ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลั่วเฉินจ้าวศาสตรา

    ลำดับตอนที่ #33 : ในความฝัน

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 67


    จนวันหนึ่งก็มีชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลาเดินทางเข้ามาในเมือง ชายหนุ่มผู้นี้เข้ามาพักอยู่ในเมืองแห่งนี้นานนับเดือนและเขามักจะแวะมาซื้อซาลาเปาที่ร้านอยู่เป็นประจำ ทุกครั้งที่มาชายหนุ่มเพียงซื้อซาลาเปาที่ต้องการเมื่อได้รับแล้วก็จะจากไป คำสนทนาก็เป็นเพียงคำพูดทั่วไปเท่านั้น เขาสงบนิ่งไม่เคยแสดงท่าทางผิดปกติแม้แต่น้อย นางเคยส่งยิ้มให้เขาหลายครั้งแต่ชายหนุ่มก็เป็นดั่งหุ่นไม้ หลายครั้งที่สบตากันแววตาของชายหนุ่มก็ไม่เคยเกิดระลอกคลื่นใด ยิ่งทำให้นางรู้สึกสนใจชายหนุ่มผู้นี้มากขึ้นทุกวัน ต้องมีสักวันที่นางจะสามารถเข้าถึงหัวใจของชายคนนี้

    แต่แล้วเมืองแห่งนี้ก็มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น กองโจรหลายร้อยคนได้บุกเข้ามาปล้นสะดม ชาวบ้านต่างถูกกวาดต้อนมารวมกัน นางไม่อยากเปิดเผยตัวตนจึงแสร้งหวาดกลัวหลบในกลุ่มคน แต่นางที่งดงามก็ถูกหัวหน้าโจรพบเจอจนได้ เถ้าแก่เนี้ยผู้มองนางเป็นบุตรสาวคนหนึ่งเข้าขัดขวางจนถูกกลุ่มโจรใช้ดาบฟันสังหาร เวลาที่ความเศร้าและความโกรธของนางกำลังจะปะทุชายหนุ่มก็ปรากฎตัว เขาต่อสู้กับกลุ่มโจรเพียงลำพังจนสามารถเข่นฆ่าสังหารกลุ่มโจรเป็นจำนวนมากรวมถึงหัวหน้าโจรก็ถูกเขาตัดศีรษะลงมา กลุ่มโจรแตกพ่ายเหลือเพียงส่วนน้อยที่สามารถหลบหนีแต่ตัวชายหนุ่มก็ได้รับบาดเจ็บหนักเช่นกัน

    ระหว่างที่ชายหนุ่มพักรักษาตัวอยู่ในบ้านของชาวบ้านคนหนึ่งนางเคยไปแอบดูเขาหลายครั้ง แต่ไม่นานหลังจากนั้นเมื่อนางไปแอบดูเขาอีกครั้งก็พบว่าตัวเขาที่ยังไม่หายดีได้จากไปแล้ว เมื่อเมืองนี้ไม่มีเถ้าแก่เนี้ยที่รักนางอีกต่อไปนางจึงออกเดินทางอีกครั้ง ครานี้นางกลับไม่ได้เดินทางเพื่อความสนุกแต่นางหวังว่านางจะมีโอกาสได้พบกับชายหนุ่มคนนั้นอีกครั้ง นางเดินทางไปตามเมืองต่างๆ คอยมองหาและคอยสืบข่าวของเขานานหลายสิบปีแต่นางก็ไม่เคยได้พบกับเขาอีกเลย นางจึงตัดสินใจกลับสู่ถ้ำบำเพ็ญของนาง

