ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลั่วเฉินจ้าวศาสตรา

    ลำดับตอนที่ #35 : กำหนดตัวเจ้าบ่าว

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 67


    ผู้ชมต่างอ้าปากค้าง หลายคนคาดหวังการต่อสู้อันบ้าคลั่ง หลายคนคาดเดาว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ว่าผู้ใดจะชนะก็จะต้องได้รับบาดเจ็บไม่น้อย “นี่มันเร็วไปหรือเปล่า” ถังซีไห่อุทานออกมา ถังตงไห่พยักหน้า “หนุ่มคนนี้มีความเข้มแข็งจริง มีใครรู้จักที่มาของเขาบ้าง” ผู้ดูแลการประลองที่อยู่ไม่ไกลพลิกดูข้อมูลในมือก่อนจะตอบว่า “ข้อมูลที่เขาลงทะเบียนไว้คือชายหนุ่มผู้นี้ชื่อหวังเค่อคนผู้นี้เดินทางมาจากเมืองปิง 

    ส่วนข้อมูลที่ได้รับมาจากหอพันสมบัติ ก่อนหน้านี้หวังเค่อเคยได้อันดับสองและอันดับสามในงานประลองเวทีผู้กล้าวัยเยาว์สองปีที่ผ่านมาของเมืองปิง เพียงแต่ตามข้อมูลที่มีหวังเค่อเป็นเพียงผู้ฝึกฝนในแดนก่อกำเนิดขั้นที่แปดเท่านั้นขอรับ” ถังตงไห่หยุดคิดเล็กน้อย “เมื่อช่วงเช้ามีพ่อค้าหลายคนมาจากเมืองปิง เจ้าลองไปสอบถามข้อมูลจากพวกเขา”

    หวงฟุเวลานี้เป็นดั่งมดบนกระทะร้อน มันเดินวนไปมาคล้ายกับหวังว่าสามารถเจอประตูที่จะพามันหนีไปให้ไกล “ท่านผู้ดูแล ทีนี้เราจะทำยังไงกันดีขอรับ” ลูกน้องคนสนิทเองก็ร้อนใจเช่นกัน หวงฟุใบหน้าบิดเบี้ยวสมองหมุนวนหาวิธีการที่พอจะเป็นไปได้ ผู้เข้าแข่งขันที่เหลืออยู่ในสายตาของหวงฟุไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของหวังเค่อได้อย่างแน่นอน “เจ้าไปนำยาสลายปราณมา” ลูกน้องหน้าถอดสี “แต่ แต่ท่านผู้ดูแลขอรับ..” “เจ้าหุบปาก ตอนนี้เป็นเวลาไหนแล้วเจ้ายังจะต้องกลัวอันใดอีก รีบไปเอามาให้ข้า”

    รอบต่อมาหวังเค่อไม่ได้ออกแรงมากนักเนื่องจากคู่ต่อสู้บาดเจ็บมาก่อนแล้ว เมื่อเห็นหมัดใหญ่ของหวังเค่อกำลังจะพุ่งเข้ามาคู่ต่อสู้ก็ประกาศยอมแพ้ไปก่อน หวังเค่อกลับเข้าไปในกระโจมพักชั่วคราวเพื่อรอเจอผู้ชนะของคู่ต่อไป ถึงช่วงเวลาสำคัญลั่วเฉินจึงพาสหายทุกคนไปยังกระโจมที่พักชั่วคราวของหวังเค่อ เมื่อพวกเขามาถึงก็เห็นชายแต่งกายด้วยชุดบ่าวรับใช้เดินสวนออกมาจากกระโจมพอดี เห็นท่าทางรีบร้อนของบ่าวรับใช้ลั่วเฉินก็รู้สึกไม่สบายใจ

    พอเข้ามาในกระโจมก็เห็นหวังเค่อที่กำลังจิบน้ำชาอยู่ ลั่วเฉินอดไม่ได้ที่ส่ายศีรษะ “ต้าเค่อเจ้าอายุเท่าใด เหตุใดจึงหลงกลอุบายเช่นนี้ได้” หวังเค่อรู้สึกมึนงงกับคำพูดของลั่วเฉิน เซียวหลิงซีเมื่อมาถึงก็หยิบกาน้ำชาขึ้นมาพิจารณาก่อนที่นางจะใช้จมูกสูดดม แต่นอกจากกลิ่นชานางก็ไม่ได้กลิ่นอะไร นางยื่นกาน้ำชาให้กับลั่วเฉิน หยางป๋อรู้สึกร้อนใจเป็นห่วงสหาย “เสี่ยวเฉินนี่ต้าเค่อถูกวางยาพิษอย่างนั้นหรือ” ลั่วเฉินพิจารณากาน้ำชาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ต้าเค่อเจ้าลองรวบรวมลมปราณดู” หวังเค่อทดลองรวบรวมลมปราณแต่กลับไม่สามารถกระทำได้ หวังเค่อที่ปกติใบหน้าเรียบเฉยเวลานี้กลับแดงก่ำด้วยความโกรธ

