คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เริ่มปมฆาตกรรม
โคโรเนชั่น มิได้แตกต่างจากคลับอื่นทั่วๆไปเท่าใดนัก ในบางครั้งเหล่าสมาชิกของคลับมีความรู้สึกเบื่อหน่าย โดนเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการโจมตีทางอากาศด้วยแล้ว ยิ่งน่าเบื่อกว่าเดิมมากมายนัก
พันตรี พอร์ทเตอร์ นายทหารนอกราชการอดีตเคยปฏิบัติภารกิจอยู่ในประเทศอินเดีย เงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ กระแอมไอเรียกความสนใจจากบุคคลรอบข้าง แย่ชะมัด!ไม่มีใครสบตาด้วยสักคน เอาสิวะ! นี่กูเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง
เขาเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
"ในหนังสือไทม์ฉบับนี้ ลงข่าวการเสียชีวิตของ การ์ดอน โคลด จากการโจมตีทางอากาศเมื่อ 5 ตุลาที่ผ่านมานี้ แต่ไม่แจ้งสถานที่ว่าที่ไหน ที่จริงมันก็ห่างจากบ้านผมไปไม่เท่าไหร่ แถวๆคฤหาสถ์ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา แคมป์เดน บรื๋อ! เล่นเอาผมขนลุกขนพองเหมือนกัน เพราะผมทำหน้าที่ดูแลแถวนั้น
โคลด เพิ่งกลับมาจากสหรัฐ เขาไปแต่งงานกับแม่ม่ายสาววัยคราวลูกที่นั่น เอ....ดูเหมือนนางจะชื่อ นางอันเดอร์เฮย์ ผมรู้จักกับสามีคนเก่าของเธอดี เราเคยพบกันที่ไนจีเรีย"
แปลกฉิบ! ไม่ยักมีไอ้หน้าไหนสนใจหรือแม้แต่ชายตามองสักนิด ใบหน้าของไอ้พวกงี่เง่าซ่อนอยู่หลังหนังสือพิมพ์ที่จงใจกางเพื่อบังหน้า
โธ่เว้ย! หงุดหงิดแล้วนะ นึกว่ากูจะยอมแพ้เรอะ
พันตรีพอร์ทเตอร์ คันปากยิบๆ อยากจะเล่าต่อ ซึ่งเขาเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่า ไม่มีไอ้หน้าไหนรู้เรื่องที่เขารู้แน่นอน
"น่าสนใจออก" ผู้พันกล่าวต่อ ตาจ้องอยู่ที่ความมันแผล็บของรองเท้าหนังหัวแหลมด้วยความรู้สึกขุ่นมัว "ผมไม่รู้จะทำยังไงดี หลังคาตลอดจนห้องใต้ดินพังเสียหายหมด แต่แปลกที่ชั้นหนึ่งที่ใช้อยู่อาศัยกลับไม่เป็นอะไรเลย ตอนเกิดเหตุนั้นน่ะมีคนอยู่ในบ้านหลังนั้นหกคน คนใช้สาม การ์ดอน โคลดกับภรรยาและพี่เขย พวกนี้ดันเสือกไปอยู่ห้องใต้ดินกันหมด ยกเว้นก็แต่พี่เขยซึ่งเคยเป็นทหารพรานประจำหน่วยจู่โจม เจ้าหมอนี่โชคดีเพราะอยู่บนชั้นหนึ่งจึงรอดตาย แค่บาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ คนรับใช้สามคนสิ้นใจตายทันทีที่ระเบิดลงดังตูม! การ์ดอน โคลดถูกฝังอยู่กลางซากปรักหักพัง หน่วยกู้ภัยต้องขุดหากว่าจะได้ตัวขึ้นมา เขาเสียชีวิตระหว่างทางไปโรงพยาบาล ส่วนภรรยาของเขา ก็โดนแรงระเบิดเช่นเดียวกัน ผ้าผ่อนขาดกระรุ่งกระริ่ง แต่ไม่ยักกะตาย ทีนี้เลยกลายเป็นม่ายใช้ชีวิตท่ามกลางกองเงินกองทองของ การ์ดอน โคลด"
ผู้พันพอร์ทเตอร์ หยุดพูด สายตาเลื่อนเลยขึ้นมาจากรองเท้าหนังมันปลาบ เขาเห็นกางเกงลายพร้อยเสื้อนอกสีดำ ศีรษะของบุคคลเบื้องหน้าเป็นรูปไข่ ไว้หนวดเรียวงามเหนือริมฝีปาก ท่าทางเขาจะเป็นคนต่างชาติ มันอะไรกันนักกันหนา แม้แต่ในคลับยังมีคนพวกนี้อยู่อีกเรอะ แย่ชะมัดที่ความรู้สึกแปลกๆไม่ชอบหน้าชายต่างชาติมิได้ลดน้อยลง แม้ว่าเจ้าหมอนั่นจะมีท่าทีสนอกสนใจถ้อยคำที่เขานั่งพล่ามอยู่คนเดียว
เขาเอ่ยต่อ "หล่อนอายุราวๆ ยี่สิบห้า เป็นม่ายหนนี้เป็นครั้งที่สอง สามีคนแรกเป็นคนดีมากทีเดียว
อันเดอร์เฮย์ เคยเป็นผู้ว่าการภาคพื้นไนจีเรีย มีความสามารถเป็นเลิศ เขาแต่งานกับหล่อนที่เมือง เคปทาวน์ หล่อนไปที่นั่นกับคณะท่องเที่ยว อันเดอร์เฮย์ รักหล่อนมาก แต่หลังแต่งงานกัน ก็พบว่า เขากับหล่อนไปกันไม่ได้ เจ้าหล่อนเป็นคนสำรวยไม่ชอบใชชีวิตลำบากกลางป่ากลางดง เกลียดกลัวคนพื้นเมืองจนทำให้เกิดความเบื่อหน่าย ในใจหล่อนนึกถึงแต่ความเจริญ แสงสี ความสะดวกสะบายตลอดจนสังคมในเมือง"
ผู้พันหยุดพูด ถอนหายใจยาว
"ในที่สุดหล่อนก็หมดความอดทน จริงๆแล้วผมเองไม่เคยพบหล่อนหรอก อันเดอร์เฮย์น่ะเล่าให้ผมฟังทั้งนั้น เขาส่งหล่อนกลับและตกลงใจอย่าขาดจากกัน ว่าก็ว่าเถอะ ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนหัวโบราณ ที่ออกจะแปลกอยู่สักหน่อย เขาเป็นคาทอลิกที่ไม่ถือสาใร่อการหย่า เคยบ่นให้ผมฟังว่า อันที่จริงยังมีอีกหลายวิธีที่จะให้อิสระแก่พวกผู้หญิง ผมปลอบเขาไปว่า อย่าคิดอะไรมากเลย ทำใจให้สบาย อย่าคิดสั้น ไอ้การฆ่าตัวตายเพราะผู้หญิงน่ะ มันไม่เข้าท่าหรอก"
"เขาบอกกับผมว่า ไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้นสักนิด ไอ้ผมนี่มันหัวเดียวกระเทียมลีบ ไร้ญาติขาดมิตร ถ้ามีการรายงานกลับไปว่าผมเสียชีวิตก็คงง่ายเข้า โรซาลีน จะได้เป็นม่ายตามที่เธอต้องการ "คุณจะทำอย่างไร?" ผมถามเขา สักวันก็คงจะมีมนุษย์นาม อีนอค อาร์เดน ปรากฏกายขึ้นที่ไหนสักแห่งก็ได้ ผมแย้งสวนไปทันควัน นั่นจะทำให้ภรรยาคุณยุ่งยากนะ เฮ้ย! ไม่มีทางที่ โรเบิร์ต อันเดอร์เฮย์ จะตายสนิทกลายเป็นผีหายไปจากโลกนี้เลยทีเดียวละ
