ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลั่วเฉินจ้าวศาสตรา

    ลำดับตอนที่ #40 : เริ่มมีชื่อเสียง

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ค. 67


    ลั่วเฉินเดินไปที่ยามเฝ้าประตู ยามเฝ้าที่นี่อยู่ในแดนปฐพีขั้นกลางเช่นเดียวกับเมืองเฟิงแต่มีจำนวนมากถึงหกคน “เจ้ามาทำอะไร ทำไมไม่ไปต่อแถว” ยามคนหนึ่งกล่าวออกมาเสียงดุ ลั่วเฉินนำเหรียญตราออกมายื่นแสดงให้ยามเฝ้าประตูดู ยามทหลายคนต่างตกตะลึงก่อนจะโค้งตัวทำความเคารพ “เชิญท่านปรมาจารย์” ฝูงชนที่ต่อแถวมีสีหน้ามึนงง “เมื่อสักครู่ยามเฝ้าประตูที่ดุร้ายเหล่านี้เรียกชายหนุ่มคนนี้ว่าอย่างไรนะ” กลุ่มคนพากันส่งเสียงอื้ออึง

    ลั่วเฉินไม่สนใจกลุ่มคนทั้งหลาย เขาเดินเข้าไปพลางมองบรรยากาศภายในเล็กน้อยก่อนจะเดินตรงไปที่โต๊ะเสมียน ลั่วเฉินวางเหรียญตราลงบนโต๊ะ “ข้ามาทดสอบเลื่อนระดับ” เสมียนเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาตั้งแต่แรก เมื่อมองเหรียญตราที่ชายหนุ่มวางลงบนโต๊ะดวงตาของเสมียนก็แทบจะหลุดออกมาจากเบ้า “ท่านคือท่านปรมาจารย์ลั่วเฉิน ข้าไม่คิดว่าจะมีโอกาสพบท่านที่นี่ ท่านปรมาจารย์เซียะซีเฟิงได้ส่งพิราบหมื่นลี้รายงานความสำเร็จของท่านไปยังสำนักงานใหญ่ ตอนนี้ท่านคือผู้ที่โด่งดังที่สุดในสมาคมหลอมอาวุธท่านรู้หรือไม่” 

    ลั่วเฉินไม่ทราบเรื่องราวที่เซียะซีเฟิงกระทำเขาจึงทำได้เพียงยิ้มออกมา “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ” เสมียนพยักหน้าดั่งไก่จิกข้าว “แน่นอน ตอนนี้ท่านคือปรมาจารย์นักหลอมอาวุธที่อายุน้อยที่สุด อีกทั้งยังเป็นถึงระดับสามดารา ปรมาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดต่อจากท่านเขาอายุยี่สิบสี่ปีแล้วและเป็นปรมาจารย์ระดับสองดาราเท่านั้น” ลั่วเฉินยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย “ท่านปรมาจารย์ลั่วเฉินกรุณารอสักครู่ข้าจะไปเชิญท่านปรมาจารย์ผู้ดูแลมา” 

    ลั่วเฉินฆ่าเวลาโดยการเดินชมไปรอบๆมองชั้นวางอาวุธที่จัดแสดง ที่นี่สมกับเป็นสาขาขนาดใหญ่อาวุธที่จัดแสดงมีอยู่มากมายอีกทั้งแต่ละชิ้นยังมีคุณสมบัติที่ดีไม่น้อย ลั่วเฉินไม่ต้องรอนานเพียงหนึ่งถ้วยชาก็มีชายชราหนึ่งคนและชายวัยกลางคนสองคนเดินเข้ามาอย่างรีบร้อนด้านหลังของคนทั้งสามเป็นเสมียนที่เข้าไปรายงาน ชายชราเดินมาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ปรมาจารย์ลั่วเฉินข้ายินดียิ่งนักไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสพบเจอท่านที่นี่ ข้าคิดว่าท่านคงจะเดินทางไปตามสาขาของแคว้นต้าเย่คิดไม่ถึงว่าท่านจะเดินทางมาทางนี้”

    ไม่รอให้ลั่วเฉินถาม เสมียนรีบกล่าวแนะนำผู้คนให้กับเขา “ท่านนี้คือท่านปรมาจารย์ผู้ดูแลสุ่ยเซียงหนาน ท่านนี้คือท่านปรมาจารย์ผู้ดูแลซือถูหลาง ส่วนท่านนี้คือท่านปรมาจารย์ผู้ดูแลซือถูฟง ทุกท่านเป็นปรมาจารย์หลอมอาวุธหกดารา” จากคำแนะนำชายชราคือปรมาจารย์หลอมอาวุธหกดาราซึ่งเป็นผู้ดูแลคนที่หนึ่งของสาขานี้ ส่วนชายวัยกลางคนอีกสองคนเป็นพี่น้องกัน ทั้งคู่เป็นปรมาจารย์หลอมอาวุธหกดาราเช่นกันเป็นผู้ดูแลคนที่สอง และ ผู้ดูแลคนที่สาม

