คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : [SS2] chapter 2 : Crossroad (100%)
? cactus
Chapter 2 : Crossroad
ถ้าหากวันหนึ่งชีวิตเราเดินจนมาถึงทางแยก
ถึงตอนนั้น....
เราจะเลือกเดินไปทางไหน?
.
.
.
.
.
ภายในห้องนอนมืดสลัวที่ไม่มีแม้แต่แสงสว่าง
ไม่มีเสียงใดๆนอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศ
สายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองคนรักที่กำลังเก็บเสื้อผ้าเข้ากระเป๋าด้วยสายตาอ้อนวอน
สองมือเย็นเฉียบและกำแน่นด้วยความหวาดกลัว เพราะอีกไม่กี่วินาทีต่อจากนี้
เขากำลังจะสูญเสียสิ่งที่รักไป
“ไม่ไปไม่ได้เหรอ?...” เสียงเล็กสั่นเครือเล็กน้อย
ดวงตาทั้งสองข้างร้อนผ่าวและเริ่มมีน้ำสีใสคลอเต็มไปหมด
เขาไม่รู้ว่าคำขอของเขามันได้ช่วยเปลี่ยนใจอีกคนได้มากน้อยเพียงได้
แต่ก็ขอให้เขาได้รั้งอีกคนเอาไว้จนสุดความสามารถที่เขามี
“อย่าไปเลยนะเซฮุน...” เสียงเล็กยังคงเอ่ยขอร้องอีกคน
“ขอโทษนะครับ
แต่ผมคงอยู่ต่อไปไม่ได้อีก”
“....”
“ผมไม่ได้รักพี่แล้ว”
คำพูดเมื่อครู่นี้ทำให้คนฟังแทบใจสลาย มันเป็นคำพูดที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากคนที่บอกว่ารักและจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต
ตอนนี้เขาทั้งเจ็บและจุกไปหมด แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องรั้งอีกคนเอาไว้ให้ได้
แรงทั้งหมดที่ยังมีอยู่วิ่งไปสวมกอดอีกคนจนแน่น
ใบหน้าเปื้อนน้ำตาซบลงกับแผ่นหลังกว้างเพื่อขอร้องไม่ให้อีกคนไป
แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
“ปล่อยผมเถอะ ให้ผมไป...”
สิ้นสุดเสียงเข้มมือหนาก็แกะอ้อมแขนของอีกคนออกแล้วเดินออกไปจากห้องโดยที่ไม่หลังกลับมามองอีก
ตอนนี้แบคฮยอนทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากมองแผ่นหลังกว้างเดินจากไปอย่างช้าๆ
ขาเล็กสั่นจนแทบยืนไม่ไหวก่อนจะล้มลงไปกับพื้นแล้วได้แต่หวังว่าอีกคนจะหันหลังกลับมามอง
“ฮึ่กกก...เซฮุน”
พี่...
“ขอร้องล่ะ อย่าไป...”
พี่ครับ...
“เซฮุน อย่าไป!!!”
ดวงตาทั้งสองข้างลืมตาโพลงขึ้นมาอย่างตกใจก่อนจะเห็นภาพเพดานสีขาวคุ้นตาและใบหน้าของคนรักที่จ้องมองความเป็นห่วง
บ้าจริง ฝันไปเหรอเนี่ย...
แบคฮยอนลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติกลับมา
ตอนนี้ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยเหงื่อและมีคราบน้ำตาซึมอยู่บริเวณดวงตาทั้งสองข้าง
ในฝันมันเหมือนจริงมากๆ
เหมือน....จนเขากลัว
“ฝันร้ายเหรอครับ?” เซฮุนมองอีกคนด้วยความเป็นห่วงเพราะสีหน้าอีกคนไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก
“อื้อ...” คนตัวเล็กพยักหน้าก่อนจะเงยมองใบหน้าหล่อของแฟนหนุ่ม
“ฝันว่านายจะไปจากพี่...”
ในฝันมันน่ากลัวจริงๆนะ
เขากลัวมากจนต้องร้องไห้ออกมา แต่พอรู้ว่าฝันไปก็ค่อยโล่งใจหน่อย
รู้สึกดีที่ยังเห็นอีกคนนั่งอยู่ข้างๆ
“ผมจะไปไหนได้ ผมก็อยู่ตรงนี้”
มือหนาเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าสวยเบาๆก่อนจะส่งยิ้มบางๆเพื่อปลอบให้อีกคนรู้สึกดีขึ้น “แค่ฝันร้ายน่ะครับ ไม่เป็นไรนะ”
“อื้อ”
พอได้ยินคำปลอบประโลมแบคฮยอนก็รู้สึกดีขึ้น สองมือเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าออกแล้วผ่อนลมหายใจก่อนจะสังเกตเห็นว่าแฟนหนุ่มแต่งตัวเหมือนจะออกไปไหน
“แล้วนี่แต่งตัวจะออกไปไหนเหรอ?”
“อาาา
ผมลืมบอกพี่เลยว่าพ่อนัดทานข้าวอีกแล้ว แต่วันนี้พ่อจะพาไปรู้จักเพื่อนด้วยน่ะครับ”
“อ๋อออ แล้วจะไปกี่โมง
ผ่านทางบ้านคยองซูมั้ย?”
“ไปประมาณสิบเอ็ดโมงครับ
แต่ไม่น่าจะผ่านไปทางนั้น พี่มีอะไรเหรอ?”
“พี่ว่าจะติดรถไปด้วยน่ะ
แต่ถ้าไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร พี่ไปเองก็ได้”
“ผมไปส่งได้นะ”
“ไม่เอาอ่ะ พี่เกรงใจ”
“จนตอนนี้แล้วยังต้องเกรงใจอะไรกันอีกครับ” แบคฮยอนก็เป็นแบบนี้ตลอด ชอบบอกว่าเกรงใจนู้นเกรงใจนี่ไปหมด
กระเป๋าตังค์ก็ใช้แยก ยืมเงินก็ต้องคืน
ทั้งที่เราสองคนเลยจุดที่เรียกว่าคนอื่นกันไปแล้วแท้ๆ
ถึงเราจะไม่ได้เป็นเหมือนคู่รักคู่อื่นทั่วไป
แต่เซฮุนก็ตั้งใจจะเป็นคนๆเดียวกันตั้งแต่วินาทีที่ขอคนตัวเล็กแต่งงานแล้ว
“ให้ผมไปส่งนะ”
“อื้ออออ”
สุดท้ายแบคฮยอนก็ต้องยอม เป็นอันตกลงว่าเซฮุนจะแวะไปส่งคนตัวเล็กที่บ้านของคยองซู
คนตัวเล็กจึงรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปพร้อมกัน
ออดี้สีดำเทียบจอดที่หน้าบ้านคยองซูโดยคยองซูถอยรถออกมารอหน้าบ้านอยู่ก่อนแล้ว
ขาเล็กรีบลงจากรถก่อนเดินจะตรงไปหาเพื่อนสนิทที่เริ่มจะทำหน้ามุ้ยๆเพราะรอนาน
“สายสิบนาที!!”
