ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : กิโลเมตรที่ 3 : พลาดหวัง
กีรติการช่าง : ตามล่าน้ำมันสุดขอบโลก
กิโลเมตรที่ 3 : พลาดหวัง
          “ไม่ได้ประมือกันนานแค่ไหนแล้วนะ คุณแอนเดอร์สัน...”
          “กูชื่อกีรติ !” กีรติตะโกนก้องด้วยน้ำเสียงดุดัน ฟังดูคล้ายสัตว์ร้ายกำลังคำรามขู่
          ประแจและไขควงฟาดฟันกันกลางอากาศ เกิดประกายไฟแลบแปลบปลาบขึ้นจากการปะทะกันของโลหะทั้งสอง สายฝนเทกระหน่ำลงมาตั้งแต่เมื่อไรไม่มีใครทราบ เพราะทั้งคู่มัวแต่สนใจกับการต่อสู้เสียจนไม่สนใจอะไรอื่นอีกต่อไปแล้ว
          แน่นอน นายมะเส็งมองเห็นโอกาสที่ตนจะหนีแล้ว...
          ชายร่างอ้วนตะเกียกตะกายค่อยๆคลานไปกับพื้นพยายามส่งเสียงให้เบาที่สุด อีกนิดเดียวเขาก็จะไปถึงประตูเข้าตึกแล้ว แต่ทว่า... โชคไม่เข้าข้าง
          สมิธถูกพละกำลังช้างสารของกีรติฟาดจนกระเด็นมาทางเสี่ยมะเส็ง ชายหนุ่มไม่ได้สนใจดูว่าชายอ้วนกำลังจะหนี แต่เขากระชากร่างของชายอ้วนขึ้น จับขว้างใส่กีรติเต็มแรง !
          พลั่ก !
          ประแจของกีรติถูกฟาดลงกลางหลังเสี่ยมะเส็งอย่างไม่ปรานี ร่างอ้วนปลิวกระเด็นไปตามแรงฟาด ไถลครูดไปกับพื้น นอนก้นจ้ำเบ้าส่งเสียงครางโอดครวญน่าสมเพช
          แต่เสี่ยมะเส็งเป็นแค่ตัวล่อ สมิธใช้ร่างอ้วนเป็นที่กำบังสร้างมุมอับสายตาให้แก่กีรติ คมไขควงพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มอย่างรวดเร็วจนเข้าไม่อาจปัดป้องได้ทัน !
          ฉัวะ !
          ต้นแขนขวาของกีรติปรากฏรอยแผลเป็นแนวยาว สมิธทำเพียงแค่นั้นก็กระโดดถอยกลับไปตั้งหลักเพราะรู้ดีว่าหากอยู่ใกล้กีรติคงต้องถูกประแจฟาดเอาเป็นแน่แท้
          กีรติเหลือบมองดูแผลตัวเอง ก่อนจะหันกลับไปสบตาหยั่งเชิงกับสมิธพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน
          “ทำได้แค่นี้รึ ?”
          “ใครว่าล่ะ” สมิธตอบพลางหัวเราะในลำคออย่างมีเลศนัย “ไขควงของผมชโลมยาพิษขนานแรงไว้ คุณแอนเดอร์สัน”
          “กูชื่อกีรติ”
          “หึหึหึ... อีกไม่นานคุณก็จะตาย คุณแอนเดอร์สัน แล้วหลังจากนั้นผมก็จะยึดระบบ เอ้ย บ่อน้ำมัน !”
          “กูบอกว่ากูชื่อกีรติ”
          แน่นอน ที่สมิธใจเย็นได้ขนาดนี้ก็เพราะเขามั่นใจในฤทธิ์ของยาพิษ ว่ากันว่าปลาวาฬโดนเพียงนิดเดียวก็ตายได้ภายในห้านาที แต่... กีรติอาจอึดยิ่งกว่าสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกก็ได้
          สมิธไม่ทันสังเกตเลยว่าบัดนี้กีรติกระโดดเข้ามาเงื้อประแจอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว !
          พลั่ก !
