คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : chapter 4 : Let's me to know you more (100%)
Chapter 4 : Let's me to know you more
\
“งืมๆๆๆ”
เปลือกตาบางขยับเล็กน้อยเพราะถูกแสงจากหน้าต่างกระทบเข้ามา ดวงตาเรียวค่อยๆลืมขึ้นก่อนจะปิดลงอีกครั้งเพราะสู้แสงจ้าไม่ไหว
ที่นี่ที่ไหน?
คำถามแรกผุดขึ้นมาในหัวหลังจากที่ลืมตาขึ้นมาสายตาเรียวมองไปรอบๆห้องที่ไม่ค่อยคุ้นตา ก่อนที่สมองจะเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆได้ ใช่แล้ว เขามาอยู่ห้องน้องรหัส
แบคฮยอนดันตัวขึ้นจากโต๊ะก่อนที่เสื้อแจ็คเก็ตสีดำจะหล่นออกจากไหล่ของเขาไปกองอยู่ที่พื้น มือเล็กหยิบแจ็คเก็ตสีดำขึ้นมาแล้วกวาดตามองรอบห้องเพื่อมองหาเจ้าของของมัน แต่ไม่พบอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่า คนตัวเล็กขยี้ตาเพื่อให้สร่างจากความง่วงก่อนจะเหลือบไปเห็นกระดาษโพสอิทที่แปะเอาไว้ที่โน๊ตบุ๊คพร้อมกับข้อความในนั้น
‘ผมออกไปเรียนแล้วนะ ถ้าพี่ตื่นมาแล้วหิวมีแซนวิชกับนมอยู่บนโต๊ะ เอานมไปอุ่นได้ กินเสร็จก็ล้างจานให้ผมด้วย อาบน้ำได้แต่ซักผ้าขนหนูไว้ให้ผมด้วย ตากด้วยนะครับ แล้วก็ถ้าจะออกไปก็ล็อคห้องด้วย ถ้าของในห้องผมหายผมจะโทษพี่คนเดียว’
“เหอะ” พออ่านมาถึงตรงนี้คนตัวเล็กก็เค้นหัวเราะออกมา เขาถ่างตาทำงานให้ทั้งคืนเพื่อตื่นมาอ่านข้อความพวกนี้เหรอ?
‘อ้อ แล้วก็…ขอบคุณสำหรับงานนะครับ’
“เด็กบ้า” แบคฮยอนพึมพำเบาๆหลังจากที่อ่านข้อความในโน้ตจบ ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับประโยคสุดท้ายที่เหมือนจะดีแต่ข้อความก่อนหน้าแย่มาก เหมือนโดนตบหัวแล้วลูบหลัง ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้แบคฮยอนกำลังยิ้มอยู่ ตอนนี้เขาได้เห็นน้องรหัสของเขาในอีกหลายๆมุม ไม่ใช่แค่ทำหน้าเบื่อโลกไปวันๆ
ขาเรียวย้ายตัวเองไปยังโต๊ะกินข้าว เปิดจานที่ปิดอยู่ออกก่อนจะพบแซนวิชกับนมหนึ่งแก้ว แซนวิชนี้เหมือนไม่ได้ซื้อสำเร็จรูปด้วย แต่เหมือนคนตัวสูงเป็นคนทำมันเอง ถึงหน้าตาจะไม่ได้สวยมาก แต่ก็น่ากินไม่น้อยเลย แบคฮยอนหยิบมันขึ้นมาก่อนจะกัดไปหนึ่งคำพลางนึกถึงใบหน้านิ่งๆของอีกคนตอนประกบแซนวิชด้วยความตั้งใจ แทบจะนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆว่ามันเป็นยังไง
(ขอโทษจริงๆนะเว้ย เมื่อวานมันกะทันหันมากอ่ะ)
“น่าเห็นใจก็จริงแต่มึงก็ต้องสำนึกด้วยนะว่ามึงผิด”
(กูรู้ว่าทำให้พวกมึงวุ่นวายกันไปหมด ก็ขอโทษแล้วนี่ไง เดี๋ยวงานหน้ากูรับผิดชอบทำงานทั้งหมดเอง)
“เออไม่ต้องอ่ะ แค่นี้มึงยังเอาตัวเองไม่รอดเลย ขืนมอบหมายงานทั้งหมดไว้กับมึง มีหวังได้พังพินาศกันพอดี”
(เกินไป…)
“แล้วแม่มึงเป็นไงบ้าง?”