"หลังจากวันนั้นผมก็ลืมเรื่องราวเหล่านั้นหมดสิ้น หกเดือนต่อมา ได้ข่าวว่า อันเดอร์เฮย์ เป็นไข้ป่าตาย พวกคนพื้นเมืองเหล่านั้นไว้ใจได้ พวกนั้นเคารพ นับถือ จงรักภักดีต่ออันเดอร์เฮย์มาก คอยทำตามคำสั่งของเขาทุกประการ ร่างของอันเดอร์เฮย์คงจะฝังอยู่ในที่ใดที่หนึ่งกลางทวีปแอฟริกา นั่นแหละ แต่ถ้าไม่ได้ฝังละก็ สักวันนางกอร์เดน โคลด คงจะช็อคตายแน่ ถึงผมจะไม่เคยพบกับเธอแต่เท่าที่ได้ยินได้ฟัง จากคำบอกเล่าของอันเดอร์เฮย์ รู้สึกว่าหล่อนจะหิวเงินน่าดู"
ผู้พันพอร์เตอร์ กวาดสายตามองไปรอบตัวมีใครให้ความสนใจกับเราบ้างรึเปล่า?
เมลลอน ชายหนุ่มนายนั้นมีท่าทางเบื่อหน่าย สำหรับ เฮอร์คูล ปัวโรท์ แล้วเขาก็พบว่า นักสืบชาว
เบลเยี่ยมผู้นี้ให้ความสนใจพอสมควร
มีเสียงพับหนังสือพิมพ์ดังขึ้น ชายผมสีเทาหน้าตาปราศจากความรู้สึกลุกออกจากเก้าอี้ข้างเตาผิง
ผู้พันพอร์ทเตอร์ เงียบกริบ เสียงเมลลอนดังขึ้น "หาเหาใส่ห้วแล้วมั้นล่ะ รู้รึเปล่าว่าหมอนั่นเป็นใคร?"
"ซวยฉิบ....." พันตรีพอร์ทเตอร์สบถ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก "คุ้นๆหน้า แต่ก็ไม่ได้สนิทหรอก ดูเหมือนจะชื่อ เจอเรอมี่ โคลด น้องชายการ์ดอน โคลด ถูกไหม? ซวยชะมัดเลย......นี่ถ้ารู้ละก็........."
"หมอนั่นเป็นทนายความซะด้วย" เมลลอนกล่าวต่อ "คุณอาจถูกเขาฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทก็ได้นะ" สีหน้าฉายแววพอใจที่เห็นผู้พันพอร์ทเตอร์กระสับกระส่าย
ผู้พันบ่นกระปอดกระแปด "ซวย.....ซวยที่สุดในรอบปี"
"อย่ากลัวไปเลย รับรองได้ พอตกเย็นเรื่องนี้ก็จะแพร่จนรู้กันทั่ว" เมลลอนเสริม "ตระกูลโคลดอยู่กันที่นั่น เขาคงจะประชุมกันว่าจะทำอย่างไรดี"
พูดเสร็จ ก็หันมาชวนเฮอร์คูล ปัวโรท์ ออกมานอกคลับ
"เสียความรู้สึกหมด รำคาญชะมัด ตาเฒ่าพอร์ทเตอร์นี่แหละตังบ่อนทำลาย พล่ามแต่เรื่องอินเดียได้เป็นชั่วโมงๆ รู้สึกว่าแกจะรู้จักคนที่มีแม่เป็นศิษย์เก่า พูน่า ทุกคน"
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วง ปี ค.ศ. 1994
ค.ศ. 1996 ตอนปลายฤดูใบไม้ผลิ งานของปัวโรท์จึงเริ่มขึ้น
ความคิดเห็น