    เวลาผ่านไปราวสองร้อยปีนางอยู่ในจุดสูงสุดของสัตว์อสูร ดินแดนของสัตว์อสูรกว้างใหญ่ไพศาลและนางเป็นหนึ่งในผู้ที่ทรงพลังที่สุด สัตว์อสูรน้อยใหญ่จำนวนมากต่างก้มลงสวามิภักดิ์ต่อนาง นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการแต่นางเองก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ จนวันหนึ่งสัตว์อสูรใต้ปกครองของนางจำนวนมากถูกกลุ่มมนุษย์สังหาร เพื่อเป็นการล้างแค้นนางจึงรวบรวมไพร่พลเข้าต่อสู้กับมนุษย์กลุ่มนั้น สงครามครั้งนั้นเป็นสงครามที่ยากลำบากเนื่องจากกลุ่มมนุษย์มีพลังฝีมือสูงและยังมีกลอุบายมากมาย

    หลังจากการต่อสู้อันยาวนานสุดท้ายนางก็ตกหลุมพราง นางถูกกักในค่ายกลขนาดใหญ่ถึงสามชั้น เมื่อนางพยายามใช้พลังทั้งหมดเพื่อจะฉีกทำลายค่ายกลนางกลับได้พบเจอเขาอีกครั้ง แม้จะผ่านไปหลายร้อยปีแต่เขากลับยังคงสง่างามเช่นวันก่อน นางอยู่ในร่างแท้จริงเขาย่อมไม่อาจจดจำนางได้นางจึงรู้สึกเศร้าเล็กน้อย เขาโจมตีนางด้วยพลังที่เป็นรองนางแต่ทุกการโจมตีกลับทำให้นางยากลำบากในการรับมือ นางหลบหนีจากค่ายกลและการโจมตีของเขามาได้แต่สุดท้ายหุบเขาของนางยังคงถูกปิดล้อม 

    รูปแบบค่ายกลมากมายล้อมหุบเขาไว้ทุกทาง เมื่อไร้ทางหนีนางจึงต้องต่อสู้ แม้นางจะเป็นเทพอสูรแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับรูปแบบค่ายกลนานาชนิดสุดท้ายนางก็พ่ายแพ้ ก่อนที่นางจะตายนางได้สบตากับเขาอีกครั้ง ในครั้งนี้นางสามารถเห็นระลอกบางอย่างในสายตาของเขา นางยิ้มอย่างมีความสุขก่อนก่อนที่นางจะมองไม่เห็นสิ่งใดอีกต่อ

    “แปะ” เสียงน้ำหยดตกลงบนพื้น นางกำนัลที่กำลังก้มศีรษะเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเห็นว่าคือสิ่งใดจิตใจของนางก็สั่นสะท้าน นางคุกเข่าลงทันทีก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความตื่นตระหนก “บ่าวทำสิ่งใดให้ธิดาเทพขุ่นเคืองใจหรือไม่เพคะ ขอพระองค์ลงโทษบ่าวด้วยเพคะ” ชิวเยี่ยนยังคงไม่หันมามอง นางกล่าวเบาๆ “ข้าอยากอยู่คนเดียว ก่อนออกเดินทางเพียงให้คนส่งอาหารมาก็พอ”

    ลั่วเฉินและสหายเดินทางเป็นเวลาสองวัน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงตัวเมือง เมืองเป่ยหลิงเป็นเมืองขนาดเล็กที่มีขนาดพอกันกับเมืองปิง แต่เนื่องจากเมืองแห่งนี้มีความปลอดภัยมากกว่าจึงมีประชากรมากกว่าเมืองปิง แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าแปลกใจก็คือในตอนที่พวกเขากำลังต่อแถวเพื่อผ่านเข้าประตูเมือง มีชายหนุ่มจำนวนมากที่เป็นผู้ฝึกฝนกำลังรอต่อแถวเข้าเมืองเช่นกัน ยิ่งเมื่อเข้ามาในเมืองก็พบว่าภายในเมืองมีความคึกคักเป็นอย่างยิ่ง 