(ดีขึ้นแล้ว กูว่าจะอยู่ดูอาการแม่อีกซักสองสามวันแล้วจะกลับไปอ่ะ)
“เออๆ ขอให้แม่หายไวๆนะ”
“เออ ขอบใจเว้ย แค่นี้ก่อนนะ กูไปดูแม่ก่อน” จงอินวางสายโทรศัพท์แฝดผิวขาว หลังจากการพรีเซนผ่านไปได้ด้วยดีโดยไม่มีแทมิน ในส่วนการพรีเซนของแทมิน เซฮุนก็เป็นคนพูดแทนทั้งหมด ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังนั่งพักอยู่ที่ม้าหินใต้คณะหลังจากเรียนคาบเช้าเสร็จ จงอินเลยโทรหาแทมินเพื่อถามไถ่ตัวมันกับอาการแม่ด้วย
“มันว่าไงบ้าง?” เซฮุนหันไปถามจงอิน
“จะดูอาการแม่สองสามวันค่อยกลับอ่ะ”
“อืม” เซฮุนตอบรับ ก่อนที่จงอินจะสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเพื่อนตัวเอง
“มึงเป็นอะไรวะ ดูเหม่อๆ” จงอินถามเพราะเห็นว่าคนตัวสูงนั่งเงียบๆเหมือนคิดอะไรมานาน
“เปล๊า”
“เสียงสูงเชียวนะมึง”
ถึงจะตอบไปแบบนั้น แต่เซฮุนก็ปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่ากำลังนึกถึงคนที่นอนอยู่ที่ห้องตัวเอง ป่านนี้จะตื่นหรือยัง แล้วตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่
ที่นึกถึงเพราะเป็นห่วงที่ห้องหรอกนะ กลัวว่าจะทำอะไรป่วนๆอีก...
“สวัสดีจ้าาา เจ๊ชื่อซูซี่นะจ๊ะ น้องสุดหล่อสนใจจะลงประกวดเดือนคณะมั้ยเอ่ย” เสียงแป๋นแหลนของสาวประเภทสองคนหนึ่งดังขึ้น เจ้าหล่อนตั้งใจเดินตรงเข้ามาจู่โจ่มเด็กหนุ่มทั้งสองแบบประชิดตัว ทั้งเซฮุนและจงอินตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองหน้ากัน
“เจ๊หมายถึงผมหรือเขาอ่ะ” จงอินถามรุ่นพี่ด้วยท่าทางงงๆ
“หมายถึงทั้งสองคนแหละจ้า สนใจมั้ยล่ะ? ถ้าชนะ เจ๊จะให้รางวัลอย่างดีเลย” เจ๊ซูซี่เดินเข้ามาเกาะไหล่เด็กหนุ่มทั้งสองคน ก่อนจะใช้มือลูบๆที่แผงอกของทั้งคู่
“อ๋อ ไม่ล่ะครับ ผมขอตัวนะครับ”
“เอ้า จะรีบไปไหนล่ะ กลับมานี่ก่อน โอ้ยยย” เซฮุนรีบคว้าจงอินวิ่งออกมาจากตรงนั้น หนีมาไกลพอสมควรก่อนจะมานั่งพักเหนื่อยตรงใต้ต้นไม้ใหญ่อีกฝั่งหนึ่งของคณะ
“โอ้ย เหนื่อยเว้ย วิ่งช้าๆหน่อยก็ได้” จงอินพูดพลางหอบหายใจหนัก หลังจากที่วิ่งหนีออกมาด้วยความเร็วระดับสี่จี
“ไม่ได้หรอก ขืนยังอยู่ตรงนั้นถูกคะยันคะยอแน่ๆอ่ะ”
“แล้วมึงไม่สนใจเหรอวะ? เดือนคณะเลยนะเว้ย”
“มึงก็ไปเองสิ กูไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก”
“เหอะ ไม่เอาหรอก เดี๋ยวโดนเจ๊จับกิน” เด็กหนุ่มผิวเข้มไหวไหล่เมื่อนึกถึงเจ๊คนเมื่อกี้ที่จู่โจมแบบถึงเนื้อถึงตัว ถ้าเจ๊แกมาแบบดีๆ พวกเขาอาจจะไม่ตกใจขนาดนี้ก็ได้
‘ขอต้อนรับนักศึกษาทุกคนเข้าสู่งานเปิดโลกชมรมนะครับ ใครสนใจชมรมไหนก็สมัครเข้าเป็นสมาชิกได้เลยนะครับ รับประกันความสนุกทุกชมรมเลยครับ’
เสียงตามสายของมหาวิทยาลัยดังขึ้น ในวันนี้เป็นวันเปิดโลกชมรม นักศึกษาปีหนึ่งหลายๆคนก็ให้ความสนใจกับงานนี้ รวมถึงเด็กหนุ่มทั้งสองคน เอาจริงๆแล้วเซฮุนก็ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น เพียงแต่มาเป็นเพื่อนจงอิน เพราะไอ้ดำมันตื๊อไม่เลิก
“มึงสนใจชมรมไหนเป็นพิเศษป่ะ?” จงอินหันมาถามเซฮุนที่เดินอยู่ข้างๆ
“ไม่อ่ะ ตามใจมึง กูมาเป็นเพื่อนเฉยๆ”
“ตามใจกูแน่นะ?”
“อืม”
“กูอยากเข้าชมรมฟุตบอล มึงโอเคป่ะ?”
