ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MSN Messenger เมลล์สยอง เจ้าของมรณะ...

    ลำดับตอนที่ #6 : MSN 6

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 49


    6



    "เธอแน่ใจหรือว่าจะเชื่อที่มาดามฮิ้วส์พูด?" ลิซ่าเอ่ยถามขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินอยู่บนทางเท้าของถนนมาระโก

                แมรี่หันไปมองเพื่อนสาว ทำตาโตเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกมา "ฉันนึกว่าเธอชอบเรื่องไสยศาสตร์พวกนี้เสียอีก แต่เธอกลับเป็นฝ่ายถามฉันว่าจะเชื่อหรือเปล่างั้นหรือ?"

                "คือ..." ลิซ่าดูมีท่าทีลำบากใจ "ฉันชอบเล่นของประหลาดๆพวกนี้ก็จริง แต่เธอไม่เห็นหรือว่าเรื่องนี้มันเหมือนแหกตากันชัดๆ ลูกแก้วนั่นเรืองแสงเสียแสบตา แล้วสิ่งที่มาดามฮิ้วส์พูดมาก็ฟังดูเหลือเชื่อมาก เธอลองคิดดูดีๆสิ เขาก็แค่พูดให้มันฟังดูคลุมเครือเพื่อจะได้ไม่ผิด ก็เหมือนพวกหมอดูธรรมดาทั่วไปนั่นแหละ"

                แมรี่ไม่แน่ใจ ถึงมาดามฮิ้วส์จะใช้คำพูดคำจาที่คลุมเครือ แต่หลายสิ่งที่เธอกล่าวมาก็ค่อนข้างตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น แต่นั่นอาจเป็นเพราะความกำกวมไม่ใช่หรอกหรือ "ไม่รู้สิ... ฉันไม่แน่ใจ" เธอกุมขมับ พยายามขับไล่ความสับสนออกไปให้พ้นจากจิตใจ

                "ไม่เอาน่า พักนี้เธออาจจะเครียดเกินไปก็ได้" ลิซ่าพยายามเกลี้ยกล่อม

                แมรี่จดจำสิ่งที่เห็นในลูกแก้วของมาดามฮิ้วส์ได้ ภาพนั้นไม่มีทางโกหกได้อย่างแน่นอน มาดามฮิ้วส์ไม่รู้จักกับแดเนียล ไม่มีทางที่เธอจะนำภาพของเขามาฉายขึ้นบนลูกแก้วได้หรอก ใช่แล้ว... เธอสมควรจะเชื่อในสิ่งที่มาดามฮิ้วส์พูด

                "ฉันคิดว่าฉันเชื่อ"



    ย้อนกลับไปเมื่อสิบนาทีก่อน

                "แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางออกเสียทีเดียว" มาดามฮิ้วส์พูดขึ้น ขณะประสานมือเหี่ยวย่นทั้งสองข้างวางไว้บนโต๊ะหน้าลูกแก้ว "แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะกำจัดวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในโลกมนุษย์ได้ แต่ยังมีหนทางที่จะทำให้มันเลิกยุ่งกับคุณได้"

                "ต้องทำยังไงคะ?" แมรี่ถามอย่างร้อนรน

                "วิธีที่หนึ่ง ทำให้วิญญาณตามไปรังควานคนอื่น" มาดามฮิ้วส์สวมแว่นตาทรงกลมอันจิ๋ว นัยน์ตาขุ่นมัวของเธอมองตรงมาที่แมรี่จนเธอรู้สึกสะท้าน "วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและเป็นที่นิยม แม้จะดูเห็นแก่ตัวไปบ้าง คุณแค่หาวิธีที่จะทำให้วิญญาณดวงนั้นเลิกสนใจคุณแล้วไปหลอกหลอนคนอื่นเท่านั้น ซึ่งในกรณีนี้ ฉันคิดว่าเพียงแค่ทำให้ใครสักคนพูดคุยกับวิญญาณผ่านทางโปรแกรมเอ็มเอสเอ็นอย่างที่คุณทำก็เพียงพอแล้ว"

