คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : ถูกตามล่า
จวนจ้าวเมืองเฟิง ในห้องรับรองชายวัยกลางคนในชุดขุนนางสีดำแดงกับดรุณีน้อยนางหนึ่งกำลังต้อนรับชายหนุ่มสง่างามด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “หลานต้าหลี่บิดาของเจ้ามอบของขวัญล้ำค่าเช่นนี้ให้กับข้ากับเตี๋ยเอ๋อ ยามบิดาเจ้าได้ชัยชนะกลับมาข้าจะเขียนจดหมายกราบทูลองค์จักรพรรดิให้ตกรางวัลบิดาเจ้าให้ดีอย่างแน่นอน” ชายวัยกลางคนคือเมิ่งอี้เหิงเจ้าเมืองเฟิงคนปัจจุบัน “ขอบคุณท่านลุงแทนท่านพ่อด้วยขอรับ ท่านพ่อจะต้องนำชัยชนะกลับมาสู่เมืองเฟิงได้อย่างแน่นอนขอรับ”
เมิ่งอี้เหิงหัวเราะชอบใจหากยึดครองเมืองปิงได้จริง ตัวมันที่เป็นเจ้าเมืองย่อมได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างแน่นอน “เอาล่ะข้ายังมีงานราชการค้างอยู่ เจ้ากับเตี๋ยเอ๋ออยู่สนทนากันไปก่อนอย่าเพิ่งรีบกลับล่ะ”
เมิ่งเตี๋ยยิ้มแย้มลูบคลำชุดเกราะอ่อนในมืออย่างชื่นชม “พี่ต้าหลี่ขอบคุณมากเจ้าค่ะข้าชอบชุดนี้มาก ในเมื่อท่านลุงฟงไม่อยู่วันนี้พี่ต้าหลี่อยู่กินมื้อเย็นที่จวนข้านะเจ้าคะ” นางกล่าวอย่างยิ้มแย้ม ฟงต้าหลี่แม้ในใจจะรู้สึกรังเกียจแต่ยังคงยิ้มตอบ “ตกลง วันนี้ข้าจะอยู่เล่นเป็นเพื่อนเจ้า”
เมิ่งเตี๋ยได้ฟังก็มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นบุรุษที่นางชอบพอมาตลอดทั้งยังจะเป็นสามีในอนาคตของนาง นางยิ้มอย่างสดใสพร้อมกับส่งสายตารักใคร่ให้กับฟงต้าหลี่ นอกห้องรับรองฟงเอ้อร์หลี่ที่มาถึงช้ากว่ากำลังยืนกำหมัดที่เหลืออยู่ข้างเดียวด้วยใบหน้าเดือดดาล ฟงต้าหลี่เป็นเพียงผู้เดียวที่สังเกตเห็นว่ามีผู้มาใหม่ พลันแสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เมิ่งเตี๋ยพลางกล่าวด้วยท่าทีห่วงใย “อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อทราบว่าพบคนที่ทำร้ายเจ้าข้าก็เดือดดาลยิ่งนัก ตอนนี้ข้าส่งคนให้ไปจับตาดูสมาคมหลอมอาวุธเอาไว้แล้วหากคนผู้นั้นมีการเคลื่อนไหวเมื่อสบโอกาสข้าจะล้างแค้นให้เจ้า” กล่าวจบมันก็กุมมือข้างหนึ่งของเมิ่งเตี๋ยไว้พร้อมกับมืออีกข้างหนึ่งโอบเอวบางของนาง
เมิ่งเตี๋ยใบหน้าแดงด้วยความอายแต่สัมผัสจากชายอันเป็นที่รักทำให้นางรู้สึกดีเป็นอย่างยิ่ง นางกล่าวอย่างออดอ้อน “พี่ต้าหลี่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองเฟิงย่อมสั่งสอนมันผู้นั้นเพื่อชำระแค้นให้ข้าได้อย่างแน่นอน หากวันนั้นผู้ที่ไปกับข้าเป็นพี่ต้าหลี่ย่อมไม่มีผู้ใดทำร้ายข้าได้” กล่าวจบนางก็แนบศีรษะไปกับแผงอกแกร่งของฟงต้าหลี่
