คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : กระบี่ลมขจี
ลั่วเฉินกลับถึงจวนแม่ทัพก็มุ่งตรงไปพบฮูหยินผู้เฒ่าก่อน เมื่อพบผู้เป็นย่าเขาก็กล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ท่านย่า วันนี้ข้าโชคดีทำเงินได้ไม่น้อย ท่านเก็บเงินนี่ไว้ใช้จ่ายนะขอรับ” ถึงแม้ลั่วเฉินจะได้ความทรงจำชีวิตที่แล้วกลับคืนมาบางส่วน แต่ความรักความเมตตาที่ฮุหยินผู้เฒ่ามอบให้มากกว่าสิบปีก็ยังสร้างความอบอุ่นให้กับใจของลั่วเฉิน
ฮูหยินผู้เฒ่ามองตั๋วเงินสองร้อยเหรียญทองที่ลั่วเฉินมอบให้ด้วยความประหลาดใจก่อนจะกล่าวว่า “เฉินเอ๋อ เหตุใดเจ้าจึงมีเงินมากมายถึงเพียงนี้ เจ้าไปทำสิ่งใดมา” ลั่วเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าโชคดีได้สมุนไพรหายากมาหลายต้น ข้านำไปขายได้เงินมาถึงห้าร้อยเหรียญทองแล้วจึงนำเงินส่วนหนึ่งไปซื้อตำราหลอมอาวุธโบราณกับอุปกรณ์หลอมมา นี่คือเงินส่วนที่เหลือท่านย่าเก็บไว้ใช้จ่ายนะขอรับ” ฮูหยินผู้เฒ่ามองหลานชายด้วยความมึนงง “เจ้าจะเรียนการหลอมอาวุธ เพียงศึกษาจากตำราจะเป็นไปได้อย่างไร นักหลอมอาวุธล้วนแต่ร่ำเรียนจากสำนักอาจารย์มีชื่อ”
ลั่วเฉินพยักหน้าแสดงว่าเห็นด้วย “ข้าทราบขอรับท่านย่า แต่ท่านก็รู้ว่าเมืองของเราไม่มีสำนักหลอมอาวุธ ยังไงข้าจะลองศึกษาด้วยตนเองดูก่อน ท่านดูนี่คือตำราหลอมอาวุธโบราณที่มีราคาสองร้อยเหรียญทองเชียวนะขอรับ” ฮูหยินผู้เฒ่ามองหลานชายด้วยแววตาเห็นใจ “เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า เพียงแต่เจ้าไม่มีพื้นฐานอาจต้องใช้เวลานานในการเรียนรู้ หากทำไม่สำเร็จเจ้าจงอย่าได้ผิดหวังไป”
ลั่วเฉินพยักหน้ารับ “ข้าเข้าใจขอรับ ท่านย่าอย่าได้เป็นห่วง ข้ายังมีสมุนไพรบำรุงกำลังอีกหลายอย่าง เดี๋ยวข้าจะให้จัดให้พ่อบ้านฝูนำไปตุ๋นน้ำแกงให้ท่านปู่กับท่านย่า” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มด้วยความพอใจที่หลานชายกตัญญู แต่นางยังโทษตนเองอยู่บ้าง หลานชายของนางดีถึงเพียงนี้หากยังอยู่ในเมืองหลวงจะต้องมีอนาคตที่ดี บางทีก่อนหน้านี้นางควรจะส่งเขาไปอยู่บ้านตาของเขา
