไม่ได้เรื่องก็แปรเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มที่ควบคุมแก๊งมาเฟียแก๊งใหญ่และมีลูกน้องมากมายได้ ถึงแม้บางครั้งจะต้องให้คนอื่นๆช่วยบ้างก็ตาม
“อา คงไม่ได้คิดถึงอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับตัวผม ใช่มั้ยครับ” ถาม ก่อนจะได้รับเป็นการปฏิเสธ มือเล็กโบกไปมา ผมสีน้ำตาลปัดไปมายามสั่นหัว
“พูดเล่นนะครับ” เอ่ยเสียงนุ่มพร้อมอมยิ้มเล็กๆ ท่าทีที่เอานายเหนือหัวค้างไปนิด แต่ก็ส่ายหัวไปมาเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร แล้วก้มหน้าก้มตาลงกับเอกสารที่ต้องเซ็นต่อ
“ถ้าอย่างนั้น อยากได้กาแฟสักแก้วมั้ยครับ”
“ฝากด้วยแล้วกันนะ” และทันทีที่อีกฝ่ายเดินออกจากห้องไป ใบหน้าน่ารักก็ฟุบลงกับเอกสารทันที นัยน์ตาสีน้ำตาลปิดลง พยายามข่มความรู้สึกที่มันเอ่อขึ้นมา ให้กลับลงไปตกตะกอนภายในใจอย่างเก่า หากแต่มัน
ไม่หายไป กลับยิ่งเด่นชัดจนรู้สึกแย่
เขา รัก โกคุเดระคุง
“สึนะ” เสียงเรียกพร้อมการเปิดประตูเข้ามาทันที ทำเอาคนที่กำลังเครียดรีบเด้งตัวขึ้นมาจากโต๊ะ ก่อนจะถอนหายใจนิดๆว่าใครเป็นคนเข้ามา
“ว่ายังไง ยามาโมโตะ งานเสร็จแล้วเหรอ” ถามยิ้มๆ ก่อนจะหัวเราะน้อยๆ เมื่ออีกฝ่ายทำหน้ามุ่ยแล้วส่ายหัวมาให้
“ว่าแต่ โกคุเดระล่ะ”
“ไปชงกาแฟน่ะ” พอได้รับคำตอบก็ถอนหายใจนิดๆ คงพอรู้สินะ ว่าอีกฝ่ายไม่ถูกกับงานแบบนี้ คงอีกนานกว่าจะกลับมาล่ะนะ
“เอ่อ ยามาโมโตะ ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาหน่อย” อาย ยอมรับว่าอายที่จะต้องปรึกษาเรื่องหัวใจกับอีกฝ่าย แต่ว่าร่างสูงก็เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด และอีกอย่างถึงเจ้าตัวจะทำหน้ายิ้มไปวันๆ แต่ว่า ยามาโมโตะก็เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆไม่น้อย น่าจะให้คำปรึกษากับเขาได้ ใช่มั้ย
“อือ ต้องใส่เท่าไหร่ล่ะเนี่ย” บ่นพึมพำเบาๆ มือบางก็จับช้อนตักผงกาแฟลงแก้วกระเบื้องชั้นดี ถึงไม่มั่นใจว่าควรใส่เท่าไหร่ หกแต่ช้อนที่สามก็ตามลงไปติดๆ ก่อนจะโยนช้อนกลับไปไว้ในโถที่เดิม แล้วเลื่อนไปตักครีมเทียมและโยนน้ำตาลก้อนลงไปพอประมาณ
