ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาลิโดร่า..สาวงามแห่งเคลาคัส

    ลำดับตอนที่ #42 : ดอกไม้งามแห่งเคลาคัส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 578
      1
      4 ก.พ. 54






    “มีตำนานที่เล่าสืบต่อในราชวงศ์ เชื่อกันว่าในชีวิตหนึ่งจะสามารถขอความปรารถนาต่ออัญมณีสีเงินได้หนึ่งครั้ง.. ใช่ มันบ้า และไม่น่าเชื่อถือ ที่จริง หม่อมฉันก็ไม่เคยทดสอบ” พระองค์ดำรัสเสริมเมื่อเห็นสีหน้าของเจ้าหญิงคนงามทั้งสอง “มันเป็นแค่..ความเชื่อที่สืบต่อกันมา”


    “เช่นนั้นแล้ว สิ่งนั้นสำคัญกับพระองค์อย่างไร” คำถามจากบุรุษที่ไขกุญแจได้เอ่ยขึ้นอย่างตรงประเด็น


    กษัตริย์หนุ่มถอนพระปัสสาสะ คล้ายจะไม่อยากดำรัส


    “มันเป็น..สิ่งแทนพระองค์ ตัวแทนกษัตริย์แห่งมิธรา เพียงมีอัญมณีนี้ ทุกคำพูดคือโองการจากเรา”


    คนฟังทุกคนเข้าใจในทันที ความสำคัญของมัน.. ความสำคัญที่ทำให้เจ้าของต้องดั้นด้นตามหา มิน่าเล่าถึงเรียกว่าสิ่งมีค่าควรเมือง ตัวแทน..กษัตริย์ มิน่าเล่าถึงวางกลลวงใช้คำว่าอัญมณีให้ดูเป็นเครื่องประดับมากกว่าจะเรียกมันว่าตราลัญนาจร


    “แล้วทำไมถึงไม่เคยลองขอพรเพคะ” เจ้าหญิงกลีเคอเรียตรัสถามอย่างสงสัยด้วยสุรเสียงหวานราวกับผีเสื้อที่ค่อยๆ แตะปีกของมันกับกลีบดอกไม้


    “ว่ากันว่าการขอพรจะต้องแลกด้วยสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ถ้าร้องขอชีวิต จะต้องมีผู้สังเวยแทนด้วยความเต็มใจ ถ้าร้องขอเงินตราจะต้องมีผู้ยากจนแทนโดยไม่โกรธแค้น ถ้า..ร้องขอความรัก จะต้องมีผู้ชิงชังไปจนไม่อาจประสานได้ ในอดีต หม่อมฉันคิดว่าคงมีบรรพบุรุษริลองมาแล้ว แต่เวลานี้ หม่อมฉันมีพร้อมทุกอย่าง จะต้องขอพรเพื่อแลกเปลี่ยนไปไย” พระเนตรคมทอดมองพระพักตร์ของเจ้าหญิงที่ห้า นางหัวเราะเบาๆ ในความเชื่อมั่นของอีกฝ่าย


    หยิ่งผยองนัก! ดำรัสในพระทัยด้วยความเอ็นดู ทั้งที่อีกอายุมากกว่า เพราะมีรู้สึกว่าชายผู้นี้ช่างเหมือนน้องสาวของนางยิ่ง


    “หม่อมฉันขอยืนยันอีกครั้ง เคลาคัสไม่ได้มีส่วนรู้เห็น” คาลิโดร่าเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกว่าคนเมืองมิธรามองพี่สาวของนางมากเกินไปแล้ว


    “หม่อมฉันก็หวังเช่นนั้น” เอราเอิสหันมาตอบกลับ


    “ส่งตัวหญิงผู้นั้นมาที่นี่ หม่อมฉันจะเค้นถามด้วยตนเอง”


    “ไม่จำเป็น เมืองของหม่อมฉันก็มีวิธีการ ‘ถาม’ นักโทษที่มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน”


    ราวกับสิงห์สองตัวกำลังห้ำหั่นกันเอง ทาร์เธเมสเบือนหน้าหนี พยายามกลั้นหัวเราะ เมื่อสีหน้าของเจ้าหญิงของเขาเปลี่ยนไปวูบหนึ่งก่อนจะกลับมาคงเดิม คนสนิทอย่างเขารู้ดีว่าพระองค์ต้องใช้ความอดกลั้นแค่ไหน ปกติแล้วมีแต่คนตามพระทัยตลอดไม่มีขัด เมื่อเจอคนที่ไม่ยอม ยิ่งฐานะสูงศักดิ์กว่า คงยิ่งหงุดหงิดพระทัยเป็นแน่