          ประแจฟาดเข้าเต็มหน้าสมิธ ทำเอาร่างเขาลอยละลิ่วไปตามแรงมหาศาลของกีรติ แว่นดำที่แตกหักร่วงลงไปเป็นเศษขยะอยู่กับพื้น ชายหนุ่มที่ทรงตัวไว้ได้เงยหน้าขึ้นจ้องมองเจ้าของประแจด้วยแววตาอาฆาต
   
          “มึงนี่มันซวยจริงๆ” กีรติกล่าวเสียงเย็นพร้อมแสยะยิ้มอย่างวายร้าย “ชโลมยาพิษแล้วฝนเสืxกตก แถมต้องมาเจอคนที่อึดเกินปลาวาฬสีน้ำเงินอย่างกู”
          สมิธถึงกับอึ้งไปกับคำพูดของกีรติ ชายหนุ่มเหลียวขึ้นไปมองท้องฟ้าอย่างอาฆาต
          “ทำไมทำกับกูแบบนี้โว้ยยยยยยยยยย !!!”
          ปัง !
          เสียงปืนคำรามลั่น หัวกระสุนฉีกกระชากฝังลงไปในกล้ามเนื้อต้นขาของสมิธ เรียกเลือดสีแดงสดให้หลั่งปะปนออกมากับสายฝน
          ชายหนุ่มกุมแผลที่ขาด้วยท่าทางตกใจ ก่อนจะหันไปมองที่มาของกระสุน
          นรกานต์ย่างสามขุมเข้ามาอย่างใจเย็น ปากกระบอกปืนเล็งตรงมายังสมิธมั่นคงไม่มีสั่นไหว ไอ้หนุ่มนรกเหลือบมองไปทางกีรติ ก่อนจะโบกมือข้างที่ว่างส่งสัญญาณให้ชลนัยน์ออกวิ่งไปหาเจ้านาย
          “เฮีย... ฮึก... ฮึก...”
          “มึงอย่าเพิ่งร้องไห้ มีอะไรบอกกูมา” กีรติพูดเสียงเขียวเมื่อเห็นชลนัยน์เอาแต่สะอึกสะอื้นจนพูดไม่รู้เรื่อง
          “ไอ้บ่อน้ำมันน่ะสิเฮีย... ฮึก... ฮึก...”
          และแล้ว เจ้าหนูชลนัยน์ก็ปล่อยโฮออกมาปะปนกับสายฝนจนได้ นรกานต์เห็นดังนั้นจึงสบถอย่างหัวเสียและหันไปตะโกนบอกกีรติเสียเอง
          “บ่อน้ำมันของไอ้มะเส็งมันบ่อน้ำมันพืช เฮีย... ตราองุ่นซะด้วย !”
===============================================================
          ราวกับมีอะไรมาค้ำเข็มนาฬิกาไว้ ทำให้เวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ สีหน้าของทุกคนที่จ้องมาทางนรกานต์บัดนี้ต่างยากที่จะคาดเดาอารมณ์ แต่เจ้าหนุ่มนรกก็เดาได้ไม่ยากว่าต้องเป็นอาการช็อคอย่างแน่นอน
          “บ่อ... น้ำมันพืช ?” กีรติทวนคำอย่างไม่เชื่อหู นรกานต์เพียงพยักหน้ากลับไป ทำเอาเจ้านายหนุ่มของเขาแทบคลั่ง
          ทว่า เพียงชั่วอึดใจ รอยยิ้มก็กลับผุดพรายขึ้นมาบนใบหน้าของกีรติอีกครั้งหนึ่ง
          “ดีสิวะ แบบนี้ก็มีไข่เจียวแดกทุกวันเลย”
          “มึงแดกไปคนเดียวเถอะ กูยังไม่อยากคอเลสเตอรอลสูง” เสียงของสมิธดังขึ้น ก่อนที่ร่างของเขาจะหายเข้าไปในโทรศัพท์สาธารณะ (ที่ผมอยากรู้คือมีโทรศัพท์สาธารณะบนดาดฟ้าตึกด้วยเหรอ ?)