ฟงเอ้อร์หลี่บัดนี้มือที่กำมีโลหิตหยดมาเป็นสาย มันจิกเล็บเข้าเนื้อตนเองอย่างคลั่งแค้น แค้นที่สวรรค์ให้มันเกิดช้าไป แค้นที่บิดาไม่เคยสนใจมัน แค้นที่พี่ชายคอยหยามหยันมัน แค้นที่ทำได้เพียงมองนางอันเป็นที่รักเป็นของคนอื่น มันร้องตะโกนออกมาเสียงดัง เมิ่งเตี๋ยที่หันหลังอยู่พลันตกใจเมื่อหันกลับไปก็เห็นเพียงแผ่นหลังชายคนหนึ่งกำลังวิ่งออกจากจวน “นั่นพี่เอ้อร์หลี่ไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น” ฟงต้าหลี่มองแผ่นหลังของน้องชายที่จากไปด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
ในสมาคมหลอมอาวุธเมืองเฟิงขณะนี้กำลังเกิดเสียงดังโครมคราม แม่นางเสี่ยวหยาผู้มีกิริยาอ่อนช้อยงดงามกำลังใช้ค้อนฟาดทุบทำลายสิ่งของในห้องหลอม เหล่าเด็กรับใช้และนักหลอมอาวุธล้วนมองหน้ากันอย่างทำอะไรไม่ถูก เซียะซีเฟิงกล่าวกับลั่วเฉินว่า “เหตุใดเจ้าจึงเอาจริงเอาจังถึงเพียงนี้ เจ้าควรจะออมมือให้นางชนะสักครา” กล่าวจบก็พลันส่ายศีรษะทอดถอนใจ “นี่ข้าก็แทบจะใช้มือเปล่าแทนค้อนแล้วนะ” ลั่วเฉินทอดถอนใจเช่นเดียวกัน “ผู้อาวุโสเซียะข้ายังมีธุระบางอย่าง จำเป็นต้องเร่งออกเดินทาง ยังไงข้าขอตัวลาก่อนล่ะ” ลั่วเฉินไม่รอให้เซียะซีหลงตอบกลับก็หันหลังเดินจ้ำออกไปทันที “เจ้า..” เซียะซีหลงกำลัคงิดจะกล่าวบางอย่างแต่จำต้องกลืนถ้อยคำกลับลงไป
ลั่วเฉินก้าวออกมาจากสมาคมหลอมอาวุธเมืองเฟิง ในระยะไกลชายสองคนยืนอยู่ใต้ต้นสนกำลังสนทนากัน “ข้าจะตามไป เจ้ารีบไปแจ้งนายน้อย” กล่าวจบชายคนหนึ่งก็เดินตามลั่วเฉินไป ขณะที่ชายอีกคนเดินแยกไปอีกทาง ด้านหลังแผงขายสินค้าพื้นเมืองอีกฟากหนึ่งของถนน พ่อค้าสูงอายุมีไฝใต้ตากำลังมองเหตุการณ์อย่างสงบก่อนจะหันไปบอกกับคนงานให้เฝ้าร้านให้ดีแล้วจึงเดินจากไปเช่นกัน
เรือนไม้สามชั้นบริเวณทิศตะวันออกของเมืองเฟิงคนกลุ่มหนึ่งกำลังสนทนากันอยู่ “เหล่าจิ่ว คนผู้นี้มีความสำคัญอย่างที่ท่านว่าจริงหรือ” ชายอ้วนแต่งกายเลิศหรูคล้ายคหบดีกล่าวกับชายชราร่างเตี้ย ชายชราร่างเตี้ยยกน้ำเต้าสุราขึ้นจิบก่อนจะกล่าว
“ข้าพบเจ้าหนูผู้นี้ในป่าโดยบังเอิญเมื่อหลายวันก่อน ตอนนั้นข้าคิดว่ามันเป็นเพียงมือกระบี่ฝีมือดีผู้หนึ่ง ครั้งที่สองเมื่อข้าได้ยินข่าวว่ามีผู้ทดสอบอายุน้อยผ่านการทดสอบของสมาคมหลอมอาวุธข้าจึงไปสังเกตการณ์ดูจึงพบว่าเป็นมันอีกครั้งหลังจากจบการประมูลของสมาคมหลอมอาวุธข้าซึ่งอยู่ในห้องรับรองห้องหนึ่งได้ยินเสียงคนทะเลาะกันจึงแอบมองดู ข้าเห็นเซียะซีหลงให้ความสำคัญกับเจ้าหนูนี่เป็นอย่างยิ่ง หากข้าคาดเดาไม่ผิดคนที่หลอมสร้างชุดเกราะอ่อนระดับปฐพีห้าตัวนั้นจะต้องเป็นเจ้าหนูคนนี้”
