ตอนที่ 2 : เป่ยอ๋อง
รถม้าประจำวังชิวเทียนกง เคลื่อนตัวออกไปโดยจุดหมายคือโรงน้ำชาอันเลื่องชื่อที่ฉีหนานเป็นเจ้าของกิจการ นางมองไปนอกหน้าต่างของรถม้า เห็นผู้คนขวักไขว่และไม่ตกใจเมื่อเห็นรถม้าของเชื้อพระวงศ์เลยแม้แต่น้อย
"ท่านพี่มาที่นี่บ่อยหรือเจ้าคะ ผู้คนถึงได้คุ้นชินกับการเห็นรถม้าของเชื้อพระวงศ์" เขาพยักหน้าเพียงเล็กน้อย
"เจ้าใคร่รู้เสียทุกเรื่องจริงๆ ฉีเมิ่งของพี่สดใสขึ้นมากเห็นแบบนี้พี่ก็สบายใจแล้ว"
เมื่อไปถึงโรงน้ำชาท่านพี่ฉีหนานก็พานางขึ้นไปชั้นบนสุด ด้านบนนี้สดชื่นอากาศดีและเหมาะกับการดูการแสดงยิ่งนัก ท่านพี่ฉีหนานจัดการกั้นพื้นที่ส่วนตัวให้นางชมการแสดง ส่วนเขานั่งรอแขกคนสำคัญอยู่อีกด้านของโรงน้ำชา แต่พอที่นางและท่านพี่จะมองเห็นกันและกันได้
"ฉีเมิ่ง"
"เจ้าคะท่านพี่"
"ถ้าที่ยังไม่มาหาเจ้าที่นี่เจ้าห้ามออกไปที่ใดเด็ดขาด เข้าใจรึไม่"
"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านไปทำงานสำคัญเถอะเจ้าค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าดูแลตนเองได้"นางส่งยิ้มหวานเป็นกำลังใจให้ท่านพี่ฉีหนาน
"พี่ให้เฉียวโม่คอยดูแลเจ้า หากเกิดเรื่องอะไรเฉียวโม่จะอารักขาเจ้าเอง"เขาก็ยังไม่วายเป็นห่วงนาง แบบนี้จะมีจิตใจทำงานสำคัญหรือ
"ท่านพี่อย่ากังวลไปเลย ข้าสัญญาว่าจะรออยู่ตรงนี้หากเกิดเรื่องข้าจะให้ฉีโม่นำทางไปพบท่านพี่เองเจ้าค่ะ" เมื่อท่านพี่วางใจได้จึงเดินออกไป แม้นางรู้ว่าในใจของเขายังกังวลอยู่บ้างก็เถอะ
นางนั่งชมการแสดงอย่างเพลิดเพลิน อาจเป็นเพราะนี่เป็นการแสดงแรกที่นางชมหลังจากสูญเสียความทรงจำไปจึงคิดว่าการแสดงชุดนี้เป็นเรื่องสนุก จนกระทั่งแขกคนสำคัญของท่านพี่มาถึง นางที่ได้แต่มองดูอยู่ไกลๆยังสัมผัสได้ถึงอำนาจบารมีที่แผ่ออกมาจากบุรุษที่เข้าไปนั่งสนทนากับท่านพี่
"คนในราชวงศ์อีกแล้วหรือ"
"พะยะค่ะ เมื่อครู่องค์หญิงรับสั่งอะไรนะพะยะค่ะ"เฉียวโม่เอ่ยขึ้น
"ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็พูดไปเรื่อยนั่นแหละ" นางเคยพบบุรุษผู้นั้นที่ใดถึงได้รู็สึกคุ้นเคยและหวาดกลัวเขาขนาดนั้น
ทางด้านฉีหนาน บุรุษที่เดินเข้ามาใหม่นั้นคือสหายสนิทของเขา เป่ยอ๋องแห่งแคว้นจิน จินมู่หลาง บุรุษที่พร้อมด้วยอำนาจบารมี เป็นสหายกันในทุกๆด้านแต่เป็นอดีตศัตรูหัวใจ ใช่...อดีตมันเป็นอดีตไปแล้ว เพราะนางที่กุมหัวใจของท่านอ๋องทั้งสอง ได้จากโลกนี้ไปแล้ว
"ฉีหนาน...."