    ลั่วเฉินพ่นลมหายใจก่อนจะกล่าว “ในสถานการณ์เช่นนี้เจ้ายังกล้าดื่มกินของจากผู้อื่น” หวังเค่อใบหน้าแดงก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด “เอาล่ะข้าจะช่วยเจ้าจัดการพิษนี้ก่อน พวกเจ้าทุกคนก็จำเอาไว้เป็นบทเรียน” คนที่เหลือต่างรีบพยักหน้าให้กับลั่วเฉิน ลั่วเฉินหยิบสมุนไพรต้นหนึ่งออกมาก่อนจะให้หวังเค่อถือเอาไว้ เปลวไฟหลากสีพุ่งออกมาจากปลายนิ้วลั่วเฉินก่อนจะวนรอบตัวหวังเค่อ สมุนไพรในมือหวังเค่อค่อยๆเฉาลงเมื่อสมุนไพรกลายเป็นผุยผงหวังเค่อก็กระอักโลหิตสีดำออกมาคำหนึ่ง

    หวงฟุเมื่อทราบว่าหวังเค่อดื่มน้ำชาไปแล้วก็มีความสุขอย่างยิ่ง โอกาสที่จะทะยานขึ้นฟ้าของมันมาถึงแล้ว มันรีบสั่งการกับเด็กรับใช้ “เปิดราคาเดิมพัน หวังเค่อแทงหนึ่งจ่ายสาม” เมื่อเห็นราคาเดิมพันกลุ่มนักพนันต่างรู้สึกงงงวย หวังเค่อที่ชนะมาอย่างหมดจดกลับมีราคาแทงหนึ่งจ่ายสาม ในขณะที่คู่ต่อสู้ที่ดูอย่างไรก็เป็นรองกลับมีราคาที่แทงหนึ่งจ่ายหนึ่ง ราคานี้มันบ้าไปแล้ว นักพนันต่างทุ่มเงินวางเดิมพันกับหวังเค่อ 

    “ข้าเดิมพันหวังเค่อหนึ่งแสนเหรียญทอง” เจ้าหน้าที่รับเดิมพันมองไปยังหญิงงามชุดสีชมพูที่มีรอยยิ้มสดใส เจ้าหน้าที่อดไม่ได้ที่จะตกใจกับจำนวนเงิน แม้ว่าจะตกใจแต่มันได้รับคำสั่งมาให้รับการเดิมพันไม่ว่าจะเป็นจำนวนเท่าใด จึงออกใบรับพนันให้ทันที หานอี้หนิงมองใบรับพนันในมือด้วยรอยยิ้ม นี่เป็นเงินของลั่วเฉินแปดหมื่นเหรียญทองส่วนที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของนางและบางส่วนเป็นเงินทั้งหมดเซียวหลิงซีกับหยางป๋อ

    “ท่านหัวหน้า นี่คือสิ่งที่ได้มาจากการสอบถามพ่อค้าหลายคนที่เดินทางเข้าเมืองมาวันนี้ขอรับ” ถังตงไห่รับกระดาษที่มีข้อความหลายใบจากมือลูกน้องมาดู เมื่ออ่านไปได้ครู่หนึ่งแววตาที่เคยเรียบเฉยก็เกิดประกายแวววาวขึ้นมา ถังตงไห่ยื่นใบรายงานที่อ่านแล้วให้กับถังเหอซินทีละใบ “คิดไม่ถึงว่าหวังเค่อผู้นี้จะห้าวหาญขนาดนี้ อีกทั้งมันยังสามารถทะลวงเขตแดนในการตอนต่อสู้ได้ถึงสองแดนในคราเดียว ไม่ต้องถามก็รู้ว่าศึกครั้งนั้นดุเดือดเพียงไหน” แม้รายงานทุกฉบับจะตรงกันแต่ถังตงไห่ยังคงรู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างจะเหลือเชื่อเกินไป

