ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MSN Messenger เมลล์สยอง เจ้าของมรณะ...

    ลำดับตอนที่ #8 : MSN 8

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 49



    8


    แมรี่หลุดออกจากห้วงภวังค์และมองเห็นโลกแห่งความเป็นจริงเบื้องหน้า ร่างของบุรุษพยาบาลในชุดขาวเพิ่งถูกเธอยันจนกลิ้งตกบันไดไป เพื่อนร่างใหญ่อีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ ณ ตีนบันไดพยายามอย่างยิ่งที่จะหยุดร่างของเขาเอาไว้ ถึงตอนนี้สมองของแมรี่ก็สั่งการในสิ่งที่เธอเองก็ยังไม่แน่ใจนัก

               เธอต้องหนีไปจากที่นี่ !

                แมรี่กลับหลังหัน มองหาวิธีที่จะออกไปจากบ้านหลังนี้โดยไม่ต้องผ่านประตูหน้า เธอวิ่งไปจนสุดทางเดิน เปิดหน้าต่างออกและชะโงกหน้าออกไปเบื้องนอก

                ใต้หน้าต่างนั้นมีพื้นที่สำหรับยืนได้ยื่นออกมาเพียงเล็กน้อย แต่กำแพงที่กั้นขวางไว้ระหว่างตัวบ้านกับที่ดินรกร้างว่างเปล่าข้างๆก็ห่างกับหน้าต่างนี้ไม่ถึงเมตร แมรี่ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว เธอเชื่อว่าบุรุษพยาบาลพวกนั้นไม่ได้มาดีเป็นแน่แท้ และเธอก็ไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าลิซ่าที่เธออุตส่าห์ไว้วางใจ ทำไมจึงทำแบบนี้กับเธอได้

                แมรี่กัดฟัน รู้สึกถึงอารมณ์โกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในตัวขณะเริ่มปีนขึ้นไปบนขอบหน้าต่าง รองเท้าผ้าขนปุยของลิซ่าที่มีไว้ใส่เดินในบ้านเป็นสิ่งเดียวที่คอยปกป้องเท้าของเธอไว้ตอนนี้ ส่วนข้าวของสัมภาระอื่นๆของเธอคงจะต้องทิ้งไว้ที่นี่เสียแล้ว เวลาไม่คอยท่า

                แมรี่ออกไปยืนอยู่ด้านนอกของบานหน้าต่าง เธอได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากทางบันได พร้อมกับเสียงฝีเท้าย่ำตึงตังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พวกเขากำลังมา เธอคิด

                ขณะที่ใช้มือทั้งสองข้างเกาะขอบหน้าต่างไว้อย่างแน่นหนา เธอก็พยายามยื่นเท้าข้างหนึ่งออกไปเหยียบบนกำแพงบ้าน เมื่อตั้งหลักได้แล้วเธอจึงค่อยๆปล่อยมือจากขอบหน้าต่างอย่างช้าๆ เธอลองขยับขาอีกข้างขึ้นไปเหยียบบนกำแพงเพื่อหยั่งเชิง แต่การยืนทรงตัวอยู่บนกำแพงที่มีความกว้างเพียงเล็กน้อยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เธอรีบคุกเข่าลงและใช้มือยันกับผนังด้านนอกของบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้ร่วงลงสู่พื้นด้วยท่วงท่าที่จะก่อให้เกิดอันตรายเสียก่อน

                "เธอหายไปไหนแล้ว !" แมรี่ได้ยินเสียงพูดดังออกมาจากทางหน้าต่าง ตามมาด้วยเสียงเปิดประตูอย่างรุนแรง ตำแหน่งที่เธออยู่ตอนนี้ทำให้พวกเขามองไม่เห็นเธอ แต่หากอยู่นานกว่านี้พวกเขาจะต้องสังเกตเห็นหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้แน่

                แมรี่ค่อยๆ ไต่ลงจากกำแพง ลงไปสู่พื้นที่รกร้างที่อยู่ติดกับบ้านของลิซ่า ที่ดินนี้ถูกปักป้ายขายอยู่ริมถนนใหญ่ด้วย หญิงสาวรีบจ้ำสุดฝีเท้าข้ามผืนดินและพงหญ้า ออกไปสู่ทางเท้าที่มีผู้คนเดินกันอยู่น้อยนิด เธอรีบโบกแท็กซี่คันแรกที่ผ่านมาทันที

                "ไปไหนครับ" โชเฟอร์เอ่ยถามเมื่อแมรี่กระโดดขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง

                "ขับไปตามถนนเส้นนี้ก่อนค่ะ"