“อยากให้สึนะโยชิคุงเป็นเบาหวานเหรอครับ” เสียงทักที่ทำเอาร่างบางรีบหันไปอย่างรวดเร็ว มุคุโร่
“หึ ถ้าอย่างนั้นจะมาชงเองมั้ยล่ะ” คำทักที่ทำให้หงุดหงิด แต่ว่าถ้ามันไม่ดีต่อรุ่นที่สิบ เขาก็ไม่ควรทำมัน
“ครับๆ” รับคำแล้วเอื้อมไปหยิบแก้วกาแฟแก้วใหม่มา แล้วตักส่วนผสมใส่ลงไปอย่างพอเหมาะกว่าที่ร่างบางเป็นคนทำ “ฮายาโตะคุง เคยคิดจะมีความรักมั้ยครับ”
“ความรัก หึ” เอ่ยทวนคำ ก่อนจะตอบออกมาเสียงดัง “คืออะไรล่ะ” แค่นยิ้มออกมาอย่างเจ็บปวด เมื่อรู้ว่าเพราะคำๆนี้ที่ทำให้แม่ของเขา ยอมทุกอย่าง ละทิ้งความฝันทุกอย่าง และรวมไปถึงชีวิต
“แล้วสิ่งที่คุณมอบให้กับสึนะโยชิคุงล่ะครับ มันไม่ใช่ความรักเหรอครับ” ย้อนถามกลับอย่างที่ร่างบางนิ่งไป “อะ เสร็จแล้วล่ะครับ ฮายาตะคุง รีบยกไปดีกส่าครับก่อนที่มันจะเย็น” พูดจบก็เดินออกไปนอกห้อง ทิ้งให้ร่างบาจมอยู่กับคำพูดของอีกฝ่าย
สิ่งที่มอบให้รุ่นที่สิบ คือ … ความภักดี ความนับถือ ความเชื่อใจ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้มี หากแต่ตัวเขาเองก็รู้ว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้น แต่ถ้าถามว่ามันคืออะไร
จะผิดมั้ยถ้าหากจะบอกว่า ไม่รู้
“โกคุเดระคุง” เสียงเล็กเอ่ยเรียกมือขวาของตนอย่างเป็นห่วง เมื่ออีกฝ่ายกลับมาจากการชงกาแฟให้เขาก็เอาแต่เหม่อลอย จนลืมที่จะทวงงานจากผู้พิทักษ์พิรุณที่สะดุ้งทันทีที่ร่างบางกลับเข้ามา
“หา ครับ รุ่นที่สิบ” สะดุ้งเล็กน้อยที่อีกฝ่ายเรียกชื่อ ก่อนจะตอบรับกลับไปอย่างสุภาพ
“เป็นอะไรรึเปล่า เหม่อจังเลย” ถามอย่างเป็นห่วงนัยน์ตาสีน้ำตาลทอดมองไปอย่างอบอุ่น
“เปล่านี่ครับ ขอโทษนะครับที่ทำให้เป็นห่วง” เสียหวานรีบเอ่ยบอก ก่อนนัยน์ตาสีมรกตจะมองเห็นส่วนเกินของห้อง ยามาโมโตะ ทาเคชิ ในหัวที่เมื่อกี้มึนๆก็รีบประมวลผลอย่างรวดเร็ว ยามาโมโตะ = ไอ้บ้าเบสบอล = ผู้พิทักษ์แห่งพิรุณ = งาน = ต้องทวง!!!!!
“ไอ้บ้าเบสบอล” เอ่ยเรียกเสียงเย็น ส่วนคนโดนเรียกก็สะดุ้งโหยง ยิ้มแห้งๆมาให้ “ฉันหวังว่าที่แกมานั่งเล่นที่นี่ จะหมายความว่า แกทำงานเสร็จแล้ว ใช่มั้ย!”
