ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ฉบับที่ 2 : ภาพตัวแทน...
          กริ๊ง... กริ๊ง...
          โทรศัพท์ภายในห้องทำงานของสารวัตรหนุ่มนามเชสเตอร์ดังขึ้นหลายครั้งติดต่อกัน ชายหนุ่มเจ้าของห้องซึ่งกำลังกุมขมับนั่งอ่านรายงานกองมหึมาบนโต๊ะอยู่จำต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าหูโทรศัพท์ที่หัวโต๊ะ
          “สวัสดีครับ เชสเตอร์ แพ็ดดิงสันพูดสายอยู่ครับ” เชสเตอร์เสยผมดำขลับที่ยุ่งเหยิงให้ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน ก่อนจะสะบัดหัวเล็กน้อยให้มันทิ้งตัวลงอย่างมีน้ำหนัก
          “ฮัลโหล เชสเตอร์! นี่แมรี่พูดนะ!” เสียงจากปลายสายฟังดูละล่ำละลักและแฝงอาการสะอึกสะอื้นปะปนมาด้วยเล็กน้อย สารวัตรหนุ่มจึงเข้าใจได้ในทันทีว่าแมรี่โทรมาเพราะเรื่องอะไร
          “ฉันรู้เรื่องแดเนียลแล้ว แมรี่... ฉันเองก็ไปดูสถานที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง” ดวงตาสีน้ำตาลของชายหนุ่มหรี่ลงทอประกายอาลัยอาวรณ์ในทันที
          “แต่... แต่... ฉันฝันเห็นเขา... เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว” เธอกล่าวรัวเร็วจนเชสเตอร์แทบฟังไม่รู้เรื่อง ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงพยายามปลอบประโลมเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
          “มันอาจเป็นลางบอกเหตุก็ได้ แมรี่... ใจเย็นๆไว้ก่อน มันคงไม่เกี่ยวอะไรกันหรอก” สารวัตรหนุ่มขยับยิ้มน้อยๆแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็นก็ตาม “ผลชันสูตรออกมาชัดเจนแล้วว่าเขาตายเพราะฝืนใช้คอมพิวเตอร์มากเกินไป ต่อไปนี้พวกเราก็คงต้องเพลาๆลงบ้างเหมือนกัน”
          “ไม่... เชสเตอร์ เธอก็น่าจะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีวันเกิดขึ้น” ทว่าหญิงสาวยังคงดื้อดึง “พวกเราไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเกินห้าชั่วโมงเลยในหนึ่งวัน!”
          “วันนั้นเขาอาจฝืนมากเกินไปจริงๆก็ได้... เธอก็รู้ว่าแดเนียลค่อนข้างอ่อนแอตั้งแต่สมัยพวกเราอยู่ไฮสคูลแล้ว ยิ่งในรั้วมหาวิทยาลัยเขายิ่งอาการหนักตอนถูกบังคับให้ลงเล่นฟุตบอล ฉันเคยคิดไว้แล้วว่าสักวันสังขารของเขาจะทำให้เกิดเรื่องแบบนี้...”
          แต่ดูเหมือนปลายสายไม่คิดจะรับฟัง เชสเตอร์ได้ยินเสียงกระแทกหูโทรศัพท์เสียงดัง ก่อนที่สัญญาณจะขาดหายไป
          สารวัตรหนุ่มค่อยๆวางหูโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าไม่สบายใจอย่างที่สุด
          “ให้ตายสิ...”
          แมรี่เดินวนไปวนมาในห้องของเธอด้วยท่าทางเคร่งเครียด ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ปักใจเชื่อว่าแดเนียลไม่มีวันต้องมาพบจุดจบอย่างกะทันหันเพราะเรื่องแบบนี้ มันจะต้องมีสาเหตุอะไรบางอย่าง มันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้น...