“กูโอเค”
“ดี งั้นไปกันเถอะ” จงอินลากเซฮุนมุ่งหน้าไปยังสนามฟุตบอล คนตัวสูงก็แค่เดินตามไป เพื่อนไปที่ไหนเขาก็ไปด้วย
“ไงมึง ได้ข่าวว่าเมื่อคืนทำน้องเกือบตาย” จงแดเดินเข้ามาทักพร้อมตบบ่าคนตัวเล็ก
“เรื่องตลกเหรอ?” แบคฮยอนหันมองจงแดตาขวาง เขารู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ ยังจะมาตอกย้ำกันอีก
“ขอโทษ ล้อเล่นเอง” จงแดยอมขอโทษเพราะเห็นว่าแบคฮยอนดูจริงจังมากกว่าทุกที
“พูดมากนะมึงอ่ะ กลับไปชมรมมึงไปหาพี่มินซอกอะไรนั้นไป๊” คยองซูเขกกะโหลกจงแดไปหนึ่งทีโทษฐานพูดจาไม่คิด ก่อนจะไล่ให้กลับชมรมตัวเอง มาเผือกชมรมคนอื่นยังพูดจาไม่ดีอีก
“ไม่เป็นไรนะมึง ไอ้จงแดมันก็เป็นอย่างนี้ พูดไม่คิด”
“อืออ”
“ไปช่วยเพื่อนที่โต๊ะสมัครกันเถอะ น้องเริ่มทยอยมาล่ะ” คยองซูดันไหล่แบคฮยอนแล้วกอดคอเดินไป
พอเดินออกไปที่หน้าสนามสายตาเรียวก็เหลือบไปเห็นชานยอลที่กำลังยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมการและเตรียมอุปกรณ์ต่างๆสำหรับการเปิดชมรมในวันนี้ แบคฮยอนจึงเดินตรงเข้าไปหาชานยอล
“พี่ชานยอลมีอะไรให้แบคช่วยมั้ย?” แบคฮยอนถามขึ้น เพื่อว่าเขาจะช่วยอะไรได้บ้าง
“ช่วยเป็นกำลังใจให้พี่ก็พอครับ” เอาอีกแล้ว หน้าแดงอีกแล้ว แบคฮยอนปั้นหน้านิ่งทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร ก่อนหันหน้าหนีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นหน้าแดงของเขา
ชานยอลยิ้มกว้างเมื่อเห็นอีกคนทำท่าทางตลกๆ เขารู้ว่าแบคฮยอนกำลังกลบเกลื้อนความเขิน เขารู้ว่าแก้มกลมๆที่ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อนั่นเกิดขึ้นเพราะเขา ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชัดเจน สิ่งที่เขาทำและคำพูดของเขามันชัดเจนมากพออยู่แล้วที่จะทำให้ใครๆหรือแม้แต่แบคฮยอนรู้ ว่าเขาชอบคนตัวเล็กเอามากๆ เขาคิดว่าแบคฮยอนก็คงรู้ตัวว่าเขาชอบ และแน่นอนว่าแบคฮยอนก็ชอบเขา เพียงแต่เขาอยากให้ทุกอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป อยากให้เราทั้งสองมั่นใจซึ่งกันและกันก่อน เขากำลังรอคอยเวลาที่เหมาะสม เวลาที่เขาจะบอกกับทุกคนบนโลกใบนี้ว่า เขารักแบคฮยอน
“น้องๆที่เขียนใบสมัครเสร็จแล้ว เข้าไปนั่งต่อแถวให้เรียบร้อยข้างในสนามเลยค่ะ ส่วนคนที่เพิ่งมาถึงมารับใบสมัครก่อนนะคะ”
เด็กหนุ่มสองคนยืนอยู่บริเวณหน้าสนามฟุตบอลหลังจากกรอกใบสมัครเสร็จเรียบร้อย ทจงอินกำลังตื่นตาตื่นใจกับสนามฟุตบอลที่พอมืดลงก็เปิดไฟรอบสนามเพื่อเพิ่มแสงสว่างก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นบุคคลที่เฝ้าตามหามาตลอด เจอแล้ว เขาเจอนางฟ้าม้าเต่อของเขาแล้ว
“เห้ยมึง เดี๋ยวกูมานะ” จงอินหันไปบอกคนตัวสูงก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังจุดหมายอย่างไม่ละสายตา คราวนี้เขาจะไม่ปล่อยให้นางฟ้าคนสวยหายเข้ากลีบเมฆไปอีกเป็นครั้งที่สองแน่
“สวัสดีครับ จำผมได้หรือเปล่า?” จงอินเอ่ยทักทายก่อนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“พูดกับฉันเหรอ?” คยองซูชี้หน้าตัวเองพลางทำหน้างงๆที่จู่ๆก็มีคนแปลกหน้าเข้ามาทัก “จำไม่ได้หรอก นายเป็นใครอ่ะ?”
“เราชนกันที่ห้องน้ำในผับวันก่อนไงครับ จำได้มั้ย?” จงอินพยายามรื้อฟื้นความจำให้นางฟ้าของเขา
“อ๋ออ จำได้ล่ะ”
“อยู่ปีไหนเหรอครับ?”