    “เช่นนั้นพระองค์อยู่ที่นี่ เห็นที่จะไม่มีประโยชน์อันใดมิใช่หรือเพคะ” ไล่..ทางอ้อมที่สุดแล้ว


    “ใครว่าหม่อมฉันมาถึงที่นี่ ตั้งใจจะไม่ให้เสียเที่ยว เจริญสัมพันธไมตรีไปด้วยเลย” พระเนตรแลไปทางหญิงงามอีกนางหนึ่งบ่งบอกความนัย ยิ่งทำให้คาลิโดร่าหัวเสีย แต่ที่นางทำได้ คือแย้มยิ้มส่งคำหวานปานน้ำผึ้ง


    “เคลาคัสยินดีต้อนรับมิตร พระองค์เจริญสัมพันธไมตรีสำเร็จเรียบร้อยแล้วเพคะ”


    คราวนี้นายทหารสองนายทั้งฝั่งเคลาคัสและมิธราต่างพร้อมใจกันเบือนหน้าหนีทั้งคู่ พยายามกลั้นหัวเราะอย่างถึงที่สุด เพราะคำนึงถึงหน้าตาประเทศและนางกำนัลสี่ห้าคนที่ยังรอรับใช้อยู่ในห้อง


    “เช่นนั้นเป็นการดี เราจะได้เที่ยวเล่นในเคลาคัสได้อย่างสบายใจ”


    เอาว่ะ! เพิ่งรู้ว่าเจ้านายเราก็หน้าด้านไม่เป็นรองใคร!


    คาลิโดร่ากำหัตถ์แน่นขึ้น ไม่เคยเจอผู้ชายหน้าด้านหน้าทนแบบนี้มาก่อนเลย ทว่าก่อนนางจะเอ่ยสิ่งใด มือของบุรุษก็ยื่นมาทับที่หลังมือของนาง คาลิโดร่ามองใบหน้าสามี ความรุ่มร้อนที่เหมือนจะระเบิด กลับสงบลงอย่างง่ายดายเพียงสบดวงตาเข้าใจของเขา


    เอราเอิสเห็นดังนั้นก็แอบถอนหายใจ น่าเสียดายนัก ดอกไม้งามดอกนี้มีผู้จับจองเสียแล้ว แต่ดอกไม้งามอีกดอกไม่แน่!



     
    “ส่งพิราบสื่อสารไปแล้วใช่ไหม” วรองค์สูงทรงยืนจับพระกรห้อยที่ด้านหลังดำรัสขึ้นมา


    “พระเจ้าค่ะ” เอ็กเตอร์ทูลตอบ “ฝ่าบาท กระหม่อมรู้สึกว่า..เคลาคัสจะเป็นแค่เหยื่อ”


    ราชาแห่งมิธราหันพระพักตร์กลับมา จ้องตาคนสนิท


    “ใช่..เหยื่อตัวใหญ่เสียด้วย”


    “ฝ่าบาท ทรงเห็นด้วยกับกระหม่อม”


    “ท่าทางของพวกเขาเปิดเผย ไม่มีอะไรซ่อนเร้น ดูท่า..เราจะมาผิดทางเสียแล้ว”


    “เช่นนั้นกลับไปตามอีกทางไหมพระเจ้าคะ” เอ็กเตอร์เอ่ยลองพระทัย และก็ได้รับสายพระเนตรขุ่นมัวกลับมา


    “ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว สำรวจดูบ้านเมืองดูการทหารหน่อยก็ไม่เลว” ชายสูงศักดิ์ตรัสตอบ แม้ว่าการทหารจะยังถูกปกปิดได้อย่างดีจากฝ่ายนั้นก็ตามที “ให้มันรู้ไปว่าถ้าข้าไม่ลงมือเอง พวกมันจะลากผู้ร้ายที่แท้จริงออกมาไม่ได้”