          “ให้ตายสิ... มันหนีไปอีกแล้ว” กีรติกัดฟันกรอดพลางมองไปยังหูโทรศัพท์ที่ห้อยต่องแต่งอยู่
          “มันอาจจะไปหาเทพพยากรณ์ก็ได้นะเฮีย...” ชลนัยน์ละล่ำละลักกล่าวทั้งที่น้ำตายังนองหน้า
          “เทพพยากรณ์พ่อ มึงสิ นี่เรื่องกีรติการช่าง ไม่ใช่ The Matrix โว้ย !” กีรติตะคอกกลับเสียงกร้าว ทำให้หนูน้อยชลนัยน์ปล่อยโฮออกมาอีกรอบ ช่างหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงต้องรีบโอบกอดปลอบประโลมเด็กน้อยประจำอู่เป็นการใหญ่
          นรกานต์เมื่อเห็นเจ้านายของตนไม่ว่างจึงเดินเข้าไปหาเสี่ยมะเส็งเพื่อจัดการเรื่องของกรรมสิทธิ์แทน
          บลัดฮันเตอร์ถูกจ่อตรงไปยังหัวของชายอ้วนเบื้องหน้า
          ท้องฟ้าที่มืดครึ้มทำให้ร่างเปียกปอนของนรกานต์บัดนี้ดูน่ากลัวยิ่งนัก ไอ้หนุ่มนรกดูราวกับเงามืดที่มาพร้อมนัยน์ตาวาวโรจน์สีแดงก่ำ ใบหน้าเรียบเฉยประกอบกับรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากบ่งบอกถึงความเลือดเย็นได้เป็นอย่างดี
          เสี่ยมะเส็งถึงกับตัวสั่นงันงกเพียงแค่นรกานต์มายืนอยู่ตรงหน้า เจ้าหนุ่มคนนี้เปรียบได้กับยมทูตที่มาจากนรก และปืนกระบอกโตนั่นก็เป็นเหมือนเคียวที่พร้อมจะคร่าชีวิตของเขาไปได้ทุกเมื่อ
          “ผม... ผมจะเซ็น” นายมะเส็งตอบลิ้นพันกันฟังแทบไม่เป็นภาษา แต่ฝ่ายนรกานต์ได้ยินคำตอบก็กลับทำสีหน้านิ่งเฉยต่อไป ทำเอาเสี่ยมะเส็งเสียวสันหลังวาบ เจ้าหนุ่มคนนี้ไม่ได้ต้องการให้เขาเซ็นสัญญาหรอกหรือ !?
          “เข้าไปข้างใน” เจ้าหนุ่มนรกบอกพลางชี้ไปยังประตูเข้าสู่ตัวตึก “อยู่ตรงนี้เดี๋ยวสัญญาเปียกหมด”
          ว่าแล้วชายอ้วนก็ตะเกียกตะกายเข้าไปในตึกพร้อมๆกับนรกานต์ที่ย่างสามขุมตามหลังไป เมื่อพ้นเขตหยาดน้ำฝนแล้ว เสี่ยมะเส็งก็รีบเซ็นสัญญาอย่างลวกๆส่งให้เจ้าหนุ่มนรกสำรวจความเรียบร้อย เขารับใบสัญญามาอ่านในระดับสายตา ก่อนจะพับมันเก็บใส่กระเป๋ากางเกง
          สิงห์นรกเผยรอยยิ้มอำมหิตที่ไม่เคยมีเหยื่อรายไหนได้เห็นแล้วจะรอดชีวิตไปได้...
          ปัง !
          ”เป็นไงบ้าง นรกานต์ ?” กีรติเอ่ยถามลูกน้องนรกของตน ขณะทั้งสามกลับมารวมกลุ่มกัน
          “ไปได้สวย มุขเฮียนี่เด็ดจริงๆเลย” นรกานต์ตอบกลั้วหัวเราะพลางชี้ไปที่นัยน์ตาของตัวเอง “ไอ้คอนแท็คเลนส์เรืองแสงของเฮียเนี่ย”
          “กูบอกแล้ว สีแดงน่ากลัวที่สุด” กีรติกล่าวด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “สถานีรถไฟพวกนี้เป็นของเราแล้วใช่ไหม ?”
