ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลั่วเฉินจ้าวศาสตรา

    ลำดับตอนที่ #34 : การประลองหาคู่

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 67


    “เจ้าว่าอย่างไรนะ พูดดังๆอีกครั้ง” หวงฟุอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเมื่อได้รับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่รับพนันรู้สึกตึงเครียดแต่ก็ยังกล่าวอีกครั้ง “มีคนแทงเดิมพันกับคนผู้หนึ่งตอนนี้เป็นจำนวน 2,500 เหรียญทองขอรับ อีกทั้งยังมีอีกคนที่ต้องการเดิมพันเพิ่มอีกสองหมื่นเหรียญทองขอรับ” หวังฟุตะโกนอย่างร้อนใจ “เจ้าเอารายงายของผู้เข้าแข่งขันคนนั้นมา” 

    หนึ่งเค่อผ่านไปหวังฟุก็มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า กลุ่มคนโง่เขลาเหล่านี้มาจากเมืองปิงนี่เรียกว่ากบในบ่อน้ำอย่างแท้จริง หวังเค่อผู้นี้ไม่มีความสามารถแม้แต่จะสามารถเป็นผู้ชนะในการประลองผู้กล้าวัยเยาว์ของเมืองปิงด้วยซ้ำ เสิ่นหนานเป็นผู้กล้าวัยเยาว์ของเมืองเป่ยหลิงถึงสองปีซ้อน พลังการฝึกฝนเวลานี้อีกเพียงครึ่งก้าวก็จะสามารถทะลวงเข้าสู่แดนปฐพีแล้ว “ฮ่าฮ่าฮ่า รับเงินเดิมพันของพวกเขาทั้งหมด” เงินเดิมพันมากกว่าสองหมื่นเหรียญทอง นี่จะเป็นผลงานระดับไหน หวงฟุไม่อาจสะกดกลั้นความยินดีนี้ได้ นี่เรียกได้ว่าก้าวเดียวขึ้นสู่สวรรค์อย่างแท้จริง

    เมื่อมีการจับสลากแบ่งกลุ่มความฝันที่ก้าวหน้าของหวงฟุคล้ายจะเป็นจริงเร็วกว่าที่คิด ในกลุ่มนี้บังเอิญมีเสิ่นหนานอยู่ในกลุ่มเดียวกับกับหวังเค่อ เมื่อเห็นรายชื่อหวงฟุก็มีความสุขมาก หากสามารถจบความฝันยุ่งเหยิงได้โดยเร็วยังจะมีสิ่งใดดีมากไปกว่านี้ แต่สิ่งที่ยากจะเชื่อก็ปรากฏตรงหน้าของหวงฟุ หวังเค่อไม่แม้แต่จะชักอาวุธออกมา เกราะอ่อนของหวังเค่อนอกจากศีรษะทุกส่วนล้วนมีการป้องกันครอบคลุมทั้งหมด  ในส่วนมือลั่วเฉินยังทำถุงมือเสริมเส้นใยให้เป็นพิเศษ

    หวังเค่อกวาดล้างผู้คนด้วยวิชาหมัด วิชาหมัดนี้มาจากวิชาขวานที่หวังเค่อเคยใช้มาก่อน ผู้เข้าแข่งขันบนเวทีบ้างกระเด็นตกจากเวทีบ้างยอมแพ้จนเหลือเพียงเสิ่นหนานกับหวังเค่อ เสิ่นหนานพยายามใช้เพลงดาบที่เป็นท่าไม้ตายเข้าโจมตีแต่หวังเค่อใช้เพียงหมัดและท่อนแขนปัดป้องเท่านั้น สุดท้ายหวังเค่อจับขาของเสิ่นหนานเอาไว้ได้ก่อนที่จะจับเสิ่นหนานฟาดใส่เวทีหลายครั้ง เมื่อรับแรกกระแทกจากพื้นเวทีเสิ่นหนานก็แน่นิ่งไปในที่สุด

