ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ฉบับที่ 3 : ข้อความ...
          แมรี่เล่าเรื่องภาพตัวแทนที่เธอเห็นในคอมพิวเตอร์ให้เชสเตอร์ฟัง แต่ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกลับพยายามปลอบเธอด้วยการบอกว่ามันเป็นเพียงสิ่งที่แมรี่คิดไปเอง เกิดจากความเสียใจในการจากไปของแดเนียล แมรี่เองเมื่อได้รับความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยจากเชสเตอร์ก็พยายามยอมเชื่อในสิ่งที่เขาพูด
          ชายหนุ่มอาสาพาแม่รี่ไปส่งที่ห้องเช่าด้วยรถของเธอ ทั้งสองสรรหาเรื่องสนุกสนานขึ้นมาพูดคุยกันตลอดทาง จนกระทั่งเชสเตอร์นำรถของแมรี่ไปจอด และเดินต่อไปส่งเธอถึงหน้าห้องพัก
          “ขอโทษที่ฉันสร้างปัญหาให้เธอนะ เชสเตอร์” แมรี่ก้มหน้างุดกล่าวด้วยความสำนึกผิด แต่ชายหนุ่มกลับยิ้มกว้างพลางถอนหายใจยาวออกมา
          “งานของฉันคือแก้ไขปัญหาให้ประชาชนนะ” เขาตอบกลั้วหัวเราะอย่างสบายอารมณ์ ทำให้หญิงสาวโล่งใจขึ้นได้มาก “พยายามอย่าคิดเรื่องของแดเนียลให้มากนักล่ะ เดี๋ยวจะเห็นอะไรแปลกๆเข้าอีก”
          ว่าจบ เชสเตอร์ก็กอดร่างบางของแมรี่ไว้อย่างทะนุถนอม หญิงสาวขยับรอยยิ้มแนบใบหน้าลงบนแผ่นอกกว้างรับความรู้สึกอบอุ่นที่ชายหนุ่มมอบให้อย่างเต็มใจ แต่ความรู้สึกนั้นอยู่ได้ไม่นาน เชสเตอร์ก็ผละออกจากร่างของเธอเสียก่อน
          “นอนหลับฝันดีนะ” ชายหนุ่มเอ่ยคำลาด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะเดินตัวปลิวออกไปตามทางเดิน ทิ้งหญิงสาวให้ยืนส่งยิ้มบางๆให้เขาด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์เป็นที่สุด
          เมื่อร่างของเชสเตอร์หายลับไปในหัวเลี้ยว แมรี่ก็ถอนหายใจแอบอมยิ้มกับตัวเอง และหยิบกุญแจออกมาเปิดเข้าไปในห้องส่วนตัวของเธอ
          ดวงไฟบนเพดานถูกเปิดให้ส่องแสงสว่างโร่ไปทั่วทั้งห้อง หญิงสาวเดินตรงไปเปิดหน้าต่างรับลมเอื่อยๆยามสาย ก่อนจะกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มสบายของเธอ
          ความคิดของแมรี่ล่องลอยไปพร้อมๆกับกาลเวลา... ความว่างทำให้เธอเริ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมาย แต่สุดท้ายแล้วทุกๆเรื่องก็มาบรรจบกันที่เรื่องการตายของแดเนียลจนได้...
          เมื่อหญิงสาวพลิกตัวไปนอนตะแคง นัยน์ตาสีฟ้าใสก็พลันเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ไร้สายที่วางอยู่ข้างเตียงเข้า แมรี่ชั่งใจตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจยื่นมือไปหยิบหูโทรศัพท์มากดเบอร์ ติดต่อกับลิซ่า เพื่อนสาวของเธอ
          “ฮัลโหล... แมรี่เหรอ...” น้ำเสียงที่ลิซ่าทักทายมาทำให้แมรี่รู้สึกสลดใจไปมากพอสมควร เพราะกระแสเสียงที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้านั้นฟังราวกับกำลังสะอื้นไห้ กลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถ
          “ฉันเสียใจด้วยเรื่องแดเนียลนะ...”
