ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลั่วเฉินจ้าวศาสตรา

    ลำดับตอนที่ #23 : เริ่มการประมูล

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 67


    สำหรับฟงเต๋อคุนบุตรชายคนรองแม้จะมีพรสวรรค์อยู่บ้างเล็กน้อยแต่ไม่ใช่บุตรชายที่มันคาดหวัง “หากเป็นเกราะอ่อนที่ดีจะต้องประมูลมาให้ได้ เมื่อโจมตีเมืองปิงจะมีโอกาสสำเร็จเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน” ฟงเต๋อคุนกล่าวกับนายกองคนสนิท ตัวมันมีแผนจะยึดครองเมืองปิงมานานหลายปี แม้ว่ากำลังทหารเมืองเฟิงจะเข้มแข็งกว่าเมืองปิงมากแต่ในเมืองปิงยังมีชายชราที่มันรู้สึกหวั่นเกรง 

    ชายชราเป็นผู้บ่มเพาะแดนนภาอีกทั้งยังเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในอดีต ถึงแม้พลังปราณของตัวมันเองจะอยู่ในแดนปฐพีขั้นสูงสุดแต่เมื่อเทียบกับชายชราผู้นั้นฟงเต๋อคุนยังเป็นรองอยู่หลายส่วน แต่ยามนี้กลับมีบางสิ่งที่เพิ่มความมั่นใจให้กับมัน ชุดเกราะอ่อนระดับปฐพีเสริมแกร่งห้าส่วนสิ่งนี้ไม่เพียงหายากมาก ทั้งยังสามารถสวมทับกับเกราะหนักระดับปฐพีเสริมแกร่งห้าส่วนที่มันมีอยู่แล้วได้อีกด้วย

    ไม่ต้องให้ผู้คนรอนานมากนักบนเวทีก็เลื่อนชั้นวางอาวุธลักษณะต่างๆที่มีผ้าคลุมไว้เข้ามา หญิงสาวร่างอรชรผู้หนึ่งค่อยๆเยื้องย่างมายืนกลางเวที นางอายุราวยี่สิบปีสวมใส่อาภรณ์สีฟ้าเข้ารูปขับเน้นรูปร่างของนางให้ชวนเสน่หา นางมีหน้าตางดงาม ดวงตาเรียวยาวกวาดมองฝูงชนทำให้เหล่าบุรุษที่ถูกมองอดคันในหัวใจมิได้ นางคำนับให้ฝูงชนก่อนจะเอ่ยคำทักทาย “ผู้น้อยเสี่ยวหยาเป็นผู้ดำเนินการประมูลของสมาคมหลอมอาวุธเมืองเฟิงในครั้งนี้ขอคำนับผู้มีเกียรติทุกท่าน”

    เสียงนางใสกังวานดั่งนกฮวยบี้อีกทั้งกิริยายังอ่อนช้อยทำให้ผู้ฟังอดไม่ได้ที่จะชื่นชม “ข้าไม่ได้เห็นแม่นางเสี่ยวหยาเพียงหนึ่งปีนางกลับงดงามขึ้นอีกแล้ว” “แม่นางเสี่ยวหยาช่างอ่อนช้อยงดงามไม่เคยเปลี่ยน” “หากข้าได้ตบแต่งภรรยาเช่นนี้ขอเพียงนางเอ่ยวาจาให้ข้าฟังทุกวันต่อให้ชีวิตข้าจะสั้นลงสิบปีข้าก็ยอม” “หุบปาก หน้าตาอัปลักษณ์เช่นเจ้ากลับกล้าหมายปองแม่นางเสี่ยวหยา” ฝูงชนพากันส่งเสียงดังบ้างชื่นชมบ้างถกเถียง

    เวลานี้ลั่วเฉินนั่งอยู่กับเซียะซีหลงในห้องรับรองหมายเลขสิบ ลั่วเฉินอดไม่ได้ที่จะกล่าวกับเซียะซีหลง “ผู้อาวุโสเซียะ สมาคมของท่านถึงกับใช้แม่นางที่อ่อนช้อยงดงามเช่นนี้มาประมูลศาสตราวุธอย่างนั้นรึ” เซียะซีหลงเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก “เจ้าอย่าได้ถูกนางหลอก นางเป็นบุตรสาวของอาจารย์ของข้าจึงนับเป็นคนรุ่นเดียวกันกับข้า ยามปกตินางป่าเถื่อนยิ่งนัก” ลั่วเฉินได้ฟังพลันมองเซียะซีหลงอย่างไม่อยากจะเชื่อเท่าใดนัก 