“โห
รอนิดรอหน่อยก็ไม่ได้ ทีเมื่อก่อนยังรอกูได้เป็นชั่วโมงๆ”
“ก็นั่นมันเมื่อก่อน
ตอนนี้มึงโตแล้ว ควรตรงเวลาได้แล้วอ่ะ เวลาไปทำงานมึงไปสายแบบนี้ป่ะเนี่ย?”
“ก็มีบ้าง...” แบคฮยอนไหวไหล่เล็กน้อย
“เพราะอย่างงี้ไง
กูจะไม่แปลกใจเลยถ้ามึงโดนหักเงินเดือน”
“เลิกบ่นได้มั้ย เป็นแม่กูหรอ?!!”
แบคฮยอนชักหงุดหงิด มาถึงก็บ่นๆๆๆ บ่นจนหูจะดับอยู่แล้ว
แม่เขายังไม่บ่นขนาดนี้เลย ไม่รู้ว่าจงอินทนอยู่กับมันไปได้ยังไง
คงโดนบ่นเช้าบ่นเย็นบ่นก่อนนอนแน่ๆ
“สวัสดีครับ”
เสียงทักทายของเซฮุนทำให้บทสนทนาโต้วาทีระหว่างเพื่อนซี้ต้องหยุดลง
คนตัวสูงโค้งให้คยองซูเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มบางๆให้
“อ้าวเซฮุน
ไม่เจอนานหล่อเหมือนเดิมเลยนะ” คยองซูเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม
“แฟนกูหล่อทุกวันอยู่แล้ว”
“อวดผัวจ้า อวดผัว” คยองซูเบะปากใส่เพื่อนสนิทพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ เอะอะๆชมผัวตลอด
น่ามคาน!!!
“ผมฝากดูแลพี่แบคฮยอนด้วย
วันนี้ผมคงไปรับไม่ได้ ฝากพี่ไปส่งที่บ้านทีนะครับ”
“ได้เลย พี่จะดูแลอย่างดียิ่งกว่าไข่ในหิน
มดไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมเลย”
“เว่อร์...”
แบคฮยอนหันมองเพื่อนตาโตตาขวางก่อนจะพลักหัวกลมจนโคลง นับวันคำพูดคำจาจะยิ่งร้ายกาจขึ้นทุกที เซฮุนหัวเราะเบาๆกับการต่อล้อต่อเถียงของทั้งสองคน ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็เป็นแบบนี้ ดูเหมือนจะกัดกันอยู่ตลอดเวลา
แต่จริงๆก็รักและเป็นห่วงกันอยู่เสมอ
“ผมต้องไปแล้ว” เซฮุนยกนาฬิกาข้อมือเพื่อดูเวลาแล้วส่งยิ้มบางๆให้คนตัวเล็ก แบคฮยอนจึงพยักหน้าให้ก่อนจะเดินเข้าไปจัดเน็คไทกับเสื้อสูทของแฟนตัวสูงให้เข้าที่
เซฮุนจ้องมองใบหน้าหวานในขณะจัดเน็คไทอย่างตั้งใจ
เขาชอบเวลาคนตัวเล็กดูแลสำรวจความเรียบร้อยให้กับเขา
มันทำให้เขารู้สึกว่าคนตัวเล็กใส่ใจเขาอยู่เสมอ
สายตาคมไล่มองตามการเคลื่อนไหวของมือเล็กก่อนจะหยุดจ้องมองใบหน้าหวานอย่างหลงใหล
“เรียบร้อยยย”
มือเล็กปัดฝุ่นออกจากบ่ากว้างเบาๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกคนแล้วสบสายตาเข้ากับอีกคนอย่างจัง
สายตาคมที่มองมาทำให้แบคฮยอนรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ
เวลาก็ค่อยๆเดินช้าลงไปเรื่อยๆ ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนและขึ้นสีอีกครั้ง
อะไรกัน....ทำไมใจเต้นแรงเหมือนตอนจีบกันใหม่ๆเลย...
“อะแฮ่มม!!!”
เสียงกระแอมของคยองซูดังขึ้นขัดจังหวะโรแมนติกของคนทั้งสอง
เซฮุนจึงหลุดออกจากภวังค์ความคิดก่อนจะเกาท้ายทอยแก้เขิน
เช่นเดียวกับแบคฮยอนที่ทำตัวไม่ถูกแกล้งมองนกมองไม้รอบๆตัว
“ขอโทษทีสเลดมันติดคออ่ะ แฮ่มๆๆ
ค่อกๆๆ” คยองซูยังแซะทั้งสองคนไม่เลิก จริงๆมันไม่มีอะไรมาก
เขาก็แค่หมั่นไส้ความหวานเลี่ยนจนแทบจะอ้วกของคู่รักคู่นี้
ตอนนี้ไฟลุกท่วมตาหมดแล้ว อิจฉาโว้ยยยย!!!
“งั้นผมไปนะครับ”
“อื้ออออ”
แบคฮยอนโบกมือพร้อมส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ก่อนจะส่งยิ้มบางๆให้คนตัวสูงจนกระทั่งออดี้สีดำออกตัวไปจนลับตา
“ตาร้อนโว้ยยย ตาร้อนน!!!” คนตาโตแหกปากดังลั่นก่อนจะเดินไปขึ้นรถด้วยท่าทางหงุดหงิด
แบคฮยอนงงๆเล็กน้อยกับท่าทางของเพื่อนสนิทแต่ก็รีบเดินขึ้นรถตามอีกคนไป
ไม่นานก็ถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
จริงๆวันนี้เป็นวันแรกที่จะเริ่มเรียนทำอาหาร
แต่ที่ทั้งสองคนมาแวะที่นี่ก่อนเพราะคยองซูบอกว่าจะซื้อของบางอย่างเข้าไปฝากเชฟลูกพี่ลูกน้องและอยากจะแวะกินอะไรอร่อยๆ พูดคุยกับคนตัวเล็กตามภาษาเพื่อนก่อนจะถึงเวลานัด
“มึงหิวยัง? ถ้ายังไม่หิวมากก็กินพวกไอศกรีมไม่ก็บิงซูมะ
จะได้เบาๆหน่อย”
“….”
“มึง”
“….”
“ไอ้แบค”
“ห...ห๊ะ! เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ?”