    ลั่วเฉินและสหายตั้งใจที่จะกินอาหารก่อนแล้วจึงหาที่พัก เมื่อพวกเขาเข้ามาในเหลาสุราก็มีผู้คนจับจองพื้นที่กันเกือบเต็ม หยางป๋ออดไม่ได้ที่จะถามกับบริกร “พี่ชาย งานเทศกาลคารวะผู้กล้าผ่านไปแล้วเหตุใดในเมืองจึงมีผู้คนมากมายเช่นนี้” บริกรรู้สึกแปลกใจแต่ก็ยังตอบคำถามตามตรง “คุณชาย นั่นเป็นเพราะวันพรุ่งนี้ในเมืองของเรากำลังจะมีการประลองหาคู่” หยางป๋อยังคงรู้สึกสงสัย “เป็นการหาคู่อันใดจึงสามารถรวบรวมผู้คนได้มากขนาดนี้” บริกรขยับเข้าใกล้หยางป๋อก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “นี่เป็นการประลองหาคู่ของคุณหนูสกุลถัง ในบริเวณหลายร้อยลี้รอบเมืองเป่ยหลิง ผู้ใดจะไม่ปารถนาได้เป็นบุตรเขยตระกูลถัง”

    “ตระกูลถังเป็นผู้ใด เหตุใดผู้คนมากมายจึงอยากเป็นเขยตระกูลนี้” หยางป๋อยังคงสงสัย บริกรมีท่าทีอ่อนใจ “พวกท่านคงไม่ใช่คนละแวกนี้ ข้าเล่าให้ท่านฟังทั้งหมดทีเดียวเลยก็แล้วกัน ตระกูลถังเป็นตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองเป่ยหลิง พวกเขามีขบวนคาราวานการค้าที่เรียกว่าคาราวานการค้าทักษิณบูรพา ขนส่งสินค้าตั้งแต่เมืองเป่ยหลิงทางทิศใต้ของแคว้นเซี่ยไปจนถึงเมืองท่าติดทะเลทางทิศตะวันออกของแคว้นเซี่ย คาราวานการค้านี้ทำการค้ากับเมืองต่างๆในระยะทางมากกว่าหมื่นลี้” บริกรหยุดเล็กน้อย หยางป๋อจึงหยิบเงินสิบเหรียญเงินส่งให้บริกร บริกรมีรอยยิ้มเต็มใบหน้ารีบเล่าต่อ

    “คุณหนูถังเหอซินธิดาของผู้นำคาราวานการค้าทักษิณบูรพาถังตงไห่ มีรูปโฉมงดงามขึ้นชื่อว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองเป่ยหลิง พวกท่านลองคิดดูผู้ชนะบนเวทีนี้สามารถครอบครองทั้งหญิงงามและความมั่งคั่ง ผู้ใดบ้างจะไม่ต้องการ อีกทั้งการประลองครั้งนี้จำกัดอายุถึงยี่สิบห้าปี มากกว่างานประลองผู้กล้าวัยเยาว์ถึงห้าปี ข้ายังได้ยินว่าเสิ่นหนาน ผู้กล้าวัยเยาว์สองปีซ้อนของเมืองเป่ยหลิงก็จะเข้าแข่งขันเช่นเดียวกัน”

    เมื่อบริกรจากไปหยางป๋อก็รีบกล่าวกับสหาย “เพียงพวกเราเข้าเมืองเป่ยหลิงมา คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องราวน่าสนใจถึงเพียงนี้” ลั่วเฉินหัวเราะ “ทำไมเจ้าสนใจจะเข้าร่วมการแข่งขันงั้นรึ” หยางป๋อใบหน้าบิดเบี้ยว “เสี่ยวเฉินนั่นย่อมเป็นไปไม่ได้ เจ้าอย่าได้ล้อข้าเล่นอย่างนี้” กล่าวจบก็เหลือบมองหานอี้หนิงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่านางกำลังพูดคุยอยู่กับเซียวหลิงซี หยางป๋อก็ระบายลมหายใจออกมา 