ลั่วเฉินเมื่อได้รับอนุญาตจากผู้เป็นย่าก็เริ่มดำเนินการทันที ก่อนอื่นให้พ่อบ้านตามช่างฝีมือมาสร้างห้องสำหรับการหลอมอาวุธ ถึงแม่จวนแม่ทัพลั่วจะค่อนข้างยากจนแต่ก็มีพื้นที่กว้างขวาง ลั่วเฉินเลือกพื้นที่บริเวณหลังเรือนของเขาเองเพื่อสร้างห้องหลอมอาวุธ ห้องที่สร้างต้องมีความแข็งแรง วัสดุที่ใช้จึงต้องค่อนข้างดี ลั่วเฉินกำหนดวัสดุที่ใช้พร้อมรูปแบบการสร้างให้นายช่างก่อสร้างอย่างละเอียด ลั่วเฉินไม่ตระหนี่เขาใช้เงินถึงยี่สิบเหรียญทองเพื่องานนี้ ตอนนี้เขาเหลือเงินจากการขายสมุนไพรเพียงสิบเหรียญทองเท่านั้น
เนื่องจากการจ่ายเงินเต็มที่เพียงสามวันห้องหลอมอาวุธที่ลั่วเฉินต้องการก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ ลั่วเฉินค่อนข้างพอใจกับสิ่งนี้ “ข้าต้องทำสิ่งต่างๆไปทีละขั้นตอนไม่จำเป็นต้องรีบร้อน“ เขาคิดลำดับสิ่งที่เขาต้องทำ ลั่วเฉินทอดสายตามองไปในระยะไกล สัมผัสถึงเสี้ยววิญญาณและอาวุธของเขา เขายังสัมผัสได้อีกว่าค่ายกลลวงตาอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน คงเพราะบริเวณนั้นมีผู้คนจำนวนมาก และอาจเป็นยอดฝีมือระดับสูงหลายคน “เอาล่ะ กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ ถึงมีคนพบเห็นแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับ”
ในห้องหลอมอาวุธ ลั่วเฉินนำถุงสีดำใบหนึ่งที่มีลายเมฆสีขาวออกมา ถุงใบนี้ทำมาจากหนังของสัตว์อสูรมิติ เป็นสัตว์อสูรที่จับได้ยากมาก สามารถนำมาใช้บรรจุสิ่งของ ด้านในเป็นมิติเก็บของขนาดพอๆกับหีบใหญ่ใบหนึ่ง เพียงแต่สามารถนำมาใช้ได้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น หากเปิดถุงหลายๆครั้งมิติจะค่อยๆหดตัวลงเล็กลง หากไม่ระวังในการใช้งานให้ดีสิ่งของภายในอาจเกิดความเสียหายได้เช่นกัน หอการค้าลมวสันต์ขายในราคาสิบเหรียญทอง และสิ่งนี้หอการค้าลมวสันต์มักจะนำมาบรรจุสินค้าให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าราคาแพง ถือเป็นของกำนัลให้กับลูกค้าไปในตัว
ลั่วเฉินนำเอาเตาหลอม ทั่งและค้อนที่ใช้ในการหลอมอาวุธออกมา เขานำเตาหลอมไปติดตั้งบริเวณพื้นที่ที่เตรียมไว้ ลั่วเฉินตรวจดูว่าการไหลของอากาศถูกต้องจึงดำเนินการวาดอักขระโดยรอบ หลังจากดำเนินการเสร็จบริเวณเตาหลอมก็เปล่งแสงสีแดงออกมาก่อนจะวูบหายไป ลั่วเฉินนำสิ่งของหลายอย่างในแหวนดาวตกออกมา ในฐานะที่เป็นสุดยอดปรมาจารย์ในการหลอมอาวุธในแหวนดาวตกของลั่วเฉินจึงมีวัสดุเป็นจำนวนมาก ทั้งของที่เขาพบเจอด้วยตนเองและผู้อื่นนำมามอบให้ จะมีเพียงแกนอสูรที่ไม่สามารถเก็บเป็นเวลานานเกินไปและวัสดุบางอย่างเท่านั้นที่เขายังคงจำเป็นต้องหามาใช้งานในอนาคต