          “ใช่แล้ว เฮีย” นรกานต์ระเบิดเสียงหัวเราะที่หาฟังได้ยาก “ทีนี้เราก็หากำไรจากไอ้รถไฟใต้ดินนั่น เก็บไว้กว้านซื้อปั๊มน้ำมัน แล้วพวกเราก็จะครองตลาดน้ำมันในไทย !”
          “กูวางแผนจะซื้ออิรัก ไว้ขุดน้ำมันขายเองเลย”
          “ไม่ดีหรอกเฮีย เดี๋ยวสหรัฐมันมายึดจากเราไปอีกต่อ” ชลนัยน์แทรกขึ้นพร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสาของเขา
          “เออว่ะ กูไม่เอาแล้ว” กีรติฉุกคิดขึ้นได้เพราะคำเตือนจากเด็กน้อย “แต่ยังไงพวกเราก็ได้แหล่งทำเงินแหล่งที่หนึ่งมาแล้ว จำไว้ว่าแค่นี้มันยังไม่พอ พวกเราต้องไปหาเพิ่ม ตอนนี้กูจะปลอมพินัยกรรมยึดทรัพย์สมบัติไอ้มะเส็งแล้วเอาไปลงทุนเปิดบริษัทน้ำมันพืช ไม่งั้นแดกไข่เจียวทุกวันได้เป็นโรคคอเลสเตอรอลอย่างที่ไอ้สมิธบอกแน่ แล้วหลังจากนั้นจะไปหาตังค์จากไหนอีกค่อยว่ากันอีกที”
          “ของลูกเมียเขาเฮียยังจะเอาอีกเรอะ ?” นรกานต์แย้งขึ้น
          “ก็กูจะเอา” กีรติตอบหน้าตาย ทำให้รอยยิ้มอย่างพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าลูกน้องทั้งสองของเขา
          เสียงหัวเราะของสามช่างแห่งอู่กีรติ เป็นเสียงเดียวที่ดังปะปนอยู่กับเสียงหยาดฝนในเวลานั้น...
===============================================================
กิโลเมตรที่ 3 - จบ
กิโลเมตรที่ 3 : พลาดหวัง
          “ไม่ได้ประมือกันนานแค่ไหนแล้วนะ คุณแอนเดอร์สัน...”
          “กูชื่อกีรติ !” กีรติตะโกนก้องด้วยน้ำเสียงดุดัน ฟังดูคล้ายสัตว์ร้ายกำลังคำรามขู่
          ประแจและไขควงฟาดฟันกันกลางอากาศ เกิดประกายไฟแลบแปลบปลาบขึ้นจากการปะทะกันของโลหะทั้งสอง สายฝนเทกระหน่ำลงมาตั้งแต่เมื่อไรไม่มีใครทราบ เพราะทั้งคู่มัวแต่สนใจกับการต่อสู้เสียจนไม่สนใจอะไรอื่นอีกต่อไปแล้ว
          แน่นอน นายมะเส็งมองเห็นโอกาสที่ตนจะหนีแล้ว...
          ชายร่างอ้วนตะเกียกตะกายค่อยๆคลานไปกับพื้นพยายามส่งเสียงให้เบาที่สุด อีกนิดเดียวเขาก็จะไปถึงประตูเข้าตึกแล้ว แต่ทว่า... โชคไม่เข้าข้าง
          สมิธถูกพละกำลังช้างสารของกีรติฟาดจนกระเด็นมาทางเสี่ยมะเส็ง ชายหนุ่มไม่ได้สนใจดูว่าชายอ้วนกำลังจะหนี แต่เขากระชากร่างของชายอ้วนขึ้น จับขว้างใส่กีรติเต็มแรง !
          พลั่ก !
          ประแจของกีรติถูกฟาดลงกลางหลังเสี่ยมะเส็งอย่างไม่ปรานี ร่างอ้วนปลิวกระเด็นไปตามแรงฟาด ไถลครูดไปกับพื้น นอนก้นจ้ำเบ้าส่งเสียงครางโอดครวญน่าสมเพช
          แต่เสี่ยมะเส็งเป็นแค่ตัวล่อ สมิธใช้ร่างอ้วนเป็นที่กำบังสร้างมุมอับสายตาให้แก่กีรติ คมไขควงพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มอย่างรวดเร็วจนเข้าไม่อาจปัดป้องได้ทัน !