คนตัวเล็กสะดุ้งตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปถามคำถามเมื่อครู่ที่เขาไม่ทันได้ฟัง
“มึงเป็นไรเนี่ย? ทำไมเหม่อๆ”
“เปล่า...กูแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ”
“เรื่อยเปื่อยแบบไหนหน้าเครียดขนาดนี้” คบกันมาตั้งนานทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเพื่อนมีอะไรในใจ
คยองซูมองหน้าเพื่อนสนิทพร้อมสื่อสีหน้าว่าเขาพร้อมจะรับฟังเรื่องราวทุกอย่างถ้าหากคนตัวเล็กอยากจะระบายให้เขาฟัง
“ไม่มีอะไร
แค่นึกถึงฝันเมื่อเช้าน่ะ ฝันไม่ค่อยดี”
“เออ มันก็แค่ฝัน
มึงจะเก็บมาคิดทำไมล่ะ มึงนอนเยอะไงก็เลยฝันเป็นตุเป็นตะ”
คนตาโตตบไหล่เพื่อนสนิทเพื่อเป็นการปลอบใจให้อีกคนเลิกคิดมากก่อนจะชี้นิ้วไปที่ร้านบิงซูร้านหนึ่ง
“ปะ ไปกินนั่นกัน เดี๋ยวมื้อนี้กูเลี้ยง”
พอได้ยินคำว่าจะเลี้ยงแบคฮยอนก็หายคิดมากเป็นปลิดทิ้ง
มือเล็กรีบดึงแขนเพื่อนสนิทเข้าร้านก่อนที่มันจะเปลี่ยนใจเสียก่อน
ทั้งสองคนสั่งบิงซูผลไม้รวมมาก่อนจะนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระรวมถึงเรื่องผู้คนในสมัยก่อนด้วย
“ไอ้จงแดเป็นไงบ้างวะ? กูไม่ได้คุยกับมันเลย”
คยองซูถามถึงเพื่อนสนิทอีกคนที่ตั้งแต่เรียนจบก็ไปเรียนต่ออเมริกาและนานๆทีจะโทรกลับมาหาบ้างเป็นครั้งคราว
“กูก็ไม่ได้คุยนะ
แต่เห็นมันโพสต์รูปไปเที่ยวแถวสะพานบรูคลินอ่ะ ก็ดูมีความสุขดี”
“วันหลังเราไปเยี่ยมมันที่นั่นกันบ้างมั้ย
ถือเป็นการไปเที่ยวในตัวด้วย” คยองซูเสนอความคิด
เขาก็อยากจะไปดูสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของเพื่อนสนิทแล้วก็อยากรู้ว่าเพื่อนใหม่หัวทองที่ไอ้อูฐคบอยู่เป็นคนดีมากแค่ไหน
“เออแล้วพี่ชานยอลอ่ะ ไปอยู่จีนนี่
ได้ข่าวบ้างป่ะ?”
“อื้อ ก็คุยๆกันอยู่”
“แอ๊ะ!”
คยองซูเหล่มองเพื่อนสนิทนิดๆเมื่อได้ยินว่าปัจจุบันก็ยังติดต่อกับพี่ชานยอลอยู่
“ไม่ใช่! คุยกันเฉยๆไม่มีอะไร”
“จริงอ่ะ?”
“อื้อ เห็นว่าตกลงคบกับพี่อี้ชิงแล้วล่ะ”
“จริงป่ะเนี่ย? โห ดีใจด้วยเลย กูว่าพี่เขาฝังใจกับมึงมากเกินไปอ่ะ ดีแล้วที่เริ่มใหม่ได้
ไม่ใช่เจ็บจนปิดกั้นตัวเองจากความรัก”
“ก็จริง...”
แบคฮยอนตอบก่อนจะตักบิงซูคำสุดท้ายเข้าปาก
“มื้อนี้กูไม่ต้องจ่ายแน่นะ?”
คนตัวเล็กถามเพื่อนตาโตให้มั่นใจ
เพราะถ้าเกิดมันเปลี่ยนใจขึ้นมาเขาจะได้เตรียมวิ่ง
“เออ! กูจะหลอกมึงทำไม
กูป๋าเว้ยยย!!”
“แหมมม ป๋าขาาา
ถ้าป๋ามากวันนี้ก็เลี้ยงกูทั้งวันเลยได้ป่ะ วันนี้กูจะเป็นเด็กป๋า”
“ฝันกลางวัน! กูให้แค่มื้อนี้
มื้ออื่นมึงก็ต้องเลี้ยงกูคืน เข้าใจป่ะ?!”
“เออ!!!!”
แบคฮยอนจิ๊ปากใส่เพื่อนตาโตก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา “ไปยังอ่ะ
จะไปซื้อของด้วยไม่ใช่เหรอ?”
“เออไปๆ ต้องเผื่อเวลาไว้ด้วย”
คยองซูยกมือขึ้นเรียกพนักงานเก็บเงินก่อนทั้งสองคนจะพากันไปที่ซูปเปอร์มาเก็ตภายในห้าง
ตอนนี้คยองซูเดินเลือกของฝากไปเรื่อยๆในขณะที่อีกคนเริ่มจะสนใจแต่ของที่ตัวเองชอบ
“มึงเลือกของไปนะ เดี๋ยวกูไปดูคุ๊กกี้ก่อน” พูดจบก็ไม่ปล่อยให้เสียเวลา
ขาเล็กก้าวฉับๆไปยังโซนขนมคุ๊กกี้ก่อนที่สายตาเรียวจะสอดส่องมองหาคุ๊กกี้ช็อกโกแล็ตชิพยี่ห้อโปรดแล้วเจอมันวางอยู่ที่ชั้นบนสุด
อาาา... หยิบไม่ถึง...
เขาเริ่มจะคิดโทษตัวเองที่ไม่ยอมกินนมตอนเด็กๆทำให้เขาเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่และดูเป็นคนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
แบคฮยอนพยายามเอื้อมแขนให้ยาวที่สุด เขย่งก็แล้วกระโดดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถหยิบกล่องคุ๊กกี้ลงมาได้
ไม่ได้นะ... ถ้าเขายอมแพ้เขาก็จะไม่ได้กินน่ะสิ
คิดได้อย่างนั้นสองเท้าจึงเขย่งขึ้นสุดอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อ่ะ!”