    หวงฟุอ้าปากค้างใบหน้าคล้ายดั่งสีตับหมู “นี่จะเป็นไปได้อย่างไรข้อมูลที่พวกเจ้านำมามันผิดหรือไม่ เหตุใดหวังเค่อจึงร้ายกาจเช่นนี้” ยังดีที่เป็นเพียงรอบแรกเท่านั้น หากหวังเค่อชนะเลิศมันจะสูญเสียเงินของหอการค้ามากกว่าแปดหมื่นเหรียญทอง สิ่งที่รอมันอยู่จะไม่เป็นเพียงการไล่ออกเท่านั้นแต่ชีวิตน้อยๆของมันก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป “ข้าต้องทำอย่างไรหรือควรปรับอัตราต่อรองของหวังเค่อลงไปให้ต่ำที่สุด นี่ย่อมไม่อาจแก้ปัญหาได้ผู้อื่นล้วนลงเดิมพันไปแล้ว” หวงฟุพิจารณาอยู่กว่าค่อนคืน สุดท้ายมันตัดสินใจที่จะกระทำการอย่างบ้าบิ่น 

    ในรอบต่อไปยังมีคนที่หวงฟุอาจจะฝากชีวิตเอาไว้ได้ ในรอบตัดสินยังมีคนที่ร้ายกาจผู้หนึ่ง สือเสี่ยวหลงเป็นผู้ชนะเลิศเวทีผู้กล้าวัยเยาว์เมื่อสามปีก่อน เวลานั้นสือเสี่ยวหลงที่มีอายุยี่สิบปีมีพลังฝึกฝนในแดนก่อกำเนิดขั้นที่เก้าสร้างความประทับใจแก่คนทั้งเมืองด้วยพลังการต่อสู้ที่แสนดุร้าย แม้หลายคนจะบอกว่าสือเสี่ยวหลงเป็นผู้ฝึกฝนที่ใช้เพียงพละกำลัง ไม่อาจนำมาเปรียบกับเสิ่นหนานที่มีกระบวนท่าที่สง่างาม แต่หวงฟุเชื่อว่าสือเสี่ยวหลงไม่เป็นรองเสิ่นหนานแม้แต่น้อย เมื่อพิจารณาถึงหวังเค่อที่อาศัยเพียงพละกำลังหวงฟุก็มีแผนในใจ

    “เจ้าจงใช้สิ่งนี้และเป็นผู้ชนะเลิศให้จงได้ หากทำสำเร็จสิ่งนี้จะเป็นของเจ้ารวมกับเงินอีกหนึ่งพันเหรียญทอง” หวงฟุนำค้อนด้ามยาวระดับปฐพีเสริมแกร่งห้าส่วนยัดใส่มือสือเสี่ยวหลง แม้จะประหลาดใจแต่สือเสี่ยวหลงก็ไม่คิดมากนัก มันกล่าวด้วยรอยยิ้มที่น่าหวาดกลัวดั่งฆาตกรมือเปื้อนเลือด “อย่าลืมสิ่งที่เจ้าพูดไว้ ไม่งั้นแม้เจ้าจะซ่อนในหอพันสมบัติก็ไม่อาจจะหนีจากข้าไปได้” หวงฟุได้ฟังหนังศีรษะก็ชาไปชั่วขณะ

    หวงฟุไม่อาจทนกับความคิดยุ่งเหยิงในใจ มันจัดการเล่นตุกติกเพื่อให้สือเสี่ยวหลงได้เจอกับหวังเค่อทันทีในรอบต่อไป “นี่เสี่ยวเฉินเจ้ารู้สึกว่ามันแปลกหรือเปล่า ต้าเค่อชนะอย่างหมดจดขนาดนั้นเหตุใดราคาต่อรองจึงยังสูงถึงแทงหนึ่งจ่ายสอง” หยางป๋อกล่าวกับลั่วเฉินอย่างสงสัย ลั่วเฉินหัวเราะออกมาเบาๆ “ นี่ย่อมเป็นเพราะหอพันสมบัติต้องการให้ผู้คนมาทุ่มเงินเดิมพัน” หยางป๋อส่ายศีรษะ “หากเป็นเช่นนั้นจะยิ่งเป็นการนำเงินมามอบให้เราไม่ใช่หรือ” 