    สุ่ยเซียงหนานถามด้วยรอยยิ้ม “ปรมาจารย์ลั่วเฉินได้ยินว่าท่านมาเพื่อทดสอบเลื่อนระดับ  นี่เรียกว่าคลื่นลูกหลังแซงคลื่นลูกหน้าอย่างแท้จริง” ลั่วเฉินมองปรมาจารย์ผู้ดูแลทั้งสามคน เขารู้สึกว่าทั้งสามคนเป็นคนที่จิตใจกว้างขวาง คนทั้งสามเมื่อเห็นเขาที่อายุยังน้อยแต่มีชื่อเสียงไม่เพียงไม่อิจฉา แต่ทั้งสามคนยังยินดีกับเขาอีกด้วย

    “ถูกต้องแล้วท่านปรมาจารย์ผู้ดูแล ข้าต้องการเข้ารับการทดสอบเลื่อนระดับ” ลั่วเฉินกล่าวอย่างสุภาพ สุ่ยเซียงหนานพยักหน้า “ท่านต้องการทดสอบอย่างไร” ลั่วเฉินไม่แน่ใจนักจึงถามออกมา “ที่สาขานี้ข้าสามารถเข้ารับทดสอบระดับสูงสุดได้ถึงระดับใด แล้วข้าต้องหลอมสร้างอาวุธระดับใดจึงจะผ่านการทดสอบ” 

    สุ่ยเซียงหนานคิดเล็กน้อย “ตามปกติสาขาเมืองเฉียวแห่งนี้จะรับการทดสอบสูงสุดไม่เกินระดับปรมาจารย์หลอมอาวุธห้าดารา โดยท่านต้องหลอมอาวุธระดับปฐพีเสริมแกร่งหกส่วนสองชิ้นในเวลาสามชั่วยาม แต่ยังมีอีกกรณีที่เป็นกรณีพิเศษ หากท่านสามารถหลอมสร้างอาวุธระดับปฐพีเสริมแกร่งเจ็ดส่วนหนึ่งชิ้นได้ในเวลาสามชั่วยาม ท่านจะสามารถเลื่อนระดับเป็นปรมาจารย์หลอมอาวุธหกดารา” ลั่วเฉินพยักหน้าเล็กน้อย “ตกลง งั้นขอข้าเข้ารับการทดสอบเถอะ”

    ห้องหลอมอาวุธที่ลั่วเฉินใช้เป็นห้องหลอมระดับสูง สาขาของสามาคมนักหลอมอาวุธเมืองเฉียวต้องบอกว่าสมกับที่เป็นหนึ่งในสาขาขนาดใหญ่ อุปกรณ์ทุกอย่างมีคุณสมบัติที่ดีอีกทั้งถ่านหินที่ใช้ก็ยังมีความบริสุทธ์สูง ลั่วเฉินนำแร่ดาวตกหลายชนิดและหิ่งห้อยเหมันต์ออกมาก่อนที่เขาจะเริ่มกระบวนการ ลั่วเฉินไม่ได้ใช้ถ่านหินของที่นี่เขาจะทำสิ่งของหลายอย่าง เขาจึงใช้ผลเพลิงสวรรค์โดยตรง

    ลั่วเฉินเริ่มต้นด้วยของสำคัญที่สุดก่อนเขาจะทำการหลอมกระบี่ให้กับเซียวหลิงซี ขั้นตอนการทำงานค่อนข้างละเอียด จากขนาดและความอันตรายของหิ่งห้อยเหมันต์เขาจึงใช้เวลาหนึ่งชั่วยามกับกระบี่เล่มนี้ ในที่สุดก็ได้กระบี่ยาวสามฉื่อกว้างสองชุ่น ใบกระบี่บางใสเปล่งประกายสีฟ้างดงาม ลั่วเฉินเจ็บปวดใจเล็กน้อยเมื่อต้องลบประกายกระบี่ที่งดงามขนาดนี้จากเสริมแกร่งสิบส่วนให้เหลือเพียงแปดส่วน