    “ขอทุกท่านได้โปรดอยู่ในความสงบสักครู่ วันนี้เสี่ยวหยามีโอกาสนำสินค้าชั้นดีจากสมาคมหลอมอาวุธเมืองเฟิงของเรามานำเสนอให้กับทุกท่านขอทุกท่านอย่าได้พลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้” นางส่งเสียงใสกังวานออกมาอีกครั้งทำให้ฝูงชนที่กำลังปั่นป่วนสงบลงในทันที หญิงงามเดินไปที่แท่นวางสินค้าชิ้นแรกก่อนจะปรายตาส่งยิ้มให้กับฝูงชนขณะดึงผ้าที่คลุมขึ้น ทวนยาวด้ามไม้สีน้ำตาลพร้อมใบทวนสีเงินแวววาวพันรอบด้วยพู่สีขาวพลันปรากฏแก่สายตาของผู้คน 

    “นี่เป็นทวนระดับวิญญาณขั้นสูงเสริมแกร่งห้าส่วนที่หลอมสร้างจากแก่นสัตว์อสูรธาตุไม้ นอกจากจะสามารถใช้โจมตีได้อย่างรุนแรงยังสามารถช่วยฟื้นคืนพลังปราณที่ใช้ในยามต่อสู้ได้เล็กน้อย แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ขอทุกท่านอย่าได้สบประมาท ในยามสู้รบพลังปราณเพียงเล็กน้อยนี้อาจจะตัดสินเป็นตายแก่ท่านได้ อาวุธวิเศษนี้เหมาะกับแม่ทัพนายกองที่องอาจบนหลังม้ายามสู้ศึก ไม่เพียงสามารถสังหารศัตรูยังเพิ่มความสง่างามให้กับท่านอีกด้วย”

    ฟังถึงตอนนี้ลั่วเฉินอดไม่ได้ที่หัวเราะออกมา “สู้รบเป็นตายยังสนใจความสง่างามอันใด” เสี่ยวหยาบนเวทีคล้ายได้ยินวาจาพลางชำเลืองมองห้องรับรองหมายเลขสิบด้วยสายตาอำมหิตก่อนจะหันกลับไปมองฝูงชนอย่างยิ้มแย้ม “ทวนสำหรับผู้กล้าเล่มนี้ ราคาประมูลเริ่มต้นที่ห้าสิบเหรียญทองขอเชิญทุกท่านเริ่มประมูลได้” ทันทีที่สิ้นเสียงของเสี่ยวหยาฝูงชนก็ยกป้ายประมูลกันอย่างดุเดือด “ห้าสิบห้าเหรียญทอง” “หกสิบเหรียญทอง” “เจ็ดสิบเหรียญทอง” สุดท้ายเป็นนายกองทหารเมืองเฟิงผู้หนึ่งประมูลได้ไปในราคาหนึ่งร้อยเหรียญทอง “หอกวิญญาณเล่มหนึ่งกลับสามารถขายได้ถึงหนึ่งร้อยเหรียญทอง” ลั่วเฉินเอ่ยกับเซียะซีหลง เซียะซีหลงพยักหน้ากล่าวอย่างโอ้อวด “นั่นย่อมเป็นเพราะชื่อเสียงของสมาคมหลอมอาวุธเรา”

     เวลานี้เสี่ยวหยาดึงผ้าคลุมขึ้นอีกครั้งสินค้าชิ้นที่สองก็ปรากฏต่อสายตาผู้ชม กริชสีขาวคู่หนึ่งอวดโฉมอันงดงาม “นี่เป็นกริชคู่ระดับปฐพีเสริมแกร่งสี่ส่วนหลอมสร้างจากแกนและงาของสัตว์อสูรช้างดำ นอกจากพลังมีความแข็งแร่งและพลังโจมตีสูงแล้วยังมีความสามารถทะลุทะลวงชุดเกราะวิญญาณทั่วไปดั่งผ่าเต้าหู้อีกด้วย ด้วยความคล่องตัวรับรองได้เลยว่าหากท่านใช้กริชนี้ในการโจมตีโดยที่ศัตรูไม่ทันตั้งตัว หรือการต่อสู้ในพื้นที่จำกัดท่านจะไม่เป็นรองผู้ใดอย่างแน่นอน ขอเปิดประมูลที่หนึ่งร้อยเหรียญทอง” 

