ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : กิโลเมตรที่ 1 : เมื่อน้ำมันขึ้นราคา
ก่อนอื่นก็ต้องขอให้เครดิตที่มาก่อนล่ะครับ
เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Final Fantasy VII : Advent Children
ผมบอกไว้ล่วงหน้า เผื่อมีคนบ่นมานะครับ ^^
กีรติการช่าง : ตามล่าน้ำมันสุดขอบโลก
กิโลเมตรที่ 1 : เมื่อน้ำมันขึ้นราคา
          ในค่ำคืนที่เงียบสงัด ผู้คนที่อาศัยอยู่ในตึกแถวประจำซอย ‘อยู่ไม่สุข’ ต่างยังคงอยู่ในห้วงแห่งนิทรา แผ่กายาหลับสบายบนเตียงนอน และคงไม่มีใครในอู่กีรติการช่างลุกขึ้นมา หากไม่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาปลุกพวกเขาเสียก่อน !
          กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง...
          ชายหนุ่มเจ้าของนามกีรติเดินงัวเงียขยี้ตามาจากที่นอน เขาสะบัดหัวเล็กน้อยให้เส้นผมสีดำที่ตั้งชี้โด่เด่กลับลู่ลงมาในสภาพธรรมชาติ ดวงตาดำขลับยังคงปรือตื่นไม่เต็มที่ มือหยาบกร้านของเขาค่อยๆเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ฉาบฉายไว้ด้วยความไม่พอใจเป็นที่สุด
          “ฮัลโหล โทรมาทำบ้าอะไรกันตอนนี้ ?” กีรติกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ แต่หลังจากได้ฟังคำตอบจากปลายสาย ดวงตาของชายหนุ่มก็ต้องเบิกโพลง
          “อะไรนะ ! น้ำมันขึ้นราคาอีกแล้ว !?”
          กีรติกระแทกโทรศัพท์เสียงดัง เดินปึงปังกลับไปยังห้องนอนทั้งๆที่หัวคิ้วยังกระตุกด้วยความหงุดหงิด ลูกน้องของเขาทั้งสองคนนอนก่ายกันอยู่ในท่าที่ยากจะเชื่อว่าทั้งคู่เป็นชายแท้ ได้เห็นดังนั้นอารมณ์ของชายหนุ่มก็ยิ่ง...
          จะให้เกิดอารมณ์หรือปะทุจนระเบิดดีล่ะ...
          เอาข้อสองละกัน
          “ไอ้พวกเวร ! ตื่นได้แล้วโว้ย เรามีงานใหญ่ต้องทำ !” กีรติตะโกนด้วยเสียงอันดังกึกก้อง ผู้คนที่นอนหลับอยู่ในรัศมีแปดช่วงตึกถึงกับสะดุ้งลุกพรวดขึ้นจากเตียง แต่เจ้าลูกน้องทั้งสองคนของเขากลับ...
          “อืม... ชอบเสียงดังๆเหรอจ๊ะยาหยี ได้เลยยยยย เดี๋ยวพี่จะสนองให้” แม้จะหลับอยู่ แต่มันก็ยังทำหน้าหื่นกามได้...
          “อ๊า อย่านะตัว... เค้ากลัวเสียงแหบ...” คู่ของมันก็ช่างรับกันดีเหลือเกิน... นี่หากกีรติไม่ได้ยินเสียงกรนที่ดังเหมือนเครื่องยนต์เรือ เขาคงไม่เชื่อว่าเจ้าสองตัวนี้หลับอยู่เป็นแน่...
          “ไอ้นรกานต์ ไอ้ชลนัยน์ ตื่นได้แล้วโว้ย !!!” กีรติแหกปากดังลั่นห้องพลางกระทืบไปที่สีข้างของทั้งคู่อย่างไม่ปรานี
          “อื๊อ... อื๊อ... ชอบซาดิสม์ก็ไม่บอก...”
          “อ๊ายยย เค้าไม่ใช่มาโซซะหน่อย... เจ็บนะเด็กโง่”
          จู่ๆกีรติก็ได้ยินเสียงเส้นความอดทนในสมองขาดผึง! ชายหนุ่มไม่รอช้า ลากเจ้าสองตัวไปที่หน้าต่าง และโยนมันลงไปทั้งคู่ !
          ไม่นานนัก... ก็มีเสียงตะโกนด่ากลับขึ้นมา
          “เฮ้ย นึกว่าใหญ่มาจากไหนเหรอวะ จับกูโยนลงมาแบบนี้ !”