    คนฟังอยากจะส่ายหน้า อยากหาแม่เมืองก็บอกมาสิ ถึงมิธราจะมีสนมนางในเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังขาดราชินีคู่พระทัยอยู่ดี สายตารู้เท่าทันของคนสนิททำให้องค์ราชาขยับองค์ เสหยิบคนโทใส่น้ำ อยู่ดีๆ ก็กระหายอยากจะดื่มน้ำขึ้นมาเฉยๆ ทว่าพระหัตถ์พลาดไปทำให้คนโทตกแตกลงกับพื้น


    เอ็กเตอร์อยากเอ่ยวาจาหยอกล้อกับเจ้านายอีกสักหน่อย แต่สายตาไปหยุดที่น้ำซึ่งกระเซ็นออกมา นายทหารก้าวเข้าไปหยุดที่คนโท ก้มลงแตะน้ำที่กำลังขึ้นฟองเล็กน้อยกับปลายนิ้ว เพียงสัมผัส ก็ปวดแสบปวดร้อนจนต้องล้างมือกับน้ำอีกส่วนอย่างรวดเร็ว


    พระโอษฐ์เม้มแน่นเป็นเส้นตรง สบเนตรกับนายทหาร


    ดูท่า ที่ดำรัสว่าเคลาคัสไม่เกี่ยว เห็นที่ประโยคนี้จะมีปัญหา!



     
    ...................................................



     
    “งานเหนื่อยเหรอ?” ร่างบางรับเอาเสื้อคลุมของชายหนุ่มมาผึ่งไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ


    “เล็กน้อย พอดีมีแขกบ้านแขกเมืองมา เจ้าหญิงต้องให้การต้อนรับ ส่วนข้าต้องไปฝึกทหารไกลขึ้นกว่าเดิม และถึงเจ้าหญิงจะมีพระสวามีค่อยดูแลอยู่แล้ว แต่ข้าก็ยังไม่ไว้ใจแขกบ้านแขกเมือง อยากจะตามดูแลพระองค์ก่อน เลยเดินทางเยอะไปหน่อย”


    ขณะที่เล่า มือเรียวบางก็ซับเม็ดเหงื่อด้วยผ้าสะอาด การกระทำด้วยความห่วงใยนี้ทำให้ความเหน็ดเหนื่อยปลาสไปสิ้น


    “ท่านไม่ยอมปล่อยวางเลยนะ”


    “การฝึกทหารใช่ว่าจะทำเล่นๆ ได้ ถ้าเราไม่ฝึกบ่อยๆ มันจะ..”


    “ข้าไม่ได้หมายถึงการฝึกทหาร ข้าหมายถึงเจ้าหญิง”


    ทาร์เธเมสเงยหน้ามองหญิงคู่ชีวิต


    “รีอา?”


    “เจ้าหญิงมีพระสวามีดูแลพระองค์อยู่แล้ว ท่านทำแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนพระสวามีเขม่นหรอก” รีอาหัวเราะคิกคัก เพราะทาร์เธเมสอยู่ใกล้ชิดเจ้าหญิงมากที่สุด ถึงเป็นคนสนิทมากเพียงใด แต่หญิงชายใกล้ชิดกัน มีหรือที่พระสวามีของเจ้าหญิงจะชอบพระทัยได้


    ทาร์เธเมสนิ่งคิดตาม ครันนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มที่บึ้งตึงอยู่บ่อยครั้ง ก็อดหัวเราะตามภรรยาสาวไม่ได้ เห็นท่าจะจริง..


    “แหนะ หัวเราะแบบนี้ แสดงว่าคิดอะไรอยู่ใช่ไหม”


    “แค่คิดว่า..ข้าหมั่นไส้ผู้ชายคนนั้นเหลือเกิน ทำให้มันหงุดหงิดเสียบ้างก็คงดี”


    “ท่านนี่” รีอาหยิกเข้าที่ต้นแขนแข็งๆ ซึ่งแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ “นึกยังไงถึงไม่ชอบใจพระสวามีของเจ้าหญิงเข้าได้”


    “ไม่รู้ ไม่ถูกชะตา” เขาตอบราวกับว่าเป็นเหตุผลที่สมควรแล้ว


    “หวงล่ะสิ ทำตัวเหมือนพี่ชายหวงน้องสาว พอมีผู้ชายคนไหนเข้ามา ก็ขวางหูขวางตาทั้งนั้น”