          หญิงสาวนั่งลงข้างโทรศัพท์ นึกจะกดเบอร์โทรหาเพื่อนสาวอีกคน แต่เมื่อจรดปลายนิ้วลงไปบนปุ่ม เธอก็เกิดเปลี่ยนใจกลางครัน
          แมรี่ลุกจากที่นั่ง เปิดประตูเดินออกไปนอกห้อง เมื่อปิดประตูตามหลังเธอก็จัดแจงล็อคประตูห้องอย่างดี ก่อนจะเดินดุ่มๆไปตามทางเดินที่เงียบสงัด
          แม้ระยะทางจากห้องของเธอไปยังลิฟต์นั้นจะไม่ไกลมากนัก แต่บรรยากาศบนทางเดินโล่งๆที่ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียวก็ชวนให้ขนหัวลุกได้ง่ายๆ หญิงสาวเดินก้าวยาวจ้ำสุดฝีเท้า ใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆคอยสวดภาวนาขออย่าให้มีอะไรมาทำให้ตกใจ
          มีเพียงเสียงฝีเท้าของเธอเท่านั้นที่ดังอยู่ท่ามกลางความเงียบ แต่นั่นก็เพียงช่วงแรกเท่านั้น แมรี่ไม่ได้รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย...
          ว่าเสียงฝีเท้าอีกคู่กำลังดังขึ้นพร้อมๆกับทุกย่างก้าวของเธอ
          หญิงสาวหยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์ นิ้วมือเรียวสวยจรดกดไปที่ปุ่มลง หมายเลขชั้นที่แสดงอยู่เหนือประตูลิฟต์กำลังลดหลั่นลงมา ใกล้ชั้นที่เธออยู่ในขณะนี้เข้ามาเรื่อยๆ
          แต่ทันใดนั้นเอง ขณะที่แมรี่กำลังลุ้นตัวโก่งหัวใจเต้นระส่ำอยู่ สายตาของเธอก็พลันเหลือบไปเห็นร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง เดินผ่านประตูหนีไฟไป หนำซ้ำเธอยังคงจำหน้าของเขาคนนั้นได้ดี เพราะเขาคือแดเนียล!
          ทว่าเพียงกระพริบตาครั้งเดียว ร่างของแดเนียลก็หายไปจากที่ตรงนั้นแล้ว แมรี่ตาเบิกโพลงด้วยความแปลกใจ ก่อนจะสูดหายใจเข้าเต็มปอด พยายามทำใจกล้าเพ่งมองไปยังประตูหนีไฟอีกครั้ง
          กิ๊ง!
          เสียงเตือนของลิฟต์ทำเอาเธอสะดุ้งสุดตัว บานประตูลิฟต์ค่อยๆเลื่อนเปิดออก แมรี่หันไปมองผู้โดยสารในลิฟต์พลางยกมือขึ้นทาบอกที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความตื่นเต้น หญิงสาวไม่ลืมที่จะเหลียวซ้ายแลขวาอีกครั้ง ก่อนจะตัดใจเดินเข้าไปในลิฟต์ที่มีคนยืนอยู่เกือบเต็ม
          เมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างสุด แมรี่รีบตรงดิ่งไปยังลานจอดรถทันที รถยนต์สีฟ้าคู่ใจของเธอยังคงจอดแน่นิ่งอยู่ที่เดิม ตามปกติแล้วเธอจะขับมันไป-กลับที่ทำงาน แต่สำหรับวันนี้คงไม่ใช่...
