คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : กัวซีเฉียงหลบหนี
เวลานี้กลุ่มคนทั้งห้าที่ชาวเมืองกำลังกล่าวสรรเสริญได้หลบหนีออกจากเหลาสุราหอมอัมพันมุ่งไปยังเรือนของหยางป๋อ “หยางป๋อเมื่อสักครู่ข้าเห็นสตรีนางหนึ่งพยายามพาเจ้ากลับเรือนของนาง” เซียวหลิงซีหัวเราะ “หวังเค่อเองก็มีหญิงสาวส่งสายตามากมายทำไมท่านถึงกล่าวถึงแต่ข้า” หยางป๋ออดไม่ได้ที่จะหน้าแดง “เจ้าอย่าโยนเรื่องมาที่ข้า ข้าจะไปสู้ท่านผู้กล้าวัยเยาว์อันดับหนึ่งได้อย่างไร” หวังเค่อกล่าวอย่างเรียบเฉย
เมื่อมาถึงเรือนของหยางป๋อก็พบว่าในห้องรับรองแขกมีคนหลายคนมาคารวะหยางชงเช่นเดียวกัน บางคนเป็นสหายเก่าที่ไม่ได้ไปมาหาสู่กันมานาน บางคนเป็นคนคุ้นเคย บางคนเป็นคนแปลกหน้า หยางป๋อรับคำเยินยอจากผู้คนก่อนจะพาสหายหลบไปยังลานฝึกยุทธ “บิดาของข้ารับคำเยินยอจนเวลานี้ใกล้จะลอยขึ้นฟ้าแล้ว” หยางป๋อเมื่อมาถึงลานฝึกยุทธก็หัวเราะออกมา ลั่วเฉินตบบ่าหยางป๋อเบาๆ “บิดาเจ้าได้รับความอยุติธรรมมานานเกินไป ถึงตอนนี้ในใจคงรู้สึกยินดียิ่ง”
ค่ำคืนนี้เมืองปิงในมีแต่ความสุขในบรรยากาศของการเฉลิมฉลองแต่ยังมีคนบางกลุ่มกำลังทุกข์ทรมาน ครอบครัวของกัวเป่า กวงเฉิง และทหารที่เปิดประตูเมืองล้วนถูกจับกุม “ปล่อยข้าออกไป ข้าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ การกระทำของบิดาไม่เกี่ยวกับข้า” กวงเฉิงร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด ในคุกใต้ดินคนมากกว่าร้อยคนถูกจับกุมตัวมาขังเอาไว้ คนเหล่านี้ล้วนเป็นครอบครัวของผู้ทรยศ หลายคนหลั่งน้ำตา บางคนตีอกชกหัวกล่าวโทษญาติที่กระทำผิด “ถูกจับกุมมาหมดแล้วหรือไม่” ผู้คุมตัวสูงคนหนึ่งถามผู้คุมอีกคน “เกือบหมดแล้วยังมีบางคนหลบหนีแต่ประตูเมืองห้ามคนเข้าออกคาดว่าอีกไม่นานน่าจะจับตัวมาได้”
กัวซีเฉียงเวลานี้กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านของลูกสมุนคนหนึ่ง หากจะเรียกว่าบ้านอาจจะไม่ถูกต้องนักเพราะเป็นเพียงกระท่อมไม้หลังเล็กในย่านเสื่อมโทรมที่เต็มไปด้วยคนยากจน กัวซีเฉียงยังคงมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยจากการประลองกับหยางป๋อ ยามที่ทหารเข้าล้อมจับกุมจวนของกัวเป่าตัวมันไม่ได้อยู่ที่จวนในเวลานั้น กัวซีเฉียงเวลานั้นอยู่ที่เรือนของสตรีนางหนึ่ง สตรีนางนี้เป็นหญิงที่มีสามีแล้วแต่ด้วยรูปร่างที่อวบอัดเต็มไปด้วยความมีเสน่ห์เย้ายวนใจทำให้กัวซีเฉียงไม่อาจอดใจได้ สามีของสตรีนางนี้เป็นทหารยศต่ำคนหนึ่ง เมื่อสามีของนางไปเฝ้าเวรยามกัวซีเฉียงก็มักจะแอบมาหานาง ครั้งนี้สามีของนางต้องไปประจำการบนกำแพงมันจึงแอบมาหานางอีกครั้ง เมื่อมันปลูกดอกไม้เสร็จสิ้น กัวซีเฉียงก็แอบย่องออกมาจากเรือนของหญิงมีสามีก่อนจะเดินผ่านตรอกเล็กๆอย่างอารมณ์ดี เดินไปได้ไม่ไกลมันก็บังเอิญพบกับลูกสมุนปลายแถวคนหนึ่ง