ลั่วเฉินโยนวัตถุทรงกลมสีแดงราวกับก้อนโลหิตขนาดเท่าผลส้มเข้าไปช่องจุดไฟในเตาหลอม ก่อนที่เรียกไฟหลากสีออกมาเล็กน้อยดีดเข้าใส่วัตถุสีแดง วัตถุสีแดงค่อยๆลุกไหม้ก่อนจะเกิดเปลวไฟโปร่งใสพุ่งแรงขึ้นมา สิ่งนี้ลั่วเฉินพบโดยบังเอิญเมื่อครั้งเขาสำรวจภูเขาไฟลูกหนึ่งเมื่อชีวิตก่อน เขาเรียกสิ่งนี้ว่าผลเพลิงสวรรค์ เมื่อจุดไฟแล้วก็จะเกิดเปลวไฟที่ให้ความร้อนสูงเหมาะกับการหลอมอาวุธและหลอมโอสถ หลังจากจุดไฟเขาก็นำแร่ที่ต้องใช้พร้อมกับซากและแก่นอสูรของจักจั่นเงินปีกเขียวออกมา เขาตั้งใจจะใช้วัสดุทั้งหมดหลอมสร้างกระบี่ยี่สิบเอ็ดเล่ม
ห้องหลอมอาวุธที่สร้างใหม่มีแสงสว่างวูบไหวพร้อมเสียงค้อนตีดังมาเป็นระยะ เวลาผ่านไปนับแต่ดวงอาทิตย์ตกดินความมืดเริ่มมาเยือนจนดวงอาทิตย์กลับมาให้แสงสว่างอีกครั้ง ในที่สุดผลงานทั้งหมดก็เรียงรายอยู่บนโต๊ะขนาดใหญ่ บนโต๊ะมีกระบี่ประกายสีเขียววางอยู่ยี่สิบเล่ม ทั้งหมดดูแวววาวคมกริบ นี่เป็นอาวุธวิญญาณระดับสูงเสริมแกร่งสี่ส่วนถึงห้าส่วน ลั่วเฉินตั้งใจทำสิ่งนี้ขึ้นมาเพื่อเปิดตัวในฐานะนักหลอมอาวุธ สำหรับลั่วเฉินอาวุธวิญญาณระดับนี้เขาสามารถหลอมเสริมแกร่งสิบส่วนได้อย่างแน่นอน แต่นั่นอาจจะสร้างความตื่นตะลึงกับผู้คนมากเกินไป
ลั่วเฉินหยิบกระบี่อีกเล่มหนึ่งขึ้นมา ตั้งแต่ด้ามจับถึงส่วนปลายกระบี่ยาวห้าจั้ง(1) เขาใช้ช่วงแขนของตัวเขาเองเป็นตัวกำหนดความเหมาะสมความยาว ใบกระบี่สีเขียวใสกว้างสามชุ่น(2) ตัวใบบางจนสามารถมองทะลุเห็นอีกด้านได้อย่างเลือนลาง ด้ามจับและฝักกระบี่เป็นสีเงิน นี่เป็นกระบี่ที่สร้างจากจักจั่นจ่าฝูง ลั่วเฉินนำเปลือกทั้งตัวของจักจั่นมาหลอมรวมกับแร่ดาวตกที่เขาสะสมไว้ ใบทำจากปีกและแก่นอสูร ด้ามจับและฝักทำจากเปลือก หัวและเขี้ยว นี่เป็นกระบี่ระดับปฐพีเสริมแกร่งสิบส่วน ใบกระบี่เปล่งประกายสีเขียวแวววาวราวกับพร้อมจะพุ่งสังหารชีวิตได้ตลอดเวลา ลั่วเฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ข้าจะเรียกเจ้าว่า กระบี่ลมขจี แต่ตอนนี้จำเป็นต้องลบประกายของเจ้าเอาไว้ก่อน”
ลั่วเฉินนำผงสีดำออกจากแหวนดาวตกก่อนจะผสมกับของเหลวบางอย่างนำไปลูบบนใบกระบี่ ประกายที่เจิดจ้าของกระบี่ค่อยๆลดลงจนแทบจะเหมือนกับกระบี่ยี่สิบเล่มที่เหลือ ลั่วเฉินเก็บกระบี่ลมขจีไว้ในแหวนดาวตก นำกระบี่วิญญาณเสริมแกร่งสี่ส่วนสามเล่มใส่ลงในถุงมิติก่อนจะมุ่งตรงไปยังเรือนหลัก เมื่อไปถึงเขาก็นำกระบี่ทั้งสามเล่มออกมาแสดงให้กับย่าของเขาดู ฮูหยินผู้เฒ่าแม้จะประหลาดใจแต่ก็ยังยินดีกับความสำเร็จของหลานชาย ลั่วเฉินยังบอกกับท่านย่าว่าเขาจะนำกระบี่ไปขายแล้วจะเข้าสู่ป่าไผ่ม่วง ครั้งนี้เขาอาจจะเดินทางเป็นเวลาหลายวันจำเป็นต้องบอกกล่าวเพื่อไม่ให้ท่านย่าเป็นกังวล