          เพราะเธอมีเป้าหมายอื่นแล้ว
          เครื่องยนต์ประจำรถส่งเสียงครางอื้ออึงเมื่อถูกสตาร์ท ตัวรถค่อยๆเคลื่อนที่ออกจากที่จอด ขยับเลี้ยวไปตามที่คนขับของมันสั่งการ แสงแดดสีทองยามเช้าสาดทอลงมาตามเบาะหนังเมื่อรถโผล่พ้นร่มเงาของตึก แมรี่ขยับแผ่นบังแดดลงมา ก่อนจะมองซ้ายมองขวาขับรถแล่นออกไปบนท้องถนน
          จุดหมายปลายทางของเธอก็คือบ้านของแดเนียลนั่นเอง บ้านสองชั้นหลังเล็กๆเป็นสิ่งเดียวที่พ่อแม่ของชายหนุ่มได้ทิ้งไว้ให้ แม้ดูๆไปมันจะไม่กว้างขวางนัก แต่ด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการจัดตกแต่งประกอบกับความมีระเบียบวินัยในตัวเองของเจ้าของบ้าน ทำให้บ้านหลังนี้เป็นวิมานที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของหนุ่มโสดอย่างแดเนียลได้เลยทีเดียว
          ตำรวจยังคงคุมที่เกิดเหตุ ณ บริเวณนั้นอยู่ เมื่อแมรี่เดินเข้าไปใกล้ นายตำรวจร่างอ้วนที่ยืนอยู่หน้าประตูจึงรีบยกมือขึ้นปรามเธอไว้ทันที
          “ขอโทษครับ คุณผู้หญิง แต่เรายังปล่อยให้คนนอกเข้าไปไม่ได้”
          “แต่ฉันเป็นเพื่อนสนิทกับผู้ตายนะ” แมรี่สวนกลับอย่างไม่พอใจนัก แต่เมื่อเธอเห็นนายตำรวจในชุดสีฟ้าอ่อนส่ายหน้าไปมา หญิงสาวก็ล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าขึ้นมากดเบอร์มือถือของเชสเตอร์ทันที
          แมรี่เถียงกับเชสเตอร์อยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดเธอก็ยื่นโทรศัพท์ไปจ่ออยู่ที่หูของนายตำรวจร่างอ้วน เพียงสารวัตรหนุ่มพูดออกคำสั่งไปได้สองสามคำ ชายอ้วนก็ยอมเดินนำหญิงสาวขึ้นไปยังสถานที่เกิดเหตุอย่างว่าง่าย
          ร่างของแดเนียลไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไปแล้ว ทีมชันสูตรขนศพของเขาออกไปหลังจากมาพบได้ไม่นาน สภาพภายในห้องก็ยังดูดีไม่มีอะไรเสียหาย แดเนียลได้จากไปอย่างสงบจริงๆ...
          “ดิฉันขอเปิดคอมพิวเตอร์ดูได้ไหมคะ ?” แมรี่เอ่ยถามนายตำรวจร่างอ้วน ซึ่งพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจนัก
          หญิงสาวตรงรี่ไปกดสวิตช์เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างไม่รีรอ หลังจากหน้าจอวินโดว์ปรากฏขึ้น เธอก็รีบค้นหาแฟ้มที่บันทึกข้อความการพูดคุยในโปรแกรม MSN ไว้ทันที
          ตามปกติแล้วพวกเขามักจะนิยมให้โปรแกรมทำการบันทึกข้อความที่เคยพูดคุยกัน เพื่อหยิบยกนำมาหยอกล้อกันหรือทวงสัญญาบ้างในบางครั้ง ในตอนนี้แมรี่จึงมาอาศัยประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้ เพื่อตรวจเช็คดูว่าใครบ้างที่พูดคุยกับเขาก่อนที่เขาจะสิ้นใจ
          หญิงสาวไล่สายตาไปตามข้อความที่ปรากฏในแต่ละชื่อ จนกระทั่งเธอมาสะดุดใจกับไฟล์ที่แดเนียลคุยกันลิซ่าเข้า...
          วันที่และเวลาบ่งบอกว่าเป็นวันเดียวกับที่พวกเขาท้าทายเรื่องชื่อเมลล์กัน แต่ดูเหมือนนี่จะเป็นการพูดคุยกันลับหลังแค่สองคนโดยปิดบังไว้ไม่ให้แมรี่และเชสเตอร์ได้รับรู้
          Daniel says : เธอจะแอดตามที่แมรี่บอกไหม?
          Lisa says : ฉันว่า... เราหาทางแกล้งเธอเล่นๆกันดีกว่า
          Daniel says : ยังไงล่ะ?
