คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #36 : เมืองทะเลทราย
ทะเลทรายทามากันเป็นทะเลทรายใหญ่ที่สุดในทวีปหยวนหวง ทะเลทรายแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของแคว้นต้าโจว ทะเลทรายทามากันกินพื้นที่หนึ่งในห้าส่วนของแคว้นต้าโจวรวมถึงพื้นที่บางส่วนทางทิศใต้ของแคว้นจินซื่อ ทิศตะวันออกติดกับเทือกเขาเสินหนงกินพื้นที่ยาวไปจนถึงมหาสมุทรทางทิศตะวันตก
เมืองซาเฉิงเมืองขนาดใหญ่ในพื้นที่ทะเลทรายทามากันมีประชากรประมาณสองล้านคน พื้นที่ใจกลางของเมืองแห่งนี้มีทะเลสาบเยว่ฟานซึ่งเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่กินเนื้อที่กว่าสามพันหมู่ จากบันทึกโบราณกล่าวไว้ว่าเมืองแห่งนี้ถือกำเนิดมาตั้งแต่สมัยสมัยโบราณ ในอดีตหลายพันปีก่อนกลุ่มนักเดินทางผ่านทะเลทรายได้มีการค้นพบพื้นที่ที่สามารถเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ได้โดยรอบทะเลสาบแห่งนี้ นอกจากจะมีความอุดมสมบูรณ์แล้วเมื่อกลุ่มนักเดินทางได้ชมความงามของดวงจันทร์ที่สะท้อนผืนน้ำจึงได้เริ่มมีการสร้างที่อยู่อาศัยขึ้นที่นี่ เมื่อมีผู้คนเข้ามาอยู่มากขึ้นจึงได้มีการสร้างเมืองล้อมรอบทะเลสาบแห่งนี้เอาไว้
โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งติดกับทะเลสาบเยว่ฟาน แสงไฟสว่างไสวทั่วทั้งอาคารเสียงผู้คนสนทนากันอย่างสนุกสนาน เสียงบริกรตะโกนเรียกลูกค้าดังมาเป็นระยะ ในลานด้านหลังข้างบ่อน้ำดรุนีน้อยใบหน้างามแต่งกายด้วยชุดหญิงรับใช้กำลังซักล้างเสื้อผ้าของแขกที่มาเข้าพัก อาคารโรงเตี๊ยมแห่งนี้มีทั้งหมดสามชั้นแบ่งออกเป็นสองส่วน ด้านหน้าเป็นร้านอาหารด้านหลังจะเป็นห้องพัก กิจการของที่นี่ค่อนข้างดีเนื่องจากลูกค้าที่มากินอาหารสามารถชื่นชมกับทิวทัศน์ที่งดงามในยามกลางวันและชื่นชมดวงจันทร์สะท้อนผิวน้ำในยามกลางคืนในทะเลสาบเยว่ฟาน อีกทั้งโรงเตี๊ยมแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงที่ดีเรื่องความอร่อยของอาหารประเภทปลา
ถนนยาวรอบทะเลสาบเยว่ฟานเป็นย่านการค้าที่สำคัญของเมืองแห่งนี้ ทั้งโรงเตี๊ยม ร้านอาหาร เหลาสุรา สำนักโคมแดงและสำนักโคมเขียวทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ต่างตั้งเรียงรายกันอยู่ที่นี่ ด้านทิศตะวันออกยังมีท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับเรือได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนในทะเลสาบเยว่ฟานก็จะมีเรือท่องเที่ยวหลายประเภทที่คอยสร้างความสำราญให้กับชาวเมืองและนักเดินทาง เมื่อมองไปในยามค่ำคืนจะเห็นแสงไฟจากเรือทั้งลำเล็กและลำใหญ่สะท้อนผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับในทะเลสาบ
“เสี่ยวชิง หากเจ้าเสร็จจากตรงนั้นแล้วเจ้ามาช่วยข้าที่ครัวล่ะ” เสียงสตรีสูงวัยกล่าวกับเด็กสาวที่กำลังซักผ้าข้างบ่อน้ำด้วยรอยยิ้ม เด็กสาวพยักหน้ารับด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย “เจ้าค่ะป้าจ้าว หากข้าทำตรงนี้เสร็จแล้วจะรีบไปช่วยท่าน” สตรีสูงวัยไม่ได้ถือสาการแสดงออกที่ไร้อารมณ์ของเสี่ยวชิง นางรู้ว่าเด็กสาวพึ่งเสียแม่ไปจากการถูกคนทำร้าย อีกทั้งสาวน้อยคนนี้ยังทำงานอย่างขยันขันแข็งผิดกับคนวัยเดียวกันกับนางที่เอาแต่เล่นสนุกไปวันๆ
บนหลังคาอาคารสูงแห่งหนึ่งใกล้กับทะเลสาบเยว่ฟาน ชายสองคนกำลังยืนสนทนากันพร้อมกับมองไปยังลานด้านหลังของโรงเตี๊ยม “เหตุใดนางถึงได้ทนมาทำงานสกปรกเหล่านี้” ชายร่างใหญ่กล่าว ชายร่างเตี้ยระบายลมหายใจออกมาก่อนจะกล่าวว่า “นางแค่ยังไม่อาจยอมรับความจริง คงต้องให้เวลานางมากกว่านี้” ชายร่างใหญ่พยักหน้าก่อนจะกล่าว “จินฉานเวลานี้เจ้าสัมผัสถึงสหายอีกสองคนได้หรือยัง” ชายร่างเตี้ยนามว่าจินฉานกล่าวตอบ “สัมผัสไม่ได้ เจ้าก็รู้ว่าฉงฉี มีความสามารถขนาดไหนหากมันไม่อยากเปิดเผยตนเองไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถสัมผัสถึงมันได้ ส่วนเก้าหางข้าคิดว่านางอาจอยู่ในสถานที่ที่จิตสัมผัสของข้าไม่อาจไปถึง”
ชายทั้งสองกระโดดลงจากหลังคาก่อนจะเดินไปตามถนน “ต้าหนิว เจ้าดูที่ทะเลสาบแห่งนี้สิมันงดงามมากใช่ไหม” ชายร่างใหญ่ที่ชื่อว่า ต้าหนิว มองไปที่ทะเลสาบที่กำลังสะท้อนแสงจันทร์และแสงไฟจากเรือหลายลำ “มันสวยงามมากก็จริง แต่หากเจ้าตัวนั้นตื่นขึ้นที่แห่งนี้คงจะโกลาหลไม่น้อย” จินฉานถอนใจอย่างหดหู่ “ยุคสมัยนี้พลังปราณของโลกน้อยเหลือเกิน ข้าฟื้นความทรงจำผ่านมาเป็นเวลาสิบปี ข้าเพิ่งจะมีพลังฝึกฝนที่มนุษย์เรียกว่าแดนนภาขั้นกลางเท่านั้น” ต้าหนิวมองจินฉานก่อนจะพยักหน้า “แต่ว่าพวกเรายังคงมีพลังจากความทรงจำ หากพวกเราต้องการจากไป หากไม่ใช่ปีศาจพันปีเหล่านั้นย่อมไม่มีผู้ใดรั้งเราเอาไว้ได้”
จินฉานระบายลมหายใจก่อนจะมองดวงจันทร์บนท้องฟ้า “เจ้าคิดว่าเหตุใดเทพอสูรอย่างพวกเราถึงมาเกิดใหม่ในเผ่ามนุษย์” ต้าหนิวหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำถาม “เรื่องนี้ผู้ใดจะทราบได้ บางทีสวรรค์อาจจะเห็นว่าก่อนจะตายพวกเราสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์จึงให้พวกเรามาเกิดในเผ่ามนุษย์เสียเลย” จินฉานยังคงสงสัย “ในเมื่อพวกเราเกิดในเผ่ามนุษย์เช่นนั้นพวกเราคือมนุษย์หรือเทพอสูร” “นี่..” ต้าหนิวอ้าปากแต่ไม่อาจจะกล่าวถ้อยคำออกมา
คฤหาสน์ตระกูลถังในเมืองเป่ยหลิงบรรยากาศเต็มไปด้วยรื่นเริง กำลังจะมีงานมงคลของคุณหนูตระกูลถังกับวีรบุรุษวัยเยาว์แห่งเมืองปิงคนทั้งเมืองต่างร่วมยินดี ขุนนางทั้งสูงต่ำต่างเดินทางมาร่วมงานแม้แต่แม่ทัพใหญ่และรองเจ้าเมืองก็ยังมาร่วมแสดงความยินดี ตระกูลถังเองก็ไม่ตระหนี่จัดโต๊ะเลี้ยงแขกถึงหนึ่งร้อยโต๊ะ นอกจากนั้นยังมีการจัดสร้างเพิงอาหารชั่วคราวตามจุดต่างๆของเมืองเพื่อแจกอาหารกับคนยากไร้