          รอยยิ้มเล็กๆผุดพรายขึ้นบนใบหน้ากีรติ ดูเหมือนว่าเจ้าสองตัวนั้นจะรู้สึกตัวแล้ว
          “โถ่ อย่าบ่นเลย กะอีแค่เรดเบียร์ด เป่าหัวเปรี้ยงเดียวก็จอดแล้ว”
          เรดเบียร์ด ?
          กีรติทวนคำอยู่ในใจก่อนจะชะโงกหน้าออกไปดูลูกน้องทั้งสอง...
          พวกมันยังละเมออยู่
                                        -----------------------------------------------------------------
          สุดท้ายแล้วกีรติก็ต้องรอจนเช้า พวกมันถึงจะยอมตื่น แม้จะงุนงงที่ตื่นขึ้นมาหน้าอู่ แต่ทั้งสองก็ไม่ได้โวยวายอะไร กลับไปต่อว่ากันเองว่าอีกฝ่ายนอนดิ้น ทำให้ตัวเองต้องร่วงลงมานอนอาบยุงเช่นนี้...
          “เอาล่ะ พอแล้วๆ ทั้งคู่นั่นแหละ” กีรติเดินออกมาปรามด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกเรามีงานใหญ่ต้องทำ รู้ไว้ซะ”
          “งาน ?” นรกานต์เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยพลางจัดทรงผมของตัวเองให้เข้าที่ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาของเขาบ่งบอกอายุได้เพียงแค่จ้องมอง แต่ไม่ว่าใครเห็นก็คงไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าหนุ่มหน้าอ่อนคนนี้อายุยี่สิบสองปีมาตั้งแต่สองปีที่แล้ว
          “ผมไม่อยากทำงาน...” ชลนัยน์กล่าวเสียงอ่อยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดเมื่อถูกนรกานต์กระแทกสีข้างเข้าให้
          “พี่นรกานต์ใจร้าย...”
          “หุบปาก ไม่งั้นคราวหน้าฉันจะเอาน้ำกรดในแบตเตอรี่ราดใส่หน้าแก” นรกานต์บ่นใส่หนุ่มน้อยชลนัยน์ด้วยน้ำเสียงดุ “รู้ไว้ซะว่าเสียงสะอึกอื้นของแกมันน่ารำคาญฉิบ”
          แต่คำพูดของเขาทำเอาชลนัยน์ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายชาวบ้านทันที
          “ไอ้เวรนี่ บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าร้อง !” นรกานต์ตะคอกใส่ชลนัยน์พลางฉวยปืนที่เหน็บไว้ข้างเอวกางเกงนอนออกมากระชากลูกเลื่อนบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิง กีรติเห็นท่าไม่ดีจึงรีบหยุดทั้งคู่ไว้ทันที
          “พอแล้วโว้ย ! ทั้งสองคนเลย !”
          สองหนุ่มหยุดยืนตรงหันหน้ามาหากีรติทันที
          “ฟังให้ดี งานใหญ่ของเรา !” กีรติถอนหายใจยาวก่อนจะเริ่มพูด แต่แล้วเมื่อเขากวาดตามองไปรอบๆ ชายหนุ่มก็ต้องเปลี่ยนใจ เพราะรอบๆพวกเขามีแต่ชาวบ้านแถบนั้นยืนมองอย่างกับเป็นตัวประหลาด “ไปคุยกันในรถดีกว่า...”
          หนึ่งเจ้านายและสองลูกน้องช่วยกันเปิดประตูโรงรถและถอย BMW ซีรีส์ 7 ซีดานสีดำประจำอู่ออกมา เมื่อประตูโรงรถกลับไปปิดสนิทอีกครั้ง กีรติก็กระโดดขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ ส่วนเจ้าลูกน้องทั้งสองของเขาก็ขึ้นไปนั่งหลังเหมือนที่เคยนั่งทุกครั้ง
          จะมีใครสงสัยกันบ้างไหมครับว่าทำไมอู่ซ่อมรถกิ๊กก๊อกอย่างกีรติการช่างถึงได้เป็นเจ้าของรถหรูมีระดับอย่าง BMW ซีรีส์ 7 ซีดานได้...