          Lisa says : นายก็แอดชื่อแมรี่ไง ตัดหน้าทักทายเสียก่อน
          Lisa says : แล้วค่อยเอามาพูดให้เธอตกใจเล่น
          Daniel says : ก็น่าสนุก แต่แน่ใจนะว่าแมรี่จะไม่โกรธถ้ารู้เข้า
          Lisa says : ไม่หรอกน่า ยายนั่นไม่ถือสาเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้หรอก
          Daniel says : งั้นก็ได้
          หัวคิ้วของแมรี่ขมวดมุ่นอย่างใช้ความคิด เธอกวาดตามองหาชื่อที่ถูกเว้นว่าง และก็พบมันจริงตามที่คาด หญิงสาวไม่รอช้าเปิดมันขึ้นมาดู แต่ไม่ว่าจะพยายามคลิกสักกี่ที มันก็ไม่ยอมขึ้นมาให้อ่านเสียที!
          ทันใดนั้นเอง หน้าต่างสนทนา MSN ก็เด้งขึ้นมากลางจอ!
          : ...................
          มันขึ้นมาเอง และปิดไปเองทั้งๆที่โปรแกรม MSN ไม่ได้เปิดอยู่ อินเตอร์เน็ตก็ไม่ได้ต่อไว้ หนำซ้ำภาพแทนตัวที่ปรากฏขึ้นเพียงชั่วพริบตานั้นก็ทำให้เธอต้องเสียวสันหลังวาบ
          ภาพนั้นคือใบหน้าอันแสนทุกข์ทรมานของแดเนียล!
          “กรี๊ดดดดดดดด!”
          แมรี่กรีดร้องดังลั่นบ้าน ทำให้นายตำรวจร่างอ้วนจำต้องหันมามองเธอด้วยความตื่นตกใจ มือของเธอยกขึ้นกุมศีรษะที่สะบัดส่ายไปมาราวกับคนเสียสติ ขาทั้งสองข้างปาดป่ายไปมาจนเตะถูกสายปลั๊กหลุดออกมา
          หน้าจอคอมพิวเตอร์ดับวูบลงในทันที หากแต่อาการหวาดผวาของหญิงสาวไม่ได้หายไปง่ายดายเช่นนั้น...
          “ใจเย็นๆครับ คุณผู้หญิง บอกผมซิว่าเกิดอะไรขึ้น!” ตำรวจร่างอ้วนตะโกนแข่งกับเสียงร้องครวญครางของเธอพลางพยายามทำให้เธอสงบลง แต่แมรี่กลับอาการหนักขึ้นกว่าเก่า ร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำตานอกหน้าราวกับเด็กเล็กๆ
          “มีอะไรกัน ผมได้ยินเสียงร้อง!” เชสเตอร์เลิ่กลั่กวิ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เขาเห็นหญิงสาวที่กำลังร้องห่มร้องไห้ เขาก็โบกมือไล่ลูกน้องให้ออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปโอบกอดปลอบประโลมแมรี่อย่างนุ่มนวลที่สุด
          “แมรี่... ไม่ต้องกลัว สบตากับผมสิ” ชายหนุ่มตีหน้าเคร่งพลางจับใบหน้าของหญิงสาวให้หันมาหาเขา “ค่อยๆสงบสติอารมณ์ แล้วบอกผมมาว่าเกิดอะไรขึ้น...”
          นิ้วมืออันสั่นเทาของเธอค่อยๆบรรจงชี้ไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งบัดนี้มืดสนิทเพราะถูกปิด ทำให้เชสเตอร์ต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
          “คอมพิวเตอร์ของแดเนียล... มีอะไรงั้นหรือ ?” ชายหนุ่มพยายามเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ริมฝีปากที่สั่นระริกของแมรี่ดูเหมือนจะยังไม่อาจเผยอพูดอะไรออกมาได้ในตอนนี้
          “ไม่เป็นไร ผมจะรอฟังคุณ” เชสเตอร์คลี่รอยยิ้มกว้างพร้อมพยุงร่างไร้เรี่ยวแรงของหญิงสาวออกไปจากห้อง
          แต่ก่อนที่จะก้าวพ้นประตูห้องไป ชายหนุ่มก็อดที่จะหันกลับมามองคอมพิวเตอร์ของแดเนียลด้วยความฉงนงุนงงไม่ได้...