“ปีสอง”
“ชื่ออะไรเหรอครับ? ผมชื่อคิมจงอิน อยู่ปีหนึ่งภาคเครื่องกลครับ”
“ขอโทษนะ จะมาจีบฉันใช่มะ? บอกตรงๆเลยนะว่าให้ตัดใจซะตั้งแต่ตอนนี้” คยองซูทำท่าจะเดินหนี แต่ถูกอีกคนวิ่งมาดักหน้าก่อน
“ผมแค่อยากรู้จักน่ะครับ”
“ฟังให้ดีนะ ฉัน ไม่ ชอบ ของ ดำ” อึ้งแดกสิครับงานนี้ เห็นน่ารักๆแบบนี้แต่ด่าทีแม่งเจ็บชิบหาย คยองซูเดินหนีออกมาอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้คนผิวเข้มยืนไปไม่เป็นอยู่ตรงนั้น
คนตัวสูงยังคงยืนรอเพื่อนสนิทอยู่ตรงนั้น ตอนนี้เขาเริ่มหงุดหงิดนิดๆแล้ว ไอ้ดำมันมัวไปทำบ้าอะไรอยู่ไม่มาซักที
“เซฮุน”
เสียงเรียกที่คุ้นหูดังขึ้นก่อนที่คนตัวสูงจะหันไปตามเสียงเรียกแล้วพบกับบุคคลที่ช่วงนี้ชอบนึกถึงอยู่บ่อยๆแต่ไม่ค่อยอยากเจอซักเท่าไหร่
ทำชีวิตเขาวุ่นวายไปหมด
“นายมาอยู่นี่ได้ไง? มาอยู่ชมรมนี้เหรอ?” แบคฮยอนถาม
“ครับ แล้วพี่ล่ะ อยู่ชมรมนี้เหมือนกันเหรอ?” เซฮุนถามกลับด้วยสายตาไม่เชื่อ อย่างแบคฮยอนน่ะเหรอจะมาเล่นเตะฟุตบอล มันดูไม่ใช่อ่ะ
“ใช่แล้ว”
“งั้นผมเปลี่ยนชมรมทันป่ะ ไม่อยากอยู่แล้วอ่ะ” ปากก็พูดไปอย่างนั้น แต่จริงๆแล้วคนตัวสูงแค่อยากพูดจากวนๆดูการตอบสนองตลกๆของอีกฝ่ายเท่านั้น
“ได้ไงอ่ะ สมัครแล้วห้ามเปลี่ยนใจนะ มานี่เลย เข้าไปข้างในได้แล้ว พี่ๆจะเริ่มชี้แจ้งเกี่ยวกับชมรมแล้ว”
“เดี๋ยวสิ เพื่อนผมยังไม่มาเลย” เซฮุนรั้งตัวเองไว้เมื่อถูกคนตัวเล็กดึงให้เดินไป
“อ่าว แล้วเพื่อนนายไปไหนล่ะ?” แบคฮยอนหันมองไปรอบๆก่อนจะพบเด็กหนุ่มผิวเข้มกำลังเดินสะเงาะสะแงะมาทางนี้ “นั่นเพื่อนนายหรือเปล่า?”
“ใช่ครับ” เซฮุนตอบก่อนจะกวักมือเรียกจงอินให้เดินมาเร็วๆ
“ไปข้างในกันเถอะ” แบคฮยอนเดินนำเด็กหนุ่มสองคนเข้าไปในสนามฟุตบอล เมื่อเดินเข้าไปก็เห็นเด็กปีหนึ่งนั่งเรียงกันเป็นแถวโดยมีรุ่นพี่ยืนอยู่ด้านหน้า เซฮุนและจงอินเดินไปนั่ง ก่อนที่แบคฮยอนจะเดินไปอยู่ด้านหน้าข้างๆคยองซู
“น้องๆมากันเยอะแล้วใช่มั้ยครับ งั้นพี่จะเริ่มพูดเลยนะ” ชานยอลผู้เป็นประธานชมรมพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มต่างจากวันปฐมนิเทศนักศึกษาที่ดูน่าเกรงขาม
“สวัสดีน้องๆทุกคนนะครับ พี่ชื่อปาร์คชานยอล เป็นประธานชมรมนี้ ขอต้อนรับน้องๆทุกคนเข้าสู่ครอบครัวชมรมฟุตบอลนะครับ” ทุกคนส่งเสียงร้องและปรบมือดังสนั่นไปทั่วสนามฟุตบอล แน่นอนว่าสมาชิกชมรมส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายเพราะพวกผู้หญิงไม่ค่อยนิยมเล่นฟุตบอล ส่วนใหญ่ก็จะเข้าชมรมงานประดิษฐ์ ชมรมดนตรี หรือทำอาหาร
“ชมรมของเราอยู่กันเป็นครอบครัว และพวกเราต้อนรับทุกๆคนไม่ว่าจะเล่นฟุตบอลเป็นหรือไม่เป็น เพราะฉะนั้นใครที่เล่นไม่เป็นหรือไม่เก่ง ไม่ต้องกังวลนะครับ” ชานยอลกวาดสายตามองน้องๆก่อนจะยิ้มบางๆ
“ชมรมของเรามีการแข่งขันด้วยนะ เป็นการแข่งประจำปีกับมหาวิทยาลัยอื่น พี่ไม่อยากจะคุยว่าทีมเราเป็นแชมป์มาสองปีซ้อนแล้วล่ะครับ” ไม่อยากจะคุยแต่ก็โอ้อวดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจเป็นนัยๆว่าชมรมเป็นแชมป์สองสมัยตั้งแต่เขาเข้ามาอยู่ชมรมนี้
“ดังนั้นถ้าใครอยากจะมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมเรา ลงชื่อไว้เอาไว้เลยนะครับ เราจะฝึกซ้อมกันตั้งแต่ทักษะเบื้องต้นก่อนที่จะคัดสมาชิก เพราะฉะนั้นคนที่เล่นไม่เป็นแต่อยากจะเข้าร่วมทีมก็อาจจะมีโอกาสได้เป็นหนึ่งในสมาชิกนะครับ” ชานยอลพยายามพูดเชิญชวนน้องๆให้เข้าร่วมทีมด้วยคำพูดที่น่าตื่นเต้น มีหลายๆคนที่สนใจอยากเข้าร่วมทีมแข่งขัน รวมถึงเซฮุนที่ก็สนใจอยู่ไม่น้อย
“มึงจะเข้าร่วมทีมมั้ย?” เซฮุนหันไปถามจงอินที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้เขาดูสนอกสนใจมากกว่าไอ้คนที่ชวนเขามาที่นี่ซะอีก
“….”