    ลั่วเฉินมองกริชคู่สีขาวบนเวทีก่อนจะกล่าวเสียงเบา “หากผู้ใช้มีวิชาลอบสังหารที่ดีจะต้องกลายเป็นมือสังหารที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง” เสี่ยวหยาคล้ายจะมีประสาทหูที่ยอดเยี่ยมนางหันมองห้องรับรองหมายเลขสิบอย่างพิจารณาอีกครั้ง ขณะนี้ฝูงชนเริ่มตะโกนขานราคา “หนึ่งร้อยเหรียญทอง” “หนึ่งร้อยสิบเหรียญทอง” “หนึ่งร้อยยี่สิบเหรียญทอง”

    ในห้องรับรองหมายเลขเจ็ดมีผู้คนหลายคนอยู่ในห้อง หากลั่วเฉินเห็นผู้คนบางคนในห้องนี้จะต้องจำได้ว่าคือ ชายชราเหล่าจิ่ว เด็กสาวและเด็กชายที่เขาเจอในเหลาสุรานั่นเอง กลุ่มคนที่ดูคล้ายยาจกกลุ่มนี้กลับมาอยู่ในห้องรับรองพิเศษของการประมูลนี้ได้ ชายชราเหล่าจิ่วกล่าวกลับเด็กสาวข้างกายว่า “เสี่ยวอี้กริชคู่นี้ดูจะเหมาะสมกับเจ้ายิ่งนัก” เด็กสาวพยักหน้ากับชายชรา “ท่านปู่จิ่วข้าต้องการกริชคู่นี้เจ้าค่ะ” ชายชราเหล่าจิ่วส่งเสียงเรียกราคาออกไปสองร้อยเหรียญทอง” ฝูงชนได้ยินการเรียกราคาที่เพิ่มขึ้นครั้งละมากขนาดนี้ก็เงียบไป 

    เสี่ยวหยาบนเวทีส่งยิ้มพลางกล่าวว่า “ท่านผู้มีเกียรติในห้องรับรองหมายเลขเจ็ดให้ราคาสองร้อยเหรียญทอง ยังมีผู้ใดจะเพิ่มราคาหรือไม่” ฝูงชนได้ยินแต่ไม่มีปฏิกิริยาใดเสี่ยวหยาจึงเริ่มนับ “สองร้อยเหรียญทองครั้งที่หนึ่ง” “สองร้อยเหรียญทองครั้งที่สอง” “สองร้อยเหรียญทองครั้งที่สาม” “ขอแสดงความยินดีกริชคู่นี้เป็นของท่านผู้มีเกียรติในห้องรับรองหมายเลขเจ็ดเจ้าค่ะ”

    หลังจากนั้นก็มีอาวุธวิเศษอีกหลายชิ้นทยอยออกประมูล เมื่อแส้ระดับปฐพีเสริมแกร่งสี่ส่วนแฝงด้วยพลังธาตุลมออกมาก็ถูกห้องรอบรองหมายเลขหนึ่งประมูลไปในราคาสามร้อยเหรียญทอง นี่แทบจะเป็นราคาที่เปิดประมูลเพราะผู้คนต่างจดจำเสียงนี้ได้ ด้วยฐานะของนางจึงไม่มีผู้คนอยากแข่งประมูลด้วยอีกทั้งอาวุธแส้ผู้คนไม่นิยมใช้กันมากนัก

    ลั่วเฉินเองก็รู้สึกคล้ายกับเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหนมาก่อน เขานึกถึงเด็กหญิงเจ้าอารมณ์คนหนึ่งที่เจอในป่าจึงเอ่ยถามเซียะซีหลง “ผู้อาวุโสเซียะ ในเมื่อมีผู้สูงศักดิ์หลายฝ่ายเข้าร่วมการประมูลเช่นนี้หากมีการทะเลาะวิวาทกันขึ้นหรือมีผู้ใดเกิดความขัดแย้งสมาคมจะทำเช่นไร” เซียะซีหลงสายตายังอยู่ที่การประมูลเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “นอกจากกองกำลังหลักทั้งห้าสมาคมของเราไม่จำเป็นต้องกลัวผู้ใด” ลั่วเฉินยังถามต่อ “คนของทางการเล่า” เซียะซีหลงเหลือบมองลั่วเฉินเล็กน้อยก่อนจะกล่าวตอบ “คนของทางการหากไม่ใช่คนที่มีอำนาจในราชวงศ์ไม่มีใครกล้าขัดแย้งกับสมาคมของเรา ทำไมเจ้ามีปัญหาขัดแย้งกับผู้ใดงั้นรึ” 