    หลังจากนั้นเขาก็นำหิ่งห้อยเหมันต์ที่เหลือมาหลอมเป็นมีดสั้น ลั่วเฉินหลอมวัสดุทั้งหมดในคราวเดียวก่อนที่เขาจะตีเป็นแท่งยาวแล้วจึงตัดด้วยกระบี่ลมขจีออกเป็นชิ้นยาวประมาณหกชุ่น ลั่วเฉินนำมาตีขึ้นรูปทีละชิ้น ใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วยามเขาก็ได้มีดสั้นยาวหกชุ่นกว้างหนึ่งชุ่นระดับปฐพีเสริมแกร่งสิบส่วนแต่ลบประกายออกทั้งหมดอีกสิบสองเล่ม สิ่งนี้จะเป็นอาวุธลับลั่วเฉินไม่ต้องการให้มีคนสังเกตเห็นประกายขณะโจมตี เขาตั้งชื่อมีดสั้นนี้ว่าเขี้ยวเหมันต์ มีดนี้เขาจะมอบให้สหายคนละหนึ่งเล่มส่วนที่เหลือเขาจะเก็บเอาไว้ก่อน ลั่วเฉินยังขัดเกลาคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งของหิ่งห้อยเหมันต์นั่นคือคุณสมบัติของการรวมกลุ่มไว้ในมีดชุดนี้

    ด้วยคุณสมบัตินี้หลังจากการผูกวิญญาณหากผู้ใช้แผ่พลังปราณเข้าไปในตัวมีดสั้นจะสามารถสัมผัสการคงอยู่ของมีดสั้นเล่มที่เหลือ เว้นแต่จะนำเก็บไว้ในพื้นที่มิติ หากพลังฝึกฝนของผู้ใช้อยู่ในแดนปฐพีขั้นต้น ลั่วเฉินประเมินว่าจะสามารถสัมผัสได้ในระยะทางประมาณสิบลี้ สิ่งนี้จะทำให้เขาและสหายสามารถพบเจอกันได้ง่ายขึ้นแม้จะไม่ได้นัดหมายสถานที่ที่ชัดเจนก็ตาม เวลาทดสอบเหลืออีกไม่มากลั่วเฉินจึงนำวานรขนเหล็กสองตัวออกมา นี่นับว่าเป็นงานที่เขาค่อนข้างเบื่อหน่ายในระยะนี้ 

    เมื่อครบกำหนดเวลาลั่วเฉินก็ออกมาจากห้องหลอม เมื่อออกมาก็พบว่าปรมาจารย์หลอมอาวุธหกดาราทั้งสามคนต่างก็รอเขาอยู่ด้านนอก “เป็นอย่างไรบ้าง” คราวนี้เป็นปรมาจารย์ซือถูหลางที่ถามออกมา ลั่วเฉินมีรอยยิ้มบนใบหน้าก่อนที่เขาจะยื่นชุดเกราะอ่อนสองตัวให้กับคนทั้งสาม ปรมาจารย์หลอมอาวุธหกดารามองชุดเกราะอ่อนสีดำที่ส่องประกายแวววาวด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง พวกเขาไม่คิดว่าเวลาเพียงสามชั่วยาม ลั่วเฉินจะสามารถหลอมชุดเกราะอ่อนระดับปฐพีเสริมแกร่งเจ็ดส่วนได้ถึงสองตัว

    ซือถูหลางตื่นเต้นจนอดไม่ได้ที่กล่าว “ปรมาจารย์ลั่วเฉินท่านพอจะสอนการหลอมชุดเกราะอ่อนให้ข้าได้หรือไม่” ซือถูหลางเมื่อหลุดปากออกมาก็รู้สึกละอายใจ ขั้นตอนการหลอมสร้างล้วนเป็นทักษะเฉพาะบุคคล ไม่มีผู้ใดยอมสอนให้กับบุคคลอื่นง่ายๆอีกทั้งพวกเขาเพิ่งจะรู้จักกันเท่านั้น ลั่วเฉินคิดทบทวนในใจ ชุดเกราะอ่อนไม่ได้มีเพียงเขาที่สามารถหลอมสร้างได้ สำนักหลอมทะเลใต้ก็สามารถหลอมสร้างได้เช่นกัน แม้จะไม่รู้ว่าเป็นระดับไหนแต่ในเมื่อมีคนทำได้เขาก็ไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้เป็นความลับ

    “อย่าเรียกว่าเป็นการสอนเลยพวกเราเพียงแลกเปลี่ยนความรู้กันเท่านั้น พวกท่านเข้ามาในห้องหลอมกันเถอะ” ปรมาจารย์หลอมอาวุธหกดาราทั้งสามคล้ายกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน พวกเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อพวกเขาตั้งสติได้ก็มีรอยยิ้มเต็มใบหน้าก่อนที่จะรีบตามลั่วเฉินเข้าห้องหลอมไป ลั่วเฉินตั้งใจเพิ่มขั้นตอนการหลอมให้ซับซ้อนมากขึ้นเล็กน้อย หลังจากพวกเขาใช้เวลาไปอีกสี่ชั่วยาม ปรมาจารย์หลอมอาวุธหกดาราทั้งสามคนก็สามารถหลอมสร้างชุดเกราะอ่อนระดับปฐพีเสริมแกร่งสามส่วนได้สำเร็จคนละหนึ่งตัว

