คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #39 : สั่งสอนเหอซาน
ลั่วเฉินมีแผนในใจจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย “วันพรุ่งนี้ข้าจะนำทุกคนไปยังตำแหน่งเป้าหมาย เมื่อไปถึงยังพื้นที่เป้าหมายข้าจะแยกกันกับทุกคน หน้าที่รวบรวมวัสดุจะมอบหมายให้พวกเจ้า ภารกิจคือการรวบรวมแมลง แมลงชนิดนี้จะนำมาหลอมสร้างอาวุธให้กับพี่สาวเซียว ตัวมันมีขนาดเล็กมากจะต้องรวบรวมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ข้าจะมีอุปกรณ์ให้พวกเจ้าทุกคน จงจำไว้ว่าให้จับแมลงนี้โดยการใช้อุปกรณ์แล้วพวกเจ้าจะไม่เป็นอันตราย ห้ามใช้มือเปล่าจับโดยเด็ดขาด เมื่อรวบรวมได้มากพอแล้วเช้าวันมะรืนให้พวกเรากลับมาพบกันที่จุดนี้”
เซียวหลิงซีถามอย่างสงสัย “แล้วเจ้าจะไปไหน” ลั่วเฉินยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “ข้าย่อมต้องไปสั่งสอนผู้คน”
เช้าวันต่อมาลั่วเฉินให้ทุกคนผูกม้าวายุไว้ ก่อนจะพาทุกคนเดินลึกเข้าไปในป่า ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยามพวกเขาก็พบกับดงไม้ที่มีใบสีเขียวอมฟ้ากระจายอยู่ทั่วผืนป่า ลั่วเฉินหยุดเดินก่อนจะบอกทุกคน “ที่นี่แหละ” หยางป๋อสังเกตผืนป่าโดยรอบแล้วจึงเอ่ยถาม “เสี่ยวเฉินเจ้าให้เรามาหาสิ่งใดที่นี่ นอกจากต้นไม้แล้วข้าไม่เห็นว่าจะมีสิ่งใดอีก แม้แต่สัตว์อสูรตัวเล็กก็ไม่เห็นมี”
ลั่วเฉินไม่ได้ตอบคำถามโดยตรง เขาหยิบอุปกรณ์บางอย่างออกมาก่อนจะยื่นให้กับทุกคน เมื่อมองอุปกรณ์สองชิ้นในมือเหล่าสหายก็รู้สึกมึนงง ลั่วเฉินยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกล่าวช้าๆ “อุปกรณ์ในมือของพวกเจ้าขวดแก้วนั้นคือขวดแก้วชนิดพิเศษที่ข้าใช้ความพยายามมากมายในการหลอม เห็นแบบนี้มันมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก อีกชิ้นคือสวิงจับแมลงข้าใช้เส้นใยของแมงมุมสายฟ้าถักทอเป็นตาข่าย”
ลั่วเฉินชี้มือไปที่ต้นไม้ที่มีใบสีเขียวอมฟ้า “นี่คือต้นหลิวหลาน ตอนนี้เจ้าอาจจะเห็นว่ามันคือต้นไม้ปกติทั่วไป แต่เมื่อถึงยามค่ำคืนมันจะปล่อยหยดน้ำค้างสีฟ้าออกมา น้ำค้างนี้เป็นอาหารที่หิ่งห้อยเหมันต์ชื่นชอบเป็นที่สุด หิ่งห้อยชนิดนี้จะมีขนาดเล็กเพียงเล็บมือของเด็กตัวมันจะเปล่งแสงสีฟ้า เมื่อถึงยามค่ำคืนข้าคิดว่าจะต้องมีหิ่งห้อยเหมันต์จำนวนมากในบริเวณนี้ นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องรวบรวม