          โทรศัพท์ภายในห้องทำงานของสารวัตรหนุ่มนามเชสเตอร์ดังขึ้นหลายครั้งติดต่อกัน ชายหนุ่มเจ้าของห้องซึ่งกำลังกุมขมับนั่งอ่านรายงานกองมหึมาบนโต๊ะอยู่จำต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าหูโทรศัพท์ที่หัวโต๊ะ
          “สวัสดีครับ เชสเตอร์ แพ็ดดิงสันพูดสายอยู่ครับ” เชสเตอร์เสยผมดำขลับที่ยุ่งเหยิงให้ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน ก่อนจะสะบัดหัวเล็กน้อยให้มันทิ้งตัวลงอย่างมีน้ำหนัก
          “ฮัลโหล เชสเตอร์! นี่แมรี่พูดนะ!” เสียงจากปลายสายฟังดูละล่ำละลักและแฝงอาการสะอึกสะอื้นปะปนมาด้วยเล็กน้อย สารวัตรหนุ่มจึงเข้าใจได้ในทันทีว่าแมรี่โทรมาเพราะเรื่องอะไร
          “ฉันรู้เรื่องแดเนียลแล้ว แมรี่... ฉันเองก็ไปดูสถานที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง” ดวงตาสีน้ำตาลของชายหนุ่มหรี่ลงทอประกายอาลัยอาวรณ์ในทันที
          “แต่... แต่... ฉันฝันเห็นเขา... เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว” เธอกล่าวรัวเร็วจนเชสเตอร์แทบฟังไม่รู้เรื่อง ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงพยายามปลอบประโลมเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
          “มันอาจเป็นลางบอกเหตุก็ได้ แมรี่... ใจเย็นๆไว้ก่อน มันคงไม่เกี่ยวอะไรกันหรอก” สารวัตรหนุ่มขยับยิ้มน้อยๆแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็นก็ตาม “ผลชันสูตรออกมาชัดเจนแล้วว่าเขาตายเพราะฝืนใช้คอมพิวเตอร์มากเกินไป ต่อไปนี้พวกเราก็คงต้องเพลาๆลงบ้างเหมือนกัน”
          “ไม่... เชสเตอร์ เธอก็น่าจะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีวันเกิดขึ้น” ทว่าหญิงสาวยังคงดื้อดึง “พวกเราไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเกินห้าชั่วโมงเลยในหนึ่งวัน!”
          “วันนั้นเขาอาจฝืนมากเกินไปจริงๆก็ได้... เธอก็รู้ว่าแดเนียลค่อนข้างอ่อนแอตั้งแต่สมัยพวกเราอยู่ไฮสคูลแล้ว ยิ่งในรั้วมหาวิทยาลัยเขายิ่งอาการหนักตอนถูกบังคับให้ลงเล่นฟุตบอล ฉันเคยคิดไว้แล้วว่าสักวันสังขารของเขาจะทำให้เกิดเรื่องแบบนี้...”
          แต่ดูเหมือนปลายสายไม่คิดจะรับฟัง เชสเตอร์ได้ยินเสียงกระแทกหูโทรศัพท์เสียงดัง ก่อนที่สัญญาณจะขาดหายไป
          สารวัตรหนุ่มค่อยๆวางหูโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าไม่สบายใจอย่างที่สุด
          “ให้ตายสิ...”
          แมรี่เดินวนไปวนมาในห้องของเธอด้วยท่าทางเคร่งเครียด ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ปักใจเชื่อว่าแดเนียลไม่มีวันต้องมาพบจุดจบอย่างกะทันหันเพราะเรื่องแบบนี้ มันจะต้องมีสาเหตุอะไรบางอย่าง มันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้น...