“อะ เอ่อ โกคุเดระ คือว่า ฉัน เอ่อ” เสียงทุ้มเอ่ยติดๆขัดๆ ก่อนตัวช่วยชั้นดีจะยื่นมือเข้ามาช่วย
“พอดีว่าฉันให้ยามาโมโตะไปทำงานข้างนอกน่ะ ก็เลยกลับมาทำงานไม่ทัน ยังไงเดี๋ยวฉันจะช่วยยามาโมโตะทำอีกแรงจะได้เสร็จไวๆนะ” พูดพลางส่งสายตาไปขอร้องด้วยอีกแรง ทำเอาคนถูกกดดันอดจะใจอ่อนไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ ต้องลำบากรุ่นที่สิบอีกแล้ว เฮ้ย อย่ามัวแต่นั่งน่ะเฟ้ย รีบๆทำซะ” บอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลในตอนกแรก ก่อนจะมากระชากเสียงในตอนท้ายกับร่างสูง ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้แต่ยิ้มรับไปตามระเบียบ
“จ้าๆ รับรองว่าวันนี้เสร็จแน่ครับผม” คำตอบที่ทำเอามือขวาแห่งวองโกเล่อยากตะโกนดังๆว่า ใครจะให้มันทำทั้งวันวะ แต่เอาเถอะเห็นแก่เอกสารที่มีมากมายอยู่บนโต๊ะของตนหรอกนะ ไม่อยากจะเถียงกลับไปให้เสียเวลา ก็เลยทำเพียงแค่เดินไปนั่งที่โต๊ะของตนเพื่อทำงานต่อ
“ฟู่ว ขอบใจมากนะ สึนะ ไม่อย่างนั้นฉันซวยแน่เลย” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วก็หันมากระซิบกับเพื่อนตัวเล็ก
“ฮ่ะ ฮ่ะ ก็มันเรื่องจริงนี่นา ถ้าฉันไม่มัวปรึกษาเรื่องนั้น ยามาโมโตะก็คงได้ทำงานไปแล้ว” พูดเองก็แอบหน้าแดงไปน้อยๆ กับเรื่องนั้นจองตัวเอง
“น่าๆ ยังไงซะ ถ้านายสมหวัง ฉันก็ดีใจด้วย”
“รุ่นที่สิบครับ ถ้ายังไงผมกลับก่อนนะครับ อย่าโหมทำงานหนักนะครับ” บอกพลางก้มหัวให้เตรียมที่จะเดินออกไป ในมือก็หอบเอกสารจำนวนมากเพื่อจะได้นำไปตรวจสอบต่อที่ตึกของตน
“โกคุเดระคุงนั่นล่ะ อย่าโหมทำงานหนัก แล้วพรุ่งนี้ไม่ต้องมาที่นี่นะ” คำบอกที่ทำให้มือขวาขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็พรุ่งนี้ ฉันได้วันหยุดจากรีบอร์น ก็เลยอยากจะให้นายช่วยพาเที่ยวสักหน่อย” ใช่ก็เมื่อช่วงบ่ายที่คุยกับยามาโมโตะอยู่ดีๆ รีบอร์นก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ บอกว่า ‘ก็ไม่เห็นยาก บอกเขาไปเลยสิ อ้อ ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่บอกล่ะก็ เจอเจี๋ยนแน่เฟ้ย’ แล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้บอสแห่งวองโกเล่นั่งปวดหัวกับผู้พิทักษ์แห่งพิรุณต่อไป
“อา ด้วยความยินดีครับ”
วันรุ่งขึ้น
เป็นวันที่แสนจะแจ่มใส นัยน์ตาสีเขียวค่อยๆเปิดออกรับแสงอรุณในตอนเช้า ก่อนจะเบิกกว้างอย่าตกใจ เมื่อได้ยินเสียงตึงตังจากภายนอกพร้อมกันกับประตูห้องนอนที่ถูกใครบางคนกระชากเปิดมันออก