    “ข้าอยู่กับพระองค์ตั้งแต่เด็ก ดูแลไม่เคยห่าง..” ทาร์เธเมสทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ ถอนหายใจด้วยความสุขเมื่อรำลึกถึงคืนวาน เจ้าหญิงตัวน้อย..ที่สูงด้วยยศศักดิ์ แต่พระองค์ทำให้เขาต้องตามดูแลตลอดเวลาเหมือนเด็กเล็กๆ ผูกพันโดยไม่รู้ตัว รู้สึกอีกทีก็มีแต่ความปรารถนาดีให้ด้วยใจทั้งดวง “พอรู้สึกว่ามีใครคนอื่นมาทำหน้าที่แทนที่ๆ ข้าเคยอยู่ ก็คงอย่างที่เจ้าพูดไม่ชอบเลยจริงๆ”


    ถ้า.. ถ้านางเป็นผู้หญิงคิดมากอีกสักหน่อย นางคงหวาดระแวงว่าสามีของนางจะหลงรักเจ้าหญิง แต่ด้วยความที่อยู่กันมานาน รู้ถึงหัวใจของเขา ถึงเข้าใจ บางครั้งความรักของหญิงชาย ไม่ใช่มีแต่รักอย่างรักใคร่ ต้องการครอบครองเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีความรักที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดี รัก..โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน


    ทั้งเขาและนางมีความรักและภักดีให้เจ้าหญิงด้วยชีวิต



     
    “เล่าอีกสิคะ เรื่องเจ้าหญิงสมัยเด็กๆ ข้าชอบที่จะฟังท่านเล่า” ชอบที่จะเห็นใบหน้าของท่านระบายไปด้วยรอยยิ้มยามนึกถึงเจ้าหญิงองค์สำคัญ


    อ้อมกอดแข็งๆ กระชับเข้าหา นางแนบพุ่มผมกับบ่าของเขา สูดเอาไออุ่นแสนหวาน


    “เอาตอนที่เราจะพบกันดีกว่า” ชายหนุ่มกระซิบกับขมับของภรรยา “ตอนนั้นเจ้าหญิงให้โอกาสข้าตามหาครอบครัวที่หายสาบสูญ..”


    มันเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร.. ไม่รู้ว่าแต่ละคนจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร พ่อ แม่ พี่ชายจะพลัดไปถิ่นใด หรือตายจากจนไม่อาจพบเจอ


    “เจ้าก็รู้ ข้าตามหาไปทั่ว กลับไปลาชิเดน คนเก่าแก่ที่พอรู้จักแทบไม่เหลือ ข้าขี่ม้าตะรอนไปตามเมืองต่างๆ รอบลาชิเดนอยู่หลายเดือน ไม่อาจจะทราบข่าวคราวของใครได้สักคน แต่แล้ว..ข้าก็เจอเจ้า”


    สายตาคู่คมก้มลงมา ราวกับศาสตราที่เสียดแทงเข้าไปในหัวใจของนาง


    “ข้าไปทำการค้ากับพ่อ” นางเอ่ยต่ออย่างจำความได้ “ครั้งแรกที่เจอท่าน ข้าเหมือนเห็นคนคนหนึ่งรอนเร่อยู่กลางทะเลทรายและไร้ซึ่งความหวัง ใบหน้าของท่าน คิ้วที่ขมวดเข้าหา รอยฝีปากที่ไม่เคยแย้มยิ้ม ยามมองเห็นท่าน ข้าเห็นเพียงแต่ความเศร้าสร้อยที่ปกคุลม มันเหมือนท่านไม่เคยเห็นแสงตะวันทั้งที่อยู่กลางแดดจ้า”


    “เวลานั้นข้าท้อแท้นัก ข้ามีโอกาสตามหาครอบครัว แต่มิอาจสมควร”



     
    ทาร์เธเมสตรงไปที่ร้านขายผลไม้ซึ่งเป็นเกวียนให้รู้ว่าขนมาจากต่างแดน เขาไม่หิวเลยสักนิด ความผิดหวังที่ถาโถมทำให้เขาไม่ต้องการกินอะไร แต่คนเป็นทหารรู้ดีว่าควรจะดูแลตัวเองอย่างไร เขาหวังเพียงผลไม้รองท้องเพื่อเดินทางตามหาต่อไป