ลั่วเฉินบอกลาท่านย่าก่อนจะเดินทางจากจวนแม่ทัพไปหอลมวสันต์ เขาตั้งจะขายกระบี่ทั้งสามเล่มนี้ เขาจะค่อยๆเปิดเผยตัวตนในฐานะนักหลอมอาวุธ ฐานะนี้จะทำให้เขาเคลื่อนไหวง่ายขึ้นในอนาคต ลั่วเฉินไปที่หอลมวสันต์อีกครั้ง เสมียนตู้คนเดิมมองเห็นลั่วเฉินอย่างรวดเร็วพร้อมทักทายด้วยรอยยิ้ม “คุณชายลั่ว ไม่ทราบวันนี้ท่านมีอะไรใหข้ารับใช้” ลั่วเฉินไม่อ้อมค้อมนำกระบี่ทั้งสามเล่มวางบนโต๊ะโดยตรง
เสมียนตู้มองกระบี่บนโต๊ะก่อนจะมองลั่วเฉินด้วยความตกตะลึง ”คุณชายลั่ว นี่ท่านหลอมเองรึ” ลั่วเฉินยิ้ม “เหล่าตู้ แน่นอนว่าเป็นข้าหลอมขึ้นมาเอง ท่านคิดว่าข้าขโมยมารึ” เสมียนตู้ส่ายศีรษะ “ข้าย่อมไม่คิดเช่นนั้น เพียงแต่ท่านพึ่งซื้อตำรากับอุปกรณ์ไปเพียงสามวันเท่านั้น ท่านจะหลอมอาวุธได้อย่างไร ทั้งยังเป็นกระบี่วิญญาณระดับสูงเสริมแกร่งสี่ส่วนถึงสามเล่ม” ลั่วเฉินแสดงสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย “หลังจากความพยายามมากมาย ข้าก็ได้เพียงกระบี่สามเล่มนี้มา”
เสมียนตู้มองใบหน้าที่พยายามโศกเศร้าของลั่วเฉินพลางกรอกตาคิดในใจ “ท่านทำใบหน้านั้นให้ใครดู ท่านเพิ่งจะซื้อตำราไปเมื่อสามวันก่อนเท่านั้น หากท่านโศกเศร้าผู้อื่นจะใช้ชีวิตกันได้อย่างไร” เสมียนตู้ปรับสีหน้าเป็นปกติก่อนจะกล่าว “กระบี่วิญญาณระดับสูงเสริมแกร่งสี่ส่วนที่ไม่ผ่านการเชื่อมจิตราคาเล่มละหกเหรียญทองท่านว่าอย่างไร” ลั่วเฉินยังคงอยากต่อรองอีกสักเล็กน้อย “สามเล่มยี่สิบเหรียญทอง นี่จะเป็นการค้าขายระยะยาว เหล่าตู้ในอนาคตข้าจะนำของดีกว่านี้มาขายท่านอีก” เสมียนตู้มุมปากกระตุกแต่ก็ยังตอบตกลง
ลั่วเฉินเก็บเหรียญทองจากขายกระบี่ทั้งสามเล่มด้วยความสุข วันนี้เขาตั้งใจจะเข้าไปในป่าไผ่ม่วงอีกครั้ง ตอนนี้พลังบ่มเพาะของเขาอยู่แดนก่อกำเนิดขั้นที่แปด เขาไม่สามารถทะลวงเขตแดนด้วยยาเม็ดหรือสมุนไพรวิเศษได้อีก การจะฝ่าทะลวงเขตแดนระหว่างแดนก่อกำเนิดขั้นที่แปด ถึงแดนก่อกำเนิดขั้นที่เก้า และจากแดนก่อกำเนิดขั้นที่เก้าทะลวงสู่แดนปฐพีนั้นมีเพียงแรงกดดันจากการต่อสู้ที่แท้จริงเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ทำให้มีผู้คนมากมายติดอยู่เพียงเขตแดนนี้เนื่องจากไม่มีความกล้าพอที่จะพาตนเองเข้าสู่การต่อสู้