".........." ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาจากเจ้าของชื่อ
"ฉีหนาน!!!!" ฉีหนานสะดุ้งด้วยความตกใจ
"เจ้ามาเจ้าก็นั่งสิ จะตะโกนทำไม"
"อะไรที่ทำให้ชิงหลงอ๋องจิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอยได้กัน"แววตาคมกวาดสายตาไปที่จุดสนใจของฉีหนาน ปรากฏว่าเป็นสตรีนางหนึ่งที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าไว้ ความงดงามของนางแม้แต่หน้ากากทองนั้นก็ยังไม่อาจปิดบังได้เหมือนกับสตรีนางหนึ่งที่เขาเคยรู้จัก
"ป..เป็นนาง นางยังไม่ตาย ฉีหนานนั่นนางใช่หรือไม่ "เขารู้สึกมีความหวัง...ความหวังที่เขาคิดว่าเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน
"ไม่ใช่...ไม่ใช่นาง สตรีที่นั่งอยู่ตรงนั้นคือฉีเมิ่งน้องสาวของข้า"เขาเองก็อยากให้ฉีเมิ่งเป็นนางแต่ความจริงก็คือความจริง
"น้องสาวเจ้า...ฉีเมิ่ง? นางไปรักษาอาการป่วยอยู่ไม่ใช่รึ"ครั้งสุดท้ายที่มู่หลางพบฉีเมิ่งคือเมื่อสิบปีที่แล้ว
"นางหายดีแล้ว ข้าเป็นผู้ไปรับนางกลับมาด้วยตนเอง"
"ข้าจะไปดูให้ชัดว่าไม่ใช่นางจริงๆ ข้าถึงจะเชื่อ"
"มู่หลาง!!! เลิกเหลวไหลได้แล้ว ในเมื่อนางตายไปแล้วเจ้าควรปล่อยวาง ข้าจะไม่มีวันให้เจ้าได้เข้าใกล้ฉีเมิ่งเพียงเพราะเจ้าเห็นน้องสาวของข้าเป็นตัวแทนของนางเด็ดขาด!" เขาควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ นางตายเพราะอะไรทั้งสองต่างทราบดีเขาจะไม่มีวันให้ฉีเมิ่งตายเช่นนาง
"เข้าเรื่องเถอะ ข้ารอเจ้านานเกินไปแล้วข้าเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้วด้วย"
"อืม....ช่วงนี้ความสัมพันธ์ของเทียนเซี่ยกับจินไม่ค่อยราบรื่น หลังจากที่ท่านน้าข้าที่ถูกส่งไปเชื่อมสัมพันธ์กับเทียนเซี่ยเสียชีวิตในด้วยโรคประหลาดในเขตแดนแคว้นเทียนเซี่ย"
"เจ้าคิดว่าท่านน้าเจ้าถูกสังหารด้วยบางสิ่งแล้วจัดฉากให้เหมือนล้มป่วย"
"ปิดเจ้าไม่ได้จริงๆ ข้าเพียงตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นเทียนเซี่ยที่สังหารท่านน้า"
"เทียนเซี่ยจะได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้ ท่านน้าเจ้าเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ ย่อมต้องมีคนได้ผลประโยชน์จากการตายของนาง เจ้าลองคิดดีๆผู้ใดที่กล้าสังหารเชื้อพระวงศ์ใกล้ชิด"
"ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน"ทั้งสองสบตากันอีกครั้งก่อนจะยกยิ้มอย่างชั่วร้าย
"รีบๆเข้ามาเถอะ ข้าเริ่มเหนียวตัวแล้ว"คำกล่าวลอยๆของฉีหนานนั้นเป็นความจริง มีนักฆ่าชุดดำโผล่ออกมานับสิบคน
"เจ้าปล่อยแมลงพวกนี้ไว้กวนใจทำไมกัน"