วิธีการคือเมื่อหิ่งห้อยเหมันต์บินไปเกาะที่ต้นหลิวหลานให้เจ้าใช้สวิงตาข่ายค่อยๆจับมัน แล้วจึงใส่ลงในขวดแก้วก่อนจะปิดฝา หิ่งห้อยเหมันต์เป็นสัตว์อสูรระดับสามก็จริงแต่มันจะไม่โจมตีก่อน เพียงแต่สิ่งที่พวกเจ้าจะต้องระวังก็คือเจ้าอย่าได้สัมผัสมันโดยตรงเป็นอันขาด หากเจ้าใช้มือจับแล้วพลังปราณของเจ้าไม่เพียงพอในการต้านทานพิษเหมันต์เจ้าก็เตรียมตัดมือได้เลย”
สองชั่วยามต่อมาลั่วเฉินยืนบนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เขาค่อยๆแผ่จิตสำนึกทางวิญญาณให้กระจายออกไป หลังจากลั่วเฉินทะลวงเข้าสู่แดนปฐพีจิตสำนึกทางวิญญาณของเขาก็พัฒนาขึ้นมาก ตอนนี้เขาสามารถแผ่จิตสำนึกทางวิญญาณตรวจสอบบริเวณรอบตัวได้สูงสุดประมาณสองลี้ แต่จะต้องอยู่ในข้อจำกัดที่ว่าคนหรือสัตว์อสูรที่เขาสามารถสัมผัสได้จะต้องมีพลังปราณไม่สูงกว่าเขามากเกินไป
ผู้ที่มีพลังฝึกฝนสูงจะมีพลังปราณปิดกั้นอยู่รอบตัวทำให้ลั่วเฉินไม่สามารถตรวจสอบถึงการคงอยู่ได้หรือหากเขาไม่ระวังก็อาจถูกพบตัวได้เช่นกัน แต่นี่ก็มากเกินพอสำหรับเด็กน้อยไม่กี่คน ลั่วเฉินติดตามร่องรอยจากจุดที่หยางป๋อประมาณให้ฟังคร่าวๆก่อนจะแกะรอยมาถึงบริเวณนี้ ตอนนี้เขาพบคนกลุ่มนี้แล้วและเขายังพบว่าในทิศทางที่คนกลุ่มนี้กำลังเดินไปอีกประมาณห้าร้อยหมี่จะมีเหยื่อตัวใหญ่ ลั่วเฉินมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่ประกายตาของเขาเย็นเฉียบ
เหอซานและพรรคพวกอีกสี่คนกำลังตามรอยสัตว์อสูรตัวใหญ่ ด้านหลังยังตามมาด้วยบ่าวรับใช้อีกกว่าสิบคน จากร่องรอยที่พบเหอซานคาดการว่านี่คือหมีอสูรหลังแดงซึ่งเป็นสัตว์อสูรระดับสองที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสัตว์อสูรระดับสองด้วยกัน มันวางแผนไว้ว่าหากจะสังหารสัตว์อสูรตัวนี้จำเป็นต้องให้มันกับสหายรุมโจมตีจากทุกทิศทาง หากพบตัวหมีอสูรหลังแดงมันจะให้บ่าวไพร่คนหนึ่งไปล่อหมีเข้ามาในวงล้อม ขณะที่มันก้าวไปข้างหน้าก็เห็นชายชุดแดงคนหนึ่งกำลังแทงกระบี่เข้าใส่หมีอสูรหลังแดง เหอซานน้าวสายธนูแล้วยิงออกไปทันที กระบี่ของชายคนนั้นแทงเสียบเข้าไปในตัวหมีอสูรหลังแดง ลูกธนูของมันก็ยิงถูกเป้าหมายเช่นกัน หมีอสูรหลังแดงล้มลงทันที ใบหน้าของเหอซานเต็มไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะเรียกสหายให้วิ่งทะยานออกไป
ลั่วเฉินแทงกระบี่เข้าไปที่จุดตายของหมีอสูรหลังแดงเมื่อเห็นลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาปักที่หลังของหมีก็มีรอยยิ้มที่มุมปาก เขาสัมผัสได้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังตรงเข้ามา คนยังมาไม่ถึงแต่มีเสียงดังขึ้นมาก่อน “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าจัดการกับมันได้แล้ว” ผู้ที่หัวเราะออกมาเป็นชายหนุ่มชุดเขียวส่วนคนที่ตามมาพร้อมกันเป็นชายหนุ่มสองคนและหญิงสาวสองคน ทุกคนสวมใส่ชุดสีเขียวคล้ายกับคิดว่าเมื่อสวมใส่สีเขียวจะสามารถพรางตัวจากสัตว์อสูรในป่าได้