ลั่วเฉินเดินทางออกนอกเมืองเมื่อมาถึงชายป่าไผ่ม่วงเขาก็นำกระบี่ลมขจีออกมา เขาใช้ปลายกระบี่สะกิดที่นิ้วเล็กน้อยก่อนจะเพ่งสมาธิไปที่หยดเลือดที่ปลายนิ้ว เมื่อเลือดที่ปลายนิ้วหยดลงกระทบกระบี่ลมขจีตัวกระบี่ก็สั่นไหวพร้อมกับส่งเสียง “วิ๊ง” ออกมา นี่เป็นขั้นตอนในการสร้างสัมผัสวิญญาณเชื่อมระหว่างอาวุธวิญญาณและผู้ใช้ ลั่วเฉินสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของกระบี่ลมขจีได้อย่างชัดเจน ราวกับเขามีเส้นประสาทเชื่อมต่อกับตัวกระบี่
ลั่วเฉินเริ่มทดลองออกกระบวนท่าด้วยเพลงกระบี่ตระกูลลั่ว เคล็ดวิชาตระกูลลั่วนั้นสำหรับลั่วเฉินนับว่าไม่เลว สมกับเป็นตระกูลทหารที่ยิ่งใหญ่มาก่อน เคล็ดวิชาตระกูลลั่วนั้นมีทั้งวิชากระบี่ วิชาดาบ วิชาหมัดและทวนบนหลังม้า ลั่วเฉินเพ่งสมาธิไปกับกระบวนท่ากระบี่ในความทรงจำ เพลงกระบี่ตระกูลลั่วเน้นความไวในการโจมตีและท่าร่างที่รวดเร็วเป็นหลัก เดิมทีลั่วเฉินแม้จะฝึกฝนมานานแต่ไม่มีความสำเร็จมากนัก เคล็ดกระบี่ตระกูลลั่วมีทั้งหมดหกกระบวนท่า ลั่วเฉินในอดีตเขาไม่ค่อยเข้าใจถึงจังหวะการออกกระบี่โจมตีพร้อมการก้าวเท้า เขาจึงให้ความสำคัญกับการฝึกเพลงหมัดมากกว่า
แต่ตอนนี้ไม่เพียงลั่วเฉินจะได้ความทรงจำบางส่วนกลับมา เขายังมีความเข้าใจระดับเทพยุทธด้วย เขาเริ่มออกกระบวนท่าอย่างช้าๆพร้อมกับก้าวเท้าบ้างไปซ้ายบ้างไปขวา หลังจากผ่านไปประมาณสิบรอบ ลั่วเฉินก็เริ่มเร่งความเร็วขึ้น กระบี่ในมือลั่วเฉินจากที่สามารถมองเห็นอย่างชัดเจนก็เริ่มพร่ามัว กระบี่คล้ายใบไผ่ที่ร่วงหล่นยามถูกลมพายุ หลังจากผ่านไปราวหนึ่งร้อยรอบลั่วเฉินก็สามารถเข้าถึงเจตนากระบี่ของแต่ละกระบวนท่าเหล่านี้ เรียกได้ว่าเข้าขั้นสมบูรณ์แบบ สามารถบอกได้ว่าแม้แต่บรรพบุรุษที่บัญญัติเคล็ดวิชานี้ก็อาจไม่มีความสำเร็จในระดับนี้ เมื่อได้ผลลัพธ์เป็นที่พอใจลั่วเฉินก็เริ่มสำรวจตนเองอีกครั้ง เขาเพ่งสมาธิส่งพลังวิญญาณเข้าสู่ตันเถียน ภายในตันเถียนลั่วเฉินพบวัตถุที่เขากำลังมองหา นี่เป็นเมล็ดพืชเม็ดหนึ่งที่เปล่งรัศมีสีทองจางๆออกมา ลั่วเฉินมองเมล็ดพืชอย่างเหม่อลอยพลางจมสู่ห้วงความคิด
(1)หนึ่งจั้ง ประมาณ 3.3เมตร
(2)หนึ่งชุ่น ประมาณ3.3เซนติเมตร
ความคิดเห็น