โชคของกัวซีเฉียงค่อนข้างดีที่ลูกสมุนคนนี้บังเอิญอยู่บริเวณจวนของมันตอนที่ทหารบุกเข้าจับกุมคนในเรือนพอดี เมื่อทราบเหตุการณ์กัวซีเฉียงก็สั่นสะท้าน มันเป็นนายน้อยที่ถูกผู้คนทั้งเมืองยกย่องมานานวันนี้กลับจะต้องกลายเป็นนักโทษ กัวซีเฉียงรีบใช้ดินทาใบหน้าก่อนจะขโมยชุดชาวบ้านที่ตากไว้ในบ้านใกล้เคียง กัวซีเฉียงปลอมแปลงตนเองก่อนจะให้ลูกสมุนพาไปหาที่หลบซ่อน
“คุณชายกัวท่านหลบอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปสืบข่าวดูว่าตอนนี้เหตุการณ์เป็นอย่างไร” ลูกสมุนปลายแถวคนนี้เรียกว่าหลอซา มันเป็นเด็กรับใช้ปลายแถวที่ปกติจะทำงานเล็กๆน้อยๆในหอโคมเขียวที่กัวซีเฉียงและบรรดาบุตรขุนนางในเมืองปิงมักจะไปใช้บริการ “เจ้าเอาเงินจำนวนนี้ไปด้วย ขากลับให้ซื้ออาหารกลับมานิดหน่อยที่เหลือเจ้าเก็บเอาไว้ อย่าลืมระวังตัวด้วย” กัวซีเฉียงมอบเงินห้าเหรียญทองให้กับหลอซา “ขอรับคุณชายกัว” หลอซารีบรับเงินมา “ต่อไปเจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าคุณชาย ให้เรียกข้าว่าพี่ใหญ่ข้าจะถือว่าเจ้าเป็นน้องชายของข้า” กัวซีเฉียงกล่าว หลอซาเมื่อได้ยินก็รู้สึกปลาบปลื้มใจยิ่งนัก ต้องรู้ว่ากัวซีเฉียงคือจุดสูงสุดของคุณชายในเมืองปิงเท่าที่มันเคยเจอ “ขอรับพี่ใหญ่”
กัวซีเฉียงมองสภาพภายในกระท่อมไม้ทรุดโทรมมันก็รู้สึกหดหู่ ภายในกระท่อมมีเพียงเตียงไม้เก่าที่มีผ้าที่ดูสกปรกปูเอาไว้ บริเวณแถบนี้บ้านเรือนจำนวนมากล้วนเป็นกระท่อมไม้เรียงต่อๆกันลักษณะภายนอกล้วนเป็นเช่นเดียวกันนี้ กัวซีเฉียงนั่งลงบนเตียงไม้ทันใดนั้นเตียงไม้ก็ส่งเสียง “เอี๊ยด” ดังๆออกมา กัวซีเฉียงอดไม่ได้ที่จะกระตุกวูบในใจ
ในจวนเจ้าเมืองปิง “เจ้าว่ากัวซีเฉียงหลบหนีไปได้อย่างนั้นรึ” หานฉู่กวงถามกับนายกองที่เป็นผู้นำในการล้อมจับผู้คนในจวนของกัวเป่า “ใช่ขอรับ แต่คาดว่าจะยังคงหลบซ่อนอยู่ในเมืองขอรับ” “ให้ติดประกาศนำจับสองร้อยเหรียญทอง” หานฉู่กวงออกคำสั่ง
“เจ้าได้ยินหรือไม่ประกาศนำจับที่ติดในเมืองมีเงินรางวัลถึงสองร้อยเหรียญทอง หากเราได้เงินจำนวนนี้ข้าจะไปเที่ยวหอโคมเขียวเรียกแม่นางชุนมาดูแลข้าสักสามคืน” “เจ้าหาที่ตายหรือไร นั่นเป็นผู้ฝึกฝนระดับสูงได้ยินว่าเคยเป็นถึงผู้กล้าวัยเยาว์คนก่อนของเมือง คนธรรมดาอย่างพวกเราจะสามารถจับกุมคนแบบนั้นได้อย่างไร” “เจ้าจะกลัวอะไรหากเราพบตัวคนจริง เพียงรีบไปแจ้งทางการเท่านั้น ผู้ใดให้เจ้าไปจับด้วยตนเอง” กัวซีเฉียงฟังเสียงสนทนาของผู้คนที่เดินผ่านหน้ากระท่อมไปจิตใจก็รู้สึกเหน็บหนาว ทั้งตัวมันมีเงินติดตัวเพียงยี่สิบเหรียญทองเท่านั้นหากถูกผู้คนพบเห็นย่อมไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน
“เจ้าคิดว่ากัวซีเฉียงหลบหนีไปยังที่ใด” หยางป๋อกล่าวกับลั่วเฉิน “ข้าจะรู้ได้อย่างไร เจ้าอยากได้เงินรางวัลนำจับหรือ” ลั่วเฉินมองหยางป๋อ “หากข้าได้รางวัลย่อมเป็นเรื่องดี เวลานี้ข้าเหลือเงินไม่กี่สิบเหรียญทองเท่านั้น” หยางป๋อทอดถอนใจ “เจ้าให้เงินส่วนใหญ่กับบิดามารดาไว้เป็นเรื่องดี เมื่อเจ้าเดินทางไปเมืองหลวงอย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายของทางบ้าน หากเจ้ามีเหตุต้องใช้เงินเจ้าสามารถมาเอาที่ข้าได้” ลั่วเฉินกล่าว “หากข้าไม่มีเงินข้าจะไปขอที่เจ้าเช่นกัน” เซียวหลิงซีหัวเราะ “เอาล่ะวันนี้ข้าต้องกลับก่อน ข้ายังมีภารกิจหาเงินที่ยังทำไม่เสร็จ หากข้าพลาดเงินก้อนนี้ต่อไปอาจไม่มีเงินพอเลี้ยงพวกเจ้า” ลั่วเฉินหัวเราะก่อนจะโบกมือลาสหาย
เช้าวันต่อมาหลอซากลับมาพร้อมกับซาลาเปาร้อนสามใบ “พี่ใหญ่ท่านกินนี่ก่อน” หลอซายื่นห่อกระดาษในมือให้กับกัวซีเฉียง “เจ้าสืบได้เรื่องใดมาบ้าง” กัวซีเฉียงรับห่อกระดาษมาพร้อมกับเอ่ยถามหลอซา “มีประกาศจับท่านอยู่ทั่วเมือง ข่าวว่าผู้คนที่เกี่ยวข้องกับผู้ทรยศจะต้องถูกประหารทั้งหมด” หลอซาบอกข่าวที่ได้ฟังมา “น้องชาย เจ้ามีเส้นทางหลบหนีออกนอกเมืองหรือไม่ ข้ายังมีตั๋วเงินอยู่จำนวนหนึ่งหากข้าสามารถหลบหนีข้าจะให้รางวัลเจ้าห้าร้อยเหรียญทอง” หลอซาโบกไม้โบกมือปฏิเสธกัวซีเฉียง “นี่จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร ท่านเป็นพี่ใหญ่ของข้า ข้าย่อมต้องช่วยเหลือท่าน” “เช่นนั้นมีทางหรือไม่” กัวซีเฉียงถามด้วยความร้อนใจ หลอซาพยักหน้า “สุดถนนเส้นนี้จะมีทางระบายน้ำเก่าสามารถใช้ลอดออกจากเมืองได้ แต่ท่านต้องรอให้ฟ้ามืดเสียก่อน”
ลั่วเฉินใช้เวลาทั้งคืนจนถึงช่วงสายของอีกวันในที่สุดก็สามารถจัดการกับคำสั่งซื้อที่รับไว้ได้สำเร็จ เมื่อมีเวลาเขาจึงไปสนทนากับย่าของเขา “ท่านย่า ท่านกับท่านปู่ตัดสินใจอย่างไรเรื่องที่เราจะออกเดินทางไปเมืองหลวง” ฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังคำถามของหลานชายก็ระบายหายใจออกมา “เดิมทีย่าตั้งใจจะออกเดินทางพร้อมกับเจ้าเพื่อจะได้ดูแลเรื่องการแต่งงานของเจ้า แต่ท่านปู่ของเจ้ายังมีบางอย่างที่ต้องกระทำ เอาอย่างนี้ให้เจ้าเดินทางไปซื้อเรือนก่อน หากท่านปู่ของเจ้าเสร็จสิ้นเรื่องราว ย่าจะรีบพาท่านปู่ไปตามหาเจ้าที่เมืองหลวง” ถึงแม้ลั่วเฉินจะเป็นห่วงปู่และย่าของเขา อีกทั้งยังไม่เข้าใจว่าปู่ของเขามีเรื่องราวใดให้กระทำ แต่เมื่อนึกถึงระดับการฝึกฝนของปู่ เขาก็รู้สึกว่าไม่น่ามีเรื่องใดที่น่าเป็นห่วง “ขอรับท่านย่า หากข้าเดินทางไปถึงจะทำการซื้อเรือนรอพวกท่านเดินทางตามมา”