“ฮายาโตะ” เสียงหวานของคนเป็นพี่เอ่ยเรียก นัยน์ตาคู่สวยถูกปิดไว้ด้วยแว่นตา
“อะไร เจ๊” ถามอย่างงงๆ ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะอย่างน้อยก็ไม่ใช่แฟมิลี่ไหนบุกเข้ามาลอบสังหารเขาถึงที่
“ก็ได้ข่าวว่า วันนี้จะไปเที่ยวกับบอส พี่ก็เลยจะมาช่วยเราแต่งตัวไงจ๊ะ ฮายาโตะ” บอกพลางยิ้มหวานที่ร่างบางเห็นว่า มันคือ รอยยิ้มอาบยาพิษชัดๆ
“ไม่เห็นจำเป็นเลย ทำไมฉันจะต้องทำแบบนั้นด้วย” ถามอย่างงงๆ ก่อนจะรีบเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง แต่ก็ไม่พ้น เพราะพี่สาวคนงามจัดการถอดแว่นตาออก
“ไว้ใจพี่เถอะนะจ๊ะ ฮายาโตะ” เสียงและรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์เป็นสิ่งสุดท้ายที่ได้เห็น ก่อนที่สติจะดับวูบไป พร้อมร่างกายที่ร่วงลงสู่พื้นเตียงนุ่มเหมือนเก่า
“อื๋อ” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ก่อนจะค่อยๆกระพริบตาขึ้น “โอย กี่โมงแล้วเนี่ย” พึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้น เสไปมองนาฬิกาที่หัวเตียง 8 โมง “หือ จากอาเจ๊”
ถึง ฮายาโตะ
พี่จัดการอาบน้ำแต่งตัวเราให้เรียบร้อยแล้ว พี่ได้ยินเรื่องนั้นมาจากรีบอร์นแล้ว
หวังว่า วันนี้เราจะมีความสุขที่สุดนะ
และหวังว่าเราจะชอบชุดที่พี่เปลี่ยนให้ด้วย
ปล. น้องชายของพี่โตแล้วสินะ
จาก เบียงกี้
“ชุด อ๊ากกกกกกก” พึมพำเบาๆ ก่อนจะตะโกนสุดเสียงลั่นตึกวายุ ทำเอาลูกน้องพากันวิ่งขึ้นมาหาเจ้านายของตนที่หน้าห้อง แน่นอนว่ารวมถึงบอสแห่งวองโกเล่และยามาโมโตะที่แวะมารับด้วย
“โกคุเดระคุง เป็นอะไรรึเปล่า” ถามและไม่รีรอที่จะเปิดประตูเข้ามา ก่อนจะพบกับภาพตรงหน้าที่ทำให้ทุกคนลืมหายใจ ร่างบอบบางในชุดกระโปรงสีขาวลายดอกไม้ แขนสั้น คุกเข่าอยู่บนเตียงเผยให้เห็นต้นขาขาว แขนขาเรียวเล็กอย่างไม่น่าเชื่อว่า นี่คือบุคคลที่เป็นมือขวาของแก๊งวองโกเล่ แก๊งที่แสนสำคัญของวงการมาเฟีย
“อะ เอ่อ มีอะไรกันรึเปล่า” เมื่อเห็นทุกคนมองมาที่ตนแล้วเงียบแบบนั้น เสียงหวานก็ค่อยๆเอ่ยไปอย่างสั่นๆ ใจจริงอยากจะตะโกนด่ากราดให้หายอารมณ์เสีย แต่ว่าชุดนี้ พอใส่ชุดนี้มันกลับดึงดูดเสียงและความมั่นใจหายไปจนหมด
“ไม่ๆๆ ฮะๆนายใส่ชุดนี้แล้วน่ารักเป็นบ้าเลยอะ” เป็นยามาโมโตะที่เอ่ยออกมาแบบไม่เกรงกลัวไดนาไมต์และsystema C.A.I
“ไอ้” คิดคำด่าไม่ออก ในหัวมันโล่งไปจนหมด
“น่าๆ ว่าแต่โกคุเดระคุง ทำไมถึงใส่ชุดนี้ล่ะ” เป็นสึนะที่หายตาค้างแล้ว เอ่ยถามขึ้นมาซะเอง