                ฟังดูร้ายกาจเกินไป แมรี่ตั้งใจจะเก็บวิธีนี้ไว้เป็นวิธีสุดท้าย

                "แต่วิธีนี้ก็ใช่ว่าจะรับประกันได้เสียทีเดียว บางทีวิญญาณดวงนี้อาจกลับมาหาคุณอีกหลังจากเล่นงานเหยื่อรายใหม่ไปเรียบร้อยแล้วก็ได้ การทำให้ผู้คนหวาดกลัวถือเป็นความสนุกอย่างหนึ่งของวิญญาณเร่ร่อน ขอเพียงใครสักคนเปิดประตูเชื่อมความเป็นวิญญาณและความเป็นมนุษย์ให้ วิญญาณก็จะสนุกสนานกับการหลอกหลอนคนๆนั้น จนกว่ามันจะเบื่อหน่าย หรือชีวิตของคนๆนั้นจะหาไม่... จึงมีวิญญาณหลายดวงที่พยายามจะหลอกล่อให้มนุษย์พลาดพลั้งเปิดประตูติดต่อกับพวกมัน โชคดีที่การล่อลวงนี้ทำได้ไม่ง่าย ไม่เช่นนั้นทุกคนคงมีวิญญาณตามตัวกันคนละดวงแล้ว" หญิงชราหัวเราะเสียงแหบ แต่สองสาวไม่รู้สึกขำไปด้วย

                "และอีกวิธี เป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ทำได้ยากที่สุด" มาดามฮิ้วส์ว่าต่อ คราวนี้เสียงของเธอฟังดูจริงจัง เรียกความสนใจจากแมรี่ได้มากขึ้นกว่าเดิม "คือการส่งวิญญาณไปสู่สุขคติ"

                "ส่งไปสู่สุขคติ?" แมรี่ทวนคำ สีหน้าเคลือบแคลง

                "ใช่แล้ว ตามปกติเมื่อมีคนตาย เขาก็จะถูกทำพิธีเพื่อส่งวิญญาณไปสู่สุขคติ แต่ความเชื่อนี้ได้รับความเคร่งครัดในการปฏิบัติน้อยลง ทำให้เกิดวิญญาณเร่ร่อนจำนวนมาก แล้วรู้ไหมว่าอะไรที่ทำให้วิญญาณเร่ร่อนพวกนี้น่ากลัว? เพราะว่าพวกมันเป็นเหมือนเด็กเก็บกดที่ได้แต่ท่องเที่ยวไปในโลกเหมือนไร้ตัวตนน่ะสิ และเหตุผลที่พวกเราต้องหวาดกลัววิญญาณเร่ร่อนเหล่านี้ก็เพราะว่าพวกมันไม่มีใครทำพิธีส่งไปสู่สุขคติให้ ซึ่งสรุปได้ว่าวิญญาณเหล่านี้มักถูกฆาตกรรมหรือตายโดยไม่มีใครรู้ ทำให้มีความคับแค้นฝังอยู่ในใจมาก และนอกจากมันจะพยายามกลับไปเล่นงานคนที่สร้างความเสียหายให้กับมันเมื่อครั้งที่มันยังมีชีวิตอยู่แล้ว ความอิจฉาริษยาอย่างที่ดิฉันเคยบอกไปก็อาจทำให้พวกมันเล่นงานคนธรรมดาที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยได้"

                "งั้นสิ่งที่ฉันต้องทำก็คือ?" แมรี่ขมวดคิ้วมุ่น

                "เหมือนที่คุณเคยเห็นในหนังนั่นไง" มาดามฮิ้วส์แค่นหัวเราะ "หาศพให้เจอและทำพิธีสวดศพ"



    ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แมรี่ครุ่นคิด การตามหาตัวใครสักคนจากอีเมลล์นั้นยากพอๆกับการงมเข็มในมหาสมุทร ข้อมูลที่ใช้ลงทะเบียนบนอินเตอร์เน็ทแม้แต่เด็กสิบขวบที่เพิ่งหัดเล่นอินเตอร์เน็ทก็คงรู้ว่าสามารถใส่อะไรลงไปก็ได้โดยที่เครือข่ายไม่รู้ว่าเราโกหก โดยเฉพาะเครือข่ายของบริษัทที่ใหญ่โตมโหฬารอย่างฮ็อตเมลล์ แล้วเธอจะรู้ได้อย่างไรกันว่าเจ้าของอีเมลล์นั้นเป็นใครกันแน่ สิ่งเดียวที่เธอรู้ในตอนนี้ก็คือ คนๆนั้นอาจชื่อ แมรี่ ซึ่งก็เป็นข้อมูลที่มีสิทธิ์ผิดพลาด และไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเสียเลย

                "ดูเหมือนเธอยังคิดมากอยู่นะ" ลิซ่าพูดขณะกำลังขับรถ เธอวาดพวงมาลัยขณะกำลังขยับรถออกจากที่จอด "บางทีแค่เธอทำใจให้สบาย อะไรๆก็อาจดีขึ้น ภาพพวกนั้นอาจเป็นแค่ภาพหลอนที่เกิดจากความเครียดก็ได้"