                เมื่อได้ยินดังนั้น แท็กซี่สีเหลืองคาดลายหมากรุกก็เริ่มออกวิ่งไปอย่างไร้จุดหมาย

                แมรี่ล้วงกระเป๋าเงินที่เธอพกติดตัวไว้ และเหลือบมองไปยังมิเตอร์ที่อยู่ใต้วิทยุ น่าเศร้าที่เหตุการณ์วุ่นวายต่างๆทำให้เธอลืมที่จะหยิบเงินใส่กระเป๋าเพิ่ม ตอนนี้เธอจึงเหลือเงินอยู่กับตัวเพียงน้อยนิดเท่านั้น ช่างไม่เอื้ออำนวยแก่คนที่ไร้จุดหมายปลายทางอย่างเธอเอาเสียเลย

                หญิงสาวเชื่อว่าอย่างน้อยตอนนี้เธอก็ควรอยู่ให้ห่างจากบ้านของลิซ่า แต่เธอจะกลับไปที่ห้องเช่าของตัวเองก็ไม่ได้ แม้เธอจะเกือบลืมเรื่องของแดเนียลไปแล้ว แต่เรื่องใหม่ใหญ่กว่าเดิมที่เธอต้องห่วงในตอนนี้ก็คือ ลิซ่าอาจจะพาคนจากโรงพยาบาลบ้าบุกไปลากเธอถึงบ้านก็เป็นได้

                มาดามฮิ้วส์บอกไว้ว่า วิญญาณไม่อาจแตะเนื้อต้องตัวเธอได้ แต่สำหรับกรณีของลิซ่านี่ต่างกัน เธออาจถูกลากไปมัดด้วยชุดคนบ้าแล้วโยนเข้าห้องบุนวมเมื่อไหร่ก็ได้

                แมรี่รู้สึกว่ายิ่งคิดก็ยิ่งเคืองแค้น ลิซ่าหักหลังความไว้ใจของเธอด้วยการกล่าวหาว่าเธอเป็นคนเสียสติ ก็ลิซ่าไม่ได้มาประสบพบเจอเหตุการณ์ขนพองสยองเกล้าเหมือนที่ตัวเธอเจอเองนี่ ไม่ว่าลิซ่าจะทำไปด้วยความเป็นห่วงอยากให้เธอหายจากอาการประสาทกิน แต่มีเพียงแมรี่เท่านั้นที่จะรู้ว่าอาการนี้ไม่มีวันหายไปได้เลย

                ตราบเท่าที่แดเนียลยังอยู่

                แมรี่มองไปที่กระจกมองหลัง และตัวแข็งทื่อไปทันทีที่เห็นว่าใครกำลังนั่งอยู่ข้างๆเธอ หญิงสาวเหลือบมองด้วยสายตาของตัวเองแต่ก็มีแต่ความว่างเปล่าปรากฏให้เห็น ทว่าเมื่อเหลือบไปมองกระจกอีกครั้ง เธอก็ยิ่งมั่นใจ

                ว่าแดเนียลนั่งอยู่ที่นั่น

                ชั่ววินาทีนั้นเอง ที่เธอได้เห็นนัยน์ตามันพร่าเลือนของแดเนียล... มันกำลังจ้องตรงมาทางเธอ หัวใจของแมรี่เร่งจังหวะการสูบฉีดของเลือดถี่กระชั้นขึ้น เธอรีบเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า รีบหันมองออกไปยังทิวทัศน์นอกตัวรถ แต่หัวใจเธอแทบหยุดเต้น ขนลุกซู่ไปทั้งตัว

                เมื่อภาพของแดเนียลปรากฏขึ้นที่กระจกข้าง อยู่ในระยะประชิดแม้จะมีบานกระจกกั้น

                แมรี่หันขวับกลับเข้ามา พยายามไม่มองไปที่ไหนนอกจากแผ่นยางรองพื้นที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเธอ หญิงสาวกำลังหอบหายใจอย่างหยุดไม่ได้ เธอยกมือขึ้นกุมหน้าอกเหมือนพยายามจะสื่อกับหัวใจของตัวเองให้กลับไปเต้นด้วยอัตราปกติเสียที แต่ดูเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้ร่างกายเธอไม่ยอมรับคำสั่ง

                "เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ?" โชเฟอร์แท็กซี่ถามเมื่อเห็นลูกค้าของตนมีสีหน้าดูไม่ดี

                "ไม่...ไม่เป็นไรค่ะ" แมรี่ตอบอย่างยากลำบาก เธอเกือบจะกลืนคำพูดตัวเองกลับลงคอไปหมดเสียด้วยซ้ำ

                คนขับทำท่าลังเลที่จะพูด "ขอโทษนะครับ แต่ผมไม่ชอบให้ผู้โดยสารอาเจียนบนรถ"

                "ฉันไม่ได้จะอาเจียนค่ะ" แมรี่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อบนใบหน้า

                "คุณคงไม่ได้เมารถนะครับ ?"