ที่นอกเมืองปิงห่างออกไปราวสามสิบลี้ ชายต่างวัยสามคนกำลังเดินสนทนากัน “กองทหารเมืองเฟิงได้รับความเสียหายอย่างหนัก เจ้าหนูและสหายช่างมีฝีมือยิ่งนัก” “ข้าได้ยินว่าเจ้าหนูสามารถยิงสังหารฟงเต๋อคุนด้วยลูกธนูดอกเดียว” “สหายของมันก็เป็นผู้เยาว์ที่ยอดเยี่ยม หนึ่งในนั้นยังสามารถบั่นคอฟงเต๋อกวงด้วยระดับการฝึกฝนที่ต่ำกว่ามาก” “เจ้าคิดว่าเจ้าหนูสามารถยิงสังหารฟงเต๋อคุนที่สวมเกราะสองชั้นได้อย่างไรด้วยพลังฝึกฝนเพียงแค่นั้น” “ข้าคิดว่าฝีมือการหลอมอาวุธของเจ้าหนูจะต้องสูงกว่าที่พวกเราประเมินไว้” ชายต่างวัยทั้งสามคนย่อมเป็น เหล่าจิ่ว คหบดีอ้วนและชายนายพราน เดิมทีคนทั้งสามตั้งใจจะส่งคนที่ไว้ใจได้มารับสินค้า แต่เมื่อพวกมันได้ฟังข่าวการศึกที่เมืองปิงพวกมันก็ต้องการเดินทางมาด้วยตนเอง
กัวซีเฉียงรู้สึกว่าเวลาวันนี้ผ่านไปช้านิ่งนัก ยิ่งรู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้าเท่าไรมันก็ยิ่งหวาดระแวงมากขึ้น กัวซีเฉียงรู้สึกเหนื่อยล้าก่อนจะนั่งหลับไป ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดกัวซีเฉียงได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจึงลืมตาตื่นขึ้นมา เมื่อมันเห็นผู้มาเป็นหลอซาหัวใจที่ตื่นตะหนกก็ผ่อนคลายลง “เจ้าไปที่ใดมา” “พี่ใหญ่ข้าไปตรวจสอบให้มั่นใจว่าเส้นทางยังใช้ได้” หลอซาตอบ “แล้วเป็นอย่างไร” กัวซีเฉียงมองหลอซาที่เข้ามาด้วยสายตาตั้งคำถาม “แม้ทางระบายน้ำจะแคบไปบ้างแต่ยังสามารถใช้ผ่านไปได้ขอรับ”
ช่วงเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังอยู่ในความฝัน ชายสองคนสวมชุดดำค่อยๆย่องไปตามเส้นทางของพื้นที่เสื่อมโทรมทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองปิง เมื่อมาถึงมุมที่มีกิ่งไม้ปกคลุม หนึ่งในนั้นก็เริ่มรื้อกิ่งไม้ออก “ทางนี้แหละพี่ใหญ่ ทางระบายน้ำเก่านี้เลิกใช้มาหลายปีแล้วแม้จะแคบไปบ้างแต่ด้วยขนาดตัวของท่านยังพอจะสามารถลอดผ่านไปได้” กัวซีเฉียงมองทางน้ำที่สกปรกและดูคับแคบเบื้องหน้าอดไม่ได้ที่หนังศีรษะชาไปชั่วขณะ หากเป็นยามปกติสถานที่แบบนี้กัวซีเฉียงไม่แม้แต่มองหรือเดินเฉียด