    ลั่วเฉินตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก “ข้าสั่งสอนแม่นางน้อยในห้องหมายเลขหนึ่งพร้อมกับตัดมือใครบางคน” เซียะซีหลงได้ฟังพลันเบิกตากว้าง “เจ้าคือคนที่ตัดมือบุตรชายแม่ทัพฟงทั้งยังทุบตีธิดาของเจ้าเมืองงั้นรึ” ลั่วเฉินพยักหน้า “ถูกต้อง พวกมันลงมืออย่างอำมหิตข้าเลยสั่งสอนบทเรียนไปเล็กน้อย” 

    เซียะซีหลงส่ายศีรษะ “เจ้าเป็นสมาชิกระดับสูงของสมาคมแม้แต่ขุนนางขั้นสามของทางการก็ไม่กล้าลงมือกับเจ้าอย่างโจ่งแจ้ง นับประสาอะไรกับขุนนางในเมืองเล็กๆเช่นเมืองเฟิง แต่นั่นไม่ได้หมายถึงพวกมันจะไม่กล้าลงมือในทางลับเจ้าต้องระมัดระวัง เจ้าต้องการให้ข้าหาองครักษ์มือดีให้เจ้าหรือไม่” ลั่วเฉินอายุยังน้อยก็มีความสำเร็จขนาดนี้อนาคตย่อมไร้ขีดจำกัดนี่คือบุคคลล้ำค่าสำหรับสมาคมหลอมอาวุธเซียะซีหลงไม่อยากให้มันตกตายก่อนวัยอันควร “นั่นไม่จำเป็น” ลั่วเฉินย่อมปฏิเสธ ตัวเขามีความลับมากมายที่ไม่อาจให้ผู้ใดล่วงรู้

     บนเวทีตอนนี้มาถึงช่วงท้ายของการประมูล เสี่ยวหยาเปิดผ้าคลุมก่อนจะประกาศเสียงใสว่า “สินค้าชุดนี้เป็นสินค้าชุดสุดท้ายและเป็นสินค้าที่เหมาะสมกับผู้ฝึกยุทธทุกท่าน นี่คือชุดเกราะอ่อนระดับปฐพีเสริมแกร่งห้าส่วนเชื่อว่าหลายท่านจะรู้ถึงความหายากของสิ่งนี้ดี สำหรับคุณสมบัตินั้นข้าน้อยคงไม่ต้องพูดมากขอท่านผู้มีเกียรติทุกท่านชมด้วยตาตนเอง”

     กล่าวจบมีคนสองคนเดินมาจากด้านหลังเวที ทั้งคู่เป็นองครักษ์ของสมาคมหลอมอาวุธ ชายคนแรกมีพลังแดนปฐพีขั้นต้น ชายคนที่สองมีพลังแดนปฐพีขั้นกลาง ชายคนแรกนำชุดเกราะอ่อนบนชั้นวางมาสวมใส่ ก่อนที่ชายคนที่สองจะนำดาบระดับปฐพีเสริมแกร่งห้าส่วนออกมา ท่ามกลางสายตาของผู้คนชายคนที่สองพลันปลดปล่อยกระบวนท่าสังหารโจมตีชายคนแรก ปราณดาบแหวกอากาศเสียงดังผู้ชมต่างมองด้วยความตื่นเต้น บรรดาผู้ชมต่างเป็นผู้ฝึกฝนวิชาย่อมสามารถมองเห็นถึงความอันตรายของดาบนี้ได้ ดาบกระแทกเข้ากลางหน้าอกของชายสวมเกราะอ่อนจนถอยหลังไปหลายก้าว หลังจากถอยหลังไปหลายก้าวชายสวมเกราะก็หยุดยืนอย่างมั่นคงโดยที่ไม่แสดงถึงการบาดเจ็บใด

    ฉับพลันเกิดเสียงฮือฮาในกลุ่มคน “นี่มันแข็งแกร่งมาก” “หากข้าได้ชุดเกราะนี้มาข้าไม่ต้องกลัวเจ้าเฒ่าสามอีกต่อไป” “สำนักคุ้มกันมังกรเขียวเราต้องได้สิ่งนี้” นอกจากกลุ่มคนด้านล่างในห้องรับรองพิเศษคนในห้องก็ปั่นป่วนไม่แพ้กัน ในห้องรับรองหมายเลขหนึ่งเมิ่งเตี๋ยร้องออกมาอย่างตื่นเต้น “หากข้าได้สิ่งนี้กลับไปท่านพ่อต้องชื่นชมข้าอย่างแน่นอน” ในห้องรับรองหมายเลขสองฟงเต๋อคุนลุกขึ้นยืนกำหมัดอย่างตื่นเต้น ในห้องรับรองหมายเลขเจ็ด ชายชราลุกขึ้นยืนเช่นกันก่อนจะหรี่ตากล่าว “สิ่งนี้พรรคของเราต้องได้มา” เหตุการณ์คล้ายกันเกิดขึ้นในห้องรับรองอื่น 