“เห้ย จงอิน” เซฮุนเรียกเพื่อนผิวเข้มอีกรอบเมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่ได้ยินที่พูด
“ห๊ะ มึงว่าอะไรนะ?” จงอินสะดุดหลุดออกจากภวังค์ความคิดแล้วหันไปทวนคำถามเพื่อนสนิทอีกรอบ
“กูถามว่า มึงสนจะเข้าร่วมทีมแข่งมั้ย? น่าสนุกดีนะ”
“หืมม ก็เอาสิ”
“งั้นเดี๋ยวลงชื่อเลยนะ” จงอินพยักหน้าให้เซฮุนก่อนจะเข้าสู่โหมดห่อเหี่ยวอีกครั้ง
“นี่มึงเป็นอะไรเนี่ย ตาลอยเชียว” เซฮุนถามเพราะเห็นเพื่อนนั่งเหมือนคนจิตหลุดมานาน
“กูไม่เป็นไร กูสบายดี” ตอบไปทั้งๆทีสภาพจิตใจย่ำแย่เอามากๆ จงอินมองคนตาโตที่ยืนอยู่ข้างหน้าด้วยแววตาละห้อย เขารอมาเนินนานกว่าจะได้พบเจอกันอีกครั้ง แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่หวังไว้
“มาแล้วครับๆๆ”
“หายไปไหนมา?”
“ไปหาเพื่อนมาครับ”
“หึ” มินซอกเค้นหัวเราะใส่คนที่วิ่งหน้าแป้นเข้ามาในห้องชมรม
“อย่ามองแบบนี้สิครับ ผมไม่ได้ไปเหล่สาวที่ไหนซักหน่อยน้าาา” จงแดยื่นหน้าเข้าไปใกล้พร้อมทำหน้าตาน่ารักใส่อีกคน
“ก็ลองไปเหล่ดูสิ พี่จะหักคะแนนจิตพิสัยนายให้หมดเลยค่อยดู” มินซอกทำหน้าดุใส่จงแด
“โอ้ยย อย่าหักคะแนนผมเลยนะ ผมไปหาเพื่อนมาจริงๆไม่เชื่อโทรไปถามไอ้แบคฮยอนกับคยองซูได้เลย”
“ไม่ได้โกรธเรื่องนั้นซักหน่อย”
“แล้วโกรธเรื่องไหนล่ะครับ?”
“นายหายไปไม่อยู่ช่วยพี่นะสิ เมื่อกี้เกือบเอาน้องๆไม่อยู่แน่ะ” มินซอกเขกหน้าผากกว้างเบาๆโทษฐานไม่อยู่ช่วยงานช่วงที่ยุ่งๆ เพราะวันนี้ชมรมแบ่งเป็นซุ้มๆให้น้องๆเดินดูสาธิตวิธีการทำอาหารต่างๆแล้วก็ทำแจกให้ทดลองชิมด้วย มินซอกกับเพื่อนอีกคนมือเป็นระวิง ในขณะที่อีกคนหายไปไหนก็ไม่รู้
“ขอโทษค้าบบบ ผมผิดไปแล้ววว” จงแดลากเสียงยาวพร้อมทำหน้าอ้อนเป็นลูกแมว
“พอได้แล้วน่า น่าเบื่อจัง” มินซอกหันหน้าหนีเจ้าของรอยยิ้มสดใส จงแดก็เป็นอย่างนี้ทุกที อ้อนน่ารักแบบนี้ใครมันจะไปโกรธลงกัน
ตอนนี้เป็นช่วงที่ปล่อยให้ทุกคนเล่นกันตามอัธยาศัย บางคนก็เตะฟุตบอล บางคนก็นั่งคุยเล่น เช่นเดียวกันเซฮุนที่ไปลองเดาะฟุตบอลเล่นคนเดียวเพราะชวนไอ้ดำแล้วแต่มันบอก ‘มึงไปเถอะ กูขอนั่งอยู่ตรงนี้’ เขาถึงต้องมาเล่นอยู่คนเดียวแบบนี้ เซฮุนหยุดเดาะลูกบอล ก่อนจะเดินไปนั่งพักที่ขอบสนามฝั่งตรงข้ามเพื่อนสนิท เขามองเพื่อนที่นั่งซึมเป็นหมางอย ได้แต่งงแต่ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรถึงได้แปลกๆไป
‘!!!’
คนตัวสูงสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อความเย็นกระทบลงบนใบหน้าก่อนจะเงยขึ้นไปมองพี่รหัสสุดจุ้นที่ยื่นขวดน้ำเย็นๆมาให้เขา เซฮุนรับน้ำมาก่อนที่คนตัวเล็กจะนั่งลงข้างๆ
“ทำไมมาอยู่คนเดียว เพื่อนล่ะ?” เซฮุนชี้ไปยังสนามอีกฝั่งหนึ่งซึ่งสามารถมองเห็นเพื่อนผิวเข้มของเขาได้อย่างชัดเจน
“งานที่พี่ทำให้เป็นยังไงบ้าง?”
“ก็…พอใช้ได้” เซฮุนยกน้ำขึ้นดื่มพร้อมไหวไหล่เล็กน้อย เขาต้องทำท่าทางให้เหมือนกับว่าพาวเวอพอยนั่นไม่ได้ดีอะไรมากมายขนาดนั้น แบคฮยอนเห็นท่าทางของน้องรหัสก็หัวเราะออกมาเบาๆ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเด็กนี่ก็แค่แกล้งขี้เก๊กไปอย่างนั้น จริงๆไม่ได้คิดอย่างที่พูดเลยซักนิด
“นายเป็นยังไงบ้าง? ไม่ได้ลืมกินยาใช่มั้ย?”
“ไม่ลืมหรอกน่า”
“ดีแล้ว กินให้ครบตามที่หมอสั่งนะ แล้วก็กินให้หมดด้วย ไม่ใช่หายแล้วก็เลิกกิน”
“รู้แล้ว” บอกตรงๆว่าจนถึงตอนนี้แบคฮยอนก็ยังรู้สึกผิดกับเรื่องเมื่อวานอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องสุดวิสัยแต่เขาก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้นเลย
“ขอโทษจริงๆนะ” เขาอยากจะพูดคำว่าขอโทษอีกซักร้อยพันครั้งเพื่อลบความรู้สึกผิดภายในใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าคนตัวสูงจะอยากรับฟังมันมั้ย แต่ถึงยังไงเขาก็ยังอยากจะพูดมัน
“พี่น่ะ...”
“….”
“คือพี่…”
“….”
“พี่--”
“พอเถอะ” คนตัวสูงที่นั่งเงียบรอฟังคำพูดอยู่นานเอ่ยขึ้น แบคฮยอนหยุดแล้วนิ่งไป จริงๆเขาน่าจะรู้อยู่แล้วว่าคนตัวสูงคนยังรู้สึกไม่ดีกับเขาอยู่ ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง อึดอัดจนรู้สึกได้ว่าตัวเองหายใจได้ไม่ทั่วท้อง
"ไม่ต้องโทษตัวเองแล้ว"
"...."
"ผมรู้ว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ" แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองคนข้างๆที่เอาแต่มองตรงไปข้างหน้าด้วยใบหน้านิ่งๆที่ไม่สามารถคาดเดาความคิดภายในใจได้
"ผมไม่อยากฟังคำขอโทษแล้ว"
"...."
"ผมรำคาญ"
แบคฮยอนอยากจะอ่านใจคนได้จริงๆ เขาอยากรู้ความคิดของคนที่เอาแต่ทำใบหน้านิ่งเพื่อกลบเกลื้อนความรู้สึกของตัวเอง
"เพราะฉะนั้นไม่ต้องขอโทษแล้วนะ"
"...."
"ไม่อยากฟังแล้ว" คำพูดที่เหมือนจะไม่ค่อยดี แต่ฟังแล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก คนปากไม่ตรงกับใจยังคงตีหน้านิ่งอยู่อย่างนั้นโดยไม่หันไปมองใบหน้าน่ารัก
"ไม่โกรธแล้วจริงนะ"
"อืม"
"จริงๆนะ" เซฮุนเหลือบตามองคนตัวเล็กเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
"น่ารักที่สุดดด" คนตัวเล็กดึงแก้มของอีกคนจนย้วยติดมือออกมา เซฮุนปัดมือพี่รหัสออกพร้อมทำสีหน้ารำคาญ แบคฮยอนยิ้มกว้างสุดจนปากจะฉีกถึงรูหู ตอนนี้เขาสบายใจขึ้นแล้ว ไม่มีอะไรที่ค้างคาอีกต่อไป
ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่ทุกคนเข้ามาฝึกซ้อมที่ชมรมเพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งในทีมฟุตบอล เช่นเดียวกับเซฮุนและจงอินที่มาฝึกซ้อมหลังเลิกเรียนทุกวัน ในขณะที่กำลังวิ่งเรียงเป็นแถวเพื่อวอร์มร่างกายไปตามขอบสนาม สายตาคมก็เหลือบไปเห็นอะไรที่ไม่อยากเห็นซักเท่าไหร่ ทุกครั้งที่มาซ้อมเขาจะต้องมาเจอฉากหวานแหววจนมดขึ้นของพี่รหัสกับประธานชมรมนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งส่งสายตา ส่งรอยยิ้ม โบกพัด ซับเหงื่อ หวานจนเลี่ยนไปหมด
เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจอย่างหนัก เขาค่อนข้างรำคาญเล็กน้อยถึงปานกลางที่ต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ทุกๆวัน น่าหงุดหงิดจริงๆ
“โอ้ยย มึงหยุดทำไมเนี่ย?” จงอินที่วิ่งอยู่ด้านหลังบ่นอุบอิบหลังจากที่อยู่ดีๆไอ้เพื่อนเวรก็หยุดวิ่งทำให้เขาที่วิ่งตามมาชนเข้าเต็มๆเล่นเอาจุกไปหมด
“โทษที” เซฮุนหันไปมองหน้าเพื่อนผิวเข้มก่อนจะหันกลับไปมองต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องหยุดวิ่ง
หงุดหงิด....