          หญิงสาวนั่งลงข้างโทรศัพท์ นึกจะกดเบอร์โทรหาเพื่อนสาวอีกคน แต่เมื่อจรดปลายนิ้วลงไปบนปุ่ม เธอก็เกิดเปลี่ยนใจกลางครัน
          แมรี่ลุกจากที่นั่ง เปิดประตูเดินออกไปนอกห้อง เมื่อปิดประตูตามหลังเธอก็จัดแจงล็อคประตูห้องอย่างดี ก่อนจะเดินดุ่มๆไปตามทางเดินที่เงียบสงัด
          แม้ระยะทางจากห้องของเธอไปยังลิฟต์นั้นจะไม่ไกลมากนัก แต่บรรยากาศบนทางเดินโล่งๆที่ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียวก็ชวนให้ขนหัวลุกได้ง่ายๆ หญิงสาวเดินก้าวยาวจ้ำสุดฝีเท้า ใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆคอยสวดภาวนาขออย่าให้มีอะไรมาทำให้ตกใจ
          มีเพียงเสียงฝีเท้าของเธอเท่านั้นที่ดังอยู่ท่ามกลางความเงียบ แต่นั่นก็เพียงช่วงแรกเท่านั้น แมรี่ไม่ได้รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย...
          ว่าเสียงฝีเท้าอีกคู่กำลังดังขึ้นพร้อมๆกับทุกย่างก้าวของเธอ
          หญิงสาวหยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์ นิ้วมือเรียวสวยจรดกดไปที่ปุ่มลง หมายเลขชั้นที่แสดงอยู่เหนือประตูลิฟต์กำลังลดหลั่นลงมา ใกล้ชั้นที่เธออยู่ในขณะนี้เข้ามาเรื่อยๆ
          แต่ทันใดนั้นเอง ขณะที่แมรี่กำลังลุ้นตัวโก่งหัวใจเต้นระส่ำอยู่ สายตาของเธอก็พลันเหลือบไปเห็นร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง เดินผ่านประตูหนีไฟไป หนำซ้ำเธอยังคงจำหน้าของเขาคนนั้นได้ดี เพราะเขาคือแดเนียล!
          ทว่าเพียงกระพริบตาครั้งเดียว ร่างของแดเนียลก็หายไปจากที่ตรงนั้นแล้ว แมรี่ตาเบิกโพลงด้วยความแปลกใจ ก่อนจะสูดหายใจเข้าเต็มปอด พยายามทำใจกล้าเพ่งมองไปยังประตูหนีไฟอีกครั้ง
          กิ๊ง!
          เสียงเตือนของลิฟต์ทำเอาเธอสะดุ้งสุดตัว บานประตูลิฟต์ค่อยๆเลื่อนเปิดออก แมรี่หันไปมองผู้โดยสารในลิฟต์พลางยกมือขึ้นทาบอกที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความตื่นเต้น หญิงสาวไม่ลืมที่จะเหลียวซ้ายแลขวาอีกครั้ง ก่อนจะตัดใจเดินเข้าไปในลิฟต์ที่มีคนยืนอยู่เกือบเต็ม
          เมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างสุด แมรี่รีบตรงดิ่งไปยังลานจอดรถทันที รถยนต์สีฟ้าคู่ใจของเธอยังคงจอดแน่นิ่งอยู่ที่เดิม ตามปกติแล้วเธอจะขับมันไป-กลับที่ทำงาน แต่สำหรับวันนี้คงไม่ใช่...