ชายอ้วนได้ฟังพลันยกคิ้วสูง “แล้วท่านวางแผนจะทำอะไรต่อไป” ชายวัยกลางคนแต่งกายคล้ายนายพรานอดไม่ได้ที่จะถาม “ข้าได้กระจายผู้คนให้ตรวจสอบความเคลื่อนไหวภายในเมือง ข้าเชื่อว่าจวนเจ้าเมืองและจวนแม่ทัพจะต้องไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ เมื่อถึงเวลาคับขันเราจะเข้าไปช่วยเหลือเจ้าหนูนั่น มันจะต้องซาบซึ้งใจพวกเราอย่างแน่นอน” ชายชราเหล่าจิ่วหล่าวพลางหัวเราะออกมา
จวนเจ้าเมืองเฟิงขณะฟงต้าหลี่กำลังเบื่อหน่ายกับเมิ่งเตี๋ยที่พยายามแสดงความรักอยู่ตลอดเวลาก็มีคนนำข่าวมารายงาน ฟงต้าหลี่ได้ฟังว่าลั่วเฉินคิดจะออกจากเมืองก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าเด็กนั่นคิดว่าด้วยฐานะนักหลอมอาวุธจะไม่มีผู้ใดกล้าลงมือกับมันอย่างนั้นหรือ สั่งให้คนของเราเตรียมพร้อม” ฟงต้าหลี่สั่งการกับลูกสมุน
“พี่ต้าหลี่ให้ข้าไปกับท่านด้วย” เสียงของเมิ่งเตี๋ยดังขึ้นมา ฟงต้าหลี่เดิมเบื่อหน่ายนางอยู่แล้วจึงรีบปฏิเสธ “เจ้ายังไม่หายดีจงรอฟังข่าวที่จวนเจ้าเมืองเถอะ ข้ารับรองว่าจะกลับมาเล่าว่ามันร้องขอชีวิตอย่างไรให้เจ้าฟังอย่างแน่นอน” เมิ่งเตี๋ยได้ฟังวาจาห่วงใยก็ยอมฟังแต่โดยดี แต่นางที่เคยเห็นการลงมือของลั่วเฉินมาแล้วจึงยังคงเป็นห่วงเล็กน้อย “เจ้าผู้นั้นมีฝีมือไม่น้อย ท่านยังคงนำองครักษ์จวนเจ้าเมืองบางส่วนไปด้วยเถอะ ให้ท่านอาซานนำคนไปกับท่านด้วย” ฟงต้าหลี่แม้จะไม่ใส่ใจคำพูดนางมากนักแต่ก็ยังตอบตกลง
ประตูเมืองทางด้านทิศเหนือของเมืองเฟิงมีกลุ่มคนยี่สิบคนควบม้าวายุพุ่งทะยานออกไป ผู้นำกลุ่มคือชายรูปงามอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองเฟิงฟงต้าหลี่นั่นเอง ด้านหลังฟงต้าหลี่มีชายท่าทีขึงขังขี่ม้าติดตามมา ชายอายุประมาณสามสิบปีสะพายดาบยาว ร่างกายกำยำหน้าตาดุดัน มีรอยแผลเป็นยาวบริเวณหน้าผากลากยาวจากเหนือคิ้วขวาไปจนถึงใบหูด้านซ้าย ชายคนนี้คือซานจิงหัวหน้าองครักษ์ของจวนเจ้าเมืองเฟิง ซานจิงเคยเป็นผู้นำขบวนของสำนักคุ้มภัยแห่งหนึ่งที่เดินทางส่งสินค้ามายังเมืองเฟิงหลายครั้ง คนผู้มีพลังบ่มเพาะแดนปฐพีขั้นปลายเช่นเดียวกับฟงต้าหลี่ มีเพลงดาบดุดันทั้งยังมีประสบการณ์ต่อสู้มากมายจึงได้รับการเชื้อเชิญให้เป็นหัวหน้าองครักษ์จวนเจ้าเมืองเฟิง
ลั่วเฉินเดินทางกลับเมืองปิงครั้งนี้เขาใช้วิธีเลียบไปตามชายป่าไผ่ม่วง แม้วิธีนี้จะอ้อมกว่าเส้นทางเดินทัพแต่ลั่วเฉินสามารถเดินทางได้เร็วกว่าทัพขนาดใหญ่มาก เขาคิดว่าหลังจากงานนี้ต้องหาสัตว์พาหนะไว้ขี่สักตัว การวิ่งด้วยตนเองแม้จะสะดวกแต่ก็ค่อนข้างสิ้นเปลืองพลังงาน ลั่วเฉินวิ่งเรียบไปตามชายป่าเมื่อคำนวณระยะทางแล้วอีกประมาณสามสิบลี้จะมีแม่น้ำสายหนึ่งซึ่งบริเวณนั้นจะมีด่านตรวจคนของเมืองเฟิง เวลานี้ลั่วเฉินมีเหรียญตราของปรมาจารย์นักหลอมอาวุธสามดาราก็จริง แต่คาดว่ากองทัพเมืองเฟิงน่าจะเพิ่งผ่านไปขั้นตอนการผ่านด่านอาจจะยุ่งยาก เขาจึงใช้วิธีตัดป่าไผ่ม่วงอีกครั้ง หากเข้าไปตามเส้นทางที่วางแผนไว้พรุ่งนี้ก่อนเที่ยงเขาจะไปถึงจุดที่นัดหมายกับสหาย