แบคฮยอนตกใจเล็กน้อยที่อยู่ดีๆกล่องคุ๊กกี้ที่เขาหวังจะคว้าก็ลงมาอยู่ตรงหน้าเขาอย่างง่ายดายก่อนที่เขาจะหันไปสบสายตาเข้ากับดวงตาคม
ใบหน้าหล่อเหลาออกเอเชียผสมฝรั่งนิดหน่อย จมูกโด่งได้รูป
รูปร่างสูงโปร่งกับผมสีน้ำตาลอ่อนที่เซ็ตเป็นทรงทำให้แบคฮยอนมองตาไม่กระพริบ
สูงจัง...อีกนิดก็จะสูงเท่าเสาไฟฟ้าแล้วมั้งเนี่ย
“เอ่อ...ผมเห็นคุณหยิบมันไม่ถึงผมก็เลย...”
“อาาา...ไม่เป็นไรครับ
มันผิดที่ผมเกิดมาไม่สูงเอง แหะๆๆ”
คนตัวเล็กหันไปยิ้มแห้งจนตาหยีก่อนจะโค้งขอบคุณที่ช่วยหยิบของให้มนุษย์ตัวเตี้ยๆคนหนึ่ง
“ขอบคุณมากนะครับ
ถ้าไม่ได้คุณผมคงไม่ได้ทานมันแน่ๆ”
“ไม่เป็นไร ยินดีครับ”
“งั้นผมขอตัวนะครับ” แบคฮยอนโค้งขอบคุณคนตรงหน้าอีกครั้ง
ชายหนุ่มจึงส่งยิ้มบางๆให้ก่อนที่แบคฮยอนจะเดินจากไป
แต่ถึงแม้คนตัวเล็กจะเดินไปแล้วก็ยังคงมีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองคนตัวเล็กไม่วางตา
เขารู้สึกถูกชะตาและชอบใบหน้าหวานของอีกคนเข้าอย่างจัง
ทำไมกันนะ?
“ไอ้คริส”
“….”
“ไอ้คริสเว้ยย!!!”
“ห...ห๊ะ!”
“ทำไรอยู่จะไปแล้วนะ”
“เออๆกำลังไป” เสียงเรียกของเพื่อนดังขึ้นมาทำให้ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ความคิด เขาอมยิ้มให้กับความน่ารักเมื่อครู่ก่อนจะเดินตามเพื่อนไปยังเคาน์เตอร์คิดเงิน
จะว่าเขาใจง่ายก็ได้ แต่เขาหลงรักรอยยิ้มน่ารักเมื่อกี้จริงๆนะ...
เซฮุนนั่งรออยู่ในรถ เขากะเวลาไม่ให้เร็วไม่ให้ช้าจนเกินไปก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องอาหารจีนในโรงแรมหรู
ซึ่งเจ้าของโรงแรมก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล...คุณพ่อของเขานั่นเอง
โรงแรมนี้เป็นมรดกของตระกูลโอมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าแล้ว
และคำพูดของพ่อในวันนั้น มันทำให้เขาคิดอะไรได้อย่างหนึ่ง
‘พ่อพูดจริงๆนะ พ่ออยากให้แกมาทำงานกับพ่อ’
‘พ่อมีลูกชายคนเดียว’
‘ประธานบริษัทคนต่อไปพ่อก็อยากจะให้เป็นแก…’
ตอนนี้เขาโตขึ้นมากแล้วและควรจะช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อบ้าง
ไม่ใช่ทำตามใจตัวเองไปวันๆ เขาควรจะวางแผนและคิดถึงอนาคตของตัวเองสักที ดังนั้น...
เขาจะสืบทอดและดูแลกิจการนี้ต่อจากพ่อเอง
จริงๆเขาตอบตกลงกับพ่อไปแล้วว่าจะสานต่อกิจการแทน
วันนี้พ่อจึงนัดเขามาเพื่อฝากเนื้อฝากตัวกับผู้จัดการโรงแรม
“อ้าวนั่นไงเซฮุนมาแล้ว
มานั่งก่อนสิ”
คนเป็นพ่อเรียกให้ลูกชายไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆก่อนจะเอ่ยแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายได้รู้จักกัน
“นี่คุณยูฮียอลเป็นผู้จัดการโรงแรม
ส่วนนี่ก็โอเซฮุนลูกชายของผมเอง”
เซฮุนก้มหัวโค้งให้ผู้ใหญ่เพื่อแสดงความนอบน้อม คุณยูฮียอลทำงานอยู่กับพ่อมานาน
เขาเป็นคนขยันและทำงานเก่งจึงได้เป็นเสมือนมือขวาของพ่อ
“ผมโอเซฮุน
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” เซฮุนก้มหัวให้ผู้จัดการอีกครั้ง
“ฝากเจ้าลูกชายด้วยนะ
เจ้านี่มันไม่เคยเรียนบริหาร เป็นแต่งานวิศวะจักรๆกลๆ” คนเป็นพ่อยิ้มกว้างเมื่อพูดถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวน จริงอยู่ที่บางทีเขาอาจจะอวดลูกชายไปบ้าง
แต่เป็นใครใครก็ภูมิใจ มีลูกชายทั้งหล่อทั้งเก่งแบบนี้ ไม่ให้อวดก็แปลกเกินไปแล้ว
“ถ้าเจ้านี่ดื้อหรือเถลไถลก็จัดการได้เต็มที่เลยนะ
ผมอนุญาต”
“ไม่หรอกครับ ผมว่าลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น” ยูฮียอลไม่ได้พูดยอ แต่เขาเชื่อว่าลูกชายท่านประธานคนนี้ต้องไม่ทำให้ท่านประธานผิดหวังอย่างแน่นอน
“ถ้างั้นวันนี้คุณพาเจ้านี่ไปศึกษาดูงานคร่าวๆก่อนได้เลยนะ
ไว้วันหลังค่อยเริ่มงานกันจริงๆ”
ยูฮียอลพยักหน้ารับคำสั่งก่อนที่โอยองจุนจะหันไปเอ่ยกับลูกชายคนเดียวของเขา
“จำไว้นะเซฮุน
พ่อไม่ได้ยื่นตำแหน่งนี้ให้แก แต่แกต้องเป็นคนคว้ามันมาเอง
หวังว่าแกจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังนะ พ่อจะคอยดู”
“บ้านหลังนี้เหรอ?”
“ใช่ หลังนี้แหละ”
คยองซูพยักหน้าเพื่อยืนยันกับแบคฮยอนว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของอาจารย์เชฟลูกพี่ลูกน้องไม่ผิดแน่
ขาสั้นเดินนำอีกคนเข้าไปในบ้าน
ต่างคนต่างถือของฝากเต็มมือก่อนจะกดกริ่งเพื่อเรียกคนในบ้านให้ออกมาเปิดประตู
“พี่คริส ผมมาแล้วครับ”
“คยองซูเหรอ? รอแปบนึงนะ”
รออยู่ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก
แต่แทนที่จะเป็นเสียงทักทายกันตามปกติแต่กลับเป็นเสียงอุทานของแบคฮยอนกับเจ้าของบ้านที่ดังขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
“อ้าวคุณ!/อ้าวคุณ!”