          เหตุผลนั้นง่ายนิดเดียว เพราะล่าสุดได้มีลูกค้าเอารถคันนี้มาให้พวกเขาเช็คสภาพน่ะสิครับ กีรติจัดแจงบอกลูกค้าเสียดิบดีว่ามีปัญหาที่นู่นที่นี่ทั่วทั้งคัน แต่จริงๆแล้วเขาจงใจจะเก็บไว้ขับเองต่างหาก...
          “เจ้านาย มีงานอะไรบอกผมได้หรือยัง ?” นรกานต์ตั้งคำถามทันทีที่รถออกวิ่ง
          “น้ำมันขึ้นเว้ย น้ำมันขึ้น !” กีรติกระแทกเสียงอย่างหัวเสีย ทำเอาชลนัยน์ที่นั่งอยู่ข้างหลังต้องกลัวหัวหด
          “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่พวกเราต้องออกมานั่งรถแบบนี้ ?”
          “วะ ! ไม่น่าถามเลย แกนี่ ในเมื่อน้ำมันขึ้น กูก็ไม่คิดจะไปซื้อมันแล้วโว้ย !” กีรติพูดเสียงดังก่อนจะหัวเราะในลำคออย่างมีเลศนัย “ได้ข่าวไหมว่ามีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินส่วนบุคคลบังเอิญไปขุดเจอบ่อน้ำมันเข้า”
          “แล้วไง ?” นรกานต์ยังคงถามย้อนด้วยน้ำเสียงยียวน แต่แค่ใบหน้าของมันก็ดูไม่เป็นมิตรอยู่แล้ว...
          “มันเป็นรถไฟส่วนบุคคลโว้ย ส่วนบุคคล !” กีรติส่ายหน้าอาดๆอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย “พวกเราก็ไปยึดกรรมสิทธิ์มาแล้วเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันซะเลยสิวะ !”
          “ยึด ? ยังไง ?”
          กีรติเผยรอยยิ้มของปีศาจร้ายออกมา ท่าทางของเขาในตอนนี้แม้แต่ไอ้เด็กนรกอย่างนรกานต์ก็ยังต้องเสียวสันหลังวาบ
          “ก็ฆ่าล้างคนงานแล้วขู่ให้ไอ้เจ้าของเซ็นสัญญาโอนกรรมสิทธิ์สิวะ”
          “มันจะง่ายอย่างงั้นแน่เหรอ เฮีย”
เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Final Fantasy VII : Advent Children
ผมบอกไว้ล่วงหน้า เผื่อมีคนบ่นมานะครับ ^^
กีรติการช่าง : ตามล่าน้ำมันสุดขอบโลก
กิโลเมตรที่ 1 : เมื่อน้ำมันขึ้นราคา
          ในค่ำคืนที่เงียบสงัด ผู้คนที่อาศัยอยู่ในตึกแถวประจำซอย ‘อยู่ไม่สุข’ ต่างยังคงอยู่ในห้วงแห่งนิทรา แผ่กายาหลับสบายบนเตียงนอน และคงไม่มีใครในอู่กีรติการช่างลุกขึ้นมา หากไม่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาปลุกพวกเขาเสียก่อน !
          กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง...
          ชายหนุ่มเจ้าของนามกีรติเดินงัวเงียขยี้ตามาจากที่นอน เขาสะบัดหัวเล็กน้อยให้เส้นผมสีดำที่ตั้งชี้โด่เด่กลับลู่ลงมาในสภาพธรรมชาติ ดวงตาดำขลับยังคงปรือตื่นไม่เต็มที่ มือหยาบกร้านของเขาค่อยๆเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ฉาบฉายไว้ด้วยความไม่พอใจเป็นที่สุด
          “ฮัลโหล โทรมาทำบ้าอะไรกันตอนนี้ ?” กีรติกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ แต่หลังจากได้ฟังคำตอบจากปลายสาย ดวงตาของชายหนุ่มก็ต้องเบิกโพลง
          “อะไรนะ ! น้ำมันขึ้นราคาอีกแล้ว !?”
          กีรติกระแทกโทรศัพท์เสียงดัง เดินปึงปังกลับไปยังห้องนอนทั้งๆที่หัวคิ้วยังกระตุกด้วยความหงุดหงิด ลูกน้องของเขาทั้งสองคนนอนก่ายกันอยู่ในท่าที่ยากจะเชื่อว่าทั้งคู่เป็นชายแท้ ได้เห็นดังนั้นอารมณ์ของชายหนุ่มก็ยิ่ง...