ขณะที่กัวซีเฉียงกำลังทำใจยอมรับก็มีแสงคบไฟสว่างขึ้นมุ่งมากทางนี้ “พวกเจ้ากำลังทำอะไร จงหยุดอยู่กับที่” ชายสามคนถือคบไฟสะพายดาบวิ่งตรงเข้ามา ผู้มาเป็นทหาร ผู้นำเป็นชายร่างใหญ่หน้าตาดุดัน เมื่อมาถึงคนทั้งสามก็ชักดาบพร้อมกับส่องคบไฟเข้าใส่กัวซีเฉียงและหลอซา “ฮ่าฮ่าฮ่า คุณชายกัวในที่สุดก็พบตัวเจ้าแล้ว” ชายที่เป็นผู้นำหัวเราะออกมา กัวซีเฉียงใบหน้าไร้สีเลือด คนพวกนี้หามันพบได้อย่างไร
กัวซีเฉียงค่อยๆหันหน้าไปมองหลอซาด้วยดวงตาแดงก่ำ “ไม่ใช่ข้านะพี่ใหญ่..” ไม่รอให้หลอซาอธิบายปรากฎกระบี่ขึ้นในมือของกัวซีเฉียง มันฟันกระบี่โจมตีใส่หลอซาทันที หลอซาเป็นเพียงคนธรรมดาก่อนที่จะทันได้สำนึกเสียใจคมกระบี่ก็พรากชีวิตของมันไปเสียแล้ว ความจริงเป็นเพียงเหตุบังเอิญเท่านั้นที่กัวซีเฉียงถูกพบตัว แต่สำหรับกัวซีเฉียงมันไม่จำเป็นต้องหาเหตุผล กัวซีเฉียงหันมองทหารทั้งสามคนก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “พี่ชายทั้งสามพวกท่านทำเป็นไม่เห็นข้าได้หรือไม่”
ทหารหันมองหน้ากันก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ากำลังล้อข้าเล่นรึ วันนี้เจ้าไม่มีทางรอดไปได้” “พี่ชายทั้งสาม ข้ายังพอมีเงินเก็บเอาไว้อยู่บ้างเพียงพวกท่านปล่อยข้าไป ข้าขอมอบให้พวกท่านทั้งหมด” กัวซีเฉียงแสดงท่าทางลนลาน ทหารสามคนมองกันด้วยรอยยิ้ม “ไหนเจ้ามีเงินเท่าใด หากมีมากพอพวกข้าอาจจะปล่อยเจ้าไป” กัวซีเฉียงทำท่าทางล้วงควักก่อนจะทำเหรียญทองหลายเหรียญล่วงหล่นลงพื้น เมื่อทหารมองไปที่เหรียญทองที่กำลังร่วงหล่น กัวซีเฉียงก็ชักกระบี่ฟันออกไป
ทหารหัวหน้ากลุ่มมีความระวังอยู่ก่อนแล้วเมื่อกัวซีเฉียงฟันกระบี่ออกมาตัวมันก็ฟันดาบออกเช่นกัน ปราณดาบและกระบี่ปะทะกันพลังทั้งสองต่างหักล้างกันพอดี กัวซีเฉิงกัดฟันกรอด ทหารหัวหน้ากลุ่มมีพลังฝึกฝนในแดนก่อกำเนิดขั้นที่แปดเท่ากันกับมัน หากเป็นยามปกติที่ไม่ได้รับบาดเจ็บกัวซีเฉียงคิดว่ามันสามารถเอาชนะคนกลุ่มนี้ได้ไม่ยากนัก ขณะที่กัวซีเฉียงกำลังจะโจมตีทหารอีกสองคนก็ฟันดาบเข้ามา
อย่างไรเสียกัวซีเฉียงก็เคยเป็นผู้เยาว์อันดับหนึ่งในเมืองปิง มันไม่ลนลานพลิกตัวหลบดาบที่ฟันเข้ามาก่อนจะแทงกระบี่สวนออกไป “ฉึก” กระบี่พุ่งแทงหน้าอกทหารคนหนึ่งจนโลหิตพุ่งกระฉูดแต่ในขณะเดียวทหารหัวหน้ากลุ่มก็ฟันดาบออกมาเช่นกัน กัวซีเฉียงพยายามโยกตัวหลบแต่ปราณดาบโจมตีมาอย่างดุร้าย กัวซีเฉียงพยายามดึงกระบี่กลับมาต้านทานแต่ก็ยังช้าเกินไปปราณดาบฟันเข้าใส่ไหล่ซ้ายของมันโลหิตพุ่งกระฉูด กัวซีเฉียงร้องอย่างเจ็บปวดมันรีบกลิ้งตัวหลบ เมื่อมองไปที่บาดแผลก็พบว่าบาดแผลจากคมดาบลึกจนเกือบถึงกระดูก
ความคิดเห็น