ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลั่วเฉินจ้าวศาสตรา

    ลำดับตอนที่ #37 : ก่อปัญหา

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 67


    หม่าซุนและหม่าเชียงหยิบดาบและกระบี่ขึ้นมาคนละเล่มก่อนจะชักออกมาจากฝัก ในกลุ่มแขกมีหลายคนที่สามารถประเมินความแวววาวของการเสริมแกร่งได้อุทานออกมา “โอ้พระเจ้า นั่นคือดาบและกระบี่ระดับปฐพีเสริมแกร่งหกส่วน” มีเสียงฮือฮาจากแขกในงาน “โอ้ พ่อลูกสกุลหม่าจริงใจมากจริงๆ” “ด้วยสมบัตินี้หากข้ามีลูกสาวต้องยกให้แน่นอน”

    ถังตงไห่แน่นอนว่าไม่สนใจที่เกี่ยวดองกับตระกูลหม่า แต่ในใจก็ยังต้องยอมรับว่าสิ่งของที่พ่อลูกสกุลหม่านำมามีค่ามากจริงๆ ก่อนที่พลังแห่งการนินทาจะลุกลามไปมากกว่านี้ลั่วเฉินก็หัวเราะออกมา “เจ้ากล้าเรียกขยะเหล่านี้ว่าสมบัติอย่างนั้นรึ” ลั่วเฉินหันไปมองหยางป๋อเล็กน้อย “เสี่ยวป๋อเจ้าไปตามต้าเค่อมาที”

    หม่าซุนได้ฟังก็หัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยาม “อะไร เจ้ากล้าเรียกสมบัติเหล่านี้ว่าขยะ เจ้ามีความสามารถที่จะครอบครองสมบัติเหล่านี้ได้หรือเปล่า” ลั่วเฉินไม่สนใจจะโต้เพียงกับหม่าซุนในเวลานี้ เขาเพียงยิ้มเยาะก่อนจะดีดเหรียญตราในมือเล่น เหรียญตราสีทองแดงหมุนวนในอากาศด้วยความเร็วระดับการฝึกฝนของหม่าซุนไม่สามารถมองออกได้ว่าเป็นเหรียญตราแบบใด ลั่วเฉินดีดเหรียญได้ไม่กี่ครั้งหยางป๋อก็วิ่งนำหวังเค่อมาถึง ลั่วเฉินแสดงรอยยิ้มเล็กน้อย “ต้าเค่อเจ้ารีบนำสินสอดที่เตรียมไว้มอบให้แก่พ่อตาของเจ้า”

    หวังเค่อแม้ไม่ทราบสถานการณ์เมื่อหยางป๋อไปตามก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดมากเพียงให้มันตามมาโดยเร็ว แต่เมื่อได้ยินลั่วเฉินกล่าวหวังเค่อก็นำสิ่งของออกมาทันที หวังเค่อเปิดถุงมิติก่อนจะนำชุดสีดำกองหนึ่งออกมายื่นให้กับถังตงไห่ด้วยความเคารพ “ท่านพ่อตานี่คือสินสอดที่ข้าขอมอบให้ท่าน หวังว่าสิ่งนี้จะมีประโยชน์ต่อท่านพ่อตา ท่านอาและสหายจะสามารถเดินทางทำการค้าได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น”

    หม่าเชียงหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ตัว นี่เจ้ายากจนขนาดที่ไม่สามารถหาสิ่งใดดีกว่านี้แล้วรึ” หม่าซุนไม่สนใจบุตรชายใบหน้าของมันซีดเผือด “นี่จะเป็นไปได้อย่างไร” หม่าเซียงหัวเราะจนตัวงอแต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงของบิดามันหยุดมองบิดาครู่หนึ่ง “ท่านพ่อท่านเป็นอะไรไป” 

    ถังตงไห่ถือชุดสีดำกองใหญ่ในมือด้วยอาการสั่นไหว ในหมู่แขกในงานยังคงมีคนที่มีสายตาอยู่บ้าง “นั่นมันเป็นไปได้อย่างไร นั่นคือเกราะอ่อนระดับปฐพีเสริมแกร่งเจ็ดส่วน อีกทั้งยังมีจำนวนมาก” เมื่อได้ยินเช่นนั้นกลุ่มคนก็ระเบิด แม่ทัพใหญ่รักษาเมืองเป่ยหลิงยังอดไม่ได้ที่จะต้องลุกจากที่นั่งเดินมาชมดูใกล้ๆ กลุ่มคนพูดคุยส่งเสียงดังคนไม่สามารถแยกแยะคำพูดได้