          จะให้เกิดอารมณ์หรือปะทุจนระเบิดดีล่ะ...
          เอาข้อสองละกัน
          “ไอ้พวกเวร ! ตื่นได้แล้วโว้ย เรามีงานใหญ่ต้องทำ !” กีรติตะโกนด้วยเสียงอันดังกึกก้อง ผู้คนที่นอนหลับอยู่ในรัศมีแปดช่วงตึกถึงกับสะดุ้งลุกพรวดขึ้นจากเตียง แต่เจ้าลูกน้องทั้งสองคนของเขากลับ...
          “อืม... ชอบเสียงดังๆเหรอจ๊ะยาหยี ได้เลยยยยย เดี๋ยวพี่จะสนองให้” แม้จะหลับอยู่ แต่มันก็ยังทำหน้าหื่นกามได้...
          “อ๊า อย่านะตัว... เค้ากลัวเสียงแหบ...” คู่ของมันก็ช่างรับกันดีเหลือเกิน... นี่หากกีรติไม่ได้ยินเสียงกรนที่ดังเหมือนเครื่องยนต์เรือ เขาคงไม่เชื่อว่าเจ้าสองตัวนี้หลับอยู่เป็นแน่...
          “ไอ้นรกานต์ ไอ้ชลนัยน์ ตื่นได้แล้วโว้ย !!!” กีรติแหกปากดังลั่นห้องพลางกระทืบไปที่สีข้างของทั้งคู่อย่างไม่ปรานี
          “อื๊อ... อื๊อ... ชอบซาดิสม์ก็ไม่บอก...”
          “อ๊ายยย เค้าไม่ใช่มาโซซะหน่อย... เจ็บนะเด็กโง่”
          จู่ๆกีรติก็ได้ยินเสียงเส้นความอดทนในสมองขาดผึง! ชายหนุ่มไม่รอช้า ลากเจ้าสองตัวไปที่หน้าต่าง และโยนมันลงไปทั้งคู่ !
          ไม่นานนัก... ก็มีเสียงตะโกนด่ากลับขึ้นมา
          “เฮ้ย นึกว่าใหญ่มาจากไหนเหรอวะ จับกูโยนลงมาแบบนี้ !”
          รอยยิ้มเล็กๆผุดพรายขึ้นบนใบหน้ากีรติ ดูเหมือนว่าเจ้าสองตัวนั้นจะรู้สึกตัวแล้ว
          “โถ่ อย่าบ่นเลย กะอีแค่เรดเบียร์ด เป่าหัวเปรี้ยงเดียวก็จอดแล้ว”
          เรดเบียร์ด ?
          กีรติทวนคำอยู่ในใจก่อนจะชะโงกหน้าออกไปดูลูกน้องทั้งสอง...
          พวกมันยังละเมออยู่
                                        -----------------------------------------------------------------
          สุดท้ายแล้วกีรติก็ต้องรอจนเช้า พวกมันถึงจะยอมตื่น แม้จะงุนงงที่ตื่นขึ้นมาหน้าอู่ แต่ทั้งสองก็ไม่ได้โวยวายอะไร กลับไปต่อว่ากันเองว่าอีกฝ่ายนอนดิ้น ทำให้ตัวเองต้องร่วงลงมานอนอาบยุงเช่นนี้...
          “เอาล่ะ พอแล้วๆ ทั้งคู่นั่นแหละ” กีรติเดินออกมาปรามด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกเรามีงานใหญ่ต้องทำ รู้ไว้ซะ”
          “งาน ?” นรกานต์เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยพลางจัดทรงผมของตัวเองให้เข้าที่ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาของเขาบ่งบอกอายุได้เพียงแค่จ้องมอง แต่ไม่ว่าใครเห็นก็คงไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าหนุ่มหน้าอ่อนคนนี้อายุยี่สิบสองปีมาตั้งแต่สองปีที่แล้ว
          “ผมไม่อยากทำงาน...” ชลนัยน์กล่าวเสียงอ่อยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดเมื่อถูกนรกานต์กระแทกสีข้างเข้าให้
          “พี่นรกานต์ใจร้าย...”