ต่างคนต่างยืนอึ้งเพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะเป็นคนที่เพิ่งเจอกันไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
ใบหน้าหล่อเหลากับรูปร่างสูงโปร่งแบคฮยอนจำมันได้ดี
เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่จำร่างเล็กน่ารักได้ขึ้นใจ
บังเอิญจังเลย...
“ร...รู้จักกันแล้วเหรอครับ?” คยองซูเกาหัวแกร่กๆกับสถานการณ์ตรงหน้า
เขาตกข่าวไม่ทันเหตุการณ์อะไรหรือเปล่า
ทำไมสองคนนี้ถึงทักทายเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน
“ไม่รู้จักหรอก
แต่เพิ่งเจอกันที่ห้างไม่นานมานี้เอง”
“จริงอ่ะ?”
“อื้อ พี่เขามาช่วยหยิบคุ๊กกี้ให้อ่ะ
พอดีมันวางอยู่ชั้นบนสุดแล้วหยิบไม่ถึง”
“อ่ออออ”
คยองซูเริ่มเข้าใจสถานการณ์
“โลกกลมจังเลยนะครับ พี่ชื่อคริส
ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
มือหนายื่นออกไปพร้อมเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม
แบคฮยอนส่งยิ้มบางๆกลับไปก่อนที่มือเล็กจะยื่นออกไปจับทักทายกับอีกคน
“ผมพยอนแบคฮยอน
ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกันไปแล้ว
ตอนนี้แบคฮยอนกับคยองซูก็ช่วยกันล้างผักอยู่ในครัวเพราะเซฟคริสขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์
ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะซักถามประวัติของอาจารย์ผู้สอน
“พี่คริสนี่เขาดุมั้ยอ่ะ?” แบคฮยอนเอ่ยถามคยองซูในขณะกำลังปิดก๊อกน้ำ
“จริงๆเขาก็ดุแหละ
ตอนกูเด็กๆแล้วเล่นเกมไม่ยอมทำการบ้าน พี่คริสดุหนักมาก ดุกว่าแม่กูอีก” พูดถึงก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น
จริงๆพี่คริสไม่ใช่คนชอบตะคอกตวาดอะไรแบบนั้น แต่เป็นคนที่ดุแบบน่าเกรงขาม
แค่มองก็ทำให้คนที่ถูกมองเสียวสันหลังวาบได้แล้ว
“อ่อออ
แล้วทำไมพี่เขาถึงกลับมาอยู่ที่นี่อ่ะ อยู่ฝรั่งเศสน่าจะงานดีกว่ามั้ย
เป็นเชฟในโรงแรมดังด้วยนี่”
“จุ๊ๆๆๆ
รู้แล้วเหยียบไว้อย่าไปบอกใครเชียวนะ”
คยองซูลดเสียงลงหันมองซ้ายมองขวาก่อนจะขยับเขาใกล้แบคฮยอนเพื่อกระซิบเรื่องราวสุดลับนี้
“ได้ยินว่าพี่เขาอกหักมาจากลูกสาวเจ้าของโรงแรม
ฝ่ายนั้นหักอกเขาดังเปาะ พี่เขาทนอยู่ตรงนั้นไม่ไหวก็เลยลาออกกลับบ้านมานี่ไง”
“หื้ม ทำไมอกหักได้ล่ะ? ทั้งหล่อทั้งเก่งขนาดนี้”
แบคฮยอนเอ่ยถามด้วยความสงสัย คนหน้าตาดีมีความสามารถแบบนี้ยังมีคนโง่ปล่อยให้หลุดมือไปได้อีกเหรอ
“เคยได้ยินมั้ยว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง แค่หน้าตา
ความสามารถ ความดีมันยังไม่พอหรอก มันแพ้ให้กับเสี่ยฝรั่งเงินเป็นฟ่อนๆ”
“อะแฮ่มมม!!”
เสียงกระแอมของคนมาใหม่ดังขี้นทำให้คยองซูกับแบคฮยอนสะดุ้งตกใจเล็กน้อยก่อนจะทำเป็นต่างคนต่างล้างผักเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขามัวแต่คุยกันจนลืมระแวดระวังไปเลย
“คุยอะไรกันอยู่เหรอ?” ร่างสูงถามขึ้นด้วยสีหน้าอยากรู้
ตอนเขาเดินเข้ามาเขาก็พอจะได้ยินอยู่ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเขา
แต่ได้ยินไม่ถนัดว่าเป็นเรื่องอะไร
“เปล่าครับ
แค่เล่าให้แบคฮยอนฟังเฉยๆว่าพี่คริสดุ”
คยองซูหันไปยักคิ้วกวนๆใส่ลูกพี่ลูกน้อง
ดูก็รู้ว่าพี่คริสต้องแอบสนใจแบคฮยอนอยู่ไม่มากก็น้อย คยองรู้คยองเห็น
“อย่าใส่ร้ายพี่
เดี๋ยวแบคฮยอนก็กลัวจนไม่กล้าเรียนพอดี”
“ไม่หรอกครับ ผมว่าพี่ใจดี
ไม่เห็นดุเหมือนที่คยองซูพูดเลย” เขาพูดจริงๆนะ
มองยังไงพี่คริสก็ดูไม่ดุเลย กลับกันจะดูเป็นพี่ชายที่อบอุ่น
ปกป้องดูแลเราได้ด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวก็รู้ โอ้ยๆๆๆ” คยองซูเบะปากนิดๆก่อนจะโดนลูกพี่ลูกน้องหยิกเข้าที่เอวจนรู้สึกเจ็บไปหมด
นี่เห็นมั้ย!! แค่นี้ก็รู้แล้วว่าดุหรือไม่ดุ!!
“พอเลยๆ เข้าเรื่องกันดีกว่า” ร่างสูงเริ่มเข้าสู่โหมดจริงจัง “วันนี้พี่จะสอนพื้นฐานในการทำอาหารตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ
การหั่นเบื้องต้นและหัวใจของการทำอาหาร ได้ยินว่ายังหั่นไม่เป็นใช่มั้ย?”
“ใช่ครับ เพิ่งได้แผลมาเลย” แบคฮยอนโชว์นิ้วชี้ข้างซ้ายที่ติดพลาสเตอร์ลายเป็ดน้อยสีเหลืองให้ร่างสูงดู
ร่างสูงจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ก่อนอื่นพี่ขอบอกให้ทั้งสองคนเข้าใจเอาไว้เลยว่าการทำอาหารเป็นสิ่งสำคัญมาก
คนที่ชิมอาหารของเราจะรับรู้ได้ถึงความรักความใส่ใจที่เราใส่ลงไปในอาหารจานนั้นๆ”
“….”