    “ยังมีอีกชุดที่ข้าจะมอบให้กับเสี่ยวซินแต่อย่างไรจะให้ท่านพ่อรับไว้ก่อน” หวังเค่อนำชุดสีน้ำเงินประกายแวววาวออกมาอีกหนึ่งตัววางด้านบนของชุดสีดำในมือถังตงไห่ “โอ้พระเจ้านั่นมันเหนือจินตการยิ่งนัก มันแวววาวยิ่งกว่าชุดเกราะอ่อนเสริมแกร่งเจ็ดส่วน นั่นคือสิ่งของระดับใด” กลุ่มคนพากันถกเถียงประเมินระดับของเกราะอ่อนชุดนี้

    ลั่วเฉินหันไปส่งยิ้มกับหม่าซุน “เป็นอย่างไรบ้าง ข้าบอกแล้วว่าสิ่งของที่เจ้านำมามันคือขยะยังมีอะไรจะปฏิเสธหรือไม่” “นี่..” หม่าซุนใบหน้าบิดเบี้ยวขณะจะเถียงกลับก็มีบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอไม่อาจส่งเสียงออกมาได้ ลั่วเฉินกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม “ข้าว่าเจ้ารีบไป แล้วก็เก็บขยะของเจ้ากลับไปด้วย เดี๋ยวมันจะส่งกลิ่นเหม็นรบกวนแขกในงาน” หม่าซุนไม่มีหน้าจะอยู่อีกต่อไป มันรีบเก็บสิ่งของลงถุงมิติ ตอนมามันลากสิ่งของมาอย่างเอิกเกริกแต่ขากลับมันไม่มีหน้าจะลากกลับอีกต่อไป

    “ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเจ้าดูใบหน้าของคางคกเฒ่านั่นสิ” ถังซีไห่หัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่าฮ่า นี่เรียกว่าคางคกอยากกินเนื้อหงส์ที่แท้จริง” หยางป๋อหัวเราะด้วยความดูถูก “ไปพวกเราไปดื่มเหล้ากัน” ถังตงไห่ชักชวนทุกคน 

    ห่างจากคฤหาสน์ตระกูลถังไปไม่ไกล ในสาขาของคาราวานการค้ามังกรพนา “เราจะยอมเสียหน้าแบบนี้เหรอท่านพ่อ” หม่าเชียนกล่าวออกมาด้วยใบหน้าเดือดดาล หม่าซุนแสดงออกอย่างเย็นชาประกายตาเย็นเยียบ “นั่นเป็นไปไม่ได้ แต่ที่นี่เป็นดินแดนของคนอื่นจะทำอะไรเจ้าอย่ารีบร้อน” หม่าซุนย่อมไม่อาจระงับความเกลียดชังในใจที่มีต่อชายหนุ่มคนนั้นได้ มันพยายามจะยึดครองเส้นทางการของคาราวานการค้าทักษิณบูรพามาโดยตลอด ใช้ทั้งวิธีการต่อหน้าและลับหลังก็ยังไม่สามารถเอาชนะถังตงไห่ในด้านการค้าได้ เมื่อทราบว่าบุตรชายชอบพอถังเหอซินมันจึงเปลี่ยนวิธีการ หากบุตรชายสามารถแต่งกับถังเหอซินบุตรสาวคนเดียวของตระกูลถังเข้าตระกูลหม่า ทรัพย์สินมากมายของตระกูลถังก็จะกลายเป็นของลูกชายมันในอนาคตไม่ใช่หรือ

    เมื่อพ่อลูกสกุลหม่าจากไป บรรยากาศของงานแต่งงานก็เต็มไปด้วยความรื่นเริงอีกครั้ง หลังจากไหว้ฟ้าดินและบรรพบุรุษก็ถือว่าคนทั้งสองเป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ ถังตงไห่และถังซีไห่ต่างก็มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า งานเลี้ยงกินเวลาตั้งแต่ช่วงบ่ายไปถึงยามค่ำคืน ในที่สุดก็ถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ หวังเค่อใบหน้าแดงก่ำทั้งจากฤทธิ์สุราและความเขินอาย หยางป๋อกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “คิดไม่ถึงว่าต้าเค่อเองก็เขินอายเป็นเช่นกัน” 