                แมรี่พยักหน้าเนือยๆ เธอไม่โทษลิซ่าหรอกหากเขาจะไม่เชื่อ เพราะลิซ่าไม่ได้เห็นภาพในลูกแก้วอย่างที่เธอเห็นนี่

                "ฉันรู้จักจิตแพทย์เก่งๆอยู่หลายคนเหมือนกันนะ บางทีพวกเขาอาจจะช่วยเธอได้"

                แมรี่หันขวับไปมองเพื่อนสาวด้วยสีหน้าไม่พอใจ นี่เธอกำลังถูกมองว่าเป็นคนบ้างั้นหรือ

                "อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันคิดว่าเธอเครียดเกินไป จริงๆนะ" ลิซ่าละล่ำละลัก ขณะนี้รถของเธอกำลังแล่นออกสู่ถนนใหญ่ การจราจรหนาแน่นพอสมควร คงต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับไปถึงบ้านของแมรี่

                หญิงสาวถอนใจขณะหันออกไปชมทิวทัศน์เบื้องนอก ทว่าเมื่อสายตาของเธอตวัดออกไป เธอก็ต้องสะดุ้งเฮือก เสียววาบไปทั้งไขสันหลัง

                แดเนียลกลับมาอีกครั้ง!

                ใบหน้าและมือที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดเกาะอยู่บนกระจกรถ เขากำลังตะเกียกตะกายใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเข้าถึงตัวแมรี่ คราบเลือดเป็นแนวยาวเปื้อนเปรอะเกรอะกรังอยู่บนกระจก กำปั้นของเขาทุบโครมครามส่งผลให้กระจกสั่นสะเทือน หากเป็นแบบนี้อีกไม่นานมันคงจะร้าวรานและแตกกระจายเป็นผุยผง

                แมรี่กรีดร้องออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ เธอก้มหัวลงกุมศีรษะไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ปากส่งเสียงไม่ยอมหยุดราวกับคนเสียสติ ร่างของเธอดิ้นไปมาแต่ยังถูกเข็มขัดนิรภัยคอยรั้งเอาไว้ ลิซ่าที่นั่งอยู่ข้างๆตาเบิกโพลงด้วยความตื่นตะลึง

                "แมรี่ เป็นอะไรไป คุมสติหน่อย!" หญิงสาวพยายามฉุดเพื่อนของเธอกลับมาจากอาการทุรนทุราย แมรี่ค่อยๆสงบลงอย่างเชื่องช้า เธอสั่นระริกไปทั้งตัว แต่ยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา

                "เป็นอะไรไป!" ลิซ่าร้องเรียกเสียงดัง รถคันหลังกำลังบีบแตรเพราะเธอลืมเคลื่อนรถไปเสียสนิท

                แมรี่เหลือบมองดูกระจกรถอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่มีคราบเลือด ไม่มีร่องรอยร้าวบนกระจกแต่อย่างใด ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ

                "เธอเห็นหรือเปล่า?" แมรี่ถามเสียงสั่น

                "เห็น?" ลิซ่าทวนคำด้วยความงุนงง "เห็นอะไร?"

                "เขา" แมรี่ตอบ เสียงหายใจของเธอถี่กระชั้น แม้จะค่อยๆดีขึ้นเป็นลำดับ

                "เขาไหน?" ลิซ่ายังคงไม่เข้าใจ

                "แดเนียล!" แมรี่ร้องออกมาราวกับคนสติไม่ดี "เขากลับมาอีกแล้ว!"



    ฟอร์ดโฟกัสตรงเข้าสู่ลานจอดรถของอพาร์ตเม้นต์ ลิซ่าถอยรถจอดข้างเสาและเปิดประตูลงมาจากรถ เธอต้องเดินอ้อมมาเปิดประตูรับแมรี่ด้วย เพราะเจ้าตัวดูเหมือนจะไม่กล้าทำอะไรอีกต่อไปแล้ว แม้กระทั่งตอนที่ก้าวลงมาจากรถ ขาของเธอยังสั่นจนแทบทรงตัวไม่อยู่ เห็นแบบนี้ลิซ่าเองก็ยังจนปัญญาที่จะช่วยอะไรได้

                "พวกเราจะขึ้นไปที่ห้องของฉันกันหรือ..." แมรี่ถาม ทั้งตัวสั่นอย่างกับเจ้าเข้า

                ลิซ่าเลิกคิ้วให้กับคำถามที่ฟังดูแปลกประหลาดนั้น "ใช่สิ ก็เธอเช่าห้องอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ"

                แมรี่ออกเดินไปพร้อมๆกับลิซ่า แต่ร่างของเธอก็ซวนเซจะล้มมิล้มแหล่ ลิซ่าต้องคอยประคับประคองเธอไปตลอดทาง ทั้งคู่เดินไปจนถึงหน้าลิฟต์ ขณะที่ลิซ่ากำลังกดปุ่มขึ้น แมรี่ก็ตัดสินใจพูดออกมาว่า

                "ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว" น้ำเสียงของเธอไม่มีความมั่นคงอยู่เลย "ให้ฉันไปอยู่กับเธอได้ไหม ลิซ่า?"