คนตัวสูงถอนหายใจหนักๆอีกหนึ่งรอบก่อนจะวิ่งต่อไป ทำเอาจงอินถึงกับงงกับท่าทางแปลกของเพื่อนสนิท
“อะไรของมันวะ?” จงอินส่ายหน้าแล้วบ่นเบาๆกับตัวเองก่อนที่จะออกตัววิ่งตามเพื่อนไป
“น้ำครับ”
แบคฮยอนส่งขวดน้ำให้พี่ชานยอลหลังจากที่พี่ชานยอลเพิ่งจะสาธิตและสอนน้องๆเรื่องการวิ่งหลบหลีกฝ่ายตรงข้าม
“ขอบคุณนะ” ชานยอลส่งยิ้มบางๆให้คนตัวเล็กก่อนจะเปิดขวดน้ำดื่ม การสอนน้องๆตั้งแต่พื้นฐานมันเหนื่อยก็จริงอยู่ แต่ทั้งหมดนี้ชานยอลทำไปด้วยความเต็มใจ เขารักฟุตบอล มันทำให้เขามีแรงที่จะทำสิ่งต่างๆได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และอีกหนึ่งกำลังใจก็คงจะเป็นใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาในตอนนี้ด้วย ตอนนั้นเขาชวนแบคฮยอนเข้าชมรมมาเพราะอยากจะได้เห็นและใกล้ชิดกันมากกว่านี้ ตอนแรกแบคฮยอนจะไม่ตกลง เพราะเขาเล่นฟุตบอลไม่เป็น ชานยอลจึงเสนอให้แบคฮยอนเป็นผู้จัดการทีมและให้คยองซูเป็นหัวหน้าฝ่ายสวัสดิการ แบคฮยอนจึงยอมมาอยู่ชมรมนี้ แต่แบคฮยอนก็เหมือนจะเป็นผู้จัดการส่วนตัวของชานยอลมากกว่าที่จะเป็นผู้จัดการทีม
“สวัสดีจ้าเด็กๆ”
“อ้าว เจ๊มาได้ไง? ลมอะไรหอบมาถึงที่นี่ได้เนี่ย?” แบคฮยอนหันไปทักทายผู้มาใหม่ที่เสียงแป๋นแหลนดังมาก่อนตัวจะถึงเสียอีก ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคือเจ๊ซูซี่คนเดิมนั่นเอง
“ลมร้อนนะสิ ตอนนี้เจ๊หัวร้อนมากเลย อีกสองอาทิตย์ก็จะมีประกวดดาวเดือนคณะแล้ว ป่านนี้เจ๊ยังหาเด็กในสังกัดไม่ได้เลย” เจ๊แกเป็นเหมือนแมวมองดาวเดือนคณะที่จะค่อยไปทาบทามคนนู้นคนนี้ให้มาประกวด “ถ้าหาเด็กไม่ใด้เจ๊เสียชื่อแน่ๆ”
“ที่มานี่คือมาส่องเด็กใช่มั้ยเจ๊” คยองซูถามเจ๊ซูซี่ในขณะที่เจ๊กำลังชะโงกหน้ามองหาเด็กในสังกัด
“แน่นอน ชมรมนี้มีแต่ของดีๆทั้งนั้นเจ๊จะพลาดได้ไงล่ะ จริงมั้ยจ๊ะชานยอล?” เจ๊ซูซี่หันไปสบตากับชานยอลแล้วยิ้มอย่างรู้กัน ตั้งแต่เจ๊แกเริ่มทำอาชีพแมวมอง เจ๊ก็มุ่งหน้ามาที่ชมรมฟุตบอลเป็นหลักเพื่อหาเด็กหน้าตาดีๆ แล้วเด็กที่เจ๊หามาประกวดในปีแรกก็ชนะแล้วเป็นที่ฮือฮาอยู่นาน คนๆนั้นก็คือปาร์คชานยอลนั่นเอง ปีนี้ก็เช่นกัน เจ้าหล่อนเชื่อว่าชมรมนี้ต้องมีของเด็ดแน่ๆ
“อุ้ยนั่น เด็กคนนั้นนี่นา” เจ๊ซูซี่ปรบมืออย่างตื่นเต้นก่อนจะรีบวิ่งตรงเข้าไปหาเด็กหนุ่มร่างสูงที่เคยเจอเมื่อวันก่อน แบคฮยอน ชานยอล และคยองซูเดินตามเจ๊ไปเพื่อดูโฉมหน้าว่าที่เด็กเจ๊
“คนนี้แหละคนนี้ เจ๊จะเอา” เจ๊ซูซี่เดินวนรอบตัวเซฮุนก่อนจะจับหันซ้ายหันขวาเพื่อดูทรง ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างหยุดกิจกรรมของตัวเองแล้วหันมาให้ความสนใจที่โอเซฮุน คนตัวสูงดูงงๆที่อยู่ๆก็มีคนเดินมาหาเขาเต็มไปหมด
“เจ๊ นี่น้องรหัสผมเอง” แบคฮยอนสะกิดบอกเจ๊ซูซี่
“ตายแล้ว นี่น้องแกเหรอ? ไม่เบานะเนี่ย มีน้องหล่อไม่เห็นบอกเจ๊บ้าง ใจคอจะเก็บคนหล่อๆไว้กินคนเดียวหมดเลยหรือไง?”