          ฉัวะ !
          ต้นแขนขวาของกีรติปรากฏรอยแผลเป็นแนวยาว สมิธทำเพียงแค่นั้นก็กระโดดถอยกลับไปตั้งหลักเพราะรู้ดีว่าหากอยู่ใกล้กีรติคงต้องถูกประแจฟาดเอาเป็นแน่แท้
          กีรติเหลือบมองดูแผลตัวเอง ก่อนจะหันกลับไปสบตาหยั่งเชิงกับสมิธพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน
          “ทำได้แค่นี้รึ ?”
          “ใครว่าล่ะ” สมิธตอบพลางหัวเราะในลำคออย่างมีเลศนัย “ไขควงของผมชโลมยาพิษขนานแรงไว้ คุณแอนเดอร์สัน”
          “กูชื่อกีรติ”
          “หึหึหึ... อีกไม่นานคุณก็จะตาย คุณแอนเดอร์สัน แล้วหลังจากนั้นผมก็จะยึดระบบ เอ้ย บ่อน้ำมัน !”
          “กูบอกว่ากูชื่อกีรติ”
          แน่นอน ที่สมิธใจเย็นได้ขนาดนี้ก็เพราะเขามั่นใจในฤทธิ์ของยาพิษ ว่ากันว่าปลาวาฬโดนเพียงนิดเดียวก็ตายได้ภายในห้านาที แต่... กีรติอาจอึดยิ่งกว่าสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกก็ได้
          สมิธไม่ทันสังเกตเลยว่าบัดนี้กีรติกระโดดเข้ามาเงื้อประแจอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว !
          พลั่ก !
          ประแจฟาดเข้าเต็มหน้าสมิธ ทำเอาร่างเขาลอยละลิ่วไปตามแรงมหาศาลของกีรติ แว่นดำที่แตกหักร่วงลงไปเป็นเศษขยะอยู่กับพื้น ชายหนุ่มที่ทรงตัวไว้ได้เงยหน้าขึ้นจ้องมองเจ้าของประแจด้วยแววตาอาฆาต
   
          “มึงนี่มันซวยจริงๆ” กีรติกล่าวเสียงเย็นพร้อมแสยะยิ้มอย่างวายร้าย “ชโลมยาพิษแล้วฝนเสืxกตก แถมต้องมาเจอคนที่อึดเกินปลาวาฬสีน้ำเงินอย่างกู”
          สมิธถึงกับอึ้งไปกับคำพูดของกีรติ ชายหนุ่มเหลียวขึ้นไปมองท้องฟ้าอย่างอาฆาต
          “ทำไมทำกับกูแบบนี้โว้ยยยยยยยยยย !!!”
          ปัง !
          เสียงปืนคำรามลั่น หัวกระสุนฉีกกระชากฝังลงไปในกล้ามเนื้อต้นขาของสมิธ เรียกเลือดสีแดงสดให้หลั่งปะปนออกมากับสายฝน
          ชายหนุ่มกุมแผลที่ขาด้วยท่าทางตกใจ ก่อนจะหันไปมองที่มาของกระสุน
          นรกานต์ย่างสามขุมเข้ามาอย่างใจเย็น ปากกระบอกปืนเล็งตรงมายังสมิธมั่นคงไม่มีสั่นไหว ไอ้หนุ่มนรกเหลือบมองไปทางกีรติ ก่อนจะโบกมือข้างที่ว่างส่งสัญญาณให้ชลนัยน์ออกวิ่งไปหาเจ้านาย
          “เฮีย... ฮึก... ฮึก...”
          “มึงอย่าเพิ่งร้องไห้ มีอะไรบอกกูมา” กีรติพูดเสียงเขียวเมื่อเห็นชลนัยน์เอาแต่สะอึกสะอื้นจนพูดไม่รู้เรื่อง
          “ไอ้บ่อน้ำมันน่ะสิเฮีย... ฮึก... ฮึก...”