“พอดี อาเจ๊เขามาจัดการให้น่ะครับ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าผมจะไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้ล่ะครับ” พูดจบก็ลุกขึ้นจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจริงๆ ติดตรงที่ว่า
“ไม่ต้องก็ได้ ใส่ชุดนั้นไปเที่ยวกัน” คำพูดแบบยิ้มๆของนายเหนือหัว ที่อยากปฏิเสธใจจะขาด แต่ว่าสุดท้ายแล้ว
“ก็ได้ครับ”
“รุ่นที่สิบอยากไปเที่ยวที่ไหนครับ” ถามออกมาอย่างเคยชิน หากแต่ว่าโดนคนตัวเล็กกว่าติมา
“แน่ะ บอกแล้วใช่มั้ยว่าอะไร” คำบอกที่ทำเอาใบหน้าขาวแปรเป็นสีแดงเข้ม มือบางขยุ้มชายกระโปรงแน่นจนเลิกขึ้นมาเล็กน้อย
“เอ่อ ค่ะ รุ่นที่สิบอยากไปเที่ยวไหนเป็นพิเศษมั้ย เอ่อ คะ” อาย อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ตอนเช้าว่าเวร้ายแล้ว ตอนนี้เลวร้ายกว่าอีก เมื่อตอนนี้ พวกเขาเดินอยู่ที่ใจกลางเมืองอิตาลี คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองมาบ้างล่ะ ซุบซิบกันบ้างล่ะ และที่แย่ที่สุดก็คือ มีไอ้บ้าบางตัวมันกล้าเดินเข้ามาขอเบอร์
“er Hello” ได้ยินเสียงสาวน้อยพูดกับเพื่อนตัวเล็กข้างกายด้วยภาษาที่ไม่รู้จัก ชายหนุ่มชาวอิตาลีจึงเลือกที่จะใช้ภาษาอังกฤษมาทักทายอีกฝ่าย
(ในวงเล็บเป็นการคุยภาษาอิตาลีนะคะ)
“<มีอะไร>” เสียงหวานถามอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ นัยน์ตาสีมรกตเริ่มขุ่นมัวเล็กน้อย
“<พูดอิตาลีได้ด้วยเหรอครับ ดีจัง ถ้าไม่รังเกียจขอทราบชื่อคุณหน่อยจะได้มั้ยครับ>” บอกพลางยื่นมือออกมา ในสายตาของโกคุเดระแล้ว กำลังคิดว่าอีกฝ่ายมาจากแฟมิลี่ไหนรึเปล่า จะมาหาเรื่องพวกเขารึเปล่า จึงมองมือที่ยื่นออกมานั่นอย่างชั่งใจ แต่กับสึนะแล้ว อารมณ์ภายในมันเดือดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก อาจเพราะ ความรู้สึกที่ว่าก็ได้ ความรู้สึกที่มันบอกว่า โกคุเดระต้องสนใจเขาคนเดียว
“<คงไม่จำเป็นมั้งครับ เพราะเขาเป็นคนของผม>” เป็นสึนะที่เอ่ยออกมา แล้วก็จัดการจูงมือของคนที่ยังคงงงๆอยู่เดินออกมาจากตรงนั้น ก่อนจะตรงไปยังร้านเสื้อผ้า
“เอ่อ รุ่นที่สิบเป็นอะไรรึเปล่าครับ” ถามออกมาอย่างเป็นห่วงเมื่ออีกฝ่ายเงียบผิดปกติ แต่ร่างเล็กก็ไม่ตอบ เลือกที่จะคุยกับพี่พนักงานร้าน แล้วหันมาบอก
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะ” ใบหน้าน่ารักหงอยไปถนัดตา แต่พ่อมือขวาก็เลือกที่จะรับคำแล้ว เดินไปคว้าเอาเสื้อกางเกงง่ายๆ แล้วเข้าไปเปลี่ยนทันที