    “คนเพียงห้าคนกลับสามารถทำให้ศึกที่ไม่มีความหวังกลับมาได้รับชนะอย่างงดงาม นี่ค่อนข้างจะน่าเหลือเชื่อจริงๆเจ้าค่ะท่านพ่อ” ถังเหอซินกล่าวหลังจากอ่านรายงานจบ “ราคาต่อรองรอบชิงชนะเลิศประหลาดเกินไป แต่เมื่อรุ่นเยาว์กลุ่มนี้มีความสามารถมาก พ่อจะลงเงินเดิมพันด้วยสักก้อน หากหวังเค่อชนะเงินนี้พ่อจะมอบให้เจ้า” ถังตงไห่หัวเราะก่อนจะมอบถุงมิติให้กับลูกน้องก่อนจะกล่าวว่า “นำเงินหนึ่งหมื่นเหรียญทองนี้ไปเดิมพันว่าหวังเค่อเป็นผู้ชนะ”

    “เจ้าว่าเงินเดิมพันรอบนี้เป็นจำนวนเท่าใดนะ” หวงฟุเอ่ยถามกับลูกน้องคนสนิทอีกครั้ง “ท่านผู้ดูแลทั้งหมดเป็นเงินประมาณสองแสนเหรียญทองขอรับ” เมื่อได้ฟังตัวเลขหานฟุก็คล้ายกับจะได้โบยบินขึ้นฟ้า เงินที่เดิมพันฝั่งหวังเค่อรวมทุกรอบเกือบสี่แสนเหรียญทอง ตัวเลขนี้เป็นรายได้ยี่สิบปีของหอการค้าพันสมบัติสาขาเมืองเป่ยหลิง เมื่อมันสามารถหารายได้ยี่สิบปีในคราวเดียวอย่างน้อยที่สุดมันจะต้องได้เป็นผู้ดูแลในเมืองหลวง อาจจะได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสเลยด้วยซ้ำ หวงฟุหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

    หวงฟุตรงไปที่อัฒจันทร์อย่างมีความสุข เมื่อเห็นว่าที่นั่งล้วนถูกจับจองมันจึงจ่ายเงินห้าเหรียญทองซื้อที่นั่งจากชายคนหนึ่งทันที ชายคนนั้นยินดียิ่งนักรีบรับเงินก่อนจะเดินลงไปหาที่ยืนบริเวณด้านล่างอัฒจันทร์ กรรมการบนเวทีเดินขึ้นมาก่อนจะประกาศเรียกชื่อผู้เข้าแข่งขันรอบชิงชนะเลิศทีละคน “ผู้แข่งขันคนแรก ซีเหิงบุตรชายหัวหน้ากองยุทธการเมืองเป่ยหลิง อายุยี่สิบสามปี พลังการฝึกฝนแดนปฐพีขั้นต้น” แม้จะรู้สึกว่าคำแนะนำตัวสั้นมากแต่ฝูงชนยังคงตะโกนเรียกชื่อซีเหิง

    “ผู้เข้าแข่งขันคนที่สอง หวังเค่อได้รับสมญานามเป็นหนึ่งในห้าวีรบุรุษแห่งเมืองปิง ในการศึกที่เมืองปิงไม่นานมานี้ หวังเค่อทะลวงฝ่าทัพข้าศึกเมืองเฟิงสังหารศัตรูนับพัน โจมตีจนทัพเฟิงจนแตกพ่าย แม่ทัพและรองแม่ทัพเมืองเฟิงต่างต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ อายุสิบเก้าปีพลังฝึกฝนแดนปฐพีขั้นต้น” ผู้ชมคราแรกได้ฟังคำแนะนำตัวยาวเหยียดก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย แต่เมื่อตั้งสติได้ฝูงชนต่างโห่ร้องออกมาไม่หยุด 

    เสียงสนทนาของผู้คนดังอื้ออึง “นี่คือวีรบุรุษที่แท้จริง” “สามารถสังหารศัตรูนับพันด้วยตัวคนเดียวนี่จะเกินจริงไปหรือเปล่า” “เจ้าจะรู้อะไรข้าเคยไปเมืองปิงหลายครั้ง กองกำลังที่นั่นอ่อนแอยิ่งนักไม่มีทางต่อกรกับเมืองเฟิงได้” “สามารถป้องกันเมืองอีกทั้งยังสังหารแม่ทัพและรองแม่ทัพของเมืองเฟิงคนผู้นี้คือวีรบุรุษ” นี่ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของรายงานที่ถังตงไห่ให้กรรมการบนเวทีประกาศแนะนำ ในใจของมันหวังเค่อผู้นี้จะต้องได้เป็นบุตรเขยของมันไม่ผิดแน่ เพียงคิดว่าจะมีเสียงล่ำลือว่าบุตรเขยของคาราวานการค้าทักษิณบูรพาเป็นวีรบุรุษ ใบหน้าของถังตงไห่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