          และแล้ว เจ้าหนูชลนัยน์ก็ปล่อยโฮออกมาปะปนกับสายฝนจนได้ นรกานต์เห็นดังนั้นจึงสบถอย่างหัวเสียและหันไปตะโกนบอกกีรติเสียเอง
          “บ่อน้ำมันของไอ้มะเส็งมันบ่อน้ำมันพืช เฮีย... ตราองุ่นซะด้วย !”
===============================================================
          ราวกับมีอะไรมาค้ำเข็มนาฬิกาไว้ ทำให้เวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ สีหน้าของทุกคนที่จ้องมาทางนรกานต์บัดนี้ต่างยากที่จะคาดเดาอารมณ์ แต่เจ้าหนุ่มนรกก็เดาได้ไม่ยากว่าต้องเป็นอาการช็อคอย่างแน่นอน
          “บ่อ... น้ำมันพืช ?” กีรติทวนคำอย่างไม่เชื่อหู นรกานต์เพียงพยักหน้ากลับไป ทำเอาเจ้านายหนุ่มของเขาแทบคลั่ง
          ทว่า เพียงชั่วอึดใจ รอยยิ้มก็กลับผุดพรายขึ้นมาบนใบหน้าของกีรติอีกครั้งหนึ่ง
          “ดีสิวะ แบบนี้ก็มีไข่เจียวแดกทุกวันเลย”
          “มึงแดกไปคนเดียวเถอะ กูยังไม่อยากคอเลสเตอรอลสูง” เสียงของสมิธดังขึ้น ก่อนที่ร่างของเขาจะหายเข้าไปในโทรศัพท์สาธารณะ (ที่ผมอยากรู้คือมีโทรศัพท์สาธารณะบนดาดฟ้าตึกด้วยเหรอ ?)
          “ให้ตายสิ... มันหนีไปอีกแล้ว” กีรติกัดฟันกรอดพลางมองไปยังหูโทรศัพท์ที่ห้อยต่องแต่งอยู่
          “มันอาจจะไปหาเทพพยากรณ์ก็ได้นะเฮีย...” ชลนัยน์ละล่ำละลักกล่าวทั้งที่น้ำตายังนองหน้า
          “เทพพยากรณ์พ่อ มึงสิ นี่เรื่องกีรติการช่าง ไม่ใช่ The Matrix โว้ย !” กีรติตะคอกกลับเสียงกร้าว ทำให้หนูน้อยชลนัยน์ปล่อยโฮออกมาอีกรอบ ช่างหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงต้องรีบโอบกอดปลอบประโลมเด็กน้อยประจำอู่เป็นการใหญ่
          นรกานต์เมื่อเห็นเจ้านายของตนไม่ว่างจึงเดินเข้าไปหาเสี่ยมะเส็งเพื่อจัดการเรื่องของกรรมสิทธิ์แทน
          บลัดฮันเตอร์ถูกจ่อตรงไปยังหัวของชายอ้วนเบื้องหน้า
          ท้องฟ้าที่มืดครึ้มทำให้ร่างเปียกปอนของนรกานต์บัดนี้ดูน่ากลัวยิ่งนัก ไอ้หนุ่มนรกดูราวกับเงามืดที่มาพร้อมนัยน์ตาวาวโรจน์สีแดงก่ำ ใบหน้าเรียบเฉยประกอบกับรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากบ่งบอกถึงความเลือดเย็นได้เป็นอย่างดี
          เสี่ยมะเส็งถึงกับตัวสั่นงันงกเพียงแค่นรกานต์มายืนอยู่ตรงหน้า เจ้าหนุ่มคนนี้เปรียบได้กับยมทูตที่มาจากนรก และปืนกระบอกโตนั่นก็เป็นเหมือนเคียวที่พร้อมจะคร่าชีวิตของเขาไปได้ทุกเมื่อ
          “ผม... ผมจะเซ็น” นายมะเส็งตอบลิ้นพันกันฟังแทบไม่เป็นภาษา แต่ฝ่ายนรกานต์ได้ยินคำตอบก็กลับทำสีหน้านิ่งเฉยต่อไป ทำเอาเสี่ยมะเส็งเสียวสันหลังวาบ เจ้าหนุ่มคนนี้ไม่ได้ต้องการให้เขาเซ็นสัญญาหรอกหรือ !?