"ไม่มีสงครามเสียนาน เกรงว่าเส้นสายเจ้าจะยึดเสียหมด มีของดีก็ต้องแบ่งปันจริงหรือไม่"รังสีอำมหิตของทั้งสองแผ่ซ่านไปทั่วห้องรับรองแขก
ผู้หนึ่งคือแม่ทัพมากความสามารถ อีกหนึ่งคืออ๋องเสเพลผู้มีดีกว่าหน้าตา ผู้ใดจะรู้ว่าภายใต้ความงามดุจเทพบุตรล้วนแฝงไปด้วยพิษและความร้ายกาจที่ไม่อาจคาดเดาได้
นักฆ่าที่มาก็ย่อมไม่ธรรมดาต้องเป็นนักฆ่าที่ถูกฝึกอย่างดีเพื่อการนี้โดยเฉพาะ หากทั้งสองไม่สิ้นใจพวกมันก็จะกัดไม่ปล่อยโดยง่าย ทั้งสองต่างถือกระบี่อย่างมั่นคง ไม่มีสีหน้าวาดกลัวใดๆ คมกระบี่ของพวกเขาทั้งสองต่างฟาดฟันนักฆ่าจนโลหิตสีแดงฉานเปรอะเปื้อนไปทั่วห้อง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วห้องนี้ เพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อ ทั้งสองก็สามารถจัดการนักฆ่าพวกนี้ได้หมด แต่พวกเขาเองก็บาดเจ็บไม่น้อย
"กลับชิวเทียนกงไปรักษาบาดแผลก่อนแล้วเจ้าค่อยเดินทางกลับก็ยังไม่สาย"
"เช่นนั้นก็ได้ ใบหน้าของข้าต้องมีแผลเพราะพวกมัน รอให้ข้าหาหลักฐานมัดตัวพวกมันได้เมื่อไหร่ ข้าจะถลกหนังพวกมันออกมา เจ้าเองก็บาดเจ็บที่แขนรีบรักษาเถอะ" ไม่นานนักเมื่อฉีเมิ่งรู้เรื่องก็รีบให้เฉียวโม่นำทางมาพบเขาทันที
"ท่านพี่ ท่านบาดเจ็บนี่"นางถลาเข้ามาหาฉีหนานทันที
"พี่ไม่เป็นอะไรหรอก เจ้าไม่ต้องกังวลไป"
"ฉีเมิ่ง..."นางได้ยินเสียงเรียกจากใครบางคนที่คุ้นมาก
"ท่านเรียกข้าหรอเจ้าคะ"นางหันมาถามบุรุษข้างๆท่านพี่ของนาง
"นี่เป่ยอ๋อง จินมู่หลางแห่งแคว้นจิน"
"ฉีเมิ่งคารวะหวางเย่เพคะ"นางกำลังจะย่อกายคารวะ
"ตามสบาย เจ้าก็เหมือนน้องสาวของข้า"ฝ่ามือหนาเอื้อมไปแตะมือเล็กที่กำลังประสานอยู่ด้านหน้า
ทันทีที่สัมผัสกัน ร่างกายของนางก็อ่อนยวบลงไปกองกับพื้น ร่างบางน้ำตาไหลร่างกายสั่นเทาโดยไม่ทราบสาเหตุ นางรู้สึกอึดอัดและใจไม่ออกราวกับจะตายเอาเสียตรงนั้น ใจของนางเต้นที่มาพร้อมกับการเห็นภาพหลอนที่ตัวนางเองร้องไห้แทบจะขาดใจ นางฟังเสียงร้องไห้คร่ำครวญนั่นไม่ไหวอีกแล้ว ไม่ไหวแล้วจริงๆ...... พอเถอะ หยุดร้องได้แล้ว
"!!!!"นางสะดุ้งตื่นด้วยความทรมาน
"ฉีเมิ่ง...เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง พี่เป็นห่วงเจ้ามากนะ"ฉีหนานโผกอดนางด้วยความโล่งใจ
"ท่านพี่ ข้าฝันร้ายอีกแล้ว ข้า...ข้ากลัว กลัวว่ามันจะเป็นเรื่องจริง"
"เด็กดีไม่ต้องกลัวไปนะ พี่อยู่นี่อยู่ข้างๆเจ้าเสมอ มีพี่อยู่เจ้าไม่ต้องกลัวสิ่งใด ตอนที่เจ้าสลบไปรู้รึไม่ว่าพี่ตกใจมากเท่าใด"ท่านพี่ฉีหนานลูบเรือนผมของนาง
"ข้าไม่อยากเป็นเช่นนั้นเลยท่านพี่ ต..แต่ข้าควบคุมร่างกายไม่ได้เลย" นางเหลือบไปเห็นบาดแผลของฉีหนานที่ถูกพันไว้อย่างลวก
"ท่านพี่ให้ท่านหมอมาดูบาดแผลรึยังเจ้าคะ หากมีพิษ...."