ขณะที่ถังตงไห่กับถังซีไห่กำลังยืนรับแขกอยู่ด้านหน้าคฤหาสน์ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ผู้มาเป็นกลุ่มคนราวสามสิบคน ผู้นำเป็นชายวันกลางคนร่างเตี้ยท่าทางเย่อหยิ่ง ตามหลังมาด้วยชายหนุ่มอายุราวยี่สิบปีแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เพียงมองก็รู้ว่ามีราคาแพง มันสูงกว่าชายวัยกลางคนเล็กน้อยแต่ท่าทางเย่อหยิ่งไม่ต่างกัน ถัดไปเป็นคนคู่หนึ่งสวมชุดสีดำท่าทางร้ายกาจเดินเคียงข้างกันมา คนที่เหลือแต่งกายด้วยเครื่องแบบสีเขียวสามารถบอกได้ว่าคนเหล่านี้เป็นผู้ติดตามของสองคนที่เดินนำหน้า ใบหน้าของคนเหล่านี้เองก็เย่อหยิ่งไม่แพ้ผู้เป็นนาย ด้านหลังยังลากจูงเกวียนสองเล่มมาด้วย มีหีบห่อขนาดต่างๆวางซ้อนเป็นชั้น
แขกหลายคนจำบุคคลที่มาเหล่านี้ได้ ไฟแห่งการนินทาจึงถูกจุดขึ้นทันที “สองคนที่มาคือพ่อลูกสกุลหม่า” “สกุลหม่าคือผู้ใด” “สกุลหม่าเป็นตระกูลคาราวานการค้าเช่นเดียวปกติจะประจำอยู่ที่เมืองหลวน” “นั่นคือคาราวานการค้ามังกรพนาจัดส่งสินค้ามาค้าขายที่เมืองเราเป็นประจำ อีกทั้งยังมีสาขาขนาดเล็กอยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสแต่สินค้าของพวกเขาคุณภาพไม่ค่อยดีเท่าใดนัก” “เช่นนั้นจะไม่ใช่คู่แข่งกับตระกูลถังอย่างนั้นรึ เหตุใดจึงมาที่นี่” “เป็นคู่แข่งกันอย่างแน่นอน แต่ข้าได้ข่าวมาว่าหม่าเชียนบุตรชายของหม่าซุนเคยประกาศว่าต้องการจะแต่งงานกับคุณหนูถัง” “ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมมันจึงไม่มาเข้าร่วมการประลอง” “เฮอะ เจ้าดูหม่าเชียนอย่างมากก็ทำได้แค่อาศัยเงินทองของตระกูลรังแกผู้คนเท่านั้น”
ถังตงไห่หรี่ตาลงมองชายสองคนที่เดินนำหน้าอย่างเย็นชา “หม่าซุน ผู้ใดเชิญเจ้ามา” หม่าซุนคล้ายไม่ได้สัมผัสถึงความเย็นชาของถังตงไห่ มันหัวเราะฮาฮา “ฮ่าฮ่า พี่ถังข้าไม่ได้มาเป็นแขกแต่ข้ามาสู่ขอบุตรสาวของท่านให้กับบุตรชายของข้า” ถังตงไห่รู้สึกเดือดดาลแต่ยังคงไม่อยากอาละวาดทำลายบรรยากาศงานแต่งงานของบุตรสาวจึงต้องสะกดความเดือดดาลในใจ “เจ้ากล่าววาจาไร้สาระอันใด คนอย่างข้าไม่มีวันยกบุตรสาวให้แต่งงานกับบุตรสุนัขของเจ้า”
หม่าเชียนเมื่อถูกด่าเป็นสุนัขก็เดือดดาลทันที “เจ้าว่าผู้ใดเป็นสุนัข” หม่าซุนกลับไม่รู้สึกโกรธมันตำหนิบุตรชายเล็กน้อย “เจ้ามีมารยาทมากกว่านี้ ในอนาคตเจ้าต้องเรียกลุงถังว่าท่านพ่อตา” หม่าซุนหันมากล่าวกับถังตงไห่ด้วยรอยยิ้ม “พี่ถังโปรดอย่าถือสาเด็กคนนี้ไม่รู้ความนักแต่เขาเป็นคนจิตใจดี หลังจากแต่งงานเขาจะโตขึ้นอย่างแน่นอน วันนี้ข้าเตรียมสินสอดล้ำค่ามามากมาย ล้วนเป็นการแสดงออกของบุตรชายข้าว่าให้ความสำคัญกับท่านและบุตรสาวของท่านมากเพียงใด นี่ไม่ใช่สิ่งที่เด็กชายกำพร้านั้นจะมอบให้ท่านได้ ขอท่านพิจารณาดูก่อน”