          “ไม่เป็นไร... ฉันทำใจได้แล้วล่ะ” แม้จะพูดอย่างนั้น แต่เสียงของเธอก็กำลังฟ้องว่าเธอโกหก ปากไม่ตรงกับใจเอาเสียเลย
          “คือ... จริงๆแล้วฉันมีเรื่องอยากจะถามเธอน่ะ” แมรี่พยายามเข้าสู่หัวข้อสนทนา แม้จะรู้สึกเกรงใจลิซ่าอยู่มากก็ตาม “แดเนียลแอดเมลล์ของคนที่ชื่อเหมือนฉันไปใช่ไหม?”
          “ใช่... ขอโทษนะ... จริงๆแล้วฉันแค่อยากแกล้งเธอเล่นๆเท่านั้นเอง” ลิซ่าตอบสะอึกสะอื้น ขณะที่แมรี่หรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด
          แม้เหตุการณ์ในห้องของแดเนียลจะทำให้เธอตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก แต่เธอก็ยังจดจำสิ่งที่เห็นจากไฟล์ชื่อว่างเปล่านั้นได้ ความแตกต่างระหว่างเธอและแดเนียล...
          แมรี่ลบเมลล์นั้นทิ้งตั้งแต่วันแรก แต่แดเนียลเก็บเมลล์นั้นไว้ถึงสามวันซึ่งหมดลงในวันที่เขาเสียชีวิตพอดิบพอดี
          ความกลัวเริ่มผุดพรายขึ้นในใจหญิงสาว มือที่ถือหูโทรศัพท์ของเธอเริ่มสั่นระริก แมรี่นึกโทษตัวเองขึ้นมาทันที เชสเตอร์บอกเธอแล้วว่าอย่าพยายามคิดถึงเรื่องนี้ แต่เธอก็ยังคิด!
          ไม่จำเป็นอีกแล้ว ลืมมันไปเสียดีกว่า
          แมรี่รำพึงในใจพยายามขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกไปจากหัวสมอง แต่การเงียบไปนานของเธอทำให้เพื่อนสาวของเธอใจไม่ดีขึ้นมา
          “เป็นอะไรไปหรือเปล่า แมรี่?”
          หญิงสาวถอนหายใจอย่างแผ่วเบาที่สุดหวังไม่ให้เสียงเล็ดลอดเข้าไปในโทรศัพท์ ก่อนจะยืนกรานไปอย่างหนักแน่นว่า
          “ไม่มีอะไรหรอก แต่ฉันคงต้องวางหูแค่นี้ก่อนแล้วล่ะ”
          “โชคดีนะจ๊ะ”
          แมรี่วางโทรศัพท์ลงบนฐานก่อนจะกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงอีกครั้ง แต่คราวนี้หญิงสาวตระหนักได้ว่าหากปล่อยให้ว่าง เธอย่อมกลับไปคิดอะไรฟุ้งซ่านเหมือนเดิมอีก รู้เช่นนั้นเธอจึงตรงไปนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นกิจวัตรปกติในยามว่าง
          เครื่องคอมพิวเตอร์เริ่มทำงาน หน้าจอวินโดว์กำลังปรากฏขึ้น แมรี่ชั่งใจอยู่นานก่อนจะตัดสินใจปิดโปรแกรม MSN ที่เธอรู้สึกขยาดกับมัน และต่ออินเตอร์เน็ตเข้าเว็บไซต์เพื่อเช็คอีเมลล์แทน
          แต่แล้วความประหลาดใจก็เกิดขึ้น เมื่อเนื้อที่กล่องจดหมายของเธอนั้นเต็มเอี้ยดจนไม่สามารถรับข้อความจากใครได้อีกแล้ว
          หญิงสาวรีบเปิดกล่องจดหมายดูด้วยความฉงนอยากจะรู้ว่ามีอะไรส่งเข้ามาบ้าง ทว่าเมื่อรายชื่อจดหมายเหล่านั้นแสดงขึ้นมา เธอก็จำต้องใจหายวาบด้วยความตกใจระคนหวาดกลัว
          จดหมายเหล่านั้นไม่มีข้อความอะไรอยู่เลย และที่สำคัญคือ...
          มันส่งมาจาก mary@hotmail !
          เธอตั้งสติให้มั่นคง แม้สีหน้าจะบิดเบี้ยวด้วยความกลัว แมรี่เลื่อนเมาส์ไปคลิกที่หน้าเมลล์จำนวนมากพวกนั้น เตรียมที่จะลบมันออกไป แต่ทันใดนั้นเอง...