    ลั่วเฉินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ “หอการค้าพันสมบัติกล้าออกราคาเดิมพันล่อใจเช่นนี้ย่อมต้องมีแผนการร้ายตามหลัง คืนนี้เจ้าไปสลับห้องนอนกับต้าเค่อและอย่าลืมระวังตัวตลอดเวลา” ลั่วเฉินเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงรวมถึงเรื่องอาหารที่เขาจัดเตรียมให้หวังเค่อด้วยตนเอง เวลาเช้ามาถึงและทุกอย่างยังคงปกติลั่วเฉินค่อยคลายใจลงเล็กน้อย เมื่อเป็นแบบนี้แผนการร้ายน่าจะอยู่บนเวทีลั่วเฉินยิ้มเย็นในใจ

    ในวันนี้แม้จะไม่มีเงินเดิมพันเพิ่มจากกลุ่มของลั่วเฉิน แต่ด้วยการแสดงออกหวังเค่อที่สามารถเอาชนะเสิ่นหนานได้อย่างง่ายดาย ทำให้ทำให้มีผู้คนแห่มาเดิมพันในฝั่งหวังเค่อกันอย่างล้นหลาม “มีผู้คนวางเดิมพันเป็นจำนวนเงินเท่าใดแล้ว” หวังฟุถามกับลูกน้องคนสนิท “เรียนท่านผู้ดูแล วันนี้มีผู้คนมาวางเดิมพันฝั่งหวังเค่อมากกว่าสามหมื่นเหรียญทองขอรับ” ลูกน้องคนสนิทอึกอักก่อนจะกล่าวอีกว่า “พวกเราทำแบบนี้จะดีจริงหรือขอรับ หากมีอะไรผิดพลาดสำนักงานใหญ่ไม่มีทางปล่อยพวกเราไปนะขอรับ” หวงฟุคล้ายคนที่ขึ้นขี่หลังเสือ “หากเราไม่ทำเช่นนี้โอกาสรอดของเราก็ไม่มีเช่นกัน เจ้าลองคิดดูว่านี่อาจจะเป็นโอกาสพลิกชะตาของพวกเรา”

    ใกล้เวลาที่การประลองวันที่สองจะเริ่มต้นขึ้น เนื่องจากวันนี้จะเป็นการตัดสินผู้ชนะว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้มีความสามารถได้เป็นบุตรเขยของตระกูลถังอันมั่งคั่งและเป็นสามีของคุณหนูถังผู้งดงาม ผู้ชมจึงมีจำนวนมากกว่าเมื่อวานนี้มาก ลั่วเฉิน หยางป๋อ เซียวหลิงซีและหานอี้หนิงต่างรีบมาจับจองที่นั่งก่อนที่งานจะเริ่ม พวกเขาเลือกที่นั่งบริเวณตรงกลางใกล้กับเวที ด้านบนอัฒจันทร์ฝั่งเดียวกันกับลั่วเฉินมีคนกลุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ในพื้นที่พิเศษ คนกลุ่มนี้ก็คือเหล่าสมาชิกคนสำคัญของคาราวานการค้าทักษิณบูรพา

    ในพื้นที่ตรงกลางมีบุรุษวัยกลางคนร่างกายสูงใหญ่ แม้จะแต่งกายคล้ายคหบดีแต่กลับไม่สามารถลดความดุดันน่าเกรงขามลงไปได้มากนัก คนผู้นี้ก็คือถังตงไห่ผู้นำของคาราวานการค้าทักษิณบูรพา ด้านขวามือนั่งด้วยบุรุษที่มีลักษณะและหน้าตาคล้ายกันกับถังตงไห่เพียงแต่ดูอ่อนวัยกว่าเล็กน้อย ซึ่งคนผู้นี้ก็คือถังซีไห่รองผู้นำของคาราวานการค้าทักษิณบูรพา 