                ลิซ่ามองเพื่อนสาว สีหน้าฉายแววความงุนงง "เอ้อ...ได้สิ"

                แมรี่ยิ้มอย่างอ่อนใจ



    ลิซ่าช่วยแมรี่เก็บข้าวของเครื่องใช้จำเป็นในห้องเช่าของเธอยัดใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็ก สองสาวเดินพล่านทั่วห้อง แมรี่ไล่เก็บเสื้อผ้าที่เธอทิ้งระเกะระกะเอาไว้ช่วงที่ยังไม่มีเวลาทำความสะอาด ส่วนลิซ่าก็ให้ความช่วยเหลือโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย จิตใจของเธอกำลังรู้สึกหดหู่ชอบกล อาจเป็นเพราะเพื่อนของเธอกำลังตกที่นั่งลำบากกระมัง

                "เชสเตอร์เป็นยังไงบ้างหรือ?" แมรี่เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินกลับไปที่ลิฟต์ด้วยกัน ดูเหมือนอาการหวาดผวาของเธอจะดีขึ้นมากแล้ว เธอกลับมาพูดจาตามปกติ มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถือกระเป๋าเสื้อผ้าด้วยตัวเอง

                "พวกเธอเพิ่งเจอกันเมื่อคืนก่อนเองนี่" ลิซ่าพูดพลาดหัวเราะคิก "แต่เขาโทรมาหาฉันด้วยล่ะ บอกว่าพักนี้เธอทำตัวแปลกๆ เริ่มเพ้อถึงเรื่องของแดเนียล..." เสียงเธอฟังดูหม่นหมองลงเล็กน้อย "แต่ฉันทำใจได้แล้วล่ะ บางทีอาจจะดีกว่าถ้าเธอลืมเรื่องของเขาไปเสีย"

                ใบหน้าของแมรี่ซีดขาวไปชั่ววูบหนึ่ง "ถ้าลืมได้ก็คงจะดี..." เธอพึมพำเบาๆ

                "ฉันไม่เข้าใจจริงๆ เธอเห็นอะไรที่พวกเราคนอื่นไม่เห็นงั้นหรือ?"

                ก็เห็นน่ะสิ แมรี่คิดในใจ แต่เธอไม่อยากจะบอกลิซ่าที่ทำท่าไม่เชื่อจนเหมือนอคติหรอก "ฉันเห็นอะไรแปลกๆเยอะ บางทีอาจจะเป็นเพราะเครียดเกินไปจริงๆก็ได้"

                "งั้นฉันจะช่วยดูแลเธอสักระยะ เผื่อว่าอะไรๆจะดีขึ้น" ลิซ่าทำท่าครุ่นคิดและลังเล

                แมรี่พยักหน้ารับ แม้มันอาจจะช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย แต่อย่างน้อยการที่ไม่ต้องอยู่คนเดียวในห้องเช่าแห่งนี้ก็คงทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก

                ทั้งคู่ลงลิฟต์ไปด้วยกัน

                "ขอฉันเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม?" ลิซ่าชี้นิ้วโป้งไปที่ประตูห้องน้ำก่อนถึงทางออกไปลานจอดรถ

                "ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม" แมรี่เสนอตัว

                "ไม่เป็นไร ฉันไปเองดีกว่า" ลิซ่าโบกมือไปมา และเดินฉับๆตรงเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว

                นี่เป็นบรรยากาศที่แมรี่ไม่ชอบเอาเสียเลย เธออยู่คนเดียวและรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกอีกแล้ว อันที่จริงเธอเริ่มคิดว่าเมื่อครู่น่าจะเดินตามลิซ่าเข้าไปในห้องน้ำเสียเลย แต่ในเมื่อเจ้าตัวปฏิเสธไปแล้ว เธอจะบากหน้าเดินเข้าไปเลยก็กระไรอยู่