          หน้าต่างสนทนาของ MSN ก็เด้งขึ้นมา!
          มันปรากฏขึ้นมาทั้งๆที่ไม่มีข้อความอะไรอยู่เลย แต่ที่แย่ที่สุดคือภาพตัวแทนซึ่งขณะนี้แมรี่ได้เห็นมันอย่างชัดเจนแล้ว
          มันคือใบหน้าของแดเนียล
          ความตกใจระคนหวาดผวาที่ประดังเข้ามาจนล้นปรี่หัวใจนั้นทำให้เธอถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่ง ไม่ว่าแมรี่จะดูยังไงใบหน้าที่ปรากฏขึ้นมาในภาพตัวแทนนั้นก็คือแดเนียล เขากำลังส่งเสียงร้องที่เธอไม่อาจได้ยิน ด้วยท่าทางทุกข์ทรมานอย่างที่สุด...
          หัวคิ้วของหญิงสาวยับย่น หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ มือไม้ที่เย็นเฉียบแทบไม่ยอมขยับตามคำสั่ง เธอไม่ต้องการ... เธอไม่ต้องการที่จะดูมันอีกต่อไปแล้ว
          แมรี่ก้มหน้างุดสะบัดหัวไปมาราวกับคนคลุ้มคลั่ง มืออันสั่นเทาของเธอพุ่งไปจับสายปลั๊กไฟและดึงมันออกมาอย่างรวดเร็ว หน้าจอที่เคยสว่างไสวพลันมืดสนิทไปในทันใด ทิ้งไว้เพียงความหวาดกลัวให้กัดกินจิตใจของหญิงสาวต่อไป
          เรี่ยวแรงที่หายไปยังผลให้ร่างของหญิงสาวอ่อนระทวยอยู่บนเก้าอี้ เรียวขาสั่นระริกพยายามพยุงตัวให้เดินตรงไปในห้องน้ำอย่างยากลำบาก เธอโซเซไปมาเกือบจะหกล้มหน้าทิ่มหลายต่อหลายครั้ง
          ระหว่างที่พยายามปรับจังหวะลมหายใจให้กลับเข้าที่ เธอก้มลงไปที่อ่างล้างหน้าสูดอากาศเข้าทางปากจนเต็มปอด หัวใจที่กำลังสูบฉีดเลือดอย่างรัวเร็วต้องการออกซิเจนไปหล่อเลี้ยง...
          ก๊อกน้ำถูกบิดเปิด น้ำเย็นๆถูกวักขึ้นกระทบกับใบหน้าชุ่มเหงื่อ หยาดน้ำใสๆหยดย้อยลงมาจากใบหน้าของเธอเป็นสาย แมรี่หลับตาลงพยายามควบคุมสติไว้ไม่ให้กระเจิดกระเจิงไปไกล ก่อนจะลืมตาขึ้นเงยหน้าส่องกระจกสำรวจตัวเอง
          เธอดูโทรมไปกว่าแต่ก่อนมาก ความเครียดได้ทำให้ความสะสวยของเธอเลือนหายไปจนหมดสิ้น ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนคนอิดโรยอดหลับอดนอน หรือจะเรียกง่ายๆว่าคนป่วยใกล้ตายนั่นเอง...
          ทว่า แผ่นกระจกกลับเกิดรอยฝ้าขึ้นเป็นด่างดวงขนาดใหญ่
          หญิงสาวถึงกับอ้าปากค้าง เพราะรอยฝ้านั้นไม่ได้เกิดจากลมหายใจของเธอ หากแต่เกิดจากบางสิ่งที่ไม่อาจมองเห็นได้...
          และในขณะที่สติของเธอกำลังจะกระเจิงไปอีกครั้งนั้นเอง
          ราวกับมีปลายนิ้วที่มองไม่เห็น จรดเขียนเป็นตัวอักษรลงบนฝ้านั้น มันบรรจงกรีดผ่านหยดน้ำเล็กๆที่เกาะกันเป็นกลุ่มก้อน เกิดเป็นคำขึ้นมาทีละคำๆ...
          เหงา...
          เปล่าเปลี่ยว...
          อ้างว้าง...
          โดดเดี่ยว...