เมื่อมาถึงพวกมันก็พากันหัวเราะกันออกมา ก่อนที่ชายคนหนึ่งจะกล่าวกับบ่าวรับใช้ที่เพิ่งตามมาถึง “พวกเจ้าไปนำหมีมา วันนี้พวกเราจะกินเนื้อหมีกัน” บ่าวรับใช้ถือท่อนไม้พร้อมกับเชือกเดินเข้าไปหาร่างไร้วิญญาณของหมีอสูรหลังแดง “เดี๋ยวก่อน” ลั่วเฉินกล่าวออกมาเสียงเรียบ เขามองไปที่กลุ่มคนก่อนที่จะใช้เท้าเขี่ยลูกธนูบนหลังหมีเล็กน้อย ลูกธนูก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย “เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังทำอะไร คิดจะแย่งเหยื่อของข้า” ลั่วเฉินกล่าวกับกลุ่มคน
เหอซานเมื่อเห็นว่าลั่วเฉินเป็นเพียงชายหนุ่มที่ดูอายุน้อยกว่ามันมากใบหน้าก็เต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง “นี่เป็นเหยื่อที่ข้ายิงได้ ทำไมข้าจะนำมันไปไม่ได้” มันตวาดออกมา ชายหนุ่มอีกคนก็กล่าวเสียงดัง “ถูกต้องนี่เป็นเหยื่อที่สหายข้าสังหารเจ้าคิดจะแย่งชิงงั้นรึ” อีกหลายคนก็พยักหน้าพร้อมกับหัวเราะ ลั่วเฉินยิ้มเยาะ “โอ้ เจ้าสังหารหมีตัวนี้อย่างนั้นรึ อย่างนั้นก็เอาสิเจ้าลองใช้ธนูของเจ้ายิงให้ปักตัวมันให้ลึกสักสามชุ่นก็พอ ข้าจะยกหมีอสูรหลังแดงตัวนี้ให้เจ้า”
เหอซานใบหน้าบิดเบี้ยว มันกัดฟันกล่าว “นี่เป็นเหยื่อของข้า ข้าจะนำมันไปแล้วเจ้าจะทำไม เจ้าอยากหาที่ตายอย่างนั้นรึ” ลั่วเฉินหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่าฮ่าฮ่า” ร่างกายเขาวูบไหวก่อนปรากฏตัวเบื้องหน้าของเหอซาน “เพียะ” ลั่วเฉินฟาดฝ่ามือลงไปบนแก้มด้านซ้ายของเหอซานเสียงดัง เหอซานกระเด็นถอยหลังก่อนจะปลิวไปชนกับต้นไม้ใหญ่ มันก้มศีรษะลงพ่นเลือดและฟันออกมา ลั่วเฉินหันไปมองชายหนุ่มที่หัวเราะเยาะเขาเมื่อสักครู่ เขาฟาดฝ่ามือออกไป “เพียะ” “เพียะ” ชายหนุ่มอีกสองคนไม่มีทางให้หลบหนีหรือมีโอกาสได้กล่าวถ้อยคำ มันกระเด็นออกไปสภาพไม่ต่างกันกับเหอซาน
ลั่วเฉินหันไปมองหญิงสาวสองคนที่กำลังยืนตัวสั่น “จิ๊จิ๊ โชคของพวกเจ้ายังดีที่ข้ามีความอดทนกับสตรีมากกว่าบุรุษ แต่หากพวกเจ้าเอ่ยวาจาไร้สาระออกมาความอดทนของข้าก็อาจจะหมดลงเช่นกัน หากหญิงงามอย่างพวกเจ้าไม่มีฟันคงจะดูน่าเกลียดไม่น้อย” หญิงสาวทั้งสองทรุดตัวลงกับพื้น บ่าวรับใช้เองก็ไม่กล้ากระดิกตัว ต้องรู้ว่าเมื่อเทียบกับเจ้านายของพวกมันแล้วพวกมันยังมีพลังฝึกฝนต่ำกว่ามาก
เหอซานตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล “เจ้ามันรนหาที่ตาย เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเราคือใคร” ไม่รอให้เหอซานประกาศความยิ่งใหญ่ของตนเอง ลั่วเฉินก็มาปรากฏตัวตรงหน้าของมันอีกครั้ง ลั่วเฉินยื่นเท้าออกไป “คลิ๊ก” ลั่วเฉินเหยียบไปบนขาของเหอซานขาข้างขวาก็หักทันที “อ๊าก ไอ้คนบัดซบ” “คลิ๊ก” ลั่วเฉินเหยียบขาซ้ายอีกข้างหนึ่ง “อ๊าก ข้าจะข้าเจ้า” “คลิ๊ก” แขนข้างขวาบริเวณเหนือข้อมือก็หัก เหอซานกัดฟันอดกลั้นความเจ็บปวดจนเลือดไหลย้อยที่มุมปาก
ลั่วเฉินยิ้มเยาะ “เชื่อหรือไม่ว่าหากเจ้ากล่าววาจากันอีกแม้เพียงครึ่งคำพวกเจ้าจะไม่ได้ออกจากป่าในวันนี้” คนหนุ่มสาวเหล่านี้ล้วนใช้ชีวิตกันมาอย่างสุขสบาย เมื่อใดกันที่จะเคยพบคนที่โหดเหี้ยมขนาดนี้ ชายหนุ่มอีกสองคนนอกจากเลือดที่ไหลออกมาจากปากแล้วยังไม่สามารถกลั้นปัสสาวะเอาไว้ได้ ลั่วเฉินเหลือบมองไปที่บ่าวรับใช้ “เจ้ารีบมาพาคนเหล่านี้ออกไป หากข้าพบพวกเจ้าในป่านี้อีกจะไม่ใช่เพียงแขนขาไม่กี่ข้างเท่านั้น บ่าวรับใช้รีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงชายหนุ่มสองคนขึ้นมา เมื่อมองไปที่เหอซานบ่าวรับใช้ทำได้เพียงนำท่อนไม้มามัดรวมกันก่อนจะช่วยกันยกเหอซานขึ้นวางด้านบนก่อนจะพากันวิ่งออกไป
ลั่วเฉินใช้เวลาที่เหลือรวบรวมวัสดุต่างๆในป่าก่อนที่เขาไปจะไปพักยังจุดนัดพบเพื่อรอสหาย เช้าวันต่อมาสหายทั้งห้าคนก็กลับมา แต่ละคนเมื่อมาถึงก็นำขวดแก้วออกมา ด้านในของขวดแก้วแต่ละใบมีหิ่งห้อยเหมันต์เป็นจำนวนมาก ลั่วเฉินกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ทำได้ดีกว่าที่คิด หิ่งห้อยเหมันต์มากขนาดนี้นอกจากกระบี่ของพี่สาวเซียวข้าจะทำอาวุธซัดไว้ให้พวกเจ้าทุกคนพกติดตัวคนละเล่ม”
ลั่วเฉินและสหายควบม้ามุ่งตรงเข้าสู่เมืองเฉียว ลั่วเฉินใช้เหรียญตราปรมาจารย์หลอมอาวุธสามดาราเข้าสู่เมือง ยามเฝ้าประตูเมืองถึงกับต้องตกใจเมื่อเห็นปรมาจารย์หลอมอาวุธที่อายุน้อยขนาดนี้ ตัวเมืองเฉียวใหญ่โตกว่าเมืองปิงเกือบห้าเท่าสมกับเป็นเมืองที่มีประชากรมากกว่าหนึ่งล้านคน คนทั้งหกเดินไปตามถนนเมื่อพบกับโรงเตี๊ยมที่ดูสะอาดสะอ้านลั่วเฉินจึงบอกให้สหายทั้งห้าคนเข้าพักที่นี่ เขานัดหมายกับสหายก่อนที่จะแยกตัวออกไป
ลั่วเฉินสอบถามเส้นทางจากร้านค้าริมถนนก่อนที่เขาจะพบกับที่ตั้งของสมาคมหลอมอาวุธสาขาเมืองเฉียว ในแคว้นเซี่ยสมาคมหลอมอาวุธสาขาเมืองเฉียวนับเป็นสาขาขนาดใหญ่หากลั่วเฉินไม่เข้ารับการทดสอบที่เมืองเฟิงเขาก็จะต้องมาทดสอบที่เมืองแห่งนี้ ตัวอาคารของสมาคมยังคงเป็นรูปทั่งแต่มีความใหญ่โตมากกว่าสาขาเมืองเฟิงมาก มีผู้คนต่อแถวยาวเพื่อใช้บริการและเข้าทดสอบมากกว่าสาขาเมืองเฟิงหลายเท่า แต่เวลานี้ลั่วเฉินไม่จำเป็นต้องต่อแถวอีกต่อไป
ความคิดเห็น