    ในห้องหอประดับประดาด้วยผ้าสีแดง ถังเหอซินสวมชุดสีแดงมีผ้าคลุมศีรษะสีแดงปกปิดใบหน้าของนางไว้นั่งอยู่บนเก้าอี้ บนโต๊ะมีกาสุราพร้อมจอกสุราสองใบวางอยู่ เมื่อหวังเค่อเข้ามาในห้องถังเหอซินก็รู้สึกว่าใบหน้าของนางร้อนผ่าว นางรีบรินสุราให้กับหวังเค่อและตัวนางเองคนละจอก หวังเค่อเอื้อมมือออกไปค่อยๆเปิดผ้าคลุมหน้าของนางออก ใบหน้างดงามของถังเหอซินมีสีแดงบนแก้ม คืนนั้นเป็นค่ำคืนที่บุปผาผลิบานของคนทั้งคู่

    สามวันต่อกลุ่มของลั่วเฉินก็พร้อมจะเดินทางต่อ ในสามวันหวังเค่อและถังเหอซินใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเดินทางไปเยี่ยมเยียนแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโส หยางป๋อยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ในการฝึกฝนร่วมกับถังซีไห่ ลั่วเฉินเมื่อมีเงินอยู่มากมายเขาจึงไปเยี่ยมชมหอการค้า แผงขายสินค้าทั่วทั้งเมืองเป่ยหลิง เขาได้วัสดุที่ดีมาอีกหลายชนิด แม้ไม่ใช่สิ่งของระดับสูงแต่ก็สามารถนำมาใช้ได้ในช่วงเวลานี้ เซียวหลิงซีและหานอี้หนิงเลือกซื้อผ้าเนื้อดีจากร้านค้าของคาราวานการค้าทักษิณบูรพามาหลายพับ ก่อนที่จะนำไปให้ร้านตัดเย็บฝีมือดีทำชุดคลุมหลายตัวให้กับทุกคน

    เมื่อออกจากเมืองเป่ยหลิงกลุ่มของลั่วเฉินเพิ่มขึ้นด้วยม้าวายุหนึ่งตัวและหญิงงามอีกหนึ่งคน พวกเขาเดินทางโดยไม่รีบร้อนมากนัก หลังจากเดินทางออกจากเมืองได้ประมาณห้าสิบลี้ก็มีคนกลุ่มใหญ่ควบม้าตรงมาทางพวกเขา ลั่วเฉินหรี่ตามองไปในระยะไกลมุมปากของเขาก็มีรอยยิ้ม ผู้มาไม่ใช่คนแปลกหน้าเป็นพ่อลูกสกุลหม่ากับผู้ติดตามนั่นเอง

    “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าคิดว่าจะต้องรอคอยโอกาสนานมากกว่านี้ คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะโง่เขลากล้าออกเดินทางด้วยคนเพียงไม่กี่คน” หม่าซุนระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมปลดปล่อยพลังในแดนปฐพีขั้นปลาย คนกว่าสามสิบคนควบม้าเข้ามาทำการล้อมกลุ่มของลั่วเฉินเอาไว้ไม่ให้พวกเขามีทางหลบหนี นอกจากหม่าซุนแล้วยังมีคนชุดดำอีกสองคนที่มีพลังฝึกฝนในแดนปฐพีขั้นปลาย อีกทั้งผู้ติดตามคนที่เหลือหากไม่อยู่ในแดนปฐพีขั้นต้นก็อยู่ในแดนก่อกำเนิดขั้นที่เก้า พวกมันย่อมไม่เห็นกลุ่มผู้เยาว์เหล่านี้อยู่ในสายตา

    ใบหน้าอัปลักษณ์ของหม่าเชียนจมูกชี้ขึ้นฟ้าก่อนจะกล่าวด้วยความเย่อหยิ่ง “พวกเจ้ารีบลงจากหลังม้ามาคุกเข่าขอความเมตตา พวกเราอาจจะทุบตีสั่งสอนไม่ให้ถึงตาย เจ้าตัวใหญ่จงทำลายฝึกฝนของตนเอง ต่อไปให้มาทำงานรับใช้ในกองคาราวานของข้า ส่วนถังเหอซินเจ้ากล้าปฏิเสธข้า ข้าจะพาเจ้าไปเป็นนางบำเรอย่ำยีเจ้าให้เจ้าตัวใหญ่ดู หากเจ้าตั้งครรภ์เมื่อใดข้าจะพาเจ้ากลับไปพบกับบิดาของเจ้า”