“<บอสเป็นอะไรไปคะ>” คำถามจากพนักงานร้านี่เป็นเครือของวองโกเล่ถามขึ้น เมื่อนายเหนือหัวของตนดูซึมเศร้าผิดปกติ
“<เธอว่า ใครจะเหมาะสมกับโกคุเดระคุงเหรอ>” ถามออกมาอย่างน้อยใจตัวเอง อีกฝ่ายทำงานก็เก่ง หัวก็ดี ไหนจะรูปร่างหน้าตาอีก ปกติสาวๆก็มองกันเหลียวหลังแล้ว พอแต่งเป็นผู้หญิง ผู้ชายก็มองกันไม่วางตาอีก ถ้าไม่ติดว่ามีปัญหาทางบ้านจนกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายและขี้โวยวายนะ ยิ่งไม่อยากจะคิด
“<ก็บอสไงคะ>” ตอบออกมาด้วยรอยยิ้มนิดๆ ก่อนจะขยายความเมื่อใบหน้าของนายเหนือหัวเหวอไปไม่น้อย “<เพราะคุณโกคุเดระไม่เคยมีแฟน ฉันเลยไม่รู้ว่าตอนเขาอยู่กับแฟนเป็นยังไง แต่ว่าตอนที่เขาอยู่กับบอส เขาน่ารักมากเลยนะคะ>” บอกพลางหลับตานึกไปถึงรอยยิ้มหวานๆที่มอบให้คนตรงหน้า และเป็นรอยยิ้มที่ไม่ว่าใครก็ไม่เคยได้รับมัน แล้วก็อีกอย่าง ใครๆก็รู้ว่าบอสน่ะคิดไม่ซื่อกับมือขวาของตัวเอง
“<ผมน่ะเหรอครับ ผมน่ะถ้าไม่มีทุกคนก็คงมาถึงจุดนี้ไม่ได้ ผมที่เอาแต่พึ่งคนอื่นน่ะ>”
“<เพราะบอสไม่ใช่แค่พึ่งคนอื่น แต่บอสน่ะให้คนอื่นได้พักพิงและคอยเป็นห่วงคนอื่นๆเสมอ นี่น่ะเหรอคะ คนที่ไม่คู่ควรน่ะ>” บอกพลางยิ้มไปให้คนอ่อนวัยกว่าอย่างใจดี
“อ๊ะ โกคุเดระคุง เปลี่ยนเสร็จแล้วเหรอ” เอ่ยถามร่างบางที่คราวนี้ออกมาในเสื้อยืดพอดีตัว และกางเกงยีนส์สีซีด ส่วนในมือก็มีชุดกระโปรงที่ถอดออกอยู่
“ครับ รุ่นที่สิบ” ตอบก่อนจะหันไปมองพนักงานคนสวย “<ส่งไปให้อาเจ๊ด้วย>” บอกพร้อมยื่นชุดในมือไปให้
“<ค่ะ>”
หลังจากจัดการเปลี่ยนชุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ร่างบางของโกคุเดระก็จัดการพารุ่นที่สิบของตัวเองไปตระเวนเที่ยวตามที่ต่างๆที่ตนเห็นว่าน่าสนใจ จนในที่สุดพระอาทิตย์ก็ตกดิน
“อา รุ่นที่สิบจะกลับกันเลยมั้ยครับ” ถามออกมา เมื่อเห็นว่าพรุ่งนี้ก็ต้องกลับไปทำงานเหมือนเดิม
“ก็ดีเหมือนกัน แต่ว่าไปกินข้าวเย็นก่อนแล้วค่อยกลับนะ”
“ว้าว รุ่นที่สิบรู้จักที่ดีๆแบบนี้ด้วยเหรอครับ” ถามพลางมองออกไปนอกกระจก วิวของเมืองอิตาลีสะท้อนเข้าสู่สายตา
“เปล่าหรอก รีบอร์นเป็นคนจัดการให้น่ะ” ตอบก่อนจะทอดมองสีหน้ามีความสุขของคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม โกคุเดระก็เป็นดั่งสายลม บางคราพัดกรรโชกทำลายทุกสิ่ง บางคราก็พัดเอื่อยๆ แต่ถ้าวันไหนไม่มีลมพัดก็ไร้ชีวิตชีวาไม่ใช่เหรอ
“อาหารมาแล้ว กินกันเถอะครับ” บอกกับนายเหนือหัว ก่อนทั้งคู่จะจัดการกับอาหารตรงหน้าจนหมด
“ฮ้า อิ่มจังเลยนะครับ”