    แม้จะเป็นเพียงระดับการเสริมแกร่งสามส่วนแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาผิดหวัง พวกเขากลับยิ่งเกิดความคิดฮึกเหิมในใจ หากขัดเกลาเทคนิคจนชำนาญพวกเขาจะยิ่งสามารถทำให้เกราะอ่อนมีระดับเสริมแกร่งที่ดีขึ้น  ลั่วเฉินเดินออกจากสมาคมหลอมอาวุธเมืองเฉียวพร้อมกับเหรียญตราปรมาจารย์หลอมอาวุธหกดาราสีเงินในมือ ด้านหลังยังมีปรมาจารย์หลอมอาวุธหกดาราอีกสามคนออกมาส่ง ที่เวลานี้พวกเขากลายเป็นสหายต่างวัยจึงเดินออกมาส่งด้วยรอยยิ้ม

    ชุดเกราะอ่อนระดับปฐพีเสริมแกร่งเจ็ดส่วนที่เขาหลอมสร้างในการทดสอบ ปรมาจารย์ทั้งสามคนขอซื้อเอาไว้เพื่อจัดแสดงเป็นสมบัติของสาขานี้ แต่เมื่อในกระเป๋ามีเงินทองมากมาย ลั่วเฉินจึงแสดงน้ำใจโดยเขายกให้สาขานำไปจัดแสดงได้เลย เพียงแต่ไม่ให้ขายออกไปเท่านั้น ลั่วเฉินกลับโรงเตี๊ยมที่พักก่อนจะสั่งอาหาร เขานั่งจิบสุราทานอาหารอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับกำหนดถึงขั้นตอนต่อไปที่เขาจะดำเนินการกับตระกูลเหอ การหักแขนและขาของเหอซานเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อเหล่าสหายไม่อยู่ลั่วเฉินจึงเข้านอนไวกว่าปกติ

    ในขณะที่ลั่วเฉินกำลังหลับสนิทสหายคนอื่นต่างเต็มไปด้วยความสนุกสนาน พวกเขาเดินชมเมืองไปรอบๆกินอาหารอร่อยดื่มสุราเล็กน้อยก่อนจะชักชวนกันไปชมละครที่โรงละครของแม่นางหลิน โรงละครสกุลหลินเป็นโรงละครที่ก่อตั้งมานานราวห้าสิบปีตั้งแต่สมัยปู่ของแม่นางหลินก่อนจะส่งต่อให้กับบิดามารดาของแม่นางหลิน เวลานั้นเป็นเพียงโรงละครเล็กๆที่มีที่นั่งราวหนึ่งร้อยที่นั่ง เมื่อพัฒนามาจนถึงรุ่นของแม่นางหลิน โรงละครแห่งนี้ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นก่อนจะขยายจนสามารถจุผู้ชมได้ถึงสามพันที่นั่ง

    โรงละครสกุลหลินจัดการแสดงวันละสามรอบแต่ละรอบล้วนแสดงเรื่องราวตำนานพื้นบ้าน โดยเรื่องที่แสดงมากที่สุดก็คือเรื่องราวของท่านเทพศาสตรา เรื่องราวของท่านเทพศาสตรายังสามารถลงรายละเอียดจนแบ่งแสดงเป็นตอน โดยจะมีการแสดงมากถึงยี่สิบตอน เมื่อรวมกับเรื่องราวตำนานพื้นบ้านอื่นๆ ภายในหนึ่งเดือนโรงละครสกุลหลินสามารถจัดการแสดงได้โดยไม่ซ้ำกันแม้แต่วันเดียว นั่นทำให้ที่นี่ได้รับนิยมมากจากทั้งชาวเมืองเฉียวและเมืองใกล้เคียง

    “แม่นางหลินหว่านชิวและน้องสาวแม่นางหลินหว่านหรงแสดงได้งดงามจริงๆ” “ท่านเทพศาสตราช่างกล้าหาญยิ่งนัก หากเกิดยุคเดียวกับท่านข้าจะให้กำเนิดลิงน้อยให้กับท่านตัวหนึ่ง” “ข้าไม่ได้เห็นแม่นางหลินแสดงเป็นหญิงสาวมานานมากแล้วเมื่อใดข้าจะได้เห็นอีก ข้าต้องไปคุยกับผู้ดูแลคณะละครหรือไม่” เมื่อจบการแสดงในแต่ละรอบ เสียงพูดคุยของผู้คนมากมายก็จะดังจนไม่สามารถแยกแยะรายละเอียดได้ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×