ขณะที่ถังตงไห่กำลังจะด่าออกมา ลั่วเฉินและหยางป๋อที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกก็เดินเข้ามาเสียก่อน ลั่วเฉินหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่า บุตรชายคางคกของเจ้าอยากจะชิงตัวพี่สะใภ้ของข้าอย่างนั้นหรือ พี่สะใภ้ของข้านั้นแสนจะงดงาม บุตรชายคางคกของเจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าให้นาง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้คนรอบบริเวณต่างหัวเราะออกมา หม่าเชียนใบหน้ากลายเป็นสีตับหมู หม่าซุนเกรงว่าบุตรชายจะอารมณ์ร้อนจนเสียการจึงรีบกล่าว “เจ้าหนู ข้าจะให้เจ้าดูว่าอันใดที่เรียกว่าคู่ควร ตระกูลถังมีทั้งความมั่งคั่งและชื่อเสียง การจะสู่ขอคุณหนูถังสินสอดต้องล้ำค่าคู่ควร เด็กยากจนอย่างพวกเจ้าต่อให้ทำงานหนักตลอดชีวิตก็ไม่สามารถหาสินสอดที่มีค่าเหมือนของบุตรชายข้าได้” แขกในงานบางคนเมื่อได้ฟังก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล ลั่วเฉินแสดงสีหน้าประหลาดใจ “โอ้ ไหนเจ้าลองเอาออกมาให้ทุกคนชมดูว่าของที่เจ้าเอามามีค่ามากขนาดไหน”
“งั้นเจ้าจงเปิดตาดูให้ดี ในชีวิตเจ้าอาจจะไม่เคยเห็นสิ่งมีค่ามากขนาดนี้” ชายชุดเขียวหลายคนช่วยกันนำหีบห่อบนเกวียนลงมาจัดเรียงบนพื้นก่อนจะเปิดออก ของข้างในมีทั้งสมุนไพรและอาวุธวิญญาณนานาชนิดจนผู้ชมหลายคนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงฮือฮา “สิ่งของมากมายจริงๆ เพียงแค่อาวุธวิญญาณระดับสูงก็มีนับร้อยชิ้น อีกทั้งยังมีสมุนไพรอีกมากมาย” “เจ้าจะตกใจอะไร ของแค่นี้เจ้าคิดว่าตระกูลถังจะไม่มีอย่างนั้นหรือ” “โอ้เจ้าดูหีบที่กำลังเปิด นั่นมันดาบระดับปฐพี ความแวววาวนั่นอย่างน้อยต้องเป็นระดับเสริมแกร่งสี่ส่วน”
สิ่งของทยอยออกมาจัดวาง นอกจากสมุนไพรและอาวุธวิญญาณแล้วยังมีอาวุธระดับปฐพีเสริมแกร่งสี่ส่วนและห้าส่วนรวมสิบชิ้น หม่าซุนมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า “พี่ถังท่านดูของหมั้นแล้วเป็นอย่างไรบ้าง แต่นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดยังมีสมบัติอีกสองชิ้นที่ข้าต้องใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวมากมายเพื่อที่จะได้มา สิ่งนี้แม้จะมีเงินแต่ก็ไม่อาจหามาครอบครองหากไม่มีความสัมพันธ์ที่ดี” หม่าซุนนำกล่องโลหะสองใบออกมาจากถุงมิติ กล่องโลหะเรียวยาวมีรอยสลักงดงาม เมื่อเปิดออกก็พบว่ากล่องใบแรกบุภายในด้วยกำมะหยี่สีน้ำเงินด้านในมีดาบเล่มหนึ่งวางอยู่ กล่องอีกใบบุด้วยกำมะหยี่สีแดงมีกระบี่เล่มหนึ่งวางอยู่
ความคิดเห็น