"พี่ให้ท่านหมอดูแล้ว ไม่เป็นอะไรมากแค่ต้องพักผ่อนอีกซักพัก แต่เจ้ายังไม่ฟื้นพี่ไม่อาจไปพักผ่อนได้หรอกนะ"นางรู้สึกผิดที่เป็นสาเหตุให้ฉีหนานไม่ได้ไปพักผ่อนเพราะต้องคอยดูแลนาง
"เป็นเจ้าจริงๆ"จินมู่หลางเอ่ยขึ้น เมื่อพบใบหน้าของฉีเมิ่งที่ไร้หน้ากากทองปิดบัง
"ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ จงเก็บความคิดของเจ้าไปซะ"ท่านพี่ฉีหนานเอ่ยขึ้นด้วยเสียงต่ำ นางไม่เคยเห็นท่านพี่เป็นเช่นนี้เลย
"ขออภัยด้วยเพคะ แต่ข้าหาใช่สตรีที่หวางเย่เอ่ยถึง ข้าคือเหรินฉีเมิ่ง"นางไม่สนใจเขาอีก แล้วหันมาดูแผลให้ฉีหนานต่อ
แววตาที่มั่นใจนั่นไม่ใช่นาง...สตรีของเขาไม่ใช่คนเข้มแข็งนางต้องคอยให้เขาปกป้องสิ ฉีเมิ่งไม่ใช่นาง ฉีเมิ่งเป็นน้องสาวของฉีหนานสหายของเขา
"เจ้าไม่ควรเข้ามาในนี้"ท่านพี่ฉีหนานเอ่ยในขณะที่เขากำลังจะก้าวเท้าเข้ามาใกล้ๆ
"ข้าแค่มาดูอาการฉีเมิ่งก็เท่านั้นเอง อยู่ๆก็สลบไปหากสิ้นใจคงไม่พ้นข้าที่เจ้าจะหมายหัวไว้"
"ฉีเมิ่งอาการดีขึ้นมากแล้ว เจ้าก็ควรกลับไปแคว้นจินได้แล้ว"ท่านพี่ฉายแววหวงในตัวนางเป็นอย่างมากถึงกับรีบไล่สหายสนิทกลับไป
"ให้ฉีเมิ่งไล่ข้าสิ ข้าถึงจะไป"
"นี่เจ้า!!"ฉีหนานโกรธมากจนจะพุ่งหมัดใส่เขาแต่ฉีเมิ่งห้ามไว้ได้ทัน
"ให้ข้าไล่แขกดูจะไม่เหมาะสมนะเพคะ เอาเป็นว่าข้าเชิญหวางเย่เสด็จกลับได้รึไม่เพคะ"
"ได้สิ แล้วแต่ใจเจ้าเพียงแค่เจ้าเอ่ยปากข้าก็จะไป"นางไม่ได้อยากไล่เขาจริงๆหรอก แต่นางแค่ไม่อยากพบเจอไม่อยากเห็นหน้าชายผู้นี้จนบอกไม่ถูก
"เช่นนั้นฉีเมิ่งขอให้ท่านอ๋องเสด็จกลับเถอะเพคะ เพียงแค่ท่านย่างกรายเข้ามาในตำหนักชุนเฟินโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ผิดธรรมเนียมแล้วเพคะ อย่าให้ฉีเมิ่งต้องขายไม่ออกเลยเพคะ ฉีเมิ่งยังไม่อยากออกเรือนให้กับหวางเย่ที่ยังลืมอดีตคนรักมิได้"
น..นางไม่อยากออกเรือนไปกับเขาเพียงเพราะเขาเห็นนางเป็นตัวแทนของอดีตคนรัก นางไม่ได้ไล่เขาด้วยคำพูดที่รุนแรงแต่ช่างแทงใจเขาเหลือเกิน หากวันนั้นเขาไม่ทำกับนางเช่นนั้นวันนี้นางก็คงไม่จากเขาไปตลอดกาล
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