    เสี่ยวหยากระแอมเสียงดังเรียกสติของผู้คนก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สิ่งนี้ไม่เพียงแข็งแกร่งมากเท่านั้น ยังสามารถเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหวได้หนึ่งส่วน อีกทั้งยังให้ความอบอุ่นในฤดูหนาวและในฤดูร้อนยังช่วยให้ผู้สวมใส่เย็นสบาย เกราะอ่อนชุดนี้มีทั้งหมดห้าตัวจะทำการประมูลเป็นชุด ราคาเริ่มต้นที่ 1,500 เหรียญทอง ขอทุกท่านเริ่มประมูลได้” หลายคนได้ฟังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง หากประมูลเป็นตัวอาจจะยังพอเป็นไปได้แต่เมื่อประมูลเป็นชุดห้าตัวเงินในกระเป๋ากลับไม่เพียงพอที่จะเข้าร่วม

    แต่นี่กลับทำให้กลุ่มคนของเมืองต่างๆกับค่ายพรรคสำนักล้วนกระตือรือร้นกว่าเดิม หากได้สิ่งนี้มาทั้งห้าชุดย่อมสามารถยกระดับกลุ่มของตนเองได้อย่างมาก แต่หากไม่ได้มาแล้วกลุ่มที่ได้ไปเป็นกลุ่มที่เป็นอริกันก็อาจเกิดหายนะขึ้นมาได้ เมื่อได้รับสัญญาณเริ่มการประมูลก็มีหลายคนเริ่มเรียกราคา “1,600 เหรียญทอง” “1,700 เหรียญทอง” “1,800 เหรียญทอง” “2,000เหรียญทอง” พลันมีเสียงมาจากห้องรับรองหมายเลขหนึ่ง  “2,500 เหรียญทอง” การเรียกราคาเพิ่มทีเดียวห้าร้อยเหรียญทองทำให้หลายคนหยุดชะงักนี่คือธิดาของเจ้าเมืองหมายความว่าจวนเจ้าเมืองเองก็ปารถนาสิ่งนี้

    แม้ว่าหลายคนจะเกรงใจจวนเจ้าเมืองเฟิง แต่ก็ยังมีหลายคนที่ไม่สนใจเช่นกัน “3,000 เหรียญทอง” เสียงตะโกนดังมาจากห้องรับรองหมายเลขสาม นี่คือห้องของขุนนางทางการจากเมืองเอี้ยน เสียงชราดังมาจากห้องรับรองหมายเลขเจ็ด “3,500 เหรียญทอง” “5,000 เหรียญทอง”เสียงมาจากห้องรับรองหมายเลขสอง  ทั้งยังมีคำกล่าวดังตามมาอีกว่า “เตี๋ยเอ๋อ ชุดนี้ให้ลุงประมูลแล้วแบ่งให้บิดาเจ้ากับเจ้าคนละตัวดีหรือไม่” 

    เมิ่งเตี๋ยได้ฟังขณะกำลังจะเรียกราคาก็หยุดลง “ท่านลุงฟงอยู่ที่นี่ หลานย่อมให้เกียรติท่านลุงแน่นอนเจ้าค่ะ” นางตอบกลับไปอย่างอ่อนหวาน ลั่วเฉินได้ฟังพลันหางตากระตุกกล่าวกับเซียะซีเฟิง “สตรีดุร้ายนี่กลับสามารถกล่าววาจาอ่อนหวานเช่นนี้ออกมาได้” เซียะซีเฟิงหัวเราะเล็กน้อย “นี่เพราะว่าแม่ทัพฟงเต๋อคุนเป็นพ่อสามีในอนาคตของนาง นางหมั้นหมายกับบุตรชายคนโตของแม่ทัพฟงมานานแล้ว คู่หมั้นของนางได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองเฟิงปีนี้อายุเพียงยี่สิบเอ็ดปีก็ฝึกฝนมาถึงแดนปฐพีขั้นปลาย” ลั่วเฉินได้ฟังก็หัวเราะพลางคิดในใจ “ยังมีบุรุษที่กล้าตบแต่งกับสตรีเช่นนี้” 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×