    ด้านซ้ายมือของถังตงไห่มีสตรีงดงาม นางเกล้าผมเป็นมวยตรงกลางมีปิ่นหยกปักเอาไว้ มีปอยผมประดับอยู่ด้านข้างใบหน้ารูปไข่ของนางทั้งสองด้าน คิ้วงามดุจใบหลิว ดวงตาเรียวยาวมีตาดำกลมโต จมูกของนางโด่งเป็นสัน ริมฝีปากแดงขนาดพอเหมาะเข้ากับรูปหน้าของนาง ผิวของนางเป็นสีข้าวสาลีอีกทั้งยังมีร่างกายที่ดูเข้ารูป พลังกดดันที่นางปล่อยออกมาทำให้ทราบได้ว่านางเป็นผู้ฝึกฝนที่มีฝีมือคนหนึ่ง นางก็คือผู้ที่เป็นตัวเอกของงานในวันนี้ ถังเหอซินธิดาของถังตงไห่

    “เจ้าดูสิแม่นางคนนั้นงดงามสมกับที่เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองเป่ยหลิง” เซียวหลิงซีใช้ศอกสะกิดลั่วเฉิน “ดูแล้วต้าเค่อของเราจะมีวาสนาไม่เบา” ลั่วเฉินหัวเราะเบาๆ “จากลักษณะของนางดูแล้วเป็นคนที่ซื่อตรงและกล้าหาญไม่น้อย เจ้าว่าหากหวังเค่อแต่งงานกับนางตัวมันจะยังเดินทางไปกับเราหรือเข้าร่วมกับคาราวานการค้าทักษิณบูรพา” เซียวหลิงซีถามลั่วเฉินเสียงเบา ลั่วเฉินเองก็เคยคิดเรื่องนี้แต่สุดท้ายแล้วการตัดสินใจยังคงอยู่กับหวังเค่อ “นั่นต้องแล้วแต่ต้าเค่อ ไม่ว่ามันจะตัดสินใจอย่างไรในฐานะสหายพวกเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่”

    การประลองมาถึงรอบสิบหกคน เพื่อความรวดเร็วเวทีการประลองจึงถูกแบ่งเป็นสองส่วนโดยมีการนำแถบผ้ามาผูกเป็นเขตแดน หากผู้เข้าแข่งขันหลุดจากเวทีหรือข้ามแถบผ้าไปอีกฝั่งหนึ่งจะมีผลเหมือนกันคือถูกตัดสินว่าแพ้ กรรมการเป็นชายวัยกลางคนสองคน แต่ละคนรับผิดชอบเวทีคนละส่วน เมื่อกรรมการประกาศการจับสลากประกบคู่ ผู้ชมก็ส่งเสียงฮือฮา “หวังเค่อเจอกับสือเสี่ยวหลงอย่างนั้นหรือ“ “เมื่อวานข้าไม่ได้มาดูแต่ได้ยินมาว่าทั้งสองคนนี้มีพลังกายที่แข็งแกร่งยิ่งนัก” “ถูกต้องนี่เป็นการประกบที่ถูกคู่จริงๆ” “ทั้งคู่แข็งแกร่งมาก น่าเสียดายที่จะต้องมีคนด่วนตกรอบในรอบนี้” 

    เมื่อการประกบคู่เสร็จสิ้นกรรมการก็ประกาศเรียกผู้เข้าแข่งสองคู่แรกขึ้นบนเวที ทั้งสี่คนล้วนเป็นผู้ฝึกฝนในแดนก่อกำเนิดขั้นที่เก้า เสียงโห่ร้องจากฝูงชนดังขึ้นมา ทั้งสี่คนนี้ล้วนเป็นคนจากเมืองเป่ยหลิง สองคนเป็นบุตรขุนนางที่จับสลากมาเจอกันเอง อีกหนึ่งคู่เป็นการเจอกันระหว่างทหารและองครักษ์ในเมืองเป่ยหลิง การต่อสู้ค่อนข้างสูสีบางครั้งก็มีจังหวะที่เรียกเสียงฮือฮาจากกลุ่มผู้ชม หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อในที่สุดทั้งสองคู่ก็ได้ผู้ชนะ การต่อสู้อันสูสีเรียกเสียงโห่ร้องจากผู้ชมได้เป็นจำนวนมาก