“เจ๊!! พูดไรอ่ะ?” แบคฮยอนขมวดคิ้วใส่เจ๊ที่พูดแซวไปเรื่อย
“ชื่ออะไรจ๊ะ?”
“เอ่อ…โอเซฮุนครับ”
“โอเซฮุนมาเป็นเด็กเจ๊นะ”
“อ…อะไรกันครับเนี่ย?” เซฮุนถามด้วยความงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
“ก็มาเป็นเด็กในสังกัดเจ๊ไง ประกวดเดือนคณะ รับรองว่าถ้าอยู่กับเจ๊ชนะแน่นอน เชื่อมือเจ๊” เจ๊ซูซี่พยายามพูดเกลี่ยกล่อมคนตัวสูงหลังจากที่เคยนกโดนเด็กวิ่งหนีไปคราวก่อน แต่คราวนี้เจ๊จะไม่ปล่อยให้โอเซฮุนหลุดมือไปได้อีก
“ขอโทษนะครับ ผมไม่สนใจเรื่องแบบนี้หรอกครับ” เซฮุนพูดดับฝันใครหลายๆคนที่กำลังลุ้นให้เขาตอบตกลง ที่สำคัญคือดับฝันของเจ๊ด้วย
“เดี๋ยวก่อน เจ๊อยากให้เราคิดดีๆก่อน เอากลับไปคิดซักสองสามวันค่อยมาตอบเจ๊ก็ได้นะ”
“ไม่ล่ะครับ ผมคิดดีแล้ว” ผู้คนตรงนั้นเงียบกริบ เช่นเดียวกับเจ๊ที่ยืนอ้าปากไปไม่เป็นอยู่ตรงนั้น ตั้งแต่เจ๊เป็นแมวมองมาสองปี ไม่เคยมีใครปฏิเสธเจ๊เลยซักครั้ง เพราะมีแต่คนอยากจะเป็นเด็กเจ๊ แต่โอเซฮุนไม่ต้องการ
“ทำไมไม่ลงประกวดล่ะ ลองดูสิ” แบคฮยอนลองเกลี่ยกล่อมน้องรหัสของเขาด้วยอีกคนเผื่อว่าเซฮุนอาจจะเปลี่ยนใจ เขาเองก็อยากจะมีน้องรหัสเป็นเดือนคณะเหมือนกัน
“ไม่ดีกว่าครับ” คนตัวสูงยังคงยืนยันคำเดิมและไม่มีท่าทีว่าจะเปลี่ยนใจง่ายๆ
“ลองดูหน่อยมั้ยมึง ครั้งหนึ่งในชีวิตนะเว้ย” จงอินช่วยเป่าหูเพื่อนอีกแรง แต่ก็ได้การตอบรับแค่การส่ายศีรษะเบาๆกลับมา
“พี่อย่าไปเซ้าซี้น้องเลยครับ ถ้าน้องไม่อยากประกวดก็อยากทำให้น้องลำบากใจเลย” ชานยอลพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทุกคนรอบๆต่างกำลังลุ้นว่าสุดท้ายแล้วคนตัวสูงจะตอบตกลงมั้ย
“น้องเขาอาจจะไม่พร้อม ไม่มั่นใจในตัวเอง”
“….”
“หรืออาจจะไม่มีความสามารถก็ได้ครับ เขาเลยไม่กล้าที่จะลงประกวด” คำพูดนิ่มๆน้ำเสียงนิ่งๆที่ดูเหมือนจะช่วยไกล่เกลี่ยปัญหาที่เกิดขึ้น แต่โอเซฮุนไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น เขารู้สึกเหมือนกำลังโดนดูถูก
“พี่กลับไปก่อนเถอะครับ น้องเขาคงไม่ตอบตกลงพี่แล้วล่ะ” ชานยอลหันไปบอกเจ๊ซูซี่ที่ยังคงยืนอึ้งกิมกี่อยู่ เจ้าหล่อนพยักหน้าเบาๆถอนหายใจยาวๆเฮือกหนึ่งก่อนจะหันหลังเดินออกไป
“เดี๋ยวครับ!!”
“….” ทุกคนหันไปมองที่เด็กหนุ่มร่างสูงเป็นตาเดียว ทุกคนเงียบกริบเพื่อรอฟังคำพูดของเซฮุน
“ตกลงผมจะประกวดครับ”
เฮ่นโหลววทุกคน แอมคัมแบคคคค55555555 ขอโทษผิดสัญญานะคะ เราบอกไว้ว่าจะอัพอาทิตย์ก่อนนู้นก็ไม่ได้อัพ ขอโทษจริงๆค่า มาต่อให้แล้วน้า ถ้าอยากอ่านอีกก็คอมเม้นกันเยอะๆน้า ^^
ปล.ขอบคุณที่รอไรท์นะคะ รักจังเลยย :)
@Auaum_CB
ความคิดเห็น