                "เปล่าค่ะ" แมรี่ตอบปฏิเสธไป เธอรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยที่มีคนพูดด้วย อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอไม่รู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียว เธอคงจะต้องพยายามหาเรื่องคุยกับโชเฟอร์คนนี้เพื่อคลายบรรยากาศชวนอึดอัดรอบด้าน และทันใดนั้นเองเธอก็นึกถึงที่พึ่งที่ดีที่สุดของเธอได้

                "สถานีตำรวจพาทริแกนอยู่ห่างจากที่นี่แค่ไหนคะ"

                คนขับมองดูจอมอนิเตอร์เล็กๆที่ตั้งอยู่หน้ามาตรวัด บนหน้าจอนั้นแสดงภาพของถนนสายต่างๆ ใช้สีบ่งบอกสภาพการจราจรตั้งแต่ เขียว ส้ม แดง "ดูจากการจราจร คิดว่าต้องใช้เวลาราวๆยี่สิบนาทีกว่าจะไปถึงครับ"

                "ประมาณกี่กิโลเมตรคะ"

                "ถ้าใช้เส้นทางที่รถไม่ติดแต่อ้อมสักหน่อยก็ราวๆ... สามสิบกว่ากิโลเมตรครับ แต่ทางนี้ต้องบวกค่าไฮเวย์เพิ่มเข้าไปด้วยนะครับ"

                แมรี่ลองอ่านตารางราคาที่ติดไว้ด้านหลังของเบาะคนขับ และพบว่าเงินที่เธอมีอยู่กับตัวนั้นไม่พอจะพาเธอไปถึงสถานีตำรวจพาทริแกน อันที่จริงเธอจะไปถึงที่นั่นแล้วขึ้นไปเรียกเชสเตอร์มาจ่ายเงินแทนเธอก็ได้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอไม่อยากขึ้นไปที่ที่ทำงานของเขา แล้วเรียกเขาลงมาต่อหน้าเพื่อนตำรวจด้วยเรื่องงี่เง่าแบบนี้หรอก

                แมรี่ลองสำรวจสิ่งของที่มีติดตัว และแทบคลั่งตายเมื่อพบว่าเธอไม่มีโทรศัพท์มือถือ หญิงสาวตัดสินใจให้แท็กซี่จอดอยู่หน้าร้านกาแฟเล็กๆร้านหนึ่ง ค่าโดยสารที่เสียไปยังทำให้เธอมีเงินเหลือพอจะใช้โทรศัพท์สาธารณะและดื่มกาแฟหอมกรุ่นเพื่อคลายความเหนื่อยล้าสักแก้ว

                เธอเข้าไปในตู้โทรศัพท์ หยอดเหรียญ และกดหมายเลขไปยังห้องทำงานของเชสเตอร์โดยตรง มีไม่กี่คนนักที่จะรู้เบอร์ต่อสายตรงถึงเชสเตอร์ แต่ถึงกระนั้นสายโทรศัพท์ของเขาก็ไม่ค่อยจะว่างเสียทีเดียว แมรี่ถึงกับถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่ต้องทนฟังเสียงสัญญาณตู๊ดติดต่อกันถี่ๆที่บ่งบอกว่าเธอต้องโทรกลับไปใหม่เมื่อสายว่าง

                "สวัสดีครับ เชสเตอร์ แพ็ดดิงสันประจำกรมตำรวจพาทริแกนครับ" ชายหนุ่มรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงขึงขัง

                "เชสเตอร์...ฉันมีเรื่องอยากให้เธอช่วย" แมรี่พูดอย่างรู้สึกเกรงอกเกรงใจ

                "มีอะไรหรือ ?" เขากล่าวด้วยเสียงกระตือรือร้น แมรี่นึกภาพออกเลยเชียวว่าเขาคงกำลังขมวดคิ้วมุ่นอยู่ขณะถือหูโทรศัพท์

                แมรี่ตัดสินใจเล่าถึงสิ่งที่ลิซ่าทำกับเธอ และบอกเขาว่าเธอหนีรอดจากบุรุษพยาบาลพวกนั้นมาได้อย่างไร และตอนนี้เธอกำลังอยู่ที่ไหน

                "ไม่อยากเชื่อเลยว่ายายลิซ่าจะทำแบบนี้ !" เชสเตอร์กระแทกเสียงด้วยความไม่พอใจถึงขีดสุด "อย่าเพิ่งไปไหนนะ ! ร้านกาแฟโอลด์ดุ๊คบนถนนบลูเบย์ใช่ไหม !"

                แมรี่เงยหน้าขึ้นอ่านชื่อร้านเพื่อให้มั่นใจ "โอลด์-ดุ๊ค" เธอย้ำอีกครั้ง รู้สึกกลัวเกรงอารมณ์กราดเกรี้ยวของเชสเตอร์ขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด

                "ฉันจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้ !"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×