          “อะไร...” ริมฝีปากสั่นระริกเผยอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แมรี่ผงะถอยออกห่างจากบานกระจก ซึ่งขณะนี้มีคำถึงสี่คำปรากฏอยู่บนนั้น “นี่มันอะไรกันแน่!”
          หญิงสาวไม่รอช้า ลุกลี้ลุกลนวิ่งออกมาจากห้องน้ำกดเบอร์โทรศัพท์ติดต่อเชสเตอร์อย่างรวดเร็ว ทว่าเสียงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์นั้น กลับบอกให้เธอฝากข้อความไว้ให้เขา
          “เชสเตอร์ นี่แมรี่นะ! ถ้าคุณได้รับข้อความนี้เมื่อไหร่ช่วยรีบมาหาฉันด้วย!” แมรี่ตะโกนใส่โทรศัพท์เสียงสั่น ขณะสายตากวาดมองซ้ายขวาราวกับกำลังหวาดระแวงในสิ่งที่ตนมองไม่เห็นอยู่
          ว่าจบเธอก็ตัดสัญญาณและกดเบอร์ที่ห้องทำงานของเชสเตอร์แทน แต่เสียงตู๊ดที่ดังขึ้นไม่ยอมหยุดนั้นก็หมายความได้อย่างเดียว
          ไม่มีใครรับสาย...
          สถานการณ์แบบนี้ทำให้แมรี่แทบคลั่ง จะให้โทรหาลิซ่าก็กระไรอยู่ เธอไม่คิดว่าควรจะรบกวนเพื่อนสาวของเธอในเวลาแบบนี้ เชสเตอร์ผู้ที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยได้ก็กลับไม่เปิดโทรศัพท์มือถือ หนำซ้ำยังกลับไปไม่ถึงที่ทำงาน เท่ากับว่าเธอต้องอยู่ตัวคนเดียว!
          หญิงสาวค่อยๆกวาดตามองไปรอบๆอย่างระแวดระวังอีกครั้ง
          บางทีอาจมีอย่างอื่นอยู่กับเธอด้วยก็ได้
          เพียงแค่คิดแมรี่ก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว เธอไม่รอช้ารีบคว้าโทรศัพท์มือถือ กุญแจห้องและข้าวของจำเป็นทุกอย่าง เดินตรงไปยังประตูห้องทันที
          มือเรียวสวยจับที่ลูกบิดประตู บานประตูถูกดันเปิดออก และ...
          ชายหนุ่มอาสาพาแม่รี่ไปส่งที่ห้องเช่าด้วยรถของเธอ ทั้งสองสรรหาเรื่องสนุกสนานขึ้นมาพูดคุยกันตลอดทาง จนกระทั่งเชสเตอร์นำรถของแมรี่ไปจอด และเดินต่อไปส่งเธอถึงหน้าห้องพัก
          “ขอโทษที่ฉันสร้างปัญหาให้เธอนะ เชสเตอร์” แมรี่ก้มหน้างุดกล่าวด้วยความสำนึกผิด แต่ชายหนุ่มกลับยิ้มกว้างพลางถอนหายใจยาวออกมา
          “งานของฉันคือแก้ไขปัญหาให้ประชาชนนะ” เขาตอบกลั้วหัวเราะอย่างสบายอารมณ์ ทำให้หญิงสาวโล่งใจขึ้นได้มาก “พยายามอย่าคิดเรื่องของแดเนียลให้มากนักล่ะ เดี๋ยวจะเห็นอะไรแปลกๆเข้าอีก”
          ว่าจบ เชสเตอร์ก็กอดร่างบางของแมรี่ไว้อย่างทะนุถนอม หญิงสาวขยับรอยยิ้มแนบใบหน้าลงบนแผ่นอกกว้างรับความรู้สึกอบอุ่นที่ชายหนุ่มมอบให้อย่างเต็มใจ แต่ความรู้สึกนั้นอยู่ได้ไม่นาน เชสเตอร์ก็ผละออกจากร่างของเธอเสียก่อน
          “นอนหลับฝันดีนะ” ชายหนุ่มเอ่ยคำลาด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนจะเดินตัวปลิวออกไปตามทางเดิน ทิ้งหญิงสาวให้ยืนส่งยิ้มบางๆให้เขาด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์เป็นที่สุด
          เมื่อร่างของเชสเตอร์หายลับไปในหัวเลี้ยว แมรี่ก็ถอนหายใจแอบอมยิ้มกับตัวเอง และหยิบกุญแจออกมาเปิดเข้าไปในห้องส่วนตัวของเธอ
          ดวงไฟบนเพดานถูกเปิดให้ส่องแสงสว่างโร่ไปทั่วทั้งห้อง หญิงสาวเดินตรงไปเปิดหน้าต่างรับลมเอื่อยๆยามสาย ก่อนจะกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มสบายของเธอ
          ความคิดของแมรี่ล่องลอยไปพร้อมๆกับกาลเวลา... ความว่างทำให้เธอเริ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมาย แต่สุดท้ายแล้วทุกๆเรื่องก็มาบรรจบกันที่เรื่องการตายของแดเนียลจนได้...