                ตอนนี้คงทำได้เพียงลุ้นให้ลิซ่าออกมาโดยเร็วเท่านั้น

                หญิงสาวพยายามตั้งสติและกวาดตามองไปรอบๆ คราวนี้เธอจะไม่ยอมประสาทเสียเพราะถูกแดเนียลตามหลอกหลอนอีกต่อไปแล้ว แม่หมอมาดามฮิ้วส์บอกไว้ว่าวิญญาณรายนี้ไม่มีทางจะแตะเนื้อต้องตัวเธอได้ เพียงแต่เธอมองเห็นมันก็เท่านั้นเอง ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องกลัว เธอพยายามคิดปลอบใจตัวเองอย่างเต็มที่

                ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่มีอะไรต้องกลัว

                แมรี่ใช้สมาธิไปกับการเพ่งมอง โดยหวังว่าจะเห็นแดเนียลโผล่ออกมาจากที่ไหนสักแห่ง เธอตั้งใจอย่างมากว่าหากเขาปรากฏตัวออกมาอีกคราวนี้ เธอจะเลิกกลัวและขจัดปัญหานี้ออกไปเสียที ใช่แล้ว เธอจะต้องเดินหน้าสู้กับปัญหา

                "ไปกันเถอะ แมรี่" เสียงของลิซ่าดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงประตูห้องน้ำ

                แมรี่ถอนใจอย่างโล่งอก ในที่สุดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว เธอหันไปหาลิซ่า "ไปกัน..."

                เสียงร้องกัมปนาทดังขึ้น! แดเนียลส่งเสียงคำรามขู่ก้อง ใบหน้าเละเน่าเฟะของเขาอ้าปากกว้างจนบิดเบี้ยวผิดรูป น้ำลายหยดย้อยและกลิ่นปากชวนให้อาเจียน แมรี่แข็งเกร็งไปทั้งตัว ขาทั้งสองข้างไม่ยอมขยับเอาเสียดื้อๆ ตาของเธอสบเข้ากับนัยน์ตาสีขาวขุ่นคู่นั้นเข้าไปเต็มๆ ในระยะประชิดห่างกันไม่ถึงฟุตเสียด้วยซ้ำ

                "เป็นอะไรไป แมรี่" แดเนียลหายไป เหลือเพียงลิซ่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ

                หญิงสาวผงะถอย หนีห่างจากลิซ่าราวกับเธอเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดในโลก

                "แมรี่..." ลิซ่าร้องเรียกชื่อเธออีกครั้ง

                เธอยกมือขึ้นกุมหน้าอก หายใจหอบราวกับเพิ่งวิ่งมาราธอนเสร็จมาหมาดๆ ใบหน้าดูหวาดกลัวจนผู้พบเห็นต้องพลอยกลัวตามไปด้วย

                "แมรี่!" ลิซ่าตะโกนเสียงดัง เธอตรงรี่เข้าไปประคองร่างของแมรี่เมื่อเห็นท่าทีอ่อนแรง แมรี่ปัดมือเธอทิ้งและก้าวถอยไปจนติดกำแพง ขาทั้งสองข้างของเธอสั่นจนทรงตัวอยู่ไม่ไหวต้องทรุดลงไปนั่งอยู่บนพื้น แววตาเลื่อนลอยราวกับกำลังหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง

                "ตื่นเสียที แมรี่!" ลิซ่าเดินเข้าไปตบหน้าเธอด้วยแรงที่มากพอจะเรียกสติให้หวนคืน

                แววตาสั่นระริกปรากฏความประหวั่นพรั่นพรึง แมรี่ส่ายหัวไปมา "อย่า...อย่ามายุ่งกับฉัน ไปให้พ้น!" เธอละล่ำละลัก "ไม่ใช่เธอ...ไม่ใช่เธอนะ ลิซ่า" ลิซ่าโคลงหัวมองเธออย่างหวาดระแวง "ฉันไล่เขา...ฉันไล่เขา!"

                 "พอแล้ว! ไม่ต้องไล่ใครทั้งนั้น!" ลิซ่าพูดเสียงดัง กลบเสียงอันสั่นเทาของแมรี่ไปจนสิ้น "ไปที่บ้านฉันกัน ฉันรับรองว่าจะไม่มีใครตามไปรังควาญเธอทั้งนั้น"

                ฟันของแมรี่กระทบกันดังกึกๆ เธอพูดออกมาอย่างยากลำบาก "เธอ...เธอแน่ใจหรือ..." เสียงสั่นแต่พอจะจับใจความได้ "เขา...เขาไปได้ทุกที่"

                "ยกเว้นที่บ้านฉัน" ลิซ่าคว้ากระเป๋าของแมรี่ขึ้นมา และจูงมือเธอเดินไปขึ้นฟอร์ดโฟกัสอย่างรวดเร็ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×