    นับว่าพ่อลูกคู่นี้จินตนาการวางแผนชั่วร้ายเอาไว้อย่างสวยหรู แต่กลุ่มของลั่วเฉินจะยอมให้เป็นจริงได้อย่างไร ทุกคนชักอาวุธออกมาทันที หวังเค่อฟาดขวานคู่ในมือออกโจมตีหม่าเชียนด้วยพลังทำลายที่คนเหล่านี้ไม่เคยคาดคิดมาก่อน “คุ้มกันคุณชาย” หม่าซุนคำรามกับผู้ติดตาม ผู้ติดตามหลายคนรวมทั้งชายชุดดำรีบเข้าไปขวางการโจมตีของหวังเค่อ “ปัง ปัง” ผู้ติดตามชุดเขียวห้าคนกระเด็นตกจากหลังม้าอาวุธในมือล้วนแตกสลาย ง่ามมือฉีกขาด โลหิตสีแดงพุ่งจากปากเป็นสาย 

    ชายชุดดำสองคนฟันดาบออกไปรับการโจมตี ขวานหนึ่งคู่กับดาบสองเล่มปะทะกัน ชายชุดดำทั้งสองไม่อาจรับแรงปะทะได้จึงกระโดดพลิกตัวออกจากหลังม้าวายุ ยังไม่ทันตกถึงพื้นปราณกระบี่สีดำสองสายก็มาถึง ชายชุดดำยกดาบขึ้นมากันก่อนจะพบว่าอาวุธในมือของตนคล้ายดั่งก้อนดินเหนียวไม่อาจขัดขวางการโจมตีของปราณกระบี่สีดำได้แม้แต่น้อย เมื่อกำลังพยายามจะหลบศีรษะของพวกมันก็ลอยขึ้นบนท้องฟ้า ชายชุดดำทั้งสองคนต่างเห็นศีรษะของสหายกำลังลอยอยู่ในอากาศ

    โลหิตสาดกระเซ็นเปรอะทั้งใบหน้าและร่างกายของหม่าเชียว หม่าเชียวใบหน้าซีดเผือด หม่าซุนขณะกำลังจะช่วยลูกชายปราณกระบี่สีขาวก็พุ่งเข้ามาถึงตัว มันยกดาบในมือขึ้นมาปัดป้องเมื่อพลังโจมตีไหลมาตามตัวดาบหม่าซุนก็สัมผัสได้ถึงความเย็นสุดขั้ว คู่ต่อสู้มีพลังฝึกฝนขั้นเดียวกันกับมันแต่วิธีการโจมทำให้หัวใจมันตื่นตระหนก “นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด เป็นเรื่องเข้าใจผิด” หม่าซุนรีบตะโกนออกมา

    หม่าซุนรีบทำท่าทางคารวะก่อนจะกล่าวกับหญิงงามชุดขาวที่โจมตีมัน “เป็นผู้ชราเองที่โง่เขลาไม่ทราบว่าผู้สูงศักดิ์อยู่ที่นี่ ขอได้โปรดแสดงความเมตตา” เซียวหลิงซีหรี่ตามองชายอัปลักษณ์ร่างเตี้ยตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉย คนกลุ่มใหญ่ที่มากันอย่างฮึกเหิมเวลานี้ส่วนใหญ่ล้วนนอนอยู่ตามพื้นมีโลหิตตามร่างกาย อีกหลายคนเหลือแต่ร่างไร้วิญญาณรวมถึงชายชุดดำทั้งสองคน หม่าเชียนทรุดตัวกองอยู่กับพื้นปัสสาวะเจิ่งนอง

    กลุ่มของลั่วเฉินไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา หยางป๋อส่งสายตาให้หวังเค่อ “เสี่ยวซินเจ้าจะจัดการอย่างไร” หวังเค่อยกให้ถังเหอซินตัดสินใจ เมื่อสักครู่นางต่อสู้อย่างกล้าหาญแม้นางจะยังอยู่ในแดนก่อกำเนิดขั้นที่เก้า แต่ก็สามารถโจมตีจนชายชุดเขียวหนึ่งคนจนบาดเจ็บสาหัส ถังเหอซินมองพ่อลูกสกุลหม่าก่อนจะกล่าว “ทำลายการฝึกฝนและหักแขนขาของสองตัวอุบาทก์นี้ ต่อไปพวกมันจะได้ไม่สามารถข่มเหงผู้ใดได้อีก”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×