          เมื่อหญิงสาวพลิกตัวไปนอนตะแคง นัยน์ตาสีฟ้าใสก็พลันเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ไร้สายที่วางอยู่ข้างเตียงเข้า แมรี่ชั่งใจตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจยื่นมือไปหยิบหูโทรศัพท์มากดเบอร์ ติดต่อกับลิซ่า เพื่อนสาวของเธอ
          “ฮัลโหล... แมรี่เหรอ...” น้ำเสียงที่ลิซ่าทักทายมาทำให้แมรี่รู้สึกสลดใจไปมากพอสมควร เพราะกระแสเสียงที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้านั้นฟังราวกับกำลังสะอื้นไห้ กลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถ
          “ฉันเสียใจด้วยเรื่องแดเนียลนะ...”
          “ไม่เป็นไร... ฉันทำใจได้แล้วล่ะ” แม้จะพูดอย่างนั้น แต่เสียงของเธอก็กำลังฟ้องว่าเธอโกหก ปากไม่ตรงกับใจเอาเสียเลย
          “คือ... จริงๆแล้วฉันมีเรื่องอยากจะถามเธอน่ะ” แมรี่พยายามเข้าสู่หัวข้อสนทนา แม้จะรู้สึกเกรงใจลิซ่าอยู่มากก็ตาม “แดเนียลแอดเมลล์ของคนที่ชื่อเหมือนฉันไปใช่ไหม?”
          “ใช่... ขอโทษนะ... จริงๆแล้วฉันแค่อยากแกล้งเธอเล่นๆเท่านั้นเอง” ลิซ่าตอบสะอึกสะอื้น ขณะที่แมรี่หรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด
          แม้เหตุการณ์ในห้องของแดเนียลจะทำให้เธอตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก แต่เธอก็ยังจดจำสิ่งที่เห็นจากไฟล์ชื่อว่างเปล่านั้นได้ ความแตกต่างระหว่างเธอและแดเนียล...
          แมรี่ลบเมลล์นั้นทิ้งตั้งแต่วันแรก แต่แดเนียลเก็บเมลล์นั้นไว้ถึงสามวันซึ่งหมดลงในวันที่เขาเสียชีวิตพอดิบพอดี
          ความกลัวเริ่มผุดพรายขึ้นในใจหญิงสาว มือที่ถือหูโทรศัพท์ของเธอเริ่มสั่นระริก แมรี่นึกโทษตัวเองขึ้นมาทันที เชสเตอร์บอกเธอแล้วว่าอย่าพยายามคิดถึงเรื่องนี้ แต่เธอก็ยังคิด!
          ไม่จำเป็นอีกแล้ว ลืมมันไปเสียดีกว่า
          แมรี่รำพึงในใจพยายามขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกไปจากหัวสมอง แต่การเงียบไปนานของเธอทำให้เพื่อนสาวของเธอใจไม่ดีขึ้นมา
          “เป็นอะไรไปหรือเปล่า แมรี่?”