    “ข้าจะเข้าร่วมการแข่งขัน” หลายคนที่กำลังสนทนาต่างเงียบไปชั่วขณะก่อนที่จะหันมามองผู้พูด หยางป๋ออ้าปากค้าง ลั่วเฉินอดไม่ได้ที่จะถาม “หวังเค่อเจ้ามั่นใจงั้นหรือ นี่เป็นงานประลองหาคู่หากเจ้าเป็นผู้ชนะเจ้าจะต้องแต่งภรรยามาคนหนึ่ง” หวังเค่อพยักหน้า “ข้าอยากรู้ว่าผู้กล้าวัยเยาว์สองปีซ้อนแห่งเมืองเป่ยหลิงจะมีฝีมือมากน้อยเพียงใด อีกทั้งงานนี้ยังจำกัดอายุถึงยี่สิบห้าปีจะต้องมีคนมีฝีมืออีกมาก หากข้าสามารถเป็นผู้ชนะการจะตบแต่งภรรยาไม่นับเป็นอย่างใด”

    กลุ่มของลั่วเฉินเลือกที่จะพักในโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากเวทีประลองมากนัก งานประลองจัดขึ้นในจัตุรัสใจกลางเมืองค่าที่พักเช่นนี้ย่อมแพงมากกว่าเวลาปกติ แต่สำหรับลั่วเฉินที่เวลานี้มีเงินเกือบหนึ่งแสนเหรียญทองเงินจำนวนนี้เป็นเพียงน้ำหยดหนึ่งในถัง อีกทั้งในการศึกที่เมืองปิงสหายทั้งห้าต่างได้รับเงินรางวัลคนละหนึ่งพันเหรียญทอง ลั่วเฉินยังไม่ทันได้สอบถามราคาที่พักหานอี้หนิงก็จองห้องที่ดีสุดสี่ห้องเป็นเวลาสองคืนเรียบร้อยแล้ว นางให้ชายหนุ่มสามคนพักคนละห้อง ส่วนนางกับเซียวหลิงซีนอนด้วยกันในห้องที่ใหญ่ที่สุด

    วันต่อมาเมื่อส่งหวังเค่อลงทะเบียนเรียบร้อย คนที่เหลือล้วนหาที่นั่งบนอัฒจันทร์เพื่อรับชมความสนุก งานประลองแบ่งเป็นสองวัน กติกาแทบไม่แตกต่างจากงานประลองผู้กล้าวัยเยาว์ ที่ต่างกันเป็นเพราะมีผู้คนสมัครเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก วันแรกจึงคัดผู้เข้าแข่งขันถึงสิบหกคน ในงานประลองผู้กล้าวัยเยาว์ของเมืองปิงมีผู้สมัครหนึ่งร้อยหกสิบสี่คน แต่งานประลองนี้มีผู้สมัครกว่าหกร้อยคน วันแรกของการแข่งขันจะแบ่งเป็นสิบหกสนามแต่ละสนามจะมีผู้เข้าแข่งขันสามสิบเจ็ดถึงสามสิบแปดคน เวทีประลองยกสูงเพียงเล็กน้อยแต่กว้างขวางมากจนสุดขอบเวทีห่างจากอัฒจันทร์เพียงไม่กี่หมี่

    หวังเค่อถูกกำหนดให้ประลองในรอบที่สาม สหายทุกคนจึงไม่ต้องรอนานจนเกินไป ก่อนการประลองหอการค้าพันสมบัติสาขาเมืองเป่ยหลิงยังคงเปิดโต๊ะรับพนันทำให้พวกเขาทุกคนมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า อัตราต่อรองมีหลายคนที่สูสีกันแต่อันดับหนึ่งยังคงเป็นเสิ่นหนาน ผู้กล้าวัยเยาว์สองปีซ้อนในอัตราที่แทงสามจ่ายหนึ่ง ยังมีอีกหลายคนที่ราคาใกล้เคียงกันโดยส่วนใหญ่อยู่ที่อัตราแทงสองจ่ายหนึ่ง ส่วนอัตราต่อรองของหวังเค่อนั้นหอการค้าพันสมบัติยังคงมีข้อมูลพื้นฐานจากทั่วแคว้น จึงสามารถทราบได้ว่าหวังเค่อเป็นผู้เข้ารอบสี่คนสุดท้ายจากเวทีประลองผู้กล้าของเมืองปิง แต่ถึงอย่างนั้นอัตราต่อรองของหวังเค่อก็ไม่สูงนักราคาอยู่ที่หนึ่งจ่ายสี่