“ที่พวกเรามาเรียนก็เพราะอยากทำอาหารเป็น
แต่ไม่ใช่ว่าเรียนวันนี้พรุ่งนี้ทำเป็นเลย”
“….”
“มันต้องอาศัยระยะเวลาและการฝึกฝน
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ....ความตั้งใจ”
“….”
“เอาล่ะ
พี่อยากรู้เหตุผลของการมาเรียนทำอาหารในครั้งนี้ เริ่มจากคยองซู” คริสหันหน้าไปถามคยองซู
“ผมเหรอ? ผมโดนแบคฮยอนลากมาเรียนเป็นเพื่อน”
“โอเคคยองซู นั่นเป็นเหตุผลที่ดี” คริสอมยิ้มแกล้งแซวคยองซูเล่น “แล้วแบคฮยอนล่ะ?”
คนตัวเล็กนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะนึกถึงเหตุผลและใครบางคนที่ทำให้เขาต้องมายืนอยู่ตรงนี้
“ผมเป็นคนไม่ชอบทำอาหาร
ไม่เคยเข้าครัวช่วยแม่ทำ แล้วก็ไม่เคยคิดจะทำ”
“….”
“ผมเคยคิดว่าการทำอาหารเป็นเรื่องธรรมดาที่มันไม่สำคัญอะไรเลย
จนผมได้รู้จักกับคนๆหนึ่ง เขาเป็นคนที่รักการทำอาหารมาก
ถึงเขาจะไม่ได้เก่งอะไรนักหนาแต่การทำอาหารคือความสุขของเขา”
“….”
“เขาบอกว่าเขามีความสุขที่ได้ทำอาหารใครต่อใครทาน
มีความสุขที่ได้รับคำชมจากคนชิมว่ามันอร่อย”
“….”
“เขามีความสุขที่ได้ทำอาหารให้ผมกิน
เขามีความสุขเวลาที่เห็นผมกินอาหารของเขา
และผมก็คิดว่ามันน่าจะดีถ้าเขาจะมีความสุขเวลาได้ชิมอาหารของผมบ้าง”
“….”
“ผมอยากทำอาหารให้เขาทานครับ
นั่นคือเหตุผลของผม”
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นสบตากับร่างสูงตรงหน้าก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ
เหตุผลบ้าๆบอๆนี่อาจจะฟังดูไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่
แต่มันก็เป็นเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้เขามายืนอยู่ตรงนี้
คริสจ้องมองรอยยิ้มบางๆที่ปรากฏบนใบหน้าหวาน
แค่นี้เขาก็สามารถเข้าใจทุกอย่างได้แล้ว รอยยิ้มที่เกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ รอยยิ้มที่เกิดจากใครบางคน
รอยยิ้มที่เกิดจากความรัก...
นั่นคือเหตุผลของแบคฮยอน
“แบคฮยอนมีแฟนมีแล้วเหรอ?” ร่างสูงถามอีกคนเพื่อความมั่นใจ
ถึงเขาจะเพิ่งรู้จักคนตัวเล็กได้ไม่นานแต่เขาก็ตกหลุมรักคนตัวเล็กเข้าเต็มเปาเสียแล้ว
น่าเสียดายที่ทุกอย่างมันต้องจบลงทั้งที่ยังไม่ทันจะเริ่มอะไรเลยด้วยซ้ำ
“ใช่ครับ”
แบคฮยอนขานตอบคนตรงหน้า
“พี่ว่าแฟนแบคฮยอนเขาต้องเป็นคนที่โชคดีมากๆเลย
ถ้าเขารู้ว่าเราพยายามจะทำเพื่อเขาขนาดนี้ เขาต้องดีใจมากแน่ๆ” คริสส่งยิ้มบางๆให้แบคฮยอนก่อนจะลอบถอนหายใจออกมา
“งั้นเรามาเริ่มเรียนกันเลยนะ
ขอให้ทุกตั้งใจล่ะ”
“ครับ!!”
“การเลือกผักควรเลือกผักที่สด
ไม่เหี่ยว ไม่มีรอยช้ำ ถ้ามีรอยแมลงกัดนิดหน่อยจะถือว่าดีเพราะผักจะปลอดสารพิษ”
ตอนนี้คนตัวเล็กเดินวนไปรอบๆบ้านก่อนจะท่องตำราในมือที่ได้ร่ำเรียนมาในวันนี้
พี่คริสบอกว่าการเลือกวัตถุดิบเป็นหัวใจขั้นแรกของการทำอาหาร เขาต้องจำและนำไปใช้
“อาาา
การเลือกเนื้อหมูควรเลือกเนื้อที่เป็นสีชมพูอ่อน เนื้อไม่แน่นหรือแข็งจนเกินไป
พยายามอย่าซื้อเนื้อแดงๆเพราะอาจจะเป็นเนื้อที่ใส่สารเร่ง”
“การเลือกปลา
เนื้อต้องแน่นกดดูแล้วเนื้อไม่เละ แล้วก็....แล้วก็....อ๋อใช่ๆ
ที่สำคัญตาต้องกลมใสไม่ขุ่นมัว โอ๊ะ! น้ำเดือดแล้ววว”
แบคฮยอนวิ่งเข้าไปในห้องครัวแล้วเปิดหม้อต้มดูก่อนจะพบว่าน้ำที่ต้มไว้เดือดได้ที่แล้ว
วันนี้เขาจะลองทำเมนูง่ายๆก่อน นั่นก็คือมาม่า
แต่มันไม่ใช่มาม่าธรรมดาทั่วไปเหมือนเช่นทุกทีเพราะคราวนี้จะใส่ผักกับไข่ลงไปเพื่อเพิ่มสารอาหารด้วย
มือเล็กตอกไข่ลงไปในหม้อแบบกล้าๆกลัวก่อนจะตีไข่จนสุกทั่วแล้วใส่เส้นมาม่าลงตามด้วยผักและผงปรุงรส
ตอนนี้เขายังปรุงอาหารไม่เป็น อร่อยด้วยผงปรุงรสไปก่อนแล้วกันนะ
ปี๊ดดดดดด!!!!!
เสียงแตรรถที่คุ้นเคยดังขึ้นทำให้การทำอาหารต้องหยุดไปชั่วขณะ
คนตัวเล็กปิดเตาแก๊สก่อนจะรีบวิ่งไปเปิดประตูให้คนตัวสูงทันที
เมื่อรถจอดสนิทคนตัวสูงก็ก้าวลงมาจากรถพร้อมกระเป๋ากับเอกสารพะรุงพะรังมากมายเต็มไปหมด
“มานี่พี่ช่วย”
แบคฮยอนรีบเข้าไปช่วยแฟนหนุ่มถือของเข้าไปในบ้านแล้ววางของลงบนโซฟาก่อนจะหันไปส่งยิ้มบางๆให้คนตัวสูง
“ขนอะไรมาเยอะแยะเลย?”