    ผลไม้แรกที่ชิม..ทำให้นึกถึงบ้าน


    ชุดที่นางสวมใส่ เหมือนหญิงชาวเคลาคัส


    ‘เจ้าเป็นคนเคลาคัสหรือ’ นั่นเป็นคำพูดแรกที่เขาพูดกับนาง หญิงสาวคนนั้นจ้องกลับอย่างไม่มีเขินอายหรือหวั่นเกรง


    ‘ใช่ค่ะ’ รอยยิ้มเล็กๆ ของนางเหมือนจุดเทียนกลางความมืด ‘ข้ากับพ่อเอาผลไม้จากเคลาคัสมาขายที่นี่ รสชาติไม่เหมือนผลไม้พื้นเมืองใช่ไหมคะ’


    ‘ไม่รู้สิ’ ชายหนุ่มกัดอีกคำหนึ่ง พร้อมกับยื่นเหรียญเงินให้ ‘ข้าไม่ใช่คนที่นี่เสียด้วย ไม่เคยทานผลไม้พื้นเมือง’


    ‘จริงเหรอ แล้วท่านเป็นคนที่ไหนกัน’


    ทาร์เธเมสนิ่งคิด ลาชิเดน.. ไม่แล้ว เขาไม่ใช่คนที่นั่นอีกแล้ว เขาตัดขาดกับเมืองนั้นและไม่มีวันหวนคืนไปอีก


    ‘เคลาคัส.. ข้าเป็นคนเคลาคัสเหมือนเจ้า’


    ‘จริงเหรอ’ น้ำเสียงของนางสดใสขึ้นมาทันที ‘เจ้าเป็นคนเคลาคัสเหรอ มาทำอะไรที่นี่ ทำไมเดินทางมาไกลจัง มาอยู่นานหรือยัง’


    ‘ข้า..มาตามหาญาติ’


    ‘แล้วเจอไหม?’


    ‘เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นคนเคลาคัส แต่สีผิวไม่เห็นเหมือนเลย’ ชายหนุ่มเปลี่ยนคำถามที่แทงใจโดยการถามกลับ ด้วยภูมิประเทศที่อยู่บนหุบเขาสูง ทำให้มีอากาศหนาว ผู้คนส่วนใหญ่จึงมักมีผิวขาวโดยเฉพาะผู้หญิง


    ‘เดิมที ข้ากับพ่อไม่ใช่คนของเคลาคัสหรอก เราอพยพไปอยู่ที่นั่นน่ะ เมืองของข้ามีสงครามบ่อยๆ พ่อเลยพาข้าหนีสงคราม ไปพึ่งใบบุญของกษัตริย์โคไซนอส โชคดีจริงๆ ที่เคลาคัสอุดมสมบูรณ์ พ่อข้าทำงานหนักอยู่ไม่นานก็มีบ้านมีสวนเป็นของตนเอง’


    ผลไม้หมดไปแล้วหนึ่งลูก ชายหนุ่มจ่ายเงินอีกครั้งแล้วหยิบลูกใหม่มากิน ถึงแม้ว่าผลไม้จะไม่สดเพราะเดินทางมาใกล้ บางลูกถ้าไม่ได้ขายภายในสองสามวันนี้คงต้องทิ้ง แต่ผลไม้ต่างเมืองเช่นนี้ ความต้องการก็มีมาก ระหว่างพูดคุยกับเขา ก็มีลูกค้าหลายคนแวะมาอุดหนุน


    ‘เจ้าไม่เคยสับสนหรือ’


    ‘คะ’ นางเพิ่งทอนเงินลูกค้ารายล่าสุดไป จึงตามคำพูดของเขาไม่ทัน


    ‘สับสนว่าเจ้าเป็นคนของที่ไหนกันแน่ เมืองที่เจ้าเกิด หรือเมืองที่เจ้าอยู่อาศัย’


    ‘ไม่หรอกค่ะ’ นางตอบทันที ไม่มีความลังเลในหัวใจเลยสักนิด ‘ข้าว่าเราจะเลือกเป็นคนเมืองใด ขึ้นอยู่กับใจของเราเป็นที่ตั้ง ข้าโตมาใต้ร่มเงาของเคลาคัส อาศัยอยู่บนแผ่นดินของเคลาคัส ข้าย่อมเป็นคนที่นั่น’


    ทำไมนะ คำตอบง่ายๆ แบบนี้ เขาถึงใช้เวลาแสวงหานานมาก มาก..จนเกือบจะเสียของล้ำค่าที่สุดในชีวิตไป







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×