          “หุบปาก ไม่งั้นคราวหน้าฉันจะเอาน้ำกรดในแบตเตอรี่ราดใส่หน้าแก” นรกานต์บ่นใส่หนุ่มน้อยชลนัยน์ด้วยน้ำเสียงดุ “รู้ไว้ซะว่าเสียงสะอึกอื้นของแกมันน่ารำคาญฉิบ”
          แต่คำพูดของเขาทำเอาชลนัยน์ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายชาวบ้านทันที
          “ไอ้เวรนี่ บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าร้อง !” นรกานต์ตะคอกใส่ชลนัยน์พลางฉวยปืนที่เหน็บไว้ข้างเอวกางเกงนอนออกมากระชากลูกเลื่อนบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิง กีรติเห็นท่าไม่ดีจึงรีบหยุดทั้งคู่ไว้ทันที
          “พอแล้วโว้ย ! ทั้งสองคนเลย !”
          สองหนุ่มหยุดยืนตรงหันหน้ามาหากีรติทันที
          “ฟังให้ดี งานใหญ่ของเรา !” กีรติถอนหายใจยาวก่อนจะเริ่มพูด แต่แล้วเมื่อเขากวาดตามองไปรอบๆ ชายหนุ่มก็ต้องเปลี่ยนใจ เพราะรอบๆพวกเขามีแต่ชาวบ้านแถบนั้นยืนมองอย่างกับเป็นตัวประหลาด “ไปคุยกันในรถดีกว่า...”
          หนึ่งเจ้านายและสองลูกน้องช่วยกันเปิดประตูโรงรถและถอย BMW ซีรีส์ 7 ซีดานสีดำประจำอู่ออกมา เมื่อประตูโรงรถกลับไปปิดสนิทอีกครั้ง กีรติก็กระโดดขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ ส่วนเจ้าลูกน้องทั้งสองของเขาก็ขึ้นไปนั่งหลังเหมือนที่เคยนั่งทุกครั้ง
          จะมีใครสงสัยกันบ้างไหมครับว่าทำไมอู่ซ่อมรถกิ๊กก๊อกอย่างกีรติการช่างถึงได้เป็นเจ้าของรถหรูมีระดับอย่าง BMW ซีรีส์ 7 ซีดานได้...
          เหตุผลนั้นง่ายนิดเดียว เพราะล่าสุดได้มีลูกค้าเอารถคันนี้มาให้พวกเขาเช็คสภาพน่ะสิครับ กีรติจัดแจงบอกลูกค้าเสียดิบดีว่ามีปัญหาที่นู่นที่นี่ทั่วทั้งคัน แต่จริงๆแล้วเขาจงใจจะเก็บไว้ขับเองต่างหาก...
          “เจ้านาย มีงานอะไรบอกผมได้หรือยัง ?” นรกานต์ตั้งคำถามทันทีที่รถออกวิ่ง
          “น้ำมันขึ้นเว้ย น้ำมันขึ้น !” กีรติกระแทกเสียงอย่างหัวเสีย ทำเอาชลนัยน์ที่นั่งอยู่ข้างหลังต้องกลัวหัวหด
          “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่พวกเราต้องออกมานั่งรถแบบนี้ ?”
          “วะ ! ไม่น่าถามเลย แกนี่ ในเมื่อน้ำมันขึ้น กูก็ไม่คิดจะไปซื้อมันแล้วโว้ย !” กีรติพูดเสียงดังก่อนจะหัวเราะในลำคออย่างมีเลศนัย “ได้ข่าวไหมว่ามีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินส่วนบุคคลบังเอิญไปขุดเจอบ่อน้ำมันเข้า”
          “แล้วไง ?” นรกานต์ยังคงถามย้อนด้วยน้ำเสียงยียวน แต่แค่ใบหน้าของมันก็ดูไม่เป็นมิตรอยู่แล้ว...
          “มันเป็นรถไฟส่วนบุคคลโว้ย ส่วนบุคคล !” กีรติส่ายหน้าอาดๆอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย “พวกเราก็ไปยึดกรรมสิทธิ์มาแล้วเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันซะเลยสิวะ !”
          “ยึด ? ยังไง ?”
          กีรติเผยรอยยิ้มของปีศาจร้ายออกมา ท่าทางของเขาในตอนนี้แม้แต่ไอ้เด็กนรกอย่างนรกานต์ก็ยังต้องเสียวสันหลังวาบ
          “ก็ฆ่าล้างคนงานแล้วขู่ให้ไอ้เจ้าของเซ็นสัญญาโอนกรรมสิทธิ์สิวะ”
          “มันจะง่ายอย่างงั้นแน่เหรอ เฮีย”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น