          “เข้าไปข้างใน” เจ้าหนุ่มนรกบอกพลางชี้ไปยังประตูเข้าสู่ตัวตึก “อยู่ตรงนี้เดี๋ยวสัญญาเปียกหมด”
          ว่าแล้วชายอ้วนก็ตะเกียกตะกายเข้าไปในตึกพร้อมๆกับนรกานต์ที่ย่างสามขุมตามหลังไป เมื่อพ้นเขตหยาดน้ำฝนแล้ว เสี่ยมะเส็งก็รีบเซ็นสัญญาอย่างลวกๆส่งให้เจ้าหนุ่มนรกสำรวจความเรียบร้อย เขารับใบสัญญามาอ่านในระดับสายตา ก่อนจะพับมันเก็บใส่กระเป๋ากางเกง
          สิงห์นรกเผยรอยยิ้มอำมหิตที่ไม่เคยมีเหยื่อรายไหนได้เห็นแล้วจะรอดชีวิตไปได้...
          ปัง !
          ”เป็นไงบ้าง นรกานต์ ?” กีรติเอ่ยถามลูกน้องนรกของตน ขณะทั้งสามกลับมารวมกลุ่มกัน
          “ไปได้สวย มุขเฮียนี่เด็ดจริงๆเลย” นรกานต์ตอบกลั้วหัวเราะพลางชี้ไปที่นัยน์ตาของตัวเอง “ไอ้คอนแท็คเลนส์เรืองแสงของเฮียเนี่ย”
          “กูบอกแล้ว สีแดงน่ากลัวที่สุด” กีรติกล่าวด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “สถานีรถไฟพวกนี้เป็นของเราแล้วใช่ไหม ?”
          “ใช่แล้ว เฮีย” นรกานต์ระเบิดเสียงหัวเราะที่หาฟังได้ยาก “ทีนี้เราก็หากำไรจากไอ้รถไฟใต้ดินนั่น เก็บไว้กว้านซื้อปั๊มน้ำมัน แล้วพวกเราก็จะครองตลาดน้ำมันในไทย !”
          “กูวางแผนจะซื้ออิรัก ไว้ขุดน้ำมันขายเองเลย”
          “ไม่ดีหรอกเฮีย เดี๋ยวสหรัฐมันมายึดจากเราไปอีกต่อ” ชลนัยน์แทรกขึ้นพร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสาของเขา
          “เออว่ะ กูไม่เอาแล้ว” กีรติฉุกคิดขึ้นได้เพราะคำเตือนจากเด็กน้อย “แต่ยังไงพวกเราก็ได้แหล่งทำเงินแหล่งที่หนึ่งมาแล้ว จำไว้ว่าแค่นี้มันยังไม่พอ พวกเราต้องไปหาเพิ่ม ตอนนี้กูจะปลอมพินัยกรรมยึดทรัพย์สมบัติไอ้มะเส็งแล้วเอาไปลงทุนเปิดบริษัทน้ำมันพืช ไม่งั้นแดกไข่เจียวทุกวันได้เป็นโรคคอเลสเตอรอลอย่างที่ไอ้สมิธบอกแน่ แล้วหลังจากนั้นจะไปหาตังค์จากไหนอีกค่อยว่ากันอีกที”
          “ของลูกเมียเขาเฮียยังจะเอาอีกเรอะ ?” นรกานต์แย้งขึ้น
          “ก็กูจะเอา” กีรติตอบหน้าตาย ทำให้รอยยิ้มอย่างพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าลูกน้องทั้งสองของเขา
          เสียงหัวเราะของสามช่างแห่งอู่กีรติ เป็นเสียงเดียวที่ดังปะปนอยู่กับเสียงหยาดฝนในเวลานั้น...
===============================================================
กิโลเมตรที่ 3 - จบ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น