          หญิงสาวถอนหายใจอย่างแผ่วเบาที่สุดหวังไม่ให้เสียงเล็ดลอดเข้าไปในโทรศัพท์ ก่อนจะยืนกรานไปอย่างหนักแน่นว่า
          “ไม่มีอะไรหรอก แต่ฉันคงต้องวางหูแค่นี้ก่อนแล้วล่ะ”
          “โชคดีนะจ๊ะ”
          แมรี่วางโทรศัพท์ลงบนฐานก่อนจะกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงอีกครั้ง แต่คราวนี้หญิงสาวตระหนักได้ว่าหากปล่อยให้ว่าง เธอย่อมกลับไปคิดอะไรฟุ้งซ่านเหมือนเดิมอีก รู้เช่นนั้นเธอจึงตรงไปนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นกิจวัตรปกติในยามว่าง
          เครื่องคอมพิวเตอร์เริ่มทำงาน หน้าจอวินโดว์กำลังปรากฏขึ้น แมรี่ชั่งใจอยู่นานก่อนจะตัดสินใจปิดโปรแกรม MSN ที่เธอรู้สึกขยาดกับมัน และต่ออินเตอร์เน็ตเข้าเว็บไซต์เพื่อเช็คอีเมลล์แทน
          แต่แล้วความประหลาดใจก็เกิดขึ้น เมื่อเนื้อที่กล่องจดหมายของเธอนั้นเต็มเอี้ยดจนไม่สามารถรับข้อความจากใครได้อีกแล้ว
          หญิงสาวรีบเปิดกล่องจดหมายดูด้วยความฉงนอยากจะรู้ว่ามีอะไรส่งเข้ามาบ้าง ทว่าเมื่อรายชื่อจดหมายเหล่านั้นแสดงขึ้นมา เธอก็จำต้องใจหายวาบด้วยความตกใจระคนหวาดกลัว
          จดหมายเหล่านั้นไม่มีข้อความอะไรอยู่เลย และที่สำคัญคือ...
          มันส่งมาจาก mary@hotmail !
          เธอตั้งสติให้มั่นคง แม้สีหน้าจะบิดเบี้ยวด้วยความกลัว แมรี่เลื่อนเมาส์ไปคลิกที่หน้าเมลล์จำนวนมากพวกนั้น เตรียมที่จะลบมันออกไป แต่ทันใดนั้นเอง...
          หน้าต่างสนทนาของ MSN ก็เด้งขึ้นมา!
          มันปรากฏขึ้นมาทั้งๆที่ไม่มีข้อความอะไรอยู่เลย แต่ที่แย่ที่สุดคือภาพตัวแทนซึ่งขณะนี้แมรี่ได้เห็นมันอย่างชัดเจนแล้ว
          มันคือใบหน้าของแดเนียล
          ความตกใจระคนหวาดผวาที่ประดังเข้ามาจนล้นปรี่หัวใจนั้นทำให้เธอถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่ง ไม่ว่าแมรี่จะดูยังไงใบหน้าที่ปรากฏขึ้นมาในภาพตัวแทนนั้นก็คือแดเนียล เขากำลังส่งเสียงร้องที่เธอไม่อาจได้ยิน ด้วยท่าทางทุกข์ทรมานอย่างที่สุด...
          หัวคิ้วของหญิงสาวยับย่น หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ มือไม้ที่เย็นเฉียบแทบไม่ยอมขยับตามคำสั่ง เธอไม่ต้องการ... เธอไม่ต้องการที่จะดูมันอีกต่อไปแล้ว
          แมรี่ก้มหน้างุดสะบัดหัวไปมาราวกับคนคลุ้มคลั่ง มืออันสั่นเทาของเธอพุ่งไปจับสายปลั๊กไฟและดึงมันออกมาอย่างรวดเร็ว หน้าจอที่เคยสว่างไสวพลันมืดสนิทไปในทันใด ทิ้งไว้เพียงความหวาดกลัวให้กัดกินจิตใจของหญิงสาวต่อไป
          เรี่ยวแรงที่หายไปยังผลให้ร่างของหญิงสาวอ่อนระทวยอยู่บนเก้าอี้ เรียวขาสั่นระริกพยายามพยุงตัวให้เดินตรงไปในห้องน้ำอย่างยากลำบาก เธอโซเซไปมาเกือบจะหกล้มหน้าทิ่มหลายต่อหลายครั้ง
          ระหว่างที่พยายามปรับจังหวะลมหายใจให้กลับเข้าที่ เธอก้มลงไปที่อ่างล้างหน้าสูดอากาศเข้าทางปากจนเต็มปอด หัวใจที่กำลังสูบฉีดเลือดอย่างรัวเร็วต้องการออกซิเจนไปหล่อเลี้ยง...