          เพราะเธอมีเป้าหมายอื่นแล้ว
          เครื่องยนต์ประจำรถส่งเสียงครางอื้ออึงเมื่อถูกสตาร์ท ตัวรถค่อยๆเคลื่อนที่ออกจากที่จอด ขยับเลี้ยวไปตามที่คนขับของมันสั่งการ แสงแดดสีทองยามเช้าสาดทอลงมาตามเบาะหนังเมื่อรถโผล่พ้นร่มเงาของตึก แมรี่ขยับแผ่นบังแดดลงมา ก่อนจะมองซ้ายมองขวาขับรถแล่นออกไปบนท้องถนน
          จุดหมายปลายทางของเธอก็คือบ้านของแดเนียลนั่นเอง บ้านสองชั้นหลังเล็กๆเป็นสิ่งเดียวที่พ่อแม่ของชายหนุ่มได้ทิ้งไว้ให้ แม้ดูๆไปมันจะไม่กว้างขวางนัก แต่ด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการจัดตกแต่งประกอบกับความมีระเบียบวินัยในตัวเองของเจ้าของบ้าน ทำให้บ้านหลังนี้เป็นวิมานที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของหนุ่มโสดอย่างแดเนียลได้เลยทีเดียว
          ตำรวจยังคงคุมที่เกิดเหตุ ณ บริเวณนั้นอยู่ เมื่อแมรี่เดินเข้าไปใกล้ นายตำรวจร่างอ้วนที่ยืนอยู่หน้าประตูจึงรีบยกมือขึ้นปรามเธอไว้ทันที
          “ขอโทษครับ คุณผู้หญิง แต่เรายังปล่อยให้คนนอกเข้าไปไม่ได้”
          “แต่ฉันเป็นเพื่อนสนิทกับผู้ตายนะ” แมรี่สวนกลับอย่างไม่พอใจนัก แต่เมื่อเธอเห็นนายตำรวจในชุดสีฟ้าอ่อนส่ายหน้าไปมา หญิงสาวก็ล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าขึ้นมากดเบอร์มือถือของเชสเตอร์ทันที
          แมรี่เถียงกับเชสเตอร์อยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดเธอก็ยื่นโทรศัพท์ไปจ่ออยู่ที่หูของนายตำรวจร่างอ้วน เพียงสารวัตรหนุ่มพูดออกคำสั่งไปได้สองสามคำ ชายอ้วนก็ยอมเดินนำหญิงสาวขึ้นไปยังสถานที่เกิดเหตุอย่างว่าง่าย
          ร่างของแดเนียลไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไปแล้ว ทีมชันสูตรขนศพของเขาออกไปหลังจากมาพบได้ไม่นาน สภาพภายในห้องก็ยังดูดีไม่มีอะไรเสียหาย แดเนียลได้จากไปอย่างสงบจริงๆ...
          “ดิฉันขอเปิดคอมพิวเตอร์ดูได้ไหมคะ ?” แมรี่เอ่ยถามนายตำรวจร่างอ้วน ซึ่งพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจนัก
          หญิงสาวตรงรี่ไปกดสวิตช์เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างไม่รีรอ หลังจากหน้าจอวินโดว์ปรากฏขึ้น เธอก็รีบค้นหาแฟ้มที่บันทึกข้อความการพูดคุยในโปรแกรม MSN ไว้ทันที
          ตามปกติแล้วพวกเขามักจะนิยมให้โปรแกรมทำการบันทึกข้อความที่เคยพูดคุยกัน เพื่อหยิบยกนำมาหยอกล้อกันหรือทวงสัญญาบ้างในบางครั้ง ในตอนนี้แมรี่จึงมาอาศัยประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้ เพื่อตรวจเช็คดูว่าใครบ้างที่พูดคุยกับเขาก่อนที่เขาจะสิ้นใจ
          หญิงสาวไล่สายตาไปตามข้อความที่ปรากฏในแต่ละชื่อ จนกระทั่งเธอมาสะดุดใจกับไฟล์ที่แดเนียลคุยกันลิซ่าเข้า...
          วันที่และเวลาบ่งบอกว่าเป็นวันเดียวกับที่พวกเขาท้าทายเรื่องชื่อเมลล์กัน แต่ดูเหมือนนี่จะเป็นการพูดคุยกันลับหลังแค่สองคนโดยปิดบังไว้ไม่ให้แมรี่และเชสเตอร์ได้รับรู้
          Daniel says : เธอจะแอดตามที่แมรี่บอกไหม?
          Lisa says : ฉันว่า... เราหาทางแกล้งเธอเล่นๆกันดีกว่า
          Daniel says : ยังไงล่ะ?