หนึ่งวันก่อนหน้านี้บริเวณส่วนต้นของเทือกเขาเสินหนง บริเวณนี้เป็นดินแดนทุ่งหญ้าขนาดเล็กที่กินบริเวณประมาณหนึ่งร้อยลี้ ในเทือกเขาเสินหนงนอกจากบริเวณป่าที่กว้างใหญ่แล้วยังมีหลายส่วนที่มีลักษณะเป็นทุ่งหญ้าแบบเดียวกันนี้แต่จะมีขนาดพื้นที่ที่ต่างกันออกไป ทุ่งหญ้าขนาดหนึ่งร้อยลี้นี้เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของสัตว์อสูรหลายชนิด เวลานี้กลุ่มสามคนกำลังสำรวจร่องรอยของอะไรบางอย่าง คนทั้งสามก็คือสหายของลั่วเฉินที่แยกกันเมื่อเข้ามาในป่านั่นเอง หยางป๋อ เซียวหลิงซีและหานอี้หนิงมาที่นี่ด้วยเหตุผลสองประการ
ประการแรกที่แห่งนี้มีสัตว์อสูรจำนวนมากที่มีพละกำลังแข็งแกร่งสามารถให้พวกเขาได้ฝึกฝน สำหรับหยางป๋อและหานอี้หนิงที่ต้องการทะลวงด่านที่นี่ค่อนข้างเหมาะสม ประการที่สองลั่วเฉินได้มอบหมายให้คนทั้งสามตามหาวัสดุที่สำคัญอย่างหนึ่ง “พี่สาวเซียว ท่านว่าพวกเรามาทางนี้ถูกต้องหรือไม่” หยางป๋อกล่าวกับเซียวหลิงซี เซียวหลิงซีที่กำลังตรวจดูร่องรอยกล่าวกับหยางป๋อโดยที่ไม่หันมามอง “ดูจากร่องรอยและมูลของมัน ข้าว่ามันต้องอยู่ในระยะไม่เกินสิบลี้จากจุดนี้”
คนทั้งสามตามรอยไปอีกไม่นานก็พบเป้าหมาย เมื่อเห็นเป้าหมายหยางป๋อและหานอี้หนิงอดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง กระทิงขนาดใหญ่ผิวสีทองแดง ลำตัวยาวไม่น้อยกว่ารถม้าหนึ่งคัน เขาสีเงินของมันแหลมโค้งมาด้านหน้า ยามมันหายใจคล้ายกับมีเปลวไฟเล็กๆพ่นออกมาทางจมูก นี่คือกระทิงเพลิงทองแดงสัตว์อสูรระดับห้าที่กำลังมีความสุขกับต้นหญ้าเขียวชอุ่ม “พี่สาวเซียวพวกเราไปหาตัวอื่นดีหรือไม่” หยางป๋อกล่าวอย่างเขินอายเล็กน้อย
ภารกิจที่ให้ลั่วเฉินมอบให้พวกเขาคือการค้นหาอสูรประเภทวัวระดับห้า สังหารและนำกลับมา แต่เจ้าตัวนี้ดูแล้วน่าจะอันตรายไม่น้อยหยางป๋อจึงอดไม่ได้ที่จะลังเล “เสี่ยวป๋อนี่เป็นโอกาสที่ดี เจ้าตัวนี้ดูก็รู้ว่ามันจะสามารถเป็นวัสดุที่เสี่ยวเฉินพอใจอย่างแน่นอน ไม่แน่เจ้าอาจจะสามารถทะลวงเข้าสู่แดนปฐพีจากเจ้าตัวนี้” หลังจากอยู่ร่วมกันมาหลายวัน คำเรียกของเซียวหลิงซีที่ใช้เรียกชายหนุ่มทั้งสองก็สนิทสนมมากขึ้น
เมื่อได้ฟังคำกล่าวของเซียวหลิงซีหยางป๋อก็ไม่ลังเลอีก “ตกลงอย่างนั้นพวกเราลองมาวางแผนกันดูว่าเราจะจัดการมันอย่างไร” เซียวหลิงซีบอกหน้าที่กับทุกคน “อี้หนิงเจ้าต้องไปในทิศทางเหนือลมแล้วใช้ผงผีเสื้อมายาของเจ้า ข้าจะขัดขวางการเคลื่อนไหวของมัน เสี่ยวป๋อหลังจากที่ข้าตรึงมันไว้เจ้าจงใช้พลังทั้งหมดที่มีโจมตีร่วมกับข้าสังหารมันให้ได้ ดูจากระดับของมันแล้วอาจตรึงไว้ได้ไม่นานนัก”
ความคิดเห็น