          ก๊อกน้ำถูกบิดเปิด น้ำเย็นๆถูกวักขึ้นกระทบกับใบหน้าชุ่มเหงื่อ หยาดน้ำใสๆหยดย้อยลงมาจากใบหน้าของเธอเป็นสาย แมรี่หลับตาลงพยายามควบคุมสติไว้ไม่ให้กระเจิดกระเจิงไปไกล ก่อนจะลืมตาขึ้นเงยหน้าส่องกระจกสำรวจตัวเอง
          เธอดูโทรมไปกว่าแต่ก่อนมาก ความเครียดได้ทำให้ความสะสวยของเธอเลือนหายไปจนหมดสิ้น ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนคนอิดโรยอดหลับอดนอน หรือจะเรียกง่ายๆว่าคนป่วยใกล้ตายนั่นเอง...
          ทว่า แผ่นกระจกกลับเกิดรอยฝ้าขึ้นเป็นด่างดวงขนาดใหญ่
          หญิงสาวถึงกับอ้าปากค้าง เพราะรอยฝ้านั้นไม่ได้เกิดจากลมหายใจของเธอ หากแต่เกิดจากบางสิ่งที่ไม่อาจมองเห็นได้...
          และในขณะที่สติของเธอกำลังจะกระเจิงไปอีกครั้งนั้นเอง
          ราวกับมีปลายนิ้วที่มองไม่เห็น จรดเขียนเป็นตัวอักษรลงบนฝ้านั้น มันบรรจงกรีดผ่านหยดน้ำเล็กๆที่เกาะกันเป็นกลุ่มก้อน เกิดเป็นคำขึ้นมาทีละคำๆ...
          เหงา...
          เปล่าเปลี่ยว...
          อ้างว้าง...
          โดดเดี่ยว...
          “อะไร...” ริมฝีปากสั่นระริกเผยอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แมรี่ผงะถอยออกห่างจากบานกระจก ซึ่งขณะนี้มีคำถึงสี่คำปรากฏอยู่บนนั้น “นี่มันอะไรกันแน่!”
          หญิงสาวไม่รอช้า ลุกลี้ลุกลนวิ่งออกมาจากห้องน้ำกดเบอร์โทรศัพท์ติดต่อเชสเตอร์อย่างรวดเร็ว ทว่าเสียงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์นั้น กลับบอกให้เธอฝากข้อความไว้ให้เขา
          “เชสเตอร์ นี่แมรี่นะ! ถ้าคุณได้รับข้อความนี้เมื่อไหร่ช่วยรีบมาหาฉันด้วย!” แมรี่ตะโกนใส่โทรศัพท์เสียงสั่น ขณะสายตากวาดมองซ้ายขวาราวกับกำลังหวาดระแวงในสิ่งที่ตนมองไม่เห็นอยู่
          ว่าจบเธอก็ตัดสัญญาณและกดเบอร์ที่ห้องทำงานของเชสเตอร์แทน แต่เสียงตู๊ดที่ดังขึ้นไม่ยอมหยุดนั้นก็หมายความได้อย่างเดียว
          ไม่มีใครรับสาย...
          สถานการณ์แบบนี้ทำให้แมรี่แทบคลั่ง จะให้โทรหาลิซ่าก็กระไรอยู่ เธอไม่คิดว่าควรจะรบกวนเพื่อนสาวของเธอในเวลาแบบนี้ เชสเตอร์ผู้ที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยได้ก็กลับไม่เปิดโทรศัพท์มือถือ หนำซ้ำยังกลับไปไม่ถึงที่ทำงาน เท่ากับว่าเธอต้องอยู่ตัวคนเดียว!
          หญิงสาวค่อยๆกวาดตามองไปรอบๆอย่างระแวดระวังอีกครั้ง
          บางทีอาจมีอย่างอื่นอยู่กับเธอด้วยก็ได้
          เพียงแค่คิดแมรี่ก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว เธอไม่รอช้ารีบคว้าโทรศัพท์มือถือ กุญแจห้องและข้าวของจำเป็นทุกอย่าง เดินตรงไปยังประตูห้องทันที
          มือเรียวสวยจับที่ลูกบิดประตู บานประตูถูกดันเปิดออก และ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น