          Lisa says : นายก็แอดชื่อแมรี่ไง ตัดหน้าทักทายเสียก่อน
          Lisa says : แล้วค่อยเอามาพูดให้เธอตกใจเล่น
          Daniel says : ก็น่าสนุก แต่แน่ใจนะว่าแมรี่จะไม่โกรธถ้ารู้เข้า
          Lisa says : ไม่หรอกน่า ยายนั่นไม่ถือสาเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้หรอก
          Daniel says : งั้นก็ได้
          หัวคิ้วของแมรี่ขมวดมุ่นอย่างใช้ความคิด เธอกวาดตามองหาชื่อที่ถูกเว้นว่าง และก็พบมันจริงตามที่คาด หญิงสาวไม่รอช้าเปิดมันขึ้นมาดู แต่ไม่ว่าจะพยายามคลิกสักกี่ที มันก็ไม่ยอมขึ้นมาให้อ่านเสียที!
          ทันใดนั้นเอง หน้าต่างสนทนา MSN ก็เด้งขึ้นมากลางจอ!
          : ...................
          มันขึ้นมาเอง และปิดไปเองทั้งๆที่โปรแกรม MSN ไม่ได้เปิดอยู่ อินเตอร์เน็ตก็ไม่ได้ต่อไว้ หนำซ้ำภาพแทนตัวที่ปรากฏขึ้นเพียงชั่วพริบตานั้นก็ทำให้เธอต้องเสียวสันหลังวาบ
          ภาพนั้นคือใบหน้าอันแสนทุกข์ทรมานของแดเนียล!
          “กรี๊ดดดดดดดด!”
          แมรี่กรีดร้องดังลั่นบ้าน ทำให้นายตำรวจร่างอ้วนจำต้องหันมามองเธอด้วยความตื่นตกใจ มือของเธอยกขึ้นกุมศีรษะที่สะบัดส่ายไปมาราวกับคนเสียสติ ขาทั้งสองข้างปาดป่ายไปมาจนเตะถูกสายปลั๊กหลุดออกมา
          หน้าจอคอมพิวเตอร์ดับวูบลงในทันที หากแต่อาการหวาดผวาของหญิงสาวไม่ได้หายไปง่ายดายเช่นนั้น...
          “ใจเย็นๆครับ คุณผู้หญิง บอกผมซิว่าเกิดอะไรขึ้น!” ตำรวจร่างอ้วนตะโกนแข่งกับเสียงร้องครวญครางของเธอพลางพยายามทำให้เธอสงบลง แต่แมรี่กลับอาการหนักขึ้นกว่าเก่า ร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำตานอกหน้าราวกับเด็กเล็กๆ
          “มีอะไรกัน ผมได้ยินเสียงร้อง!” เชสเตอร์เลิ่กลั่กวิ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เขาเห็นหญิงสาวที่กำลังร้องห่มร้องไห้ เขาก็โบกมือไล่ลูกน้องให้ออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปโอบกอดปลอบประโลมแมรี่อย่างนุ่มนวลที่สุด
          “แมรี่... ไม่ต้องกลัว สบตากับผมสิ” ชายหนุ่มตีหน้าเคร่งพลางจับใบหน้าของหญิงสาวให้หันมาหาเขา “ค่อยๆสงบสติอารมณ์ แล้วบอกผมมาว่าเกิดอะไรขึ้น...”
          นิ้วมืออันสั่นเทาของเธอค่อยๆบรรจงชี้ไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งบัดนี้มืดสนิทเพราะถูกปิด ทำให้เชสเตอร์ต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
          “คอมพิวเตอร์ของแดเนียล... มีอะไรงั้นหรือ ?” ชายหนุ่มพยายามเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ริมฝีปากที่สั่นระริกของแมรี่ดูเหมือนจะยังไม่อาจเผยอพูดอะไรออกมาได้ในตอนนี้
          “ไม่เป็นไร ผมจะรอฟังคุณ” เชสเตอร์คลี่รอยยิ้มกว้างพร้อมพยุงร่างไร้เรี่ยวแรงของหญิงสาวออกไปจากห้อง
          แต่ก่อนที่จะก้าวพ้นประตูห้องไป ชายหนุ่มก็อดที่จะหันกลับมามองคอมพิวเตอร์ของแดเนียลด้วยความฉงนงุนงงไม่ได้...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น