    เมื่อเห็นราคาต่อรอง กลุ่มสหายทั้งห้าคนแม้สีหน้าจะยังคงสงบแต่ทุกคนต่างมีรอยยิ้มในใจ พวกเขาต่างได้รับรางวัลเป็นเงินจำนวนหนึ่งเมื่อสร้างผลงานในการศึกครั้งก่อน ที่โต๊ะรับพนัน หยางป๋อ เซียวหลิงซีและหานอี้หนิงต่างเดิมพันฝั่งหวังเค่อคนละห้าร้อยเหรียญทอง หวังเค่อถึงกับเดิมพันว่าตนเองจะเป็นผู้ชนะด้วยเงินหนึ่งพันเหรียญทองซึ่งเป็นเงินรางวัลทั้งหมดที่ได้รับมาก่อนหน้านี้

    เจ้าหน้าที่รับพนันเมื่อเห็นจำนวนเงินพนันต่างก็รู้สึกประหลาดใจ เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนผู้นี้อาจจะเป็นม้ามืดในการประลองครั้งนี้ แต่เมื่อเบื้องบนเป็นคนกำหนดราคาต่อรองมาเจ้าหน้าที่เหล่านี้ยังคงรับเงินเดิมพันโดยไม่กล่าววาจาใด ขณะเดียวกันก็มีเสียงชายหนุ่มดังขึ้น “ข้าพนันว่าหวังเค่อจะเป็นผู้ชนะเลิศ สองหมื่นเหรียญทอง” ลั่วเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม เจ้าหน้าที่รับพนันอดไม่ได้ที่จะขนลุกนี่เป็นเงินจำนวนมหาศาลที่พวกมันไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต

    เมื่อเห็นตั๋วเงินจำนวนมากของลั่วเฉิน เจ้าหน้าที่รับพนันรีบลุกขึ้นยืนตัวตรงก่อนจะโค้งตัวกล่าว “คุณชายท่านนี้จำนวนเงินพนันของท่านมากเกินไป ข้าต้องขอเวลาปรึกษากับท่านผู้ดูแลสักครู่” ในอาคารสูงสามชั้นใกล้กับจัตุรัส หวงฟุผู้ดูแลหอการค้าพันสมบัติสาขาเมืองเป่ยหลิงกำลังมีความสุข โดยทั่วไปการที่จะหาเงินจากการประลองมีเพียงปีละครั้งเท่านั้น โอกาสทำเงินที่จะทำเงินเหมือนกับในเวลานี้เกิดขึ้นได้น้อยมากๆ 

    ในการประลองเวทีผู้กล้าวัยเยาว์ที่เพิ่งผ่านไป แม้ว่าผู้คนต่างคิดว่าเสิ่นหนานจะเป็นผู้ชนะแต่ด้วยราคาต่อรองที่มันกำหนด ยังคงสามารถล่อใจให้ผู้คนจำนวนมากที่โลภในเงินทองลงเดิมพันกับผู้เข้าแข่งขันหลายคน สุดท้ายมันสามารถทำเงินให้กับหอการค้าพันสมบัติได้มากเกือบห้าพันเหรียญทอง หากครั้งนี้มันยังคงทำเงินได้มากเช่นเดิมเชื่อว่าในปีนี้มันจะต้องได้เลื่อนตำแหน่งไปยังเมืองที่ใหญ่กว่านี้อย่างแน่นอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×