    หวงฟุเวลานี้รู้สึกว่าหนังศีรษะทั้งหมดชาไปแล้ว เหตุใดวีรกรรมของหวังเค่อถึงได้ยิ่งใหญ่เพียงนี้ หากมันพ่ายแพ้แล้วร้องเรียนให้ตรวจสอบจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อคิดถึงยาสลายปราณที่ใช้หวงฟุก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา ยาชนิดนี้ไม่ง่ายที่จะตรวจสอบและถึงจะตรวจพบก็ไม่เกี่ยวอันใดกับมัน เมื่อคิดได้เช่นนี้จิตใจของหวังฟุก็ผ่อนคลายลง “ปัง” เสียงดังบนเวทีเรียกสติหวงฟุอีกครั้ง ซีเหิงเวลานี้พุ่งดั่งดาวหางก่อนจะหล่นลงข้างเวที หวงฟุอ้าปากค้างหัวใจคล้ายมีม้าหมื่นตัวย่ำอยู่ภายใน

    กรรมการบนเวทีประกาศผู้ชนะ ถังตงไห่ ถังซีไห่และถังเหอซินต่างลงจากอัฒจันทร์มาพบกับหวังเค่อ ถังตงไห่ที่เตี้ยกว่าหวังเค่อเล็กน้อยเดินเข้ามาใช้สองมือจับแขนทั้งสองข้างของหวังเค่อก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ บุตรสาวของข้านางสูญเสียมารดาตั้งแต่เด็กชีวิตของนางลำบากไม่น้อย ความสุขในอนาคตของนางข้าขอมอบไว้กับเจ้าแล้ว ในอนาคตเมื่อข้าเกษียณคาราวานการค้าทักษิณบูรพาก็มอบให้พวกเจ้าเช่นกัน ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทำให้บุตรสาวที่รักของข้ามีความสุขและคาราวานการค้าของเราจะต้องยิ่งใหญ่ขึ้นในมือพวกเจ้าอย่างแน่นอน”

    หวังเค่อรู้สึกว่าพ่อตาคนนี้ค่อนข้างจะเยินยอตนเองไม่น้อย ขณะจะกล่าวถ้อยคำถ่อมตัวก็ถูกพ่อตาดึงไปกอดเสียก่อน อึดอัดอยู่ครู่หนึ่งเขาจึงถูกปล่อยตัว หลังจากถังตงไห่ปล่อยตัวว่าที่บุตรเขยถังเหอซินที่งดงามจนยากจะบรรยายก็เดินเข้ามา นางเป็นสตรีที่สูงกว่าสตรีทั่วไปแต่ศีรษะของนางยังคงอยู่ในระดับหัวไหล่ของหวังเค่อเท่านั้น นางสบตาหยางเค่อก่อนจะย่อกายคารวะ “เหอซินคารวะท่านพี่” ถังเหอซินกล่าวด้วยรอยยิ้มงดงามจนหวังเค่อที่คล้ายดั่งรูปปั้นอดไม่ได้ที่จะหัวใจพองโต

    ลั่วเฉินและสหายนำใบรับพนันทั้งหมดไปที่หอการค้าพันสมบัติเพื่อขึ้นเงินรางวัล เมื่อไปถึงก็พบว่าในหอการค้ากำลังเกิดความโกลาหล พอสอบถามก็ได้ความว่าผู้ดูแลหอการค้าแห่งนี้ได้หนีไปแล้ว แต่ไม่ว่าผู้ดูแลจะหนีไปหรือไม่หอการค้าพันสมบัติยังคงต้องรับผิดชอบออกตั๋วเงินให้กับผู้ที่ได้รับรางวัล การดำเนินการอาจจะล่าช้าไปบ้างแต่ลั่วเฉินยังคงได้รับตั๋วเงินเกือบสี่แสนเหรียญทอง เมื่อรวมกับสหายคนอื่นเงินที่ได้รับจากการเดินพันครั้งนี้มีเกือบห้าแสนเหรียญทอง เงินจำนวนนี้สามารถซื้อพื้นที่รอบจัตุรัสเมืองปิงทั้งหมด

    “เจ้าว่าผู้ดูแลผู้นั้นจะหนีไปที่ใด” หานอี้หนิงถามออกมาด้วยความสงสัย “มันทำให้หอการค้าพันสมบัติสูญเสียเงินเกือบสองล้านเหรียญทอง ต่อให้กระดูกในร่างกายมันทำจากทองคำทั้งหมดก็ไม่สามารถชดใช้เงินจำนวนนี้ได้” หยางป๋อหัวเราะ “เสี่ยวเฉินเจ้าร่ำรวยจริงๆ พี่สาวคนนี้ต้องพึ่งพาเจ้าในอนาคต” เซียวหลิงซีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ลั่วเฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ข้าจะซื้อคฤหาสน์ในเมืองหลวง ในนั้นจะมีเรือนให้พวกเจ้าคนละหลัง”

    งานแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของหวังเค่อและถังอี้ซินถูกกำหนดให้จัดขึ้นในอีกสามวัน ในสามวันนี้กลุ่มสหายทั้งห้าได้ย้ายเข้ามาพักในคฤหาสน์ของถังตงไห่ นอกจากลั่วเฉินที่ยืมใช้ห้องหลอมอาวุธกับหวังเค่อที่ต้องเตรียมงานต่างๆ สหายที่เหลือต่างใช้เวลาในการฝึกฝนวิชาการต่อสู้ ผู้คนในคฤหาสน์อดไม่ได้ที่จะมองผู้เยาว์เหล่านี้ด้วยความชื่นชม 

    “หยางป๋อ น่าเสียดายที่ข้าไม่มีบุตรสาวไม่อย่างนั้นข้าต้องยกนางให้แต่งกับเจ้าอย่างแน่นอน” ถังซีไห่ที่ซ้อมมือกับหยางป๋ออยู่นานกล่าวกับหยางป๋อด้วยรอยยิ้ม “ท่านอา ท่านยังไม่มีภรรยาท่านจะเอาบุตรสาวจากที่ใดมายกให้ข้า” หยางป๋อหัวเราะ “นั่นเพราะข้ายังไม่พบสตรีที่ถูกใจ หากข้าพบเมื่อใดจะรีบมีบุตรสาวให้เจ้าดีหรือไม่” ถังซีไห่กล่าวด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

    ลั่วเฉินอยู่ในห้องหลอมอาวุธเกือบสองวัน เมื่อออกมาเขาก็ตรงไปพบกับหวังเค่อ “ต้าเค่อ เจ้าจงมอบสิ่งนี้ให้พ่อตาของเจ้าเพื่อเป็นสินสอด” ลั่วเฉินมอบเกราะอ่อนสีดำยี่สิบตัวให้กับหวังเค่อ ชุดเหล่านี้ล้วนเป็นเกราะอ่อนระดับปฐพีเสริมแกร่งเจ็ดส่วน “ส่วนชุดนี้เจ้าจงมอบให้กับภรรยาของเจ้า” ลั่วเฉินมอบเกราะอ่อนสีน้ำเงินอีกตัวให้กับหวังเค่อ เกราะอ่อนสีน้ำเงินตัวนี้เมื่อกระทบกับแสงจะเปล่งประกายสีน้ำเงินออกมาดูงดงามอย่างยิ่ง ลั่วเฉินสร้างชุดนี้ให้กับว่าที่ภรรยาของสหายลั่วเฉินจึงเสริมแกร่งไว้ถึงแปดส่วนอีกทั้งยังไม่ลบประกายออกแม้แต่น้อย

    หวังเค่อมองเกราะอ่อนที่อยู่ในมือร่างกายใหญ่โตก็พลันสั่นสะท้าน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “ลั่วเฉิน ข้าที่เป็นกำพร้าตั้งแต่ยังเด็กอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด เมื่อข้าได้พบกับพวกเจ้าถึงได้ทราบว่าอันใดจึงสามารถเรียกว่าพี่น้อง วันข้างหน้าหากเจ้าต้องการ แม้จะต้องฝ่าหุบเขาเพลิงทะเลดาบขอเพียงเจ้าเอ่ยมาข้าจะรีบไปทันที”

    “นี่เป็นเพียงความพยายามแค่เล็กน้อยเท่านั้น พวกเราเป็นสหายกันไม่จำเป็นต้องมีถ้อยคำมากมาย แล้วเจ้าได้คุยกับพี่สะใภ้หรือยังว่าหลังจากแต่งงานแล้วจะทำอย่างไรต่อไป” หวังเค่อเช็ดหางตาเล็กน้อย “ข้าคุยกับเสี่ยวซินและท่านพ่อตาแล้ว ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยกล่าวว่าการฝึกฝนจะแยกจากการผจญภัยไม่ได้ พวกเราจึงตกลงกันว่าหลังจากแต่งงานข้ากับเสี่ยวซินจะเดินทางฝึกฝนกับเจ้าสามปี ในการเดินทางข้ากับเสี่ยวซินจะสามารถเปิดช่องทางการค้าใหม่ หลังจากสามปีเราจะกลับมารับสืบทอดกิจการ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×