    หวังเค่อและสือเสี่ยวหลงขึ้นเวทีมาในรอบที่สอง หวังเค่อสูงเกือบสองหมี่แต่สือเสี่ยวหลงกลับยังคงสูงกว่าหวังเค่อถึงหนึ่งศีรษะ ร่ายกายของสือเสี่ยวหลงคล้ายหมีตัวใหญ่ที่พร้อมตบศัตรูให้ตายด้วยฝ่ามือเดียว “ต้าเค่อตัวเล็กไปเลยเมื่อเจอหมอนี่” หยางป๋อกล่าวกับสหาย

    เมื่อผู้ชมเห็นผู้เข้าแข่งขันคู่นี้ต่างจ้องมองกันอย่างตื่นเต้น ถังซีไห่หันไปกล่าวกับถังตงไห่ “พี่ใหญ่ท่านดู ชายหนุ่มสองคนนั้นดูแข็งแกร่งยิ่งนัก” ถังตงไห่มองไปบนเวทีก่อนจะพิจารณาชายหนุ่มทั้งคู่ “ดูหยาบกระด้างไปบ้างแต่ก็สมชายชาตรี ซินเอ๋อเจ้าคิดอย่างไร” ถังเหอซินมองคนทั้งสองด้วยสายตาเรียบเฉย “ข้ายังไม่มีความเห็นเจ้าค่ะท่านพ่อ”

    กรรมการยังไม่ทันได้ประกาศเริ่มการประลองสือเสี่ยวหลงก็ปลดปล่อยพลังปราณกดดันออกมา ขณะกรรมการกำลังจะตำหนิแต่เมื่อเห็นหวังเค่อยังคงสงบกรรมการวัยกลางคนจึงประกาศให้เริ่มการแข่งขัน สือเสียวหลงระเบิดพลังปราณในแดนปฐพีขั้นต้นออกมาด้วยท่าทางดุร้ายในทันที ก่อนที่ในมือจะปรากฏค้อนด้ามยาวที่ดูทรงพลังด้ามหนึ่ง สือเสี่ยวหลงฟาดค้อนลงไปด้วยพลังเต็มสิบส่วนหมายจะฟาดหวังเค่อให้กลายเป็นเศษเนื้อ

    หวังเค่อไม่ชักอาวุธออกมาแต่ระเบิดพลังปราณแดนปฐพีขั้นต้นออกมาเช่นกัน “หมัดทำลาย” ฉับพลันพลังปราณที่อยู่รอบตัวของหวังเค่อถูกดูดวนหมุนเป็นเกลียวไปรวมที่หมัด หมัดที่สวมถุงมือสีดำเป็นดั่งกระสุนปืนใหญ่พุ่งเข้ากระแทกค้อนที่ฟาดลงมา “ปัง” แรงปะทะสะท้อนจนเกิดกระแสลมตีกลับออกมา ค้อนในมือของสือเสี่ยวหลงกระเด็นหลุดมือปลิวไปข้างหลัง มือทั้งสองข้างที่จับค้อนปริแตกจนโลหิตสาดกระเซ็น 

    หวังเค่อไม่รอช้าปล่อยหมัดตามมาทันที หมัดนี้พุ่งเข้ากระแทกช่องท้องของสือเสี่ยวหลงโดยตรง “ปัง” สือเสี่ยวหลงคล้ายกับร่างกายจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ “อ๊าก” สือเสี่ยวหลงกรีดร้องโลหิตทะลักออกมาทั้งทางปากและจมูก ร่างกายใหญ่โตของสือเสี่ยวหลงปลิดปลิวดั่งว่าวสายป่านขาดลอยไปตกบนอัฒจันทร์ทับชายสามคนจนร้องเสียงหลง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×