“งานน่ะครับ”
เซฮุนตอบพลางถอดเสื้อสูทออกก่อนจะสังเกตเห็นผ้ากันเปื้อนลายหมีสีชมพูน่ารักอยู่บนตัวของอีกคน
เซฮุนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยปากถามด้วยความแปลกใจ
“นี่อะไรครับเนี่ย?”
“ผ้ากันเปื้อนไง ที่นายซื้อให้”
แบคฮยอนหมุนตัวให้คนตัวสูงดูก่อนที่ใบหน้าหวานจะเจื่อนลงเพราะเห็นอีกคนนิ่งไป
“ทำไมอ่ะ นายไม่ชอบเหรอ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ
แต่ผมกำลังงงๆ” เขาต้องงงอยู่แล้ว
ร้อยวันพันปีไม่เคยจะหยิบมันมาใส่แล้วไม่รู้วันนี้นึกยังไง
“ไม่ต้องงงนะ นายกินอะไรมารึยัง?”
“ย...ยังครับ”
“งั้นมานี่”
แบคฮยอนจูงมืออีกคนที่กำลังยืนงงเข้ามาในครัวก่อนจะเปิดหม้อให้แฟนหนุ่มดูด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและภาคภูมิใจ
เขาเพิ่งเข้าใจว่าการทำอาหารให้คนรักกินมันมีความสุขยังไงก็วันนี้แหละ
“ทาดาาาาาา!!!”
“หื้มมม นี่อะไรครับเนี่ย?”
เซฮุนสวมกอดร่างเล็กจากข้างหลังจนจมหายเข้าไปในอกก่อนจะหันมองใบหน้าน่ารัก
“ต้มมาม่า
แต่ไม่ใช่ต้มมาม่าธรรมดานะ เพราะมันใส่ไข่กับผักด้วย”
“ทำให้ผมกินเหรอครับ?”
“ช่ายย ทำให้นายกินเลย หอมมั้ย?”
“หอมมม....น่ากินมากด้วย” จมูกคมซุกไซร้ที่ซอกคอหอมหวานก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนลำคอขาวเสียงดัง ‘จุ๊บ’ จนอีกคนต้องหดคอหนี
“เซฮุน!!”
“ทำไมวันนี้น่ารัก
ทำอะไรผิดมาหรือเปล่าครับ?”
“ม่ายย พี่แค่อยากทำอาหารให้นายกิน” แบคฮยอนจ้องมองมาม่าในหม้อต้มก่อนจะอมยิ้มออกมาบางๆ
ทำไมถึงได้รู้สึกดีขนาดนี้นะ
“แต่พี่ก็มีเรื่องบางอย่างจะสารภาพเหมือนกัน
ถ้าบอกไปนายจะโกรธพี่มั้ย?”
“บอกไม่ได้
ต้องดูก่อนว่าเป็นเรื่องอะไร”
“อาาา ไม่เอา
นายต้องสัญญาว่าจะไม่โกรธ”
“….”
“ไม่โกรธนะๆๆๆ”
“อาา ได้ครับ ไม่โกรธก็ได้” แบคฮยอนกุมมือคนด้านหลังเอาไว้ก่อนจะก้มหน้าเงียบจนคนรอฟังลุ้นตามว่าอีกคนจะพูดเรื่องอะไร
“พี่แอบไปเรียนทำอาหารมา”
“….”
“นายโกรธมั้ย?”
“ไม่โกรธครับ แต่ทำไมไม่บอกผมก่อน”
“พี่อยากเซอร์ไพรส์นายนี่นา” แบคฮยอนหันหน้าเข้าหาอีกคนโดยที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น
“แล้วเรียนกับใครครับ?”
“เรียนกับคยองซู”
“ผมหมายถึงคนสอน”
“เขาชื่อพี่คริส”
“พี่คริส?”
“อื้ออออ”
“หล่อมั้ย หล่อเท่าผมรึป่าว?”
เขาต้องถามเอาไว้ ถ้าหล่อจะได้ระแวดระวังเอาไว้
อย่าว่าเขาขี้หวงนักเลย มีแฟนน่ารักขนาดนี้ก็ต้องหวงหน่อย แล้วคนตัวเล็กก็ชอบยิ้มให้คนอื่นไปทั่วจะไม่ให้เขาหวงได้ยังไง
“ก็หล่อ แต่นายหล่อกว่าเยอะ”
แบคฮยอนโอบใบหน้าหล่อของแฟนหนุ่มเอาไว้ก่อนจะยิ้มน่ารักใส่อีกคน
“จริงอ่ะ?”
“จริงสิ”
“อย่างนี้ค่อยโล่งใจหน่อย” เซฮุนเอ่ยก่อนจะก้มลงหอมแก้มนุ่มนิ่มฟอดใหญ่ “จริงๆผมก็มีเรื่องจะบอกพี่เหมือนกัน”
“หื้ม เรื่องอะไรเหรอ?” เซฮุนคลายอ้อมกอดจากอีกคนก่อนสีหน้าจะจริงจังขึ้นมากกว่าเดิม
เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากและเขาอยากให้คนตัวเล็กเข้าใจ
“ผมจะออกจากงาน”
“….”
แบคฮยอนนิ่งเงียบไปเมื่อได้ยินอย่างนั้น
ทำไมจู่ๆคนตัวสูงถึงจะออกจากงานกันล่ะ ทำไมตัดสินใจแบบนั้น
“จริงเหรอ?”
“ครับ”
“ทำไมล่ะ...”
แบคฮยอนสบตากับคนตรงหน้าก่อนที่คนตรงหน้าจะเลื่อนมือไปกุมมือเล็กเอาไว้
“ผมได้มีโอกาสคุยกับพ่ออยู่หลายครั้ง
แล้วพ่อก็อยากให้ผมไปสืบทอดกิจการครอบครัวต่อ”
“….”
“ผมเป็นลูกคนเดียว
แล้วพ่อก็หวังพึ่งพาผม ผมเลยอยากทำอะไรให้พ่อบ้าง”
“….”
“แล้วผมเองก็คิดว่าถ้าผมได้เป็นเจ้าของต่อจากพ่อ
เราจะมีอนาคตที่ดีกว่าการทำงานเป็นลูกน้องเขาไปตลอดชีวิต”
“….”