“โกคุเดระคุง ฉันมีเรื่องจะพูดด้วย รับฟังมันหน่อยได้มั้ย” พูดกับร่างบางที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำเอาอีกคนตีหน้าเครียดขึ้นมาบ้าง “อา มันไม่ได้จริงจังขนาดนั้นหรอกนะ” รีบบอกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายชักจะจริงจังเกินไป
“อะไรเหรอครับ” หากแต่สึนะกลับเพียงแค่ยิ้มบางเบา ก่อนลุกขึ้นยืนยื่นหน้าข้ามโต๊ะไปจุมพิตเบาๆที่หน้าผากมน
“อ๊ะ” ร้องออกมาเบาๆ ใบหน้าหวานขึ้นสีแดง นัยน์ตาสีมรกตสื่อถึงความไม่เข้าใจ ซึ่งร่างเล็กก็ยิ้มรับอาการงงนั้นอย่างเข้าใจ เพราะรู้ดีว่า สายลมของเขาไม่รู้จักกับความรัก
“ฉันรักโกคุเดระคุงนะ” บอกออกไปก่อนจะได้รับคำตอบเป็นความเงียบ “ฉันไม่คิดว่าโกคุเดระคุงจะรักตอบฉันหรอกนะ แต่ฉันเพียงอยากจะบอกเท่านั้น”
“ผม คือ ไม่รู้” ตอบอย่างจนใจ ใบหน้าหวานก้มลงอย่างรู้สึกผิด รู้สึกว่าตนอาจทำให้อีกฝ่ายต้องเสียใจ
“ไม่เป็นไรหรอกนะ” บอกพลางนั่งลงกับที่ มือเล็กสัมผัสแก้มใสนั่นเบาๆ “ถ้าไม่เข้าใจเรื่องความรัก ฉันจะสอนให้ ไว้ใจฉันมั้ย”
“เอ่อ” เสียงหวานเอ่ยติดขัด ความรัก มันก็แค่ความรู้สึกสิ้นคิด ความรู้สึกที่แสนไร้สาระที่ฉุดพาให้คนอ่อนแอลง และยอมทำอะไรที่มันไร้เหตุผล ไม่เชื่อหรอก เขาไม่เชื่อความรักอะไรนั่น
“ความรักมันเป็นสิ่งที่สวยงาม ไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมดหรอก เชื่อฉันได้มั้ย” มองลึกเข้าไปในดวงตาสีเขียวที่งดงามราวกับอัญมณี ยิ่งมีน้ำใสๆมาคลอยิ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า มันดูน่าหลงใหลมากเพียงใด
“ผมเชื่อรุ่นที่สิบครับ” บอกออกมาอย่างมั่นคง ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าความรักเป็นยังไง ถึงแม้จะกลัวอยู่ไม่น้อย แต่ว่า เขาเชื่อในตัวของอีกฝ่าย เชื่อมั่นเหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา
“ขอบคุณนะ ฮายาโตะ” บอกก่อนที่จะกดริมฝีปากของตัวเองบนริมฝีปากแดงนั่นเบาๆ
“รุ่นที่สิบ” ครางเรียกอีกฝ่ายแผ่วเบา ก่อนจะยิ้มหวานส่งไปให้ กับการเดินอยู่ข้างกายในฐานะมือขวาไม่ใช่เรื่องยากอะไร หากแต่การเดินอยู่ในฐานะคนรักคงจะยากไม่น้อย แต่ว่า “ฝากตัวด้วยนะครับ”
เพราะอยากรู้เหมือนกันว่า หัวใจที่เต้นผิดจังหวะนี้ คือรัก ใช่รึเปล่า
____________________________________________________________________
2759 แต่งยากชะมัด =_= คราวหน้าขอกลับไปคู่อื่นดีกว่า 555+
ตอนเย็นจะเอาฟิกวันเกิดท่านฮิมาลง 1859 เจอกันตอนค่ำๆนะคะ
ความคิดเห็น