“ผมทำเพื่ออนาคตของเรา
พี่เข้าใจผมใช่มั้ยครับ?” เซฮุนกุมมือเล็กทั้งสองข้างไว้แน่นก่อนจะสื่อแววตาว่าก่อนตัดสินใจเขาได้คิดมาอย่างดีแล้วและคิดว่ามันจะเป็นผลดีต่อเราทั้งสองคน
“เข้าใจ....แต่ต่อไปพี่ก็จะไม่ได้เจอนายตอนทำงานแล้วน่ะสิ
แล้วตอนกลางวันพี่จะไปกินข้าวกับใคร ไปทำงานคนเดียว กลับบ้านคนเดียว เหงาอ่ะ” พูดไปก็หน้ามุ้ยไป แค่คิดว่าเขาจะต้องอยู่ต่อไปโดยไม่มีคนตัวสูงมันก็รู้สึกแย่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เดี๋ยวก็กลับมาเจอกันที่บ้านไงครับ”
“ก็มันคิดถึงนี่” แบคฮยอนเบะปากงอแงใส่อีกคน ถึงแม้เขาจะเข้าใจเหตุผลทุกอย่าง
แต่เขาก็ยังไม่อยากให้คนตัวสูงไปอยู่ดี อยากให้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา
“เรื่องเดินทางถ้าผมว่างผมจะไปรับไปส่งพี่เอง ไม่งอแงนะครับ?” เซฮุนลูบแก้มขาวเนียนก่อนจะหัวเราะอีกคนอย่างเอ็นดู
เขาแค่ไปทำงานที่อื่นไม่ได้ย้ายไปไหนสักหน่อย เขาก็ยังอยู่ที่นี่ อยู่กับคนตัวเล็ก
“แล้วเลขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?”
“ไม่รู้สิ ผมยังไม่เคยเจอเลย”
“ขอเตือนไว้ก่อนเลยนะว่านายห้ามไปเหล่สาวที่ไหนเด็ดขาด
ไม่งั้นพี่เอานายตายแน่” แบคฮยอนพูดพร้อมทำท่าปาดคอ
แต่มันเป็นท่าขู่ที่น่ารักเกินกว่าจะรู้สึกกลัวขึ้นมาได้
“ผมก็ขอเตือนพี่เหมือนกัน
ห้ามเข้าใกล้พี่คริสอะไรนั่นในระยะหนึ่งเมตร ถ้าพี่ฝ่าฝืนผมจะให้เลิกเรียนเลย”
“โหหหห ใจร้ายจังอ่ะ” แบคฮยอนขยับปากบ่นเบาๆ
“แน่นอนครับ มีแฟนน่ารักก็ต้องใจร้ายกันหน่อย” เซฮุนยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะก้มลงฟัดแก้มนุ่มนิ่มอีกครั้ง
“อื้ออออ!! พอเลย!
จะไม่กินมาม่าใช่มั้ย?” แบคฮยอนตีแขนคนขี้แกล้งเบาๆ
“ไม่กิน ไม่หิวแล้ว...” เสียงเข้มเอ่ยก่อนจะเท้ามือทั้งสองข้างกับเคาน์เตอร์ครัว
ตอนนี้คนตัวเล็กไปไหนไม่ได้ เขาทำได้แต่ก้มหน้าเขินอยู่ในวงแขนของอีกคน
เซฮุนเชยใบหน้าสวยขึ้นมาแล้วจ้องมองอย่างหลงใหล
ไม่ว่ามองอีกสักกี่ครั้งก็น่าหลงใหลไม่เคยเปลี่ยน
ใบหน้าหล่อก้มลงก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปอย่างแผ่วเบาๆ
เรื่องนี้จะโทษเขาไม่ได้นะ
ต้องโทษริมฝีปากนุ่มนิ่มสีชมพูและรสชาติหวานละมุนละไมที่มักทำให้เขาอดใจไม่ไหว
“อื้ออออ!!”
เสียงเล็กร้องประท้วงก่อนจะผลักใบหน้าหล่อของแฟนหนุ่มออกแล้วก้มหน้าเขินจนแทบจะมุดดิน
“จะไม่กินจริงๆเหรอ
อุตส่าห์ทำนะ...”
คนตัวเล็กถามอีกคนเสียงแผ่วก่อนจะได้คำตอบเป็นการส่ายหน้ากลับมา
ไม่นานริมฝีปากบางก็ถูกครอบครองอีกครั้งและไม่รู้ว่าเนินนานเท่าไหร่ที่จูบกันอยู่อย่างนั้น
สำหรับเซฮุน....ไม่ต้องกินอะไรแค่นี้เขาก็อิ่มแล้ว
Talk : มาต่อตอนสองแล้วน้าทุกคน ไรท์มาต่อตอนนี้ก่อนที่จะบอกกับทุกคนว่าจะขอพักเรื่องนี้ไปก่อนแป๊บนึง (แต่ไม่รู้จะเนินนานเท่าไหร่) ฮื่อๆๆๆๆ คือเนื่องจากตอนนี้ไรท์เขียนอยู่สองเรื่องแล้วรู้สึกเหนื่อย คิดว่าถ้าเขียนไปพร้อมๆกันอาจจะทำให้งานออกมาไม่ดีเท่าที่ควร เลยอยากเขียนทีละเรื่องให้จบไป ดังนั้น ไรท์ขอแต่ง #น้องแบคแฟนซุปตาร์ ให้จบก่อน ถ้าเรื่องนั้นจบเมื่อไหร่ไรท์จะมาต่อเรื่องนี้ทันทีเลบงับบ รอไรท์ด้วย อย่าเพิ่งทิ้งไรท์ไปไหนน้าาาา ฮื่ออออๆๆๆ
แล้วก็ที่รีดเดอร์ถามมาว่าพ่อของเซฮุนไม่รู้เหรอว่าลูกชายแต่งงานแล้ว คุณพ่อไม่รู้ค่าาา สองคนตกลงแต่งงานกันรู้กันอยู่แค่สองคนกับเพื่อนๆค่ะ ที่ไปอยู่บ้านเดียวกันคุณพ่อก็ไม่รู้ คิดว่าลูกชายอยู่คนเดียว ไรท์เขียนให้อยู่ในสังคมที่ยังไม่ค่อยเปิดรับรักร่วมเพศเท่าไหร่ฮับบบ ถ้ามีใครสงสัยเนื้อเรื่องตรงไหนถามไรท์ได้เลยน้าาา ยินดีตอบงับบ
รอไรท์กลับมาอย่าทิ้งไรท์ไปไหนน้าาา
เม้นๆเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะฮับ ชุ้บๆ >3<
#ficพี่รหัสของผม
@Auaum_CB
ความคิดเห็น